ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี  (อ่าน 15344 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
   
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 29 - 30


คำอ่าน
29. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตะอฺกุลู..อัมวาละกุม..บัยนะกุม..บิลบาฏิลิ อิลลา..อัน..ตะกูนะ ติญาเราะตัน อัน..ตะรอฎิม..มิน..กุม วะลาตักตุลู..อัน..ฟุสะกุม อิน..นัลลอฮะกานะบิกุมเราะหีมา
30. วะมัย..ยัฟอัลซาลิกะ อุดวาเนา..วะซุลมัน..ฟะเสาฟะ นุศลีฮินารอ วะกานะซาลิกะอะลัลลอฮิยะสีรอ


คำแปล R1.
29. O you who believe! Eat not up your property among yourselves unjustly except it be a trade amongst you, by mutual consent. And do not kill yourselves (nor kill one another). Surely, Allah is Most Merciful to you.
30. And whoever commits that through aggression and injustice, we shall cast him into the Fire, and that is easy for Allah.


คำแปล R2.
29. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าอย่าบริโภคทรัพย์สินระหว่างกันโดยมิชอบธรรม (เช่นการโกงกิน ดอกเบี้ย เป็นต้น) นอกจากมันจะเป็นการค้าขายจากความพอใจจากพวกเจ้า (ซึ่งกันและกัน) และพวกเจ้าอย่าได้ฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเมตตาต่อพวกเจ้าอย่างยิ่ง
30. และผู้ใดกระทำเช่นนั้น (ตามข้อห้ามที่ปรากฏตั้งแต่อายะฮฺแรกจนถึงอายะฮฺนี้) เพื่อเบียดเบียน และฉ้อฉล แน่นอนที่สุด เราต้องให้เขาเข้านรก และ (การลงโทษเช่น) นั้น เป็นเรื่องง่ายสำหรับอัลเลาะฮฺ


คำแปล R3.
29. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่ากินทรัพย์สินในระหว่างสูเจ้ากันเองโดยวิธีการที่ไม่ถูกต้อง เว้นแต่โดยการทำการค้าด้วยการยินยอมร่วมกันของสูเจ้า และจงอย่าฆ่าตัวของสูเจ้าเอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตาต่อสูเจ้าเสมอ
30. และผู้ใดทำการละเมิดและอยุติธรรมเช่นนั้น ในไม่ช้าเราจะโยนเจ้าเข้าสู่ไฟ และนั่นเป็นการง่ายมากสำหรับอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
29. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่ากินทรัพย์ของพวกเจ้า ในระหว่างพวกเจ้าโดยมิชอบ นอกจากมันจะเป็นการค้าขายที่เกิดจากความพอใจในหมู่พวกเจ้า และจงอย่าฆ่าตัวของพวกเจ้าเอง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตาต่อพวกเจ้าเสมอ
30. และผู้ใดที่กระทำเช่นนั้นโดยเจตนาละเมิดและข่มเหงแล้ว เราก็จะให้เขาเข้าไฟนรกและนั่นเป็นสิ่งที่ง่ายดายแก่อัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๒๙. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าอย่าโกงกินทรัพย์สินของกันและกันในทางไม่ชอบด้วยศาสนา เช่น กินดอกเบี้ยและแย่งชิงเป็นต้น เว้นไว้แต่ว่าทรัพย์นั้นจะเป็นค้าขายที่คกลงใจกันในระหว่างพวกเจ้า เท่านั้นจึงจะไม่นับว่าเป็นบาปที่พวกเจ้าจะเอามากินและพวกเจ้าอย่าได้สังหารตัวเอง โดยกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดลงไปอันเป็นเหตุให้เจ้าต้องเสียชีวิตในโลกนี้ เช่น โดลงมาจากยอดเขาเป็นต้น ส่วนในโลกหน้าพวกเจ้าต้องไปโดดลงนรกชั่วนิรันดร แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงโปรดปราณียิ่งต่อพวกเจ้าในประการที่ทรงห้ามมิให้พวกเจ้ามิให้สังหารตัวเอง
๓๐. ถ้าแหละผู้ใดกระทำดังที่กล่าวห้ามไว้ตั้งแต่ต้นซูเราะห์จงถึงที่นี้นั้นเป็นการละเมิดสิทธิของผู้อื่นโดยเจตนาก็ดี ของตนเองโดยเจตนาก็ดี อีกไม่ช้าเรา(อัลเลาะห์)จะส่งผู้นั้นลงนรก ให้ถูกเผาผลาญเป็นเถ้าถ่าน และการส่งลงนรกเช่นที่ว่านี้ ย่อมเป็นของง่ายสำหรับอัลเลาะห์ยิ่งนัก




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 31 - 33


คำอ่าน
31. อิน..ตัจญตะนิบูกะบา...อิเราะมาตุนเฮานะอันฮุ นุกัฟฟิรฺอันกุม สัยยิอาติกุม วะนุดคิลกุม..มุดเคาะลัน..กะรีมา
32. วะลาตะตะมัน..เนา มาฟัฎเฎาะลัลลอฮุบิฮี บะอฺเฎาะกุม อะลาบะอฺฎฺ ลิรฺริญาลินะศีบุม..มิม..มักตะสะบู วะลิน..นิสา...อิ นะศีบุม..มิม..มักตะสับนฺ วัสอะลุลลอฮะ มิน..ฟัฎลิฮฺ อิน..นัลลอฮะกานะบิกุลลิชัยอินอะลีมา
33. วะลิกุลลิน..ญะอัลนา มะวาลิยะ มิม..มาตะเราะกัลวาลิดานิวัลอักเราะบูน วัลละซีนะอะเกาะดัต อัยมานุกุม ฟะอาตูฮุม นะศีบะฮุม อิน..นัลลอฮะกานะ อากุลลิชัยอิน..ชะฮีดา

 
คำแปล R1.
31. If you avoid the great sins which you are forbidden to do, we shall remit from you your (small) sins, and admit you to a Noble Entrance (i.e. Paradise).
32. And wish not for the things in which Allah has made some of you to excel others. For men there is reward for what they have earned, (and likewise) for women there is reward for what they have earned, and ask Allah of his bounty. Surely, Allah is ever All-Knower of everything.
33. And to everyone, we have appointed heirs of that (property) left by parents and relatives. To those also with whom you have made a pledge (brotherhood), give them their due portion (by Wasiya - wills, etc.). Truly, Allah is ever a witness over all things.


คำแปล R2.
31. หากพวกเจ้าห่างไกลบาปใหญ่ที่พวกเจ้าถูกห้ามไว้ แน่นอนเราจักนิรโทษแก่พวกเจ้าซึ่งความเลวต่าง ๆ (โทษเล็ก ๆ) ที่พวกเจ้าได้กระทไว้และเราจะให้พวกเจ้าเข้าไปในสถานอันมีเกียรติ (คือสวรรค์)
32. และพวกเจ้าอย่าคิดหวัง (อยากจะได้) สิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ทรงโปรดมันแก่บางคนให้เหนือกว่าบางคนในหมู่พวกเจ้า สำหรับบรรดาผู้ชายนั้นย่อมมีส่วนรับของตนเองจากที่พวกเขาได้อุตสาหะไว้ และสำหรับผู้หญิงก็มีส่วนรับ (ของตนเอง) จากที่พวกนางได้อุตสาหะไว้ และพวกเจ้าจงวอนขออัลเลาะฮฺจากความโปรดปรานของพระองค์เถิด แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ในทุก ๆ สิ่ง
33. และแต่ละคน (จะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม) เราได้กำหนดให้มีผู้ทรงสิทธิ์ (ในฐานะทายาทเพื่อรับบางส่วน) จาก (ทรัพย์สิน) ที่ได้ทิ้งไว้ให้โดยผู้ให้กำเนิดทั้งสอง และญาตสนิท และบรรดา (พันธมิตรร่วมสงคราม) ผู้ซึ่งสัตยาบรรณของพวกเจ้าได้มีต่อกัน (มาเป็นเวลาอันช้านานก่อนยุคอิสลาม) พวกเจ้าก็จงมอบส่วนได้ (อันเหมาะสมคือเศษหนึ่งส่วนหก) แก่พวกเขาเถิด (แต่กำหนดเช่นนี้ถูกยกเลิก โดยอัลกุรอานโองการที่ 75 จากซูเราะฮฺ อัลอัมฟาล) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นสักขีพยานแก่ทุก ๆ สิ่ง


คำแปล R3.
31. ถ้าหากสูเจ้าหลีกห่างจากความชั่วร้ายต่าง ๆ ที่ถูกห้ามแก่สูเจ้า เราจะลบล้างความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของสูเจ้าและเราจะรับสูเจ้าเข้าไปในสถานที่อันมีเกียรติ
32. และจงอย่าอิจฉาในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงโปรดปรานให้แก่ใครบางคนมากกว่าสูเจ้าอีกบางคน สำหรับชายก็จะได้รับส่วนที่พวกเขาควรจะได้ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ และสำหรับหญิงก็จะได้ส่วนที่พวกนางควรจะได้ตามที่พวกนางได้ขวนขวายไว้ และจงวอนขอความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งเสมอ
33. และสำหรับทุกคน เราได้ตั้งทายาทของมรดกที่พ่อแม่และญาติสนิทได้ทิ้งไว้ สำหรับบรรดาผู้ที่สูเจ้าได้ทำสัญญาไว้นั้น จงให้ส่วนแบ่งของพวกเขาแก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงเฝ้ามองทุกสิ่งทุกอย่าง


คำแปล R4.
31. หากพวกเจ้าปลีกตัวออกจากบรรดาบาปใหญ่ ๆ ของสิ่งที่พวกเจ้าถูกห้ามให้ละเว้นมันแล้ว เราก็จะลบล้างบรรดาความผิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ของพวกเจ้า ออกจากพวกเจ้า และเราจะให้พวกเจ้าเข้าอยู่ในสถานที่อันมีเกียรติ
32. แลจงอย่าปรารถนาในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงให้แก่บางคนในหมู่พวกเจ้าเหนือกว่า อีกบางคน สำหรับผู้ชายนั้นมีส่วนได้รับจากสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ และสำหรับหญิงนั้นก็มีส่วนได้รับจากสิ่งที่พวกนางได้ขวนขวายไว้ และพวกเจ้าจงขอต่ออัลลอฮฺเถิด จากความกรุณาของพระองค์แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง
33. และสำหรับแต่ละคนนั้น เราได้ให้มีผู้รับมรดก จากสิ่งที่ผู้บังเกิดเกล้าทั้งสอง และญาติที่ใกล้ชิดได้ทิ้งไว้ และบรรดาผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าได้ตกลงไว้นั้น ก็จงให้แก่พวกเขาซึ่งส่วนได้ของพวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นพยานในทุกสิ่งทุกอย่าง


คำแปล R5.
๓๑. หากว่าพวกเจ้าออกห่างจากที่กระทำบาปใหญ่(คือบาปมีสัญญาลงโทษ) ที่พวกเจ้าถูกอัล-กุรอาน และ อัล-หะดีธ ได้สัญญาห้ามไว้ เช่น การฆาตกรรม การลักลอบล่วงกามและลักขโมย เป็นต้น เราก็จะกำจัดโทษเล็กน้อยเสียจากพวกเจ้า ด้วยการกระทำดีของพวกเจ้านั่นเอง ส่วนบาปใหญ่นั้นจะถูกลบล้างได้ด้วยการเตาบะห์อันถูกต้องเท่านั้น ทั้งเราจะให้เจ้าได้เข้าสู่สวรรค์สถานอันประเสริฐยิ่งอีกด้วย
๓๒. แล้วพวกเจ้าก็อย่านึกหวังได้สิ่งใดที่อัลเลาะห์ได้ทรงอำนวยให้แก่คนหนึ่งเหนือกว่ากันทั้งในภาคโลก เช่น ทรัพย์สิน และภาคธรรมเช่นความรู้ต่าง ๆ ทางศาสนา เพื่อมิให้ความมุ่งหวังดังนี้เป็นเหตุหนึ่งทำให้พวกเจ้ามีใจริษยากัน โกรธเคืองกัน นอกจากว่าจะเป็นเรื่องการแข่งขันกระทำการดีเท่านั้นที่จัดว่าชอบด้วยหลักศาสนาซึ่งพวกเจ้าจะนึกหวังอยากได้

มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ขณะที่อุมมุสะละมะห์ได้กล่าวว่า หากพวกเราเป็นชาย พวกเราก็จะออกทำสงครามแล้วบุญกุศลที่จะได้รับก็จะเท่า ๆ กับชาย จึงมีโองการจากอัลเลาะห์มาว่า
สำหรับชายย่อมได้รับส่วนบุญกุศลเพราะกระทำสงครามและอื่น ๆ ตามที่ได้อุตส่าห์กระทำไว้ และสำหรับหญิงก็ย่อมได้รับส่วนบุญกุศลเพราะการประพฤติตนตามคำสั่งใช้และสั่งห้ามของฝ่าสามี และสงวนเพศของตนไว้มิให้ล่วงประเวณีกับชายชู้ตามที่ตนได้อุตส่าห์กระทำไว้ อีกทั้งพวกเจ้าจงวอนขอต่ออัลเลาะห์ให้ได้สิ่งที่พวกเจ้าต้องการจากความกรุณาของพระองค์แล้วพระองค์ก็จะทรงอำนวยสิ่งที่ต้องการนั้แก่พวกเจ้า เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งถึงทุกสิ่งทุกอย่าง ซึ่งสิ่งที่พระองค์อำนวยให้ก็ดีและคำวิงวอนของพวกเจ้าก็ดีจัดว่าเป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งทั้งหลายที่พระองค์ทรงรอบรู้
๓๓. และสำหรับทุก ๆ คนไม่ว่าจะเป็นชายหรือเป็นหญิงที่ล่วงลับลงแล้ว เรา(อัลเลาะห์)ก็ได้ให้มีผู้ถือกรรมสิทธิ์ในมรดกที่มิได้ระบุส่วน(อะซ่อบะห์) จากทรัพย์ที่แต่ละคน คือ บิดา มารดาและญาติใกล้ชิดทิ้งไว้ให้ โดยให้ชายหนึ่งได้รับส่วนเป็นสองเท่าของหญิงหนึ่ง ถ้ายังมีทรัพย์เหลืออยู่อีกหลังจากผู้รับมรดกส่วนระบุได้รับไปแล้ว เช่น ผู้หนึ่งตาย ทิ้งภรรยา ลูกชายคนหนึ่งและลูกสาวคนหนึ่งไว้ ให้ภรรยาได้รับหนึ่งในแปดของทรัพย์มรดกก่อน ที่เหลืออยู่อีกเจ็ดในแปดแบ่งให้ลูกชายและลูกสาวในอัตราส่วนสองต่อหนึ่งตามลำดับแต่หลังจากผู้รับมรดกส่วนระบุรับไปแล้วไม่มีทรัพย์เหลืออยู่เลย พวกเหล่านี้ย่อมไม่มีส่วนได้ เช่น ผู้หนึ่งตายทิ้งลูกสาว ๒ คน พี่น้องร่วมมารดา ๒ คน และพี่น้องที่ร่วมบิดามารดากัน เป็นชายหนึ่งและหญิงหนึ่งไว้ ให้ลูกสาวทั้งสองร่วมกันได้รับสองในสามของทรัพย์ ส่วนพี่น้องร่วมมารดาทั้งสองคนได้รับร่วมกันหนึ่งในสามของทรัพย์ ในกรณีนี้จะไม่มีทรัพย์ส่วนเหลืออยู่เลย จึงเป็นอันถือว่าพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งสองไม่ได้รับ ส่วนบรรดาที่ได้ให้สัตยาบรรณกันไว้ก่อนอิสลามยุคมูฮำมัดว่าจะต้องช่วยเหลือกันในเรื่องทำสงครามก็ดีหรือในเรื่องการรับมรดกซึ่งกันและกันก็ดี โอ้ผู้ทรงอำนาจทั้งหลาย พอมาถึงยุคต้นแห่งอิสลามสมัยมูฮำมัดแล้วก็ให้พวกเจ้าตัดสินปันส่วนได้แก่พวกนั้นเพียงหนึ่งในหกเสียด้วย โองการส่วนท้ายนี้ถูกยกเลิกแล้วโดยโองการที่ ๗๕ แห่งซูเราะห์ อัล-อัมฟาล เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงประจักษ์แจ้งในทุกสิ่งทุกอย่าง เป็นต้นว่าทรงประจักษ์แจ้งในอากัปกริริยาของพวกเจ้า



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 34 - 35


คำอ่าน
34. อัรฺริญาลุก็อววามูนะ อะลันนิสา...อิ บิมาฟัฏเฏาะลัลลอฮุบะอฺเฎาะฮุม อะลาบะอฺฎฺ วะบิมา..อัน..ฟะกูมินอัมวาลิฮิม ฟัศศอลิหาตุ กอนิตาตุน หาฟิซอตุล ลิลฆ็อยบิ บิมาหะฟิซ็อลลอฮฺ วัลลาตีตะคอฟูนะ นุชูซะฮุน..นะ ฟะอิซูฮุน..นะ วะฮฺญุรูฮุน..นะ ฟิลมะฎอญิอิ วัฎริบูฮุนนฺ ฟะอินอะเฏาะอฺนะกุม ฟะลาตับอูอะลัยฮิน..นะสะบีลา อิน..นัลลอฮะกานะอะลียัน..กะบีรอ
35. วะอินคิฟตุมชิกอเกาะ บัยนิฮิมา ฟับอะษูหะกะมัม..มินอะฮฺลิฮี วะหะกะมัม..มินอะฮลิฮา อี..ยุรีดา..อิศลาหัย..ยุวัฟฟิกิลลาฮุ บัยนะฮุมา อิน..นัลลอฮะกานะอะลีมันเคาะบีรอ


คำแปล R1.
34. Men are the protectors and maintainers of women, because Allah has made one of them to excel the other, and because they spend (to support them) from their means. Therefore the righteous women are devoutly obedient (to Allah and to their husbands), and guard in the husband's absence what Allah orders them to guard (e.g. their chastity, their husband's property, etc.). as to those women on whose part you see ill-conduct, admonish them (first), (next), refuse to share their beds, (and last) beat them (lightly, if it is useful), but if they return to obedience, seek not against them means (of annoyance). Surely, Allah is ever Most High, Most Great.
35. If you fear a breach between them twain (the man and his wife), appoint (two) arbitrators, one from his family and the other from her's; if they both wish for peace, Allah will Cause their reconciliation. Indeed Allah is ever All-Knower, Well-Acquainted with all things.


คำแปล R2.
34. เหล่าบุรุษย่อมเป็นผู้ยืนอยู่บน (ความรับผิดชอบ, ปกครอง, เลี้ยงดู) บรรดาสตรี เพราะสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ทรงประทานให้บางส่วน (คือบุรุษ) เลิศเลอเหนือกว่าอีกบางส่วน (คือสตรี) และเพราะสิ่งที่พวกเขาได้ใช้จ่ายไปจากทรัพย์สินของพวกเขา (เช่นค่าสมรส ค่าเลี้ยงดู) ดังนั้น บรรดาสตรีที่ดีก็คือสตรีที่มีคารวธรรม อีกทั้งรักษาตัวเพื่อสามีที่ไม่ได้ปรากฏตัวอยู่กับนาง ตาม(คำสั่ง)ที่อัลเลาะฮฺได้ทรงพิทักษ์รักษาไว้ และบรรดาสตรี (ผู้เป็นภริยา) ซึ่งเจ้าทั้งหลายระแวงว่าพวกนางอกตัญญู) พวกเจ้าก็จงอบรมพวกนาง และจงย้ายพวกนางในที่หลับนอน (อย่านอนร่วมกับนาง) และจงเฆี่ยนตีพวกนาง(พอเข็ดหลาบ) ซึ่งหากพวกนางยอมเชื่อฟัง พวกเจ้าก็ไม่ต้องแสวงหาหนทางใด (ที่จะทำร้าย)พวกนางอีก แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงยิ่งใหญ่นัก
35. และหากพวกนางเกรงจะเกิดการแตกแยกระหว่างคนทั้งสอง (ผัวเมีย) พวกเจ้าก็จงแต่งตั้งผู้ชี้ขาด (คนกลาง) ขึ้นหนึ่งคนจากญาติของเขา (สามี) และอีกหนึ่งคนจากญาติของนาง (ภริยา) หากคนทั้งสองหวังปรองดอง อัลเลาะฮฺจักทรงให้เกิดสัมฤทธิผลระหว่างคนทั้งสอง แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ อีกทั้งทรงตระหนักยิ่ง


คำแปล R3.
34. ผู้ชายเป็นผู้ดูแลกิจการของผู้หญิง โดยการที่อัลลอฮิได้ทรงโปรดปรานทำให้บางคนในพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคน และโดยการที่พวกเขาใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเลี้ยงดูนาง ดังนั้น หญิงที่ดีทั้งหลายคือหญิงที่เชื่อฟัง หญิงที่รักษาสิทธิของตนอย่างระมัดระวังในยามที่พวกเขาไม่อยู่ภายใต้การดูแลและเอาใจใส่ของอัลลอฮฺ สำหรับผู้หญิงที่สูเจ้าเกรงการดื้อดึงของนาง จงตักเตือนนางและจงปล่อยนางไว้ให้ห่างจากที่นอนของสูเจ้า และจงเฆี่ยนตีนาง แล้วถ้าหากนางเชื่อฟังสูเจ้าแล้ว ก็จงอย่าหาเหตุอื่นมาลงโทษนาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงเกรียงไกรเสมอ
35. และถ้าสูเจ้าเกรงว่าทั้งสองจะแตกแยกกัน ดังนั้นก็จงแต่งตั้งตุลาการคนหนึ่งจากญาติของสามีและคนหนึ่งจากญาติของภรรยา ถ้าหากทั้งสองฝ่ายปรารถนาที่จะปรองดอง อัลลอฮฺจะทรงสร้างหนทางประสานระหว่างเขาทั้งสองให้ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และเป็นผู้ทรงตระหนักเสมอ


คำแปล R4.
34. บรรดาชายนั้น คือผู้ที่ทำหน้าที่ปกครองเลี้ยงดูบรรดาหญิง เนื่องด้วยการที่อัลลอฮฺ ได้ทรงให้บางคนของพวกเขาเหนือกว่าอีกบางคนและด้วยการที่พวกเขาได้จ่าย ไปจากทรัพย์ของพวกเขาบรรดากุลสตรีนั้นคือผู้จงรักภักดี ผู้รักษาในทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ลับหลบังสามี เนื่องด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺทรงรักษาไว้ และบรรดาหญิงที่พวกเจ้าหวั่นเกรงในความดื้อดึงของนางนั้น ก็จงกล่าวตักเตือนนางและทอดทิ้งนางไว้แต่ลำพังในที่นอน และจงเฆี่ยนนางแต่ถ้านางเชื่อฟังพวกเจ้าแล้ว ก็จงอย่าหาทางเอาเรื่องแก่นาง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงเกรียงไกร
35. และหากพวกเจ้าหวั่นเกรงการแตกแยกระหว่างเขาทั้งสอง ก็จงส่งผู้ตัดสินคนหนึ่งจากครอบครัวของฝ่ายชาย และผู้ตัดสินอีกคนหนึ่งจากครอบครัวฝ่ายหญิง หากทั้งสองปรารถนาให้มีการประนีประนอมกันแล้ว อัลลอฮฺก็จะทรงให้ความสำเร็จในระหว่างทั้งสอง แม้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงสัพพัญญู


คำแปล R5.
๓๔. ชายผู้เป็นสามีทั้งหลายนั้นย่อมมีอำนาจทางปกครองเข้มแข็งเหนือพวกผู้หญิงผู้เป็นภรรยาของเขาในอันที่จะอบรมจรรยาให้พวกเธอและมีสิทธิ์ที่จะจับมือถือแขนของพวกเธอเพื่อยึดยื้อไว้เมื่อพวกเธอคิดในสิ่งที่มิชอบด้วยหลักศาสนาหรือขนบธรรมเนียมประเพณีก็ได้ เช่น พวกนางคิดจะออกนอกบ้านโดยมิได้รับอนุญาตจากสามีหรือโดยไม่มีเหตุจำเป็น เพราะอัลเลาะห์ได้ทรงให้พวกเขาที่เป็นสามีบางคนเลอเลิศกว่าพวกผู้หญิงผู้เป็นภรรยามากมายหลายประการ เป็นต้นว่าในทางสติปัญญา ทางการศาสนา ทางการปกครอง ทางการเป็นองค์พยาน การทำสงคราม การละหมาดวันศุกร์และละหมาดหมู่ห้าเวลา การเป็นผู้นำ(อิมาม)ละหมาด การมีภรรยาได้ถึงสี่คน การมรดก การสมรส การหย่าและการคืนดีหลังจากที่ได้หย่านางแล้ว การใช้นามสกุล ตลอดจนการจ่ายเบี้ยเลี้ยง และในฐานะที่พวกสามีเหล่านั้นได้จับจ่ายทรัพย์สินของพวกตนไปแก่พวกภรรยา บรรดาหญิงผู้ดำรงธรรมนั้น คือหญิงที่จงรักภักดีต่อสามีตน ที่สงวนศรีแห่งตน ทั้งเพศและเรือนร่างให้พ้นจากชายอื่นในที่ลับ ตลอดจนเครื่องอุปโภคในบ้านของผู้เป็นสามี เพราะว่าอัลเลาะห์ก็ได้ทรงบัญชาให้สามีให้คุ้มครองพวกนางอยู่แล้วในด้านให้ความเป็นธรรมในพวกภรรยาและให้ครองนางไว้โดยดี และถึงจะหย่าก็ให้หย่าโดยดี และบรรดาหญิงผู้เป็นภรรยาซึ่งพวกเจ้าแคลงใจว่าเธอมีพยศซึ่งพอจะมองออกได้จากอากัปกิริยาบางอย่างที่พวกเธอแสดงออกก็ให้พวกเจ้าตักเตือนนางเหล่านั้นให้ยำเกรงอัลเลาะห์ โดยชี้แจงให้พวกนางทราบด้วยถ้อยคำว่า “ฉันมีสิทธิ์ในตัวเธออยู่นะ เธอจงเกรงกลัวอัลเลาะห์เกี่ยวกับสิทธิ์นี้เถิด ทั้งนี้เธอจะต้องเกรงกลัวการลงโทษจากพระองค์อีกด้วย” จงปลีกตัวไปนอนต่างหากจากพวกเธอหากพวกเจ้ารู้แน่ว่าเธอทรยศ และจงเฆี่ยนเธอเหล่านั้นแต่อย่าให้รุนแรงขนาดกระดูกแตกหักและไม่ถึงกับผิวกายแตกเป็นริ้วรอยเสียโฉม ในกรณีที่ให้เฆี่ยนนี้หากว่าพวกเธอไม่เข็ดหลาบเมื่อพวกเจ้าทำโทษพวกเธอด้วยการปลีกไปนอนต่างหากแล้ว แต่ถ้าหากนางเหล่านั้นยอมเชื่อฟังพวกเจ้าสมตามความมุ่งหมายของพวกเจ้าแล้ว ก็อย่าได้ถือโอกาสทำร้ายพวกเธออย่างไร้ความเป็นธรรมเลย เช่น พูดตำหนิพวกเธอในเรื่องที่แล้วไปแล้ว เป็นการหาเรื่องพาลพาโลเฆี่ยนตีพวกเธออีก ให้พวกเจ้าถือเสมือนว่าเรื่องอะไรที่แล้ว ๆ มานั้นไม่เคยมีขึ้น แท้จริงอัลเลาะห์คือองค์ทรงรู้ยิ่ง ทรงเกียรติยศใหญ่ยิ่ง พวกเจ้าจงยำเกรงพระองค์ในอันที่จะทรงลงโทษพวกเจ้า หากว่าพวกเจ้าข่มเหงเธอเหล่านั้น
๓๕. โอ้ผู้ทรงอำนาจทั้งหลาย ถ้าแหละพวกเจ้ารู้ว่าเกิดมีความไม่ลงรอยกันระหว่างทั้งสอง(สามีภรรยา)นั้นแล้วไซร้ก็จงตั้งให้ชายที่เที่ยงธรรมรู้วิชาการศาสนาและรู้รายละเอียดของเรื่องเป็นตัวแทนขึ้นคนหนึ่งจากฝ่ายชายและอีกคนหนึ่งจากฝ่ายหญิง ครั้นแล้วฝ่ายสามีจะมอบเรื่องให้ตัวแทนของตนจัดการหย่าบ้างและรับค่าซื้อหย่าบ้าง ส่วนผู้เป็นภรรยาก็จะมอบเรื่องให้ผู้แทนของตนจัดการเรื่องค่าซื้อหย่าแล้วตัวแทนจากทั้งสองฝ่ายก็รับเรื่องราวมาพิจารณากัน เมื่อพิจารณาเห็นถ่องแท้เป็นไปอย่างไรแล้วก็จะได้บังคับให้สามีภรรยาคนใดที่ขาดความเที่ยงธรรมกลับเป็นผู้ดำรงธรรม ถ้าสองตัวแทนเห็นสมควรว่าการให้แยกจากกันนั้นเป็นผลดีแล้วก็จะตัดสินใจให้คนคู่นี้ขาดจากความเป็นสามีภรรยากัน อัลเลาะห์ตรัสว่า หากตัวแทนทั้งสองผู้มีความปรารถนาดีที่จะระงับความพิพาทระหว่างสามีภรรยาปรารถนาจะไกล่เกลี่ยกันแล้ว อัลเลาะห์จะทรงกำหนดให้สามีภรรยาทั้งสองปรองดองกันก็ได้หรือขาดจากกันก็ได้ โดยเป็นไปตามห้ามตามใช้ของพระองค์ เพราะแท้จริงอัลเลาะห์คือองค์ผู้ทรงรู้ยิ่งในทุกสิ่งทุกอย่าง ทรงรู้แจ้งถึงภายในเท่า ๆ กับที่ทรงรู้ภายนอก




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 36


คำอ่าน
36. วะอฺบุดุลลอฮะ วะลาตุชริกูบิฮีชัยอา วะบิลวาลิดัยนิอิหฺสาเนา..วะบิซิลกุรฺบา วัลยะตามา วัลมะสากีนิ วัลญาริซิลกุรฺบา วัลญาริลญุนุบิ วัศศอหิบิ บิลญัม..บิ วับนิสสะบีลิ วะมามะละกัตอัยมานุกุม อิน..นัลลอฮะลายุหิบบุ มัน..กานะมุคตาลัน..ฟะคูรอ

คำแปล R1.
36. Worship Allah and join none with Him in worship, and do good to parents, kinsfolk, orphans, Al-Masakin (the poor), the neighbour who is near of kin, the neighbour who is a stranger, the companion by your side, the wayfarer (you meet), and those (slaves) whom your right hands possess. Verily, Allah does not like such as are proud and boastful;

คำแปล R2.
36. และเจ้าทั้งหลายจงนมัสการต่ออัลเลาะฮฺและจงอย่าตั้งสิ่งใดขึ้นเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีกับผู้ให้กำเนิดทั้งสอง, แก่ญาติสนิท, แก่ลูกกำพร้า, แก่บรรดาผู้อนาถา, แก่เพื่อนบ้านทั้งใกล้และไกล, แก่เพื่อนสนิท, แก่ผู้เดินทาง, และแก่ทาสที่พวกเจ้าครอบครอง แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงรักผู้ที่หยิ่งผยองอีกทั้งยกตัวเอง

คำแปล R3.
36.และจงเคารพภักดีอัลลอฮฺ และจงอย่าตั้งภาคีใด ๆ ต่อพระองค์ และจงปฏิบัติดีต่อพ่อแม่ของสูเจ้า และต่อญาติสนิทและเด็กกำพร้า ผู้ขัดสน เพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและเพื่อนบ้านที่ห่างไกล และเพื่อนข้างเคียง ผู้เดินทางและทาสที่อยู่ในครอบครองของสูเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺมิทรงรักผู้โอหัง ผู้คุยโว

คำแปล R4.
36. และจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด และอย่าให้มีสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และจงทำดีต่อผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและต่อผู้เป็นญาติที่ใกล้ชิด และเด็กกำพร้าและผู้ขัดสน และเพื่อนบ้านใกล้เคียงและเพื่อนที่ห่างไกล และเพื่อนเคียงข้าง และผู้เดินทาง และผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง แท้จริงอัลลอฮฺ ไม่ทรงชอบผู้ยะโส ผู้โอ้อวด

คำแปล R5.
๓๖. และโอ้มวลชนมุอ์มินพวกเจ้าจงถือเอกภาพในอัลเลาะห์ แต่อย่าถือสิ่งใด เช่น เทวรูปและรูปเคารพต่าง ๆ หรือดวงจันทร์ หรืออีซา หรืออื่น ๆ มาเป็นภาคีเทียมพระองค์ในด้านเคารพบูชา ทั้งนี้ไม่ว่าจะในที่ลับและที่แจ้ง และจงดีต่อบิดามารดาด้วยการรับใช้ท่านทั้งสอง อย่าขึ้นเสียงเอ็ดตะไรเถียงท่านทั้งสอง ทั้งจงพยายามให้ท่านทั้งสองสำเร็จสมประสงค์ จงยอมสละเพื่อท่านทั้งสองตามกำลังความสามารถ และให้นบนอบยอบกายและอะไรทำนองนั้นต่อท่านทั้งสองด้วย จงทำดีต่อวงศ์ญาติ ต่อบรรดากำพร้า ต่อบรรดาที่ยากไร้ ต่อเพื่อนบ้านใกล้เคียงโดยสถานะ โดยวงศ์สกุลและโดยศาสนา หรือโดยสถานะเท่านั้น และเพื่อนบ้านที่ห่างไกลโดยสถานะหรือวงศ์สกุล ต่อเพื่อนสนิทในหนทางอันดีต่าง ๆ เช่นในการทางศึกษา ในการจับจ่ายร่วมกัน ในการอาชีพและในการร่วมทางต่อเพื่อนร่วมสถาบันและร่วมมัสยิด ต่อภรรยาและผู้อื่นจากนี้ ต่อคนเดินทางและต่อข้าทาสทั้งชายและหญิง ตลอดจนสัตว์ทั้งหลายที่พวกเจ้าครอบครองอยู่ โอ้บรรดาชนมุอ์มิน พวกเจ้าอย่าพูดจาโอ้อวดคุณความดีของพวกเจ้าหรือของบรรพบุรุษของพวกเจ้าเพื่อข่มมวลมนุษยเลย เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นจะไม่โปรดปราณีต่อบุคคลผู้ยโสอหังการต่อวงศ์ญาติ เพื่อนบ้าน เพื่อนสนิทและผู้อยู่ใต้ปกครองของตนโดยไม่เหลียวแล และบุคคลที่พูดจาโอ้อวดข่มมวลมนุษย์ด้วยคุณความดีต่าง ๆ เช่น ความรู้ ทรัพย์สิน ตลอดจนเกียรติประวัติ ซึ่งทั้งสิ้นนี้ไม่ว่าจะเป็นของตนเองหรือของบรรพบุรุษของพวกตน

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 37 - 38


คำอ่าน
37. อัลละซีนะยับเคาะลูนะ วะยะอ์มุรูนัน..นาสะ บิลบุคลิ วะยักตุมูนะ มา..อาตาฮุมุลลอฮุ มิน..ฟัฎลิฮฺ วะอะอฺตัดนาลิลกาฟิรีนะ อะซาบัม..มุฮีนา
38. วัลละซีนะ ยุน..ฟิกูนะอัมวาละฮุม ริอา..อัน..นาสิ วะลายุอ์มินูนะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิรฺ วะมัย..ยะกุนิชชัยฏอนุละฮูเกาะรีนัน..ฟะสา...อะเกาะรีนา


คำแปล R1.
37. Those who are miserly and enjoin miserliness on other men and hide what Allah has bestowed upon them of his bounties. And we have prepared for the disbelievers a disgraceful torment.
38. And (also) those who spend of their substance to be seen of men, and believe not in Allah and the Last Day [they are the friends of Shaitan (Satan)], and whoever takes Shaitan (Satan) as an intimate; Then what a dreadful intimate he has!


คำแปล R2.
37. บรรดาผู้ตระหนี่ (ในการบริจาคทรัพย์สิน) และชักชวนผู้อื่นให้ตระหนี่ด้วย และพวกเขาปิดบังสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ประทานแก่พวกเขา (ให้รู้อย่างแจ้งชัด ในคัมภีร์ของพวกเขา) จากความโปรดปรานของพระองค์ และเราได้เตรียมไว้ให้พวกเนรคุณซึ่งการลงโทษอันต่ำช้ายิ่ง
38. และบรรดาผู้บริจาคทรัพย์เพื่ออวดคนอื่น และพวกเขามิได้ศรัทธาในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้าย และผู้ใดก็ตามที่มารร้ายได้เป็นเพื่อนของเขา มันย่อมเป็นเพื่อนอันเลวที่สุด


คำแปล R3.
37. บรรดาผู้ตระหนี่และเสี้ยมสอนคนอื่นให้ตระหนี่และซ่อนเร้นความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่พระองค์ทรงประทานให้แก่พวกเขา และเราได้เตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้แล้วสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ
38. และบรรดาผู้ใช้จ่ายทรัพย์สินของพวกเขาเพื่ออวดมนุษย์และพวกเขาไม่ศรัทธาในอัลลอฮฺและไม่ศรัทธาในวันสุดท้าย และผู้ใดมีมารเป็นสหาย เขาผู้นั้นมีสหายที่เลวทราม


คำแปล R4.
37. บรรดาผู้ที่ตระหนี่ และใช้ผู้คนให้ตระหนี่และปกปิดสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานให้แก่พวกเขา จากความกรุณาของพระองค์นั้น (แน่นอนพวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาล) และเราได้เตรียมไว้แล้ว ซึ่งการลงโทษที่ยังความอัปยศ แก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
38. และบรรดาผู้ที่บริจาคทรัพย์ของพวกเขา เพื่อโอ้อวดผู้คน และทั้งพวกเขาก็ไม่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และไม่ศรัทธาต่อวันปรโลกนั้น(แน่นอนพวกเขาจะอยู่ในนรกตลอดกาล) และผู้ใดที่มีชัยฏอนเป็นเพื่อนของเขาแล้ว มันก็เป็นเพื่อนที่เลว


คำแปล R5.
๓๗. ยะฮูดีเหล่านั้นเป็นพวกตระหนี่เหนียวแน่นในเรื่องทรัพย์สิน อันพวกเขาจะต้องเสียสละที่ใช้ประชาชนให้ตระหนี่ในทรัพย์ที่จำต้องเสียสละเหมือนอย่างพวกตนด้วย ทั้งยังได้ปกปิดวิชาความรู้และซุกว่อนทรัพย์สินและปกปิดคุณลักษณะของมูฮำมัดอันเป็นพระคุณที่อัลเลาะห์ได้ทรงมอบให้พวกนั้น ยะฮูดีเหล่านี้จะถูกหมายหัวไว้ว่าต้องได้รับโทษตามสัญญาตามนัยแห่งโองการส่วนต่อไปว่าและเรา(อัลเลาะห์ก็ได้เตรียมการทรมานอันต่ำช้าไว้แล้วสำหรับผู้ไม่ศรัทธาทั้งหลายต่อสิ่งที่กล่าวมาแล้วข้างต้นและสิ่งอื่น ๆ ให้เป็นผลตอบแทนฐานที่พวกนั้นตระหนี่เหนียวแน่นและปกปิดวิชาความรู้ ทรัพย์สินและคุณลักษณะของพระนบีมูฮำหมัด
๓๘. และเป็นพวกหนึ่งซึ่งไม่ต่างกับพวกตีสองหน้าและชาวมักกะห์ที่สละทรัพย์สินของตนไปหมายจะได้โอ้อวดมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งยังไม่ศรัทธาต่อัลเลาะห์และวันอวสานอีกด้วย

   เมื่ออัลเลาะห์ได้ทรงสาธยายถึงลักษณะนิสัยของพวกยะฮูดีว่า เป็นพวกที่ตระหนี่เหนียวแน่นก็ดี ที่ใช้ผู้อื่นให้ตระหนี่ก็ดี ที่ปกปิดวิชาความรู้และทรัพย์ ตลอดจนลักษณะของพระนบีมูฮำมัดก็ดี ที่สละทรัพย์สินหมายจะโอ้อวดมนุษย์ตลอดจนไม่ศรัทธาต่อพระองค์และวันอวสานก็ดี เสร็จแล้วพระองค์ก็ได้ทรงสาธยายถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดลักษณะนิสัยประการต่าง ๆ นี้ว่าถ้าแหละผู้ใดมีไซตอนเป็นคู่หูชักจูงผู้นั้นให้ประพฤติปฏิบัติตามคำสั่งของมัน เช่นพวกยะฮูดี พวกตีสองหน้า(มุนาฟิก) กับชาวนครมักกะห์ ซึ่งทั้งสามพวกนี้มีลักษณะนิสัยห้าประการดังกล่าว ไซตอนนั้นคือคู่หูที่เลวร้ายนัก ซึ่งในภพนี้มันจะพยายามหาทางให้มนุษย์ทำชั่ว ส่วนในภพหน้ามันจะเป็นผู้นำมนุษย์ไปลงนรก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 39 - 42


คำอ่าน
39. วะมาซาอะลัยฮิม เลาอามะนูบิลลาฮิวัลเยามิลอาคิริ วะอัน..ฟะกูมิม..มาเราะซะเกาะฮุมุลลอฮฺ วะกานัลลอฮุบิฮิม อะลีมา
40. อิน..นัลลอฮะ ลายัซลิมุ มิษกอละซัรฺเราะฮฺ วะอิน..ตะกุ หะสะนะตัย..ยุฎออิฟฮา วะยุอ์ติมิลละดุนฮุ อัจญร็อนอะซีมา
41. ฟะกัยฟะอิซายิอ์นามิน..กุลลิอุม..มะติม..บิชะฮีดิว..วะญิอ์นาบิกะ อะลาฮา..อุลา...อิชะฮีดา
42. เยามะอิซี..ยะวัดดุลละซีนะกะฟะรู วะอะเศาะวุรฺเราะสูละ เลาตุเสาวาบิฮิมุลอัรฺฎุ วะลายักตุมูนัลลอฮะหะดีษา


คำแปล R1.
39. And what losses have they if they had believed in Allah and in the Last day, and they spend out of what Allah has given them for sustenance? And Allah is ever All-Knower of them.
40. Surely! Allah wrongs not even of the weight of an atom (or a small ant), but if there is any good (done), He doubles it, and gives from Him a great reward.
41. How (will it be) then, when we bring from each nation a witness and we bring you (O Muhammad ) as a witness against these people?
42. On that Day those who disbelieved and disobeyed the Messenger (Muhammad) will wish that they were buried in the earth, but they will never be able to hide a single fact from Allah.


คำแปล R2.
39. และอะไรเล่าที่จะอุบัติ (เป็นความเสียหาย) แก่พวกเขา หากพวกเราศรัทธาต่ออัลเลาะฮฺและวันสุดท้าย และพวกเขาได้บริจาคบางสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ประทานแก่พวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งกับพวกเขา
40. แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงอธรรมแม้สักเพียงน้ำหนักเท่ากับฝุ่นละออง และหากแม้มัน (ความประพฤติที่มีน้ำหนักเท่าฝุ่นละอองนั้น) เป็นสิ่งดีงาม พระองค์ก็จะทรงทวีคูณมัน (ให้มากขึ้น) และพระองค์ทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่จากพระองค์
41. แล้ว (ในวันชาติหน้าพวกเนรคุณจะมีสภาพ) เป็นอย่างไรเล่าเมื่อเราได้นำสักขีพยาน (คือศาสนทูต) มาจากทุก ๆ ประชาชาติ และเรานำตัวเจ้ามาเป็นสักขีพยานแก่พวกเหล่านี้
42. ในวันนั้นบรรดาผู้เนรคุณ และฝ่าฝืน (คำสั่งของ) ศาสนทูตมีความพอใจยิ่งนักหากแผ่นดินจะถูกทำให้เรียบเสมอกับพวกเขา (คือกลืนพวกเขาไว้เพื่อปิดบังความชั่วของพวกเขาเอง) และพวกเขาไม่อาจปิดบังสิ่งใด ๆ ต่ออัลเลาะฮฺได้


คำแปล R3.
39. และจะเป็นผลร้ายอะไรแก่พวกเขาเล่าถ้าพวกเขาศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้ายและใช้จ่ายจากที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานให้แก่พวกเขา? หากเขาทำเช่นนั้น แน่นอน อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขาทำเสมอ
40. แท้จริง อัลลอฮฺไม่ทรงกระทำต่อผู้ใดแม้แต่เพียงนิดเดียว และถ้าหากใครทำดี พระองค์จะทรงเพิ่มพูนมันเป็นทวีคูร และจะทรงประทานรางวัลอันใหญ่หลวงจากพระองค์
41. แล้วพวกเขาจะเป็นอย่างไรเล่าเมื่อเราจะนำพยานคนหนึ่งจากทุกประชาชาติและได้ให้เจ้า(มุฮัมมัด)เป็นพยานต่อคนเหล่านี้
42. วันนั้นบรรดาผู้ปฏิเสธจะขัดขืน รอซูลนี้จะขอให้แผ่นดินแยกและกลืนพวกเขาไป แต่พวกเขาไม่อาจจะปิดบังสิ่งใดจากอัลลอฮฺไปได้


คำแปล R4.
39. และอะไรจะเกิดขึ้นแก่พวกเขา หากพวกเขาศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลก และได้บริจาคส่วนหนึ่งจากสิ่งที่อัลลอฮฺ ได้ทรงให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา และอัลลอฮฺ ทรงรอบรู้ในพวกเขาดี
40. แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอธรรมแม้เพียงน้ำหนักเท่าผงธุลี  และถ้ามันเป็นสิ่งที่ดีอย่างหนึ่งอย่างใด พระองค์ก็จะทรงเพิ่มพูนความดีนั้นเป็นทวีคูณ  และทรงประทานให้จากที่พระองค์ ซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง
41. แล้วอย่างไรเล่า เมื่อเรานำพยานคนหนึ่งจากแต่ละประชาชาติมา และเราได้นำเจ้ามาเป็นพยานต่อชนเหล่านี้
42. ในวันนั้น บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธาและดื้อดึงต่อรอซูลชอบ หากว่าแผ่นดินถูกให้ทับถมพวกเขาจนราบเรียบไป และพวกเขาไม่สามารถจะปิดบังคำพูดใด ๆ แก่อัลลอฮฺได้


คำแปล R5.
๓๙. จะเกิดความเดือดร้อนใด ๆ แก่พวกทั้งสามที่กล่าวนั้นมิได้ หากพวกนั้นจะศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันอวสานและจะแจกจ่ายทรัพย์ที่พระองค์ได้ประทานแก่พวกเขาเพื่อพระองค์และเพื่อใฝ่หาบุญกุศลจากพระองค์ แต่ความเดือดร้อนนั้นย่อมจะเกิดขึ้นแก่บุคคลผู้มีลักษณะนิสัยห้าประการดังว่าไว้ข้างต้นแล้วเท่านั้นฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่งถึงพวกเหล่านั้นทั้งที่เป็นพวกยะฮูดี พวกมุนาฟิกและชนชาวมักกะห์ แล้วพระองค์จะทรงสนองผลแก่พวกนั้นตามที่ปฏิบัติกันไว้
๔๐. แท้จริงอัลเลาะห์จะไม่ทรงฉ้อโกงโดยการลดผลบุญแห่งกรรมดี และทวีการลงโทษแก่ผู้ประกอบกรรมชั่วของผู้เป็นข้าของพระองค์แม้สักเท่าอณูน้ำหนักที่ถูกทำไว้ทั้งในด้านดีและด้านชั่ว หากผลกรรมสักเท่าอณูน้ำหนักที่ถูกมุอ์มินคนหนึ่งกระทำขึ้นนั้นเป็นกรรมดีพระองค์จะทรงทวีผลบุญแห่งกรรมดีนั้นให้เป็นสิบเท่าไปจนกว่าเจ็ดร้อยเท่า ทั้งจะทรงประทานผลสนองอันใหญ่หลวงจากการตัดสินมาแต่ฝ่ายพระองค์ให้แก่เจ้าของกรรมดีนั้น ๆ อีกด้วย ซึ่งผลสนองที่ว่านี้ใครก็ไม่สามารถจะกะเกณฑ์ได้ ทั้งนี้เนื่องมาจากว่าสิ่งที่จะทรงมอบให้เป็นของตอบแทนนั้นใหญ่ยิ่งนัก
๔๑. แล้วจะมีอาการรุนแรงและโกลาหลเกิดขึ้นแก่พวกยะฮูดี พวกนัซรอนีและพวกกาฟิรอื่น ๆ เป็นอย่างไรในเมื่อเรา(อัลเลาะห์)ได้ให้แต่ละประชากรเจอกับพระศาสดาของตนที่จะเป็นผู้บอกในวันกิยามะห์ว่า "หลักยึดมั่นในจิตใจของพวกนั้นเสียเปล่าและหลักปฏิบัติก็ปฏิบัติกันเป็นที่น่าบัดสี" โอ้มูฮำมัด แล้วเรา (อัลเลาะห์) ยังได้ให้เจ้ามาเป็นองค์พยานยืนยันพวกประชากรเหล่านั้นด้วยว่า พระศาสดาของแต่ละประชากรต่างได้นำเอาศาสนาอันถูกต้องมาประกาศแก่ประชากรของตน ทั้งนี้ก็เพราะเจ้าทราบอยูว่าหลักศาสนาของเจ้านั้นเป็นจุดศูนย์รวมของทุก ๆ หลักศาสนาในพระศาสดาก่อน ๆ และเป็นองค์พยานว่า พวกเหล่านี้ไม่ศรัทธาต่อหลักศาสนาที่ศาสดาของพวกตนนำมาให้ กลับไปถือศาสนาที่ไม่ถูกต้อง
๔๒. ในวันที่เราได้จัดการให้แต่ละประชากรพบกับศาสดาของตนนั้น ทั้งฝ่ายยะฮูดี นัซรอนีและกาฟิรฝ่ายอื่น ๆ บรรดาผู้ไม่ศรัทธาและทรยศต่อศาสนทูตอยากจะให้พวกตนถูกแปรเป็นแผ่นดิน เนื่องจากกลัวความโกลาหลอลหม่าน ในตอนแรกพวกเหล่านั้นคิดจะปิดบังพฤติการณ์อันชั่วของพวกตน เช่น การตั้งภาคีเทียบเท่าอัลเลาะห์ พวกนี้กล้าปฏิญาณว่า “ขอให้สัตย์ปฏิญานด้วยพระนามแห่งอัลเลาะห์องค์อภิบาลของเราว่าพวกเราหาได้เป็นพวกภาคีเทียมพระองค์และประกอบการชั่วต่าง ๆ ไม่” แต่ทว่าองค์แปดแห่งพยานคือ ๑.เวลา ๒. สถานที่ ๓. ลิ้น ๔.อวัยวะ ๕. และ ๖. มลาอิกะห์ พนักงานบรรทุกความดีและความชั่ว ๗. สมุดรายงานความดีความชั่ว ๘. อัลเลาะห์ ให้การยืนยันว่าพวกนั้นเป็นผู้ถือภาคเท่าเทียมอัลเลาะห์และเป็นผู้ประพฤติการชั่ว แล้วในที่สุดพวกนั้นก็ไม่อาจจะปิดบังความต่ออัลเลาะห์ เรื่องภาคีและความชั่วที่ตนได้กระทำไว้ได้เลย





ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 43


คำอ่าน
43. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตักเราะบุศเศาะลาตะ วะอัน..ตุมสุการอ หัตตาตะอฺละมู มาตะกูลูนะ วะลาญุนุบัน อิลลาอับิรี สะบีลินหัตตาตัฆตะสิลู วะอิน..กุน..ตุม..มัร์ฎอ..เอาอะลาสะฟะริน เอาญา...อะอะหะดุม..มิน..กุม..มินัลฆอ..อิฏิ เอาลามัสตุมุน..นิสา...อะ ฟะลัมตะญิดูมา...อัน..ฟะตะยัม..มะมูเศาะอีดัน..ฏ็อยยิบัน..ฟัมสะหูบิวุญุฮิกุม วะอัยดีกุม อิน..นัลลอฮะกานะอะฟูวันเฆาะฟูรอ

คำแปล R1.
43. O you who believe! approach not As-Salat (the prayer) when you are in a drunken state until you know (the meaning) of what you utter, nor when you are in a state of Janaba, (i.e. in a state of sexual impurity and have not yet taken a bath) except when travelling on the road (without enough water, or just passing through a mosque), till you wash your whole body. And if you are ill, or on a journey, or one of you comes after answering the call of nature, or you have been in contact with women (by sexual relations) and you find no water, perform Tayammum with clean earth and rub therewith your faces and hands (Tayammum) . Truly, Allah is ever Oft-Pardoning, Oft-Forgiving.

คำแปล R2.
43. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าจงอย่าเข้าใกล้การละหมาด (คืออย่าทำเป็นอันขาด) ในขณะที่พวกเจ้ากำลังเมามายจนกว่าพวกเจ้าจะ (สร่างเมา) รู้ในสิ่งที่พวกเจ้าพูดและอย่า (ทำละหมาดและเข้ามัสยิด) ขณะพวกเจ้ามียะนาบะฮฺ (สภาพหลังสำเร็จความใคร่ทางเพศ) ยกเว้นผู้เดินทางผ่าน (เข้ามัสยิดโดยไม่หยุดและไม่ย้อนทางเดิม จนกว่าพวกเจ้าจะอาบน้ำ (ชำระร่างกายจนสะอาดแล้วจึงจะเข้าไปได้) และหากพวกเจ้าป่วยไข้หรือกำลังเดินทางหรือคนใดของพวกเจ้ามาจากสถานที่ถ่ายทุกข์ (คือเขาถ่ายปัสสาวะ ถ่ายอุจจาระ) หรือพวกเจ้าสัมผัสหญิงหรือพวกเจ้าหาน้ำไม่ได้ แน่นอนให้พวกเจ้าจงมุ่ง (ทำตะยัมมุม) ดินที่ดี (สะอาด) แล้วพวกเจ้าจงเช็ดใบหน้า และมือของพวกเจ้า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงยกโทษให้และอภัยให้

คำแปล R3.
43. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่าทำนมาซในขณะที่สูเจ้ามึนเมาอยู่ จนกว่าสูเจ้าจะรู้ในสิ่งที่สูเจ้ากล่าว และจงอย่านมาซในขณะที่สูเจ้า “ไม่สะอาด” จนกว่าสูเจ้าจะอาบน้ำ ยกเว้นเมือ่เป็นผู้เดินผ่านมา และถ้าหากสูเจ้าป่วยหรืออยู่ในระหว่างเดินทาง หรือผู้ใดในหมู่สูเจ้ามาจากส้วม หรือสูเจ้าแตะต้องผู้หญิง และสูเจ้าหาน้ำไม่พบ ดังนั้น จงทำความสะอาดสูเจ้าเองด้วยฝุ่นที่สะอาด โดยลูบหน้าของสูเจ้าและมือทั้งสองของสูเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงนิรโทษ ผู้ทรงอภัยเสมอ

คำแปล R4.
43. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงอย่าเข้าใกล้การละหมาด ขณะที่พวกเจ้ากำลังมึนเมาอยู่ จนกว่าพวกเจ้าจะรู้ สิ่งที่พวกเจ้าพูด และก็จงอย่าเข้าใกล้การละหมาด ขณะที่เป็นผู้มีญะนาบะฮ์ นอกจากผู้ที่ผ่านทางไปเท่านั้น จนกว่าพวกเจ้าจะอาบน้ำ และหากพวกเจ้าป่วยหรืออยู่ในการเดินทาง หรือคนหนึ่งคนใดในพวกเจ้ามาจากที่ถ่ายทุกข์ หรือพวกเจ้าสัมผัสผู้หญิง แล้วพวกเจ้าไม่พบน้ำ ก็จงมุ่งสู่ดินที่ดี แล้วจงลูบใบหน้าของพวกเจ้าและมือของพวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงยกโทษเสมอ

คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีเนื้อความรายงานมาแต่ อลี บุตรอบูตอลิบว่า บุตรเอาฟ์ได้จัดทำอาหารไว้แล้วก็เชื้อเชิญให้พวกเราบริโภค เราก็ได้บริโภคกันไปดื่มสุรากันไป (ตอนนั้นบัญญัติเรื่องห้ามดื่มสุรายังไม่มี) แล้วพวกเรารู้สึกมึนเมา ประกอบกับขณะนั้นเวลาแห่งการละหมาดมัฆริบก็จวนจะถึงอยู่แล้ว พอเข้าเวลาบุตรเอาฟ์จึงรี่เข้าไปทำละหมาด เมื่ออ่านซูเราะห์อัลฟาติฮะห์เสร็จจึงเริ่มอ่านซูเราะห์อัลกาฟิรูน โดยเขาอ่านเนื้อความเป็นพากย์อาหรับมีใจความว่า “โอ้ผู้ไม่ศรัทธาทั้งหลาย ฉันจะเคารพสักการะพระเจ้าที่พวกเจ้าเคารพสักการะอยู่ฯ” ผู้หนึ่งจึงทักขึ้นว่า “ท่านอ่านผิดไปแล้ว” โองการจึงมีลงมาว่า
๔๓. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าอย่าเพิ่งเข้าทำละหมาดขณะที่พวกเจ้ายังมึนเมาอยู่จนกว่าพวกเจ้าจะรู้ตัวว่ากำลังเอ่ยอะไรและอย่างเพิ่งเข้าทำละหมาดและเข้าสู่มัสยิดขณะที่ยังมีราคี (ยุนุบ) อยู่ อาจจะโดยการร่วมประเวณีหรือมีอสุจิไหล ยกเว้นพวกเดินผ่านตลอดเข้าไปในมัสยิดเลยต่อไปจนกว่าพวกเจ้าจะอาบน้ำชำระกายทั้งสิ้นพร้อมกับตั้งจิตปรารถนา(นียะห์) จะขจัดสภาพแห่งความมีราคีนั้นเสียจากตนก่อนจึงจะอนุญาตให้พวกเจ้าทำละหมาดและเข้าสู่มัสยิดได้ แต่ถ้าพวกเจ้าเป็นผู้ป่วยไข้ถึงกับถ้าใช้น้ำชำระกายเมื่อมียุนุบแล้วจะเป็นภัยแก่ตนก็ดี หรืออยู่ในภาวะเดินทางที่ขาดแคลนน้ำ โดยที่พวกเจ้าต่างก็มียุนุบ(หะดัสใหญ่) หรือในพวกเจ้านั้นใครที่เสียน้ำละหมาดโดยเกิดมีสิ่งใดยกเว้นน้ำอสุจิออกจากทวารหนักหรือทวารเบาก็ดี หรือว่าพวกเจ้าถูกต้องผิวกายของผู้หญิงที่ไม่ห้ามพวกเจ้าแต่งงานด้วยก็ดี ทั้งพวกเจ้าก็ได้เสาะหาน้ำแล้วปรากฏว่าไม่พบน้ำก็ให้เจ้าเอาฝุนสะอาดชำระ (ตะยำมุม) คือให้พวกเจ้าใช้มือทั้งสองตบฝุ่นนั้นสองครั้ง แล้วจงใช้ฝุ่นที่ตบครั้งแรกลูบใบหน้าของพวกเจ้า และฝุ่นตบครั้งที่สองลูบมือทั้งสองข้างของพวกเจ้าจนถึงข้อศอก การทำตะยำมุมนี้แหละนับว่าแทนการชำระยุนุบและหะดัสเล็กด้วยน้ำสะอาดได้ส่วนรายละเอียดที่พิสดารกว่านี้ โปรดหาดูได้จากคัมภีร์อัล-ฟิกห์ แท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงยิ่งในการนิรโทษกรรม ทรงยิ่งในการอภัยต่อบรรดาผู้เป็นข้าแห่งพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 44 - 46


คำอ่าน
44. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะ อูตูนะศีบัม..มินัลกิตาบิ ยัชตะรูนัฎเฎาะลาละตะ วะยุรีดูนะ อัน..ตะฎิลลุสสะบีล
45. วัลลอฮุ อะอฺละมุบิอะอฺดา...อิกุม วะกะฟาบิลลาฮิวะลีเยา..วะกะฟาบิลลาฮินะศีรอ
46. มินัลละซีนะฮาดู ยุหัรฺริฟูนัลกะลิมะ อัม..มะวาฎิอิฮี วะยะกูลูนะสะมิอฺนา วะอะศ็อยนา วัสมะอฺฆ็อยเราะมุสมะอิว..วะรออินาลัยยัม..บิอัลสินะติฮิม วะเฏาะอฺนัน..ฟิดดีน วะเลาอัน..นะฮุม กอลูสะมิอฺนาวะอะเฏาะอฺนา วัสมะอฺ วัน..ซุรฺนา ละกานะค็อยร็อลละฮุม วะอักวะมะ วะลากิลละอะนะฮุมุลลอฮุ บิกุฟริฮิม ฟะลายุอ์มินูนะอิลลาเกาะลีลา


คำแปล R1.
44. Have you not seen those who were given a portion of the Book (the Jews), purchasing the wrong path, and wish that you should go astray from the Right Path.
45. Allah has full knowledge of your enemies, and Allah is sufficient as a Wali (Protector), and Allah is sufficient as a helper.
46. Among those who are Jews, there are some who displace words from (their) right places and say: "We hear your word (O Muhammad) and disobey," and "Hear and let you (O Muhammad ) hear nothing." and Ra'ina with a twist of their tongues and as a mockery of the Religion (Islam). And if only they had said: "We hear and obey", and "Do make us understand," it would have been better for them, and more proper, but Allah has cursed them for their disbelief, so they believe not except a few.


คำแปล R2.
44. (โอ้มุฮัมมัด) เจ้าไม่สังเกตดอกหรือบรรดาผู้ที่ถูกประทานบางส่วนจากคัมภีร์ (คือพวกยิวได้รับตัมภีร์เตารอฮฺ) พวกเขาแลกเปลี่ยนเอาความหลงผิด และมีความประสงค์ที่จะให้พวกเจ้าหลงทาง
45. และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งเกี่ยวกับบรรดาศัตรูของพวกเจ้า และย่อมพอเพียงแล้วกับอัลเลาะฮฺ ที่ทรงเป็นผู้คุ้มครองให้ (โดยไม่ต้องคิดพึ่งคนอื่น ๆ อีก) และเป็นการพอเพียงกับอัลเลาะฮฺแล้วที่ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ
46. พวกยิวบางคนทำการบิดเบือนพระคำต่าง ๆ (แห่งอัลเลาะฮฺ) จากที่ดี (จุดมุ่งหมายเดิมที่เป็นจริง) ของมันและพวกเขากล่าว (กับนบีมุฮัมมัด) ว่า “เราได้ยินและ (นึกในใจว่า) เราฝ่าฝืน” ...(พวกเขากล่าวกับนบีในเชิงเย้ยหยันอีกว่า) พวกท่านจงฟังเถิดแบบผู้ไม่เคยถูกให้ฟัง (สิ่งไร้สาระเลย) และรออินา (เป็นภาษายิวแปลว่าช่างโง่เขลา) เพื่อเป็นการบิดเบือนด้วยลิ้นของพวกเขา และเพื่อการโจมตีในศาสนา และมาดแม้นพวกเขากล่าวว่า “เราได้ยินและเราภักดี และท่านจงฟัง และจงดูแลพวกเรา” แน่นอน (การพูดเช่นนั้น) ก็จะเป็นสิ่งดีเยี่ยมและเที่ยงตรงยิ่งสำหรับพวกเขา และแต่ทว่าอัลเลาะฮฺได้ทรงสาปแช่งพวกเขาเพราะความเนรคุณของพวกเขาเอง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธา นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเอง (เช่นอับดุลเลาะฮฺ บิน สลามกับพวก และกะอับ อัลอะฮฺบาร์ด)


คำแปล R3.
44. เจ้าไม่เคยพิจารณาถึงบรรดาผู้ที่ได้ถูกประทานส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ? พวกเขาซื้อความหลงผิดและปรารถนาที่จะให้สูเจ้าหลงทางด้วย
45. และอัลลอฮฺทรงรู้จักศัตรูของสูเจ้าดียิ่งและอัลลอฮฺนั้นเพียงพอแล้วที่จะเป็นผู้คุ้มครองและผู้ทรงช่วยเหลือ
46. บางคนที่กลายเป็นพวกยิวได้เปลี่ยนถ้อยคำจากที่ของมัน และบิดลิ้นของพวกเขาเพื่อที่จะให้ร้ายความศรัทธาที่แท้จริง และพวกเขากล่าวว่า “เราได้ยิน และเราไม่เชื่อฟัง” และ”จงฟังเถิด ฆ็อยเร่าะมุสมะอิน” และ “รออินา” แต่ถ้าหากพวกเขากล่าวว่า “เราได้ยินและเราปฏิบัติตาม” และ “จงฟัง” และ “อุนซุรฺนา” มันก็จะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขาและเป็นการหนักแน่นกว่า แต่ว่าอัลลอฮฺได้ทรงงดความเมตตาแก่พวกเขาแล้วเพราะการปฏิเสธของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธาเว้นแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R4.
44. เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์ดอกหรือ? โดยที่เขาเหล่านั้นกำลังซื้อความหลงผิดไว้ และต้องการที่จะให้พวกเจ้าหลงทาง
45. และอัลลอฮฺ ทรงรู้ดียิ่งต่อบรรดาศัตรูของพวกเจ้า และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺ ทรงเป็นผู้คุ้มครอง และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺ ทรงเป็นผู้ช่วยเหลือ
46. จากบางคนในหมู่ผู้เป็นยิวนั้น พวกเขาบิดเบือนบรรดาถ้อยคำให้เหออกจากที่ของมัน และพวกเขากล่าวว่า เราได้ยินกันแล้วและเราก็ได้ฝ่าฝืนกันแล้ว และท่านจงฟังโดยที่มิใช่เป็นผู้ได้ยิน และจงสดับฟังเราโดยบิดลิ้นของพวกเขาและใส่ร้ายในศาสนา และหากว่าพวกเขากล่าวว่า เราได้ยินกันแล้ว และได้เชื่อฟังกันแล้ว และท่านจงฟัง และมองดูเราเถิด ก็จะเป็นสิ่งดีกว่าแก่พวกเขา และเที่ยงตรงกว่า แต่ทว่าอัลลอฮฺได้ทรงละอนัต พวกเขาเสียแล้ว เนื่องด้วยการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธากัน นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R5.
๔๔. โอ้มุอ์มินผู้มีโอกาสได้เห็นอาการชั่วของพวกนักปราชญ์ยะฮูดี เจ้าก็ย่อมเคยเห็นความไม่น่าดูและความขลาดหวาดกลัวของบรรดาปวงปราชญ์ยะฮูดี ผู้มีส่วนได้รับพระคัมภีร์ เตารอตซึ่งมีบัญญัติข้อใช้และข้อห้ามตลอดจนความรู้เกี่ยวกับคุณลักษระของมูฮำมัดและความจริงทางศาสนาอิสลามอยู่บ้างแล้วว่า พวกเขายอมแลกเอาความหลงผิดด้วยทางนำหวังเอาค่าตอบแทนเพียงเล้กน้อย และยังได้แก้ไขพระคัมภีร์เตารอตหมายจะให้พวกเจ้าอยู่ในความหลงผิดหนทางเที่ยงธรรม เพื่อว่าให้พวกเจ้าผิดพลาดเหมือนอย่างพวกมันอีกด้วย
๔๕. แต่อัลเลาะห์ทรงรอบรู้ถึงเหล่าศัตรูทั้งหลายของพวกเจ้า พระองค์จึงได้ทรงรายงานให้พวกเจ้ารู้ไว้แล้วจะได้ปลีกตัวห่างไกลเสียจากพวกนั้น มีอัลเลาะห์เป็นองค์อารักขามิให้พวกเจ้าอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายศัตรูนั้นพออยู่แล้ว และมีอัลเลาะห์เป็นองค์สงเคราะห์ช่วยป้องกันพวกเจ้าให้พ้นจากการหลอกลวงของพวกศัตรูเหล่านั้นก็ยิ่งพอเพียงเข้าอีก
๔๖. บรรดาผู้เป็นยะฮูดีที่เปลี่ยนใจจากการเคารพบูชาลูกโคทองนั้นมีบ้าง บางกลุ่มที่สับเปลี่ยนพระคำของอัลเลาะห์เรื่องคุณลักษณะของพระนบีมูฮำมัดที่มีระบุไว้ในคัมภีร์เตารอตให้ผิดเป็นอื่นก็มีเช่นระบุว่าพระนบีมูฮำมัดมีผมหยักศก นัยน์ตามที่ขอบทั้งสองข้างเป็นสีดำ เรือนร่างสันทัด ก็เปลี่ยนใหม่เสียว่า ผมยืดตรง นัยน์ตาที่ขอบทั้งสองข้างเป็นสีเขียว เป็นคนสูงโย่ง ส่วนโองการที่สั่งว่าให้ขว้างชายหญิงที่ร่วมกามกิจนอกอนุญาตก็เปลี่ยนเป็นว่าให้เฆี่ยน และบรรดาที่ทำให้พระคำของอัลเลาะห์ในเตารอตสูญหายไปแล้วเอาสำนวนอื่นมาแทนไว้ก็มี หรือที่แปลเลี่ยงเป็นอย่างอื่นตามใจชอบไม่ตรงตามความหมายอันแท้จริงของอัลเลาะห์ก็มี โดยพวกนั้นยังกล่าวแก่มูฮำมัดในเมื่อมูฮำมัดได้สั่งใช้ให้พวกนั้นกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดว่า “พวกเราได้ยินคำใช้ของเจ้าแล้วแต่พวกเราทรยศคำใช้ของเจ้า และฉันขอสาปแช่งเจ้าว่า จงอย่าได้ยินคำพูดที่พึงพอใจของเจ้า ทั้งพวกนั้นยังเอ่ยคำด่าเป็นภาษาของยะฮูดีว่า “รออินา” เป็นการเล่นลิ้นและล้อเลียนศาสนา แต่ถ้าพวกนั้นจะเอ่ยว่า “พวกเราได้ยินถ้อยคำของเจ้าและพวกเราทำตามใช้ของเจ้าแล้ว และว่า “เจ้าจงฟัง” และว่าเจ้าจงสอดส่องแลดูพวกเราแล้วถ้อยคำในชุดหลังนี้ย่อมดีสำหรับพวกนั้ยิ่งกว่าและเที่ยงตรงยิ่งกว่าถ้อยคำในชุดต้นเสียอีก แล้วพวกเหล่านั้นไม่ยอมกล่าวถ้อยคำในชุดหลัง ทั้งยังยืนกรานอยู่กับความไม่ศรัทธาของตนอยู่อีก ดังนั้นอัลเลาะห์จึงไม่ทรงให้ความช่วยเหลือพวกนั้น แล้วได้ทรงขับพวกเหล่านั้นให้ออกห่างจากความโปรดปรานีของพระองค์ฐานที่พวกนั้นไม่ศรัทธาถ้อยคำชุดหลังดังกล่าวพวกเหล่านั้นหาได้ศรัทธากันไม่ นอกจากจำนวนเล็กน้อย เช่น อับดุลเลาะห์บุตรสลามกับคณะและกะอับ อัล-อะห์บารเท่านั้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 47 - 49


คำอ่าน
47. ยา..อัยยุฮัลละซีนะ อูตุลกิตาบะ อามินูบิมานัซซัลนา มุศ็อดดิก็อลลิมามะอะกุม มิน..ก็อบลิ อัน..นัฏมิสะ วุญูฮัน..ฟะนะรุดดะฮา อะลา..อัดบาริฮา..เอานัลอะนะฮุม กะมาละอัน..นา..อัศหาบัสสับตฺ วะกานะอัมรุลลอฮิมัฟอูลา
48. อิน..นัลลอฮะ ลายัฆฟิรุ อัย..ยุชเราะกะบิฮี วะยัฆฟิรุมาดูนะซาลิกะ ลิมัย..ยะชา...อุ์ วะมัย..ยุชริกบิลลาฮิ ฟะเกาะดิฟตะรอ..อิษมันอะซีมา
49. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะยุซักกูนะอัน..ฟุสะฮุม บะลิลลาฮุยุซักกี มัย..ยะชา..อุ วะลายุซละมูนะฟะตีลา


คำแปล R1.
47. O you who have been given the Scripture (Jews and Christians)! Believe in what we have revealed (to Muhammad ) confirming what is (already) with you, before we efface faces (by making them like the back of necks; without nose, mouth, eyes, etc.) and turn them hind wards, or curse them as we cursed the Sabbath-breakers. And the commandment of Allah is always executed.
48. Verily, Allah forgives not that partners should be set up with Him in worship, but He forgives except that (anything else) to whom He pleases, and whoever sets up partners with Allah in worship, he has indeed invented a tremendous sin.
49. Have you not seen those who claim sanctity for themselves? Nay - but Allah sanctifies whom He pleases, and they will not be dealt with injustice even equal to the extent of a Fatila (a scalish thread in the long slit of a date-stone).


คำแปล R2.
47. โอ้บรรดาผู้ถูกประทานคัมภีร์ให้! พวกเจ้าจงศรัทธาเลย ในสิ่งที่เราได้ให้ลงมา (คืออัลกุรอาน) เป็นการรับรองแก่สิ่งที่มีอยู่กับพวกเจ้า (คือคัมภีร์เตารอฮฺ) ก่อนหน้าที่เราจะ (ลงโทษพวกเจ้าโดยการ) ทำลาย (รูปทรงของ) ใบหน้าต่าง ๆ แล้วเราก็จัดการส่งมันกลับไป (มีลักษณะเหมือน) กับข้างหลังของมัน (คือเป็นลักษณะเสมอกัน ไม่มีตา ปาก จมูก แต่ประการใด ๆ) หรือ(จนกว่า)เราจะสาปแช่งพวกนั้นเสมือนที่เราได้สาปแช่งชาว (ยิวบางพวกที่ฝ่าฝืนข้อห้ามให้งดการหาปลาใน) วันเสาร์ และการงานของอัลเลาะฮฺ ย่อมได้รับการกระทำ (ให้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีเสมอ)
48. แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงอภัยให้ ในกรณีที่พระองค์ถูกตั้งภาคี แต่ทรงให้อภัยกรณีอันนอกจากนั้น แก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดตั้ง(สิ่งใดเป็น)ภาคีกับอัลเลาะฮฺ แน่นอนเขาได้เสกสรรบาปอันยิ่งใหญ่
49. เจ้าไม่สังเกตดอกหรือ บรรดาผู้ขจัดมลทิน (ยกยอ) ตัวเอง อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงขจัดมลทิน แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพวกเขาไม่ถูกอธรรมสักเพียงน้อยก็ตาม


คำแปล R3.
47. บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์เอ๋ย จงศรัทธาในสิ่งที่เราได้ประทานลงมาเป็นสิ่งยืนยันคัมภีร์ที่มีอยู่กับสูเจ้า ก่อนที่เราจะหันใบหน้าพวกเขากลับและให้พวกเขาไปอยู่ข้างหลัง หรืองดความเมตตาแก่พวกเขาดังที่เราได้งดความเมตตาแก่พวกที่ทำลายวันสะบาโต และพระบัญชาของอัลลอฮฺจะได้รับการปฏิบัติให้สมบูรณ์อยู่เสมอ
48. แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงอภัยการตั้งภาคีต่อพระองค์และพระองค์จะทรงอภัยบาปอื่นนอกจากนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ประสงค์ และผู้ใดตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ แน่นอนเขาได้กุบาปอันมหันต์
49. จงดูเถิดว่าพวกเขากุเรื่องเท็จเกี่ยวกับอัลลอฮฺอย่างไร? และบาปนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะสดงว่า พวกเขาเป็นผู้ทำบาปอันชัดแจ้ง


คำแปล R4.
47. บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ทั้งหลาย  จงศรัทธาต่อสิ่งที่เราได้ให้ลงมา เพื่อยืนยันสิ่งที่มีอยู่กับพวกเจ้าเถิด ก่อนจากที่เราจะลบใบหน้าของพวกเขาแล้วให้มันกลับไปอยู่ข้างหลังของมัน หรือไม่ก็จะสาปพวกเขาเช่นเดียวกับที่เราได้สาปบรรดาผู้ที่ทำการละเมิดในวัน สับบะโต และคำสั่งของอัลลอฮฺนั้นย่อมถูกปฏิบัติตามเสมอ
48. แท้จริงอัลลอฮฺ จะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้มีภาคี ขึ้นแก่พระองค์และพระองค์ทรงอภัยให้แก่สิ่งอื่นจากนั้นสำหรับผู้ ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคีขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้วแน่นอนเขาก็ได้อุปโลกน์บาปกรรมอัน ใหญ่หลวงขึ้น
49. เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ให้ตัวเองเป็นผู้บริสุทธิ์ดอกหรือ ? มิได้อัลลอฮฺต่างหากที่จะให้บริสุทธิ์ซึ่งผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้เพียงขนาดร่องเมล็ดอินทผลัม


คำแปล R5.
๔๗. โอ้บรรดายะฮูดีผู้ได้รับมอบพระคัมภีร์เตารอตพวกเจ้าจงศรัทธาต่อคัมภีร์อัล-กุรอานที่เรา (อัลเลาะห์) ได้ประทานลงมายังพระนบีมำมัดให้เป็นที่ยืนยันพระคัมภีร์เตารอตอันมีอยู่กับพวกเจ้าเถิดว่าเป็นของจริงแท้มาแต่อัลเลาะห์ ทั้งนี้เนื่องจากว่าอัลกุรอานมีเนื้อความสอดคล้องตรงตามเนื้อความของพระคัมภีร์เตารอต ไม่ว่าในทางประวัติศาสตร์หรือเรื่องสัญญาบุญสัญญาบาป หรือเรื่องในทางเชิญชวนให้ถือในเอกภาพอัลเลาะห์หรือเรื่องให้งดเว้นกรรมชั่ว ตลอดจนเรื่องให้ความเป็นธรรมแก่มวลมนุษย์ ส่วนความขัดแย้งของอัลกุรฺอานกับเตารอตแต่บางส่วนที่เกี่ยวกับข้อห้ามก็ดีและข้อใช้ก็ดี เป็นเพราะว่าประชากรในสมัยมูฮำมัดและสมัยมูซาและกาลเวลาในสมัยมูฮำมัดและสมัยมูซาไม่เท่าเทียมกัน ดังนั้นพวกเจ้าจงศรัทธาต่อพระคัมภีร์อัลกุร-อาน ก่อนที่เรา (อัลเลาะห์) จะทำลายโฉมหน้าให้ดวงตาและจมูกและคิ้ว กลับกลายเป็นเหมือนข้างหลังหรือก่อนที่เราจะสาปพวกนั้นให้กลายเป็นลิงเหมือนอย่างที่เราได้เคยสาปนักการประมงวันเสาร์ แล้วกำหนดการตัดสินดังนั้นของอัลเลาะห์ก็จะถูกกระทำขึ้นให้เสร็จเป็นที่เรียบร้อยในวันกิยามะห์ ภายหลังจากที่ได้มีโองการที่ ๔๗ ลงมาแล้ว อับดุลเลาะห์ บุตรสลาม กับกะอับ อัลอะห์บาร ก็เข้ารับนับถือศาสนาอิสลามทันที
๔๘. แท้จริงอัลเลาะห์จะไม่ทรงให้อภัยโทษในอันที่พระองค์จะถูกให้มีภาคีเป็นพระเจ้าเคียงคู่พระองค์ แต่จะทรงให้อภัยบาปเรื่องที่อื่นจากนั้นแก่ผู้ที่พระองค์ทรงมีความประสงค์จะอภัย คือจะทรงให้ผู้นั้นได้เข้าสู่สวรรค์โดยมิต้องได้รับโทษทัณฑ์ใด ๆ ทั้งนั้น แต่มุอ์มินคนใดที่พระองค์ทรงประสงค์จะลงโทษเขาเพราะเขามีบาป พระองค์ก็จะทรงลงโทษผู้นั้น ครั้นแล้วจะทรงให้มุอ์มินคนนั้นได้เข้าสู่สวรรค์หลังจากได้รับโทษแล้ว และถ้าผู้ใดตั้งภาคีเสมอด้วยอัลเลาะห์ด้วยการนับถือสิ่งอื่นเป็นพระเจ้าเทียบเคียงพระองค์แล้วไซร้ แน่นอนผู้นั้นย่อมประกอบการบาปที่ใหญ่หลวง
๔๙. โอ้มูฮำมัดไม่สมควรที่เจ้าจะไม่มองดูบรรดายะฮูดีที่มีส่วนได้รับมอบพระคัมภีร์เตารอตที่พยายามจะซักฟอกจิตใจเอาเองให้สิ้นบาปที่อัลเลาะห์ทรงตัดสินไว้แล้ว โดยที่พวกยะฮูดีเหล่านั้นเคยกล่าวว่า “พวกเราเป็นลูกชายของอัลเลาะห์และเป็นที่รักยิ่งของพระองค์” ทั้ง ๆ ที่พวกเขาก็ยังมีสภาพแห่งความไม่ศรัทธากันอยู่ ฉะนั้นการซักฟอกจิตใจของพวกนี้จึงไม่ถูกรับพิจารณา และไม่เกิดประโยชน์อันใด อัลเลาะห์ต่างหากที่จะเป็นผู้ซักฟอกจิตใจให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ให้สิ้นบาปโดยให้ผู้นั้นเกิดศรัทธาอีกทั้งพวกนั้นจะไม่ถูกคดโกงให้บกพร่องในผลกรรมของพวกนั้นเลยแม้เท่าเสี้ยนใยแห่งผลอินทผลัม




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 50 - 52


คำอ่าน
50. อุน..ซุรฺกัยฟะยัฟตะรูนะ อะลัลลอฮิลกะซิบะ วะกะฟาบิฮี..อิษมัม..มุบีนา
51. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะ อูตูนะศีบัม..มินัลกิตาบิ ยุอ์มินูนะบิลญิบติ วัฏฏอฆูติ วะยะกูลูนะ ลิลละซีนะกะฟะรู ฮา..อุลา...อิ อะฮฺดา มินัลละซีนะอามะนูสะบีลา
52. อุลา...อกัลละซีนะ ละอะนุฮุมุลลอฮุ วะมัย..ยัลอะนิลลาฮุ ฟะลัน..ตะญิดะละฮูนะศีรอ


คำแปล R1.
50. Look, how they invent a lie against Allah and enough is that as a manifest sin.
51. Have you not seen those who were given a portion of the Scripture? They believe in Jibt and Taghut and say to the disbelievers that they are better guided as regards the way than the believers (Muslims).
52. They are those whom Allah has cursed, and he whom Allah curses, you will not find for him (any) helper,


คำแปล R2.
50. เจ้าจงพินิจดูเถิด (โอ้มุฮัมมัด) อย่างไรบ้างที่พวกเขากุเรื่องเท็จแก่อัลเลาะฮฺ? และเพียงเท่านั้นก็พอเพียงแล้วที่เป็นบาปอันชัดแจ้ง
51. เจ้าไม่สังเกตดอกหรือ บรรดาผู้ที่ได้รับบางส่วนจากคัมภีร์ (เตารอฮฺ พวกนี้ได้แก่กะอับ บินอัชร้อฟ และพวกยิวที่มีความรู้) พวกเขาศรัทธาต่อสิ่งกราบไหว้ต่าง ๆ นอกจากอัลเลาะฮฺและ (ศรัทธาต่อ) มารร้าย และพวกเขากล่าวกับบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลายว่า “พวกเหล่านี้(คือสิ่งกราบไหว้นอกจากอัลเลาะฮฺ) เป็นผู้ชี้นำทางที่ยอดเยี่ยมยิ่งกว่าบรรดาผู้ศรัทธา (ในมุฮัมมัดเสียอีก
52. บรรดาพวกเหล่านั้น เป็นพวกที่อัลเลาะฮฺได้สาปแช่ง และใครก็ตามที่อัลเลาะฮฺทรงสาปแช่ง เจ้าก็จะพบว่าเขามีผู้ช่วยเหลือคนใดทั้งสิ้น


คำแปล R3.
50. จงดูเถิดว่าพวกเขากุเรื่องเท็จเกี่ยวกับอัลลอฮฺอย่างไร? และบาปนี้เพียงอย่างเดียวก็เพียงพอแล้วที่จะสดงว่า พวกเขาเป็นผู้ทำบาปอันชัดแจ้ง
51. เจ้าไม่ได้สังเกตบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งของคัมภีร์ดอกหรือ? พวกเขาเชื่อในญิบต์ และตอฆูต และพวกเขากล่าวถึงบรรดาผู้ปฏิเสธว่า “ถึงกระนั้นพวกเขาก็ถูกนำสู่หนทางที่ถูกต้องมากกว่าบรรดาผู้ศรัทธา”
52. เหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงงดความเมตตาแก่พวกเขา และผู้ใดที่อัลลอฮฺได้ทรงงดความเมตตา เจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือสำหรับพวกเขาเลย


คำแปล R4.
50. จงดูเถิดว่า อย่างไรเล่า ที่พวกเขาอุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮฺและพอเพียงแล้วที่ความเท็จนั้นเป็นบาปอันชัดแจ้ง
51. เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ได้รับส่วนหนึ่งจากคัมภีร์ดอกหรือ โดยที่พวกเขาศรัทธาต่ออัลญิบติ และอัฏ-ฏอฆูต และกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่า พวกเขาเหล่านี้แหละเป็นผู้อยู่ในทางที่เที่ยงตรงกว่าบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย
52. ชนเหล่านี้คือผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงละอฺนัต แก่พวกเขา และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงละอฺนัตแก่พวกเขาแล้ว เจ้าจะไม่พบว่ามีผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับเขาเลย


คำแปล R5.
๕๐. โอ้มูฮำมัดเจ้าจงมองดูทีหรือว่าทำไมหนอพวกนั้นจึงปั้นเท็จไปแอบอ้างถึงอัลเลาะห์ด้วยถ้อยคำที่พวกนั้นเคยกล่าวมาแล้วที่ว่า “พวกเราเป็นลูกชายของอัลเลาะห์และเป็นที่รักยิ่งของพระองค์” การปั้นเท็จอย่างนั้นก็เป็นบาปที่ชัดแจ้งพออยู่แล้ว
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ขณะที่กะอับ บุตร อัชร๊อฟกับชาวยะฮูดีอีก ๗๐ คน เดินทางมาถึงนครมักกะห์หลังจากเสร็จสงครามที่บัดรเพื่อทำสัมพันธไมตรีกับชาวกุร็อยซ์ในการต่อสู้รุกรานพระนบีมูฮำมัดและเพื่อที่จะละเมิดสนธิสัญญาที่ทำขึ้นระหว่างชาวกุร็อยซ์กับพระนบีมูฮำมัด ในการนี้กะอับบุตรอัชร๊อฟได้เข้าพักอาศัยอยู่ ณ บ้านของอบูซุฟยาน ได้รับการต้อนรับเป็นอันดี ส่วนชาวยะฮูดีอีก ๗๐ พักอาศัยอยู่ที่บ้านของชาวกุร็อยซ์ ครั้นแล้วชาวมักกะห์ได้ว่ากับกะอับบุตรอัชร๊อฟและคณะว่า “พวกเจ้าเป็นผู้ทรงคัมภีร์ ทั้งพระนบีมูฮำมัดเองก็เป็นผู้ทรงคัมภีร์ ฉะนั้นพวกเราจะวางใจต่อการขอเจริญสัมพันธไมตรีครั้งนี้มิได้เลย เกรงว่าจะเป็นเรื่องหลอกลวง ถ้าพวกเจ้าปรารถนาจะให้พวกเราออกรบร่วมกับพวกเจ้าแล้ว ก็จงกราบรูปเคารพยิปต์กับตอฆู๊ตทั้งสองนี้ซิ” กะอับบุตรอัชร๊อฟและคณะก็ยอมกระทำตามข้อเสนอนั้น และกะอับบุตรอัชร๊อฟยังได้กล่าวแก่ชาวมักกะห์ว่า “ให้จัดพวกเจ้าที่เป็นผู้ชายมา ๓๐ คน และผั้ชายอีก ๓๐ คนจากพวกเรา ไปให้คำสัตยาบันกันต่อหน้าไบตุลเลาะห์ โดยเอ่ยสาบานด้วยพระนามแห่งพระผู้อภิบาลแห่งไบตุลเลาะห์นี้ว่า แท้จริงพวกเราจะพยายามสู้รบอย่างจริงใจ บุคคลสองฝ่ายก็ได้กระทำกันดังนั้น
๕๑. โอ้มูฮำมัด ไม่สมควรที่เจ้าจะไม่มองดูกะอับบุตรอัชร๊อฟกับบรรดาปวงปราชญ์ยะฮูดีที่มีส่วนได้รับมอบพระคัมภีร์เตารอตเกี่ยวกับบัญญัติข้อใช้และข้อห้าม ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับคุณลักษณะของมูฮำมัด และความจริงทางศาสนาอิสลามเลยว่า พวกเหล่านั้นต่างกราบยิปต์และตอฆู๊ตกันซึ่งทั้งสองนี้เป็นรูปเคารพของชาวกุรอยซ์ เพื่อเอาใจอบูซุฟยานกับคณะอีกทั้งในคราวที่อบูซุฟยานกับคณะได้เอ่ยถามกะอับบุตรอัชร๊อฟและพรรคพวกว่า “พวกเราเป็นพวกได้รับหนทางเที่ยงธรรม เป็นผู้มีสิทธิ์ได้ครองไบตุลเลาะห์เป็นผู้แจกจ่ายน้ำแก่ผู้มาทำพิธีฮัจย์ เป็นพวกเลี้ยงอาหารผู้คนทั้งหลาย เป็นผู้ไถ่ตัวเชลยและอื่น ๆ อีกหลายประการ หรือว่าทุกอย่างที่ว่ามานี้มูฮำมัดเป็นผู้กระทำ?” แต่ก็เปล่าเลย มูฮำมัดกลับเป็นผู้ขัดแย้งต่อศาสนาแห่งบรรพบุรุษของตน เป็นผู้ตัดขาดจาดวงศาสคณาญาติ ยิ่งกว่านั้นยังได้อพยพจากแผ่นดินอันประเสริฐเลิศ (นครมักกะห์) กะอับบุตรอัชร๊อฟและพรรคพวกยังได้เอ่ยกล่าวแก่บรรดาผู้ไม่ศรัทธาอันได้แก่อบูซุฟยานกับคณะ ซึ่งเป็นกาฟิรชาวมักกะห์ว่า “พวกเจ้าเหล่านี้แหละดำเนินแนวทางเที่ยงตรงยิ่งกว่าพระนบีมูฮำมัดและบรรดาผู้มีศรัทธาเสียอีก”
๕๒. พวกกะอับบุตรอัชร๊อฟและคณะเหล่านั้นแหละเป็นพวกที่อัลเลาะห์ทรงผละให้ห่างจากพระเมตตา ถ้าแหละผู้ใดที่อัลเลาะห์ทรงผละให้ออกห่างจากพระเมตตาเสียแล้วโอ้มูฮำมัดเจ้าก็จะหาผู้สงเคราะห์ให้เขารอดพ้นจากการทรมานโทษของอัลเลาะห์มิได้เลย


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 05, 2011, 01:55 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 53 - 55


คำอ่าน
53. อัมละฮุมนะศีบุม..มินัลมุลกิ ฟะอิซัลลายุอ์ตูนัน..นาสะ นะกีรอ
54. อัมยะหฺสุดูนัน..นาสะ อะลามา..อาตาฮุมุลลอฮุ มิน..ฟัฎลิฮฺ ฟะก็อดอาตัยนา..อาละอิบรอฮัมัลกิตาบะ วัลหิกมะตะ วะอาตัยนาฮุม..มุลกัน อะซีมา
55. ฟะมินฮุม..มันอามะนะบิฮี วะมินฮุม..มัน..ศ็อดดะอันฮฺ วะกะฟาบิญะฮัน..นะมะสะอีรอ


คำแปล R1.
53. Or have they a share in the dominion? Then in that case they would not give mankind even a Naqira (speck on the back of a date-stone).
54. Or do they envy men (Muhammad and his followers) for what Allah has given them of his Bounty? Then we had already given the family of Ibrahim (Abraham) the Book and Al-Hikmah (As-Sunnah - divine inspiration to those Prophets not written in the form of a book), and conferred upon them a great kingdom.
55. Of them were (some) who believed in him (Muhammad), and of them were (some) who averted their faces from him (Muhammad); and enough is Hell for burning (them).


คำแปล R2.
53. หรือว่าพวกเขามีส่วนได้ใด ๆ จากอำนาจปกครอง? (แน่นอนพวกเขาไม่มีเลย และถ้าหากพวกเขามีจริง ๆ)พวกเขาก็จะไม่นำ (ความดีงาม) สักเพียง (เล็กน้อย) ขนาดตาเมล็ดอินทผลัมมามอบแก่มวลมนุษย์เลย
54. หรือว่าพวกเขาริษยามนุษย์ (คือนบีมุฮัมมัดและประชาชาติของท่าน) เพราะอัลเลาะฮฺได้ประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขา (ได้แก่ตำแหน่งศาสนทูตและศาสนาอิสลาม) ที่จริงนั้นเราได้มอบคัมภีร์และวิทยญาณแก่วงศ์วานอิบรอฮีม และมอบอำนาจปกครองอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา (อีกด้วย)
55. ที่จริงพวกเหล่านั้นบางคน เป็นผู้มีศรัทธาในสิ่งนั้น (สิ่งที่อัลเลาะฮฺทรงโปรดปรานให้ดังกล่าวแล้ว) และบางคนก็ขัดขวางจากสิ่งนั้น และย่อมเพียงพอแล้วกับนรกยะฮันนัม ที่เป็นชุมเพลิงอันลุกโพลง (อยู่ตลอดเวลา เพื่อเป็นที่อยู่ของพวกเขา)


คำแปล R3.
53. พวกเขามีส่วนในอาณาจักรหรือ? ถ้าหากพวกเขามี พวกเขาจะไม่แบ่งให้ใครแม้แต่เท่ารูเม็ดอินทผลัม
54. หรือพวกเขาอิจฉาปวงชนที่อัลลอฮิได้ทรงประทานความโปรดปรานของพระองค์ให้แก่พวกข? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ให้พวกเขารู้ว่าเราได้ประทานคัมภีร์และวิทยปัญญาให้แก่ลูกหลานของอิบรอฮีมและได้ประทานอาณาจักรอันใหญ่หลวงให้แก่พวกเขา
55. แต่บางคนในหมู่พวกเขามีผู้ศรัทธามันและมีบางคนที่หันห่างจากมัน และเปลวเพลิงแห่งนรกนั้นเพียงพอแล้วสำหรับบรรดาผู้ที่หันห่างจากมัน


คำแปล R4.
53. หรือว่าพวกเขามีส่วนได้ใด ๆ จากอำนาจ ถ้าเช่นนั้นแล้ว พวกเขาก็จะไม่ให้แก่คนอื่น แม้เพียงจุดบนเมล็ดอินทผลัม
54. หรือว่าพวกเขาอิจฉาคนอื่น ในสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานให้แก่พวกเขา จากความกรุณาของพระองค์ แท้จริงนั้นพระองค์ได้ประทานให้แก่วงศ์วานของอิบรอฮีมมาแล้วซึ่งคัมภีร์และ ความรู้เกี่ยวกับศาสนา และได้ทรงให้แก่พวกเขาซึ่งอำนาจอันยิ่งใหญ่
55. แล้วในหมู่พวกเขามีผู้ศรัทธาต่อเขาและในหมู่พวกเขามีผู้ที่ขัดขวางเขา และเพียงพอแล้วที่ญะฮันนัมเป็นเปลวเพลิงอันโชติช่วง


คำแปล R5.
๕๓. แต่เขาเหล่านั้นไม่มีส่วนเหมาะสมในทางปกครองแผ่นดิน และในทางได้รับตำแหน่งศาสดาเลย โองการส่วนนี้พระองค์ได้ทรงตรัสแก้ถ้อยคำของพวกยะฮูดีที่เคยพูดกันว่า “พวกเรานี้ดีเลิศกว่ามูฮำมัดเป้นไหน ๆ ทั้งในด้านตำแห่งนบีและในทางการปกครอง ก็ดูซิ ตำแหน่งนบีก็ดี อำนาจทางการปกครองก็ดี เคยตกแก่คนในตระกูลอิสรออีลทั้งนั้น” เหตุนี้เองพวกยะฮูดีจึงอยากจะได้ตำแหน่งนบีและอำนาจทางการแกครองกลับคืนมาสู่วงศ์ตระกูลของตน ฉะนั้นสมมตุว่าพวกเหล่านั้นมีส่วนในทางการปกครองหรือตำแหน่งศาสดาพวกเขาก็จะไม่ยอมให้คนใดได้แม้แต่สิ่งที่เลวซึ่งน้อยค่าขนาดสักเท่าตาของเมล็ดอินทผลัม ทั้งนี้เนื่องจากความตระหนี่อย่างสุดยอดของพวกยะฮูดีเหล่านั้น
๕๔. ย่อมไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกเหล่านั้นจะริษยาคน ๆ หนึ่งคือมูฮำมัด ในฐานะที่อัลเลาะห์ได้โปรดกรุณาผู้นั้นให้ได้รับตำแหน่งนบี ให้มีภรรยาได้ถึง ๙ คน พวกนั้นปรารถนานักที่จะให้พระกรุณาสองประการที่กล่าวนี้ไม่มีอยู่ที่มูฮำมัด จึงต่างก็เอ่ยขึ้นว่า พวกเขา(มูฮำมัด)เป็นนบีจริง ก็ต้องไม่ฝักใฝ่เรื่องผู้หญิงซิ อัลเลาะห์ทรงตรัสเสริมว่า อันที่จริงเรานั้นเมื่อแรก ๆ ก็ได้เคยมอบพระคัมภีร์บ้าง ตำแหน่งศาสดาบ้างแก่วงศานุวงศ์ของอิบรอฮีมผู้เป็นบุพชนบรรพกาลของมูฮำมัด เช่น พระนบีมูซา พระนบีดาวู๊ด และพระนบีสุไลมาน เป็นต้น แล้วเราก็ยังได้เคยมอบอำนาจทางปกครองอันไพศาลแก่พวกนั้นอีกด้วย อีกทั้งนบีดาวู๊ดก็ยังมีภรรยาถึงเก้าสิบเก้าคน ส่วนพระนบีสุไลมานก็มีภรรยาเป็นหญิงเสรีชน ๓๐๐ และเป็นทาสหญิงอีก ๗๐๐ คน เมื่อได้เอ่ยถึงคำว่าอำนาจการปกครอง ณ ที่นี้ ย่อมจะเห็นได้ชัดว่ามี ๓ ประการ
   ๑. การปกครองของฝ่ายศาสดาซึ่งคลุมสองอย่างคือ อย่างเปิดเผย เช่น การปกครองฝ่ายอาณาจักร และอย่างไม่เปิดเผย เช่น มีอำนาจอบรมจิตใจของมวลชน คอยโน้มน้าวจิตใจของมวลชนให้ใฝ่และปฏิบัติแต่การดี
   ๒. การปกครองของฝ่ายประมุขซึ่งเป็นการปกครองฝ่ายอาณาจักรอย่างเดียว   
   ๓. การปกครองของฝ่ายนักปราชญ์ซึ่งปกครองทางจิตใจ
   ทำไมถึงพวกนักปราชญ์ยะฮูดีจึงอยากให้มูฮำมัดไกลห่างจากตำแหน่งนบีเล่า
๕๕. พวกยะฮูดีบางส่วนที่กล่าวแล้วเหล่านั้น บุคคลที่ศรัทธาต่อเขา(มูฮำมัด)ก็มีเช่น อับดุลเลาะห์บุตรสลามกับคณะ และบางคนที่ผินหลังให้เขา(มูฮำมัด)อย่างไม่ยอมศรัทธาเอาเลยก็มี ยะฮันนำจึงเป็นขุมเพลิงหนึ่งพออยู่แล้วจะใช้ทรมานสำหรับผู้นั้นที่ไม่ยอมศรัทธามูฮำมัด




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 56 -57


คำอ่าน
56. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู บิอายาตินา เสาฟะนุศลีฮิมนารอ กุลละมา นะฎิญัต ญุลูดุฮุม บัดดัลนาฮุม ญุลูดันฆ็อยเราะฮา ลิยะซูกุลอะซาบ
57. วัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ สะนุดคิลุฮุม ฟีฮาอัซวาญุม..มุเฏาะฮฺฮะเราะตู..วะนุดคิลฮุม ซิลลัน..เซาะลีลา


คำแปล R1.
56. Surely! Those who disbelieved in Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) we shall burn them in Fire. as often as their skins are roasted through, we shall change them for other skins that they may taste the punishment. Truly, Allah is ever Most Powerful, All-Wise.
57. But those who believe (in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) and do deeds of righteousness, we shall admit them to Gardens under which rivers flow (Paradise), abiding therein forever. Therein they shall have Azwajun Mutahharatun [purified mates or wives (having no menses, stools, urine, etc.)] and we shall admit them to shades wide and ever deepening (Paradise)
.

คำแปล R2.
56. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธโองการต่าง ๆ ของเรา เราจะให้พวกเขาเข้านรก ทุกครั้งที่ผิวหนังของพวกเขาได้ไหม้เกรียมแล้วเราก็ทดแทนพวกเขาซึ่งผิวหนังใหม่เพื่อพวกเขาได้ลิ้มรสการลงโทษ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอำนาจยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
57. และบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามนั้น เราจะให้พวกเขาเข้าสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาเข้าอยู่ในนั้นเป็นนิรันดร พวกเขาจะมีคู่ครองอันสะอาดหมดจดในนั้น และเราจะให้พวกเขาเข้าอยู่ใต้ร่มเงาอันร่มรื่น


คำแปล R3.
56. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของเรา เราจะโยนพวกเขาเข้าไปในไฟ เมื่อใดที่ผิวหนังของพวกเขาไหม้เกรียม เราจะเปลี่ยนผิวหนังใหม่ให้แก่พวกเขา เพื่อที่พวกเขาจะได้ชิมการลงโทษอย่างเต็มที่ แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
57. สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดีนั้น เราจะรับพวกเขาทั้งหลายเข้าไปในสวนสวรรค์ที่เบื้องล่างนั้นมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน เป็นที่ที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในนั้นเป็นเวลานาน พวกเขาจะมีคู่ครองที่บริสุทธิ์ และเราจะให้พวกเข้าเข้าสู่สถานที่อันร่มรื่น


คำแปล R4.
56. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อโองการทั้งหลายของเรานั้น เราจะให้พวกเขาเข้าไปในไฟนรก คราใดที่ผิวหนังของพวกเขาสุกเราก็เปลี่ยนผิวหนังให้แก่พวกเขาใหม่ซึ่งมิใช่ ผิวหนังเดิม เพื่อพวกเขาจะได้ลิ้มรสการลงโทษ แท้จริงอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ
57. และบรรดาผู้ที่ศรัทธา และประกอบสิ่งดีงามทั้งหลายนั้น เราจะให้พวกเขาเข้าในบรรดาสวนสวรรค์ ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวนสวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล ซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับคู่ครองที่บริสุทธิ์และเราจะให้เขาเข้าอยู่ในเงา ร่มอันร่มเย็น


คำแปล R5.
๕๖. แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อบรรดาโองการของเรา(อัลเลาะห์) ต่อ ๆ ไปในวันกิยามะห์เราจะส่งพวกนั้นให้ลงนรกและให้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านอยู่ในนรกนั้นทุกครั้งที่ผิวกายของพวกเขาไหม้เป็นเถ้าถ่าน เราก็จะให้มีผิวกายอื่นมาเปลี่ยนใหม่ แล้วให้ไหม้เกรียมเป็นเถ้าถ่านอยู่อย่างนั้นเรื่อย ๆ ไปเพื่อให้พวกนั้นได้รู้รสแห่งความร้านยแรงของโทษทรมาน แท้จริงอัลเลาะห์คือองค์ทรงอิทธิฤทธิ์ยิ่งขนาดที่ไม่มีสิ่งอื่นใดจะมาทำลายฤทธานุภาพของพระองค์ให้หย่อนลงได้ทั้งทรงประณีตยิ่งในการสร้างสรรค์ของพระองค์
๕๗. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและบรรดาผู้ประพฤติชอบนั้นต่อไปในภพหน้าเราจะให้พวกเขาได้เข้าสู่สวรรค์ที่เบื้องล่างมีลำธารหลายสายไหลผ่าน โดยที่พวกเขาดำรงมั่นอยู่ในนั้นเป็นนิจนิรันดรไม่มีวันจะออกพ้นจากสวรรค์แห่งนั้นและไม่ตายซึ่ง ณ ที่นั้นพวกเขาย่อมได้คู่ครองที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วปราศจากทั้งสิ่งโสมม มลทิน และเลือดระดูในรอบเดือน ทั้งเรา(อัลเลาะห์)จะให้พวกเขาเหล่านั้นเข้าอยู่ภายใต้ฉายาร่มเย็นไม่มีแม้แต่ดวงอาทิตย์ที่จะมาฉายรังสีให้ร่มเงานนั้น ๆ อันตรธานสูญไป นี่แหละคือร่มเงาแห่งสวรรค์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 58 - 59


คำอ่าน
58. อิน..นัลลอฮะ ยะอ์มุรุกุม อัน..ตุอัดดุลอะมานาติ อิลา..อะฮฺลิฮา วะอิซาหะกัมตุม..บัยนัน..นาสิ อัน..ตะหฺกุมูบิลอัดลฺ อิน..นัลลอฮะ นิอิม..มา ยะอิซุกุม..บิฮฺ อิน..นัลลอฮะกานะ สะมีอัม..บะศีรอ
59. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อะฏีอุลลอฮะ วะอะฏีอุรฺเราะสูละ วะอุลิลอัมริมิน..กุม ฟะอิน..ตะนาซะอฺตุม ฟีชัยอิน..ฟะรุดดูฮุ อิลัลลอฮิ วัรฺเราะสูลิ อิน..กุน..ตุม ตุอ์มินูนะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิรฺ ซาลิกัค็อยรู..วะอะหฺสะนุ ตะอ์วีลา


คำแปล R1.
58. Verily! Allah commands that you should render back the trusts to those, to whom they are due; and that when you judge between men, you judge with justice. Verily, how excellent is the teaching which He (Allah) gives you! Truly, Allah is ever All-Hearer, All-Seer.
59. O you who believe! Obey Allah and obey the Messenger (Muhammad), and those of you (Muslims) who are in authority. (And) if you differ in anything amongst yourselves, refer it to Allah and his Messenger (Muhammad), if you believe in Allah and In the Last Day. That is better and more suitable for final determination.


คำแปล R2.
58. แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงมีบัญชาแก่พวกเจ้าให้พวกเจ้ามอบความไว้วางใจ (ให้รับผิดชอบการงานหรือตำแหน่งหน้าที่ใด ๆ ) แก่ผู้ทรงสิทธิ์ของมัน และเมื่อพวกเจ้าทำการตัดสินในระหว่างมนุษย์ทั้งหลาย พวกเจ้าจะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงเป็นการดียิ่งนักที่พระองค์ทรงตักเตือนพวกเจ้าในสิ่งนั้น แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงได้ยินอีกทั้งทรงมองเห็น
59. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายพวกเจ้าจงภักดีอัลเลาะฮฺและภักดีศาสนทูต และผู้ปกครองการงานจากพวกเจ้า ดังนั้นหากแม้นพวกเจ้าพิพาทกันในกรณีหนึ่ง ๆ พวกเจ้าก็จงส่งกรณีนั้นคืนสู่อัลเลาะฮฺและศาสนทูต ทั้งนี้หากพวกเจ้าศรัทธาในอัลเลาะฮฺและวันสุดท้าย นั้นเป็นสิ่งดีที่สุดและเป็นที่ยุติที่งดงามยิ่ง


คำแปล R3.
1. (โอ้ มุสลิม) อัลลอฮฺทรงบัญชาสูเจ้าให้มอบหมายความไว้วางใจทั้งหลายแก่ผู้ที่เหมาะสม และเมิ่อสูเจ้าพิพากษาระหว่างมนุษย์ จงพิพากษาโดยยุติธรรม คำปรึกษาที่อัลลอฮฺทรงให้แก่สูเจ้านั้นเป็นสิ่งประเสริฐยิ่ง แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินเสมอ ผู้ทรงเห็นเสมอ
2. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเชื่อฟังอัลลอฮฺและจงเชื่อฟังรอซูล และบรรดาผู้ที่ได้รับมอบอำนาจในหมู่สูเจ้า ดังนั้นหากสูเจ้าโต้แย้งกันในสิ่งใด จงอ้างมันกลับไปยังอัลลอฮฺและรอซูล ถ้าสูเจ้าศรัทธาในอัลลอฮิและวันสุดท้ายอย่างแท้จริง นั้นเป็นการดีกว่า และเป็นการดีที่สุดในการยุติ


คำแปล R4.
58. แท้จริงอัลลอฮฺทรงใช้พวกเจ้าให้มอบคืนบรรดาของฝากแก่เจ้าของของมัน และเมื่อพวกเจ้าตัดสินระหว่างผู้คน พวกเจ้าก็จะต้องตัดสินด้วยความยุติธรรม แท้จริงอัลลอฮฺทรงแนะนำพวกเจ้าด้วยสิ่งซึ่งดีจริง ๆ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินและได้เห็น
59. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงเชื่อฟังอัลลอฮฺ และเชื่อฟังร่อซูลเถิด และผู้ปกครองในหมู่พวกเจ้าด้วย แต่ถ้าพวกเจ้าขัดแย้งกันในสิ่งใด ก็จงนำสิ่งนั่นกลับไปยังอัลลอฮฺ และร่อซูล หากพวกเจ้าศรัทธาต่ออัลลอฮฺและวันปรโลก นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งและเป็นการกลับไป ที่สวยยิ่ง


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
คือในเดือนรอมดอน ปีที่ ๘ แห่งฮิจเราะห์ศักราช อันเป็นปีเดียวกับที่มูฮำมัดได้เข้ามามีชัย ณ นครมักกะห์ ขณะนั้นอลีบุตรตอลิบได้ขู่บังคับเอาลูกกุญแจไปจากอุสมานบุตรตอลฮะห์ อัล-หัจบีย์ ผู้ดูแลไบตุลเลาะห์ซึ่งอุสมานฯก็ไม่เต็มใจจะให้จึงได้กล่าวว่า ถ้าฉันรู้แน่ว่ามูฮำมัดเป็นศาสนทูตแล้ว ฉันก็จะไม่หวงห้ามเลย ครั้นแล้วพระนบีมูฮำมัดจึงได้สั่งอลีฯ ให้คืนลูกกุญแจแห่งอุสมาน อลีก็ยอมคืนให้แต่โดยดีแล้วก็บอกแก่อุสมานฯว่า ท่านจงรับหน้าที่ดูแลไบตุลเลาะห์นี้ต่อไปชั่วกาลนานเถิด ซึ่งงานบริการด้านนี้ก็ไดเคยสืบตกทอดมาแต่บรรพบุรุษของเจ้าตลอดมา อันนี้ทำให้อุสมานฯนึกประหลาดใจ พร้อมกันนั้น อลีฯจึงได้อ่านโองการต่อไปนี้ให้อุสมานฯฟังจนเกิดดวงตาเห็นรสแห่งธรรม ก็ยอมเข้ามาน้อมรับนับถืออิสลาม ครั้นเมื่ออุสมานจวนสิ้นใจ เชาได้ส่งมอบลูกกุญแจนี้ให้แก่ไซบะฮ์ผู้น้องชาย ให้เก็บรักษาทำหน้าที่นี้ แทนสืบไป

๕๘. แท้จริงอัลเลาะห์จะทรงบัญชาใช้พวกเจ้าให้สะสางเรื่องกรรมสิทธ์ต่าง ๆ แก่เจ้าของสิทธินั้นไม่ว่าจะเป็นสิทธิ์ของอัลเลาะห์ เช่นในการปฏิบัติศาสนกิจ หรือกระทำสิ่งใช้และเว้นสิ่งห้าม หรือสิทธิของส่วนตัวมนุษย์เช่นให้รักษาอวัยวะต่าง ๆ ของตนให้พ้นจากบาป เป็นต้นว่า ปากก็ไม่กล่าวเท็จ นินทาป้ายร้ายและยุแหย่ ตาก็รักษาไว้มิให้จับจ้องมองดูสิ่งที่บาป หูก็พยายามรักษามิให้ใฝ่ฟังถ้อยคำไร้ประโยชน์ที่หยาบคายและเท็จต่าง ๆ ส่วนอวัยวะอื่น ๆ ก็พึงสงวนไว้มิให้เพี่ยงพล้ำถลำเข้าสู่กรรมชั่วเช่นเดียวกัน หรือสิทธิของสาธารณชน เช่น จะต้องส่งคืนของฝาก ของยืมแก่เจ้าของสิทธิ์ที่เขาวางใจและอย่าทุจริตด้วยประการใดทั้งสิ้นและเมื่อพวกเจ้าปรารถนาจะพิพากษาคดีระหว่างมนุษย์แล้วอัลเลาะห์ก็ทรงบัญชาไว้ว่าให้พวกเจ้าพิพากษาโดยความยุติธรรม แท้จริงที่อัลเลาะห์ทรงเตือนพวกเจ้าในเรื่องสะสางกรรมต่าง ๆ และพิพากษาคดีระหว่างมนุษย์โดยความเป็นธรรมนั้นย่อมดีเหลือเกิน เพราะที่จริงอัลเลาะห์คือองค์ทรงได้ยินยิ่งในทุก ๆ ถ้อยคำที่ถูกเอ่ยขึ้น ทรงเห็นยิ่งในทุก ๆ สิ่งที่ถูกปฏิบัติขึ้น
๕๙. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าจงน้อมภักดีต่ออัลเลาะห์โดยปฏิบัติตามอัล-กุรอานและจงน้อมภักดีต่อมูฮำมัดผู้เป็นพระศาสนทูตในเมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ และน้อมตามแนวทางของท่านเมื่อท่านสิ้นชีวิตลงแล้ว ตลอดจนบรรดาผู้ปกครองงานบางคนในหมู่พวกเจ้าเมื่อผู้ปกครองเหล่านั้นได้ใช้พวกเจ้าให้ตามอัลเลาะห์และพระศาสนทูตของพระองค์

ต่อไปนี้จะขอลงเนื้อความของคำว่า “อุลิลอัมร์” ให้สนิทสักหน่อยว่า
๑. หมายถึงผู้มีอำนาจสั่งการโดยเที่ยงแท้ ให้ความคุ้มครอง ความเป็นธรรม ผู้มีอำนาจเหล่านี้ได้แก่ เหล่าสาวกทั้ง ๔ ของพระนบีมูฮำมัด คือ อบูบักร์ อุมัร อุสมาน และอลี และผู้ที่เจริญรอยตามสาวก ๔ นี้
๒. หมายถึงผู้มีอำนาจสั่งการของมวลมุสลิมสมัยพระนบีมูฮำมัดและสมัยที่ท่านล่วงลับลงแล้ว เช่นเหล่าสาวกทั้ง ๔ ที่กล่าวออกชื่อในข้อ ๑. ตลอดจนบรรดาผู้พิพากษาและแม่ทัพ
๓. หมายถึงปวงปราชญ์ฝ่ายศาสนาอิสลามยุค ๓๐๐ ปี ถ้าพวกเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ หากได้สิ้นชีวิตแล้วก็ให้ถือตามแนวอิจติฮาดของพวกเหล่านั้นซึ่งถูกบันทึกไว้
    ในโองการนี้แสดงถึงว่า ในวิชาฟิกห์ของนักปราชญ์ชั้นมุจตะฮิดใน ๓๐๐ ปีนั้นต้องประกอบด้วยรากฐาน ๔ คือ อัล-กุรอาน อัลหะดีธ อาจริยมติ(อิจมาอ์อุละมาอ์) และอัลกิยาส

    โอ้บรรดามุจตะฮิดใน ๓๐๐ ปีหากพวกเจ้าเกิดพิพาทกันในกรณีใด ๆ ซึ่งทั้งในอัลกุรอานและอัลหะดีธ ไม่มีขอชี้แจงไว้อย่างแจ่มแจ้งแล้วไซร้ ก็ให้พวกเจ้านำคืนกรณีนั้นไปยังพระคัมภีร์แห่งอัลเลาะห์(อัล-กุรอาน) และพระศาสนทูตมูอำมัด เมื่อท่านยังมีชีวิตอยู่ และไปยังซุนนะห์แห่งพระศาสนทูตมูฮำมัดเมื่อท่านสิ้นชีวิตแล้ว พวกเจ้าจงแสวงหาความจริงได้จาก อัล-กุรอานและอัลหะดีธ ด้วยการทำวิทยาวิจัย (อัล-อิสตินบ๊าต) โดยวิธีเปรียบเทียบ (อัล-กิยาส) กับอัล-กุรอานหรืออัล-หะดีธบ้าง หรือเจริญรอยตามคัมภีร์ทั้งสองนั้นโดยตรงบ้าง ถ้าว่าพวกเจ้าเป็นผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และวันอวสานอยู่แล้ว ก็จงนำกรณีพิพาทดังกล่าวไปยังอัล-กุรอานและอัล-หะดีธเถิด การนำกรณีพิพาทดังกล่าวคืนไปยังอัล-กุรอานก็ดี ไปยังอัล-หะดีธก็ดี นี่แหละถือเป็นความดียิ่งกว่าที่พวกเจ้าจะพิพาทขัดแย้งกัน และพูดจากันโดยความเห็นส่วนตัวและเป็นการยุติที่ดูงามยิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 60 - 61


คำอ่าน
60. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะ ยัซอุมูนะ อัน..นะฮุม อามะนู บิมา..อุน..ซิละอิลัยกะ วะมา..อุนซิละ มิน..ก็อบลิกะ ยุรีดูนะ อัย..ยะตะหากะมู..อิลัฏฏอฆูติ วะก็อดอุมิรู..อัย..ยักฟุรูบิฮฺ วะยุรีดุชชัยฏอนุ อัย..ยุฎิลละฮุม เฎาะลาลัม..บะอีดา
61. วะอิซากีละละฮุม ตะอาเลาอิลามา..อัน..ซะลัลลอฮุ วะอิลัรฺเราะสูลิ เราะอัยตัลมุนาฟิกีนะ ยะศุดดูนะ อัน..กะศุดูดา


คำแปล R1.
60. Have you seen those (hypocrites) who claim that they believe in that which has been sent down to you, and that which was sent down before you, and they wish to go for judgment (in their disputes) to the Taghut (false judges, etc.) while they have been ordered to reject them. But Shaitan (Satan) wishes to lead them far astray.
61. And when it is said to them: "Come to what Allah has sent down and to the Messenger (Muhammad)," you (Muhammad) see the hypocrites turn away from you (Muhammad) with aversion.


คำแปล R2.
60. เจ้าไม่สังเกตดอกหรือ บรรดา (พวกกลับกลอก) ซึ่งอ้างตัวพวกเขามีศรัทธาใน (อัลกุรอาน) ที่ถูกประทานแก่เจ้าและ (คัมภีร์) ที่ถูกประทานก่อนหน้าเจ้า พวกเขามีความมุ่งหวังที่จะมอบหมายการตัดสิน (ข้อพิพาทต่าง ๆ ) แก่มารร้ายทั้ง ๆ ที่พวกเขาถูกบัญชาให้ปฏิเสธมัน และมารร้ายย่อมมุ่งหวังที่จะทำให้พวกเขาหลงผิดอันห่างไกล
61. และเมื่อมีผู้กล่าวกับพวกเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงมาซิ มายัง(กุรอาน)ที่อัลเลาะฮฺทรงประทานลงมาให้ และมายังศาสนทูต (เพื่อใช้เป็นข้อตัดสินในกรณีต่าง ๆ )” แน่นอนเจ้าได้เห็นบรรดาพวกตลบตะแลงทำการขัดขวางอย่างจริงจังต่อเจ้า (มิให้มนุษย์เข้ามาเลื่อมใส)


คำแปล R3.
60. (โอ้ นบี) เจ้าไม่ได้พิจารณาบรรดาผู้อ้างว่าพวกเขาศรัทธาในคัมภีร์ที่ได้ถูกประทานลงมาแก่เจ้า และในบรรดาคัมภีร์ที่ได้ถูกประทานลงมาก่อนหน้าเจ้าแล้ว ยังต้องการที่หันไปหา “ตอฆูต” มาตัดสินเรื่องต่าง ๆ ของพวกเขาทั้ง ๆ ที่พวกเขาได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติกระนั้นหรือ? และมารปรารถนาที่จะทำให้พวกเขาหลงออกไปไกลจากทางที่เที่ยงตรง
61. และเมื่อพวกเขาได้ถูกกล่าวว่า “จงมายังสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานมาและยังรอซูล เจ้าจะเห็นพวกตลบตะแลงแสดงความลังเลมราจะมาให้เจ้า


คำแปล R4.
60. เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่อ้างตนว่าพวกเขาศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่ เจ้าและสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนเจ้าดอกหรือ ? โดยที่เขาเหล่านั้นต้องการที่จะให้การแก่อัฏฏอฆูต ทั้ง ๆ ที่พวกเขาถูกใช้ให้ปฏิเสธมันและชัยฏอนนั้นต้องการที่จะให้พวกเขาหลงทางที่ ห่างไกล
61. และเมื่อถูกล่าวแก่พวกเขาว่า ท่านทั้งหลายจงมายังสิ่งที่อัลลอฮฺได้ประทานลงมา และยังร่อซูลเถิด เจ้าก็ได้เห็นพวกมุนาฟิกเหล่านั้นผินหลังให้แก่เจ้าจริง ๆ


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ขณะที่ยะฮูดีหนึ่ง กับมุนาฟิกหนึ่งได้ถกเถียงกัน ฝ่ายมุนาฟิกจึงชวนยะฮูดีให้ไปหากะอับบุตรอัชร๊อฟให้ตัดสินข้อพิพาท ส่วนยะฮูดีก็ชวนมุนาฟิกให้ไปหาพระนบีมูฮำมัด ทั้งสองคนจึงตกลงไปหามูฮำมัด พอมูฮำมัดตัดสินให้ยะฮูดีชนะ พวกมุนาฟิกก็ไม่ยอมความ ทั้งสองคนจึงต้องไปหาอุมัร ยะฮูดีเป็นฝ่ายเล่าเรื่องราวแต่ต้นจนจบให้อุมัรฟัง เสร็จแล้วเขาก็ถามฝ่ายมุนาฟิกว่า เรื่องทั้งสิ้นนี้เป็นความจริงไหม มุนาฟิกรับปากว่าจริง ดังนั้นอุมัรจึงประหารฝ่ายมุนาฟิก
๖๐. โอ้มูอำมัด ไม่สมควรที่เจ้าจะไม่แลดูสภาพการณ์ของบรรดาชนมุนาฟิกที่สำคัญตนว่าพวกเขาศรัทธาต่อพระคัมภีร์อัล-กุรอานซึ่งได้ถูกประทานมายังเจ้า และต่อพระคัมภีร์ซึ่งได้ถูกประทานก่อนจากเจ้า โดยพวกเหล่านั้นหมายจะมบให้ตอฆู๊ตผู้ถูกเรียกในนามของกะอับบุตรอัชร๊อฟมาตัดสินความ ทั้งที่พวกนั้นก็เคยถูกกำชับมิให้ศรัทธาต่อมัน ฝ่ายไซตอนนั้นมันมุ่งหวังจะให้พวกเหล่านั้นหลงใหลอย่างไกลแสนไกลจากความจริงแท้
๖๑. และเมื่อพวกมุนาฟิกนั้นได้ถูกเขาเอ่ยขึ้นว่า เชิญเถิด เชิญพวกเจ้าให้ผินหน้ามายังข้อบัญญัติใช้และห้ามที่อัลเลาะห์ได้ประทานลงมาในอัล-กุรอาน และหันหน้ามายังพระศาสนทูตม๔ฮำมัดเพื่อว่าเขาจะได้ชำระความให้ระหว่างพวกเจ้า โอ้มูฮำมัดเจ้าก็ได้แลเห็นพวกมุนาฟิกกำลังผินหลังให้เจ้าไปยังกะอับบุตรอัชร๊อฟอยู่แล้วเป็นแน่แท้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 62 - 63


คำอ่าน
62. ฟะกัยฟะอิซา..อะศอบัตฮุม..มุศีบะตุม..บิมาก็อดดะมัตอัยดีฮิม ษุม..มะญา..อูกะยะหฺลิฟูนะ บิลลาฮิ อินอะร็อดนา..อิลลา..อิหฺสาเนา..วะเตาฟีกอ
63. อุลา...อิกัลละซีนะ ยะอฺละมุลลอฮุ มาฟีกุลูบิฮิม ฟะอะอฺริฎอันฮุม วะอิซฮุม วะกุลละฮุม ฟีอัน..ฟุสิฮิม ก็อวลัม..บะลีฆอ


คำแปล R1.
62. How then, when a catastrophe befalls them because of what their hands have sent forth, they come to you swearing by Allah, "We meant no more than goodwill and conciliation!"
63. They (hypocrites) are those of whom Allah knows what is in their hearts; so turn aside from them (Do not Punish them) but admonish them, and speak to them an effective word (i.e. to believe in Allah, worship him, obey him, and be afraid of him) to reach their inner selves
.

คำแปล R2.
62. แล้วจะเป็นฉันใดเล่า? เมื่อเหตุร้ายได้ประสบแก่พวกเขา เพราะการกระทำที่พวกเขได้ล่วงไว้ด้วยมือของพวกเขาเอง แล้วต่อมาพวกเขาก็มาหาเจ้าพร้อมสาบานกับอัลเลาะฮฺว่า “พวกเราไม่มุ่งหวัง (สิ่งใดทั้งสิ้น) นอกจากคุณความดีและความมีไมตรีต่อกัน”
63. พวกเหล่านั้น อัลเลาะฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา (เป็นอันดี) ดังนั้นเจ้าจงหันออกจากพวกเขา และเจ้าจงเตือนพวกเขา และจงกล่าวกับพวกเขา (ในเรื่องที่เกี่ยวกับ) ตัวของพวกเขาด้วยวาจาอันลึกซึ้ง (กินใจพวกเขาให้พวกเขาได้สำนึกบ้าง)


คำแปล R3.
62. แต่พวกเขาเป็นอย่างไรเล่าเมื่อภัยพิบัติได้ประสบแก่พวกเขาตามที่พวกเขาได้ท้าไว้? พวกเขามาหาเจ้าพร้อมกับคำสาบานว่า “เราสาบานด้วยพระนามของอัลลอฮฺว่าเราไม่ปรารถนาสิ่งใดนอกจากการส่งเสริมความดีและการสมานฉันท์”
63. คนเหล่านี้คือบรรดาที่อัลลอฮฺทรงรู้ดี ถึงสิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้นจงหลีกห่างจากพวกเขาและจงตักเตือนพวกเขา และจงพูดกับพวกเขาด้วยคำพูดที่ทำให้หัวใจของเขาซาบซี้ง


คำแปล R4.
62. แล้วจะเป็นอย่างไรเล่า เมื่อมีเหตุร้ายใด ๆ ประสบแก่พวกเขา เนื่องจากสิ่งที่มือของพวกเขาได้ประกอบขึ้น แล้วพวกเขาก็มาหาเจ้าโดยสาบานต่ออัลลอฮฺว่า พวกเรามิได้ต้องการนอกจากการทำดีและให้มีการปรองดองกันเท่านั้น
63. ชนเหล่านี้แหละคือผู้ที่อัลลอฮฺทรงรู้สิ่งที่อยู่ในหัวใจของพวกเขา ดังนั้นเจ้าจงผินหลังให้แก่พวกเขา และจงตักเตือนพวกเขาและจงกล่าวแก่พวกเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับตัวของพวกเขา อย่างสาแก่ใจ


คำแปล R5.
๖๒. แล้วสภาพของพวกมุนาฟิกจะเป็นอย่างไรในเมื่อโทษทรมานเพราะเหตุจากความไม่ศรัทธาและการทรยศที่พวกนั้นได้กระทำสะสมไว้มาประสบเข้าโดยไม่มีทางจะหลีกหนีไปให้พ้นโทษทรมานนั้นได้เลยครั้นแล้วพวกมุนาฟิกเหล่านั้นก็หันมาหาเจ้า สบถสาบานโดยอ้างพระนามแห่งอัลเลาะห์ว่า ที่พวกเราให้คนอื่นจากเจ้ามาตัดสินความนั้นพวกเรามิได้มีวัตถุประสงค์อื่นใดเลยนอกจากการประนอมความ และความไมตรีกันระหว่างคู่กรณีด้วยการตัดสินให้ใกล้เคียงความจริง แต่มิได้ตัดสินตรงความจริงนักเท่านั้น
๖๓. พวกมุนาฟิกเหล่านั้นแหละที่อัลเลาะห์ทรงรู้ความกลับกลอก ความเท็จและเล่ห์เหลี่ยมภายในจิตใจของพวกเขา ที่ต้องการจะแก้ตัวให้พ้นผิด โอ้มูฮำมัด ในเมื่อพวกมุนาฟิกีนมีสภาพการณ์เป็นดั่งที่กล่าวนี้แล้ว เจ้าจงเมินเฉยเสียจากที่จะรับพิจารณาข้อแก้ตัวของพวกเหล่านั้นเถิด จงขู่พวกเหล่านั้นให้สำนึกตัวกลัวอัลเลาะห์ ทั้งจงพูดจาแก่พวกเหล่านั้นด้วยวาจาที่คมคายเถิด เพื่อว่าพวกเหล่านั้นจะได้กลับใจจากความไม่ศรัทธา



 

GoogleTagged