กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
ยินดีต้อนรับคุณ,
บุคคลทั่วไป
กรุณา
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
1 ชั่วโมง
1 วัน
1 สัปดาห์
1 เดือน
ตลอดกาล
เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
ข่าว:
กระทู้ที่น่าสนใจ
ฟอรั่ม
หน้าแรก
ค้นหา
ปฏิทิน
Contact
เข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิก
GoogleTagged
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
พิมพ์
หน้า:
1
2
3
[
4
]
5
6
ลงล่าง
ผู้เขียน
หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี (อ่าน 14429 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #45 เมื่อ:
พ.ค. 25, 2011, 10:26 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 94
คำอ่าน
94. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู..อิซาเฎาะร็อบตุม ฟีสะบีลิลลาฮิ ฟะตะบัยยะนู วะลาตะกูลู ลิมันอัลกออิลัยกุมุสสะลามะ ลัสตะมุอ์มินา ตับตะฆูนะ อะเราะฎ็อลหะยาติดดุนยา ฟะอิน..ดัลลอฮิ มะฆอนิมุกะษีเราะฮฺ กะซาลิกะกุนตุม..มิน..ก็อบลุ ฟะมัน..นัลลอฮุ อะลัยกุม ฟะตะบัยยะนู อิน..นัลลอฮะ กานะบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรอ
คำแปล R1.
94. O you who believe! When you go (to fight) in the Cause of Allah, verify (the truth), and say not to anyone who greets you (by embracing Islam): "You are not a believer"; seeking the perishable goods of the worldly life. There are much more profits and booties with Allah. Even as he is now, so were you yourselves before till Allah conferred on you his favours (i.e. guided you to Islam), therefore, be cautious in discrimination. Allah is ever Well-Aware of what you do.
คำแปล R2.
94. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าออกเดินทางในหนทางของอัลเลาะฮฺ พวกเจ้าทั้งหลายก็จงสืบให้แน่ชัดเสียก่อน (ในพฤติกรรมของบุคคลต่าง ๆ ) และเจ้าทั้งหลายอย่ากล่าว (ให้ร้าย) แก่บุคคลที่ยื่นสันติภาพแก่พวกเจ้า (โดยเขาแสดงเอกลักษณ์แห่งสันติภาพต่อพวกเจ้าเป็นอันดี เช่น “ให้สลาม” หรือ “กล่าวถ้อยคำปฏิญาณ”) ว่า “ท่านหาใช่ผู้ศรัทธาไม่” (แล้วพวกเจ้าก็ฆ่าเขาเสียโดยคิดว่าผู้นั้นไม่มีศรัทธาแท้ และเอกลักษณ์ที่เขาแสดง พวกเจ้าก็กล่าวหาว่าพวกเจ้าเสแสร้งเพื่อเอาตัวรอด โดยพวกเจ้ามุ่งหวังผลประโยชน์ทางโลกนี้ (คือทรัพย์ยึดได้จากผู้นั้น) แต่ที่จริงอัลเลาะฮฺนั้น มีทรัพย์ศฤงคารอันมากมาย เช่นนั้นแหละ ที่พวกเจ้าเคยเป็นมาเมื่อก่อน (คือได้รับความคุ้มครองสวัสดิภาพของตนเอง ด้วยการแสดงเอกลักษณ์แห่งสันติภาพดังกล่าวเช่นเดียวกับชายผู้นี้) ครั้นต่อมาอัลเลาะฮฺก็ทรงโปรดปรานแก่พวกเจ้า ดังนั้น เจ้าทั้งหลายจงสืบให้ชัดเจน (ก่อนที่จัดการประหารชีวิตผู้ใด) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
คำแปล R3.
94. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย เมื่อสูเจ้ายาตราออกไปต่อสู้ในหนทางของอัลลอฮฺ จงสอบให้แน่ชัด (ว่าใครเป็นเพื่อนและศัตรู) และถ้าผู้ใดกล่าวสลามแก่สูเจ้า จงอย่ากล่าวแก่เขาโดยทันทีว่า “ท่านไม่ใช่ผู้ศรัทธา” ถ้าหากสูเจ้าแสวงหาสิ่งชั่วคราวแห่งชีวิตโลกนี้ อัลลอฮฺมีสิ่งของมากมายสำหรับสูเจ้า (จงจำไว้ว่า) สูเจ้าเองก่อนหน้านี้ก็อยู่ในสภาพเดียวกัน แล้งอัลลอฮฺได้ทรงประทานความโปรดปรานแก่สูเจ้า ดังนั้น จงสุขุมรอบคอบ เพราะอัลลอฮฺทรงรู้ดีในสิ่งที่สูเจ้าทำ
คำแปล R4.
94. ผู้ที่ศรัทธาทั้งหลาย! เมื่อพวกเจ้าเดินทางไปในทางของอัลลอฮฺ ก็จงให้ประจักษ์ชัดเสียก่อนและจงอย่ากล่าวแก่ผู้ที่กล่าวสลามแก่พวก เจ้าว่า “ท่านมิใช่เป็นผู้ศรัทธา” โดยแสวงหาสิ่งอำนวยประโยชน์ชั่วคราวแห่งชีวิตความเป็นอยู่ในโลกนี้ แต่ณ ที่อัลลอฮฺนั้นมีปัจจัยยังชีพอันมากมาย ในทำนองเดียวกันนั้นพวกเจ้าก็เคยเป็นมาก่อน แล้วอัลลอฮฺได้ทรงโปรดปรานแก่พวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงให้ประจักษ์เสียก่อน แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่
คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
เนื่องจากในขณะที่คณะหนึ่งในหมู่สาวกของพระนบีมูฮำมัดได้เดินผ่านชายผู้หนึ่งซึ่งเป็นคนในเผ่าสะลีม ชายผู้นี้กำลังไล่ต้อนฝูงแพะของตนอยู่ เมื่อเขาแลเห็นคนคณะนั้นเดินผ่านมาก็เอ่ยคำแสดงคารวะด้วยคำว่า “อัสซะลามุอะไลกุม” แก่คนคณะนั้น แล้วพวกเขาก็สวนคำขึ้นทันทีว่า “ที่เจ้าแสดงออกซึ่งความสุขสันติต่อพวกเรานี้มิใช่อื่นหรอก นอกจากหวังความปลอดภัยเท่านั้น” ว่าแล้วพวกเขาจึงพรักพร้อมการเข้าสังหารชายผู้นี้ชิงเอาแพะไป โองการจากอัลเลาะห์จึงมีลงมาว่า
๙๔.
โอ้บรรดาผู้มีศรัทธา เมื่อพวกเจ้าออกเดินทางกันไป
เพื่อกระทำสงคราม
ในแนวทาง
แห่งศาสนา
ของอัลเลาะห์ ก็ให้พวกเจ้าแจ้งใจเสียก่อน
ว่ามุอ์มินคนใดมีอากัปกิริยาเป็นเช่นไร จึงจะควรฆ่าหรือไม่ควรฆ่า
และอย่าได้กล่าวหาผู้ที่แสดงออกซึ่งความสันติต่อพวกเจ้า
ด้วยคำ “ขอสันติสุขจงมีแก่พวกท่าน หรือผู้ที่กล่าวสองคำปฏิญาณ (กะลิมะตาอัล-ชะฮาดะห์)
ว่า “ท่านมิใช่ผู้ศรัทธา”
ที่ท่านแสดงออกอย่างนี้ก็เพื่อต้องการความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของท่านเท่านั้น เพื่อมิให้พวกเจ้าเข่นฆ่าเขา
โดยหวังจะได้เพียงสินทรัพย์แห่งชีวิตปัจจุบันเท่านั้น ก็มหาสมบัติอันมากมาย
ซึ่งพอจะทำให้พวกเจ้าไม่ถึงกับต้องฆ่า เช่น ชายผู้เลี้ยงแพะเพื่อชิงเอาทรัพย์ของเขา
นั้นมีอยู่แล้วที่อัลเลาะห์ ทำนองอย่าง
ที่ชายคนเลี้ยงแพะถูกฆ่า
นี้เมื่อก่อน
ในเบื้องต้นแห่งอิสลามยุคมูฮำมัด
พวกเจ้าก็เคยเหมือนกัน
คือในตอนต้นศาสนาอิสลามยุคมูฮำมัดนั้น พวกเจ้าเคยได้รับความคุ้มครองในทางชีวิตและทรัพย์สินมาแล้วโดยกล่าวคำกะลิมะห์ชะฮาดะห์ ก็จำเป็นที่พวกเจ้าทั้งหลายควรต้องคุ้มครองรักษาชีวิตและทรัพย์สินและชายผู้เลี้ยงแพะเป็นต้น ด้วยการที่เขาเอ่ยคำว่า อัซสะลามุอะไลกุม
ฝ่ายอัลเลาะห์ได้ทรงกรุณาต่อพวกเจ้า
ด้วยการประกาศหลักศรัทธาและหนทางเที่ยงธรรม
แล้ว ฉะนั้นพวกเจ้าจงพยายามให้แจ้งใจเสียก่อน
เกี่ยวกับขบวนการของมุอ์มินผู้ที่พวกเจ้าหมายจะฆ่า ทั้งจงปฏิบัติตนต่อผู้มาเข้ารับนับถือศาสนาอิสลามเหมือนกับที่พวกเจ้าเคยได้รับความคุ้มครองมาเมื่อครั้งก่อน เพราะคำกะลิมะห์ชะฮิดะห์
เพราะแน่แท้อัลเลาะห์ทรงรู้เท่าทันพฤติการณ์ที่พวกเจ้ากระทำกันอยู่
แล้วพระองค์จะทรงสนองผลนั้นแก่พวกเจ้าด้วยการกระทำนั้น ๆ
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #46 เมื่อ:
พ.ค. 26, 2011, 08:48 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 95 - 96
คำอ่าน
95. ลายัสตะวิลกออิดูนะ มินัลมุอ์มินีนะ ฆ็อยรุ อุลิฎเฎาะเราะริ วัลมุญาฮิดูนะ ฟีสะบีลิลลาฮิ บิอัมวาลิฮิม วะอันฟุสิฮิม ฟัฎเฎาะลัลลอฮุลมุญาฮิดีนะ บิอัมวาลิฮิม วะอัน..ฟุสิฮิม อะลัลกออิดูนะดะเราะญะฮฺ วะกุลเลา..วะอะดัลลอฮุลหุสนา วะฟัฎเฎาะลัลลอฮุลมุญาฮิดีนะ อะลัลกออิดีนะ อัจญร็อน อะซีมา
96. ดะเราะญาติม..มินฮุ วะมัฆฟิเราะเตา..วะเราะหฺมะฮฺ วะกานัลลอฮุ เฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา
คำแปล R1.
95. Not equal are those of the believers who sit (at home), except those who are disabled (by injury or are blind or lame, etc.), and those who strive hard and fight in the Cause of Allah with their wealth and their lives. Allah has preferred in grades those who strive hard and fight with their wealth and their lives above those who sit (at home). Unto each, Allah has promised good (Paradise), but Allah has preferred those who strive hard and fight, above those who sit (at home) by a huge reward;
96. Degrees of (higher) grades from him, and Forgiveness and Mercy. And Allah is ever Oft-Forgiving, Most Merciful.
คำแปล R2.
95. บรรดาศรัทธาชนบางคนที่เมินเฉย(ต่อการออกสู้ศึก) โดยมิได้มีปัญหาความเดือดร้อนใด ๆ และบรรดาผู้ออกศึกโดยสละทั้งทรัพย์สิน และชีวิตของพวกเขานั้นย่อมไม่ทัดเทียมกันอย่างแน่นอน อัลเลาะฮฺทรงประทานความโปรดปรานแก่บรรดาที่ออกสู้ศึกทั้งด้วยทรัพย์สินและด้วยชีวิตของพวกเขา ให้มีฐานันดรเหนือกว่าผู้เมินเฉย และทุกคนนั้น อัลเลาะฮฺทรงสัญญา (ประทาน) สิ่งดีงามให้ (คือสวรรค์) และอัลเลาะฮฺทรงประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่บรรดาผู้ออกศึกให้เหนือกว่าบรรดาผู้เมินเฉย
96. นั้นคือมีหลายฐานันดร มีการให้อภัยและความเมตตาจากพระองค์ และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
คำแปล R3.
95. บรรดาผู้ศรัทธาที่รั้งอยู่กับบ้าน
(โดยไม่มีเหคุจำเป็น)
นอกจากผู้ไม่สามารถนั้นย่อมไม่เท่าเทียมกับบรรดาผู้ดิ้นรนต่อสู้ในทางของอัลลอฮฺด้วยทรัพย์สินและชีวิตของพวกเขา เพราะอัลลอฮฺทรงโปรดปรานผู้ต่อสู้ดิ้นรนในทางของอัลลอฮฺด้วยทรัพย์สินและชีวิตของเขาให้มีฐานะเหนือกว่าผู้รั้งอยู่ที่บ้าน ถึงแม้ว่าอัลลอฮฺได้ทรงสัญญาความดีงามแก่ทุก ๆ คน แต่อัลลอฮฺทรงโปรดปรานผู้ต่อสู้ดิ้นรนมากกว่าผู้รั้งอยู่ที่บ้านด้วยรางวัลอันใหญ่หลวง
96. พวกเขามีฐานะหลายชั้นและได้รับการอภัยและความเมตตาจากอัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
คำแปล R4.
95. บรรดาผู้ที่นั่งอยู่จากหมู่มุมินที่มิใช่ผู้มีความเดือดร้อน และบรรดาผุ้ต่อสู้และเสียสละในทางของอัลลอฮฺ ทั้งด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขาและชีวิตของพวกเขานั่น หาได้เท่าเทียมกันไม่ อัลลอฮฺทรงให้บรรดาผู้ที่ต่อสู้และเสียสละด้วยทรัพย์สมบัติของพวกเขา และชีวิตของพวกเขา เหนือกว่าบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ขั้นหนึ่ง และทั้งหมดนั้นอัลลอฮฺได้ทรงสัญญาไว้ให้ซึ่งสิ่งที่ดีเยี่ยมแต่อัลลอฮฺ ทรงให้บรรดาผู้ที่ต่อสู้และเสียสละเหนือกว่าบรรดาผู้ที่นั่งอยู่ด้วยรางวัล อันใหญ่หลวง
96. (คือพวกเขาจะได้รับ) หลายขั้น จากพระองค์ และ(จะได้รับ)การอภัยโทษ และการเอ็นดูเมตตาด้วย และปรากฏว่าอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเอ็นดูเมตตาเสมอ
คำแปล R5.
๙๕.
พวกผู้ศรัทธาบางคนที่เอาแต่นั่งเฉย
อยู่กับบ้านกับช่อง ไม่ยอมออกสู่สงคราม
ยกเว้นผู้ทุพพลภาพ
เพราะโรคภัย เพราะเสีบขาเสียตาหรืออื่น ๆ
กับบรรดา
ชนมุอ์มินที่
ออกไปรบในศาสนาของอัลเลาะห์ด้วยการสละทั้งทรัพย์สินและชีวิตร่างกายของตนนั้น หาได้มีความเท่าเทียมกันไม่ อัลเลาะห์จึงได้ทรงบำเหน็จให้พวกที่ออกรบด้วยการสละทั้งทรัพย์สินและชีวิตร่างกายของตนได้รับขั้นเหนือกว่าบรรดาชน
มุอ์มิน
ที่อยู่ประจำบ้าน
เพราะเหตุป่วยไข้หรือเสียขาเสียตาเป็นต้นหนึ่งขั้น ทั้งนี้เนื่องจากบุคคลทั้งสองฝ่ายนี้เสมอกันในด้านการตั้งจิตปรารถนา (นียะห์) ส่วนฝ่ายที่ออกรบมีส่วนก้ำเกินกว่าฝ่ายอยู่ประจำบ้านในด้านการยอมเสี่ยงและการเผชิญภัย
แต่ทั้งสองฝ่าย อัลเลาะห์ก็ได้ทรงสัญญาให้สวรรค์ไว้แล้ว ทั้งอัลเลาะห์ได้ทรงบำเหน็จให้พวกออกรบได้รับผลตอบแทนอันใหญ่หลวงเหนือกว่าบรรดาชน
มุอ์มิน
ที่ประจำบ้าน
เพราะไม่มีเหตุป่วยไข้ หรือเสียขา เสียตา เป็นต้น ถึง ๗ ขั้น
๙๖.
เป็นขั้นตอนต่าง ๆ จากพระองค์
ที่บางขั้นก็มีเกียรติเหนือกว่ากัน
ประกอบด้วยการประทานอภัยและพระเมตตา
จากพระองค์แก่บรรดาผู้ออกทำการรบ
อีกด้วย แหละว่าอัลเลาะห์นั้นเป็นองค์ทรงยิ่งในการอภัย
แก่บรรดาผู้เป็นที่รับโปรดปรานจากพระองค์
ทรงปราณียิ่ง
ต่อบรรดาที่น้อมตามในคำบัญชาใช้และห้ามของพระองค์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #47 เมื่อ:
พ.ค. 30, 2011, 03:21 AM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 97 - 100
คำอ่าน
97. อิน..นัลละซีนะ ตะวัฟฟาฮุมุลมะลา...อิกะตุ ซอลิมี..อันฟุสิฮิม กอลูฟีมะกุนตุม กอลูกุน..นามุสตัฎอะฟีนะ ฟิลอัรฺฎฺ กอลูอะลัมตะกุน อัรฺฎุลลอฮฺ วาสิอะตัน..ฟะตุฮาญิรูฟีฮา ฟะอุลา...อิกะ มะอ์วาฮุมญะฮัน..นัม วะสา...อัตมะศีรอ
98. อิลลัลมุสตัฎอะฟีนะ มินัรฺริญาลิ วันนิสา..อิ วัลวิลดานิ ลายัสตะฏีอูนะ หีละเตา..วะลายะฮฺตะดูนะ สะบีลา
99. ฟะอุลา...อิกะ อะสัลลอฮุ อัย..ยะอฺฟุวะอันฮุม วะกานัลลอฮุ อะฟูวันเฆาะฟูรอ
100. วะมัย..ยุฮาญิรฺฟีสะบีลิลลาฮิ ยะญิดฟิลอัรฺฎิ มุรอเฆาะมัน..กะษีร็อว..วะสะอะฮฺ วะมัย..ยัครุจ มิม..บัยติฮี มุฮาญิร็อน อิลัลลอฮิ วะเราะสูลิฮี ษุม..มะยุดริกฮุลเมาตุ ฟะก็อด วะเกาะอะ อัจญรุฮู อะลัลลอฮิ วะกานัลลอฮุ เฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา
คำแปล R1.
97. Verily! As for those whom the angels take (in death) while they are wronging themselves (as they stayed among the disbelievers even though emigration was obligatory for them), they (angels) say (to them): "In what (condition) were you?" they reply: "We were weak and oppressed on earth." they (angels) say: "Was not the earth of Allah spacious enough for you to emigrate therein?" such men will find their abode in Hell - what an evil destination!
98. Except the weak ones among men, women and children who cannot devise a plan, nor are they able to direct their way.
99. For these there is hope that Allah will forgive them, and Allah is ever Oft Pardoning, Oft-Forgiving.
100. He who emigrates (from his home) in the Cause of Allah, will find on earth many dwelling places and plenty to live by. And whosoever leaves his home as an emigrant unto Allah and his Messenger, and death overtakes him, his reward is then surely incumbent upon Allah. And Allah is ever Oft-Forgiving, Most Merciful.
คำแปล R2.
97. แท้จริงบรรดาผู้ที่มลาอิกะฮฺได้นำวิญญาณออกจากร่าง (ตาย) โดยพวกเขาเป็นผู้ฉ้อฉลตัวเอง (สืบเนื่องจากการที่พวกเขาไม่ยอมอพยพร่วมไปกับท่านนบี) มลาอิกะฮฺเหล่านั้นได้กล่าว (ถามเป็นเชิงตำหนิ) ว่า “ในกรณีใดหรือพวกเจ้าจึงเป็นเช่นนั้น (คือไม่ยอมอพยพ)” พวกเหล่านั้นตอบว่า “(เพราะ)พวกเราเป็นผู้อ่อนแอในแผ่นดิน (ไม่สามารถดำรงศาสนภาพไว้ได้ในแผ่นดินมักกะฮฺ)” มลาอิกะฮฺเหล่านั้นก็ถามอีกว่า “ก็แผ่นดินอัลเลาะฮฺนั้นกว้างขวาง จนพวกเจ้าอพยพไปสู่มันได้มิใช่หรือ?” ดังนั้นพวกเขาเหล่านั้น ที่อยู่ของพวกเขาจึงเป็นนรกยะฮันนัม และมันเป็นที่หมายอันเลวร้ายยิ่ง
98. ยกเว้นบรรดาผู้อ่อนแอ (จริง ๆ ) ซึ่งมีทั้งผู้ชาย. ผู้หญิง และเด็ก ๆ บรรดาพวกเหล่านี้ไม่สามารถที่จะหาวิธีการใด ๆ (ให้ตัวเองปลอดภัย) ได้ และพวกเขาไม่ได้รับการชี้นำหนทาง (อันถูกต้องที่จะอพยพไปสู่) นครมะดีนะฮฺ
99. แท้จริงพวกเหล่านั้น เป็นที่หวังได้ว่าอัลเลาะฮฺจักยกโทษแก่พวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงยกโทษ อีกทั้งทรงให้อภัยยิ่ง
100. ผู้ใดอพยพไปในทางของอัลเลาะฮฺ เขาย่อมพบในแผ่นดินนี้ว่า มีจุดควรอพยพไปสู่อย่างมากมาย และ(ได้พบ)ความไพศาล(แห่งโชคผลและความสุขต่าง ๆ) และผู้ใดออกไปจากบ้านเรือนของเขา โดยมุ่งอพยพไปสู่อัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ แล้วต่อมาความตายก็มาถึงเขา (ระหว่างเดินทาง) แน่นอนรางวัลของเขานั้นย่อมเป็นที่รับรองของอัลเลาะฮฺแล้ว และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
คำแปล R3.
97. เมื่อบรรดามลาอิกะฮฺได้มาเอาวิญญาณของบรรดาผู้ที่กำลังอธรรมต่อตัวของพวกเขาเองนั้น พวกเขา(มลาอิกะฮฺ)ถามว่า “มีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเจ้า?” พวกเขาตอบว่า “เราเป็นผู้อ่อนแอในแผ่นดิน” บรรดามลาอิกะฮฺกล่าวว่า “แผ่นดินของอัลลอฮฺไม่กว้างใหญ่ไพศาลสำหรับเจ้าที่จะอพยพไปในมันกระนั้นหรือ?” ดังนั้น ที่พำนักของพวกเขาเหล่านี้คือนรก และเป็นปลายทางอันชั่วช้า
98. ยกเว้นบรรดาผู้ชายผู้หญิงและเด็กที่อ่อนแอและไม่สามารถหาทางอพยพได้
99. คนเหล่านี้ อัลลอฮฺจะทรงอภัยให้พวกเขา เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงยกโทษ ผู้ทรงอภัยเสมอ
100. และผู้ที่อพยพในทางของอัลลอฮฺนั้น เขาจะพบที่พึ่งพิงหลบภัยมากมายในแผ่นดินและปัจจัยยังชีพอันไพบูลย์ ส่วนผู้ใดที่ออกจากบ้านของเขาเพื่ออพยพยังอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ แล้วความตายได้มายังเขา ดังนั้นแน่นอน รางวัลของเขาปรากฏที่อัลลอฮฺ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
คำแปล R4.
97. แท้จริงบรรดาผู้ที่มะลาอิกะฮ์ได้เอาชีวิตของพวกเขาไป โดยที่พวกเขาเป็นผู้อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเองนั้น มลาอิกะฮ์ได้กล่าวว่า พวกเจ้าปรากฏอยู่ในสิ่งใดพวกเขากล่าวว่าพวกเราเป็นผู้ที่ถูกนับว่าอ่อนแอในแผ่นดิน มลาอิกะฮ์กล่าวว่า แผ่นดินของอัลลอฮฺมิได้กว้างขวางดอกหรือที่พวกเจ้าจะอพยพไปอยู่ในส่วนนั้น ชนเหล่านี้แหละที่อยู่ของพวกเขาคือนรกญะฮันนัม และเป็นที่กลับไปอันชั่วร้าย
98. นอกจากบรรดาผู้ที่ถูกนับว่าอ่อนแอ ไม่ว่าจะเป็นชายและหญิง และเด็ก ก็ตามที่ไม่สามารถมีอุบายใด ๆ ได้ และทั้งไม่ได้รับการแนะนำทางหนึ่งทางใดด้วย
99. ชนเหล่านี้แหละ อัลลอฮฺ อาจจะทรงยกโทษให้แก่พวกเขา และอัลลอฮฺเป็นทรงยกโทษเสมอ
100. และผู้ใดที่อพยพไปในทางของอัลลอฮฺเขาก็จะพบในผืนแผ่นดิน ซึ่งสถานที่อพยพไปอันมากมาย และความมั่งคั่งด้วยและผู้ที่ออกจากบ้านของเขาไป ในฐานะผู้อพยพไปยังอัลลอฮฺ และรอ่ซูลของพระองค์ แล้วความตายก็มาถึงเขา แน่นอนรางวัลของเขานั้นย่อมปรากฏอยู่แล้ว ณ อัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นเป็นทรงอภัยโทษผู้ทรงเมตตาเสมอ
คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
คือชนคณะหนึ่งเป็นชาวนครมักกะห์ ได้เข้ามารับนับถือศาสนาอิสลาม แต่ไม่ยอมอพยพตามพระนบีมูฮำมัดไปพักอาศัยยังนครมดีนะห์ ชนคณะนี้จึงถูกฆ่าในสงครามบัดร์พร้อมกับพวกกาฟิร จึงมีโองการลงมาว่า
๙๗.
แท้จริงบรรดา
ชนมุอ์มิน
ที่ต่างไม่ซื่อสัตย์ต่อตนเอง
ฐานที่ดื้อพักอาศัยอยู่พร้อมด้วยพวกกาฟิร ณ นครมักกะห์ และในฐานไม่ยอมอพยพไปยังนครมดีนะห์ร่วมกับพระนบีมูฮำมัด
ที่พวกเขาถูกมลาอิกะห์
พนักงานฝ่ายมรณทูต (มละกุลเมาต์) หรือผู้ช่วยบิลให้ถึงแก่กรรมลงนั้น พวก[/b]มลาอิกะห์
เหล่านี้ถาม
เป็นเชิงตำหนิตอนจะปลิดชีวิตว่า
พวกเจ้านั้น
มีความเข้มแข็งหรืออ่อนแอในการงานในทางศาสนา
เป็นอย่างไรบ้าง? พวก
มุอ์มิน
เหล่านั้นตอบ
ออกตัวให้พ้นผิด
ว่า “พวกเราครั้งอยู่
ใน
พิภพ
โดยเฉพาะนครมักกะห์อันเป็นแหล่งอยู่อาศัยของพวกเรา
นั้นจะเข้มแข็งมิได้เลย
ในอันที่จะยืนยงการศาสนาในแผ่นดินมักกะห์
มลาอิกะห์เหล่านั้นถาม
เป็นเชิงตำหนิ
อีกว่า ก็แผ่นดินของอัลเลาะห์นั้นไม่กว้างขวางพอที่พวกเจ้าทั้งหลายจะอพยพ
จากแหล่งที่เต็มไปด้วยพวกกาฟิร
ไปอยู่
ยังแหล่งอื่นที่ไม่มีพวกกาฟิรอาศัยเหมือนอย่างคนอื่น ๆ เขาได้อพยพไปอยู่กัน
ดอกหรือ?
อัลเลาะห์จึงตรัสว่า
พวกเหล่านี้แหละ ได้นรกยะฮันนำเป็นที่พำนักอาศัย เป็นที่กลับไปสู่อันเลวร้ายนัก
๙๘.
ยกเว้นแต่พวกชายหญิงและลูกเล็กเด็กแดงที่หย่อนกำลังจริง ๆ ซึ่งจะหาทางยักย้าย
เป็นอย่างอื่น
มิได้
เช่น ไม่มีค่าใช้จ่ายในการขนย้าย
และที่ไม่มีใครแนะทางให้
ไปสู่จุดหมายปลายทางและอพยพไปสู่
เท่านั้น
๙๙.
พวกเหล่านั้นแหละหวังใจได้ว่าอัลเลาะห์จะได้ทรงนิรโทษกรรมฝห้อย่างแน่นอน
และคงจะประทานอภัยให้ ไม่ต้องอพยพก็ได้
ด้วยอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงยิ่งในการนิรโทษกรรม ทรงยิ่งในการอภัย
แก่พวกเหล่านั้น
๑๐๐.
และถ้าผู้ใดอพยพออกไปเพื่อ
ให้
ศาสนาของอัลเลาะห์
สูงเด่น
ขึ้นแล้ว เขาจะต้องพบทำเลอพยพหลายแห่ง ณ หน้าแผ่นดิน ตลอดจนความไพบูลย์
ในทางทำมาหาเลี้ยงชีพและการเผยแผ่ศาสนา
และถ้าผู้ใดละบ้านเรือนตนอพยพไปยัง
สถานที่ที่
อัลเลาะห์และพระศาสนทูตของพระองค์
มีคำสั่งใช้ให้ไปสู่และเพื่อแสวงหาสิ่งจำเป็นทางศาสนา เช่น ศึกษาหาความรู้ การทำฮัจย์ การทำสงคราม หรืออื่น ๆ นอกจากนี้
ครั้นต่อมาก็ถึงแก่กรรมลง
กลางคัน มิทันได้บรรลุถึงจุดมุ่งหมาย
แล้ว
บุญกุศล
ผลตอบแทนของเขานั้นย่อมมีเตรียมอยู่ที่อัลเลาะห์แล้วแน่นอน
บุคคลที่มีอุทาหรณ์อย่างที่ว่านี้เช่น ยันดะห์บุตรฎอมเราะห์เผ่าไลซีย์ เขาได้ละถิ่นฐานบ้านช่องของตน อพยพไปยังนครมดีนะห์ ครั้นแล้วจึงได้ตายลงที่ตำบลหนึ่งชื่อว่าตันอีม
แหละว่าอัลเลาะห์นั้นทรงยิ่งในการอภัย ทั้งทรงโปรดปราณียิ่ง
ด้วยการปูนบำเหน็จให้ผู้นั้นได้รับบุญกุศลอย่างอุดมสมบูรณ์เนื่องจากการอพยพนั้น
[/color]
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #48 เมื่อ:
พ.ค. 30, 2011, 03:53 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 101 - 103
คำอ่าน
101. วะอิซาเฎาะร็อบตุมฟิลอัรฺฎิ ฟะลัยสะอะลัยกุม ญุนาหุน อัน..ตักศุรูมินัศเศาะลาฮฺ อินคิฟตุม อัย..ยักตินะกุมุลละซีนะกะฟะรู อิน..นัลกาฟิรีนะ กานูละกุม อะดูวัม..มุบีนา
102. วะอิซากุน..ตะฟีฮิม ฟะอะก็อมตะละฮุมุศเศาะลาตะ ฟัลตะกุมฏอ...อิฟะตุม..มินฮุม..มะอะกะ วัลยะอ์คุซู..อัสลิหะตะฮุม ฟะอิซาสะญะดู ฟัลยะกูนูมิว..วะรอ...กุม วัลตะอ์ติฏอ...ฟะตุนอุครอ ลัยุศ็อลลู ฟัลยุศ็อลลูมะอะกะ วัลยะอ์คุซู หิซเราะฮุม วะอัวลิหะตะฮุม วัดดัลละซีนะกะฟะรู เลาตัฆฟุลูนะ อันอัสลิหะติกุม วะอัมติอะติกุม ฟะยะมีลูนะอะลัยกุม..มัยละเตา..วาหิดะฮฺ วะลาญุนาหะอะลัยกุม อิน..กานะบิกุม อะซัม..มิม..มะเฏาะริน เอากุน..ตุม..มัร์ฎอ..อัน..ตะเฎาะอู..อัสลิหะตะกุม วะคุซูหิซเราะกุม อิน..นัลลอฮะ อะอัดดะลิลกาฟิรีนะ อะซาบัม..มุฮีนา
103. ฟะอิซาเกาะฎ็อยตุมุศเศาะลาตะ ฟัซกุรุลลอฮะ กิยาเมา..วะกุอูเดา..วะอะลาญุนูบิกุม ฟะอิซัฏมะอ์นัน..ตุม ฟะอะกีมุศเศาะลาฮฺ อิน..นัศเศาะลาตะกานัตอะลัลมุอ์มินีนะกิตาบัม..เมากูตา
คำแปล R1.
101. And when you (Muslims) travel in the land, there is no sin on you if you shorten your
Salat
(prayer) if you fear that the disbelievers may attack you, verily, the disbelievers are ever unto you open enemies.
102. When you (O Messenger Muhammad) are among them, and lead them in
As-Salat
(the prayer), let one party of them stand up [in
Salat
(prayer)] with you taking their arms with them; when they finish their prostrations, let them take their positions in the rear and let the other party come up which has not yet prayed, and let them pray with you taking all the precautions and bearing arms. Those who disbelieve wish, if you were negligent of your arms and your baggage, to attack you in a single rush, but there is no sin on you if you put away your arms because of the inconvenience of rain or because you are ill, but take every precaution for yourselves. Verily, Allah has prepared a humiliating torment for the disbelievers.
103. When you have finished
As-Salat
(the prayer - congregational), Remember Allah standing, sitting down, and lying down on your sides, but when you are free from danger, perform
As-Salat
(Iqamat-as- Salat). Verily, the prayer is enjoined on the believers at fixed hours.
คำแปล R2.
101. และเมื่อเจ้าทั้งหลายได้ออกเดินทางไปในแผ่นดิน ก็ย่อมไม่เป็นบาปแก่พวกเจ้าที่จะตัดทอนละหมาด (จากจำนวน 4 รอกาอะฮฺให้เหลือเพียง 2 รอกะอะฮฺ) หากพวกเจ้ากลัวว่าบรรดาผู้เนรคุณจะก่อกวนพวกเจ้า แท้จริงบรรดาพวกเนรคุณนั้นเป็นศัตรูอันชัดแจ้งสำหรับพวกเจ้า
102. และเมื่อเจ้า (มุฮำมัด) อยู่ในกลุ่มพวกเขา (บรรดาสาวกขณะทำสงคราม) แล้วเจ้าก็ยืนทำละหมาดนำพวกเขา เจ้าก็จงให้มีกลุ่มหนึ่งจากพวกเขายืน (ละหมาด) พร้อมกับเจ้า และพวกเขาต้องถืออาวุธไว้ด้วย ต่อมาเมื่อพวกเขาลงไปกราบ ก็จงให้พวกเขาถอยออกมาอยู่เบื้องหลังของพวกเจ้า (เพื่อคอยระวังข้าศึก) และให้อีกกลุ่มหนึ่งที่ยังไม่ละหมาดเข้ามา(แทนที่) และให้พวกเขาทำละหมาดร่วมกับเจ้า โดยพวกเขาจงระมัดระวังตัวและถืออาวุธไว้ พวกเนรคุณชอบที่จะให้พวกเจ้าละเลยต่ออาวุธและสัมภาระของพวกเจ้า แล้วพวกเหล่านั้นก็จะเข้าจู่โจมพวกเจ้าในครั้งเดียวกัน และไม่เป็นบาปแก่พวกเจ้าที่จะวางอาวุธไว้ หากพวกเจ้าประสบความเดือดร้อนอันเนื่องมาจากฝนตกหรือพวกเจ้าป่วยไข้ แต่พวกเจ้าก็จงระมัดระวังตัวไว้ แท้จริงอัลเลาะฮฺได้เตรียมการลงโทษอันอัปยศแก่บรรดาผู้เนรคุณทั้งมวล
103. ต่อมาเมื่อพวกเจ้าเสร็จพิธีละหมาดแล้ว พวกเจ้าก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะฮฺทั้งในยามยืน ยามนั่งและยามล้มตัวลงบนสีข้าง (นอน) จากนั้นเมื่อพวกเจ้าสงบ (ปลอดภัยจากข้าศึก) แล้ว พวกเจ้าก็จงทำละหมาด (ตามแบบปกติธรรมดา) เพราะแท้จริงการทำละหมาดเป็นข้อบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่บรรดามวลผู้มีศรัทธาทั้งหลาย
คำแปล R3.
101. และเมื่อสูเจ้าเดินทางตามแผ่นดินมันก็ไม่มีบาปอันใดแก่สูเจ้าที่สูเจ้าจะย่อการนมาซ(โดยเฉพาะ)ถ้าสูเจ้ากลัวว่าบรรดาผู้ปฏิเสธจะจู่โจมสูเจ้า เพราะแท้จริงผู้ปฏิเสธนั้นเป็นศัตรูที่เปิดเผยแก่สูเจ้า
102. และเมื่อเจ้า (มุฮัมมัด) อยู่กับบรรดามุสลิมและจะนำพวกเขานมาซ (ในยามสงคราม) จงให้หมู่หนึ่งของพวกเขาบืนอยู่ข้างหลังเจ้า โดยให้พวกเขาถืออาวุธไว้ และเมื่อพวกเขาได้กราบแล้วจงให้พวกเขาถอยไปอยู่ข้างหลังเจ้าและให้อีกพวกหนึ่งที่ยังไม่ได้นมาซเข้ามานมาซกับเจ้า และให้พวกเขายืนระวังและถืออาวุธของพวกเขาไว้ เพราะพวกปฏิเสธมักจะคอยดูโอกาสที่สูเจ้าปล่อยปละละเลยอาวุธและสัมภาระของสูเจ้า เพื่อที่พวกเขาจะได้ลอบจู่โจมสูเจ้าแบบฉับพลัน อย่างไรก็ตาม ถ้าสูเจ้ารู้สึกลำบากเพราะมีฝนหรือถ้าสูเจ้าป่วย มันก็ไม่มีบาปอันใดถ้าสูเจ้าจะวางอาวุธของสูเจ้าไว้ แต่สูเจ้าจงตระเตรียมการป้องกันไว้ให้พร้อม แท้จริงอัลลอฮฺทรงเตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้สำหรับพวกปฏิเสธ
103.ดังนั้นเมื่อสูเจ้านมาซเสร็จแล้ว สูเจ้าจงรำลึกถึงอัลลอฮฺ ไม่ว่าจะยืน นั่งและเอกเขนก แต่เมื่อสูเจ้าปลอดภัยแล้วจงดำรงนมาซตามปกติ แท้จริงการนมาซเป็นหน้าที่ของผู้ศรัทธาตามเวลาที่กำหนดไว้
คำแปล R4.
101. และเมื่อพวกเจ้าเดินทางไปในผืนแผ่นดินก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้าในการที่พวกเจ้าจะลดลงจากการละหมาด หากพวกเจ้ากลัวว่าบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาจะข่มเหงรังแกพวกเจ้า แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น เป็นศัตรูอันชัดเจนแก่พวกเจ้า
102. และเมื่อเจ้าอยู่ในหมู่พวกเขา แล้วเจ้าได้ให้มีการปฏิบัติละหมาดขึ้นแก่พวกเขา ดังนั้น กลุ่มหนึ่งจากพวกเจาก็จงยืนละหมาดร่วมกับเจ้า และก็จงเอาอาวุธของพวกเขาถือไว้ด้วย ครั้นเมื่อพวกเขาสุยูดแล้ว พวกเขาก็จงอยู่เบื้องหลังของพวกเจ้า และอีกกลุ่มหนึ่งที่ยังมิได้ละหมาดก็จงมา และจงละหมาดร่วมกับเจ้า และจงยึดถือไว้ซึ่งการระมัดระวังของพวกเขา และอาวุธของพวกเขา บรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธานั้น หากว่าพวกเจ้าละเลยอาวุธของพวกเจ้า และสัมภาระของพวกเจ้าแล้ว พวกเขาก็จะจู่โจมพวกเจ้าอย่างรวดเร็ว และไม่มีบาปใด ๆ แก่พวกเจ้า-หากว่าที่พวกเจ้ามีความเดือดร้อน เนื่องจากฝนตกหรือพวกเจ้าป่วย-ในการที่พวกเจ้าจะวางอาวุธของพวกเจ้า และพวกเจ้าจงยึดถือไว้ ซึ่งการระมัดระวังของพวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺทรงเตรียมไว้แล้ว ซึ่งการลงโทษที่ยังความอัปยศแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
103. ครั้นเมื่อพวกเจ้าเสร็จจากการละหมาดแล้ว ก็จงกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ ทั้งในสภาพยืนและนั่งและในสภาพนอนเอกเขนกของพวกเจ้า ครั้นเมื่อพวกเจ้าปลอดภัยแล้ว ก็จงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด แท้จริงการละหมาดนั้นเป็นบัญญัติที่ถูกกำหนดเวลาไว้แก่ผู้ศรัทธาทั้ง หลาย
คำแปล R5.
โองการต่อไปนี้บรรยายถึงวิธีการละหมาดในภาวะฉุกเฉินขั้นสุดยอด เช่นในคราวเดินทางและพบเจอศัตรู ประสบกับความป่วยไข้และฝน
๑๐๑.
และในเมื่อพวกเจ้าออกเดินทางอยู่ ณ แผ่นดินพิภพนี้
โดยระยะทางกำหนดด้วยฝีเท้าอูฐบรรทุก เดินพอปานกลาง สิ้นกำหนดอย่างน้อยสองวันแล้ว
ก็ย่อมไม่เป็นบาปแต่อย่างไรแก่พวกเจ้าในอันที่พวกเจ้าจะทอนการละหมาดลง
จากชนิด ๔ คำรบ(รอกะอะห์) ให้เป็นชนิด ๒ คำรบ
หากพวกเจ้าเกรงว่าบรรดาผู้ไม่ศรัทธา
(กาฟิร)
จะก่อกวนพวกเจ้า
และถึงพวกเจ้าไม่หวั่นเกรงอย่างนั้นก็ถือว่าไม่มีบาปแก่พวกเจ้าเหมือนกันที่จะทำละหมาดทอนลง แต่ต้องอยู่ในภาวะเดินทางโดยระยะทางไม่หย่อนกว่าที่กำหนดข้างต้น
เพราะแท้จริงพวกผู้ไม่ศรัทธานั้นเป็นศัตรูต่อพวกเจ้าอย่างแจ้งชัด
๑๐๒. โอ้ มูฮำมัด
แล้วในเมื่อตัวเจ้าอยู่กับเหล่าสาวก
โดยที่ต้องออกสู่สงครามด้วยกัน แต่พวกเจ้าทั้งหลายยังเกรง ๆ พวกศัตรูอยู่
ทั้งเจ้าก็ต้องปฏิบัติละหมาดร่วม
กับพวกสาวกนั้นให้สำเร็จลุล่วงไปตามเวลา
ก็จงให้พวกหนึ่งในจำนวน
สาวก
นั้นยืน
ละหมาด
ร่วมอยู่กับเจ้า
หลังจากที่เจ้าได้ปันพวกสาวกออกเป็นสองพวก ให้อีกพวกหนึ่งถอยไปคุมเชิง สกัดหน้าข้าศึกไว้ก่อน
และให้
พวกที่ยืนละหมาดร่วมอยู่กับเจ้า
กุมอาวุธอยู่ด้วย
อย่าวางและทิ้งอาวุธเป็นอันขาด
ครั้นเมื่อพวก
ที่ยืนอยู่กับเจ้า
นั้นเข้าทำละหมาดก็ให้อีกพวกหนึ่ง
ยืนระวังหน้าข้าศึก
อยู่ด้านหลังพวกเจ้า
จนกว่าการทำละหมาดจะเสร็จเรียบร้อย เมื่อพวกแรกทำละหมาดเสร็จแล้ว จะได้เข้าระวังภัยฝ่ายข้าศึกต่อไป
แล้วให้อีกพวกหนึ่งซึ่งยังมิได้ละหมาด ทำละหมาด
เป็นชุดที่สอง
ร่วมกับเจ้าและให้
พวกยืนละหมาดร่วมกับเจ้าชุดนี้
คอยระวังและกุมอาวุธไว้ด้วย
จนกว่าพวกละหมาดชุดหลังจะทำเสร็จเรียบร้อยลง การละหมาดยามฉุกเฉินขั้นสุดยอดดังที่บรรยายไว้นี้พระนบีมูฮำมัดเคยกระทำมาแล้วในคราวทำสงครามที่ตำบลปัฎน์นัคล์ ซึ่งอยู่ในนครนัจด์
บรรดาผู้ไม่ศรัทธา
(กาฟิร)
นั้นชอบที่จะให้พวกเจ้าเผอไผลละมือจากอาวุธบ้งและเสบียงบ้าง
พอว่าพวกเจ้ามุ่งเข้าสู่การละหมาดเป็นชุดที่สองแล้ว
พวกมันก็จะได้เข้าจู่โจมพวกเจ้าเพียงรวดเดียว และย่อมไม่เป็นการบาปแต่ประการใดแก่พวกเจ้าเลยในอันที่จะวางและทิ้งอาวุธ หากพวกเจ้าเกิดเดือดร้อนเพราะมีฝนหรือว่าพวกเจ้าป่วยไข้
หรือว่าการที่มีอาวุธอยู่ในมือนั้นจะเป็นการทำให้พวกเจ้าใจเขวเมื่อทำการละหมาด หรือเกิดเป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้อยู่เคียงข้าง เช่น หอกยาวเก้งก้างหรือโล่ใหญ่เกินขนาด เป็นต้น
แต่ให้พวกเจ้าจงระวังภัย
จากฝ่ายข้าศึก
ของพวกเจ้าไว้
คอยจับจ้องมองดูเท่าที่สามารถ
เพราะแท้จริง อัลเลาะห์ได้ทรงสำรองให้พวกไม่ศรัทธาทั้งหลายได้รับโทษทรมานอันต่ำช้า
๑๐๓.
ครั้นเมื่อพวกเจ้าเสร็จจากทำละหมาด
ในยามฉุกเฉินขั้นสุดยอดแล้ว
ก็จงรำลึกถึงอัลเลาะห์
ด้วยการกล่าวตะห์ลีลว่า “ลาอิลาหะอิลลัลลอห์” และกล่าวตัซบีห์ว่า “ซุบฮานัลลอห์”
ทั้งในยามยืน ยามนั่งและในยามล้มลงนอน
ตลอดถึงทุก ๆ อิริยาบถ
ของพวกเจ้า พอพวกเจ้าสงบปลอดภัย
จากฝ่ายข้าศึกแล้ว พวกเจ้าก็จงดำรงละหมาด[/b]ให้ครบกระบวนการของมันทั้งที่เกี่ยวกับชัร๊อต (กฎเกณฑ์) และรุก่น (องค์ประกอบ)
เถิด เพราะแท้จริงการละหมาด
ทั้งห้าเวลา
นั้นเป็นบทกำหนด
เป็นรายบุคคล (ฟัรดุไอน์)
แก่มวลมุอ์มินตามเวลาอันแน่นอน
ฉะนั้นพวกเจ้าอย่าได้ประวิงการทำละหมาดให้เนิ่นช้าไปกว่าเวลาอันกำหนดนั้นเลย
[/color]
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #49 เมื่อ:
พ.ค. 31, 2011, 03:52 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 104
คำอ่าน
104. วะลาตะฮินูฟิบติฆอ...อิลก็อวมิ อิน..ตะกูนู ตะอ์ละมูนะ ฟะอิน..นะฮุม ยะอ์ละมูนะ กะมาตะอ์ละมูน วะตัรฺญูนะมินัลลอฮิ มาลายัรฺญูน วะกานัลลอฮุอะลีมันหะกีมา
คำแปล R1.
104. And don't be weak in the pursuit of the enemy; If you are suffering (hardships) then surely, they (too) are suffering (hardships) as you are suffering, but you have a hope from Allah (for the Reward, i.e. Paradise) that for which they hope not, and Allah is ever All-Knowing, All-Wise.
คำแปล R2.
104. และเจ้าทั้งหลายอย่าย่อท้อในการแสวงหากลุ่มชน (ที่เป็นข้าศึก) แม้พวกเจ้าจะประสบความทรมาน (จากการสู้ศึก เพราะบาดเจ็บหรือเสียชีวิต) แต่พวก (ข้าศึก) เหล่านั้นก็ประสบความทรมานเช่นเดียวกับพวกเจ้าเหมือนกัน และพวกเจ้ามีความหวังจากอัลเลาะฮฺ ในสิ่งที่พวกเขาหวังไม่ได้เลย (สิ่งนั้นคือผลตอบแทนที่อัลเลาะฮฺจักทรงประทานให้ในวันชาติหน้า) และอัลเลาะฮฺนั้นทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
คำแปล R3.
104.และจงอย่าแสดงความอ่อนแอในการติดตามคนเหล่านี้ ถ้าหากสูเจ้าได้รับความบาดเจ็บ พวกเขาก็ได้รับความบาดเจ็บดังที่สูเจ้าได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ยิ่งไปกว่านั้น สูเจ้าหวังที่จะรับจากอัลลอฮฺในสิ่งที่พวกเขาไม่ได้หวัง และอัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้และทรงปรีชาญาณเสมอ
คำแปล R4.
104. และพวกเจ้าจงอย่าท้อแท้ในการแสวงหากลุ่มชนพวกนั้นหากพวกเจ้าเจ็บ พวกเขาก็เจ็บเช่นเดียวกับพวกเจ้า แต่พวกเจ้าหวังจากอัลลอฮฺสิ่งที่พวกเขาไม่หวังและอัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองกาต่อไปนี้
ขณะที่พระนบีมูฮำมัดได้ส่งบุคคลชุดหนึ่งจำนวน 630 คนให้ออกติดตามอบุซุฟยานกับคณะซึ่งเพิ่งกลับจากสมรภูมิอุฮุดและพักอาศัยอยู่ที่ตำบลม่ะลัล อันเป็นย่านซึ่งใกล้นครมดีนะห์ ได้มีการปรึกษาหารือเรื่องราวเกี่ยวกับที่จะย้อนกลับเข้าสู่นครมดีนะห์เพื่อที่จะเข้าปราบปรามพวกมุอ์มินให้สิ้น แต่ข่าวลับนี้ได้รั่วรู้ไปถึงพระนบีมูฮำมัดเสียก่อน พระนบีจึงประกาศในวันถัดจากเสร็จสงครามอุฮุดแล้ว ๑ วันว่า ทุกคนที่อยู่พร้อมหน้ากันกับฉันเมื่อวานนี้จงออกสู่สมรภูมิเถิด ส่วนใครที่ไม่ได้ร่วมรบพร้อมกับฉันเมื่อวานนี้ไม่ต้อง แต่พวกเหล่านั้นต่างร้องทุกข์ว่า พวกตนได้รับบาดเจ็บอยู่ ผลที่สุดก็จำใจออกไปถึงตำบลหนึ่งชื่อ ฮุมรออ์ อัล-อะซัด
๑๐๔.
และพวกเจ้าอย่าได้ย่อท้อต่อการค้นหาพวกศัตรู
ให้พบเพื่อจะได้ทำการสู้รบ
เลย ถึงว่าพวกเจ้ากำลังได้รับบาดเจ็บอยู่ก็เอาเถิด เพราะพวกศัตรูเหล่านั้นได้รับบาดเจ็บเหมือนอย่างพวกเจ้ากำลังได้รับอยู่นั้นแหละ
ไม่เห็นว่าพวกมันจะสิ้นความพยายามที่จะสู้รบกับพวกเจ้าเลย
ทั้งที่พวกเจ้าก็หวังได้
ซึ่งความมีชัยและบุญกุศล
จากอัลเลาะห์
เพราะความเชื่อแน่ของพวกเจ้าว่าจะต้องได้เกิดใหม่จากสุสานไปชุมนุม ณ สถานที่แห่งหนึ่งและการตอบแทน
ซึ่ง
ทั้งสองนี้เป็น
สิ่งที่พวกนั้นจะหวังมิได้
ทุกอย่างที่กล่าวนั้นพวกเจ้าย่อมมีภาษีเหนือกว่าพวกศัตรูอยู่แล้ว ฉะนั้นจึงเป็นอันสมควรแล้วที่พวกเจ้าจะปลื้มใจต่อการรบให้ยิ่งกว่าพวกนั้น
ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่ง
ในทุกสิ่งทุกอย่าง
ทรงประณีตยิ่ง
ในด้านการบริหารของพระองค์
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #50 เมื่อ:
มิ.ย. 01, 2011, 02:58 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 105 - 109
คำอ่าน
105. อิน..นา..อัน..ซัลนา..อิลัยกัลกิตาบะบิลหักกิ ลิตะหฺกุมะบัยนัน..นาสิ บิมา..อะรอกัลลอฮฺ วะลาตะกุลลิลคอิ..นีนนะ เคาะศีมา
106. วัสตัฆฟิริลฮฺ อิน..นัลลอฮะกานะเฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา
107. วะลาตุญาดิล อะนิลละซีนะ ยัคตานูนะ อัน..ฟุสะฮุม อิน..นัลลอฮะ ลายุหิบบุ มัน..กานะ ค็อววานันอะษีมา
108. ยัสตัคฟูนะ มินัน..นาสิ วะลายัสตัคฟูนะ มินัลลอฮิ วะฮุวะมะอะฮุม อิซยุบัยยิตูนะ มาลายัรฺฎอมินัลก็อวลฺ วะกานัลลอฮุ บิมายะอฬมะลูนะมุหีฏอ
109. ฮา..อัน..ตุม ฮา...อุลา...อิญาดัลตุมอันฮุม ฟิลหะยาติดดุนยา ฟะมัย..ยุญาดิลุลลอฮะอันฮุม เยามัลกิยามะติ อัม..มัย..ยะกูนุ อะลัยฮิมวะกีลา
คำแปล R1.
105. Surely, we have sent down to you (O Muhammad ) the Book (this Qur'an) in truth that you might judge between men by that which Allah has shown you (i.e. has taught you through Divine Inspiration), so be not a pleader for the treacherous.
106. And seek the Forgiveness of Allah; certainly, Allah is ever Oft-Forgiving, Most Merciful.
107. And argue not on behalf of those who deceive themselves. Verily, Allah does not like anyone who is a betrayer of his trust, and indulges in crime.
108. They may hide (their crimes) from men, but they cannot hide (them) from Allah, for He is with them (by his Knowledge), when they plot by night in words that He does not approve, and Allah ever encompasses what they do.
109. Lo! You are those who have argued for them in the life of this world, but who will argue for them on the Day of Resurrection against Allah, or who will then be their defender?
คำแปล R2.
105. แท้จริงเราได้ส่งคัมภีร์ (อัลกุรอาน) แก่เจ้าโดยสัจจะ เพื่อเจ้าได้ตัดสินระหว่างมวลมนุษย์ด้วยสิ่งที่อัลเลาะฮฺทรงทำให้เจ้าได้รู้เห็น โดยการดลใจเจ้า) และเจ้าอย่าเป็นผู้โต้เถียง (เพื่อแก้ข้อกล่าวหา) แก่พวกที่บิดพลิ้ว (ที่เป็นมุสลิมด้วยกัน สืบเนื่องจากมุสลิมคนหนึ่งชื่อ เฏาะฮฺมะฮฺ ได้ขโมยเสื้อเกราะไปซ่อนในบ้านยิว และใส่ความยิวว่าเป็นขโมย แต่เมื่อท่านสืบจนรู้แน่ชัด ท่านก็ตัดสินให้ยิวชนะตามความเป็นจริง)
106. และเจ้าจงขออภัยโทษต่ออัลเลาะฮฺเถิด เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งเมตตายิ่ง
107. และเจ้าจงอย่าเถียงพวกที่บิดพลิ้วต่อตัวเอง แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่รักบุคคลที่เป็นจอมบิดพลิ้วอีกทั้งชอบทำบาป
108. พวกเขาพยายามซ่อนเร้น (ความชั่ว) จากมนุษย์ และพวกเขาไม่ (สามารถ) ซ่อนเร้นจากอัลเลาะฮฺได้ ทั้งนี้อัลเลาะฮฺอยู่พร้อมกับพวกเขา เมื่อพวกเขาวางแผนในยามค่ำ สิ่งที่อัลเลาะฮฺไม่ทรงพึงพระทัยจาก (การเตรียม) ถ้อยคำ (สำหรับส่ร้ายผู้อื่น) และอัลเลาะฮฺทรงแวดล้อม (ความรู้ของพระองค์) กับสิ่งที่พวกเขาประพฤติ
109. พึงสำนึกเถิด พวกเจ้า...พวกเหล่านี้ พวกเจ้าได้เถียงแทนพวกเขาในชีวิตทางโลกนี้ แล้วใครเล่าที่จะเถียงอัลเลาะฮฺแทนพวกนั้นในวันชาติหน้า หรือว่ามีใครที่จะเป็นผู้รับมอบแก่พวกเขา (เพื่อป้องกันพวกเขาไว้มิให้ได้รับโทษจากอัลเลาะฮฺ)?
คำแปล R3.
105. โอ้นบี เราได้ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าด้วยสัจธรรม ทั้งนี้เพื่อที่เจ้าจะได้พิพากษาระหว่างมนุษย์ตามที่อัลลอฮฺได้ทรงสอนเจ้า ดังนั้นจงอย่าเป็นผู้แก้ต่างให้ผู้ที่ไม่ซื่อตรง
106. จงขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
107. และจงอย่าเถียงแทนบรรดาผู้ที่ไม่ซื่อตรงต่อตัวของพวกเขาเอง แท้จริง อัลลอฮฺมิทรงรักผู้ทรยศ และผู้มีบาปหนา
108. พวกเขาอาจจะหลบซ่อนการทำชั่วของพวกเขาจากผู้คน แต่พวกเขาจะไม่สามารถซ่อนเร้นมันจากอัลลอฮฺได้ พระองค์จะทรงอยู่กับพวกเขาถึงแม้ว่าพวกเขาจะจัดการปรึกษากันอย่างลับ ๆ ในตอนกลางคืนที่ไม่เป็นที่ยินดีต่อพระองค์ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเขากระทำเสมอ
109. ดูเถิด สูเจ้าถียงแทนพวกเขาในชีวิตโลกนี้ แต่ใครเล่าจะเถียงอัลลอฮฺแทนพวกเขาในวันฟื้นขึ้น? หรือใครเล่าจะเป็นผู้พิทักษ์พวกเขาที่นั่น
คำแปล R4.
105. แท้จริง เราได้ให้คัมภีร์ลงมาแก่เจ้าเป็นความจริง เพื่อเจ้าจะได้ตัดสินระหว่างผู้คน ด้วยสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงให้เจ้ารู้เห็น และเจ้าจงอย่าเป็นผู้เถียงแก้ให้แก่ผู้บิดพริ้วทั้งหลาย
106. และเจ้าจงขอภัยโทษต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
107. และเจ้าจงอย่าโต้เถียงแทนบรรดาผู้ที่บิดพริ้วต่อตัวของพวกเขาเองเลย แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงชอบผู้ที่เคยบิดพริ้ว ที่เคยทำบาป
108. พวกเขาจะปกปิดให้พ้นจากมนุษย์ได้แต่พวกเขาจะปกปิดให้พ้นจากอัลลอฮฺนั้นไม่ ได้ โดยที่พระองค์ร่วมอยู่ด้วยกับพวกเขาขณะที่พวกเขาวางแผนกันเวลากลางคืน ซึ่งคำพูดที่พระองค์ไม่ทรงพอพระทัย และอัลลอฮฺนั้นทรงล้อมไว้เสมอซึ่งสิ่งที่พวกเขากระทำกัน
109. พึงรู้เถิดว่า พวกเจ้านี้แหละ ได้เถียงแทนพวกเขา กันในชีวิตความเป็นอยู่แห่งโลกนี้ แล้วใครเล่าที่จะเถียงกับอัลลอฮฺแทนพวกเขาในวันกิยามะฮ์ หรือว่าใครเล่าจะเป็นผู้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา
คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
ก็คือว่า เฏาะห์มะห์บุตรอุไบร๊อกได้ขโมยเสื้อเกราะไปจากก็ตาดะห์ซึ่งอยู่บ้านใกล้กันแล้วนำเสื้อนั้นไปฝากไว้กับยะฮูดีคนหนึ่ง ๙อ ไซยด์บุตรซะมีน เมื่อได้มีการค้นหาก็ปรากฏว่าที่เฏาะอ์มะห์ไม่มี แต่พบเสื้อเกราะตัวนี้ที่ยะฮูดี ครั้นแล้วเฏาะอ์มะห์ก็โทษหาว่ายะฮูดีเป็นคนขโมย แล้วตนเองยังได้สบถสาบานว่าเขามิได้ขโมยเสื้อเกราะนี้ จากนั้นพรรคพวกของเฏาะอ์มะห์ได้ขอร้องให้มูฮำมัดว่าความแทนเฏาะอ์มะห์ เพื่อให้เฏาะอ์มะห์พ้นข้อหาขโมย โองการจึงมีลงมาว่า
๑๐๕.
แท้จริงเรา
(อัลเลาะห์)
ได้ประทานพระคัมภีร์
อัล-กุรอาน
ลงมายังเจ้าโดยสัจจริง
เกี่ยวกับข้อบัญญัติใช้และบัญญัติห้ามตลอดทั้งคำตัดสินระหว่างปวงชนและความจริงอื่น ๆ อีก
เพื่อเจ้าจะได้ตัดสินความระหว่างมวลมนุษย์ด้วยสิ่งที่อัลเลาะห์ได้ทรงให้เจ้าได้รู้ได้เห็น แต่เจ้าอย่าได้เป็นผู้เถียง
กับยะฮูดี
แทนฝ่ายทุจริต
เช่นเฏาะอ์มะห์ให้เขาพ้นข้อกล่าวหาเป็นขโมย
เลย
๑๐๖.
ทั้งจงขอประทานอภัยโทษต่ออัลเลาะห์ด้วยเถิด
ในประการที่เจ้าเพียงแต่มีจินตนาการว่า จะพิพากษาลงโทษตัดมือยะฮูดีเมื่อประจักษ์พยานแล้ว จินตนาการนี้ถือว่าเป็นบาปรูปนอกอย่างหนึ่งหาใช่บาปจริงอันจะมาประสบกับมูฮำมัดผู้เป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์ไม่ เพราะศาสนทูตย่อมอยู่ในความคุ้มครองบาปเสมอ
เพราะแท้จริงอัลเลาะห์นั้นทรงยิ่งในการอภัย
แก่ผู้เป็นข้าของพระองค์
ทรงโปรดปราณียิ่ง
ต่อพวกข้าพระองค์เหล่านั้น
๑๐๗.
และ
โอ้มูฮำมัด
เจ้าอย่าได้เถียงแทนบรรดาผู้ทุจริตต่อตนเอง
ด้วยประการทั้งปวงที่ล้วนแต่ชั่วช้าสารเลวเลย เพราะว่าผลแห่งการทุจริตนั้นย่อมย้อนเข้าตัวเองในที่สุด
แท้จริงอัลเลาะห์จะทรงลงโทษผู้มีสันดานทุจริตและผู้มีบาปหนา
๑๐๘. เฏาะอ์มะห์ก็ดี พรรคพวกของเขาก็ดี
พวกเขานั้นจะพยายามหลบซ่อนปวงชน
เนื่องจากความอับอายที่ตนเป็นขโมย และเนื่องจากกลัวปวงชนจะทำอันตราย
แต่จะพยายามหลบซ่อนอัลเลาะห์
ให้พ้นจากความอับอายขายหน้าและความหวาดระแวงภัยต่าง ๆ จากพระองค์
หาได้ไม่ เพราะ
ความรอบรู้สารพัดของ
พระองค์นั้นสู่อยู่ที่พวกนั้นแล้ว ในเมื่อพวกนั้นคิดจะอำเนื้อความ
เกี่ยวกับคำสบถสาบานปฏิเสธเรื่องในการขโมยบ้าง คำใส่ร้ายยะฮูดีว่าเป็นขโมยบ้าง
ซึ่งพระองค์
(อัลเลาะห์
ไม่พึงยินดี แหละว่าอัลเลาะห์นั้นทรง
ความรู้
แวดล้อมพฤติการณ์อันพวกนั้นได้กระทำกันอยู่
๑๐๙.
พวก
ของเฏาะอ์มะห์
เหล่านั้นนะ
จงฟังซิ
พวกเจ้าจะถกเถียงแทน
เฏาะอ์มะห์และพรคคพวกอันเป็น
พวกกันเองได้ในภพปัจจุบันนี้เท่านั้น แล้วใครเล่าจะไปเถียงกับอัลเลาะห์แทนพวกเหล่านั้นในวันกิยามะห์
ขณะที่พวกนั้นกำลังถูกลงทัณฑ์
หรือว่ามีใครจะไปเป็นตัวแทน
ช่วยดำเนินการและคอยป้องกันพวกนั้น
อยู่แล้ว?
ไม่มีผู้ใดหรอกที่เขาจะอาสาเป็นตัวแทนดำเนินการดังนั้นให้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #51 เมื่อ:
มิ.ย. 02, 2011, 03:55 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 110 - 113
คำอ่าน
110. วะมัย..ยะอฺมัลสู...อัน เอายัซลิมนัฟสะฮู ษุม..มะยัสตัฆฟิริลลาฮะ ยะญิดิลลาฮะ เฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา
111. วะมัย..ยักสิบอิษมัน..ฟะอิน..นะมายักสิบุฮู อะลานัฟสิฮฺ วะกานัลลอฮุอะลีมันหะกีมา
112. วะมัย..ยักสิบเคาะฏี...อะตัน เอาอิษมัน..ษุม..มะยัรฺมิบิฮีบะรี...อัน..ฟะเกาะดิหฺตะมะละ บุฮฺตาเนา..วะอิษมัม..มุบีนา
113. วะเลาลาฟัฎลุลลอฮิอะลัยกะ วะเราะหฺมะตุฮู ละฮัม..มัฏฏอ...อิฟะตุม..มินฮุม อัย..ยุฎิลลูก วะมายุฎิลลูนะอิลลาอัน..ฟุสะฮุม วะมายะฎุรฺรูนะกะมินชัยอฺ วะอัน..ซะลัลลอฮุอะลัยกัลกิตาบะ วัลหิกมะตะ วะอัลละมะกะมาลัมตะกุน..ตะอฺลัม วะกานะฟัฎลุลลอฮิอะลัยกะ อะซีมา
คำแปล R1.
110. And whoever does evil or wrongs himself but afterwards seeks Allah's Forgiveness, He will find Allah Oft-Forgiving, Most Merciful.
111. And whoever earns sin, he earns it only against himself. And Allah is ever All-Knowing, All-Wise.
112. And whoever earns a fault or a sin and then throws it on to someone innocent, he has indeed burdened himself with falsehood and a manifest sin.
113. Had not the Grace of Allah and his Mercy been upon You (O Muhammad), a party of them would certainly have made a decision to mislead you, but (in fact) they mislead none except their own selves, and no harm can they do to you In the least. Allah has sent down to you the Book (the Qur'an), and pi[Al-Hikmah[/i] (Islamic laws, knowledge of legal and illegal things i.e. the Prophet's Sunnah - legal ways), and taught you that which you knew not. and ever great is the Grace of Allah unto you (O Muhammad ).
[/color]
คำแปล R2.
110. และผู้ใดประพฤติความเลวหรือฉ้อฉลตัวเองแล้ว หลังจากนั้น เขาก็ขออภัยต่ออัลเลาะฮฺ แน่นอนเขาย่อมพบว่าอัลเลาะฮฺนั้นทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตาเสมอ
111. และผู้ใดพากเพียรทำการบาปหนึ่ง อันที่จริงแล้วเขาพากเพียรสิ่งนั้นเพื่อ (เป็นเภทภัยแก่) พวกเขาเอง และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
112. และผู้ใดพากเพียรความผิดหนึ่งหรือบาปหนึ่ง แล้วหลังจากนั้น เขาก็โยนสิ่งนั้นให้แก่ผู้บริสุทธิ์ แน่นอนเขาได้แบกความเท็จและบาปอันชัดแจ้งไว้แล้ว
113. และมาดแม้นไม่มีความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ และความเมตตาของพระองค์ (ได้เอื้ออำนวย)แก่เจ้าแล้วไซร้ แน่นอนที่สุดคนกลุ่มหนึ่งของพวกเขา ก็ต้องคิดที่จะทำความหลงผิดแก่เจ้า แต่พวกเขาไม่ทำความหลงผิด(แก่ผู้ใดได้) นอกจากแก่ตัวของพวกเขาเอง และพวกเขาไม่ทำอันตรายแก่เจ้าสักกรณีเดียว และอัลเลาะฮฺได้ลงคัมภีร์ (อัลกุรอาน) และวิทยญาณให้แก่เจ้า และพระองค์ทรงสอนเจ้า ในสิ่งที่เจ้าไม่เคยรู้มาก่อน และความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺที่ประทานแก่เจ้านั้นยิ่งใหญ่นัก
คำแปล R3.
110. และถ้าผู้ใดกระทำชั่วหรืออธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง และหลังจากนั้นได้ขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ เขาจะพบอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยยิ่ง ผู้ทรงเมตตาเสมอ
111. แต่ถ้าผู้ใดขวนขวายการบาป
(และไม่สำนึกผิด)
การขวนขวายของเขาจะนำการลงโทษมาสู่ตัวเขาเอง และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
112. แต่ถ้าผู้ใดกระทำความผิดหรือทำบาปแล้วใส่ความผู้บริสุทธิ์ แน่นอนตัวเขาเองได้แบกการใส่ร้ายและบาปนั้นไว้อย่างชัดแจ้ง
113. โอ้นบี หากมิใช่ความโปรดปรานของอัลลอฮฺต่อเจ้าและหากมิใช่ความเมตตาของพระองค์คุ้มครองเจ้าจากความประสงค์ร้ายของพวกเขา พวกเขากลุ่มหนึ่งได้ตัดสินใจที่จะทำให้เจ้าหลงผิดถึงแม้ว่าพวกเขาเองไม่อาจทำให้ใครหลงได้นอกจากตัวของพวกเขาเอง และพวกเขาไม่สามรถที่จะทำร้ายใด ๆ แก่เจ้าได้ และอัลลอฮฺได้ประทานคัมภีร์และวิทยปัญญาแก่เจ้าและได้ทรงสอนเจ้าในสิ่งที่เจ้าไม่รู้ แท้จริงแล้ว ความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ต่อเจ้านั้นใหญ่หลวงนัก
คำแปล R4.
110. และผู้ใดที่กระทำความชั่วหรืออธรรมแก่ตัวเอง แล้วเขาขออภัยโทษต่ออัลลอฮฺ เขาก็จะพบว่าอัลลอฮฺ เป็นผู้ทรงอภัยโทษเป็นผู้ทรงเมตตา
111. ผู้ใดที่แสวงหาบาปกรรมไว้ แท้จริงแล้วเขาแสวงหามันไว้ให้เป็นภัยแก่ตัวของเขาเองเท่านั้น และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ทรงปรีชาญาณ
112. และผู้ใดที่แสวงหาความผิดหรือบาปกรรมไว้ แล้วก็โยนบาปกรรมนั้นให้แก่ผู้บริสุทธิ์แน่นอนเขาได้แบกความเท็จและบาปกรรมอันชัดเจนไว้
113. และหากไม่มีความกรุณาของอัลลอฮฺและความเมตตาของพระองค์แก่เจ้าแล้ว แน่นอนกลุ่มหนึ่งจากพวกเขาก็มุ่งแล้วที่จะให้เจ้าหลงผิดไป แต่พวกเขาจะไม่ทำให้ใครหลงผิดไปได้ นอกจากตัวของพวกเขาเองเท่านั้น และพวกเขาก็จะไม่ทำอันตรายแก่เจ้าได้แต่อย่างใด และอัลลอฮฺได้ทรงประทานคัมภีร์ลงมาแก่เจ้า และความเข้าใจในบทบัญญัติแห่งคัมภีร์นั้นด้วย และได้ทรงสอนเจ้าในสิ่งที่เจ้าไม่เคยรู้มาก่อน และความกรุณาของอัลลอฮฺที่มีแก่เจ้านั้นใหญ่หลวงนัก
คำแปล R5.
๑๑๐.
ถ้าแหละผู้ใดประพฤติการชั่ว
พลอยให้คนอื่น ๆ ชั่วตามไปด้วย เช่น เฏาะอ์มะห์ได้เคยทำมา คือกล่าวหายะฮูดีว่าขโมยเสื้อเกราะก็ดี
หรือสร้างบาปขึ้นแก่ตนเอง
ด้วยการสาบานเท็จเหมือนอย่างเฏาะอ์มะห์ก็ดี
ครั้นต่อมาเขาก็ได้ขอประทานอภัยโทษ
ทั้งสองประการที่ว่านี้
ต่ออัลเลาะห์
โดยขอสารภาพกลับใจ(เตาบะห์)ด้วยใจจริงแล้ว
ผู้นั้นย่อมจะได้พบ
และเลื่อมใสอย่างแน่วแน่
ว่าอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงยิ่งในการอภัย ทรงโปรดปราณียิ่ง
ต่อเขา
๑๑๑.
แล้วถ้าผู้ใดพยายามทำแต่บาปก็เท่ากับผู้นั้นพยายามหาบาปใส่ตนเท่านั้น
เพราะความหายนะเนื่องจากบาปกรรมที่ตนได้กระทำขึ้นจะสะท้อนผลแก่ตัวเขาเอง หาได้ล่วงเลยไปเป็นที่เดือดร้อนแก่ผู้อื่นไม่
แหละว่าอัลเลาะห์นั้นทรงรู้ยิ่ง
ในประการที่เป็นบาปของผู้นั้น
ทรงประณีตยิ่ง
ในการบริหารของพระองค์
๑๑๒.
และถ้าผู้ใดพยายามกระทำบาปย่อย
(คือบาปที่ไม่มีสัญญาลงโทษ
หรือบาปใหญ่
(คือบาปที่มีข้อสัญญาลงโทษ)
ครั้นแล้วเขายังพยายามโยนบาปนั้น
ยังผู้อื่นได้ลงคอ
เพื่อเอาตัวรอด
ดังในกรณีที่เฏาะอ์มะห์ได้ป้ายร้ายยะฮูดีเรื่องขโมยเสื้อเกราะ
แน่นอนคนผู้นั้นต้องรับแบกทูนการป้ายร้ายและบาปอย่างชัดแจ้งทีเดียว
ฐานที่ตนเองเป็นผู้ใส่ร้ายป้ายสี
๑๑๓. และโอ้มูฮำมัด
หากว่าการเอื้ออำนวย
ขั้นพิเศษสุด
ของอัลเลาะห์ที่มีต่อเจ้า
ด้วยการมิให้เจ้าประกอบการทั้งที่เป็นบาปเล็กและบาปใหญ่
ประกอบกับพระกรุณาของพระองค์
ที่ได้ดลให้เจ้าหยั่งรู้ความลับของเฏาะอ์มะห์กับคณะได้จากโองการของพระองค์ประการหนึ่ง และอีกประการหนึ่งที่ทรงให้เจ้ามีความตื่นตัวอยู่กับความจริง
หาไม่แล้วก็จะมีบางพวกในหมู่ชนเหล่านั้น
(เฏาะอ์มะห์และพรรคพวก)
ลอบกระทำให้เจ้าหลงใหล
ทำการพิจารณาตัดสินความผิดจากข้อเท็จจริง และกระทำให้เกิดความกำกวมได้ แต่ทว่าผลแห่งความจริงแล้วในหมู่ชนเหล่านั้นไม่มีพวกใดเลยที่สามารถกระทำให้เจ้าหลงใหลได้ คงได้ความว่า การเอื้อำนวยขั้นพิเศษสุดและพระกรุณาจากพระองค์นั้นมีต่อเจ้าเป็นแน่แท้
แต่
ส่วนหนึ่งจากหมู่
ชนเหล่านั้นหาได้ทำให้ใครหลงใหลไม่นอกจากตนเอง อีกทั้งไม่สามารถยังความเดือดร้อนแก่เจ้าได้เลยแม้สักนิดเดียว
ทั้งนี้เพราะว่าผลเสียหายที่มันต้องการให้ผู้อื่นหลงใหลนั้นจะสะท้อนผลกลับเข้าสู่พวกตนเอง
และอัลเลาะห์ยังได้ประทานพระคัมภีร์
อัล-กุรอาน
และบทบัญญัติ
ทั้งข้อใช้และข้อห้าม
มายังเจ้าอีก ได้ทรงสอนเจ้าให้รู้จักเรื่อง
ที่เกี่ยวกับบัญญัติใช้และบัญญัติห้ามตลอดถึงเรื่องราวอันเร้นลับ เช่นเรื่องของวันกิยามะห์
ซึ่งตัวเจ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลย ด้วยว่าการเอื้อำนวย
ขั้นพิเศษสุด
ของอัลเลาะห์ที่มีต่อเจ้า
ไม่ว่าจะเป็นในด้านการประทานอัล-กุรอานและบทบัญญัติลงมา แล้วสอนเจ้าให้รู้จักสิ่งที่ยังไม่รู้จักก็ดี และในด้านอื่น ๆ ก็ดี
นั้นย่อมใหญ่หลวงนัก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #52 เมื่อ:
มิ.ย. 04, 2011, 08:43 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 114 - 115
คำอ่าน
114. ลาค็อยเราะฟีกะษีริม..มิน..นัจญวาฮุม อิลลามันอะมะเราะบิเศาะดะเกาะติน เอามะอฺรูฟิน เอาอิศลาหิม..บัยนัน..นาส วะมัย..ยัฟอังซาลิกับติฆอ...อะมัรฺฎอติลลาฮิ ฟะเสาฟะนุอ์ติฮิ อัจญร็อนอะซีมา
115. วะมัย..ยุชากิกิรฺเราะสูละ มิม..บะอฺดิมาตะบัยยะนะละฮุลฮุดา วะยัตตะบิอฺ ฆ็อยเราะสะบีลิลมุอ์มินีนะ นุวัลลิฮี มาตะวัลลา วะนุศลิฮีญะฮัน..นัม วะสา..อัตมะศีรอ
คำแปล R1.
114. There is no good in most of their secret talks save (in) him who orders
Sadaqah
(charity in Allah's Cause), or
Ma'ruf
(Islamic Monotheism and all the good and righteous deeds which Allah has ordained), or conciliation between mankind, and he who does this, seeking the good pleasure of Allah, we shall give him a great reward.
115. And whoever contradicts and opposes the Messenger (Muhammad) after the Right Path has been shown clearly to him and follows other than the believers' way. We shall keep him in the Path he has chosen, and burn him in Hell - what an evil destination.
คำแปล R2.
114. ไม่มีความดีใด ๆ เลยในส่วนมากจากการซุบซิบของพวกเขา นอกจากบุคคลที่ใช้ให้ทำทาน หรือใช้ให้ประกอบคุณความดี หรือใช้ให้ทำการประนีประนอมระหว่างมนุษย์ด้วยกัน และผู้ใดประพฤติเช่นนั้นเพื่อแสวงหาความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ แน่นอนเราจะให้รางวัลอันยิ่งใญ่แก่เขา
115. และผู้ใดที่คัดค้าน (คำสอนของ) ศาสนทูตภายหลังจากสิ่งชี้นำ (อันถูกต้อง) ได้ประจักษ์แจ้งแก่เขาแล้ว และเขาถือตามนอกจากแนวทางของบรรดาผู้มีศรัทธา แน่นอนเราก็จะผันเขาให้คงอยู่ในสภาพที่เขาผัน (ไปสู่ นั่นคือสภาพเนรคุณและความหลงผิด) และเราจะนำเขาเข้านรกยะฮันนัมและมันเป็นที่อยู่อันเลวร้ายยิ่ง
คำแปล R3.
114. ไม่มีสิ่งดีอันใดในการปรึกษากันลับ ๆ ส่วนใหญ่ของพวกเขา อย่างไรก็ตามมันเป็นการดีถ้าหากใครจะกำชับกันในกุศลทานหรือความดี หรือการสมัครสมานกันระหว่างมนุษย์ เราจะประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่แก่ผู้ที่กระทำเช่นนั้น เพื่อมุ่งหวังความปราโมทย์จากอัลลอฮฺ
115. และผู้ใดเป็นปฏิปักษ์ต่อรอซูลหลังจากทางนำได้เป็นที่กระจ่างแก่เขาแล้ว และปฏิบัติตามแนวทางอื่นจากแนวทางของผู้ศรัทธา เราจะหันเขาไปยังทางที่เขาเองได้หันไป และเราจะให้เขาเข้าไปในนรกอันเป็นปลายทางที่ชั่วช้า
คำแปล R4.
114. ไม่มีความดีใด ๆ ในการพูดซุบซิบอันมากมายของพวกเขา นอกจากผู้ที่ใช้ให้ทำทานหรือให้ทำสิ่งที่ดีงาม หรือให้ประนีประนอมระหว่างผู้คนเท่านั้น และผู้ใดกระทำดังกล่าวเพื่อแสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺแล้ว เราจะให้แก่เขาซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง
115. และผู้ใดที่ฝ่าฝืนร่อซูล หลังจากที่คำแนะนำอันถูกต้องได้ประจักษ์แก่เขาแล้ว และเขายังปฏิบัติตามที่มิใช่ทางของบรรดาผู้ศรัทธานั้น เราก็จะให้เขาหันไปตามที่เขาได้หันไป และเราจะให้เขาเข้านรกญะฮันนัม และมันเป็นที่กลับอันชั่วร้าย
คำแปล R5.
๑๑๔.
ในส่วนใหญ่แห่งการสัมมนาวิสาสะของมวลมนุษย์จะไม่มีอะไรดียิ่งเลยเว้นไว้แต่
การสัมมนาวิสาสะของ
ผู้ที่ใช้ให้ทำทาน
ทั้งที่เป็นภาคจำเป็นและไม่จำเป็น
ให้ปฏิบัติที่ดีที่ควร
เช่น เอ่ยกล่าวคำปฏิญาณทั้งสอง (กลิมะตา-อัล-ชะฮาดะห์) การช่วยระงับทุกข์โศกของคนอื่น
หรือให้มีการออมชอมกันระหว่างปวงชนเท่านั้น
เมื่อพวกเขาเกิดกรณีพิพาทกันขึ้นหรือเป็นศัตรูกัน
แล้วถ้าผู้ใดปฏิบัติเช่น
ที่ว่า
นั้น
ทุกประการ
เพื่อแสวงเอาบุญกุศลจากอัลเลาะห์
หาได้มุ่งหวังเอาเกียรติยศหรือในภาคโลกนี้แต่ประการใดไม่
แล้วไซร้ ต่อไป
ในภพหน้า
เรา
(อัลเลาะห์)
จะมอบให้ผู้นั้นได้รับซึ่ง
บุญกุศล
ผลตอบแทนอันใหญ่หลวง
๑๑๕.
แหละถ้าผู้ใดฝ่าฝืน
ความจริงที่มูฮำมัด
ผู้เป็นพระศาสนทูต
นำมาให้
หลังจากได้มีความจริงประจักษ์ชัดแก่ผู้นั้นแล้ว
ในทางอภินิหาร เช่น เฏาะอ์มะห์ถูกพระนบีมูฮำมัดตัดสินตัดมือแต่แล้วเขาได้หลบหนีไปยังนครมดีนะห์
ทั้งเขายัง
ตกอยู่ในสภาพกาฟิรเนื่องจาก
ได้ดำเนินผิดร่องรอยของบรรดามุอ์มิน เราก็จะให้ผู้นั้นครองสภาพ
แห่งความหลงผิด
ที่เขาพยายามจะครองนั้นเสียเลย อีกทั้งเรายังจะส่งเขาลงไปสู่นรกยะฮันนำ
ในภพหน้า ซึ่งเขาผู้นั้นจะถูกเผาไหม้อยู่ในขุมนรกนี้
ซึ่งเป็นที่กลับไปสู่อันเลวร้ายนัก
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #53 เมื่อ:
มิ.ย. 06, 2011, 04:48 AM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 116 - 118
คำอ่าน
116. อิน..นัลลอฮะลายัฆฟิรุ อัย..ยุชริกะบิฮี วะยัฆฟิรุมาดูนะซาลิกะลิมัย..ยะชา...อุ์ วะมัย..ยุชริกบิลลาฮิ ฟะก็อดฎ็อลละเฎาะลาลัม..บะอีดา
117. อี..ยัดอูนะมิน..ดูนิฮี..อิลลา..อินาษา วะอีย..ยัดอูนะ อิลลาชัยฏอนัม..มะรีดา
118. ละอะนะฮุลลอฮุ วะกอละ ละอัตตะคิซัน..นะมินอิบาดิกะ นะศีบัม..มัฟรูฎอ
คำแปล R1.
116. Verily! Allah forgives not (the sin of) setting up partners in Worship with him, but he forgives whom he pleases sins other than that, and whoever sets up partners in worship with Allah, has indeed strayed far away.
117. They (all those who worship others than Allah) invoke nothing but female deities besides Him (Allah), and they invoke nothing but
Shaitan
(Satan), a persistent rebel!
118. Allah cursed him. And he [
Shaitan
(Satan)] said: "I will take an appointed portion of Your slaves;
คำแปล R2.
116. แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงให้อภัยที่พระองค์จะถูกตั้งภาคี (กับสิ่งอื่นใด) และทรงให้อภัยในกรณีอันนอกจากนั้น สำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดที่ตั้งภาคีต่ออัลเลาะฮฺ แน่นอนเขาย่อมหลงผิดอันห่างไกลยิ่ง
117. พวกเขาไม่วอนนมัสการสิ่งอื่นจากพระองค์ (อัลเลาะฮฺ) นอกจากต่อเทวรูปหญิง (ที่ชาวมักกะฮฺนับถือ ได้แก่ ล๊าต อุซซา มะน๊าต) และพวกเขามิได้วอนนมัสการ (สิ่งใด ๆ ) นอกจากต่อมารร้ายที่ดื้อดึง
118. อัลเลาะฮฺได้สาปแช่งมันและมันกล่าวว่า “ขอสาบานข้าจักต้องเอาบางส่วนแห่งข้าทาสของพระองค์ซึ่งส่วนที่ถูกกำหนดไว้มาเป็นแนวร่วม
คำแปล R3.
116. แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงให้อภัยการชิริก ส่วนบาปอื่นนอกจากนี้พระองค์จะทรงให้อภัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺ แน่นอนเขาผู้นั้นได้หลงออกไปไกลลิบ
117. พวกมุชริกได้วิงวอนต่อเทพสตรีแทนอัลลอฮฺ และพวกเขามิได้วิงวอนสิ่งใดนอกจากมารร้ายที่ดื้อรั้น
118. มารร้ายที่อัลลอฮฺทรงสาปแช่ง และมารที่กล่าวว่า “ฉันจะเอาส่วนหนึ่งที่กำหนดไว้จากบ่าวของพระองค์
คำแปล R4.
116. แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยโทษให้แก่การที่สิ่งหนึ่งจะถูกให้เป็นภาคีกับ พระองค์ แต่พระองค์จะทรงอภัยโทษให้ซึ่งสิ่งอื่นจากนั้นสำหรับผู้ที่พระองค์ทรง ประสงค์ และผู้ใดให้มีภาคี ขึ้นแก่อัลลอฮฺแล้ว แน่นอน เขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล
117. พวกเขาจะไม่วิงวอนขออื่นจากพระองค์นอกจากเจว็ดหญิงและพวกเขาจะไม่วิงวอนนอกจากชัยฏอนที่ดื้อดันเท่านั้น
118. อัลลอฮฺได้ทรงละอ์นัตมันแล้ว และมันได้กล่าวว่า แน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะเอาจากปวงบ่าวขององค์ให้ได้ ซึ่งส่วนที่ถูกกำหนดไว้
คำแปล R5.
๑๑๖.
แท้จริงอัลเลาะห์จะไม่ทรงให้อภัยในการที่พระองค์จะถูก
ผู้ใดเอาอื่นใด
ตั้งภาคีทียมเท่า
ตราบใดที่ผู้นั้นตายลงขณะที่ยังมีสภาพของมุชริกอยู่
แต่จะทรงให้อภัยเรื่องอื่นจาก
ที่กล่าว
นั้นแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์
จะอภัยให้
แล้วถ้าผู้ใด
นำเอาอื่น ๆ มา
ตั้งภาคีเทียบเท่าอัลเลาะห์แล้วไซร้ เขาผู้นั้นย่อมหลงผิดจากหนทางเที่ยงธรรมอย่างไกลสุดไกลทีเดียว
๑๑๗.
พวก
ที่ตั้งภาคีทั้งหลาย
เหล่านั้นจะเคารพพระแม่เจ้าเทพารักษ์
ทั้ง ๓ ที่ชาวมักกะห์นับถือ อันได้แก่ พระแม่เจ้าอัล/ล๊าต พระแม่เจ้าอุซซา และพระแม่เจ้ามน๊าต
แทน
ที่จะเคารพ
พระองค์ แหละว่าที่พวกเหล่านั้นกำลังเคารพกันอยู่นี้มิใช่ใครอื่นหรอก หากแต่เป็นไซตอนผู้ทระนงเท่านั้น
แปลว่ามันจะไม่ยอมภักดีต่ออัลเลาะห์ด้วยเห็นว่ามันเองก็ยังมีพวกมุชริกดังกล่าวให้การภักดี น้อมตามคำบัญชาของมันอยู่ ด้วยการเคารพบูชาพระแม่เจ้าเทพารักษ์ทั้ง ๓ นั้น
๑๑๘.
อัลเลาะห์ได้ทรงให้มันไกลห่างเสียจากพระกรุณา
แห่งพระองค์เป็นการลงโทษ
มันจึงกล่าวว่า “ข้าจักต้องจับเอาพวกผู้เป็นข้าของพระองค์
อัลเลาะห์
มาสักส่วน สุดแต่จะได้
มาเข้ารับการแนะนำเพื่อยอมลงกับฝ่ายข้า
ให้จงได้
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #54 เมื่อ:
มิ.ย. 07, 2011, 06:05 AM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 119 - 121
คำอ่าน
119. วะละอุฎิลลัน..นะฮุม วะละอุมัน..นิยัน..นะฮุม วะละอามุร็อน..นะฮุม ฟะละยุบัตติกุน..นะ อาซานัลอันอามิ วะละอามุร็อน..นะฮุม ฟะละยุฆ็อยยิรุน..นะ ค็อลก็อลลอฮฺ วะมัย..ยัตตะคิซิชชัยฏอนะ วะลียัม..มิน..ดูนิลลาฮิ ฟะก็อดเคาะสิเราะคุสรอนัม..มุบีนา
120. ยะอิดุฮุม วะยุมัน..นีฮิม วะมายะอิดุฮุมุชชัยฏอนุ อิลลาฆุรูรอ
121. อุลา...อิกะมะอ์วาฮุมญะฮันนัม วะลายะญิดูนะ อันฮา มะหีฏอ
คำแปล R1.
119. Verily, I will mislead them, and surely, I will arouse in them false desires; and certainly, I will order them to slit the ears of cattle, and indeed I will order them to change the nature created by Allah." and whoever takes
Shaitan
(Satan) as a
wali
(protector or helper) instead of Allah, has surely suffered a manifest loss.
120. He [
Shaitan
(Satan)] makes promises to them, and arouses in them false desires; and
Shaitan's
(Satan) promises are nothing but deceptions.
121. The dwelling of such (people) is Hell, and they will find no way of escape from it.
คำแปล R2.
119. และข้าจักต้องทำความหลงผิดแก่พวกเขา และข้าจักต้องทำให้เขามีแต่ความเพ้อฝัน (อันไร้แก่นสาร) และข้าจักใช้ให้พวกเขาเฉือนหูสัตว์เลี้ยง (เพื่อเป็นสัตว์บูชา พวกอาหรับบางกลุ่มจะจับอูฐตัวเมียที่ให้ลูกตัวที่ 5 เป็นตัวเมียเชือดใบหูทิ้ง และงดรีดนม แล้วปลาอยไว้ไม่ใช้งานเป็นการบูชา) และข้าจักใช้พวกเขาให้เปลี่ยนแปลงสิ่งบันดาล (ดั้งเดิมคือศาสนา) ของอัลเลาะฮฺ” และบุคคลใดที่ยึดเอามารร้ายมาเป็นผู้คุ้มครองอันนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ แน่นอนเขาประสบความขาดทุนอันชัดแจ้งยิ่ง
120. มันให้สัญญาแก่พวกเขา และทำให้พวกเขาเพ้อฝัน (ในเรื่องไร้แก่นสาร) และมารร้ายมิได้สัญญา (สิ่งดีงามใดๆ )แก่พวกเขาเลยนอกจากการลวงล่อ (ให้เห็นผิดเป็นชอบ)
121. พวกเหล่านั้น ที่อยู่ของพวกเขาคือนรกยะฮันนัม และพวกเขาไม่พบทางหนีออกจากนรกได้
คำแปล R3.
119. และฉันจะทำให้พวกเขาหลงทาง ฉันจะยุยงให้พวกเขาฟุ้งเฟ้อ ฉันจะบัญชาพวกเขา และพวกเขาจะปาดหูปศุสัตว์ตามบัญชาของฉัน และฉันจะบัญชาพวกเขาจนพวกเขาเปลี่ยนแปลงการสร้างของอัลลอฮฺ ดังนั้นผู้ใดยึดเอามารเป็นผู้คุ้มครองแทนอัลลอฮฺ เขาก็เป็นผู้ขาดทุนอย่างชัดแจ้ง
120. มันสัญญาพวกเขาและหลอกลวงพวกเขาด้วยความหวังลม ๆ แล้ง ๆ และสัญญาของมารนั้นมิได้เป็นสิ่งใด นอกไปจากการหลอกลวง
121. ที่พำนักของพวกเขาเหล่านี้คือนรก และพวกเขาจะไม่พบทางหนีรอด
คำแปล R4.
119. และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาหลงผิด และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะทำให้พวกเขาเพ้อฝัน และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะใช้พวกเขา แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะผ่าหูปศุสัตว์ และแน่นอนยิ่งข้าพระองค์จะใช้พวกเขา แล้วแน่นอนพวกเขาก็จะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่อัลลอฮฺทรงสร้าง และผู้ใดที่ยึดเอาชัยฏอนเป็นผู้ช่วยเหลือแล้ว แน่นอนเขาก็ขาดทุนอย่างชัดเจน
120. มันจะสัญญาแก่พวกเขา และจะทำให้พวกเขาเพ้อฝัน และชัยฏอนมันจะไม่สัญญานอกจากการหลอกลวงเท่านั้น
121. ชนเหล่านี้แหละที่อยู่ของพวกเขาก็คือนรกญะฮันนัม และพวกเขาจะไม่พบทางหนีใด ๆ ให้พ้นจากมันไปได้
คำแปล R5.
๑๑๙.
ข้าจะต้องทำให้
ข้าของพระองค์
เหล่านั้นหลงผิดจากความจริง แล้วข้ายังจะให้พวกเหล่านั้นเคลิ้มอยู่กับความหวังอันเลื่อนลอบ
ว่าพวกตนจะมีอายุยั่งยืนนาน ว่าจะไม่ถูกให้บังเกิดขึ้นอีกในวันปรภพ และว่าจะไม่มีการสอบสวนบาปบุญคุณโทษแต่ประการใด
ทั้งจะพยายามสั่งการพวกนั้นให้เฉือนหูสัตว์เลี้ยงออกเสีย
พวกนั้นก็ยอมกระทำตามโดยเฉือนหูของอูฐชนิดบะฮีเราะห์ (อูฐตัวเมียที่มีลูกตัวที่ ๕ เป็นตัวเมีย ปล่อยไม่ใช้งาน ไม่ต้องการลูกรุ่นต่อไป ทั้งยังเอาน้ำนมของแม่อูฐนี้เซ่นเทพเจ้า ครั้นแล้วก็เจาะหูเพื่อเป็นหมายรู้กันว่าอูฐนี้คือบะฮีเราะห์)
และจะพยายามสั่งการพวกนั้นให้เปลี่ยนย้ายศษสนาของอัลเลาะห์
ให้เป็นอื่น
เสียให้ได้
ดดยให้เป็นศาสนากุฟร์ ให้เปลี่ยนสิ่งที่มีสภาพต้องห้าม (หะรอม) ว่าเป็นสิ่งที่อนุญาตหรือกลับกัน
ถ้าแหละผู้ใดยึดเอาไซตอนมาเป็นผู้พิทักษ์
และยอมเจริญรอยตามไซตอน
แทนที่จะเป็นอัลเลาะห์
ปกครอง
เขานั้นย่อมขาดทุนอย่างแจ้งชัดทีเดียว
ทั้งนี้เพราะผู้นั้นต้องกลับไปสู่นรกตลอดกาลนิรันดร ไม่ออก ไม่ตาย
๑๒๐. ไซตอนนั้น
มันจะให้คำมั่นสัญญา
แก่พวกมุชริกนั้นว่าจะมีอายุยืนนาน
และจะให้ความหวังอันเลื่อนลอยแก่พวกนั้นด้วย
ว่า พวกตนจะได้กองมหาสมบัติอันมากมายในโลกนี้และว่าจะไม่ถูกให้บังเกิดขึ้นอีก และไม่มีการลงโทษตอบแทน
แหละที่ไซตอนให้คำมั่นสัญญาแก่พวกท่านเหล่านี้นั้นมิใช่อื่นใดเลยหากแต่เป็นการหลอกลวง
ให้เห็นชั่วเป็นชอบ
เท่านั้น
๑๒๑.
พวกเหล่านี้แหละที่พำนักอาศัยของพวกเขาคือนรกยะฮันนำ ซึ่งพวกเขาไม่มีหนทางจะเผ่นหนีให้พ้นไปได้เลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #55 เมื่อ:
มิ.ย. 07, 2011, 09:57 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 122 - 123
คำอ่าน
112. วัลละซีนะอามะนูวะอะมิลุศศอลิหาติ สะนุดคิลุฮุม ญัน..นาติน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ คอลิดีนะฟีฮา..อะบะดา วะอฺดัลลอฮิหักกอ วะมันอัศดะกุมินัลลอฮิกีลา
113. ลัยสะบิอะมานียิกุม วะลาอะมานียิอะฮฺลิลกิตาบ มัย..ยะอฺมัลสู...อัย..ยุจซะบิฮี วะลายะญิดละฮูมินดูนิลลาฮิ วะลีเยา..วะลานะศีรอ
คำแปล R1.
122. But those who believe (in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) and do deeds of righteousness, we shall admit them to the Gardens under which rivers flow (i.e. in Paradise) to dwell therein forever. Allah's Promise is the truth, and whose words can be truer than those of Allah? (Of course,none) .
123. It will not be in accordance with your desires (Muslims), nor those of the people of the
Scripture
(Jews and Christians), whosoever works evil, will have the Recompense thereof, and he will not find any protector or helper besides Allah.
คำแปล R2.
122. และบรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงาม เราจักให้พวกเขาเข้าสวรรค์ซึ่งมีธารน้ำไหลอยู่ ณ เบื้องใต้ของมัน พวกเขาอยู่ในนั้นโดยนิรันดร เป็นสัญญาอันสัจจะของอัลเลาะฮฺ และใครเล่าที่จะมีถ้อยคำอันเป็นสัจจะยิ่งกว่าอัลเลาะฮฺ
123. (การตอบแทนที่อัลเลาะฮฺได้สัญญาไว้นั้น) ไม่เป็นไปตามความเพ้อฝันของพวกเขา และไม่เป็นไปตามความเพ้อฝันของเหล่าชาวคัมภีร์อย่างแน่นอน ใครประพฤติความเลวทราม เขาย่อมได้รับการตอบสนองไปตามนั้น และเขาไม่พบนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ ผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือแก่เขาเลย
คำแปล R3.
122. สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดี เราจะให้พวกเขาเข้าในสวนสวรรค์ที่เบื้องล่างมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน ซึ่งในนั้นพวกเขาจะพำนักอยู่กาลนาน สัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริง และผู้ใดเล่าจะสัตย์จริงในถ้อยคำยิ่งกว่าอัลลอฮฺ?
123. ผลสุดท้ายจะไม่เป็นไปตามความปรารถนาของสูเจ้า และมันจะไม่เป็นไปตามความปรารถนาของชาวคัมภีร์ ผู้ใดทำชั่วก็จะได้รับผลตอบแทนตามนั้น และเขาจะไม่พบผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือสำหรับตัวเขาเองนอกไปจากอัลลอฮฺ
คำแปล R4.
122. และบรรดาผู้ที่ศรัทธาและประกอบสิ่งดีงามทั้งหลายนั้น เราจะให้พวกเขาเข้าบรรดาสวนสวรรค์ซึ่งมีแม่น้ำหลายสายไหลอยู่ภายใต้สวน สวรรค์เหล่านั้น โดยที่พวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์เหล่านั้นตลอดกาล เป็นสัญญาอันแท้จริงของอัลลอฮฺ และใครเล่าที่มีคำพูดจริงยิ่งไปกว่าอัลลอฮฺ
123. มิใช่ความเพ้อฝันของพวกเจ้า และมิใช่ความเพ้อฝันของผู้ที่ได้รับคัมภีร์ ผู้ใดที่กระทำชั่วเขาก็ถูกตอบแทนด้วยความชั่วนั้นและเขาจะไม่พบผู้คุ้มครอง และผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับเขาอื่นจากอัลลอฮฺ
คำแปล R5.
ถัดจากที่ได้ทรงบรรยายเรื่องคำมั่นสัญญาของไซตอนที่ให้ไว้แก่พวกกาฟิรมุชริกว่าเป็นไปทำนองใดแล้ว ก็ได้ทรงบรรยายถึงกติกาสัญญาที่พระองค์ได้ทรงให้ไว้แก่พวกมุอ์มินดังความต่อไปนี้
๑๒๒.
บรรดาผู้ศรัทธาก็ดี ผู้ปฏิบัติชอบ
อยู่ ณ พิภพ
ก็ดี ในภายหน้าเรา
(อัลเลาะห์)
จะให้พวกเขาได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ที่เบื้องล่างมีลำน้ำไหลผ่านอยู่มากสาย
พวกนั้น
ดำรงสถิตอยู่ ณ ที่นั้นชั่วนิรันดร
ไม่มีวันจะถูกขับไล่ออก และไม่ตาย
เป็นข้อสัญญาของอัลเลาะห์
อันพระองค์ได้ทรงให้ไว้แก่พวกเหล่านั้น
โดยสัจจริง ย่อมไม่มีคนใดจะเที่ยงธรรมกว่าอัลเลาะห์เลยในเชิงถ้อยคำ
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้
ก็คือ ขณะที่พวกมุอ์มินกับพวกผู้ได้รับมอบพระคัมภีร์ ทั้งฝ่ายยะฮูดีและนัซรอนีกำลังคุยอวดคุณความดีของพวกตนทับถมกันอยู่นั้น ฝ่ายหนึ่งจากผู้ได้รับพระคัมภีร์บางคนก็พูดอวดว่า พระคัมภีร์ของพวกเรานั้นถูกประทานมาก่อนจากคัมภีร์ของพวกเจ้า ถึงจะว่าเกี่ยวกับตัวศาสดา พระศาสดาของพวกเราก็มีก่อนจากพระศาสดาของพวกเจ้า ในด้านบุญกุศลจากอัลเลาะห์อันพวกเราได้รับนั้นก็ดีกว่าที่พวกเจ้าจะได้รับ ฉะนั้นพวกเราจึงต้องประเสริฐเลิศกว่าพวกเจ้าแน่ ส่วนพวกมุอ์มินค้านว่า พระศาสดาของเราเป็นพระศาสดาองค์สุดท้าย และยังมีพระคัมภีร์เล่มสุดท้ายมาเป็นที่ตัดสินบรรดาพระคัมภีร์ของพวกเจ้า ยิ่งกว่านั้นพวกเราทั้งหลายก็ได้ศรัทธาต่อพระคัมภีร์ของพวกเจ้าทุกเล่ม พวกเจ้าเสียอีกกลับไม่ศรัทธาพระคัมภีร์ของพวกเรา อันนี้เป็นเหตุทำให้พวกเราต้องได้ส่วนกุศลจากอัลเลาะห์มากยิ่งกว่าพวกเจ้า ฉะนั้นพวกเราจึงประเสริฐเลิศกว่าพวกเจ้า โองการจึงมีลงมาว่า
๑๒๓. บุญกุศลที่อัลเลาะห์ได้ทรงสัญญาให้นั้น
ย่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเพ้อฝันของพวกเจ้า และความเพ้อฝันของผู้ทรงคัมภีร์
ทั้งที่เป็นยะฮูดีและนัซรอนี
เลย
หากแต่ขึ้นอยู่กับความประพฤติดีเท่านั้น
หากผู้ใดประพฤติชั่ว ผู้นั้นก็จะได้รับตอบแทนตารม
ที่ตนได้ทำชัวไว้
นั้น
ในวันปรภพโดยเด็ดขาดสำหรับพวกกาฟิร และสำหรับพวกมุอ์มิน หากเขาไม่ขอสารภาพกลับใจหรือสำหรับพวกมุอ์มินถ้าได้รับตอบแทนเสียแต่ในภพนี้แล้ว ในวันปรภพก็จะพ้นภัย ส่วนพวกกาฟิรนั้นถึงจะถูกตอบแทนโทษในภพนี้พวกเขาก็ยังต้องถูกลงโทษอีกในภพหน้า
ทั้งพวกเขานั้นจะหาผู้ที่อื่นจากอัลเลาะห์มาเป็นผู้พิทักษ์
ให้ความอารักขาแก่เขา
และเป็นผู้สงเคราะห์
ให้ความช่วยเหลือเขาให้รอดพ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์
มิได้เลย
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #56 เมื่อ:
มิ.ย. 08, 2011, 08:20 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 124 - 126
คำอ่าน
124. วะมัย..ยะอฺมัลมินัศศอลิหาติ มิน..ซะกะริน เอาอุน..ษา วะฮะวะมุอ์มินุน..ฟะอุลา...อิกะยัดคุลูนัลญัน..นะตะ วะลายุซละมูนะนะกีรอ
125. วะมันอะหฺสะนุ ดีนัม..มิม..มันอัสละมะวัจญฮะฮูลิลลาฮิ วะฮะวะมุหฺสินู..วัตตะบะอะมิลละตะ อิบรอฮีมะหะนีฟา วัตตะเคาะซัลลอฮุ อิบรอฮีมะเคาะลีลา
126. วะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎฺ วะกานัลลอฮุบิกุลลิชัยอิม..มะหีฏอ
คำแปล R1.
124. And whoever does righteous good deeds, male or female, and is a true believer in the Oneness of Allah (Muslim), such will enter Paradise and not the least injustice, even to the size of a
Naqira
(speck on the back of a date-stone), will be done to them.
125. And who can be better in religion than one who submits his face (himself) to Allah (i.e. follows Allah's Religion of Islamic Monotheism); and he is a
Muhsin
(a good-doer - see V.2:112). and follows the religion of Ibrahim (Abraham)
Hanifa
(Islamic Monotheism - to worship none but Allah Alone). and Allah did take Ibrahim (Abraham) as a
Khalil
(an intimate friend).
126. And to Allah belongs all that is In the heavens and all that is in the earth. And Allah is ever Encompassing all things.
คำแปล R2.
124. และบุคคลใดประพฤติความดีงามต่าง ๆ ไม่ว่าชายหรือหญิงก็ตาม โดยที่เขาเป็นผู้ศรัทธา (ขณะที่ทำความดีนั้น) แน่นอนพวกเหล่านั้นจะได้เข้าสวรรค์และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมเลยแม้(สักเล็กน้อยขนาด)เท่าตาเม็ดอินทผลัม
125. และใครเล่าที่จะมีศาสนาอันดีงามยิ่งไปกว่าบุคคลที่ยอมมอบตนต่อัลเลาะฮฺ โดยตัวเขาเป็นผู้ประพฤติดีและปฏิบัติตามศาสนาของอิบรอฮีมผู้มีภูมิธรรม และอัลเลาะฮฺทรงเอาอิบรอฮีม เป็นผู้สนิท (ของพระองค์)
126. และเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺ(เพียงองค์เดียว)สรรพสิ่งในชั้นฟ้า และสรรพสิ่งในแผ่นดิน และอัลเลาะฮฺทรงห้อมล้อมอยู่กับทุก ๆ สิ่ง
คำแปล R3.
124. และผู้ใดทำการดีไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิง ถ้าหากเขาเป็นผู้ศรัทธา เขาก็จะได้เข้าสวนสวรรค์ และเขาจะไม่ถูกอยุติธรรมแม้แต่น้อยนิด
125. และผูใดเล่าที่จะมีแนวทางแห่งการดำเนินชีวิตที่ดีไปกว่าผู้ยอมจำนนตัวเขาเองต่ออัลลอฮฺและกระทำการดีและปฏิบัติตามแนวทางของอิบรอฮีมผู้เที่ยงธรรม ซึ่งอัลลอฮฺได้ทรงเอาเขาเป็นมิตร?
126. ทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงล้อมรอบทุกสิ่ง
คำแปล R4.
124. และผู้ใดกระทำในส่วนที่เป็นสิ่งดีงามทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเพศชายหรือเพศหญิงก็ตาม ในฐานะที่เขาเป็นผู้ศรัทธาแล้วไซร้ ชนเหล่านี้จะได้เข้าสวรรค์ และพวกเขาจะไม่ถูกอธรรมแม้เท่ารูเล็ก ๆ ที่อยู่บนหลังเมล็ดอินทผาลัม
125. และผู้ใดเล่าจะมีศาสนาดียิ่งไปกว่าผู้ที่มอบใบหน้าของเขาให้แก่อัลลอฮฺ และขณะเดียวกันเขาก็เป็นผู้กระทำดี และปฏิบัติตามแนวทางของอิบรอฮีม ผู้ใฝ่หาความจริง และอัลลอฮฺ ได้ถือเอาอิบรอฮีมเป็นสหาย
126. และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺนั้นทรงล้อมทุกสิ่งทุกอย่างไว้
คำแปล R5.
๑๒๔.
และผู้ใดไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิงถ้าได้ประพฤติในสิ่งที่ชอบที่ควรไว้บ้างโดยที่เขานั้นก็เป็นผู้ศรัทธาอยู่ด้วยแล้ว พวกเหล่านั้นแหละจะได้
ถูกนำ
เข้าสู่สวรรค์โดยมิได้ถูกคดโกง
ในคุณความดีและความชั่วนั้น
เลยแม้สักเท่าสิ่งน้อยค่า
ขนาดเท่าตาของเม็ดอินทผลัม
๑๒๕.
และไม่มีผู้ใดที่นับถือศาสนาดีเกินผู้ที่น้อมตนในอัลเลาะห์
ทั้งความประพฤติของเขาต่ออัลเลาะห์ก็บริสุทธิ์สะอาด
โดยที่ผู้นั้นมั่นในเอกภาพของพระองค์อยู่ ทั้งยังได้เจริญรอยตามศานาของอิบรอฮีมผู้มั่นคง
อยู่ในศาสนาที่เที่ยงตรง โดยเบี่ยงเบนจากทุก ๆ ศาสนาที่กุฟร์
อัลเลาะห์จึงได้ทรงนับว่าอิบรอฮีมเป็นผู้ใกล้ชิดยิ่งคนหนึ่ง
โดยเกียรติศักดิ์สำหรับพระองค์
๑๒๖. อันการปกครองก็ดี การสร้างสรรค์ก็ดีและกรรมสิทธิ์ทั้งหลาย
บรรดามีในชั้นฟ้า
ทั้งเจ็ด
และในแผ่นดิน
ก็ดี เหล่านี้
ย่อมเป็นสิทธิของอัลเลาะห์ทั้งนั้น แหละว่าอัลเลาะห์นั้นทรงไว้ซึ่งความรอบรู้
และพลานุภาพ
แวดล้อมทุกสิ่งทุกอย่างอยู่แล้ว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #57 เมื่อ:
มิ.ย. 10, 2011, 05:15 AM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 127
คำอ่าน
127. วะยัสตัฟตูนะกะ ฟิน..นิสา...อ์ กุลิลลาฮุยุฟตีกุม ฟีฮิน..นะ วะมายุตลาอะลัยกุมฟิลกิตาบิ ฟียะตามัน..นิสา...อิลลาตี ลาตุอ์ตูนะฮุน..นะ มากุติบะละฮุน..นะ วะตัรเฆาะบูนะ อัน..ตัน..กิหูฮุน..นะ วัลมุสตัฎอะฟีนะ มินัลวิลดานิ วะอัน..ตะกูมูลิลยะตามาลิลกิสฏฺ วะมาตัฟอะลูมินค็อยริน..ฟะอิน..นัลลอฮะกาบิฮีอะลีมา
คำแปล R1.
127. They ask your legal instruction concerning women, say: Allah instructs you about them, and about what is recited unto you in the Book concerning the orphan girls whom you give not the prescribed portions (as regards
Mahr
and inheritance) and yet whom you desire to marry, and (concerning) the children who are weak and oppressed, and that you stand firm for justice to orphans. And whatever good you do, Allah is ever All-Aware of it.
คำแปล R2.
127. และพวกเขาขอคำชี้แจงจากเจ้าในเรื่องที่เกี่ยวกับสตรี เจ้าจงประกาศเถิดว่า “อัลเลาะฮฺทรงชี้แจงพวกเจ้าในเรื่องของพวกนาง และสิ่งที่ถูกแถลงแก่พวกเจ้าในคัมภีร์ในเรื่องของลูกกำพร้าที่เป็นหญิงซึ่งพวกนางไม่ถูกมอบสิทธิ์แก่พวกนาง ซึ่ง (ข้อกำหนด) ที่ถูกกำหนดขึ้นแก่พวกนาง และพวกเจ้ารังเกียจที่จะสมรสกับพวกนาง...และ(ในเรื่องของ)ผู้อ่อนแอทั้งหลายที่เป็นเด็ก (ถูกกีดกันมิให้รับมรดก) ให้พวกเจ้ายื่นความเที่ยงธรรมให้แก่ลูกกำพร้า และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้าได้ประพฤติไว้ แน่นอน อัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งนั้น
คำแปล R3.
127. และพวกเขาถามถึงการวินิจฉัยของเจ้าในเรื่องผู้หญิง จงกล่าวเถิด “อัลลอฮฺทรงให้ข้อวินิจฉัยแก่พวกท่านเกี่ยวกับนางและพร้อมกับข้อวินิจฉัยนี้ได้เตือนพวกท่านให้นึกถึงคำบัญชาที่ถูกสาธยายแก่พวกท่านแล้วในคัมภีร์นี้ นั่นคือคำบัญชาเกี่ยวกับเด็กหญิงกำพร้าที่พวกท่านมิได้ให้สิทธิที่ถูกต้องตามกฎหมายแก่พวกเขา และผู้ที่พวกท่านไม่ปรารถนาที่จะแต่งงาน
(หรือผู้ที่พวกท่านเองปรารถนาจะแต่งงานเพราะความโลภ)
พระองค์ทรงเตือนพวกท่านให้นึกถึงคำบัญชาเกี่ยวกับเด็ก ๆ ที่อ่อนแอ อัลลอฮฺทรงกำชับพวกท่านให้ปฏิบัติต่อเด็กกำพร้าด้วยความเป็นธรรม และอัลลอฮฺทรงรอบรู้การดีที่พวกท่านกระทำ”
คำแปล R4.
127. และพวกเขาจะขอให้เจ้าชี้ขาดในเรื่องของบรรดาหญิง จงกล่าวเถิดว่าอัลลอฮฺจะทรงชี้ขาดให้แก่พวกท่านในเรื่องของนางเหล่านั้น และสิ่งที่ถูกอ่านให้พวกท่านฟังซึ่งอยู่ในคัมภีร์นั้น (และ) ในเรื่องของหญิงกำพร้าที่พวกท่านไม่ได้ให้แก่พวกนางซึ่งสิ่งที่ถูกกำหนดขึ้น แก่พวกนาง และพวกท่านปรารถนาจะแต่งงานกับพวกนาง และในเรื่องของบรรดาผู้อ่อนแอในหมู่เด็ก ๆ และในการที่พวกท่านจะดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมแก่บรรดาเด็กกำพร้า และความดีใด ๆ ที่พวกเจ้ากระทำไปนั้น แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ในความดีนั้น
คำแปล R5.
๒๗. โอ้มูฮำมัด
และพวก
สาวกของเจ้า
นั้นอยากจะได้คำแนะนำจากเจ้าเกี่ยวกับเรื่องของหญิง
บ้าง สิทธิต่าง ๆ ของพวกเธอบ้าง
เจ้าจงตอบ
พวกสาวกเหล่านั้น
เถิดว่า อัลเลาะห์จะได้ทรงแนะนำให้พวกเจ้าทราบเรื่องราวของพวกนาง
เกี่ยวกับสิทธิต่าง ๆ
อีกทั้งโองการต่าง ๆ ในพระคัมภี ร์
อัล-กุรอานอันว่าด้วยการมรดก
ซึ่งถูกนำมาอ่านให้พวกเจ้าฟัง
นั้นก็จะได้แนะนำ
อีกด้วยที่เกี่ยวกับหญิงกำพร้า เด็ก ๆ ซึ่งพวกเจ้ามิได้มอบส่วน
มรดก
อันถูกกำหนดว่าพวกนางต้องได้ ทั้งพวกเจ้ารังเกียจในอันที่จะสมรสกับพวกนาง
กำพรเ
เหล่านั้น
ด้วยเห็นว่ามีรูปร่างหน้าตาอัปลักษณ์ แล้วพวกเจ้ายังกีดกันไว้มิให้สมรสกับชายอื่น เนื่องจากพวกเจ้าหมายจะเอาสมบัติของพวกนางเหล่านั้น โองการเรื่องมรดกที่อ่านให้พวกเจ้าฟังนั้นได้แนะนำให้แก่พวกเจ้าว่าอย่ากระทำ ๓ ประการนั้น กล่าวคือ
๑. อย่าห้ามหวงมรดกของพวกนาง
๒. อย่ารังเกียจที่จะสมรสกับพวกนางด้วยเห็นว่าเธอมีรูปร่างอัปลักษณ์
๓. อย่ากีดกันมิให้นางสมรสกับชายอื่นเพราะพวกเจ้าอยากได้ทรัพย์มรดกของพวกนาง
ทั้งเด็ก ๆ ที่ยังอ่อนกำลังอยู่
โองการนี้
ก็
ยังได้แนะนำว่าพวกเจ้าพึงต้องให้สิทธิทางมรดกของเด็กเหล่านั้นไป
เหมือนกัน และ
ยังได้แนะนำว่า
พวกเจ้าพึง
ดูแล
ให้ความเป็นธรรมแก่พวกเด็กหญิงกำพร้าอีกด้วย
ในด้านการมอบค่าสมรสให้บ้างและมรดกบ้าง
แหละว่าคุณความดีใด
ก็ดี และความชั่วช้าสารเลวใดก็ดี
อันพวกเจ้าปฏิบัติกันนั้น แน่นอนอัลเลาะห์ย่อมทรงรู้ยิ่งในการ
ซึ่งดีและเลว
นั้น
และพระองค์ก็จะทรงตอบสนองแก่พวกเจ้าเพราะเหตุจากการทั้งสองอย่างนั้น
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #58 เมื่อ:
มิ.ย. 10, 2011, 08:34 PM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 128 - 130
คำอ่าน
128. วะอินิมเราะอะตุน คอฟัตมิม..บะอฺลิฮานุชูซัน เอาอิอฺรอฎ็อน..ฟะลาญุนาหะอะลัยฮิมา อัย..ยุศลิหาบัยนะฮุมาศุลหา วัศศุลหุค็อยรฺ วะอุหฺฎิเราะติลอัน..ฟุสุชชุหฺ วะอิน..ตุหฺสินู วะตัตตะกู ฟะอิน..นัลลอฮะกานะบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรอ
129. วะลัน..ตัสตะฏีอู..อัน..ตะอฺดิลู บัยนัน..นิสา...อิ วะเลาหะร็อศตุม ฟะลาตะมีลู กุลลัลมัยลิ ฟะตะซะรูฮา กัลมุอัลละเกาะฮฺ วะอิน..ตุศลิหู วะตัตตะกู ฟะอิน..นัลลอฮะ กานะเฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา
130. วะอี..ยะตะฟัรฺเราะกอ ยุฆนิลลาฮุ กุลลัม..มิน..สะอะติฮฺ วะกานัลลอฮุวาสิอันหะกีมา
คำแปล R1.
128. And if a woman fears cruelty or desertion on her husband's part, there is no sin on them both if they make terms of peace between themselves; and making peace is better. And human inner-selves are swayed by greed. But if you do good and keep away from evil, verily, Allah is ever Well-Acquainted with what you do.
129. You will never be able to do perfect justice between wives even if it is your ardent desire, so do not incline too much to one of them (by giving her more of your time and provision) so as to leave the other hanging (i.e. neither divorced nor married). And if you do justice, and do all that is right and fear Allah by keeping away from all that is wrong, then Allah is ever Oft-Forgiving, Most Merciful.
130. But if they separate (by divorce), Allah will provide abundance for everyone of them from his Bounty. And Allah is ever All-Sufficient for his creatures' need, All-Wise.
คำแปล R2.
128. และหากมีหญิงคนหนึ่งหวั่นกลัวว่าสามีของนางจะกดขี่หรือเมินเฉย ก็ไม่เป็นบาปแก่เขาทั้งสองที่จะทำการประนีประนอมระหว่างคนทั้งสอง และการประนีประนอมย่อมเป็นสิ่งยอดเยี่ยมที่สุด และบรรดามนุษย์ทั้งหลายมีนิสัยตระหนี่ (เห็นแก่ได้เป็นนิสัยถาวร จะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม) และหากพวกเจ้าทำดี และมีความยำเกรง แน่นอนอัลเลาะฮฺทรงตระหนักเสมอในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
129. และพวกเจ้าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ระหว่างบรรดาสตรี(ที่เป็นภริยา)และแม้พวกเจ้าจะพยายามสักเท่าใดก็ตาม ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าลำเอียงจนถึงที่สุด จนพวกเจ้าปล่อยนางไว้ประหนึ่งถูกแขวน (ไม่ได้รับการเหลียวแล) และหากพวกเจ้าทำการประนีประนอมและมีความยำเกรง แน่นอนอัลเลาะฮฺย่อมทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง
130. และหากทั้งสอง (สามี,ภริยา)แยกทางกัน อัลเลาะฮฺจะทรงให้แต่ละคนได้พอเพียงจากความไพศาลของพระองค์ (โดยแต่ละคนมีโอกาสแต่งงานกับคู่ครองคนใหม่ได้) และอัลเลาะฮฺทรงไพศาลยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
คำแปล R3.
128. เมื่อหญิงคนใดกลัวการทารุณหรือการห่างเหินจากสามีของนาง มันก็ไม่มีบาปแต่ประการใด ถ้าหากเขาทั้งสองจะปรองดองกัน เพราะการปรองดองนั้นเป็นสิ่งที่ดีที่สุด จิตใจของมนุษย์นั้นมักจะคับแคบ แต่ถ้าสูเจ้ากระทำการดีและเกรงกลัวอัลลอฮฺ สูเจ้าก็จงแน่ใจได้เลยว่าอัลลอฮฺทรงรอบรู้ทุกสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
129. และสูเจ้าไม่สามารถที่จะให้ความยุติธรรมระหว่างภรรยาของสูเจ้าได้ แม้ว่าสูเจ้าจะปรารถนาก็ตาม ดังนั้น
(เพื่อปฏิบัติตามกฎหมายของอัลลอฮฺ)
จงอย่าลำเอียงให้แก่ภรรยาคนใดจนหมด แล้วปล่อยให้คนอื่นค้างเติ่ง ถ้าหากสูเจ้าปฏิบัติโดยชอบธรรมและสำรวมตนจากความชั่ว สูเจ้าจะพบว่าอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ
130. และถ้าเขาทั้งสองสามีภรรยาแยกกันอัลลอฮฺจะทำให้ทั้งสองมั่งคั่งโดยอำนาจอันไพศาลของพระองค์ เพราะทรัพยากรของพระองค์นั้นไม่มีขีดจำกัด และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
คำแปล R4.
128. และหากหญิงใด เกรงว่าจะมีการปึ่งชา หรือมีการผินหลังให้ จากสามีของนางแล้วก็ไม่มีบาปใด ๆ แก่ทั้งสองที่จะตกลงประนีประนอมกันอย่างใดอย่างหนึ่ง และการประนีประนอมนั้นเป็นสิ่งดีกว่า และจิตใจคนนั้นถูกให้มีความตระหนี่มาด้วย และหากพวกเจ้ากระทำดี และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรู้อย่างถี่ถ้วนในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน
129. และพวกเจ้าไม่สามารถที่จะให้ความยุติธรรมในระหว่างบรรดาหญิงได้เลย และแม้ว่าพวกเจ้าจะมีความปรารถนาอันแรงกล้าก็ตาม ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าเอียงไปหมด แล้วพวกเจ้าก็จะปล่อยให้บรรดานาง (ที่ถูกทอดทิ้ง) นั้นประหนึ่งผู้ที่ถูกแขวนไว้ และหากพวกเจ้าประนีประนอมกัน และมีความยำเกรงแล้ว แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
130. และหากทั้งสองจะแยกกัน อัลลอฮฺก็จะทรงให้ความพอเพียงแก่เขาทั้งหมด จากความมั่งมีของพระองค์ และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงกว้างขวาง ผู้ทรงปรีชาญาณ
คำแปล R5.
๑๒๘.
ถ้าแหละหญิง
ผู้ภรรยา
คนใดเกรงว่าสามีของตนจะนอกใจหรือเหินห่าง
อาจจะโดยไม่ยอมร่วมเรียงเคียงหมอนด้วยบ้าง ไม่เอาใจใส่เรื่องการจ่ายเบี้ยเลี้ยงเพราะความกริ้วโกรธบ้าง หันไปเพ่งพิศในความมีเสน่ห์แห่งหญิงอื่นกว่าภรรยาของตนเองบ้าง และงดเว้นจากการที่เอ่ยถ้อยคำเจรจาด้วย หรือไม่นั่งร่วมสถานด้วยหรือขู่เข็ญบังคับ หรือไม่ยอมเหลี่ยวแลในตัวเธอบ้าง
แล้วไซร้ ก็ไม่เกิดเป็นบาปแต่ประการใดที่สอง
สามีภรรยา
นั้นจะให้มีผู้มาไกล่เกลี่ยระหว่างเขาทั้งสองให้ลงเอยกันได้
ในเรื่องเวรแรมคืนและเรื่องเบี้ยเลี้ยง โดยไกล่เกลี่ยขอให้ภรรยายอมลดหย่อนเรื่องเวรแรมคืนหรือเบี้ยเลี้ยงอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างให้ฝ่ายสามีบ้าง หรือว่ายอมยกเรื่องการเวนคืนและเบี้ยเลี้ยงให้แก่ฝ่ายสามีทั้งสิ้นก็ได้ หรือว่าจะยอมยกทั้งสิ้นให้แก่สามีแล้ว นางจะมอบส่วนหนึ่งจากทรัพย์ของนางหรือส่วนหนึ่งจากค่าสมรสของนางให้แก่ฝ่ายสามีก็ได้ เพื่อให้สภาพความเป็นสามีภรรยาดำรงถาวรสืบไป หากฝ่ายหญิงทำตามข้อตกลงนั้น แต่ถ้าฝ่ายหญิงไม่ยินยอมตามข้อเสนอแล้วก็จำเป็นที่ฝ่ายสามีจะชำระสิทธิ์ต่าง ๆ ของภรรยาตนให้ครบถ้วน เป็นไปตามที่ศาสนาได้วางข้อกำหนดไว้หรือให้หย่านางเสียเลยก็ได้
อันว่าการไกล่เกลี่ย
ให้สามีภรรยาลงรอยกันได้
นั้นย่อมนับว่าดียิง
กว่าที่จะปล่อยให้ทั้งสองเลิกร้างกันหรือดียิ่งกว่าการนอกใจ และการเหินห่าง
เพราะมนุษย์นั้น
ไม่ว่าจะเป็นหญิงหรือชาย
ออกจะเห็นแก่ตัวอยู่
จะเห็นว่าภรรยาไม่ยอมลดสิทธิ์ส่วนที่ตนพึงมีพึงได้จากสามีให้แก่สามีเลย ส่วนสามีก็เช่นเดียวกันไม่อยากจะมอบกายใจแก่นางโดยเฉพาะในเมื่อเขาได้ไปรักชอบกับหญิงอื่น โอ้บรรดาผู้สามี
แหละว่าถ้าพวกเจ้าวางตัว
ในเรื่องการอยู่กินกับพวกภรรยา
ได้ดี และมีความเกรงกลัว
ต่อการแสดงไม่ซื่อต่อพวกนาง
เสีบแล้ว อัลเลาะห์ย่อมทรงรู้เท่าทันพฤติการณ์
ทั้งที่ดีและที่ชั่ว
อันพวกเจ้าปฏิบัติ
ต่อภรรยาของพวกเจ้า
อยู่
แล้วพระองค์ก็จะทรงตอบสนองแก่พวกเจ้าเพราะเหตุจากความประพฤติดีและประพฤติชั่วที่กล่าวนั้น
๑๒๙.
แต่พวกเจ้าไม่อาจดำรงความยุติธรรมระหว่างพวกภรรยา
ในทางความรัก
ได้เลย ถึงแม้พวกเจ้าจะพยายามเอาใจใส่
ให้ความยุติธรรมสักเท่าไร
ก็ตามเถิด
พวกเจ้าก็ไม่สามารถให้ความยุติธรรมในทางความรักได้
แต่ก็มิให้พวกเจ้าลำเอียง
โน้มหนักไปยังฝ่ายภรรยาผู้เป็นที่รักที่สุด
เสียจนหมดสิ้น
ในเรื่องของเวรแรมคืน ตลอดจนเรื่องเบี้ยเลี้ยง
ละทิ้งนาง
ผู้เป็นภรรยาที่พวกเจ้าหมดอาลัยรักแล้ว
ไว้เหมือนถูกแขวน
อยู่ระหว่างฟากฟ้าและผืนแผ่นดิน จะเป็นหญิงที่ถูกสามีก็ไม่ใช่ จะเป็นหญิงที่ยังมีสามีอยู่ก็ไม่เชิง
ถ้าว่าพวกเจ้าจะปรับตัว
ด้วยการให้ความยุติธรรมในเรื่องเวรแรมคืนอีกทั้งเรื่องเบี้ยเลี้ยง
และมีความเกรงกลัว
ต่อการแสดงไม่ซื่อในเรื่องเวรแรมคืนและการจ่ายเบี้ยเลี้ยงแก่เหล่าภรรยา
แล้วไซร้ อัลเลาะห์ก็ทรงยิ่งในการอภัยโทษ
ของพวกเจ้าฐานที่มีใจลำเอียง
ทรงโปรดปราณียิ่ง
ต่อพวกเจ้าในการนั้นอีกด้วย
๑๓๐.
แหละถ้าทั้งสอง
ผู้เป็นสามีภรรยา
นั้นจะแยกจาก
ความเป็นสามีภรรยา
กัน
โดยการหย่า
แล้ว อัลเลาะห์ก็จะทรงให้ทั้งคู่ได้ความไพบูลแห่ง
การอำนวยพิเศษสุดจาก
พระองค์อย่างพอเพียงทีเดียว
โดยพระองค์จะทรงเปิดโอกาสให้ทั้งคู่นั้นมีสามีภรรยาอื่นใหม่อีก
ด้วยว่าอัลเลาะห์นั้นคือองค์ทรงความไพบูลย์
ในด้านอำนวยให้แก่ผู้เป็นข้าแห่งพระองค์อย่างพิเศษสุด
ทรงประณีตยิ่ง
ในทางบริหารธุรกิจของพระองค์ให้แก่ผู้เป็นข้าเหล่านั้น
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
Bangmud
ทีมงานบอร์ด
เพื่อนรัก (6_6)
กระทู้: 2821
Respect:
+127
Re: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
«
ตอบกลับ #59 เมื่อ:
มิ.ย. 12, 2011, 06:53 AM »
0
สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 131 - 133
คำอ่าน
131. วะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฏฺ วะละก็อดวัศศ็อยนัลละซีนะ อุตุลกิตาบะมิน..ก็อบลิกุม วะอียากุม อะนิตตะกุลลอฮฺ วะอิน..ตักฟุรู ฟะอิน..นะลิลลาฮิ มาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฎฺ วะกานัลลอฮุเฆาะนียันหะมีดา
132. วะลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎฺ วะกะฟาบิลลาฮิวะกีลา
133. อียะชะอ์ยุซฮิบกุม อัยยุฮัน..นาสุ วะยะอ์ติบิอาเคาะรีน วะกานัลลอฮุอะลาซาลิกะเกาะดีรอ
คำแปล R1.
131. And to Allah belong all that is in the heavens and all that is in the earth. and verily, we have recommended to the people of the Scripture before you, and to you (O Muslims) that you (all) fear Allah, and keep your duty to him, but if you disbelieve, then unto Allah belongs all that is in the heavens and all that is in the earth, and Allah is ever rich (Free of all wants), worthy of all praise.
132. And to Allah belongs all that is in the heavens and all that is in the earth. And Allah is ever All-Sufficient as a Disposer of affairs.
133. If He wills, He can take you away, O people, and bring others. And Allah is ever All-Potent over that.
คำแปล R2.
131. และเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺสรรพสิ่งในชั้นฟ้า และสรรพสิ่งในแผ่นดิน ขอยืนยัน เราได้สั่งแก่บรรดากลุ่มชนที่ถูกประทานคัมภีร์มาก่อนหน้าพวกเจ้า และแก่พวกเจ้าอเงว่าแท้จริงเจ้าทั้งหลายจงยำเกรงอัลเลาะฮฺ และหากพวกเจ้าเนรคุณ แน่นอนอัลเลาะฮฺนั้น พระองค์ทรงสิทธิ์สรรพสิ่งในชั้นฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดิน และอัลเลาะฮฺทรงร่ำรวยอีกทั้งทรงได้รับการสรรเสริญ
132. และเป็นกรรมสิทธิ์ของอัลเลาะฮฺสรรพสิ่งในชั้นฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดินและเพียงอัลเลาะฮฺก็เป็นการเพียงพอแล้วที่ทรงเป็นผู้ได้รับการมอบหมาย (โดยไม่ต้องมอบหมายแก่ผู้อื่นใดทั้งสิ้น)
133. หากพระองค์ประสงค์ พระองค์ก็จะขจัดพวกเจ้า (ให้สูญพันธุ์ไปเลย) โอ้มนุษย์ทั้งหลาย! และพระองค์ก็นำกลุ่มชนอื่น ๆ มา(แทนที่) และอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือ(การกระทำ)สิ่งนั้น
คำแปล R3.
131. และทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮฺ และโดยแน่นอนยิ่ง เราได้สั่งบรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนสูเจ้าและสูเจ้าด้วย ให้สำรวมตนต่ออัลลอฮฺ แต่ถ้าหากสูเจ้าปฏิเสธ
(สูเจ้าก็เสี่ยงเอาเอง เพราะ)
อัลลอฮฺเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และอัลลอฮฺไม่ทรงต้องการผู้ใดและพระองค์ทรงควรคู่กับการสรรเสริญ
132. และอัลลอฮฺทรงเป็นเจ้าของทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์นั้นเพียงพอแล้วที่จะทรงให้ความช่วยเหลือและความคุ้มครอง
133. ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์อาจจะขจัดสูเจ้าเสียก็ได้ มนุษย์เอ๋ยแล้วพระองค์จะเอาอีกพวกหนึ่งมาแทนสูเจ้า และพระองค์ทรงอานุภาพที่จะทำเช่นนั้นได้
คำแปล R4.
131. และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้น เป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และแท้จริงเราได้สั่งเสียไว้แก่บรรดาผู้ที่ได้รับคัมภีร์ก่อนจากพวกเจ้า และพวกเจ้าด้วยว่าจงยำเกรง อัลลอฮฺเถิด และหากว่าพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา ก็แท้จริงสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงมั่งมีผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
132. และสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺได้รับมอบหมายได้คุ้มครองรักษา
133. หากพระองค์ทรงประสงค์ก็จะทรงให้พวกเจ้าหมดไป มนุษย์เอ๋ย และจะทรงนำพวกอื่นมา และอัลลอฮฺทรงเดชานุภาพเหนือสิ่งนั้น
คำแปล R5.
๑๓๑. อันการปกครองก็ดี การสร้างสรรค์ก็ดี และกรรมสิทธิ์ทั้งหลาย
บรรดามีในชั้นฟ้า
ทั้งเจ็ด
และในแผ่นดิน
ก็ดี เหล่านี้
ย่อมเป็นสิทธิของอัลเลาะห์ทั้งนั้น และเรา
(อัลเลาะห์) จะให้สัตย์ปฏิญาณ
ว่าอันที่จริงเราได้สั่งการแก่บรรดาผู้ได้รับมอบพระคัมภีร์
ทั้งฝ่ายยะฮูดีและนัซรอนี
ที่ก่อนจากพวกเจ้า ตลอดจนพวกเจ้าเองด้วยว่าให้พวกเจ้า
ทั้งสามฝ่าย
ยำเกรง
ต่อการลงโทษของ
อัลเลาะห์
โดยให้พวกเจ้าทั้ง ๓ ฝ่ายน้อมภักดีต่อพระองค์ ทั้งเรา(อัลเลาะห์)ยังได้บอกแก่พวกเจ้าทั้งสามฝ่ายอีกว่า
ถ้าหากพวกเจ้า
ทั้ง ๓ ฝ่าย
ไม่เชื่อ
ตามที่เราได้สั่งไว้ว่า “ให้ยำเกรงการลงโทษของอัลเลาะห์
แล้วไซร้
ความไม่เชื่อนั้นไม่สามารถยังความเดือดร้อนแก่อัลเลาะห์ได้เลย เพราะว่า
อัลเลาะห์ก็ได้ทรงสิทธิในทางการปกครอง
ทางการสร้างสรรค์ และทรงไว้ซึ่งกรรมสิทธิ์ใน
สิ่งทั้งหลายทั้งปวงบรรดาที่มีในชั้นฟ้า
ทั้งเจ็ด
และที่มีในผืนแผ่นดินอยู่แล้ว แหละว่าอัลเลาะห์ทรงเป็นองค์บริบูรณ์ยิ่ง
ถึงว่าบรรดาข้าของพระองค์จะไม่มีหรือว่าพระองค์จะมิได้รับความเคารพสักการะจากข้าเหล่านั้น พระองค์ก็ดำรงอยู่ได้เสมอ อีกทั้งพระองค์ยัง
ทรงยิ่งในอันได้รับคำสรรเสริญ
ในทางสร้างสรรค์สิ่งทั้งหลายเหล่านั้นของพระองค์
๑๓๒.
และว่า
การปกครองก็ดี การสร้างสรรค์ก็ดีและกรรมสิทธิ์ทั้งหลาย
บรรดาที่มีในชั้นฟ้า
ทั้งเจ็ด
และในแผ่นดิน
ก็ดี เหล่านี้
ย่อมเป็นสิทธิของอัลเลาะห์ทั้งนั้น
สำนวนความในส่วนต้นของโองการที่ ๑๓๒ นี้ พระองค์ก็ได้ทรงกล่าวแล้วในส่วนต้นของโองการที่ ๑๓๑ เป็นการซ้ำสอง ทั้งนี่เพื่อการเน้นเรื่องของ “ความยำเกรงพระองค์” ให้กระชับมั่นยิ่งขึ้น
มีอัลเลาะห์แต่เพียงผู้เดียวไว้เป็นองค์พยาน
ว่าสรรพสิ่งในชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์เพียงผู้เดียวก็
เพียงพออยู่แล้ว
๑๓๓.
หากว่าพระองค์?รงมุ่งประสงค์
จะให้พวกเจ้าพินาศย่อยยับและให้มีพวกอื่นมาแทน
แล้ว พระองค์จะกวาดล้างพวกเจ้าให้สูญ
พันธุ์
ไปก็ได้ โอ้ปวงชน แล้วจะทรงให้มีพวกอื่น
ที่เป็นมนุษย์หรือไม่ใช่มนุษย์
มาแทน
พวกเจ้า
ก็ได้
แต่ผลที่ปรากฏอยู่ตามความเป็นจริงก็คือพวกเจ้ายังคงมีอยู่ มิได้สูญหันธุ์ไปไหน จึงลงเนื้อความเป็นผลสรุปว่า พระองค์หาได้ทรงมุ่งประสงค์ดังเช่นที่กล่าวนั้นไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่พระองค์ได้ทรงให้พวกเจ้ายังคงเผ่าพันธุ์อยู่พร้อมกับได้มีการประพฤติบาปกรรมกันด้วยนั้น ก็เพื่อแสดงในความมหาอุดมของพระองค์อยู่ในตัวว่า พระองค์นั้นถึงจะไม่ได้รับความภักดีจากพวกเจ้าก็ย่อมเป็นพระเจ้าได้ ที่ได้ทรงใช้ให้พวกเจ้าทำการภักดีนั้นหาได้หมายถึงการอยู่รอดของพระองค์ไม่ ใครจะภักดีหรือไม่ภักดีต่อพระองค์ก็มิได้ทำให้พระองค์หย่อนสมรรถภาพในทางเป็นพระเจ้าได้เลย
และอัลเลาะห์ทรงมีอานุภาพต่อการ
ให้พวกเจ้าพินาศลงตามที่กล่าว
นั้นอยู่แล้ว
แจ้งลบกระทู้นี้หรือติดต่อผู้ดูแล
บันทึกการเข้า
พิมพ์
หน้า:
1
2
3
[
4
]
5
6
ขึ้นบน
« หน้าที่แล้ว
ต่อไป »
กระดานเสวนานักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์
»
เสวนาเชิงวิชาการ
»
อัลกุรอาน
(ผู้ดูแล:
นูรุ้ลอิสลาม
,
Bangmud
) »
อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี
GoogleTagged
56988011
113
47008514
142
your
59568121
อะลา
67720277
57155469
นาซะอ
51156542
แปล
วาอีดะ
ไทย
ตอนที่
53537100
72676100
com
46340616
ซึ