ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี  (อ่าน 14406 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 64 - 65


คำอ่าน
64. วะมา..อัรฺสัลนามิรฺเราะสูลิน อิลลาลิยุฏออะบิอิซนิลลาฮฺ วะเลาอัน..นะฮุม อิซเซาะละมู..อัน..ฟุสะฮุม ญา...อูกะ ฟัสตัฆฟะรุลลอฮะ วัสตัฆฟะเราะ ละฮุมุรฺเราะสูลุ ละวะญะดุลลอฮะ เตาวาบัรฺเราะหีมา
65. ฟะลาวะร็อบบิกะ ลายุอ์มินูนะ หัตตายุหักกิมูกะ ฟีมาชะญะเราะ บัยนะฮุม ษุม..มะลายะญิดู ฟี..อัน..ฟุสิฮิม หะเราะญัม..มิม..มา เกาะฎ็อยตะ วะยุสัลลิมูตัซลีมา


คำแปล R1.
64. We sent no Messenger, but to be obeyed by Allah's Leave. If they (hypocrites), when they had been unjust to themselves, had come to you (Muhammad) and begged Allah's Forgiveness, and the Messenger had begged Forgiveness for them: indeed, they would have found Allah All-Forgiving (one who accepts repentance), Most Merciful.
65. But no, by your Lord, they can have no Faith, until they make you (O Muhammad) judge in all disputes between them, and find in themselves no resistance against your decisions, and accept (them) with full submission.


คำแปล R2.
64. และเรามิได้ส่งศาสนทูตคนใดมา (เพื่ออื่นใด) นอกจากเพื่อเขาจะได้รับการภักดีโดยอนุญาตของอัลเลาะฮฺ และมาดว่าพวกเจ้าเป็นผ๔ฉ้อฉลตัวเองไปแล้ว พวกเขาจึงมาหาเจ้า และขอให้เจ้าขออภัยต่ออัลเลาะฮฺให้ และศาสนทูตเองก็ได้ขออภัยแก่พวกเขา แน่นอนที่สุด พวกเขาจะได้พบว่าอัลเลาะฮฺทรงรับคำสารภาพยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
65. แท้จริงมิใช่หรอก! ขอสาบานต่อองค์อภิบาลของเจ้า! พวกเขายังมิได้ศรัทธาหรอก จนกว่าพวกเขาจะมอบอำนาจการตัดสินแก่เจ้า ในกรณีพิพาทที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา (เมื่อเจ้าตัดสินแล้ว) หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่พบความคับแค้นใด ๆ ในหัวใจเลย จากที่เจ้าได้ตัดสินไปแล้ว แล้วพวกเขาก็ยอมตนโดยราบคาบ (ในคำตัดสินนั้น)


คำแปล R3.
64. (จงบอกพวกเขา) “รอซูลทุกคนที่เราได้ส่งมาจะต้องได้รับการเชื่อฟังเพราะอัลลอฮฺได้ทรงบัญชาไว้” เมื่อพวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาก็คือการมาหาเจ้าและขอการอภัยโทษต่ออัลลอฮฺ และถ้ารอซูลได้ขออภัยโทษให้พวกเขา แน่นอนพวกเขาก็จะได้พบว่า อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงนิโทษโดยปรานี ผู้ทรงเมตตาเสมอ
65. แต่มิได้ ขอสาบานด้วยพรันามของพระผู้อภิบาลของเจ้า พวกเขาจะไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะยอมรับเจ้าเป็นผู้ตัดสินในเรื่องที่พวกเขามีความขัดแย้งกัน และพวกเขาไม่มีความข้องใจในเรื่องที่เจ้าตัดสินและยอมรับการตัดสินนั้นอย่างนอบน้อม


คำแปล R4.
64. และเรามิได้ส่งร่อซูลคนใดมานอกจากเพื่อให้เขาได้รับการเชื่อฟังด้วย อนุมัติของอัลลอฮฺเท่านั้น และแม้ว่าพวกเขานั้นขณะที่พวกเขาอธรรมแก่ตัวเอง ได้มาหาเจ้า แล้วขออภัยโทษต่ออัลออฮ์และร่อซูลก็ได้ขออภัยโทษให้แก่พวกเขาด้วยแล้วแน่นอน พวกเขาก็ย่อมพบว่าอัลลอฮฺนั้นคือผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
65. มิใช่เช่นนั้นดอก ข้าขอสาบานด้วยพระเจ้าของเจ้าว่า เขาเหล่านั้นจะยังไม่ศรัทธาจนกว่าพวกเขาจะให้เจ้าตัดสินในสิ่งที่ขัดแย้งกัน ระหว่างพวกเขาแล้วพวกเขาไม่พบความ คับใจใด ๆ ในจิตใจของพวกเขาจากสิ่งที่เจ้าได้ตัดสินใจ และพวกเขายอมจำนนด้วยดี


คำแปล R5.
๖๔. เรามิได้ส่งพระศาสนทูตมาเพื่ออะไร นอกจากจะให้ได้รับความภักดีในประการที่พระศาสนทูตผู้นั้นจะมีคำบัญชาใช้และให้การตัดสินตามกำหนดการของอัลเลาะห์เท่านั้นแต่มิใช่ว่าจะส่งพระศาสนทูตมาเพื่อให้ถูกทรยศและถูกฝ่าฝืนคำสั่ง ดังนั้น หากว่าผู้ใดไม่ภักดีตามเขา และไม่ยินดีในคำตัดสินของเขาแล้วย่อมแสดงว่า ผู้นั้นไม่ยอมรับรองความเป็นพระศาสนทูตของเขา และผู้ใดที่เป็นเช่นว่านี้ผู้นั้นก็คือชนกาฟิรที่จะต้องถูกสังหาร แต่ถ้าพวกเหล่านั้นเมื่อได้กระทำทุจริตต่อตนเองโดยตั้งให้ตอฆู๊ตเป็นผู้ตัดสินคดีความแล้วก็เข้ามาหาเจ้า(มูฮำมัด)อย่างผู้สลัดบาปและสารภาพกลับใจทั้งยังได้ขอประทานอภัยต่ออัลเลาะห์ ส่วนตัวท่านผู้เป็นพระศาสนทูตก็ได้ช่วยขอประทานอภัยให้พวกเหล่านั้นด้วยแล้วไซร้ พวกเหล่านั้นย่อมจะพบว่าอัลเลาะห์คือองค์ทรงรับรองซึ่งคำสารภาพกลับใจของพวกนั้น ทั้งทรงโปรดปรานีต่อพวกเหล่านั้นยิ่งนัก
๖๕. แต่ขอให้สัตย์ปฏิญาณไว้โดยองค์พระผู้อภิบาลแห่งเจ้า(มูฮำมัดว่า พวกเหล่านั้นจะไม่ศรัทธากันหรอก จนกว่าเมื่อไรพวกนั้นจะให้เจ้ามาตัดสินกรณีที่มีข้อสงสัยอยู่ระหว่างพวกเจ้าได้แล้ว จนกว่าในจิตใจของพวกเขาจะหมดความคับใจและเคลือบแคลงสงสัยในประการที่เจ้าได้ตัดสินลงไป แล้วก็จะอนุโลมตามคำตัดสินของเจ้าโดยราบคาบ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 66 - 68   



คำอ่าน
66. วะเลาอัน..นากะตับนาอะลัยฮิม อะนิกตุลู..อัน..ฟุสะกุม อะวิคริญูมิน..ดิยาริกุม..มาฟะอะลูฮุ อิลลาเกาะลีลุม..มินฮุม วะเลาอัน..นะฮุมฟะอะลู มายูอะซูนะบิฮี ละกานะค็อยร็อลละฮุม วะอะชัดดุ ตัษบีตา
67. วะอิซัลละอาตัยนาฮุม..มิลละดุน..นา..อัจญร็อนอะซีมา
68. วะละฮะดัยนาฮุม ศิรอฏ็อม..มุสตะกีมา

 
คำแปล R1.
66. And if we had ordered them (saying), "Kill yourselves (i.e. the innocent ones kill the guilty ones) or leave your homes," very few of them would have done it; but if they had done what they were told, it would have been better for them, and would have strengthened their (Faith);
67. And indeed we should then have bestowed upon them a great reward from ourselves.
68. And indeed we should have guided them to a Straight way.


คำแปล R2.
66. และมาดว่าเราได้วางบทบัญญัติแก่พวกเขาว่า “พวกเจ้าจงฆ่าตัวเองหรือจงออกจากบ้านเมือง(ด้วยการอาสาออกไปทำการรบในสมรภูมิต่าง ๆ )แน่นอนพวกเขาไม่กระทำสิ่งนั้นหรอก นอกจากเพียงเล็กน้อยจากพวกนั้น และมาดว่าพวกเขากระทำสิ่งที่พวกเขาถูกตักเตือนไว้ มันก็จะเป็นความดีงามแก่พวกเขาอย่างแน่นอน และเป็นความมั่นคงอย่างยิ่งยวด (สำหรับศรัทธาของพวกเขา)
67. และเมื่อนั้นเอง เราก็จะมอบรางวัลอันยิ่งใหญ่จากเราแก่พวกเขา
68. และแน่นอนที่สุด เราจักชี้นำแนวทางอันเที่ยงตรงแก่พวกเขา


คำแปล R3.
66. (สำหรับพวกเขา) หากเราได้บัญชาแก่พวกเขาว่า “จงสละชีวิตของสูเจ้า” หรือ “จงออกจากบ้านของสูเจ้า” พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามนอกจากเพียงไม่กี่คนเท่านั้น มันจะเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเขาและมันจะทำให้พวกเขามั่นคง (ในความศรัทธา) ถ้าหากพวกเขาปฏิบัติตามที่พวกเขาได้ถูกบัญชา
67. และเมื่อนั้นเราจะประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่จากเราแก่พวกเขา
68. และแน่นอน เราจะนำทางพวกเขาสู่หนทางที่เที่ยงตรง


คำแปล R4.
66. และแม้นว่าเราได้กำหนดแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงฆ่าตัวของพวกเจ้าเองหรือจงออกไปจากหมู่บ้านของพวกเจ้า พวกเขาก็ไม่กระทำตามกำหนดนั้น  นอกจากเพียงเล็กน้อยในหมู่พวกเขาเท่านั้น และแม้ว่าพวกเขาได้กระทำตามสิ่งที่พวกเขาได้รับคำแนะนำแล้ว แน่นอนก็เป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเขา และเป็นสิ่งที่ทำให้มั่นคงยิ่ง
67. และถ้าเช่นนั้นแล้ว แน่นอนเราก็จะให้แก่พวกเขา ซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวงจากที่เรานี้เอง
68. และแน่นอน เราก็จะแนะนำแก่พวกเขาซึ่งทางอันเที่ยงตรง


คำแปล R5.
๖๖. อันที่จริงเรา(อัลเลาะห์)ก็ได้ผ่อนปรนแก่พวกมุนาฟิกอยู่แล้ว เพราะว่าเรานั้นไม่ปรารถนาอะไรจากพวกเหล่านี้มากไปกว่าที่จะให้พวกเขาสารภาพกลับใจ(เตาบะห์)ด้วยวิธีการเพียงแต่มอบหมายให้เจ้า(มูฮำมัด)เป็นผู้ตัดสินความและด้วยการยอมปฏิบัติตนตามคำตัดสินนั้นอย่างไม่มีข้อแม้แล้วถ้าเราจะวางกฎเรื่องของการสารภาพกลับใจ(เตาบะห์)ไว้แก่พวกนั้นว่า “จงสังหารตนเองหรือจงออกไปเสียจากบ้านเรือน” เหมือนอย่างที่เราได้เคยวางกฎอย่างนี้ไว้แก่พวกตระกูลอิสรออีลแล้วไซร้ ก็จะไม่มีใครกระทำตามนั้น นอกจากมีบ้างเพียงจำนวนน้อย แต่ถ้าพวกเหล่านั้นได้กระทำตามที่พวกตนได้รับโอวาทไว้จากมูฮำมัดได้จริงแล้ว นั่นย่อมจะเป็นความดียิ่งสำหรับพวกนั้นและเป็นความมั่นคงในทางศรัทธายิ่งนัก
๖๗. แต่ถ้าจะมีคำถามสอดขึ้นมาว่า ในเมื่อพวกนั้นมีความศรัทธาอันมั่นคงแล้ว พวกเขาจะได้อะไร อัลเลาะห์จึงตรัสว่า ถ้าพวกเหล่านั้นมีความศรัทธาอย่างมั่นคงเมื่อนั้นแหละเรา(อัลเลาะห์)ก็จะมอบสวรรค์ให้เป็นของตอบแทนอันใหญ่หลวงแก่พวกเขาเหล่านั้น
๖๘. ทั้งเราจะได้ชี้หนทางอันเที่ยงตรงแก่พวกเหล่านั้นอีกด้วย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 69 - 70


คำอ่าน
69. วะมัย..ยุฏิอิลลาฮะ วะเราะสูละ ฟะอุลา...อิกะ มะอัลละซีนะ อันอะมัลลอฮุอะลัยฮิม..มินัน..นะบียีนะ วัศศิดดีกีนะ วัชชุฮะดา..อิ วัศศอลิหีน วะหะสุนะ อุลา...อิกะเราะฟีกอ
70. ซาลิกัลฟัฎลุมินัลลอฮิ วะกะฟาบิลลาฮิอะลีมา


คำแปล R1.
69. And whoso obeys Allah and the Messenger (Muhammad), then they will be in the company of those on whom Allah has bestowed his Grace, of the Prophets, the Siddiqun (those followers of the Prophets who were first and foremost to believe in them, like Abu Bakr As-Siddiq ), the martyrs, and the righteous. And how excellent these companions are!
70. Such is the Bounty from Allah, and Allah is Sufficient as All-Knower.


คำแปล R2.
69. และผู้ใดภักดีอัลเลาะฮฺและศาสนทูต แน่นอนพวกเหล่านั้น ย่อมได้อยู่ร่วมกับบรรดามวลชนที่อัลเลาะฮฺได้ประทานความโปรดปรานแก่เขา นั่นคือ บรรดาศาสดา บรรดาผู้เลื่มอใสแท้จริง บรรดาผู้เสียสละชีพเพื่ออัลเลาะฮฺ และบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งหลาย และพวกเหล่านั้นล้วนเป็นมิตรที่ดีที่สุด (สำหรับผู้ภักดีดังกล่าว)
70. อันความโปรดปรานนั้นมาจากอัลเลาะฮฺและเป็นการเพียงพอแล้วกับอัลเลาะฮฺที่พระองค์ทรงรอบรู้ยิ่ง (ที่จะทรงตอบสนองกุศลให้)


คำแปล R3.
69. และผู้ใดเชื่อฟังอัลลอฮฺและรอซูล เขาเหล่านั้นจะได้อยู่กับบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงประทานความโปรดปรานให้แก่พวกเขา นั่นคือบรรดานบี ผู้สัตย์จริง ผู้พลีชีพในสงครามและบรรดากัลยาณชน และช่างดีเสียนี่กระไร เหล่ามวลมิตรนี้
70. นั่นคือความโปรดปรานจากอัลลอฮฺและเพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง


คำแปล R4.
69. และผู้ใดที่เชื่อฟังอัลลอฮฺ และร่อซูลแล้วชนเหล่านี้จะอยู่ร่วมกับบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงกรุณาเมตตาแก่ พวกเขา อันได้แก่บรรดานะบี บรรดาผู้ที่เชื่อโดยดุษฎี บรรดาผู้ที่เสียชีวิตในสงคราม และบรรดาผู้ที่ประพฤติดี และชนเหล่านี้แหละเป็นเพื่อนที่ดี
70. ความกรุณาดังกล่าวนั้นมาจากอัลลอฮฺและพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ได้มีสาวกของพระนบีมูฮำมัดบางคนเรียนถามพระนบีว่า ในสรวงสวรรค์นั้นพวกเราจะแลเห็นท่านได้อย่างไร เพราะท่านมีฐานันดรศักดิ์สูง ส่วนพวกเราอยู่ในฐานะที่ต่ำกว่าตัวท่าน จึงมีโองการจากอัลเลาะห์ลงมาว่า
๖๙. ถ้าแหละผู้ใดภักดีต่ออัลเลาะห์และพระศาสนทูตมูฮำมัดในประการต่าง ๆ ที่ทั้งสองมีคำบัญชาใช้และห้ามแล้วไซร้ พวกเหล่านั้นแหละได้อยู่ร่วมกับบรรดาชนที่อัลเลาะห์ประทานความเลิศล้นให้ อันได้แก่พวกศาสดาทั้งหลาย พวก สาวกของศาสดาเหล่านั้นที่เคร่งในสัจธรรมและยอมเชื่อฟังสัจวาจาของเหล่าพระศาสดาแห่งตนอย่างจริงใจพวกถูกฆ่าในสงครามและพวกประพฤติชอบทั้งหลาย พวกที่ภักดีต่ออัลเลาะห์และพระศาสนทูตเท่าที่กล่าวถึงเหล่านี้แหละเป็นสหายที่ดียิ่งนัก ซึ่งมีความบันเทิงสุขอยู่ในสวรรค์ด้วยการได้ชม ได้เยี่ยมเยียน และได้คบค้าสมาคมกับบรรดาชนที่กล่าวแล้ว ถึงแม้ว่าสถานที่พำนักอาศัยอยู่ของพวกมีฐานันดรศักดิ์จะสูงกว่าที่พักอาศัยของพวกที่ภักดีต่ออัลเลาะห์และพระศาสนทูตก็ตามเถิด
๗๐. สภาพการณ์ของพวกที่ภักดีต่ออัลเลาะห์และพระศาสนทูตกับพวกมีฐานันดรศักดิ์สูงทั้งสี่ นี่แหละคือความพิเศษสุดมาจากอัลเลาะห์ใช่ว่าเป็นการตอบแทนที่ได้รับมาเพราะความภักดีของพวกเขาเหล่านั้นก็หาไม่และมีอัลเลาะห์เป็นองค์ทรงรู้ยิ่งก็ย่อมพอเพียงแล้ว โอ้บรรดาผู้ภักดีต่ออัลเลาะห์และศาสนทูตมูอำมัด พวกเจ้าพึงมั่นใจตามที่อัลเลาะห์ได้ทรงบอดเล่าแก่พวกเจ้าไว้ในพระคัมภีร์อัล-กุรอานเถิด ซึ่งไม่มีคนใดสามารถจะบอกผลตอบแทนแก่พวกเจ้าเหมือนอย่างอัลเลาะห์เลย ทั้งนี้เพราะพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งทั้งปวง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 71 - 73


คำอ่าน
71. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู คุซูหิซเราะกุม ฟัน..ฟิรู ษุบาติน อะวิน..ฟิรูญะมีอา
72. วะอิน..นะมิน..กุม ละมัลละยุบัฏฏิอัน..นะ ฟะอิน อะศอบัตกุม..มุศีบะตุน..กอละ ก็อดอันอะมัลลอฮุ อะลัยยะ อิซลัมอะกุม..มะอะฮุมชะฮีดา
73. วะละอินอะศอบะกุม ฟัฎลุม..มินัลลอฮิ ละยะกูลัน..นะ กะอัลลัมตะกุม..บัยนะกุม วะบัยนะฮู มะวัดดะตุย..ยาลัยตะนี กุน..ตุมะอะฮุม ฟะอะฟูซะ เฟาซันอะซีมา


คำแปล R1.
71. O you who believe! Take your precautions, and either go forth (on an expedition) in parties, or go forth all together.
72. There is certainly among you he who would linger behind (from fighting in Allah's Cause). If a misfortune befalls you, he says, "Indeed Allah has favoured me in that I was not present among them."
73. But if a Bounty (victory and booty) comes to you from Allah, he would surely say - as if there had never been ties of affection between you and him - "Oh! I wish I had been with them; Then I would have achieved a great success (a good share of booty)."


คำแปล R2.
71. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าทั้งหลายจงเตรียมพร้อมเถิด (ก่อนออกรบ) และพวกเจ้าก็จงยาตรา (ทัพ) ออกเป็นกลุ่มย่อย หรือยาตรา (ทัพ) ออกโดยพร้อมกัน (ทั้งกองทัพ)
72. และแท้จริงพวกเจ้าบางคนนั้นเป็นผู้ที่ทำชักช้า (ไม่ยอมออกต่อสู้) ครั้นต่อมาหากเหตุร้ายได้ประสบแก่พวกเจ้า (เช่น ถูกฆ่าตายหรือประสบความพ่ายแพ้) เขาก็กล่าวว่า “อัลเลาะฮฺได้ทรงโปรดแก่ฉันเพราะฉันมิได้ออกทำการต่อสู้พร้อมกับพวกเขา”
73. ขอยืนยัน แท้จริงหากความโปรดปรานจากอัลเลาะฮฺ (คือชัยชนะและโชคผล) ได้ประสบแก่พวกเจ้าเขาก็จะกล่าว (ด้วยความเสียใจ) คล้ายกับว่าระหว่างพวกเจ้ากับพวกเขานั้น ไม่มีเยื่อใยแห่งความรักซึ่งกันและกันเลย ว่า “โอ้ ตัวฉันนี้น่าจะได้อยู่พร้อมกับพวกเขาเหลือเกิน เพื่อฉันจะได้รับชัยชนะอันยิ่งใหญ่ด้วย”


คำแปล R3.
71. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเตรียมตัวสูเจ้าให้พร้อมเสมอ และจงเคลื่อนออกไปเป็นหมู่หรือเคลื่อนออกไปด้วยกันทั้งหมด
72. และแท้จริงในหมู่สูเจ้านั้นมีผู้ที่ไม่ยอมออกไปกับกองทัพ ถ้าหากมีทุกข์ภัยอันใดประสบแก่สูเจ้า พวกเขาจะกล่าวว่า “อัลลอฮฺทรงโปรดปรานฉันที่เราไม่ได้ร่วมไปกับพวกเขา”
73. และถ้าสูเจ้าได้รับความโปรดปรานใดจากอัลลอฮฺ พวกเขาจะกล่าว-ถึงแม้กล่าวไม่มีมิตรภาพระหว่างสูเจ้าและเขามาก่อน-ว่า “ถ้าฉันได้อยู่ร่วมกับพวกเขาฉันก็คงจะได้รับความสำเร็จอันใหญ่หลวงด้วย”


คำแปล R4.
71. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย! จงยึดถือไว้ซึ่งความระมัดระวังของพวกเจ้า แล้วจงออกไปเป็นกลุ่ม ๆ หรืออกไปโดยรวมเป็นกลุ่มเดียวกัน
72. และแท้จริงในหมู่พวกเจ้านั้นมีผู้ที่ทำชักช้าอยู่ หากมีเหตุร้ายใดประสบแก่พวกเจ้า เขาก็กล่าวว่า แท้จริงอัลลอฮฺได้ทรงกรุณาแก่ฉัน ที่ฉันมิได้ร่วมอยู่กับพวกเขา
73. และถ้าหากว่ามีความกรุณาใด ๆ จากอัลลอฮฺได้ประสบกับพวกเจ้าแล้ว แน่นอนเขาก็จะกล่าวประหนึ่งไม่เคยมีความชอบพอใดๆ เกิดขึ้นระหว่างพวกเจ้ากับเขาว่า โอ้หวังว่าฉันได้ร่วมอยู่กับพวกเขา แล้วฉันก็จะได้ชัยชนะอย่างใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๗๑. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาที่เก่งกล้าสามารถพวกเจ้าจงระวังภัยของพวกเจ้าที่จะเกิดจากฝ่ายศัตรูของพวกเจ้าฉะนั้นพวกเจ้าจงเดิรทัพไปรบกับศัตรูเหล่านั้นเป็นกอง ๆ หรือจงเดินไปเป็นกองทัพ
๗๒. อันที่จริงพวกเจ้านั้น บ้างก็เป็นบุคคลที่ชอบชักช้าที่จะออกรบ เช่น มุนาฟิกคนหนึ่งชื่ออับดุลเลาะห์บุตรอุไบย์และคณะ ซึ่งพวกเหล่านี้ซ่อนความเป็นศัตรูต่อพวกเจ้าไว้ภายในส่วนลึกของจิตใจ ดูทีว่าถ้าพวกเจ้าประสบภัยเช่น ถูกพวกกาฟิรฆ่าหรือได้รับความปราชัย เป็นต้น เขา(อับดุลเลาะห์ บุตรอุไบย์ก็กล่าวเหมือนตัวเขากับพวกเจ้า(มุอ์มิน)ไม่เคยมีความมักคุ้นกันมาก่อนเลยว่า อัลเลาะห์ทรงกรุณาต่อฉันแน่แล้ว ที่ฉันมิได้เข้าไปทำการสู้รบร่วมกับเขาเหล่านั้นฉันจึงไม่ประสบภัยกับการถูกฆ่าหรือความปราชัย
๗๓. แต่ข้าจะให้สัตย์ปฏิญาณว่าถ้าได้มีความโปรดปรานีจากอัลเลาะห์มาประสบพวกเจ้าเช่น ความมีชัยและการได้ซึ่งทรัพย์เชลยแล้วเขา(อับดุลเลาะห์)ก็จะพูดขึ้นอย่างน้อยอกน้อยใจว่า แหม! ฉันนี้นึกอยากจะร่วมกับพวกท่านอยู่แล้ว เพื่อว่าจะมีส่วนได้โชคชัยอันใหญ่หลวง คือว่าจะต้องได้ทรัพย์เชลยส่วนหนึ่งโดยสมบูรณ์เช่นเดียวกัน




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 74 - 76
 
     
คำอ่าน
74. ฟัลยุกอติลฟีสะบีลิลลาฮิลละซีนะยัชรูนัลหะยาตัดดุนยาบิลอาคิเราะฮฺ วะมัย..ยุกอติลฟีสะบีลิลลาฮิ ฟะยุกตัล เอายัฆลิบ ฟะเสาฟะนุอ์ติฮิ อัจญร็อน อะซีมา
75. วะมาละกุม ลาตุกอติลูนะ ฟีสะบีลิลลาฮิ วัลมุสตัฎอะฟีนะ มินัรฺริญาลิ วัน..นิสา...อิ วัลวิลดานนิลละซีนะ ยะกูลูนะ ร็อบบะนา..อัคริจญนามินฮาซิฮิลก็อรฺยะติซซอลิมิ อะฮฺลุฮา วัจญอัลละนา มิลละดุน..กะ วะลีเยา..วัจญอัลละนา มิลละดุน..กะนะศีรอ
76. อัลละซีนะอามะนู ยุกอติลูนะฟีสะบีลิลลาฮฺ วัลละซีนะกะฟะรู ยุกอติลูนะฟีสะบีลิฏฏอฆูติ ฟะกอติลู..เอาลิยา...อัชชัยฏอน อิน..นะกัยดัชชัยฏอนิ กานะเฎาะอีฟา


คำแปล R1.
74. Let those (believers) who sell the life of this world for the Hereafter fight in the Cause of Allah, and whoso fights in the Cause of Allah, and is killed or gets victory, we shall bestow on him a great reward.
75. And what is wrong with you that you fight not in the Cause of Allah, and for those weak, ill-treated and oppressed among men, women, and children, whose cry is: "Our Lord! Rescue us from this town whose people are oppressors; and raise for us from you one who will protect, and raise for us from you one who will help."
76. Those who believe fight in the Cause of Allah, and those who disbelieve, fight in the Cause of Taghut (Satan, etc.). So fight you against the friends of Shaitan (Satan); ever feeble indeed is the plot of Shaitan (Satan).


คำแปล R2.
74. ดังนั้น บรรดาผู้นำ (ชีวิตทาง) โลกหน้ามาแลกเปลี่ยนกับชีวิตทางโลกนี้ จงต่อสู้ในหนทางแห่งอัลเลาะฮฺเถิด และใครออกรบในหนทางอัลเลาะฮฺ แล้วเขาก็ถูกฆ่าตายหรือถูกพิชิต (พ่ายแพ้) แน่นอน เราจะให้รางวัลอันยิ่งใหญ่แก่เขาเอง
75. และพวกเจ้ามีสิ่งใด (เป็นเหตุ) เล่า จึงไม่ต่อสู้ในทางของอัลเลาะฮฺ (เพื่อป้องกันอิสลาม) และ (เพื่อความปลอดภัยของ) บรรดาผู้อ่อนแอทั้งหลาย ซึ่งมัทั้งผู้ชาย ผู้หญิง และเด็ก ๆ ซึ่งพวกเหล่านี้พากันวอนขอ (ต่ออัลเลาะฮฺ) ว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา ขอพระองค์ได้โปรดให้เราออกไปจากเมืองนี้เถิด (เพราะเป็นเมือง)ที่ชาวเมืองเป็นผู้ฉ้อฉล และได้โปรดแต่งตั้งผู้คุ้มครองพวกเรา จากพระองค์และโปรดบันดาลจากพระองค์ ให้พวกเรามีผู้ช่วยเหลือ
76. บรรดาผู้ศรัทธาย่อมต่อสู้ในหนทางของอัลเลาะฮฺ และบรรดาผู้เนรคุณย่อมต่อสู้ในหนทางของมารร้าย ดังนั้นพวกเจ้าจงต่อสู้กับไพร่พลของมารเถิด เพราะแผนการของมารนั้น เป็นสิ่งอ่อนแอ (ม่มีทางสัมฤทธิ์ผลได้)


คำแปล R3.
74. (ขอให้คนเหล่านั้นเข้าใจว่า) บรรดาผู้ที่แลกชีวิตในโลกนี้เพื่อชีวิตโลกหน้าจะต้องต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ และผู้ใดต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺแล้วถูกฆ่าหรือได้รับชัยชนะ ในไม่ช้าเราจะประทานรางวัลอันใหญ่หลวงแก่เขา
75. แล้วทำไมสูเจ้าจึงไม่ต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺเพื่อผู้ชาย ผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอ และถูกกดขี่ และพวกเขาร้องว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเราโปรดทรงนำเราออกจากเมืองที่ผู้คนของมันเป็นผู้กดขี่ข่มเหง และขอได้ทรงโปรดตั้งผู้คุ้มครองจากพระองค์ให้แก่เรา และได้ทรงโปรดตั้งผู้ช่วยเหลือจากพระองค์ให้แก่เรา
76. บรรดาผู้ศรัทธานั้นต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นต่อสู้ในหนทางของตอฆูต ดังนั้น จงต่อสู้พวกพ้องของมาร แท้จริงแผนการของมารนั้นอ่อนแอ


คำแปล R4.
74. จงสู้รบในทางของอัลลอฮฺเถิด บรรดาผู้ขายชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ด้วยปรโลก และผู้ใดสู้รบในทางของอัลลอฮฺ และเขาถูกฆ่าหรือได้รับชัยชนะเราจะให้รางวัลอันใหญ่หลวงแก่เรา
75. มีเหตุใดเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ? ที่พวกเจ้าไม่สู้รบในทางของอัลลอฮฺ ทั้ง ๆที่บรรดาผู้อ่อนแอ ไม่ว่าชายและหญิง และเด็ก ๆ ต่างกล่าวกันว่า โอ้พระเจ้าของเรา ! โปรดนำพวกเราออกไปจากเมืองนี้ ซึ่งชาวเมืองเป็นผู้ข่มเหงรังแก และโปรดให้มีขึ้นแก่พวกเราซึ่งผู้คุ้มครองคนหนึ่งจากที่พระองค์และโปรดให้มี ขึ้นแก่พวกเราซึ่งผู้ช่วยเหลือคนหนึ่งจากที่พระองค์
76. บรรดาผู้ที่ศรัทธานั้น พวกเขาจะต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺ และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาจะต่อสู้ในทางของอัฎ-ฎอฆูต ดังนั้นพวกเจ้าจงต่อสู้บรรดาสมุนของชัยฏอนเถิด แท้จริงอุบายของชัยฏอนนั้นเป็นสิ่งที่อ่อนแอ


คำแปล R5.
๗๔. อัลเลาะห์ตรัสว่าบรรดาชนที่ยอมเปลี่ยนเอาความเป็นอยู่ในภพนี้ด้วยอาคิเราะห์ก็ดี และบรรดาชนที่ยอมเปลี่ยนเอาอาคิเราะห์ด้วยความเป็นอยู่ในภพนี้ก็ดีจงต่อสู้เพื่อศาสนาของอัลเลาะห์[/b]ให้สูงเด่นขึ้นเถิด แล้วถ้าผู้ใดต่อสู้เพื่อพยุงศาสนาของอัลเลาะห์ให้สูงเด่นเขาถูกฆ่าเสียก็ดี หรือมีชัยก็ดี ต่อไปเราจะให้เขาผู้นั้น รับผลสนองที่ใหญ่หลวง
๗๕. ย่อมไม่มีอันใดที่จะห้ามพวกเจ้ามิให้ต่อสู้เพื่อศาสนาของอัลเลาะห์ และเพื่อพวกชาย หญิงและเด็ก ๆ ผู้หย่อนกำลังมิให้ตกอยู่ในเงื้อมมือของฝ่ายมุชริกที่จะกักตัวบุคคลเหล่านี้มิให้อพยพไปยังนครมดีนะห์ได้ ซึ่งพวกเหล่านี้จะเอ่ยคำวิงวอนกันว่า “โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์ได้ออกไปจากตำบลแห่งนี้(มักกะห์)ที่ชาวเมืองมีแต่ความอยุติธรรมเนื่องจากความไม่ศรัทธาขอต่อพระองค์ได้โปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้บริหารการทั้งปวงของข้าพระองค์เองและได้โปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเป็นผู้สงเคราะห์ บรรดาข้าพระองค์ด้วยกันให้รอดพ้นจากการกดขี่ข่มเหงของพวกกาฟิรด้วยเถิด อัลเลาะห์ก็ได้ทรงรับคำวิงวอนของข้าพระองค์เหล่านั้นโดยให้พวกที่ขอวิงวอนต่อพระองค์ได่ออกจากนครมักกะห์ได้สะดวกดาย ส่วนที่เหลือตกค้างอยู่ในนครมักกะห์อีกบางคน พระนบีมูฮำมัดก็ได้มอบหมายให้ผู้หนึ่งชื่อว่า อิต๊าบบุตรอะซีดเป็นผู้รักษาการณ์ให้ความเป็นธรรมแก่บุคคลที่ถูกกดขี่ขมเหงให้รอดพ้นจากเงื้อมมือของผู้กดขี่ข่มเหงเรื่อยไปจนกระทั่งนครมักกะห์ถึงวาระหนึ่งซึ่งมูฮำมัดขึ้นเถลิงอำนาจได้
๗๖. บรรดาผู้ศรัทธานั้นต่อสู้เพื่อให้ศาสนาของอัลเลาะห์สูงเด่น ส่วนบรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาก็ต่อสู้เพื่อศาสนาของไซตอน โอ้พวกมุอ์มินทั้งหลายพวกเจ้าพึงต่อสู้กับพวกกาฟิรฝ่ายอุปถัมภ์ศาสนาของของไซตอนเถิด พวกเจ้าต้องได้รับความมีชัยเพราะความกล้าแข็งจากอัลเลาะห์เป็นแน่ เพราะแท้จริงแผนลวงล่อของไซตอนต่อพวกมุอ์มินนั้นยังอ่อนนักไม่สามารถจะปะทะกับการ ตอบแทนของอัลเลาะห์ต่อการหลอกลวงของพวกกาฟิรได้เลย
[/color]



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 77


คำอ่าน
77. อะลัมตะเราะอิลัลละซีนะ กีละละฮุม กุฟฟู..อัยดิยะกุม วะอะกีมุศเศาะลาตะ วะอาตุซซะกาตะ ฟะลัม..มากุติบะอะลัยฮิมุลกิตาลุ อิซาฟะรีกุม..มินฮุม ยัคเชานัน..นาสะ กะค็อชยะติลลาฮิ เอาอะชัดดะค็อชยะฮฺ วะกอลูร็อบบะนา ลิมะกะตับตะอะลัยนัลกิตาล เลาลา..อัคค็อรฺตะนา..อิลา..อะญะลิน..เกาะรีบ กุล มะตาอุดุนยาเกาะลีล วัลอาคิเราะตุค็อยรุลลิมะนิตตะกอ วะลาตุซละมูนะฟะตีลา

คำแปล R1.
77. Have you not seen those who were told to hold back their hands (from fighting) and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and give Zakat, but when the fighting was ordained for them, behold! A section of them fear men as they fear Allah or even more. They say: "Our Lord! Why have you ordained for us fighting? Would that you had granted us respite for a short period?" say: "Short is the enjoyment of this world. The Hereafter is (far) better for him who fears Allah, and you shall not be dealt with unjustly even equal to the Fatila (a scalish thread in the long slit of a date-stone).

คำแปล R2.
77. เจ้าไม่สังเกตดอกหรือ บรรดาผู้ที่ถูกกล่าวแก่พวกเขาว่า “พวกเจ้าจงยั้งมือของพวกเจ้าไว้(อย่าเพิ่งทำการสู้รบ), พวกเจ้าจงทำละหมาด และจงบริจาคซะกาต (แต่พวกนั้นก็กระเหี้ยนกระหือจะออกรบให้จงได้) ครั้นเมื่อการสู้รบได้ถูกบัญญัติแก่พวกเขา พลันได้มีคนกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาแสดงความหวาดกลัวมนุษย์ประหนึ่งความกลัวอัลเลาะฮฺหรือกลัวยิ่งกว่า พวกเขากล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา! เพราะเหตุใดจึงได้บัญญัติการสู้รบแก่พวกเรา (ในระยะเวลานี้) ไฉนเล่า พระองค์จึงไม่เนิ่นไว้จนกำหนดอันใกล้เคียง (คือในยามชรา) แล้วจึงค่อยบัญญัติเรื่องนี้” เจ้าจงประกาศเถิดว่า “อันสิ่งภิรมย์แห่งโลกนี้นั้นเล็กน้อยนัก แต่โลกหน้าซิเป็นความประเสริฐล้ำนักแก่ผู้ยำเกรง และเขาจะไม่ถูกฉ้อฉลเลยแม่แต่น้อย
 
คำแปล R3.
77. เจ้าไม่เห็นบรรดาผู้ได้ถูกบอกกล่าวว่า “จงยั้งมือของสูเจ้า(จากการสู้รบไว้ชั่วขณะ)และจงดำรงละหมาดและจงจ่ายซะกาตดอกหรือ?” เมื่อพวกเขาได้ถูกบัญชาให้ต่อสู้ พวกเขาบางคนก็เกรงกลัวผู้คนเหมือนกับการเกรงกลัวอัลลอฮฺหรือเกรงกลัวยิ่งไปกว่านั้น พวกเขากล่าวว่า “พระผู้อภิบาลของเรา ไฉนพระองค์จึงได้กำหนดการสู้รบให้แก่เรา? ไฉนพระองค์มิทรงผ่อนผันให้แก่เรา? จงกล่าวแก่พวกเขาเถิดว่า “การรื่นเริงในโลกนี้เป็นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่ความผาสุกของปรโลกนั้นดีกว่ามากมายสำหรับผู้สำรวมตนจากความชั่ว และสูเจ้าจะไม่ได้รับความอยุติธรรมแม้แต่น้อย

คำแปล R4.
77. เจ้ามิได้มองดูบรรดาผู้ที่ถูกกล่าวแก่พวกเขา ว่า จงระงับมือของพวกเจ้าก่อนเถิด และจงละหมาด และจงชำระซะกาต ครั้นเมื่อการสู้รบได้ถูกกำหนดขึ้นแก่พวกเขา ทันใดนั้นกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกเขาก็กลัวมนุษย์เช่นเดียวกับกลัวอัลลอฮฺ หรือกลัวยิ่งกว่า และพวกเขากล่าวว่า โอ้พระเจ้าของเรา! เพราะเหตุใดพระองค์จึงได้กำหนดการสู้รบขึ้นแก่พวกเรา พระองค์จะทรงเลื่อนให้แก่พวกเรายังกำหนดเวลาอันใกล้ไม่ได้หรือ ? จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) สิ่งอำนวยประโยชน์แห่งโลกนี้นั้นเล็กน้อยเท่านั้น และปรโลกนั้นดียิ่งกว่าสำหรับผู้ที่ยำเกรงและพวกเจ้าจะไม่ถูกอธรรมแม้เท่า ขนาดร่องเมล็ดอินทผลัม

คำแปล R5.
๗๗. โอ้มูฮำมัดไม่เป็นการสมควรเลยที่เจ้าจะไม่แลดูบรรดาชนผู้ศรัทธาที่อาศัยอยู่ในนครมักกะห์ อันได้แก่ อับดุลเราะห์มาน บุตรเอาฟ์ มิกดาด บุตรอัสวัด ซะอัดบุตรอะบีวักก๊อส ก็ดามะห์ บุตรมัซอูน กับอีกกลุ่มชนหนึ่งที่ได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจเป็นอันมากจากกาฟิรชาวมักกะห์ ครั้นเมื่อพวกที่ออกนามเหล่านั้นได้พบปะกับเจ้า(มูฮำมัด) พวกเขาก็ออกปากขออนุญาตจากเจ้าว่าต้องการจะต่อสู้กับกาฟิรชาวมักกะห์ แต่ก็ถูกเตือนว่า “พวกเจ้าจงวางมือไว้ก่อน”อย่าคิดอ่านทำการประหัตประหารกับพวกกาฟิรเลยจงดำรงละหมาดและจำหน่ายซะกาตกันเถิด ครั้นเมื่อบัญญัติเรื่องการสงครามได้ถูกตราขึ้นแก่พวกนั้นเข้าจริงหลังจากที่เจ้า (มูฮำมัด) ได้อพยพไปยังนครมดีนะห์แล้ว โดยในบัญญัตินั้นมีคำสั่งใช้ให้พวกนั้นกระทำสงครามกับกาฟิรชาวมักกะห์อย่างกระทันหันกลุ่มหนึ่งจากพวกนั้นกลับขลาดกลัวประชาชนชาวมักกะห์จะเข่นฆ่าเหมือนกับกลัวการลงทัณฑ์ของอัลเลาะห์หรือยิ่งกว่าเสียอีก แล้วพวกเหล่านั้น(อับดุลเราะห์มาน บุตร เอาฟ์กับคณะ) ก็กล่าวขึ้นอย่างหวาดกลัวความตายว่า “โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย เพราะเหตุใดพระองค์ถึงได้ทรงตราบัญญัติการสงครามไว้แก่เหล่าข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดทอดเวลาไปให้เนิ่นช้าอีกสักหน่อยเถิด” โฮ้มูฮำมัดเจ้าจงบอกแก่พวกนั้นเถิดว่า สิ่งอภิรมย์ในภาคโลกนี้นั้นน้อยนักซึ่งมันจะสิ้นสลายลงได้ในที่สุด แต่สวรรค์ย่อมดียิ่งกว่าสำหรับผู้ยำเกรงการลงโทษของอัลเลาะห์ด้วยการงดเว้นเสียจากที่จะทรยศต่อพระองค์โดยที่พวกเจ้าจะไม่ถูกคดโกงด้วยการให้รับผลแห่งการตอบแทนความดีลดน้อยลงเลยแม้แต่เพียงเสี้ยนใยแห่งผลอินทผลัม



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 78


คำอ่าน
78. อัยนะมาตะกูนู ยุดริกกุมุลเมาตุ วะเลากุน..ตุม ฟีบุรูญิม..มุชัยยะดะฮฺ วะอินตุศิบฮุม หะสะนะตุย..ยะกูลูฮาซิฮี มินอิน..ดิลลาฮฺ วะอิน..ตุศิบฮุม สัยยิอะตุย..ยะกูลูฮาซิฮี มินอิน..ดิก กุลกุลลุม..มินอิน..ดิลลาฮฺ ฟะมาลิฮา..อุลา..อิลก็อวมิ ลายะกาดูนะ ยัฟเกาะฮูนะ หะดีษา

คำแปล R1.
78. "Wheresoever you may be, death will overtake you even if you are in fortresses built up strong and high!" And if some good reaches them, they say, "This is from Allah," but if some evil befalls them, they say, "This is from you (O Muhammad )." say: "All things are from Allah," so what is wrong with these people that they fail to understand any word?

คำแปล R2.
78. ไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่ ณ หนแห่งใด ความตายก็จะเข้ามาหาพวกเจ้า ถึงแม้พวกเจ้าจะอยู่ในป้อมปราการอันสูงตระหง่านก็ตาม และหากความดีงามมาประสบกับพวกเขา พวกเขาก็พูดว่า “สิ่งนี้มาจากอัลเลาะฮฺ แต่ถ้าความเลวร้ายมาประสบกับพวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า “สิ่งนี้มาจากตัวท่านเอง” (โอ้มุฮัมมัด) เจ้าจงกล่าว (แก่พวกเขา) เถิดว่า “ทุก ๆ สิ่งมาจากอัลเลาะฮฺทั้งสิ้น และอันใดเล่าเป็นเหตุแก่กลุ่มชนเหล่านี้ ที่พวกเขาเกือบจะไม่เข้าใจคำพูด (ตักเตือน)

คำแปล R3.
78. สำหรับความตายนั้นมันจะเข้ามาหาสูเจ้าไม่ว่าสูเจ้าจะอยู่ในป้อมปราการสูงอันมั่นคงก็ตาม และถ้าความดีอันใดประสบแก่พวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “นี่มาจากอัลลอฮฺ” และถ้าความชั่วอันใดประสบแก่พวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “นี่มาจากเจ้า” จงกล่าวเถิดว่า “ทุก ๆ อย่างมาจากอัลลอฮฺ” แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับคนเหล่านี้ที่พวกเขาไม่เข้าใจอะไรเลย?

คำแปล R4.
78. ณ ที่ใดก็ตามที่พวกเจ้าปรากฏอยู่ ความตายก็ย่อมมาถึงพวกเจ้า และแม้ว่าพวกเจ้าจะอยู่ในป้อมปราการอันสูงตระหง่านก็ตาม และหากมีความดีใด ๆ ประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่าสิ่งนี้มาจากอัลลอฮฺและหากมีความชั่วใด ๆ ประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็จะกล่าวว่า สิ่งนี้มาจากเจ้า จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ทุกอย่างนั้นมาจากอัลลอฮฺทั้งสิ้น มีเหตุใดเกิดขึ้นแก่กลุ่มชนเหล่านี้ กระนั้นหรือ ที่พวกเขาห่างไกลที่จะเข้าใจคำพูด

คำแปล R5.
๗๘. ดังนั้นพวกเจ้าพึงกระทำสงครามเสียเถิดเพราะไม่ว่าพวกเจ้าจะอยู่หนแห่งใดประจำถิ่นอยู่ก็ดี หรือกำลังเดินทางไกลอยู่ก็ดีความตายที่พวกเจ้าไม่พึงปรารถนาก็ต้องเจอะเจอกับพวกเจ้าแน่ แม้ว่าพวกเจ้าจะอยู่ในป้อมปราการที่สูงตระหง่านก็เอาเถิดฉะนั้น ขอพวกเจ้าอย่าได้ขลาดกลัวสงครามเพราะกลัวตายเลยถ้าแม้นว่ามีความดีเช่นได้มีดินอุดมด้วยพืชพันธุ์ธัญญาหาร และมีความอุดมบริบูรณ์ในทางทรัพย์สินมาประสบพวกเหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นพวกยะฮูดีหรือพวกมุนาฟิก พวกทั้งสองก็กล่าวว่าความดีนี้มาแต่การชี้ขาดฝ่ายอัลเลาะห์ แต่ถ้าได้มีความชั่ว เช่น เกิดทุรกันดาร ฝนแล้งและเพทภัยมาประสบกับพวกเหล่านั้นในขณะเดียวกับที่พระนบีมูฮำมัดเข้าสู่นครมดีนะห์ก็จะกล่าวกันว่าโอ้มูฮำมัด ความชั่วนี้ย่อมสืบเนื่องมาจากความอัปรีย์ของเจ้าโอ้มูฮำมัด เจ้าจงบอกพวกนั้นเถิดว่าความดีก็ดี ความชั่วก็ดีทั้งสิ้นย่อมมาแต่คำดำรัสชี้ขาดฝ่ายอัลเลาะห์ มีเหตุประหลาดอะไรขึ้นแก่พวกเหล่านี้นะ ถึงพวกเหล่านี้เกือบจะไม่เข้าใจถ้อยวาทีที่อัลเลาะห์ตรัสแก่พวกนี้ ได้เลย จึงกล้าพูดว่าความดีมาจากอัลเลาะห์และความชั่วมาจากมูฮำมัด ถ้าพวกเหล่านี้เข้าใจถ้อยคำนั้นได พวกเขาก็จะต้องเข้าใจด้วยว่า ทั้งความดีและความชั่วย่อมมาจากตำดำรัสชี้ขาดของอัลเลาะห์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 79 - 81


คำอ่าน
79. มา..อะศอบะกะมินหะสะนะติน..ฟะมินัลลอฮฺ วะมา..อะศอบะกะมิน..สัยยิอะติน..ฟะมิน..นัฟสิก วะอัรฺสัลนากะ ลิน..นาสิเราะสูลา วะกะฟาบิลลาฮิ ชะฮีดา
80. มัย..ยุฏิอิรฺเราะสูละ ฟะก็อดอะฏออัลลอฮฺ วะมัน..ตะวัลลา ฟะมา..อัรฺสัลนากะ อะลัยฮิม หะฟีซอ
81. วะยะกูลูนะฏออะตุน..ฟะอิซาบะเราะซูมินอิน..ดิกะ บัยยะตะฏอ...อิฟะตุม..มินฮุม ฆ็อยร็อลละซีตะกูลู วัลลอฮุยักตุบุ มายุบัยยิตูน ฟะอะอฺฮริฎอันฮุม วะตะวักกัลอะลัลลอฮิ วะกะฟาบิลลาฮิวะกีลา


คำแปล R1.
79. Whatever of good reaches you, is from Allah, but whatever of evil befalls you, is from yourself. And we have sent you (O Muhammad) as a Messenger to mankind, and Allah is sufficient as a witness.
80. He who obeys the Messenger (Muhammad), has indeed obeyed Allah, but he who turns away, then we have not sent you (O Muhammad) as a watcher over them.
81. They say: "We are obedient," but when they leave you (Muhammad), a section of them spend all night in planning other than what you say. But Allah records their nightly (plots). So turn aside from them (Do not punish them), and put your trust in Allah. And Allah is ever All-Sufficient as a Disposer of affairs.


คำแปล R2.
79. อันความดีใด ๆ ที่มาประสบแก่เจ้า แน่นอนมันมาจากอัลเลาะฮฺ และความเลวร้ายใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้าแน่นอนมันมาจากตัวเจ้าเอง และเราได้ส่งเจ้าเป็นศาสนทูตสำหรับมนุษย์ และเป็นการเพียงพอแล้วที่อัลเลาะฮฺทรงเป็นสักขีพยาน (ในความเป็นศาสนทูตของเจ้า)
80. ผู้ใดภักดีศาสนทูต แน่นอนเขาภักดีต่ออัลเลาะฮฺ และผู้ใดหันหลังให้ (ศาสนทูต) เราก็ไม่ได้ส่งเจ้ามาเป็นผู้พิทักษ์แก่พวกเขาอย่างแน่นอน
81. และพวกเขา (กลุ่มสับปลับ) กล่าวว่า “(รา)ภักดี” แต่แล้วเมื่อพวกเขาได้ออกพ้นไปจากเจ้าก็มีกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาวางแผนลับในตอนค่ำคืน อื่นจากที่เขาพูด (กับเจ้า) และอัลเลาะฮฺทรงบันทึกสิ่งที่เขาวางแผนลับในตอนค่ำคืนไว้แล้ว ดังนั้นเจ้าจงหันออกมาจากพวกเขา และจงมอบตัวต่ออัลเลาะฮฺ และเพียงอัลเลาะฮฺก็พอแล้วที่ทรงเป็นผู้ถูกมอบหมาย (สำหรับเจ้า)


คำแปล R3.
79. ความดีอะไรที่ประสบแก่เจ้านั้น มันมาจากอัลลอฮฺ และความชั่วอะไรที่ประสบแก่สูเจ้านั้นมันมาจากตัวของเจ้าเอง และเราได้ส่งเจ้า (มุฮัมมัด) มาเป็นรอซูลแก่มนุษยชาติ และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยาน
80. ผู้ใดที่ปฏิบัติตามรอซูลผู้นี้ ผู้นั้นก็เชื่อฟังอัลลอฮฺ และผู้ใดหันหลังให้เขา (ก็ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของเขา) เราไม่ได้ส่งเจ้ามาเป็นผู้เฝ้าดูพวกเขา
81. พวกเขากล่าวว่า “เราเชื่อฟังท่าน” แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้า พวกเขาบางคนก็แอบชุมนุมกันในยามราตรี เพื่อวางแผนต่อต้านสิ่งที่เจ้ากล่าว และอัลลอฮฺทรงบันทึกการชุมนุมของพวกเขาทั้งหมด ดังนั้นจงหลีกห่างจากพวกเขาและจงไว้วางใจในอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺเท่านั้นก็พอแล้วสำหรับการมอบหมายความไว้วางใจ


คำแปล R4.
79. ความดีใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากอัลลอฮฺ และความชั่วใด ๆ ที่ประสบแก่เจ้านั้นมาจากตัวของเจ้าเอง และเราได้ส่งเจ้าไปเป็นร่อซูลแก่มนุษย์ และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺทรงเป็นพยาน
80. ผู้ใดเชื่อฟังร่อซูล แน่นอนเขาก็เชื่อฟังอัลลอฮฺแล้ว และผู้ใดผินหลังให้ เราก็หาได้ส่งเจ้าไปในฐานะเป็นผุ้ควบคุมพวกเขาไม่
81. และพวกเขากล่าวว่า เชื่อฟัง แต่เมื่อพวกเขาออกไปจากเจ้าแล้ว กลุ่มหนึ่งในพวกเขาก็ได้วางแผนในเวลากลางคืน อื่นจากสิ่งที่เจ้ากล่าว และอัลลอฮฺจะทรงบันทึกสิ่งที่พวกเขาวางแผนกันในเวลากลางคืน ดังนั้นจงเพิกเฉยต่อพวกเขาเสีย และจงมอบหมายแก่อัลลอฮฺเถิด และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ที่ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา


คำแปล R5.
๗๙. ความดีใด ๆ อันได้ประสบกับเจ้าย่อมมาจากความบันดาลของอัลเลาะห์เพราะพระกรุณาส่วนความชั่วใด ๆ อันได้ประสบกับเจ้านั้นย่อมเนื่องมาจากการตอบแทนของอัลเลาะห์ให้แก่ตัวเจ้าเองที่เป็นผู้กระทำสะสมเอาไว้ โอ้มูฮำมัดเรา(อัลเลาะห์)ก็ได้ส่งเจ้าเป็นศาสนทูตไปยังมนุษยชาติแล้ว เพียงแต่มีอัลเลาะห์เป็นองค์พยานยืนยันความเป็นศาสนทูตของเจ้าก็พอแล้ว
๘๐. ถ้าผู้ใดภักดีต่อพระศาสนทูตมูอำมัดก็เท่ากับผู้นั้นภักดีต่ออัลเลาะห์ด้วยเนื่องจากว่ามูฮำมัดเป็นผู้นำข้อบัญญัติใช้และบัญญัติห้ามจากพระองค์ไปยังผู้นั้นแต่ถ้าผู้ใดให้หลังไม่นำพาซึ่งขอบัญญัติดังกล่าวที่มูฮำมัดนำมายังเขา กิริยาการอย่างนั้นของผู้นั้นเจ้าอย่าพึงถือเอามาเป็นแง่เศร้าสลดของเจ้าเลย โอ้มูฮำมัดก็เท่ากับเรามิได้ส่งเจ้าให้ไปเป็นผู้รักษาการพวกมนุษยชาติเหล่านั้นให้อยู่ในระดับอันดีงามนะซิ แต่เท่าที่เราได้ส่งเจ้าให้เป็นศาสนทูตนี้ก็เพื่อให้เจ้าคอยตักเตือนมนุษยชาติทั้งหลายทั้งปวงงดเว้นพฤติการณ์ชั่วเท่านั้น เพราะธุรการทุกอย่างของมนุษเหล่านั้นจะต้องถูกนำคืนไปยังการสอบสวนของเราเสมอ แล้วเราจะได้สนองผลกรรมของมนุษย์เหล่านั้น เจ้าจึงมีหน้าที่เพียงแต่เป็นผู้อำนวยโอวาทตักเตือนเท่านั้น เนื้อความนี้หมายถึงสมัยก่อนจากมีข้อบัญญัติเรื่องการสงคราม แต่ถ้าบัญญัติเรื่องการสงครามได้ถูกกำหนดขึ้น เจ้าต้องว่าหน้าที่สองอย่างคู่กันไป คือเป็นผู้รักษาการและเป็นผู้ให้โอวาทตักเตือน
๘๑. แต่เมื่อพวกมุนาฟิกได้มาพบเจอเจ้าเข้าพวกนั้นก็พูดว่า “ธุรการงานของเราทั้งหลายนั้นจะยอมเชื่อฟังตามคำสั่งใช้และคำสั่งห้ามของเจ้า” ครั้นเมื่อพวกเหล่านั้นหลบเลี่ยงไปจากเจ้าแล้วชนชั้นหัวหน้าบางพวกก็พูดกับพวกเดียวกับมันให้เป็นอื่นจากที่มันพูไว้ต่อหน้าเจ้าที่ว่า “จะยอมเชื่อฟัง” ฝ่ายอัลเลาะห์จะทรงบัญชาให้มลาอิกะห์บันทึกแผนการทรยศที่พวกนั้นกระทำขึ้นลงไว้ในบัญชีความประพฤติ เพื่อว่าพวกเหล่านั้นจะได้รับผลแห่งการตอบแทนฐานที่มีแผนทรยศลับหลัง โอ้มูฮำมัดกระนั้นเจ้าก็จงหลีกเลี่ยงไปจากพวกนั้นพร้อมด้วยการให้อภัย เพราะแท้จริงอัลเลาะห์เป็นผู้รับมอบหมายที่พอเพียงทั้งจงมอบหมายต่ออัลเลาะห์ด้วยเถิด ย่อมเป็นที่เพียงพอแล้วสำหรับเจ้าที่มีอัลเลาะห์เป็นองค์รับมอบหมายจากเหล่าบรรดาข้าพระองค์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 82 - 83


คำอ่าน
๘๒. อะฟะลายะตะดับบะรูนัลกุรฺอาน วะเลากานะมินอิน..ดิ ฆ็อยริลลาฮิ ละวะญะดู ฟีฮิคติลาฟัน..กะษีรอ
๘๓. วะอิซาญา...อะฮุม อัมรุม..มินัลอัมนิ อะวิลค็อวฟิ อะซาอูบิฮฺ วะเลาร็อดดูฮุ อิลัรฺเราะสูลิ วะอิลาอุลิลอัมริมินฮุม ละอะลิมะฮุลละซีนะ ยัสตัม..บิฏูนะฮู มินฮุม วะเลาลาฟัฎลุลลอฮิอะลัยกุม วะเราะหฺมะตุฮู ลัตตะบะอฺตุมุชชัยฏอนะ อิลลาเกาะลีลา


คำแปล R1.
82. Do they not then consider the Qur'an carefully? Had it been from other than Allah, they would surely have found therein many a contradiction.
83. When there comes to them some matter touching (public) safety or fear, they make it known (among the people), if only they had referred it to the Messenger or to those charged with authority among them, the proper investigators would have understood it from them (directly). Had it not been for the Grace and Mercy of Allah upon you, you would have followed Shaitan (Satan), save a few of you.


คำแปล R2.
82. พวกเขาไม่ใคร่ครวญอัลกุรฺอานหรือ? และหากกุรอานมาจากผู้อื่นที่มิใช่อัลเลาะฮฺ แน่นอนพวกเขาย่อมพบข้อขัดแย้งในนั้นอย่างมากมาย
83. และเมื่อมีข่าว (จากฝ่ายมุสลิม) มาถึงพวกเขา ทั้งข่าวปลอดภัย (มีชัยชนะ) หรือข่าวที่น่ากลัว (พ่ายแพ้) พวกเขาก็นำข่าวนั้นมาเผยแพร่ทันที (โดยท่านนบีมิได้ประกาศ) และหากพวกเขามอบเรื่องนั้นแก่ศาสนทูต และผู้ปกครองการงานจากพวกเขา (คือเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจเป็นผู้ประกาศโดยพวกเขานิ่งเงียบไว้) แน่นอนก็จะรู้เรื่องนั้นได้ (เป็นอย่างดี) โดยบรรดาผู้ (สามารถ) วิเคราะห์ (ข่าวดังกล่าว) จากพวกเขา (ว่าควรจะเปิดเผยได้หรือไม่) และมาดแม้นมิใช่เป็นความโปรดปรานและความเมตตาของอัลเลาะฮฺที่ประทานแก่พวกเจ้าแล้วไซร้ แน่นอนที่สุด พวกเจ้าก็คงต้องปฏิบัติตามมารร้าย ยกเว้นจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R3.
82. พวกเขาไม่พิจารณากุรอานดูดอกหรือ? ถ้าหากมันมาจากผู้ใดอื่นนอกไปจากอัลลอฮฺ แน่นอน พวกเขาจะได้พบการขัดแย้งมากมายในนั้น
83. เมื่อใดก็ตามที่คนเหล่านี้ได้ยินข่าวเกี่ยวกับความปลอดภัยหรือความหวาดกลัว พวกเขาก็จะแพร่มันออกไปทั่ว ถ้าหากพวกเขานำมันไปยังรอซูลและคนที่มีอำนาจหน้าที่ในหมู่พวกเขา มันก็จะทำให้พวกเขาที่รู้เรื่องสามารถสอบสวนและสรุปเรื่องราวจากมันได้ (ความอ่อนแอของเจ้านั้นถึงขนาดที่ว่า) ถ้าหากมิใช่เพราะความโปรดปรานและความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อสูเจ้าแล้ว สูเจ้าทั้งหมดยกเว้นไม่กี่คนก็อาจจะต้องเดินตามรอยมาร


คำแปล R4.
82. พวกเขาไม่พิจารณาดูอัล-กุรอานบ้างหรือ? และหากว่า อัล-กุรอานมาจากผู้ที่ไม่ใช่อัลลอฮฺแล้วแน่นอนพวกเขาก็จะพบว่าในนั้นมีความ ขัดแย้งกันมากมาย
83. และเมื่อมีเรื่องหนึ่งเรื่องใดมายังพวกเขาจะเป็นความปลอดภัยก็ดีหรือความ กลัวก็ดี พวกเขาก็จะแพร่มันออกไปและหากว่าพวกเขาให้มันกลับไปยังรอซูล และยังผู้ปกครองการงานในหมู่พวกเขาแล้ว แน่นอนบรรดาผู้ที่วินิจฉัยมันในหมู่พวกเขาก็ย่อมรู้มันได้ และหากมิใช่ความเมตตาของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้าแล้ว แน่นอน พวกเจ้าก็คงปฏิบัติตามชัยฎอนไปแล้ว นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R5.
๘๒. ไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกมุนาฟิกเหล่านั้นจะไม่เหลียวแลและไม่พินิจพิเคราะห์ดูอัล-กุรอานและความหมายอันลึกซึ้งแห่งอัล-กุรอาน ซึ่งไม่เคยมีเนื้อความอันลึกซึ้งอย่างนี้มาก่อนถ้าอัล-กุนอานนั้นมิได้มาจากอัลเลาะห์ดังที่พวกนั้นเคยคิดไว้แล้ว พวกที่ขัดแย้งนั้นย่อมจะพบว่าในอัล-กุรอานนั้นมีบางส่วนที่ขัดแย้งกันกับข้อเท็จจริง แต่พวกมุนาฟิกจะไม่มีโอกาสได้พบเห็นข้อขัดแย้งดังที่กล่าวนั้นในอัล-กุรอานเลย ตกลงได้ความว่า อัล-กุรอานต้องมีมาแต่อัลเลาะห์แน่นอน เพราะอัลเลาะห์แต่พระองค์เดียวเท่านั้นทรงรอบรู้ในความเร้นลับของสารพัดสิ่ง จะไม่มีผู้ใดรู้ได้ดั่งอัลเลาะห์เลย  
    มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือ พระนบีมูฮำมัดได้ส่งกองทัพออกไปรบ จะชนะก็ดี จะพ่ายแพ้ก็ดี พวกมุนาฟิกจะคอยสอดส่องดูอาการเคลื่อนไหวของกองทัพ ครั้นเมื่อได้ความเป็นที่แน่นอนอย่างไรแล้ว พวกมุนาฟิกเหล่านั้นก็จะกระจายข่าว จึงมีโองการจากอัลเลาะห์ลงมาว่า
๘๓. เมื่อได้มีข่าวจากกองทัพแห่งพระนบีไม่ว่าจะชนะหรือว่าแพ้ มายังพวกมุนาฟิกเหล่านั้น พวกเหล่านั้นก็ได้แพร่ข่าวนั้นออกไปก่อนเสียจากที่พระนบีมูฮำมัดจะได้ประกาศข่าวนั้นแต่ถ้าหากว่าพวกนั้นนิ่งไว้ จนกว่าพระศาสนทูตมูฮำมัดและเหล่าสาวกผู้บัญชาการชั้นผู้ใหญ่จะเป็นผู้ประกาศข่าวเองพระศาสดามูฮำมัดและพวกสาวกชั้นผู้ใหญ่เหล่านั้นก็จะรู้ว่าข่าวนั้นควรประกาศหรือไม่อย่างไรการประกาศข่าวจึงเป็นหน้าที่ของพระศาสดามูฮำมัดและเหล่าสาวกดังกล่าวแล้วเท่านั้น ส่วนพวกมุนาฟิกหาได้มีหน้าที่กระจายข่าวแต่ประการใดไม่ โอ้บรรดาชนมุอ์มินแหละถ้าความดีเลิศล้นของอัลเลาะห์อันมีต่อพวกเจ้าโดยให้พวกเจ้าได้เป็นอิสลามศาสนิกประกอบด้วยพระกรุณาของพระองค์โดยการประทานอัล-กุรอานมาอุปถัมภ์ค้ำจุนพวกเจ้าให้อยู่ในแนวทางของพระองค์หาไม่แล้ว พวกเจ้าจักต้องเจริญรอยตามไซตอนเป็นแน่ในประการชั่วช้าที่มันบัญชาใช้พวกเจ้าเว้นไว้แต่บางคนเท่านั้นที่อยู่ในหนทางอันเที่ยงแท้ด้วยสติปัญญาที่แม่นยำมุ่งตรงไปยังการรู้จักอัลเลาะห์ และถือในเอกภาพของพระองค์ก่อนจากที่พระนบีมูฮำมัดได้รับตำแหน่งเป็นพระศาสนทูต บุคคลที่ว่านี้มีกีส บตรซาอิดะห์ วะร่อเกาะห์ บุตรเนาฟัล เป็นต้น แต่ทว่าความเป็นจริงแล้ว พวกเจ้ามิได้เจริญรอยตามไซตอนเลยนอกจากบางคนเท่านั้น ตกลงว่าที่เป็นอย่างนี้แสดงว่า ความดีเลิศล้นพ้นจากอัลเลาะห์และพระกรุณาของพระองค์นั้นมีต่อพวกเจ้าอยู่เสมอ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 84 - 85


คำอ่าน
84. ฟะกอติลฟีสะบีลิลลาฮฺ ลาตุกัลลิฟุ อิลลานัฟสะกะ วะหัรฺริฎิลมุอ์มินีน อะสัลลอฮุ อัย..ยะกุฟฟะบะอ์สัลละซีนะกะฟะรู วัลลอฮุ อะชัดดุบะอฺเสา..วะอะชัดดุ ตัน..กีลา
85. มัย..ยัชฟะอฺชะฟาอะตัน หะสะนะตัย..ยะกุลละฮู นะศีบุม..มินฮา วะมัย..ยัชฟะอฺ ชะฟาอะตัน..สัยยิอะตัย..ยะกุลละฮู กิฟลุม..มินฮา วะกานัลลอฮุอะลากุลลิชัยอิม..มุกีตา


คำแปล R1.
84. Then fight (O Muhammad) in the Cause of Allah, you are not tasked (held responsible) except for yourself, and incite the believers (to fight along with you), it may be that Allah will restrain the evil might of the disbelievers. And Allah is stronger in might and stronger in punishing.
85. Whosoever intercedes for a good cause will have the reward thereof, and whosoever intercedes for an evil cause will have a share in its burden. And Allah is ever All-Able to do (and also an All-Witness to) everything.


คำแปล R2.
84. ดังนั้นพวกเจ้าจงต่อสู้ในทางอัลเลาะฮฺเถิด เจ้ามิถูกบังคับ (ให้ทำการต่อสู้) นอกจากตัวเจ้าเองเท่านั้น และเจ้าจงกำชับบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย (ให้พวกเขากล้าหาญที่จะออกต่อสู้) ว่า หวังว่าอัลเลาะฮฺทรงยับยั้งการโจมตีของบรรดาพวกเนรคุณไว้ (มิให้สัมฤทธิ์ผลได้) และอัลเลาะฮฺทรงโจมตีได้แข็งแกร่งยิ่งและทรงลงโทษได้ร้ายแรงนัก
85. ใครสงเคราะห์ความดีหนึ่ง (แก่ผู้อื่น) เขาก็ย่อมมีส่วนได้จากความดีนั้นด้วย และผู้ใดสงเคราะห์ความเลวหนึ่ง (แก่ผู้อื่น) เขาก็ต้องรองรับความผิดจากความเลวนั้นด้วย และอัลเลาะฮฺทรงอานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง


คำแปล R3.
84. ดังนั้นเจ้าจงต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบต่อผู้ใดยกเว้นต่อตัวของเจ้าเองเท่านั้น และจงเร่งเร้าบรรดาผู้ศรัทธาให้ต่อสู้ด้วย ไม่ช้าอัลลอฮฺจะทรงหยุดยั้งกำลังรบของบรรดาผู้ปฏิเสธ เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงแข็งแกร่งที่สุดในพลังรบ และทรงเข้มแข็งยิ่งในการลงโทษ
85. ผู้ใดอ้อนวอนในสิ่งที่ดี เขาก็จะได้รับส่วนหนึ่งจากมัน และใครอ้อนวอนในสิ่งที่ชั่ว เขาก็จะได้รับส่วนหนึ่งจากมัน แท้จริงอัลลอฮฺที่เฝ้าดูทุกสิ่ง


คำแปล R4.
84. เจ้าจงสู้รบในทางของอัลลอฮฺเถิด โดยที่เจ้ามิได้ถูกบังคับ (ให้เกณฑ์ผู้ใด) นอกจากตัวของเจ้าเอง และจงปลุกใจบรรดาผู้ศรัทธาด้วย เป็นไปได้ว่าอัลลอฮฺจะทรงยับยั้งกำลังรบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเหล่านั้น และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงมีกำลังรบที่เข้มแข็งกว่า และเป็นผู้ทรงมีการลงโทษที่รุนแรงกว่า
85. ผู้ใดที่ให้ความช่วยเหลือย่างดีก็จะเป็นของเขา ซึ่งส่วนหนึ่งจากความดีนั้นและผู้ใดให้ความช่วยเหลือย่างชั่ว ก็จะเป็นของเขา ซึ่งส่วนหนึ่งจากความชั่วนั้น และปรากฏว่าอัลลอฮฺนั้นทรงเดชานุภาพเหนือทุกสิ่งทุกอย่าง


คำแปล R5.
๘๔. โอ้ มูฮำมัดเจ้าจงสู้รบเพื่อศาสนาของอัลเลาะห์ แม้จะมีแต่เจ้าเพียงคนเดียวก็เอาเถิดเพราะแท้จริงอัลเลาะห์ได้ทรงให้สัญญาแก่เจ้าไว้ว่าต้องมีชัยทั้งเจ้าจงปลุกใจพวกที่ศรัทธาทั้งหลายให้มาทำการร่วมรบด้วยโดยเกลี้ยกล่อมให้พวกเหล่านั้นเห็นชอบเรื่องการรบเพื่อให้ความปรารถนาดีแก่พวกเหล่านั้น ทั้งนี้เนื่องจากว่าพวกเหล่านั้นจะต้องได้รับบาปถ้าไม่ยอมออกรบ ซึ่งพวกนี้ก็รู้อยู่แล้วว่าบัญญัติเรื่องการทำสงครามนั้นได้ถูกกำหนดไว้ในปีที่ ๒ แห่งฮิจเราะห์ แต่ที่กำลังสั่งให้ทำการรบครั้งนี้เป็นปีที่ ๔ แห่งฮิจเราะห์หวังใจว่าบางทีอัลเลาะห์อาจจะทรงยับยั้งการโจมตีของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาเสียก็ได้ ด้วยว่าอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงแรงฤทธิ์ที่สุดในการโจมตียิ่งกว่าผู้ไม่ศรัทธาและทรงเข้มงวดในการลงโทษยิ่งกว่าพวกเหล่านั้นมากนัก ฝ่ายมูฮำมัดก็ให้สัตยาบันว่า “แด่องค์ผู้ซึ่งฉันอยู่ภายใต้อำนาจ” ฉันจักต้องสู้รบแม้จะมีฉันเพียงคนเดียวก็ตามที ครั้นแล้วมูฮำมัดพร้อมด้วยสาวกในชุดทหารม้าอีกเจ็ดสิบยกทัพไปรบที่บัดร์ครั้งย่อย อัลเลาะห์ก็ได้ทรงระงับความเร่าร้อนฮึกเหิมของฝ่ายกาฟิรเสียโดยให้จิตใจของกาฟิรเหล่านั้นเต็มไปด้วยความหวาดกลัว และด้วยให้อบูซุฟยานห้ามอาหรับเผ่ากุรอยซ์ มิให้ออกจากนครมักกะห์ไปทำการรบ
๘๕. ผู้ใดที่แสดงถ้อยคำแห่งตนที่ชอบด้วยศาสนาอิสลามเป็นสื่อในอันจะก่อผลประโยชน์อย่างดีแท้แก่คนอื่น ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ในภาคโลกนี้หรือในภาคภพหน้าก็ดี หรือที่จะทำให้คนใดคนหนึ่งพ้นภัยอันตรายใด ๆ ในภพนี้หรือภพหน้าก็ดีผู้นั้นย่อมได้ภาคผลแห่งบุญยกรรมเพราะเหตุแห่งการแสดงถ้อยคำนั้นแน่นอนเช่น เอ่ยคำชักชวนให้พวกมุอ์มินเห็นดีเห็นชอบต่อการรบและแสดงคำอำนวยพร(ดุอาอ์)ต่ออัลเลาะห์ให้แก่มุอ์มินเหล่านั้นเป็นต้น และถ้าผู้ใดแสดงถ้อยคำแห่งตนอันเป็นการไม่ชอบด้วยศาสนา เช่น ยุแหย่ให้ปวงชนเป็นศัตรูกัน เอาเรื่องไม่ดีของคนหนึ่งเล่าให้คนอื่นรู้เพื่อให้คนทั้งสองแตกคอกันผู้นั้นย่อมได้รับส่วนบาปเพราะเหตุแห่งการแสดงถ้อยคำนั้น เพราะฝ่ายอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงพลังสูงสุดเหนือทุกสิ่งทุกอย่างแล้วพระองค์จะทรงสนองผลแก่ทุกคนเพราะเหตุจากผลที่เขากระทำขึ้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 86 - 87


คำอ่าน
86. วะอิซาหุยยีตุม..บิตะหี้ยะติน..ฟะหัยยูบิอะห์สะนิมินฮาเอารุดดูฮา อิน..นัลลอฮะกานะอะลากุลลิชัยอินหะสีบา
87. อัลลอฮุ ลา..อิลาฮะอิลลาฮู ละยัจญมะอัน..นะกุม อิลาเยามิลกิยามะติ ลาร็อยบะฟีฮิ วะมันอัศดะกุมินัลลอฮิหะดีษา


คำแปล R1.
86. When you are greeted with a greeting, greet in return with what is better than it, or (at least) return it equally. Certainly, Allah is ever a careful account taker of all things.
87. Allah! La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshiped but He). Surely, He will gather you together on the Day of Resurrection about which there is no doubt. And who is truer in statement than Allah?


คำแปล R2.
86. และเมื่อเจ้าทั้งหลายได้รับความคารวะใด ๆ (จากผู้หนึ่ง) พวกเจ้าก็จงคารวะ (ผู้นั้น)ให้ดีงามกว่านั้น หรือมิฉะนั้นก็จงตอบคารวะนั้น (โดยเท่าเทียมกัน) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้คำนวณแก่ทุก ๆ สิ่ง
87. อัลเลาะฮฺ ไม่มีพระเจ้านอกจากพระองค์ ขอสาบาน แน่นอนยิ่ง พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้าทั้งหลายสู่วันชาติหน้าโดยไม่มีข้อสงสัยใน (วัน) นั้นเลย และใครเล่าที่จะจำนรรจ์สัจจะได้ยิ่งกว่าอัลเลาะฮฺ


คำแปล R3.
86. และเมื่อใครทักทายสูเจ้าด้วยความเคารพ ก็จงทักทายด้วยความเคารพที่ดีกว่าหรืออย่างน้อยที่สุดก็ตอบการทักทายกลับโดยเท่าเทียมกัน แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงชำระทุกสิ่งเสมอ
87. อัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ พระองค์ทรงรวบรวมสูเจ้าในวันฟื้นขึ้น ซึ่งการมาของวันนั้นไม่มีข้อคลางแคลงสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น และถ้อยคำของผู้ใดเล่าที่จะเป็นจริงยิ่งกว่าถ้อยคำของอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
86. และเมื่อพวกเจ้าได้รับคำอวยพรจะด้วยคำอวยพรใด ๆ ก็ตามก็จงกล่าวคำอวยพรตอบที่ดีกว่านั้นหรือไม่ก็กล่าวคำอวยพรนั้นตอบกลับไปแท้จริงอัลลอฮฺทรงคำนวณนับในทุก สิ่งทุกอย่าง
87. อัลลอฮฺนั้นคือไม่มีผู้ที่ควรได้รับเคารพสักการะใด ๆ นอกจากพระองค์เท่านั้น แน่นอน พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเจ้าทั้งหลายสู่วันกิยามะฮฺ ซึ่งไม่มีการสงสัยใด ๆ ในวันและใครเล่าที่จะมีคำพูดจริงยิ่งกว่า   อัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๘๖. แหละในเมื่อพวกเจ้าถูกเขาแสดงคารวะให้หนหนึ่งเช่น มีผู้เอ่ยถ้อยคำแก่พวกเจ้าว่า “อัซสะลามุอะไลกุม” ก็ให้พวกเจ้าตอบคารวะที่ดีกว่าที่เขาให้ความคารวะมาก่อน โดยให้พวกเจ้าตอบคำคารวะนั้นว่า “วะอะไลกุมุซสะลามุวะเราะห์มะตุลเลาะห์”แต่ถ้าผู้แสดงคำคารวะแก่พวกเจ้าก่อนเอ่ยว่า “อัซสะลามุอะไลกุมวะเราะห์มะตุลเลาะห์” พวกเจ้าพึงตอบว่า “วะอะไลกุมุซสะลามุวะเราะห์มะตุลลอฮิวะบะร่อกาตุห์” หรือจงตอบคารวะเพียงทวนคำให้เท่ากับประโยคที่เขาแสดงไว้ก่อน จึงเป็นอันว่าการตอบรับคารวะนั้นจะแสดงเป็นโวหารที่ยาวกว่าหรือเท่ากันนั้นย่อมถือว่าเป็นการจำเป็น(วายิบ)สำหรับผู้รับคารวะ ส่วนการตอบรับด้วยโวหารที่ยาวกว่านั้นย่อมจะดียิ่งกว่า เว้นไว้แต่คน ๖ ประเภทซึ่งจะได้กล่าวต่อไปนี้ หากเขาจะเป็นฝ่ายเสนอคำแสดงคารวะแก่พวกเจ้าก่อน ศาสนาก็อนุญาตว่าไม่จำเป็นที่พวกเจ้าจะต้องตอบรับคารวะของผู้นั้นแต่ประการใด คือ ๑. ผู้ไม่ศรัทธา (กาฟิร) ๒. มุบตะดิอ์ (ผู้ปฏิบัติศาสนกิจขัดแย้งกับ อัล-กุรอาน อัล-หะดีธ คำของสาวก อาจริยมติ (อิจมาอ์อุละมาอ์)ในยุค ๓๐๐ปี ๓. ผู้มีบาปหนา (ฟาซิก) ๔. ผู้กำลังเปลื้องธุระอยู่ เช่น กำลังอุจจาระ ปัสสาวะ ๕. ผู้อยู่ในห้องน้ำ ๖. ผู้ที่กำลังมีอาหารอยู่ในปาก ในจำนวนทั้งหกประเภทที่ว่านี้ หากคนใดคนหนึ่งเป็นฝ่ายแสดงความคารวะก่อน ศาสนาถือว่าไม่จำเป็นที่จะต้องตอบรับ แต่ถ้าตอบรับก็ถือว่ามักรูห์ (คือพฤติกรรมที่เมื่อกระทำไม่ได้กุศล เมื่อละเว้นได้กุศล) ยกเว้นคนในประเภทที่หก ศาสนาถือว่าการตอบรับคารวะของเขาไม่มักรูห์เพราะแท้จริงอัลเลาะห์คือองค์ทรงยิ่งในการวินิจฉัยทุกสิ่งทุกอย่างแล้วก็จะทรงตอบสนองให้ในทุก ๆ ประการที่ว่านั้น ซึ่งการตอบรับคารวะก็จัดว่าเป็นส่วนหนึ่งจากทุก ๆ สิ่งที่พระองค์จะตอบแทนด้วยเช่นเดียวกัน
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ โองการต่อไปนี้ ลงมาเพื่อแจ้งแก่พวกกาฟิรที่ปฏิเสธการเกิดใหม่จากสุสาน ดังนี้
๘๗. อัลเลาะห์นั้น ไม่มีพระเจ้าอื่นใดอันควรแก่การสักการะโดยแท้จริงเว้นไว้แต่พระองค์เท่านั้นทรงให้สัตย์ปฏิญาณด้วยพระนามของพระองค์ว่าแน่แท้พระองค์จะทรงจัดให้เจ้าหน้าที่มาต้อนพวกเจ้าจากหลุมสุสานและให้พวกเจ้าไปรวมกันในวันกิยามะห์อันเป็นวาระที่ไม่สงสัยเลย แล้วย่อมไม่มีผู้ใดที่จะมีถ้อยคำสัจจริงยิ่งกว่าอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 88 - 89


คำอ่าน
88. ฟะมาละกุมฟิลมุนาฟิกีนะ ฟิอะตัยนิ วัลลอฮุ อัรฺกะสะฮุม บิมากะสะบู อะตุรีดูนะ อัน..ตะฮฺดู มันอะฎ็อลลัลลอฮฺ ฟะลันตะญิดะละฮู สะบีลา
89. วัดดูเลาตักฟุรูนะ กะมากะฟะรู ฟะตะกูนูนะ สะวา...อัน..ฟะลาตัตตะคิซู มินฮุมเอาลิยา...อะ หัตตายุฮาญิรู ฟีสะบีลิลลาฮฺ ฟะอิน..ตะวัลเลา ฟะคุซูฮุม วักตุลูฮุม หัยษุวะญัดตุมูฮุม วะลาตัตตะคิซู มินฮุม วะลีเยา..วะลานะศีรอ


คำแปล R1.
88. Then what is the matter with you that you are divided into two parties about the hypocrites? Allah has cast them back (to disbelief) because of what they have earned. Do you want to guide him whom Allah has made to go astray? And he whom Allah has made to go astray, you will never find for him any way (of guidance).
89. They wish that you reject Faith, as they have rejected (Faith), and thus that you all become equal (like one another). So take not Auliya' (protectors or friends) from them, till they emigrate in the Way of Allah (to Muhammad). But if they turn back (from Islam), take (hold) of them and kill them wherever you find them, and take neitherAuliya' (protectors or friends) nor helpers from them.



คำแปล R2.
88. และอะไรเป็นสาเหตุสำหรับพวกเจ้าใน(กรณีเกี่ยวกับ)มวลผู้สับปลับทั้งหลาย(จึงแตกออก)เป็นสองกลุ่ม ทั้ง ๆ ที่อัลลอฮฺได้ทรงหวนพวกเขา (กลับสู่สภาพเนรคุณไปแล้ว โดยไม่มีอะไรเคลือบแคลง) เพราะสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ เจ้าทั้งหลายปรารถนาหรือที่จะชี้นำแก่ผู้ที่อัลเลาะฮฺได้ทรงให้เขาหลงผิด และผู้ใดที่อัลเลาะฮฺให้เขาหลงผิด แน่นอนเจ้าไม่มีหนทางใดที่จะให้แก่เขา (พบความสุขความปลอดภัย)
89. และพวกเขามีความชอบใจยิ่งหากพวกเจ้าเนรคุณเหมือนกับที่พวกเขาเนรคุณ แล้วพวกเจ้าก็จะได้เท่าเทียม(กับพวกเขา) ดังนั้นเจ้าทั้งหลายอย่ายึดเอาบางคนของพวกนั้นมาเป็นเพื่อน (ในขบวนการ) จนกว่าพวกเขาจะร่วมอพยพไป (ทำการรบ) ในทางของอัลเลาะฮฺ แต่ถ้าพวกเขาหันหลังให้ (ไม่ยอมออกเดินทางไปสู้รบ) พวกเจ้าก็จงจับตัวพวกเขา (มาเป็นเชลย) และจงประหารชีวิตพวกเขาเสีย ณ ที่ใดที่พวกเจ้าพบพวกเขา และพวกเจ้าจงอย่ายึดเอาพวกเขาคนใดมาเป็นเพื่อนและเป็นผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R3.
88. แล้วไฉนสูเจ้าจึงเห็นเป็นสองอย่างในเรื่องเกี่ยวกับพวกตลบตะแลง ในขณะที่อัลลอฮฺได้ทรงหันพวกเขากลับ (ไปสู่สภาพเดิมของพวกเขา) เพราะความชั่วที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ สูเจ้าปรารถนาที่จะแสดงทางนำแก่ผู้ที่พระองค์ทรงปล่อยให้เขาหลงผิดกระนั้นหรือ? และผุ้ใดที่อัลลอฮฺทรงปล่อยให้หลงผิด เจ้าจะไม่พบหนทางใดสำหรับพวกเขาเลย
89. พวกเขาใคร่ที่จะให้สูเจ้าเป็นพวกปฏิเสธเหมือนดังที่พวกเขาเป็น เพื่อที่สูเจ้าจะได้เหมือนกันกับพวกเขา ดังนั้นจงอย่าเอาพวกเขาเป็นเพื่อนจนกว่าพวกเขาจะอพยพในหนทางของอัลลอฮฺ และถ้าพวกเขาไม่อพยพ ดังนั้นจงจับกุมพวกเขาที่ใดก็ตามที่สูเจ้าพบและฆ่าพวกเขา และจงอย่าเอาพวกเขามาเป็นเพื่อนหรือผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R4.
88. มีอะไรเกิดขึ้นแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ ที่พวกเจ้าได้กลายเป็นสองพวก ในกรณีบรรดามุนาฟิกเหล่านั้น และอัลลอฮฺได้ทรงให้พวกเขากลับสู่สภาพเดิมแล้ว เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้ พวกเจ้าต้องการที่จะแนะนำผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงให้หลงผิดไปแล้วกระนั้นหรือ? และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้หลงผิดไปแล้ว เจ้าก็จะไม่พบทางใด ๆ สำหรับเขาเป็นอันขาด
89. พวกเขาชอบหากว่า พวกเจ้าจะปฏิเสธศรัทธา ดังที่พวกเขาได้ปฏิเสธ พวกเจ้าจะได้กลายเป็นผู้ที่เท่าเทียมกัน ดังนั้นจงอย่าได้ยึดเอาใครในหมู่พวกเขาเป็นมิตร จนกว่าพวกเขาจะอพยพไปในทางของอัลลอฮฺ แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้ก็จงเอาพวกเขาไว้ และจงฆ่าพวกเขา ณ ที่ที่พวกเจ้าพบพวกเขา และจงอย่าเอาใครในหมู่พวกเขาเป็นมิตรและเป็นผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
ขณะที่พวกมุนาฟิกีนกลับจากสมรภูมิอุฮุดนั้น เหล่าสาวกของพระนบีมูฮำมัดเกิดขัดแย้งกันขึ้นในอันที่จะจัดการแก่พวกมุนาฟิกเหล่านั้น มีสาวกพวกหนึ่งลงความเห็นว่าต้องฆ่า แต่อีกพวกหนึ่งลงความเห็นว่าไม่ต้องฆ่า โองการจากอัลเลาะห์จึงมีลงมาว่า

๘๘. ไม่เป็นการสมควรเลยสำหรับพวกเจ้าที่จะแตกเป็นสองฝ่ายเกี่ยวกับการฆ่าหรือไม่ฆ่าพวกมุนาฟิกและไม่สมควรที่เจ้าจะถือว่าพวกมุนาฟิกเหล่านั้นอยู่ในวิถีธรรม แต่เป็นการสมควรอย่างยิ่งที่พวกเจ้าจะลงมติเป็นเอกฉันท์ว่าจะต้องฆ่าพวกมุนาฟิกเหล่านั้น เพราะเหตุจากพวกนี้เปิดเผยความไม่ศรัทธาของตนให้ปรากฏทั้งที่อัลเลาะห์ก็ได้ทรงดลพวกมุนาฟิกนั้นให้กลับออกจากสงครามไปแล้วและทรงห้ามมิให้พวกนั้นกระทำสงครามเพื่อให้พวกนั้นไร้ประโยชน์ทางโลกนี้ เช่นได้ส่วนแบ่งในทรัพย์เชลย และทางภพหน้าเช่น บุญกุศลเนื่องจากผลแห่งความไม่ศรัทธาและความทรยศอันเป็นผลที่พวกนั้นอุตส่าห์กระทำไว้ ไม่สมควรเลยที่พวกเจ้าจะมุ่งหวังให้บุคคลที่อัลเลาะห์ให้ตกอยู่ในความงมงายเป็นพวกอยู่ในวิถีเที่ยงธรรม ถ้าแหละผู้ใดที่อัลเลาะห์ทรงให้ตกอยู่ในความงมงายแล้วโอ้มูฮำมัดเจ้าย่อมจะหาทางช่วยผู้นั้นให้กลับเจ้าสู่วิถีธรรมมิได้อีกแล้ว
๘๙. พวกมุนาฟิกเหล่านั้นชอบที่จะให้พวกเจ้าไม่ศรัทธา เหมือนอย่างที่พวกมันไม่ศรัทธา เพื่อพวกเจ้ากับพวกมันจะได้พอ ๆ กันในอันไม่ศรัทธาฉะนั้นในเมื่อพวกมุนาฟิกมีวัตถุประสงค์ดังที่กล่าวแล้วพวกเจ้าก็อย่าได้คบหาพวกนั้นไว้เป็นเพื่อนถึงแม้ว่าพวกนั้นจะแสดงออกซึ่งความศรัทธาให้ปรากฏเห็นก็ตามเถิดจนกว่าพวกเหล่านั้นจะร่วมด้วยพระนบีมูฮำมัดออกไปทำสงครามในแนวทางศาสนาของอัลเลาะห์อย่างจริงใจ มีความอดทนและมุ่งหวังเอาผลกุศล
   คำว่าฮิจเราะห์มีความหมายเป็น ๓ คือ
๑.   การฮิจเราะห์ของพวกมุอ์มินในตอนต้นของยุคอิสลามสมัยมูฮำมัด
๒.   การฮิจเราะห์ของชนมุนาฟิกร่วมไปกับพระนบีมูฮำมัดอย่างจริงใจ มีความอดทนและมุ่งหวังเอากุศลทางอาคิเราะห์อย่างเดียว
๓.   การฮิจเราะห์เลี่ยงออกให้พ้นการชั่วช้าต่าง ๆ
แต่ถ้าพวกมุนาฟิกนั้นให้หลังไม่ยอมเข้าสู่สงครามร่วมกับพวกเจ้า ซ้ำร้ายยังชอบแสดงความกลับกลอก(ที่ไม่ออกสู่สงคราม)พูดจาล้วนแต่เรื่องมุสา ทั้งยังไม่มีอันใดแสดงว่าเป็นความปรารถนาดีต่อพวกมุอ์มินเลย เมื่อพวกมุนาฟิกเป็นเช่นนี้แล้ว ก็ให้พวกเจ้าจับเอาพวกเหล่านั้นมาเป็นเชลยศึกบ้างแล้วจงฆ่าเสียบ้างในทุกหนแห่งที่พวกเจ้าพบเจอ ทั้งอย่าได้คบหาบางคนในพวกนั้นมาเป็นเพื่อนสนิทซึ่งพวกเจ้าทั้งหลายย่อมอยู่ใต้ความปกครองของเขาและมาเป็นผู้อุปถัมภ์ให้พวกเจ้ามีชัยชนะข้าศึกเพราะพวกมันเลย




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 90


คำอ่าน
90. อิลลัลละซีนะ ยะศิลูนะ อิลาก็อวมิม..บัยนะกุม วะบัยนะฮุม..มีษากุน เอาญา...อูกุม หะศิร็อดศุดูรุฮุม อัย..ยุกอติลูกุม เอายุกอตุลูก็อวมะฮุม วะเลาชา...อัลลอฮุ ละสัลละเฏาะฮุม อะลัยกุม ฟะละกอตะลูกุม ฟะอินิอฺตะซะลูกุม ฟะลัมยุกอติลูกุม วะอัลก็อวอิลัยฮิมุสสะละมะ วะมาญะอะลัลลอฮุ ละกุม อะลัยฮิมสะบีลา

คำแปล R1.
90. Except those who join a group, between you and whom there is a treaty (of peace), or those who approach you with their breasts restraining from fighting you as well as fighting their own people. Had Allah willed, indeed He would have given them power over you, and they would have fought you. So if they withdraw from you, and fight not against you, and offer you peace, then Allah has opened no way for you against them.

คำแปล R2.
90. นอกจากบรรดา (พวกสับปลับ) ที่เข้าติดต่อกับคนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งมีสัญญา (สันติภาพ) ต่อกันระหว่างพวกเจ้าและพวกเขา (เพื่อขอลี้ภัย คนกลุ่มนั้นมี หิลาล บินอุวัยมิร อัซละมี เป็นหัวหน้า) หรือพวกเขาเข้ามาหาพวกเจ้าโดยหัวใจพวกเขาประหวั่นที่จะรบกับพวกเจ้า หรือรบกับพวกพ้องของพวกเขาเองก็ตาม และหากอัลเลาะฮฺทรงปรารถนา แน่นอนพระองค์ย่อมให้พวกนั้นมีอำนาจเหนือพวกเจ้า แล้วแน่นอนพวกเขาก็ทำการรบกับพวกเจ้า แต่ถ้าพวกเหล่านั้นได้ล่าถอยพวกเจ้าไป พวกเจ้าก็อย่าได้สู้รบกับพวกเขา และจงมอบสันติภาพกับพวกเขา ที่จริงอัลเลาะฮฺไม่เปิดหนทางให้เจ้าทั้งหลาย (ที่จะทำการรบ) กับพวกนั้นเลย

คำแปล R3.
90.ยกเว้นบรรดาผู้ที่เข้าร่วมกับหมู่ชนที่เป็นพันธมิตรกับสูเจ้าโดยสนธิสัญญาหรือผู้ที่มาหาสูเจ้าด้วยหัวอกที่หวั่นไหวไม่คิดจะต่อสู้สูเจ้าหรือต่อสู้ผู้คนของพวกเขา หากอัลลอฮฺทรงประสงค์พระองค์จะทรงทำให้พวกเขามีอำนาจเหนือสูเจ้าแล้วแน่นอน พวกเขาจะต่อสู้สูเจ้า ดังนั้นถ้าพวกเขาถอยไปจากสูเจ้าและไม่ต่อสู้สูเจ้าและเสนอสันติภาพแก่สูเจ้า ในกรณีเช่นนั้น อัลลอฮฺไม่ปล่อยให้มีหนทางใดสำหรับสูเจ้าที่จะไปรุกรานพวกเขา

คำแปล R4.
90. นอกจากบรรดาผู้ที่ติดต่ออยู่กับพวกหนึ่งซึ่งระหว่างพวกเจ้ากับพวกนั้น มีพันธะสัญญาอยู่หรือบรรดาผู้ที่มาหาพวกเจ้าโดยที่หัวอกของพวกเขาอัด อั้นต่อการที่พวกเขาจะสู้รบกับพวกเจ้าหรือสู้รบกับหมู่ชนของพวกเขาเอง และหากว่าอัลลอฮฺทรงประสงค์แล้ว แน่นอนก็ทรงให้พวกเขามีอำนาจเหนือพวกเจ้าแล้ว แล้วแน่นอนพวกเขาก็สู้รบกับพวกเจ้าแล้วด้วยแต่ถ้าพวกเขาออกห่างพวกเจ้า โดยที่มิได้ทำการสู้รบกับพวกเจ้า และได้เจรจาแก่พวกเจ้าซึ่งการประนีประนอมแล้วไซร้ อัลลอฮฺก็ไม่ทรงให้มีทางใดแก่พวกเจ้าที่จะขจัดพวกเขาได้

คำแปล R5.
๙๐. เว้นแต่บรรดามุนาฟิกที่เข้าพึ่งพาอาศัยอยู่กับคณะหนึ่งมีหิลาลบุตรอุไวมิร อัล-อัซละมีย์เป็นหัวหน้าที่ทั้งฝ่าย(มูฮำมัด)พวกเจ้ากับฝ่าย(หิลาลฯ)พวกเขามีสนธิสัญญาเพื่อสันติภาพกันอยู่สองข้อ ว่า
    ๑. พระนบีมูฮำมัดจะไม่ช่วยหิลาลฯ และจะไม่เข้าร่วมกับผู้อื่นไปรบหิลาล
๒. ถ้าผู้ใดมาพึ่งพาอาศัยหิลาลฯ ก็ถือว่าผู้นั้นเป็นเพื่อนบ้านของพระนบีมูฮำมัดเหมือนดั่งหิลาลฯ หรือเว้นแต่พวกมุนาฟิกที่มาหาพวกเจ้าอย่างหัวใจไม่สมัครที่จะสมทบกับพวกของตนเองไปรุกรานพวกเจ้าหรือไม่สมัครใจจะสมทบกับมูฮำมัดไปรุกรานพรรคพวกของตนเองเท่านั้นพวกเจ้าจงจะถูกห้ามไว้ว่ามิให้แสดงแม้แต่ทีท่าว่าจะจับพวกนั้นมาเป็นเชลยศึกหรือเอามาฆ่าเสีย บัญญัติเรื่องให้ยกเว้นนั้นมีดังนี้
    พวกมุนาฟิกที่เข้ามาพึ่งพาอาศัยอยู่กับคณะหนึ่งก็ดี ที่มาหาพวกเจ้าอย่างไม่สมัครใจจะรุกรานพวกเจ้าหรือพวกของตนเองก็ดี และพวกที่ล่าถอยไม่สู้รบพวกเจ้าก็ดีหรือที่ไม่ยอมล่าถอยก็ดี ถูกยกเลิกแล้วโดยโองการเรื่อง “ดาบ” ซึ่งใช้ให้พวกเจ้าทำการสู้รบกับพวกนั้นไม่ว่าพวกนั้นจะรบพวกเจ้าหรือไม่ก็ตาม และไม่ว่าพวกนั้นจะเข้าไปพึ่งพาอาศัยกับคณะหนึ่งที่มีสนธิสัญญากันไว้หรือไม่เข้าไปพึ่งพาอาศัยกับชนคณะนั้นก็ตามแต่ถ้าอัลเลาะห์ทรงมุ่งหมายจะให้พวกมุนาฟิกมีอำนาจปกครองพวกเจ้าแล้ว พระองค์ก็จะทรงให้พวกนั้นมีอำนาจเหนือพวกเจ้าโดยจะทรงให้จิตใจของพวกนั้นเข้มแข็งขึ้นแล้วพวกนั้นก็จะรุกรานพวกเจ้าได้แต่พระองค์มิได้ทรงมุ่งหมายอย่างนั้น จึงได้ทรงบันดาลให้จิตใจของพวกนั้นมีแต่ความหวาดกลัวถ้าแม้นว่าพวกมุนาฟิกนั้นล่าถอยไปจากพวกเจ้า ไม่แสดงท่าทีว่าจะสู้รบพวกเจ้า ทั้งที่พวกนี้ก็สามารถจะสู้กับพวกเจ้าได้ ถ้าพระองค์ทรงมุ่งหมายจะให้พวกนี้สู้รบ ซึ่งพวกเจ้าก็ทราบดีอยู่แล้วทั้งยังได้ยอมอนุโลมตามพวกเจ้า อัลเลาะห์ก็จะไม่ทรงเปิดโอกาสให้พวกเจ้าทำลายพวกนั้นเลยทั้งนี้เพราะว่าการที่พวกนั้นงดไม่รบกับพวกเจ้าและพวกของตนเองก็ดี และยอมอนุโลมตามพวกเจ้าถึงจะไม่มีข้อสัญญาตกลงกันไว้ก็ดี ก็นับว่าพอเพียงอยู่แล้วที่จะไม่ให้พวกเจ้าไปทำการรุกรานพวกนั้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 91 – 93


คำอ่าน
91. สะตะญิดูนะ อาเคาะรีนะ ยูรีดูนะ อัย..ยะอ์มะนูกุม วะยะอ์มะนูก็อวมะฮุม กุลละมารุดดู..อิลัลฟิตนะติ อุรฺกิสูฟีฮา ฟะอิลลัมยะอฺตะซิลูกุม วะยุลกู..อิลัยกุมุสสะละมะ วะยะกุฟฟู..อัยดิยะฮุม ฟะคุซูฮุม วักตุลูฮุม หัยษุ ษะกิฟตุมูฮุม วะอุลา...อิกุม ญะอัลนาละกุม อะลัยฮิม สุลฏอนัม..มุบีนา
92. วะมากานะลิมุอ์มินิน อัย..ยักตุละมุอ์มินัน อิลลาเคาะเฏาะ..อา วะมัน..เกาะตะละมุอ์มินัน เคาะเฏาะอัน..ฟะตะหฺรีรุเราะเกาะบะติม..มุอ์มินะติว..วะดิยะตุม..มุสัลละมะตุน อิลา..อะฮฺลิฮี อิลลา..อัย..ยัศศ็อดดะกู ฟะอิน..กานะ มิน..ก็อวมิน อะดูวิลละกุม วะฮุวะมุอ์มินุน..ฟะตะหฺรีรุเราะเกาะบะติม..มุอ์มินะฮฺ วะอิน..กานะมิน..ก็อวมิม..บัยนะกุม วะบัยนะฮุม..มีษากุน..ฟะดิยะตุม..มุสัลละมะตุน อิลา..อะฮฺลิฮี วะตะหฺรีรุเราะเกาะบะติม..มุอ์มินะฮฺ ฟะมัลลัมยะญิด ฟะศิยามุชะฮฺร็อยนิ มุตะตาบิอัยนิ เตาบะตุม..มินัลลอฮฺ วะกานัลลอฮุอะลีมันหะกีมา
93. วะมัย..ยักตุลมุอ์มินัม..มุตะอัม..มิดัน..ฟะญะซา...อุฮูญะฮัน..นะมุ คอลิดัน..ฟีฮา วะเฆาะฎิบัลลอฮุอะลัยฮิ วะละอะนะฮู วะอะอัดดะละฮู อะซาบัน อะซีมา


คำแปล R1.
91. You will find others that wish to have security from you and security from their people. Every time they are sent back to temptation, they yield thereto. If they withdraw not from you, nor offer you peace, nor restrain their hands, take (hold) of them and kill them wherever you find them. In their case, we have provided you with a clear warrant against them.
92. It is not for a believer to kill a believer except (that it be) by mistake, and whosoever kills a believer by mistake, (it is ordained that) he must set free a believing slave and a compensation (blood money, i.e Diya) be given to the deceased's family, unless they remit it. If the deceased belonged to a people at war with you and he was a believer; the freeing of a believing slave (is prescribed), and if he belonged to a people with whom you have a treaty of mutual alliance, compensation (blood money - Diya) must be paid to his family, and a believing slave must be freed. And whoso finds this (the penance of freeing a slave) beyond his means, he must fast for two consecutive months in order to seek repentance from Allah. And Allah is ever All-Knowing, All-Wise.
93. And whoever kills a believer intentionally, his recompense is Hell to abide therein, and the Wrath and the Curse of Allah are upon him, and a great punishment is prepared for him.


คำแปล R2.
91. เจ้าทั้งหลายจะได้พบบรรดากลุ่มคนอื่น ๆ อีก ซึ่งพวกเขามุ่งหวังที่จะหยิบยื่นสันติภาพแก่พวกเจ้า และแก่พวกพ้องของพวกเขาเอง ทุกครั้งที่พวกเขาถูกชักจูงให้คืนสู่วิกฤติการณ์ (ได้แก่การตั้งภาคี) พวกเขาก็คืนกลับเข้าสู่ภาวะนั้นทันที แต่ถ้าพวก (สับปลับ) เหล่านั้นไม่ยอมล่าถอยไปจากพวกเจ้า และพวกเขาไม่มอบสันติภาพแก่พวกเจ้า อีกทั้งพวกเขาไม่ยั้งมือของพวกเขาไว้ (ที่จะทำการรบกับพวกเจ้า) พวกเจ้าก็จงจับตัวพวกเขาเถิด และจงประหารชีวิตพวกเขาไม่ว่าพวกเจ้าจะพบพวกเขา ณ แห่งหนใดก็ตาม และอันพวกเหล่านั้น เราได้มอบแก่พวกเจ้าทั้งหลายให้มีอำนาจอันชัดเจนเหนือพวกเขา
92. และสำหรับผู้มีศรัทธาย่อมไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะทำการฆ่าเพื่อนศรัทธาชนด้วยกันเองนอกจากโดยพลั้งพลาด (ไม่จงใจ) และผู้ใดฆ่าเพื่อนศรัทธาชนโดยพลั้งพลาด ก็ให้เขาจัดการปลดปล่อยทาสผู้มีศรัทธาหนึ่งคนและค่าทำขวัญ (อูฐ 100 ตัว) ต้องมอบแก่ทายาทของเขายกเว้นในกรณีพวกทายาทยกเป็นทาน แต่ถ้าปรากฏว่า (ผู้ถูกฆ่าโดยไม่เจตนานั้น) เขาเป็นคนหนึ่งในกลุ่มศัตรูของพวกเจ้า (ที่เป็นคู่สงคราม) ขณะที่ตัวเขาเองเป็นผู้ศรัทธา ก็ให้เพียงแต่ปลดปล่อยทาสผู้มีศรัทธาหนึ่งคน และถ้าปรากฏว่า (ผู้ถูกฆ่าโดยไม่เจตนานั้น) เขาเป็นผู้หนึ่งจากกลุ่มชนผู้มีสัญญาสันติภาพระหว่างพวกเขากับพวกเจ้า ก็ให้ชำระค่าทำขวัญซึ่งมอบแก่ทายาทของเขาและปลดปล่อยทาสที่มีศรัทธาหนึ่งคน แต่ใครไม่มี (สิ่งเหล่านั้น) ก็ให้เขาทำการถือศีลอดสองเดือนต่อเนื่องกัน (บทบัญญัติดังกล่าว) เป็นการลุแก่โทษจากอัลเลาะฮฺ (แก่พวกเจ้า) และอัลเลสะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
93. และบุคคลใดฆ่าผู้มีศรัทธาคนหนึ่งโดยเจตนา แน่นอนการตอบแทนแก่เขาก็คือนรกยะฮันนัม ซึ่งเขาต้องเข้าประจำในนั้นโดยนิรันดร และอัลเลาะฮทรงพิโรธ ทรงสาปแช่งเขา และทรงเตรียมการลงโทษอันใหญ่หลวงแก่เขา


คำแปล R3.
91. สูเจ้าจะได้พบพวกตลบตะแลงอีกบางพวกที่ปรารถนาสันติภาพจากสูเจ้าและสันติภาพจากหมู่ชนของพวกเขา แต่คนพวกนี้จะก่อความวุ่นวายเสียหายอีกเมื่อใดก็ตามที่พวกเขาสบโอกาส ดังนั้น ถ้าพวกเขาไม่ถอยไปจากสูเจ้าและไม่เสนอสันติภาพแก่สูเจ้าและยังไม่ยั้งมือจากการต่อสู้สูเจ้า ดังนั้นจงจับกุมพวกเขาและฆ่าพวกเขา ณ ที่ใดก็ตามที่เจ้าพบพวกเขา และพวกเหล่านี้แหละที่เราได้ให้อำนาจอย่างเต็มที่แก่สูเจ้าที่จะต่อสู้กับพวกเขา
92. และไม่พึงที่ผู้ศรัทธาคนใดจะฆ่าผู้ศรัทธาอีกคนหนึ่งเว้นแต่โดยพลั้งผิด และถ้าผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยพลั้งผิด เขาจะต้องปล่อยทาสผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้เป็นอิสระ และจ่ายค่าทำขวัญแก่ทายาท (ของผู้ที่ถูกฆ่า) เว้นแต่พวกเขาจะยกให้เป็นทาน แต่ถ้าผู้ที่ถูกฆ่าอยู่ในหมู่ชนที่เป็นศัตรูต่อสูเจ้า ดังนั้นการไถ่โทษก็คือการปล่อยทาสผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้เป็นไท แต่ถ้าผู้ที่ถูกฆ่ามิได้เป็นมุสลิมและเป็นพันธมิตรกับสูเจ้า ดังนั้นจะต้องจ่ายค่าทำขวัญให้แก่ทายาทของเขา และปล่อยทาสผู้ศรัทธาหนึ่งคนให้เป็นอิสระ แต่ถ้าผู้ใดไม่สามารถหาทาสได้ เขาจะต้องถือศีลอดติดจ่อกันสองเดือน นี่เป็นสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงสั่งสำหรับการสำนึกผิด และอัลลอฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
93. และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยเจตนา ดังนั้นการตอบแทนของเขาคือนรก ซึ่งเขาจะเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้น และอัลลอฮฺทรงพิโรธเขา และทรงงดความเมตตาเขา และทรงเตรียมการลงโทษอันสาหัสแก่เขา


คำแปล R4.
91. พวกเจ้าจะพบพวกอื่นอีก โดยพวกเขาปรารถนาที่จะปลอดภัยจากพวกเจ้า และปลอดภัยจากพวกเขาเอง คราใดที่พวกเขาถูกให้กลับไปสู่การฟิตนะฮ์พวกเขาก็ถูกให้กลับไปอยู่ในนั้นตามเดิม ดังนั้นถ้าพวกเขามิได้ออกห่างจากพวกเจ้าไป และมิได้เจรจาแก่พวกเจ้าซึ่งการประนีประนอม และมิได้ระงับมือของพวกขาแล้ว ก็จงเอาพวกเขาไว้ และจงฆ่าพวกเขา ณ ที่ที่พวกเจ้าพบพวกเขา และชนเหล่านี้แหละเราได้ให้มีอำนาจอันชัดเจนแก่พวกเจ้าที่จะขจัดพวกเขาได้
92. และมิใช่วิสัยของผู้ศรัทธาที่จะฆ่าผู้ศรัทธาคนหนึ่งคนใด นอกจากด้วยความผิดพลาดเท่านั้นและผู้ใดที่ฆ่าผู้ศรัทธาด้วยความผิดพลาด แล้ว ก็ให้มีการปล่อยทาสหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่งให้เป็นไท และให้มีค่าทำขวัญ ซึ่งถูกมอบให้แก่ครอบครัวของเขนอกจากว่าครอบครัวของพวกเขาจะทำทานให้ เท่านั้นแต่ถ้าหากเขาอยู่ในหมู่ชนที่เป็นศัตรูของพวกเจ้า โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธาก็ให้มีการปล่อยทาศหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่งให้เป็นไท และถ้าเขาอยู่ในหมู่ชนที่มีพันธะสัญญาระหว่างพวกเจ้ากับพวกเขาแล้ว ก็ให้มีการทำขวัญ ซึ่งถูกมอบให้แก่ครอบครัวของเขา และให้มีการปล่อยทาสหญิงที่ศรัทธาคนหนึ่ง ผู้ใดที่ไม่พบ ก็ให้มีการถือศีลอดสองเดือนต่อเนื่องกันเป็นการอภัยโทษจากอัลลอฮฺ และปรากฏว่าอัลลอฮฺ นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาน
93. และผู้ใดฆ่าผู้ศรัทธาโดยจงใจ การตอบแทนแก่เขาก็คือ นรกญะฮันนัม โดยที่เขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และอัลลอฮฺก็ทรงกริ้วโกรธเขา และทรงละนัตเขา และได้ทรงเตรียมไว้สำหรับเขาซึ่งการลงโทษอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๙๑. โอ้มวลชนมุอ์มินต่อไปพวกเจ้าจะได้พบเจออีกพวกหนึ่งที่เป็นพวกมุนาฟิก อันได้แก่พวกอะซัดและพวกฆ็อฎฟาน เหล่านี้มีหลักแหล่งอยู่ชานนครมดีนะห์ มุ่งหมายจะทำความสุขสงบกับพวกเจ้าด้วยการแสร้งแสดงออกต่อหน้าพวกเจ้าในรูปของความมีศรัทธาและจะทำความสุขสงบกับพรรคพวกของตนด้วยการแสดงออกต่อหน้าเหล่านั้นว่าไม่ศรัทธา เมื่อพวกเหล่านี้กลับมาเจอกับพวกของตน คราใดที่พวกนั้นถูกพวกเดียวกันแนะนำชักชวนให้กลับเข้าสู่ความมีภาคี พวกนั้นจะจมอยู่ในความมีภาคีนั้นอย่างถอนตัวไม่ขึ้น ถ้าหากว่าพวกมุนาฟิกีนนั้นไม่ล่าถอยไปจากพวกเจ้ายังสมัครใจจะสู้รบพวกเจ้าอยู่ไม่ยอมอนุโลมตามพวกเจ้าและไม่ยอมละมือในอันที่จะมุ่งร้ายต่อพวกเจ้าเสียแล้ว ก็ให้พวกเจ้าจับเอาตัวพวกนั้นมาเป็นเชลยศึกบ้าง และจงฆ่าเสียบ้างในทุกแห่งหนที่พวกเจ้าพบเจอไม่ว่าจะเป็นผืนแผ่นดินที่ต้องห้ามหรือแผ่นดินที่อื่นจากนั้นพวกเลว ๆ ที่น่ารังเกียจเหล่านี้แหละที่เรา(อัลเลาะห์)จะให้พวกเจ้ามีอิทธิพลเหนือกว่าโดยมีหลักฐานอย่างชัดแจ้งชี้ว่าให้พวกเจ้าฆ่าและจับพวกนั้นเอามาเป็นเชลยศึกได้ ทั้งนี้เพราะความไม่ศรัทธาและเพราะการทุจริตในข้อสัญญาของพวกนั้น
๙๒. ย่อมจะไม่เป็นการอันควรที่มุอ์มินหนึ่งจะฆ่ามุอ์มินหนึ่ง นอกจากเพราะความพลั้งพลาดอย่างไม่มีเจตนารมณ์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ถ้าผู้ใดฆ่ามุอ์มินโดยความพลั้งพลาดเช่นมีเจตนาว่าจะยิงสิ่งอื่นใดอันได้แก่สัตว์ป่าหรือต้นไม้เป็นต้น เผอิญกระสุนพลาดไปโดนคนมุอ์มินเข้า หรือว่าเจตนาตีคนมุอ์มินด้วยของใช้ตีชนิดที่ไม่อาจทำให้ตายได้ แต่เคราะห์ร้ายเกิดทำให้มุอ์มินผู้นั้นตาย ก็จำเป็นที่มุอ์มินฆาตกรนั้นจะต้องปล่อยทาสมุอ์มินคนหนึ่งให้เป็นไทแก่ตน และให้จ่ายค่าทำขวัญแก่ทายาทที่มีส่วนได้รับมรดกของเขา(ผู้ตาย) เป็นอูฐหนึ่งร้อย เว้นไว้แต่พวกทายาทของผู้ตายนั้นจะยอมยกให้เอาบุญ
   สำหรับอูฐ ๑๐๐ ตัวที่กล่าวถึงนี้  อัลหะดีธได้บันทึกไว้เป็น ๕ รุ่น ดังนี้
๑.   บินตฺมะค้อฎ (อูฐตัวเมียอายุ ๑ ขวบย่าง ๒ ขวบ
๒.   บินต์ละบูน (อูฐตัวเมียอายุ ๒ ขวบ)
๓.   บนูละบูน (อูฐตัวผู้อายุ ๒ ขวบ)
๔.   หิก๊อก (อูฐตัวเมียอายุ ๓ ขวบ)
๕.   ยิซาอ์ (อูฐตัวเมียอายุ ๕ ขวบ)
    โดยเก็บรวมให้ได้รุ่นละ ๒๐ ตัว ซึ่งศาสนาบัญญัติว่า อูฐจำนวนทั้งสิ้นนี้ให้เรียกเก็บเอาจากทายาทที่รับมรดกส่วนอะซอบะห์ของฆาตกร (ผู้รับมรดกที่ไม่ระบุส่วน) ยกเว้นพ่อกับลูกของฆาตกร และต้องชำระให้หมดสิ้นภายใน ๓ ปี โดยการเรียกเก็บดังนี้ ถ้าทั้งหลายมีฐานะดี เก็บคนละ ๑.๕ ดีนาร์ (เหรียญทอง) ต่อปี ถ้ามีฐานะปานกลางเก็บคนละหนึ่งในสี่ของดีนาร์ต่อปี เมื่อครบกำหนด ๓ ปี แล้วรวมยอดได้ยังต่ำกว่าค่าของอูฐร้อยตัวอยู่เท่าใด ก็ยอมให้ขอเบิกเอาจากคลังสาธารณสมบัติก่อน เท่าจำนวนซึ่งขาดนั้น แต่ถ้าคลังสาธารณสมบัติบอกขัดข้อง ก็จำเป็นต้องเรียกเก็บส่วนที่ยังขาดจากฆาตกรนั้น แล้วถ้าผู้ถูกฆ่า นั้นเป็นคนหนึ่งในหมู่ศัตรูของพวกเจ้า แต่เป็นมุอ์มินก็จำเป็นที่มุอ์มินผู้เป็นฆาตกรนั้นเพียงแต่ปล่อยทาสมุอ์มินคนหนึ่งให้เป็นไทแก่ตนเท่านั้นเป็นการไถ่โทษ แต่ไม่ต้องจ่ายค่าทำขวัญเป็นอูฐ ๑๐๐ ตัว ในฐานะที่ผู้ถูกฆ่านั้นเป็นฝ่ายศัตรูและถ้าผู้ถูกฆ่านั้นเป็นคนของกลุ่มชนหนึ่งเป็นพวกยะฮูดีก็ดี หรือเป็นพวกนัซรอนีก็ดีซึ่งพวกเจ้ากับพวกเหล่านั้นมีสนธิสัญญากันอยู่คือพวกเหล่านั้นมีข้อสัญญาจ่ายเบี้ยรายปีให้แก่พวกเจ้าซึ่งเป็นฝ่ายรัฐ ก็จำเป็นที่มุอ์มินผู้เป็นฆาตกรนั้นจะต้องจ่ายค่าทำขวัญให้แก่ทายาทผู้มีส่วนได้รับมรดกของผู้ตายนั้นในอัตราหนึ่งในสามของอูฐหนึ่งรอยตัวและให้ปล่อยทาสมุอ์มินคนหนึ่งให้เป็นไทแก่ตน หากว่าพวกถูกฆ่าเป็นพวกมะยูซี (พวกบูชาไฟ) ก็ให้ผู้เป็นฆาตกรจ่ายค่าทำขวัญแก่ทายาทผู้มีสิทธิ์ได้รับมรดกของผู้ตายในอัตราหนึ่งในสิบห้าของอูฐหนึ่งร้อยตัว ทั้งจะต้องปล่อยทาสมุอ์มินคนหนึ่งให้เป็นไทแก่ตนอีกโสดหนึ่งด้วย ฉะนั้น หากผู้ใดหาทาสดังกล่าวเพื่อจะปล่อยให้เป็นไทแก่ตนมิได้ อาจจะเนื่องจากไม่มีทาส หรือมีแต่ราคาสูงมากจนไม่อาจสู้ราคาได้ เมื่อเป็นดั่งนี้แล้วไซร้ก็จำเป็นที่ฆาตกรนั้น ๆ จะต้องถือศีลอดติดต่อกันถึงสองเดือนซึ่งอันที่จริงเท่าที่อัลเลาะห์ได้ทรงตราบัญญัติเป็นอย่างนั้น ก็เพื่อให้เป็นการสารภาพกลับใจต่ออัลเลาะห์ ก็อัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงรู้ยิ่งในบรรดาสรรพสิ่งของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในขบวนการต่าง ๆ ที่ทรงจัดให้บรรดาเหล่านั้น
๙๓. ถ้าแหละผู้ใดค่ามุอ์มินหนึ่งมีเจตนาด้วยอาวุธที่สามารถใช้คร่าชีวิตได้และโดยที่เขาก็รู้อยู่ว่าผู้ที่ถูกฆ่านั้นเป็นคนมุอ์มิน ผลตอบแทนของผู้นั้นคือนรกยะฮันนำ โดยเขาผู้เป็นฆาตกรต้องอยู่ประจำ ณ ที่นั้นกาลนานอย่างไม่มีวันได้ออกและไม่ตายซ้ำอัลเลาะห์ยังกริ้วเขา และให้เขาห่างไกลเสียจากพระกรุณา ทั้งยังได้ทรงเตรียมให้เขาได้รับโทษทรมานอันใหญ่หลวงในขุมนรกอีกด้วย พระองค์จะทรงตอบแทนโทษทรมานดังกล่าวนั้นเป็นการเด็ดขาด ถ้าหากว่าฆาตกรเป็นมุอ์มินที่กลับสภาพเป็นกาฟิร ฐานที่ถือว่าการฆ่ามุอ์มินเป็นเรื่องไม่บาป หรือจะทรงตอบแทนอย่างเด็ดขาดหรือจะทรงยกโทษให้เลย เพราะฆาตกรผู้นั้นขอสารภาพกลับใจ (เตาบะห์) ถ้าฆาตกรนั้นเป็นมุอ์มินซึ่งถือว่าการฆ่ามุอ์มินเป็นบาป
   สำหรับโทษที่ฆาตกร (โดยเจตนา) ผู้นั้นจะได้รับ ณ ภพนี้ จะต้องถูกฆ่าให้ตายตกไปตามกัน (ดูเรื่องบัญญัติการค่าทดแทนโองการที่ ๑๗๙ ซูเราะห์ อัล-บาก็เราะห์ ส่วนที่ ๒) หรือต้องจ่ายค่าทำขวัญเป็นอูฐ ๑๐๐ ตัว ให้แก่ทายาทที่มีสิทธิ์รับมรดกของผู้ตาย โดยแยกลุ่ยเป็น ๓ ดังนี้ คือ ให้เป็นอูฐตัวเมียอายุ ๓ ขวบ ๓๐ ตัว อูฐตัวเมียอายุ ๔ ขวบ ๓๐ ตัว และอูฐตั้งท้องอีก ๔๐ ตัว ที่ว่าต้องจ่ายค่าทำขวัญตามที่กล่าวมานี้ในกรณีที่ทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดกของผู้ตาย ยอมอภัยให้ (ไม่ฆ่าให้ตายตกไปตามกัน) และยังต้องปลดปล่อยทาสมุอ์มินอีกคนหนึ่งด้วย ส่วนผู้เป็นฆาตกรแบบกึ่งเจตนา เช่นทำให้มุอ์มินตายลงด้วยสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นอาวุธทำให้ตายได้ ฆาตกรนี้จะไม่ถูกลงโทษด้วยการทดแทนกัน แต่จำต้องเสียค่าปรับเหมือนกับค่าปรับของฆาตกรผู้เจตนาในคุณลักษณะของค่าปรับ และเหมือนกับค่าปรับของฆาตกรผู้พลาดพลั้งในด้านยืดเวลาจ่าย ๓ ปี และให้เรียกเก็บเอาจากทายาทผู้มีสิทธิ์รับมรดกที่ไม่ระบุส่วน (อะซ่อบะห์) ของผู้ตาย (หมายเหตุของผู้นำเสนอ: น่าจะเป็น ทายาทของฆาตกร) พร้อมกับปล่อยทาสมุอ์มิน คนหนึ่งให้เป็นเสรีชนอีกด้วย




ออฟไลน์ khata

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 209
  • เพศ: หญิง
  • ซอบัร ซอบัรและซอบัร
  • Respect: +5
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ญาซากัลลอฮฺฮุคอยร๊อนค่ะ Bangmud ขออัลลอฮฺทรงเพิ่มพูนริสกีทั้งดุนยาและอาคีเราะฮฺอย่างมากมาย ในความตั้งใจให้เราได้อ่านอายะฮฺอัลกุรอ่าน ที่บางทีเราอาจหลงลืมไปบ้าง..

อย่างน้อยเวลาเข้ามาในเว็บนี้ก็ยังมีหลาย  ซูเราะห์ และหลายอายะฮฺที่บังนำมาลงคอยเตื่อนสติน้อยๆคนนี้ได้บ้าง mycool:

ฉันไม่มีอะไรพิเศษหรอก หากอัลลอฮฺไม่ประสงค์ให้ฉันเป็น

ฉันจะขอยืนหยัดในหนทางของอัลลอฮฺจนกว่าวันสุดท้ายจะมาถึง

 

GoogleTagged