ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบายสูเราะฮฺที่ 4 อันนิสาอุ์ - النساء – บรรดาสตรี  (อ่าน 14530 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 134 - 135


คำอ่าน
134. มัน..กานะยุรีดุ ษะวาบัดดุนยา ฟะอิน..ดัลลอฮิ ษะวาบุดดุนยา วัลอาคิเราะฮฺ วะกานัลลอฮุสะมีอัม..บะศีรอ
135. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู กูนูก็อววามีนะ บิลกิสฏิ ชุฮะดา...อะลิลลาฮิ วะเลาอะลา..อัน..ฟุสิกุม อะวิลวาลิดัยนิ วัลอักเราะบีน อี..ยะกุนเฆาะนียัน เอาฟะกีร็อน ฟัลลอฮุเอาลาบิฮิมา ฟะลาตัตตะบิอุลฮะวา..อัน..ตะอฺดิลู วะอิน..ตัลวู..เอาตุอฺริฎู ฟะอิน..นัลลอฮะกานะบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรอ


คำแปล R1.
134. Whoever desires a reward in this life of the world, then with Allah (Alone and none else) is the reward of this worldly life and of the Hereafter. And Allah is ever All-Hearer, All-Seer.
135. O you who believe! Stand out firmly for justice, as witnesses to Allah, even though it be against yourselves, or your parents, or your kin, be he rich or poor, Allah is a better protector to both (than you). So follow not the lusts (of your hearts), lest you may avoid justice, and if you distort your witness or refuse to give it, verily, Allah is ever Well-Acquainted with what you do.


คำแปล R2.
134. ผู้ใดปรารถนากุศลแห่งโลกนี้ ที่จริงแล้ว ณ อัลเลาะฮฺนั้น มีกุศลทั้งของโลกนี้และโลกหน้า(เตรียมไว้ให้) และอัลเลาะฮฺทรงได้ยินยิ่ง อีกทั้งทรงมองเห็นยิ่ง
135. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าจงยืนอยู่ด้วยความยุติธรรมในการเป็นสักขีพยานเพื่ออัลเลาะฮฺ และแม้จะเป็นการให้โทษแก่ตัวเอง หรือแก่ผู้ให้กำเนิดทั้งสอง และบรรดาญาติสนิทก็ตาม แม้เขา(ผู้ถูกกล่าวหา)จะเป็นคนรวยหรือคนจนก็ตาม (พวกเจ้าก็ต้องให้การตามความเป็นจริง เพราะ) อัลเลาะฮฺทรงให้การคุ้มครองยิ่งแก่คนทั้งสอง (ไม่ว่าจะมั่งมีหรืออยากจน) ดังนั้นเจ้าทั้งหลายอย่าตามอารมณ์ใคร่ พวกเจ้าพึงยุติธรรมไว้เถิดและหากพวกเจ้าลำเอียง(เข้าข้างฝ่ายใดโดยไม่ให้การเป็นพยานตามความเป็นจริง) หรือพวกเจ้าบิดเบือน(คำให้การ)แน่นอนอัลเลาะฮฺเป็นผู้ทรงตระหนักยิ่ง ในการกระทำของพวกเจ้า


คำแปล R3.
134. ผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของโลกนี้ควรจะรู้ว่าอัลลอฮฺนั้นมีผลตอบแทนของทั้งโลกนี้และโลกหน้า และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็นเสมอ
135.   บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงเป็นผู้ดำรงความยุติธรรมและเป็นพยานเพื่ออัลลอฮฺ และถึงแม้ความยุติธรรมและการเป็นพยานของสูเจ้าจะเป็นผลร้ายต่อตัวสูเจ้าเองหรือพ่อแม่และญาติสนิทของสูเจ้า ไม่ว่าเขาจะมั่งมีหรือยากจนก็ตาม เพราะอัลลอฮฺทรงใกล้เขาทั้งสองมากว่าสูเจ้า ดังนั้นจงอย่าทำตามอารมณ์ต่ำของสูเจ้าเพื่อที่สูเจ้าจะดำรงความยุติธรรมไว้ได้ ถ้าหากสูเจ้าบิดเบือนหลักฐานหรือละทิ้งความจริง จงรู้ไว้เถิดว่า อัลลอฮฺทรงรู้ดีเสมอในสิ่งที่สูเจ้ากระทำ


คำแปล R4.
134. ผู้ใดที่ต้องการสิ่งตอบแทนในโลกนี้ก็ที่อัลลอฮฺนั้นมีทั้งสิ่งตอบแทนในโลกนี้และปรโลก และอัลลอฮฺนั้น เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น
135. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเป็นผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม จงเป็นพยานเพื่ออัลลอฮฺ และแม้ว่าจะเป็นอันตรายแก่ตัวของพวกเจ้าเอง หรือผู้บังเกิดเกล้าทั้งสองและญาติที่ใกล้ชิดก็ตาม หากเขาจะเป็นคนมั่งมีหรือคนยากจน อัลลอฮฺก็สมควรยิ่งกว่าเขาทั้งสอง ดังนั้นจงอย่าปฏิบัติตามความใคร่ใฝ่ต่ำในการที่พวกเจ้าจะมีความยุติธรรม และหากพวกเจ้าบิดเบือนหรือผินหลังให้แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้อย่างถี่ถ้วนใน สิ่งที่พวกเจ้ากระทำกัน


คำแปล R5.
๑๓๔. ผู้ใดกระทำการโดยปรารถนาได้ผลประโยชน์ในภพปัจจุบันนี้ เช่นกระทำการทางศาสนกิจเพื่อเอาหน้าเป็นต้น ที่อัลเลาะห์ก็มีผลานิสงส์ตอบแทนให้ทั้งในภพปัจจุบันนี้และในภพหน้าเตรียมพร้อมอยู่แล้วสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จะให้ซึ่งผลานิสงส์ทั้งสองภาคพิภพดังกล่าว หาได้มีเตรียมพร้อมอยู่ที่ใครอื่นจากพระองค์ไม่ ฉะนั้นจึงมิให้เขามั่นหมายเอาประการที่เลว ๆ แต่จงแสวงหาจากประการที่ดีเกินกว่าด้วยใจบริสุทธิ์สะอาดต่อพระองค์ ทั้งนี้เพราะว่าแหล่งเสาะหาความดีนั้นมิที่ไหนมิได้นอกจากที่พระองค์เท่านั้น แหละว่าอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์ได้ยินยิ่งซึ่งบรรดาถ้อยคำทรงและเห็นยิ่งในบรรดาพฤติกรรม แล้วพระองค์ก็จะทรงตอบสนองไปตามพฤติกรรมนั้น
๑๓๕. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าพึงดำรงไว้ซึ่งความเป็นธรรมในอันที่พวกเจ้าเป็นสักขีพยานให้การตามความสัจจริงและบริสุทธิ์ใจเพื่ออัลเลาะห์ ถึงแม้ว่าการให้ถ้อยคำเป็นพยานนั้นจะเป็นการปรักปรำตัวพวกเจ้าเองพวกเจ้าก็จงเป็นพยานรับรองให้เป็นไปตามความเป็นจริง มิให้พวกเจ้าปิดบังความจริงแต่ประการใดหรือถึงแม้ว่าการให้ถ้อยคำเป็นพยานจะเป็นการปรักปราบิดามารดาและเครือญาติก็เอาเถิด ถึงว่าโจทย์ก็ดี หรือจำเลยก็ดีที่เป็นบิดามารดาหรือเครือญาติหรือคนอื่นก็ดี เขาคนใดคนหนึ่งที่ว่านั้นเป็นผู้ร่ำรวยหรือยากจนก็ตามเถิดพวกเจ้าก็อย่าได้ระงับการเป็นพยานตามความจริงเพราะเห็นแก่โจทย์หรือจำเลยผู้ร่ำรวยนั้น ๆ เลย เพราะว่าอัลเลาะห์คือองค์ทรงพิทักษ์ยิ่งในทั้งสองประเภทที่ร่ำรวยและยากจนนั้น ทรงรู้ยิ่งในผลประโยชน์ของเขาทั้งสองอีกด้วย ฉะนั้นพวกเจ้าจงอย่าตามอำเภอใจในเรื่องของการเป็นพยาน อาจเป็นเพราะพวกเจ้าลุ่มหลงคนร่ำรวยเพื่อให้ผู้ร่ำรวยรักชอบตนบ้าง หรืออาจเป็นเพราะพวกเจ้ามีใจรักผู้ยากจนเนื่องจากเมตตาสงสารบ้าง ทั้งนี้ด้วยเกรงว่าพวกเจ้าจะเสียความเป็นธรรมเพราะบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้วหากว่าพวกเจ้าบิดเบือนถ้อยคำให้ผิดความจริงก็ดี หรือไม่ยอมให้ถ้อยคำก็ดีอัลเลาะห์ก็จะทรงลงอาญาพวกเจ้าเนื่องจากว่าพระองค์ทรงรู้เท่าทันพฤติการณ์อันพวกเจ้าได้กระทำอยู่ แล้วพระองค์ก็จะทรงตอบสนองพวกเจ้าในอันที่พวกเจ้ากระทำนั้น




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 136 - 137


คำอ่าน
136. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู อามินูบิลลาฮิ วะเราะสูลิฮี วัลกิตาบิลละซี นัซซะละอะลาเราะสูลิฮี วัลกิตาบิลละซี..อัน..ซะละมิน..ก็อบลฺ วะมัย..ยักฟุรฺบิลลาฮิ วะมะลา...อิกะติฮี วะกุตุบิฮี วะรุสุลิฮี วัลเยามิลอาคิริ ฟะก็อดฎ็อลละเฎาะลาลัม..บะอีดา
137. อิน..นัลละซีนะอามะนู ษุม..มะกะฟะรู ษุม..มะอามะนู ษุม..มะกะฟะรู ษุมมัซดาดูกุฟร็อลลัมยะกุนิลลาฮุ ลิยัฆฟิเราะละฮุม วะลาลิยะฮฺดิยะฮุมสะบีลา


คำแปล R1.
136. O you who believe! believe in Allah, and his Messenger (Muhammad), and the Book (the Qur'an) which He has sent down to his Messenger, and the Scripture which He sent down to those before (him), and whosoever disbelieves in Allah, his angels, his Books, his Messengers, and the Last day, then indeed He has strayed far away.
137. Verily, those who believe, then disbelieve, then believe (again), and (again) disbelieve, and go on increasing in disbelief; Allah will not forgive them, nor guide them on the (right) way.


คำแปล R2.
136. โอ้บรรดาผู้มีศรัทธาทั้งหลายจงศรัทธาในอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์ ในคัมภีร์ที่ทรงประทานให้ศาสนทูตของพระองค์ และคัมภีร์ที่ทรงให้ก่อนหน้านั้น และผู้ใดปกิเสธอัลเลาะฮฺ ปฏิเสธมลาอิกะฮฺของพระองค์ คัมภีร์ต่าง ๆ ของพระองค์ ศาสนทูตต่าง ๆ ของพระองค์ และวันสุดท้าย แน่นอนที่สุด เขาย่อมหลงทางอันห่างไกลยิ่ง
137. แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธาหลังจากนั้นพวกเขาก็เนรคุณ แล้วก็ศรัทธา แล้วก็เนรคุณ (สลับกันไป) หลังจากนั้นพวกเขาก็เพิ่มพูนความเนรคุณยิ่งขึ้น แน่นอนอัลเลาะฮฺไม่ทรงให้อภัยแก่พวกเขา และไม่ทรงชี้นำทาง(รอด)แก่พวกเขา


คำแปล R3.
136. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงศรัทธามั่นในอัลลอฮิและรอซูลของพระองค์ และตัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่รอซูลของพระองค์ และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานก่อนหน้านี้ เพราะผู้ใดที่ปฏิเสธอัลลอฮฺ และบรรดามลาอิกะฮฺของพระองค์ และคัมภีร์ทั้งหลายของพระองค์ และรอซูลทั้งหลายของพระองค์ และวันสุดท้าย เขาจะหันเหไปสู่การหลงทาง
137. สำหรับบรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้วปฏิเสธ แล้วก็ศรัทธาแล้วก็ปฏิเสธ และดึงดันปฏิเสธยิ่งขั้นไปนั้น อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยพวกเขา และจะไม่แสดงหนทางที่ถูกต้องให้แก่พวกเขา


คำแปล R4.
136. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย  จงศรัทธาต่ออัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์เถิด และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่รอซูลของพระองค์ และคัมภีร์ที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาก่อนนั้น และผู้ใดปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และมลาอิกะฮฺของพระองค์และบรรดาคัมภีร์ของพระองค์และบรรดารอซูลของพระองค์ และวันปรโลกแล้วไซร้ แน่นอนเขาก็ได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล
137. แท้จริงบรรดาผู้ที่ศรัทธาแล้วปฏิเสธศรัทธาแล้วศรัทธา แล้วปฏิเสธศรัทธา แล้วเพิ่มการปฏิเสธศรัทธายิ่งขึ้นนั้น ใช่ว่าอัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาก็หาไม่ และใช่ว่าพระองค์จะทรงแนะนำทางใดให้แก่พวกเขาก็หาไม่


คำแปล R5.
๑๓๖. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าจงมั่นคงต่อการศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ต่อมูฮำมัดผู้เป็นพระศาสนทูตของพระองค์ ต่อพระคัมภีร์อัล-กุรอานซึ่งพระองค์ได้ประทานลงมายังพระนบีมูฮำมัดพระศาสนทูตของพระองค์ และต่อพระคัมภัร์อีก ๑๐๓ เล่มซึ่งพระองค์ได้ประทานลงมาไว้ก่อนเถิด แล้วถ้าผู้ใดไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ ต่อเหล่ามลาอิกะห์ของพระองค์ ต่อบรรดาพระคัมภีร์ของพระองค์ทั้ง ๑๐๔ เล่มต่อเหล่าพระศาสนทูตของพระองค์ทั้ง ๒๖ และต่อวันอวสานแล้วไซร้ เขาผู้นั้นย่อมหลงผิดจากหนทางเที่ยงธรรมอย่างไกลสุดไกลทีเดียว
๑๓๗. แท้จริงบรรดายะฮูดีผู้ศรัทธาต่อพระนบีมูซาแล้วกลับไม่ศรัทธา เนื่องจากหันไปเคารพศรัทธารูปลูกโคทอง แล้วกลับมาศรัทธาต่อพระนบีมูซาอีก แต่แล้วก็ไม่ศรัทธาต่อพระนบีอีซา ครั้นแล้วก็ได้ทวีความไม่ศรัทธาต่อพระนบีมูฮำมัดสมทบเข้าอีกนั้น ย่อมหามิได้แล้วที่อัลเลาะห์จะทรงอภัยโทษแก่พวกยะฮูดีนั้น ในเมื่อพวกเหล่านั้นไม่ขอสารภาพกลับใจ (เตาบะห์) และหามิได้อีกแล้วที่จะทรงแนะนำหนทางเที่ยงธรรมให้แก่พวกเหล่านั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 138 - 139

คำอ่าน
138. บัชชิริลมุนาฟิกีนะ บิอัน..นะละฮุมอะซาบัน อะลีมา
139. อัลละซีนะ ยัตตะคิซูนัลกาฟิรีนะ เอาลิยา...อะมิน..ดูนิลมุอ์มินีน อะยับตะฆูนะอิน..ดะฮุมุลอิซซะตะ ฟะอิน..นัลอิซซะตะลิลลาฮิญะมีอา


คำแปล R1.
138. Give to the hypocrites the tidings that there is for them a painful torment.
139. Those who take disbelievers for Auliya' (protectors or helpers or friends) instead of believers, do they seek honour, power and glory with them? Verily, then to Allah belongs all honour, power and glory.


คำแปล R2.
138. (โอ้มุฮำมัด) เจ้าจงแจ้งแก่บรรดาผู้สับปลับเถิดว่า พวกเขาต้องรับโทษอันสาหัสยิ่ง
139. บรรดาผู้ยึดเอาพวกเนรคุณมาเป็นเพื่อนโดยทอดทิ้งพวกมีศรัทธา(ด้วยกัน) พวกเขาแสวงหาอำนาจจากพวกนั้นกระนั้นหรือ? อันที่จริงอำนาจนั้นเป็นของอัลเลาะฮฺทั้งสิ้น


คำแปล R3.
138. จงแจ้งข่าวแก่พวกสับปลับว่าสำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเจ็บปวด
139. บรรดาผู้ที่ยึดเอาพวกปฏิเสธเป็นเพื่อนแทนบรรดาผู้ศรัทธา พวกเขาไปหาพวกปฏิเสธเพื่อแสวงหาเกีรติยศกระนั้นหรือ? ในขณะที่กียรติยศทั้หมดนั้นเป็นของอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
138. จงแจ้งข่าวดีแก่พวกมุนาฟิก เถิดว่า แท้จริงพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ
139. บรรดาผู้ที่ยึดเอาบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากผู้ศรัทธาทั้งหลาย นั้น พวกเขาจะแสวงหากำลังอำนาจที่พวกเขากระนั้นหรือ แท้จริงกำลังอำนาจนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮฺทั้งหมด


คำแปล R5.
๑๓๘. โอ้มูฮำมัด เจ้าจงประกาศแจ้งแก่พวกมุนาฟิกเถิดว่า โทษทรมานอันเจ็บแสบนั้น แน่แท้ ย่อมได้แก่พวกเขา
๑๓๙. ที่คบหาแต่เหล่าชนกาฟิรไว้เป็นคนสนิทแทนที่จะเป็นพวกผู้ศรัทธา ทั้งนี้เนื่องจากว่ามุนาฟิกที่กล่าวถึงนี้ สำคัญผิดว่าความเกรียงไกรแห่งอิทธิพลนั้นอยู่กับฝ่ายที่เป็นกาฟิร ย่อมไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกมุนาฟิกนั้นจะเรียกหาอิทธิพลจาก(กาฟิร)อีกพวกหนึ่ง เพราะว่าอิทธิพลทั้งหลายแหล่นั้นก็อยู่ที่อัลเลาะห์แล้วแน่นอนทั้งในภพนี้และภพหน้า ย่อมไม่มีคนใดจะได้รับซึ่งอิทธิพลนี้เลย นอกจากบรรดาผู้เป็นที่โปรดปรานียิ่งแห่งอัลเลาะห์เท่านั้น

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 140 - 141


คำอ่าน
140. วะก็อดนัซซะละอะลัยกุมฟิลกิตาบิ อันอิซาสะมิอฺตุม อายาติลลาฮิ ยุกฟะรุบิฮา วะยุสตะฮฺซะอุบิฮา ฟะลาตักอุดู มะอะฮุม หัตตา ยะคูฎูฟีหะดีษิน ห็อยริฮฺ อิน..นะกุมอิซัม..มิษลุฮุม อิน..นัลลอฮะ ญามิอุลมุนาฟิกีนะ วัลกาฟิรีนะ ฟีญะฮัน..นะมะญะมีอา
141. อัลละซีนะ ยะตะร็อบบะศูนะบิกุม ฟะอิน..กานะละกุมฟัตหุม..มินัลลอฮิ กอลู..อะลัมนะกุม..มะอะกุม วะอิน..กานะลิลกาฟิรีนะ นะศีบุน..กอลู..อะลัมนัสตะหฺวิซอะลัยกุม วะนัมนะอฺกุม..มินัลมุอ์มินีน ฟัลลอฮุ ยะหฺกุม..บัยนะกุมเยามัลกิยามะฮฺ วะลัย..ยัจญอะลัลลอฮุ ลิลกาฟิรีนะอะลัลมุอ์มินีนะ สะบีลา


คำแปล R1.
140. And it has already been revealed to you in the Book (this Qur'an) that when you hear the verses of Allah being denied and mocked at, then sit not with them, until they engage in a talk other than that; (but if you stayed with them) certainly in that case you would be like them. Surely, Allah will collect the hypocrites and disbelievers all together in Hell,
141. Those (hyprocrites) who wait and watch about you; if you gain a victory from Allah, they say: "Were we not with you," But if the disbelievers gain a success, they say (to them): "Did we not gain mastery over you and did we not protect you from the believers?" Allah will judge between you (all) on the Day of Resurrection. And never will Allah grant to the disbelievers a way (to triumph) over the believers.


คำแปล R2.
140. และที่จริงพระองค์ได้ประทานลงมายังพวกเจ้าในคัมภีร์(อัลกุรอานซูเราะฮฺอัลอันอาม อายะฮฺที่ 68)ว่า “เมื่อพวกเจ้าทั้งหลายได้ยินบรรดาโองการของอัลเลาะฮฺฌองการนั้น ๆ ถูกปฏิเสธ และถูกนำมาเย้ยหยัน (ล้อเลียน) ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่านั่งร่วมกับพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะสนทนากันในเรื่องอื่นจากนั้น มิฉะนั้นพวกเจ้าก็จะ(มีบาป)เหมือนพวกนั้นด้วย แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรวมพวกสับปลับและพวกเนรคุณในนรกยะฮันนัมโดยพร้อมเพรียงกัน
141. บรรดาผู้รอคอย(ฟังข่าวของ)พวกเจ้า ซึ่งหากปรากฏมีข่าวว่าพวกเจ้าประสบชัยชนะจาก(ความกรุณาของ)อัลเลาะฮฺ พวกเขาก็กล่าวว่า “เรามิได้อยู่ร่วม(เป็นพวกเดียวกัน)กับพวกท่านดอกหรือ(ฉะนั้นเราจึงย่อมมีสิทธิ์ร่วมในทรัพย์เชลยศึกด้วย)” และถ้าปรากฏแก่พวกเนรคุณ ซึ่งส่วนได้(ชัยชนะ)ใด ๆ พวกเขาก็กล่าว (กับพวกเนรคุณ)ว่า “ก็พวกเรามิใช่หรือที่ตามช่วยเหลือพวกท่านให้ได้รับชัยชนะ และคอยป้องกันพวกท่าน(ให้พ้น)จากพวกศรัทธา(ในอิสลาม) อันที่จริงนั้น อัลเลาะฮฺทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้าทั้งหลายในวันชาติหน้า และอัลเลาะฮฺไม่เปิดทางให้พวกเนรคุณ(มีชัยชนะ)เหนือพวกศรัทธาอย่างแน่นอน


คำแปล R3.
140. อัลลอฮฺได้ประทานคำบัญชาให้แก่สูเจ้าแล้วในคัมภีร์เล่มนี้ว่าสูเจ้าจงอย่านั่งร่วมวงกับหมู่คนที่สูเจ้าได้ยินเรื่องการปฏิเสธและการหัวเราะเยาะโองการของอัลลอฮฺ จนกว่าพวกเขาจะคุยกันในเรื่องอื่นนอกไปจากนั้น มิฉะนั้นสูเจ้าจะมีปิดเยี่ยงพวกเขา แน่นอนอัลลอฮฺจะทรงรวบรวมพวกสับปลับและพวกปฏิเสธทั้งหมดไว้ในนรก
141. บรรดาผู้ตลบตะแลงได้เฝ้าดูสูเจ้าอย่างใกล้ชิดเพื่อดูว่าจะมีข่าวร้ายอย่างไรบ้าง ถ้าชัยชนะจากอัลลอฮฺประสบแก่สูเจ้า พวกเขาก็จะกล่าวว่า “พวกเรามิได้อยู่กับพวกท่านดอกหรือ?” และถ้าบรรดาผู้ปฏิเสธมีความเหนือกว่าพวกเขาก็จะกล่าวแก่บรรดาผู้ปฏิเสธว่า “เราไม่เข้มแข็งพอที่จะต่อต้านพวกท่านกระนั้นหรือ? แต่ถึงกระนั้นเราก็ยังป้องกันพวกท่านจากบรรดามุสลิม” แท้จริงในวันแรกแห่งการฟื้นคืนชีพ อัลลอฮฺจะตัดสินระหว่างสูเจ้ากับพวกเขา และ(ในการตัดสินนี้) อัลลอฮฺจะไม่ทิ้งหนทางใด ๆ ให้แก่บรรดาผู้ปฏิเสธเหนือกว่าบรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
140. และแน่นอน อัลลอฮฺได้ทรงประทานลงมาแก่พวกเจ้าแล้วในคัมภีร์นั้นว่า เมื่อพวกเจ้าได้ยินบรรดาโองการของอัลลอฮฺโองการเหล่านั้นก็ถูกปฏิเสธศรัทธา และถูกเย้ยหยัน ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่านั่งร่วมกับพวกเขา จนกว่าพวกเขาจะพูดคุยกันในเรื่องอื่นจากนั้น แท้จริงพวกเจ้านั้นถ้าเช่นนั้นแล้ว ก็เหมือนพวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงรวบรวมบรรดามุนาฟิก และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาไว้ในนรกญะฮันนัมทั้งหมด
141. บรรดาผู้ที่คอยดูพวกเจ้าอยู่นั้นถ้าหากพวกเจ้าได้รับชัยชนะจากอัลลอฮฺพวกเขาก็กล่าวว่าเรามิได้ร่วมกับพวกท่านดอกหรือ? และหากว่ามี ส่วนได้ใด ๆ แก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาพวกเขาก็กล่าวว่าเรามิได้มีอำนาจ เหนือพวกท่านดอกหรือ ? และเรามิได้ป้องกันพวกท่านให้พ้นจากบรรดาผู้ศรัทธากระนั้นหรือ? อัลลอฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้าในวันกิยามะฮฺและอัลลอฮจะไม่ทรงให้บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธามีทางใดเหนือบรรดาผู้ศรัทธาเป็นอันขาด


คำแปล R5.
๑๔๐. โอ้บรรดาชุมชนมุสลิม อันความจริงนั้นพระองค์อัลเลาะห์ได้เคยประทานโองการของพระองค์ให้แก่พวกเจ้าในพระคัมภีร์อัล-กุรอาน ซูเราะห์อัลอัน-อามโองการที่ ๖๘ มาครั้งหนึ่งแล้วว่า เมื่อใดพวกเจ้าได้ยินโอวการนั้น ๆ ของอัลเลาะห์ที่ถูกพวกกาฟิรปฏิเสธและถูกสบประมาท พวกเจ้าก็อย่าได้เข้าร่วมวงกับพวกทั้งสองนั้นเลย จนกว่าพวกทั้งสองเหล่านั้นจะคุยกันถึงเรื่องอื่นแทนเรื่องการสบประมาท และการเอ่ยถ้อยคำปฏิเสธโองการของอัลเลาะห์ กรณีอย่างนี้พวกเจ้าย่อมจะต้องบาปเหมือนกับพวกทั้งสองเหล่านั้นได้ หากว่าพวกเจ้าไปร่วมวงกับพวกทั้งสองนั้นเข้า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงเป็นผู้รวบรวมพวกมุนาฟิกและพวกกาฟิรฺในนรกยะฮันนำพร้อมหน้ากันเหมือนอย่างที่ทั้งสองพวกนี้เคยรวมหัวกันไม่ศรัทธาและให้การสบประมาทโองการของอัลเลาะห์ เมื่อครั้งยังอยู่ในพิภพแต่หนหลัง
๑๔๑. มุนาฟิกเหล่าที่คบหาพวกกาฟิรไว้เป็นคนสนิทตามเนื้อความอันระบุในโองการที่ ๑๓๙แห่งสูเราะห์นี้ เป็นผู้ที่คอยจับจ้องอยู่แต่ที่พวกเจ้าว่าในหมู่พวกเจ้านั้นใครจะมีเคราะห์ดีเคราะห์ร้ายให้ปรากฏเห็นบ้าง ฉะนั้นหากพวกเจ้าได้รับชัยชนะจากอัลเลาะห์ก็ดี ได้ทรัพย์เชลยจากพวกกาฟิรก็ดี พวกมุนาฟิกเหล่านั้นก้พูดกับพวกเจ้าว่า “เรามิได้เป็นพวกเดียวกับพวกเจ้าในทางนับถือศาสนาและในการออกทำสงครามดอกหรือ?” พวกเจ้าพึงต้องปันทรัพย์เชลยสักส่วนหนึ่งให้แก่พวกเราบ้างแต่ถ้ากาฟิรพวกนั้นได้ทีมีชัยชนะเหนือพวกเจ้าเข้าบ้าง อีกพวกหนึ่งที่เป็นมุนาฟิกก็พูดกับพวกกาฟิรว่า พวกเรานี้จะเอาชนะพวกเจ้าได้แล้วมิใช่กรือ? และว่า พวกเราสามารถที่จะลงโทษและสังหารพวกเจ้าได้มิใช่หรือ? แต่พวกเราก็ไม่ปรารถนาจะฆ่าและจับพวกเจ้าเป็นเชลยเลยแหละว่าพวกเรามิได้สนับสนุนเพื่อมิให้กาฟิรมีชัยพวกเจ้าฝ่ายมุอ์มิน โดยได้ส่งสาส์นลับของพวกกาฟิรแก่พวกเจ้าดอกหรือ? ฉะนั้นนับว่าพวกเรานี้มีบุญคุณติดอยู่กับพวกเจ้ามากนัก อัลเลาะห์ก็ตรัสว่า ในวันกิยามะห์อัลเลาะห์จะทรงตัดสินความระหว่างพวกเจ้าและพวกมุนาฟิกโดยการให้พวกเจ้าได้เข้าสู่สวรรค์ ส่วนพวกมุนาฟิกก็ทรงให้เข้าสู่ขุมนรก ทั้งอัลเลาะห์จะไม่ทรงเปิดโอกาสให้พวกกาฟิรเอาเหนือพวกมุอ์มินด้วยการล้างชาติพันธุ์ได้เลย




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 142 - 143


คำอ่าน
142. อิน..นัลมุนาฟิกีนะ ยุคอดิอูนัลลอฮะ วะฮุวะคอดิอุฮุม วะอิซากอมู..อิลัศเศาะลาติ กอมูกุสาลา ยุรอ...อูนัน..นาสะ วะลายัซกุรูนัลลอฮะ อิลลาเกาะลีลา
143. มุซับซะบีนะบัยนะซาลิก ลา..อิลา ฮา..อุลา...อิ วะลา..อิลา ฮา..อุลา...อ์ วะมัย..ยุฎลิลิลลาฮุ ฟะลัน..ตะญิดะละฮู สะบีลา


คำแปล R1.
142. Verily, the hypocrites seek to deceive Allah, but it is He who deceives them. And when they stand up for As-Salat (the prayer), they stand with laziness and to be seen of men, and they do not remember Allah but little.
143. (They are) swaying between this and that, belonging neither to these nor to those, and he whom Allah sends astray, you will not find for him a way (to the Truth - Islam).


คำแปล R2.
142. แท้จริงบรรดาผู้สับปลับทำการล่อลวงอัลเลาะฮฺ(โดยเสแสร้งแสดงทีท่าว่ามีศรัทธา) แต่อัลเลาะฮฺได้ทรง(ตอบแทนการ)ล่อลวงพวกเขา (โดยปล่อยพวกเขาไว้ในสภาพสับปลับนั้นอย่างทุกข์ตรม) และเมื่อพวกเขายืนเพื่อการละหมาด พวกเขาก็ยืนอย่างเกียจคร้าน เพียงเพื่อให้มนุษย์เห็นเท่านั้น และพวกเขาไม่รำลึกถึงอัลเลาะฮฺนอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
143. พวกเขามีความโลเลระหว่าง(ศรัทธากับเนรคุณ)นั้น จะไปทางพวกนี้ก็ไม่ จะไปทางพวกนี้ก็ไม่ และผู้ใดที่อัลเลาะฮฺให้หลงทาง แน่นอนเจ้าจะไม่พบทางออกให้แก่เขาเลย


คำแปล R3.
142. พวกตลบตะแลงคิดที่จะลวงอัลลอฮฺ ขณะที่ความจริงแล้วอัลลอฮฺได้ทำให้พวกเขาอยู่ในการหลอกลวง เมื่อเขายืนขึ้นจะนมาซพวกเขาจะบืนอย่างไม่เต็มใจเพียงเพื่อให้ผู้คนเห็น และพวกเขาไม่ได้รำลึกถึงอัลลอฮฺเว้นแต่เพียงเล้กน้อย
143. พวกเขากำลังแกว่งไปแกว่งมาระหว่างความเชื่อและการปฏิเสธ พวกเขาไม่อยู่ทางด้านนี้และก็ไม่อยู่ทางด้านนั้น เจ้าจะสามารถชี้ทางให้แก่ผู้ที่อัลลอฮฺปล่อยให้เขาหลงทางได้เลย


คำแปล R4.
142. แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นกำลังหลอกลวงอัลลอฮฺอยู่ ขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงหลอกลวงพวกเขาและเมื่อพวกเขาลุกขึ้นไปละหมาด พวกเขาก็ลุกขึ้นในสภาพเกียจคร้านโดยให้ผู้คนเห็นเท่านั้น และพวกเขาจะไม่กล่าวรำลึกพึงอัลลอฮฺ นอกจากเล็กน้อยเท่านั้น
143. โดยที่พวกเขาลังเลใจในระหว่างนั้นจะไปในทางพวกนี้ก็ไม่ไป จะไปทางพวกนี้ก็ไม่ไปและผู้ใดที่ อัลลอฮฺให้หลงทางไปแล้วเจ้าก็จะไม่พบทางใด ๆ สำหรับเขาเป็นอันขาด


คำแปล R5.
๑๔๒. แท้จริงพวกมุนาฟิกนั้นกำลังหลอกล่อมูฮำมัด ผู้เป็นศาสนทูตของอัลเลาะห์อยู่ด้วยแสดงความศรัทธาให้เห็นแต่เปลือกนอกส่วนที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ภายในจิตใจนั้นคือความไม่ศรัทธา ทั้งนี้เพื่อต้องการให้ได้มาซึ่งความปลอดภัย เป็นต้นว่าในด้านชีวิตร่างกายที่จะถูกฆ่าและในด้านทรัพย์สินซึ่งจะถูกริบ แต่พระองค์กลับส่งผลแห่งการหลอกล่อของพวกนั้นเข้าแล้ว รอยด่างพร้อยก็ดี ข้อตำหนิก็ดีของพวกเหล่านั้นจะถูกแฉให้ประจักษ์ขึ้นในภพนี้ด้วยการดลให้พระนบีมูฮำมัดรู้เท่าทันถึงความไม่ศรัทธาที่ถูกซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจของพวกนั้น และพอถึงวันอาคิเราะฮฺก็ยังจะถูกพระองค์ลงอาญานรกชั้นต่ำสุดอีกโสดหฯงด้วย ครั้นเมื่อพวกมุนาฟิกเหล่านั้นยืนทำละหมาดร่วมกับฝ่ายมุอ์มิน พวกนี้ก็ยืนกันอย่างเอือมระอา เพียงแต่จะอวดผู้คนให้เขาเห็นเท่านั้นว่าพวกตนก็กระทำละหมาดแต่พวกนั้นมิค่อยได้กระทำละหมาดกันหรอกนอกจากบางครั้งเพื่อจะอวดเขาเท่านั้น
๑๔๓. โดยที่พวกมุนาฟิกนั้นสองจิตสองใจอยู่ในระหว่างศรัทธากับไม่ศรัทธา[ว่าจะแสดงตนเข้ากับฝ่ายนี้ที่เป็นพวกกาฟิรและเข้ากับฝ่ายนั้นที่เป็นพวกมุอ์มินก็ไม่ใช่ และถ้าผู้ใดที่อัลเลาะห์ทรงให้เขาหลงผิดเสียแล้วโอ้มูฮำมัด เจ้าย่อมจะหาทางช่วยผู้นั้นให้กลับคืนสู่หนทางเที่ยงธรรมมิได้เลย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 144 - 147


คำอ่าน
144. ยา..อัยยุฮัลละซีนะอามะนู ลาตัตตะคิซุลกาฟิรูนะ เอาลิยา...อะมิน..ดูนิลมุอ์มินีน อะตุรีดูนะ อัน..ตัจญลูลิลลาฮิ อะลัยกุมสุลฏอนัม..มุบีนา
145. อิน..นัลมุนาฟิกีนะ ฟิดดัรฺกิลอัสฟาลิมินัน..นารฺ วะลัน..ตะญิดะละฮุมนะศีรอ
146. อิลลัลละซีนะตาบู วะอัศละหู วะอฺตะเศาะมูบิลลาฮิ วะอัคละศูดีนะฮุมลิลลาฮิ ฟะอุลา...อิกะมะอัลมุอ์มินีน วะเสาฟะยุอ์ติลลาฮุลมุอ์มินีนะ อัจญร็อนอะซีมา
147. มายัฟอะลุลลอฮุ บิอะซาบิกุม อิน..ชะกัรฺตุม วะอามัน..ตุม วะกานัลลอฮุ ชากิร็อนอะลีมา


คำแปล R1.
144. O you who believe! Take not for Auliya' (protectors or helpers or friends) disbelievers instead of believers. Do you wish to offer Allah a manifest proof against yourselves?
145. Verily, the hypocrites will be in the lowest depths (grade) of the fire; no helper will you find for them.
146. Except those who repent (from hypocrisy), do righteous good deeds, hold fast to Allah, and purify their Religion for Allah (by worshiping none but Allah, and do good for Allah's sake only, not to show-off), then they will be with the believers. And Allah will grant to the believers a great reward.
147. Why should Allah punish you if you have thanked (Him) and have believed in Him. And Allah is ever All-Appreciative (of good), All-Knowing.


คำแปล R2.
144. โอ้บรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลาย! พวกเจ้าอย่าเอาพวกเนรคุณเป็นเพื่อนสนิทโดยทิ้งพวกมีศรัทธา พวกเจ้าปรารถนาที่จะทำหลักฐานอันแจ้งชัดเพื่ออัลเลาะฮฺ(ได้ลงโทษ)แก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ
145. แท้จริงบรรดาผู้สับปลับจะอยู่ในชั้นต่ำสุดจากนรก และเจ้าไม่พบผู้ช่วยเหลือสำหรับพวกเขาเลย
146. ยกเว้นบรรดาผู้สารภาพผิดและปรับปรุงตัวเอง(ให้ดีขึ้น)และพวกเขายึดเหนี่ยวกับอัลเลาะฮฺ และทำความบริสุทธิ์แก่ศาสนาแห่งพวกเขาเพื่ออัลเลาะฮฺ แท้จริงพวกเหล่านั้นได้อยู่ร่วมกับบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งมวล
147. (มีประโยชน์อันใด)ที่อัลเลาะฮฺจะทรงลงโทษพวกเจ้า แม้นพวกเจ้าขอบคุณและพวกเจ้าศรัทธา(ในพระองค์) และอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้(ตอบแทนการ)ขอบคุณ(ของพวกเจ้า)อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง


คำแปล R3.
144. บรรดาผู้ศรัทธาเอ๋ย จงอย่ายึดเอาบรรดาผู้ปฏิเสธเป็นเพื่อนแทนบรรดาผู้ศรัทธา สูเจ้าต้องการที่จะแสดงข้อพิสูจน์อันชัดแจ้งที่ค้านต่อสูเจ้าเองต่ออัลลอฮฺนั้นหรือ?
145. แท้จริงพวกตลบตะแลงนั้นจะอยู่ในห้วงลึกที่สุดของนรก และเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใด สำหรับพวกเขาเลย
146. เว้นแต่บรรดาผู้สำนึกผิดและกลับตัวกระทำความดี และยึดมั่นในอัลลอฮฺและสุจริตมั่นต่อศาสนาของเขาเพื่ออัลลอฮฺ คนเหล่านี้อยู่กับบรรดาผู้ศรัทธา และอัลลอฮฺจะทรงประทานรางวัลอันใหญ่หลวงแก่บรรดาผู้ศรัทธา
147. ไฉนอัลลอฮฺจะทรงลงโทษสูเจ้า ถ้าสูเจ้ากตัญญูและศรัทธา เพราะอัลลอฮฺทรงเข้าใจคุณค่า ทรงรอบรู้เสมอ

 
คำแปล R4.
144. ผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงอย่าได้ยึดเอาบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาเป็นมิตรอื่นจากผู้ศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าต้องการที่จะให้อัลลอฮฺมีหลักฐานอันชัดเจนจัดการแก่พวกเจ้ากระนั้นหรือ?
145. แท้จริงบรรดามุนาฟิกนั้นอยู่ในชั้นต่ำสุดจากนรก และเจ้าจะไม่พบผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับพวกเขาเป็นอันขาด
146. นอกจากบรรดาผู้ที่สำนึกผิดกลับตัวและปรับปรุงแก้ไข และยึดมั่นต่ออัลลอฮฺ และได้มอบการอิบาดะฮฺของพวกเขาให้แก่อัลลอฮฺโดยสิ้นเชิง ชนพวกนี้แหละจะร่วมอยู่กับบรรดาผู้ศรัทธาและอัลลอฮฺจะทรงประทานแก่ผู้ศรัทธา ทั้งหลายซึ่งรางวัลอันยิ่งใหญ่
147. อัลลอฮฺทำการลงโทษพวกเจ้าทำไมหากพวกเจ้ากตัญญู และศรัทธา และอัลลอฮฺนั้นเป็น ผู้ทรงขอบใจ ทรงรอบรู้


คำแปล R5.
๑๔๔. โอ้บรรดาผู้ศรัทธา พวกเจ้าอย่าได้คบหาพวกกาฟิรไว้เป็นลูกมือ และเป็นคนสนิทเลย ซึ่งแทนที่จะเป็นพวกผู้ศรัทธา ย่อมไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกเจ้าจะมุ่งเอาหลักฐานอันแจ่มแจ้งชี้ว่าแท้จริงพวกเจ้ามีสภาพเป็นมุนาฟิกเหมือนอย่างพวกมุนาฟิกให้อัลเลาะห์เอาโทษพวกเจ้าได้ฐานที่พวกเจ้าคบพวกกาฟิรไว้เป็นคนสนิท
๑๔๕. แท้จริงพวกมุนาฟิกนั้นอยู่ ณ ก้นบึ้งแห่งขุมนรก โอ้มูฮำมัด แล้วเจ้าจะหาผู้สงเคราะห์สักคนหนึ่งมาช่วยพวกนั้นให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษย่อมไม่ได้เลย
๑๔๖. เว้นไว้แต่บรรดาผู้สารภาพกลับใจยอมถอนตัวออกจาการเป็นมุนาฟิกคืนมาเป็นมุอ์มินและที่ปรับตัวเองในทางความประพฤติให้ดีขึ้นได้ กับผู้ที่ยึดมั่นอยู่กับอัลเลาะห์ละที่เลื่อมใสในศาสนาของตนเพื่ออัลเลาะห์โดยไม่คิดเอาหน้าเท่านั้น พวกเหล่านั้นแหละย่อมอยู่ในเครือของผู้ศรัทธาทั้งหลายที่ผู้ศรัทธาเหล่านั้นจะได้รับแล้วต่อไปในวันอาคิเราะห์อัลเลาะห์ก็จะทรงมอบให้พวกผู้ศรัทธำได้สรวงสวรรค์เป็นผลสนองที่ใหญ่หลวง
๑๔๗. อัลเลาะห์จะไม่ทรงลงอาญาพวกเจ้าหากว่าพวกเจ้ารู้คุณ แสดงออกซึ่งคำสรรเสริญพระองค์ที่ได้ทรงอำนวยให้ทุกอย่างเป็นส่วนดี และมีศรัทธาต่อพระองค์ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงให้การสรรเสริญในพฤติกรรมของมุอ์มินด้วยการสนองให้ในทางบุญกุศลทรงรู้ยิ่งในทุกสิ่งสารพัดของพระองค์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 148 - 152


คำอ่าน
148. ลายุหิบบุลลอฮุลญะฮฺเราะบิสสู...อิ มินัลก็อวลิอิลลามัน..ซุลิม วะกานัลลอฮุสะมีอันอะลีมา
149. อิน..ตุบดูค็อยร็อน เอาตุคฟูฮุ เอาตะอฺฟู อัน..สู...อิน..ฟะอิน..นัลลอฮะ กานะอะฟูวัน..เกาะดีรอ
150. อิน..นัลละซีนะ ยักฟุรูนะ บิลลาฮิวะรุสุลิฮี วะยุรีดูนะ อัย..ยุฟัรฺริกูบัยนัลลอฮิ วะรุสุลิฮี วะยะกูลูนะ นุอ์มินุบิบะอฺฎิว..วะนักฟุรุบิบะอฺฎิว..วะยุรีดูนะ อัย..ยัตตะคิซู บัยนะซาลิกะสะบีลา
151. อุลา...อิกะฮุมุลกาฟิรูนะหักกอ วะอะอฺตัดนาลิลกาฟิรีนะอะซาบันอะลีมา
152. วัลละซีนะอามะนู บิลลาฮิวะรุสุลิฮี วะลัมยุฟัรฺริกูบัยนะ อะหะดิมินฮุม อุลา...อิกะเสาฟะยุอ์ตีฮิม อุญูเราะฮุม วะกานัลลอฮุ เฆาะฟูร็อรฺเราะหีมา


คำแปล R1.
148. Allah does not like that the evil should be uttered in public except by him who has been wronged. And Allah is ever All-Hearer, All-Knower.
149. Whether you (mankind) disclose (by good words of thanks) a good deed (done to you in the form of a favour by someone), or conceal it, or pardon an evil, ... Verily, Allah is ever Oft-Pardoning, All-Powerful.
150. Verily, those who disbelieve in Allah and his Messengers and wish to make distinction between Allah and his Messengers (by believing in Allah and disbelieving in his Messengers) saying, "We believe In some but reject others," and wish to adopt a way in between..
151. They are in truth disbelievers. And we have prepared for the disbelievers a humiliating torment
152. And those who believe in Allah and his Messengers and make no distinction between any of them (Messengers), we shall give them their rewards, and Allah is ever Oft-Forgiving, Most Merciful.


คำแปล R2.
148. อัลเลาะฮฺไม่ทรงรักการเปิดเผยถ้อยคำอันเลวร้าย(ต่อคนอื่น)ยกเว้นบุคคลที่ถูกฉ้อฉล(จึงยอมให้เปิดเผยเพื่อร้องทุกข์ได้) แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
149. หากแม้นพวกเจ้าเปิดเผยความดีหรือจะปิดบังมันไว้ หรือจะให้อภัยแก่ความเลวร้าย(ที่คนอื่น ๆ แสดงต่อตน) ที่จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัย อีกทั้งทรงเดชานุภาพยิ่ง
150. แท้จริงบรรดาผู้เนรคุณอัลเลาะฮฺและศาสนทูตของพระองค์และพวกเขามุ่งหมายที่จะแยก (ความศรัทธาของพวกเขาออกจากกัน)ระหว่างอัลเลาะฮฺและบรรดาศาสนทูตของพระองค์และพวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธากับศาสนทูตบางคนและเราปฏิเสธบางคน” และพวกเขามุ่งหมายที่จะเอาทาง(อื่น)ในระหว่าง(ศรัทธากับการปฏิเสธ)นั้น (มายึดเป็นหลักศาสนาของพวกเขา)
151. พวกเหล่านั้น เป็นพวกเนรคุณโดยแท้จริง และเราได้เตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้แล้วสำหรับบรรดาผู้เนรคุณ
152. และบรรดาผู้มีศรัทธาในอัลเลาะฮฺและบรรดาศาสนทูตของพระองค์และพวกเขามิได้แยกในระหว่างคนใด ๆ จากพวก(ศาสนทูตเหล่า)นั้น (กล่าวคือเขามีความศรัทธาในทุก ๆ คนว่าเป็นศาสนทูตที่แท้จริง) แน่นอนพวกเหล่านั้น อัลเลาะฮฺจะทรงประทานรางวัลแก่พวกเขา และอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยอีกทั้งทรงเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
148. อัลลอฮไม่ทรงรักที่ใครผู้ใดจะกล่าวถ้อยความเลว เว้นแต่เขาจะถูกข่มเหงและอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินเสมอ ผู้ทรงรอบรู้เสมอ
149. (ถึงแม้ว่าเจ้าจะถูกข่มเหง) แต่ถ้าสูเจ้ากระทำดีโดยเปิดเผยหรือโดยลับ หรืออย่างน้อยที่สุดก็ละเว้นจากความชั่ว สูเจ้าจงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงนิรโทษเสมอ ผู้ทรงอานุภาพเสมอ
150. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์ และปรารถนาที่จะแบ่งแยกระหว่างอัลลอฮฺและรอซูลของพระองค์และกล่าวว่า “เราศรัทธาบางคนและปฏิเสธบางคน” และพวกเขาเลือกเอาทางระหว่างนั้น
151. พวกเขาเหล่านี้เป็นพวกปฏิเสธโดยแท้จริง และเราได้เตรียมการลงโทษอันอัปยศไว้สำหรับพวกปฏิเสธแล้ว
152. และบรรดาผู้ศรัทธาในอัลลอฮิและรอซูลทั้งหลายของพระองค์ และไม่ได้แบ่งแยกผู้ใดในบรรดารอซูลเหล่านั้น พระองค์จะทรงประทานรางวัลของพวกเขาให้แก่พวกเขา เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
148. อัลลอฮฺไม่ทรงชอบการใช้เสียงดังในถ้อยคำที่เลวร้าย นอกจากผู้ที่ถูกข่มเหง และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงได้ยิน ทรงรอบรู้เสมอ
149. หากพวกเจ้าเปิดเผยความดี หรือปกปิดมันไว้ หรือให้อภัยในความเลวร้ายใด ๆ แล้ว แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษผู้ทรงอานุภาพเสมอ
150. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธการศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์และต้องการที่จะแยกระหว่างอัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์ และกล่าวว่า เราศรัทธาในบางคนและปฏิเสธศรัทธาในบางคน และพวกเขาต้องการที่จะยึดเอาในระหว่างนั้น ซึ่งทางใดทางหนึ่งนั้น
151. ชนเหล่านี้แหละคือผู้ปฏิเสธศรัทธาโดยแท้จริง และเราได้เตรียมไว้แล้ว ซึ่งการลงโทษที่ยังความอัปยศแก่ผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
152. และบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และบรรดารอซูลของพระองค์ และมิได้แยกระหว่างคนหนึ่งคนใดในพวกเขานั้น ชนเหล่านี้แหละพระองค์จะทรงประทานแก่พวกเขาซึ่งรางวัลของพวกเขา และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยโทษ ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๑๔๘. อัลเลาะฮฺย่อมไม่โปรดซึ่งการขึ้นเสียงของคนใดคนหนึ่งเกี่ยวกับลักษณะแห่งความชั่วของคนอื่นซึ่งเขาสงวนไว้มิให้ใครได้รู้ได้เห็น เป็นต้นว่าการขึ้นเสียงเพื่อการนินทาและยุแหย่ให้เกิดเป็นปรปักษ์กัน ฉะนั้นจะทรงเอาโทษผู้นั้นในฐานะที่ขึ้นเสียงไม่ว่าจะดังหรือค่อย เกี่ยวกับลักษณะแห่งความชั่วของผู้อื่น โดยในวันปรภพพระองค์จะทรงโอนความดีของผู้นินทาและผู้ยุแหย่ให้แก่ผู้ถูกนินทาและถูกยุแหย่ ถ้าไม่ปรากฏว่าคนทั้งสองนั้นมีความดีอยู่เลย พระองค์ก็จะทรงโอนความชั่วของผู้ถูกนินทาและผู้ถูกยุแหย่ให้แก่ผู้ถูกนินทาและผู้ถูกยุแหย่เว้นไว้แต่ผู้ที่ถูกกดขี่เท่านั้นพระองค์จึงจะไม่ทรงเอาโทษที่เขาเปิดเผยซึ่งความชั่วช้าของผู้อื่นที่คดโกงเขา เช่น บอกว่าคนนั้นได้ขโมยหรือได้ช่วงชิงทรัพย์ของฉันไป หรือว่า คนนั้นได้ด่าฉันหรือกล่าวหาว่าฉันกระทำการประเวณีนอกอนุญาต(ซินา) และเขาผู้ถูกคดโกงก็ได้เอ่ยคำสาปแช่งผู้กดขี่ โดยไม่ต้องรับบาปเฉพาะในกรณีเรื่องโกงนั้น ว่า “ช้าแต่อัลลเลาะห์เจ้า ขอพระองค์ได้โปรดให้ทรัพย์สินแห่งข้าพระองค์ปลอดพ้นจากเงื้อมมือของผู้คดโกง” หรือขอว่า “ได้โปรดลงโทษผู้นั้นด้วยเถิด” แต่ไม่อนุญาตให้แช่งผู้คดโกงทรพย์ของตนว่า “ให้บ้านของผู้คดโกงพังพินาศ” อย่าด่าบิดามารดาของผู้คดโกง ถึงแม้ผู้คดโกงนั้นจะด่าตนก่อนก็ตาม และอย่าแช่งให้ผู้คดโกงทรัพย์ตายลงสภาพของคนกาฟิร หรืออย่าแช่งผู้นั้นให้ประพฤติผิดในทางศาสนา ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นเป็นองค์ได้ยินยิ่งซึ่งถ้อยคำที่ทั้งผู้คดโกงและผู้ถูกคดโกงพูดจากันทรงรู้ยิ่งในพฤติการณ์จากผู้ที่กล่าวถึงทั้งสองประเภทนั้น
๑๔๙. หากว่าพวกเจ้าเปิดเผยซึ่งความดีที่กระทำก็ดีหรือปกปิดซึ่งการกระทำดีนั้นก็ดี หรือยอมอภัยความชั่วร้ายให้แก่ผู้ที่ก่อการนี้แก่พวกเจ้าก็ดี การอภัยดังกล่าวนั้นนับได้ว่าเป็นความดีเลิศสำหรับพวกเจ้ายิ่งกว่าการไม่ยอมให้อภัยแน่แท้อัลเลาะห์ทรงเป็นองค์อภัยซึ่งบาปของผู้ประพฤติการบาปทรงอานุภาพยิ่งในการลงโทษพวกเหล่านั้น
๑๕๐. แท้จริงบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และเหล่าพระศาสนทูตของพระองค์ก็ดี ที่ต้องการจะแผนกความศรัทธาในอัลเลาะห์กับความไม่ศรัทธาในศาสนทูตของพระองค์ออกจากกันโดยจะศรัทธาแต่อัลเลาะฮฺแต่ไม่ศรัทธาต่อบรรดาพระศาสนทูตทั้งหมดของพระองค์ก็ดี ที่พูดว่า “พวกเราศรัทธาต่อพระศาสนทูตเพรียงบางส่วน แต่จะไม่ศรัทธาต่อพระศาสนทูตอีกบางส่วน” ก็ดี และที่ต้องการจะถือศาสนาเป็นกลาง ๆ อยู่ระหว่างความศรัทธาทั้งหมด คือว่า เชื่อแต่บางรอซูลและไม่เชื่อในบางรอซูลก็ดี
๑๕๑. พวกเหล่านั้นแหละคือพวกที่ไม่มีความศรัทธาโดยแท้ ทั้งเรา(อัลเลาะห์)ยังได้เตรียมให้พวกผู้ไม่ศรัทธานั้นได้รับโทษทรมานอันต่ำช้าในขุมนรกอีกด้วย
๑๕๒. ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และเหล่าพระศาสนทูตของพระองค์ทั้งสิ้น โดยมิได้จำแนกความศรัทธาต่อผู้ใดในพวกพระศาสนทูตเหล่านั้นไว้ต่างหาก พวกเหล่านั้นแหละ ในภายภาคหน้า เราอัลเลาะห์จะสนองผลแห่งบุญให้แก่พวกเขา แหละว่าอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์ยิ่งในการอภัยแก่บรรดาที่ได้รับความโปรดจากพระองค์ทรงโปรดปราณียิ่งต่อผู้น้อมภักดีในพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 153 - 155


คำอ่าน
153. ยัสอะลุกะ อะฮฺลุลกิตาบิ อัน..ตุนัซซิละอะลัยฮิม กิตาบัม..มินัสสะมา...อิ์ ฟะก็อดสะอะลูมูสา..อักบะเราะมิน..ซาลิกะ ฟะกอลู..อะรินัลลอฮะ ญะฮฺเราะตัน..ฟะอะเคาะซัตฮุมุศศออิเกาะตุบิซุลมิฮิม ษุม..มัตตะเคาะซุลอิจญละมิม..บะอฺดิมาญา..อัตฮุมุลบัยยินาตุ ฟะอะเฟานาอัน..ซาลิก วะอาตัยนามูสาสุลฏอนัม..มุบีนา
154. วะเราะฟะอฺนาเฟาเกาะฮุมุฏฏูเราะ บิมีษากิฮิม วะกุลนาละฮุมุดคุลุลบาบะ สุจญะเดา..วะกุลนาละฮุม ลาตะอฺดูฟิสสับติ วะแค็อซนามินฮุม..มีษาก็อน เฆาะลีซอ
155. ฟะบิมานักฎิฮิม..มีษาเกาะฮุม วะกุฟริฮิม..บิอายาติลลาฮิ วะก็อตลิฮิมุลอัม..บิยา...อะบิฆ็อยริหักกิว..วะก็อวลิฮิม กุลูบุนาฆุลฟฺ บัลเฏาะบะอัลลอฮุ อะลัยฮาบิกุฟริฮิม ฟะลายุอ์มินูนะอิลลาเกาะลีลา


คำแปล R1.
153. The people of the Scripture (Jews) ask you to cause a Book to descend upon them from heaven. Indeed they asked Musa (Moses) for even greater than that, when they said: "Show us Allah in public," but they were struck with thunder clap and lightning for their wickedness. Then they worshipped the calf even after clear proofs, evidences, and signs had come to them. (Even) so we forgave them. And we gave Musa (Moses) a clear proof of authority.
154. And for their covenant, we raised over them the mount and (on the other occasion) we said: "Enter the gate prostrating (or bowing) with humility;" and we commanded them: "Transgress not (by doing worldly works on) the Sabbath (Saturday)." and we took from them a firm Covenant .
155. Because of their breaking the covenant, and of their rejecting the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah, and of their killing the Prophets unjustly, and of their saying: "Our hearts are wrapped (with coverings, i.e. we do not understand what the Messengers say)" - Nay, Allah has set a seal upon their hearts because of their disbelief, so they believe not but a little.


คำแปล R2.
153. ชาวคัมภีร์จะขอเจ้าให้เจ้านำคัมภีร์สักเล่มลงมาจากฟ้าแก่พวกเขา ซึ่งที่จริงพวกเขาได้เคยขอมูซามากกว่านั้นเสียอีก นั่นคือพวกเขากล่าวว่า “ขอให้ท่าน(นบีมูซา)ทำให้เราได้เห็นอัลเลาะฮฺอย่างเปิดเผย(แล้วเราจึงจะศรัทธาในท่าน)” ต่อมาอสุนีบาตก็คร่าชีวิตของพวกเขาเพราะความฉ้อฉลของพวกเขาเอง แต่แล้วหลังจากนั้น พวกเขาก็หลอมรูปลูกวัวขึ้น(เพื่อบูชา) ภายหลังจากบรรดา(สัญลักษณ์)อันชัดแจ้งได้มายังพวกเขาแล้ว แล้วเราก็ให้อภัยจากกรณีนั้น และเราได้มอบอำนาจอันแจ้งชัดแก่มูซา(เพื่อพิชิตพวกเนรคุณ)
154. และเราได้ยกภูเขาฎูร(ซีนา) เหนือพวกเขา เพื่อเอาสัญญากับพวกเขา และเราได้มีคำสั่งแก่พวกเขาว่า “เจ้าทั้งหลายจงเข้าประตู(บัยติลมักดิส)โดยความคารวะเถิด” และเราได้มีคำสั่งแก่พวกเขาว่า “พวกเจ้าอย่าล่วงละเมิด(บทบัญญัติห้ามจับปลา)ในวันเสาร์และเราได้เอาสัญญาอันมั่นคงต่อพวกเขา
155. ดังนั้น(อัลเลาะฮฺจึงสาปแช่งพวกเหล่านั้นเพราะเหตุที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขาเอง(ที่มีต่ออัลเลาะฮฺ)และเพราะเหตุที่พวกเขาปฏิเสธบรรดาโองการของอัลเลาะฮฺ และเพราะพวกเขาฆ่าบรรดาศาสดาโดยไม่ชอบธรรม และเพราะพวกเขากล่าวว่า”อันัวใจของพวกเราถูกปิดสนิท(ไม่อาจรับคำสอนแห่งอิสลามที่นบีมุฮำมัดได้นำมา)” (ทั้ง ๆ ที่ความจริงแล้วหัวใจของพวกเขาหาได้ปิดไม่) หากทว่าอัลเลาะฮฺได้ทรงประทับไว้บนหัวใจของพวกเขาเพราะความเนรคุณของพวกเขาเอง แต่พวกเขาไม่ศรัทธา (ในคำประกาศของนบีมุฮำมัด) นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น(ที่ศรัทธา)


คำแปล R3.
153. ถ้าพวกชาวคัมภีร์ขอให้เจ้านำคัมภีร์เล่มหนึ่งลงมาจากฟากฟ้า พวกเขาได้ขอมูซาหนักยิ่งกว่านั้นมาแล้ว เพราะพวกเขากล่าวแก่มูซาว่า “จงทำให้เราได้เห็นอัลลอฮฺอย่างชัดแจ้ง” ดังนั้นเนื่องด้วยความชั่วร้ายของพวกเขา สายฟ้าก็ได้ฟาดลงมายังพวกเขาโดยฉับพลัน แล้วพวกเขาก็ได้ยึดเอาลูกวัวไว้เป็นวัตถุบูชาหลังจากพวกเขาได้เห็นสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่หลังจากนั้นเราก็ได้ให้อภัยพวกเขาและเราได้ประทานคำบัญชาอันชัดแจ้งแก่มูซา
154. และเราได้ยกภูเขาเหนือพวกเขาและได้เอาสัญญาจากพวกเขา (ให้เชื่อฟังมัน) เราได้สั่งพวกเขาว่า จงเข้าไปในประตูโดยนอบน้อม และเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า “จงอย่าละเมิดวันสะบาโต” และได้ให้พวกเขาสัญญาว่าจะปฏิบัติตามกฎนี้โดยเคร่งครัด
155. แต่พวกเขาได้ทำลายสัญญา ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายอันชัดแจ้งของอัลลอฮฺ และพยายามฆ่านบีบางคนโดยไม่เป็นธรรม และประกาศว่า “หัวใจของเราถูกห่อหุ้มแล้ว” แต่มิใช่ อัลลอฮฺได้ทรงปิดหัวใจของพวกเขาแล้วเพราะการปฏิเสธของพวกเขา และพวกเขาไม่ได้ศรัทธายกเว้นแต่เพียงเล็กน้อย


คำแปล R4.
153. บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ จะขอร้องเจ้าให้เจ้านำคัมภีร์ฉบับหนึ่งจากฟากฟ้าลงมาแก่พวกเขา แท้จริงนั้นพวกเขาได้ขอร้องมูซาซึ่งสิ่งที่ใหญ่กว่านั้นมาแล้ว โดยที่พวกเขากล่าวว่า จงให้พวกเราเห็นอัลลอฮฺโดยชัดแจ้งเถิด แล้วฟ้าฝ่าก็ได้คร่าพวกเขา เนื่องด้วยความอธรรมของพวกเขา ภายหลังพวกเขาก็ได้ยึดถือลูกวัวหลังจากที่บรรดาหลักฐานอันชัดเจนได้มายังพวก เขา แล้วเราก็อภัยให้ในเรื่องนั้นและเราได้ให้แก่มูซาซึ่งอำนาจอันชัดเจน
154. และเราได้ยกภูเขาอัฏฏูรฺขึ้นเหนือพวกเขาเพื่อให้ได้มาซึ่งสัญญาของพวก เขา และเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า จงเข้าประตูนั้นไป โดยโน้มศีรษะลง และเราได้กล่าวแก่พวกเขาว่า จงอย่าได้ละเมิดในวันสับบะโต และเราได้เอาจากพวกเขาซึ่งสัญญาอันหนักแน่น
155. แล้วเราจึงได้กริ้วพวกเขา และละอฺนัตพวกเขาเนื่องด้วยการที่พวกเขาทำลายสัญญาของพวกเขา และปฏิเสธบรรดาโองการของอัลลอฮฺและฆ่าบรรดานะบีโดยปราศจากความเป็นธรรมและการที่พวกเขากล่าวว่า หัวใจของเรามีเปลือกหุ้มอยู่ หามิได้ อัลลอฮฺได้ทรงประทับตราบนหัวใจของพวกเขาต่างหาก เนื่องจากการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ศรัทธากัน นอกจากเพียงเล็กน้อยเท่านั้น


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ ปวงปราชญ์ชาวยะฮูดีได้ร้องขอต่อพระนบีมูฮำมัดว่า หากท่านได้รับตำแหน่งพระศาสดา(นบี)จริงแล้ว ท่านต้องนำพระคัมภีร์จากฟากฟ้ามายังพวกเราทั้งเล่มได้เหมือนดั่งพระนบีมูซาซิ โองการจากอัลเลาะห์จึงมีลงมาว่า
๑๕๓. โอ้มูฮำมัด ปวงปราชญ์ชาวยะฮูดีผู้ทรงคัมภีร์จะร้องขอต่อเจ้าให้พยายามนำพระคัมภีร์อัล-กุรอานพร้อมกันทีเดียวทั้งเล่มจากฟากฟ้ามายังพวกเขาเหมือนดั่งที่พระคัมภีร์เตารอตได้ถูกประทานลงมายังพระนบีมูซา เท่าที่ปวงปราชญ์ร้องขอนี้ก็เพื่อต้องการให้เจ้าตกอยู่ในความยากลำบากมิใช่เพื่อจะรู้ความจริง แต่ถ้าเป็นการร้องขอเพื่อต้องการรู้ความจริงแล้ว มูฮำมัดก็สามารถที่จะสนองให้เป็นไปตามที่ขอได้ โอ้มูฮำมัด ถ้าเจ้าเห็นว่าการร้องขอของพวกนักปราชญ์ยะฮูดีนั้นเป็นเรื่องยากแล้วที่พวกบรรพบุรุษของปวงปราชญ์เหล่านั้นเคยร้องขอต่อมูซานั้นยากกว่าคำร้องขอของปวงปราชญ์ที่ว่านั้นเสียอีก ทั้งบรรพบุรุษของปวงปราชญ์ยะฮูดีจำนวน ๔๐ คนที่ร่วมทางกับพระนบีมูซาไปยังภูเขาตูริซีนา ยังได้เอ่ยขอต่อมูซษว่าโฮ้มูซา จงให้พวกเรานี้ได้แลเห็นอัลเลาะห์อย่างประจักษ์ชัดด้วยสายตาของพวกเราเองเถิด แต่แล้วพวกนั้นก็ต้องเผชิญความตายเป็นการถูกลงโทษฐานที่พวกนั้นทุจริตแก่ตนเองที่พยายามขอร้องเพื่อให้พระนบีมูซาตกอยู่ในภาวะลำบากยากยิ่งเพราะคำขอของพวกนั้น ครั้นต่อมาบรรพบุรุษของพวกเหล่านั้นที่มิได้ร่วมทางกับพระนบีมูซาไปยังภูเขาตูริซีนา ซึ่งอยู่ในความดูแลขแงพระนบีฮารูน ผู้เป็นพี่ชายของพระนบีมูซาต่างได้นับถือลูกโคทองเป็นพระเจ้าหลังจากมีหลักฐานยืนยันว่า อัลเลาะห์คือพระเจ้าองค์เดียวเท่านั้น ทรงมีพลานุภาพ ทรงมีความรอบรู้ ทรงมีอยู่ดั้งเดิมก่อนอื่นใด ทรงต่างจากวัตถุธาตุและลักษณะใด ๆ ของบรรดาที่มีอยู่ในสากลโลก และหลักฐานชี้ว่าพระนบีมูซานั้น เป็นผู้มีสัจวาจาได้มายังพวกเหล่านั้นแล้วแต่พวกเหล่านั้นหาได้เชื่อหลักฐานดังกล่าวแต่ประการใดไม่ จึงได้นำลูกโคทองมานับถือเป็นพระเจ้าแต่เราก็ได้นิรโทษกรรมเรื่องการนับถือลูกโคทองเป็นพระเจ้าตามที่ว่านั้นแล้ว และเราก็ไม่ต้องการที่จะล้างชาติพันธุ์พวกเหล่านั้นให้สูญสิ้นไปอีกด้วย ซึ่งโดยปกติแล้วจะต้องถูกลงโทษอย่างนี้แน่นอน ทั้งเรายังได้มอบอำนาจอันแจ้งชัดแก่มูซาให้สามารถบังคับพวกเหล่านั้นฆ่าตัวเองเป็นการขอสารภาพกลับใจ(เตาบะห์)อีกด้วย ซึ่งพวกนั้นก็ยอมปฏิบัติตามอำนาจสั่งใช้ของมูซา และก็ปรากฏว่าพวกนั้นถูกฆ่าตายถึงเจ็ดหมื่นคนภายในหนึ่งวันเท่านั้น
๑๕๔. และเรายังได้ยกภูเขาตูริซีนาขึ้นเหนือศีรษะพวกเหล่านั้นเพื่อจะผูกพันสัญญากับพวกนั้นให้เกิดความหวาดกลัวและเพื่อจะได้รับข้อสัญญาของพระองค์แล้วเราก็ได้บอกแก่พวกนั้นขณะที่ภูเขากำลังอยู่เหนือศีรษะพวกนั้นวส่าพวกเจ้าจงเข้าประตูไบตุลมุก็อดดิสโดยน้อมศีรษะคารวะ เราได้บอกแก่พวกนั้นอีกว่าพวกเจ้าอย่าได้ละเมิดกฎแห่งวันเสาร์ด้วยกระทำการประมงเลยและเราได้ผูกพันสัญญาแก่พวกนั้นอย่างเข้มงวดอีกด้วย แต่พวกนั้นกลับผิดข้อสัญญากันโดยใช้ก้นนั่งกระเถิบเข้าสู่ประตูไบตุลมุก็อดดิส และขุดแงที่ชายทะเลดักปลาให้เข้ามาอาศัย พอน้ำทะเลลดในวันรุ่งขึ้นพวกนั้นก็ลงจับปลาในแอ่งน้ำนั้น
๑๕๕. ที่เราได้ขจัดพวกนั้นให้ออกห่างจากความโปรดปราณีทั้งนี้เพราะบรรพบุรุษของพวกนั้นบกพร่องในข้อสัญญาที่พวกตนรับไว้ เพราะไม่ศรัทธาต่อบรรดาโองการของอัลเลาะห์จากพระคัมภีร์เตารอตและพระคัมภีร์อัล-กุรอานที่พระคัมภีร์เตารอตกล่าวถึงเพราะการสังหารเหล่าพระศษสดาจำนวน ๗๐ ท่านอย่างไร้ความเป็นธรรม และเพราะพวกนั้นที่เป็นบุตรหลานของบรรพบุรุษนั้นแสดงถ้อยคำแก่พระนบีมูฮำมัดว่า “หัวใจของพวกเรานี้ถูกเคลือบไม่สามารถจดจำคำเตือนของท่านได้” แต่แล้วอัลเลาะห์ก็ได้ทรงผนึกปิดตายหัวใจของพวกนั้นไว้มิให้ความจริงเข้าสู่ได้ เหมือนดั่งหัวใจของพวกนั้นถูกตีตราประทับเนื่องจากพวกนั้นขาดศรัทธา พวกนั้นจึงไม่ศรัทธากันเลย นอกจากเพียงจำนวนเล็กน้อยเท่านั้น เป็นต้นว่า อับดุลเลาะห์บุตรสลามและคณะ




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 156 - 159


คำอ่าน
156. วะบิกุฟริฮิม วะก็อวลิฮิม อะลามัรฺยะมะ บุฮฺตานัน อะซีมา
157. วะก็อวลิฮิม อิ..นา เกาะตัลนัลมะสีหะ อีสับนะมัรฺยะมะ เราะสูลัลลอฮิ วะมาเกาะตะลูฮุ วะมาเศาะละบูฮุ วะลากิน..ชุบบิฮะละฮุม วะอิน..นัลละซีนัคตะละฟูฟีฮิ ละฟีชักกิม..มินฮฺ มาละฮุม..บิฮี มินอิลมิน อิลลัตติบาอัซซ็อนนฺ วะมาเกาะตะลูฮุยะกีมา
158. บัรฺเราะฟะฮุลลอฮุอิลัยฮิ วะกานัลลอฮุอะซีซัน หะกีมา
159. วะอิม..มินอะฮฺลิลกิตาบิ อิลลาละยุอ์มินัน..นะบิฮี ก็อบละเมาติฮี วะเยามัลกิยามะติ ยะกูนุอะลัยฮิมชะฮีดา


คำแปล R1.
156. And because of their (Jews) disbelief and uttering against Maryam (Mary) a grave false charge (that she has committed illegal sexual intercourse);
157. And because of their saying (in boast), "We killed Messiah 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary), the Messenger of Allah," - but they killed him not, nor crucified him, but the resemblance of 'Iesa (Jesus) was put over another man (and they killed that man), and those who differ therein are full of doubts. They have no (certain) knowledge, they follow nothing but conjecture. For surely; they killed him not [i.e. 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary)]:
158. But Allah raised him ['Iesa (Jesus)] up (with his body and soul) unto himself (and he is in the heavens). And Allah is ever All-Powerful, All-Wise.
159. And there is none of the people of the Scripture (Jews and Christians), but must believe in him ['Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary), as only a Messenger of Allah and a human being], before his ['Iesa (Jesus) or a Jew's or a Christian's] death (at the time of the appearance of the angel of death). And on the Day of Resurrection, he ['Iesa (Jesus)] will be a witness against them.


คำแปล R2.
156. และ(อัลเลาะฮฺได้สาปแช่งพวกเขา)เพราะความเนรคุณของพวกเขาและเพราะพวกเขาได้พูดเท็จอันยิ่งใหญ่แก่มัรยัม(โดยกล่าวหาว่ามัรยัมผิดประเวณี)
157. และ(เพราะ)พวกเขากล่าวว่า”แท้จริงเราได้ฆ่าอัลมะซีฮฺอีซา บุตรของมัรยัมผู้เป็นทูตจากัลป์เลาะฮฺ” แต่ความเป็นจริงพวกเขาไม่ได้ฆ่าอีซา และไม่ได้ตรึงไม้กางเขนแก่อีซาหรอก แต่ว่าเขา(ผู้ตาย)ถูกจำแลงกายให้เหมือน(นบีอีซา)สำหรับพวกเขา(เมื่อมองไปที่ชายผู้ตายนั้น)และแท้จริงบรรดาที่พิพาทกันในเรื่องของเขา(นบีอีซา)นั้น ล้วนตกอยู่ในความสงสัยต่อเรื่องนั้น พวกเขาไม่รู้จริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว นอกจากเพียงแต่คาดการณ์เอาเองเท่านั้น และพวกเขามิได้ฆ่าเขา(นบีอีซา)อย่างแน่นอน
158. แต่ที่จริง อัลเลาะฮฺได้ทรงยกตัวเขาไปยังพระองค์(ทั้งมีชีวิตโดยให้นบีอีซาได้อยู่ที่ฟ้าชั้น 2) และอัลเลาะฮฺทรงอำนาจยิ่ง อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
159. และแท้จริงไม่มีพวกชาวคัมภีร์สักคน(ที่จะไม่ศรัทธากับนบีอีซา) นอกจากทุกคนมีความศรัทธากับเขาก่อนที่ผู้นั้นจะตายและในวันชาติหน้าเขา(นบีอีซา)จะเป็นสักขีพยานแก่พวกเหล่านั้น


คำแปล R3.
156. แล้วการปฏิเสธของพวกเขาเลยเถิดไปจนถึงขนาดที่พวกเขากล่าวร้ายต่อมัรฺยัมอย่างรุนแรง
157. และพวกเขากล่าวว่า “เราได้ฆ่ามะซีฮฺ อีซา ลูกของมัรฺยัม รอซูลของอัลลอฮฺแล้ว แต่ในความจริงแล้วพวกเขาไม่ได้ฆ่าและไม่ได้ทำให้เขาตายบนไม้กางเขน แต่ว่าพวกเขาได้ถูกทำให้มองเห็นละม้ายคล้ายเช่นนั้น และบรรดาผู้ที่ขัดแย้งกันเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีข้อสงสัยเกี่ยวกับมัน พวกเขาไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้นอกจากจะตามการเดา เพราะพวกเขาไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะประสบผลสำเร็จในการฆ่าอีซา
158. ไม่ ความจริงก็คืออัลลอฮได้เทิดเขาขึ้นไปยังพระองค์ เพราะอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
159. ไม่มีใครในหมู่ชาวคัมภีร์เว้นแต่ที่จะเชื่อในอีซาก่อนการตายของเขา และเขาจะเป็นพยานให้แก่พวกเขาในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ


คำแปล R4.
156. และเนื่องจากการที่พวกเขาปฏิเสธศรัทธาและกล่าวให้ร้ายแก่มัรยัม ซึ่งความเท็จอันใหญ่หลวง
157. และการที่พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราได้ฆ่า อัล-มะซีห์ อีซา บุตรของมัรยัม รอซูลของอัลลอฮฺ และพวกเขาหาได้ฆ่าอีซาและหาได้ตรึงเขาบนไม้กางเขนไม่ แต่ทว่าเขาถูกให้เหมือนแก่พวกเขา และแท้จริงบรรดาผู้ที่ขัดแย้งในตัวเขานั้นแน่นอนย่อมอยู่ในความ สงสัยเกี่ยวกับเขาพวกเขาหามีความรู้ใด ๆ ต่อเขาไม่ นอกจากคล้อยตามความนึกคิดเท่านั้นและพวกเขามิได้ฆ่าเขาด้วยความแน่ ใจ (อีซา)
158. หามิได้ อัลลอฮฺได้ทรงยกเขา  ขึ้นไปยังพระองค์ต่างหาก และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
159. และไม่มีอะฮ์ลิลกิตาบคนใด นอกจากแน่นอนเขาจะต้องศรัทธา ต่อท่านนะบีอีซา ก่อนที่เขาจะตายและวันกิยามะฮ์ เขา จะเป็นพยานยืนยันพวกเขาเหล่านั้น


คำแปล R5.
๑๕๖. และอีกก็เพราะว่าพวกนั้นไม่ศรัทธาต่อพระนบีอีซา และเพราะพวกนั้นแสดงถ้อยคำให้ร้ายมัรยำอย่างหนัก โดยโทษหาว่านางประพฤติชั่วช้าทางซินา(ทำการประเวณีนอกอนุญาต)
๑๕๗. และดพราะว่าพวกเหล่านั้นแสดงถ้อยคำโอ้อวดกันในเรื่องเป็นแต่เป็นเพียงการคะเนว่า “พวกเรานี้ได้ฆ่าพระศาสนทูตแห่งอัลเลาะห์คืออีซาบุตรมัรยำผู้มีสมญาว่าศรีมงคล แล้วเป็นแน่แท้” ด้วยเหตุทั้งสิ้นที่กล่าวมาแล้ว เราจึงได้ลงโทษพวกนั้นฐานที่มีบาปสะสมไว้คนละมาก ๆ อัลเลาะห์ตรัสชี้ถึงข้ออ้างเท็จของพวกนั้นที่บอกว่าพวกตนฆ่าอีซาว่า พวกเหล่านั้นหาได้ฆ่าเขาอีซาและหาได้ตรึงเขา(อีซา)[/b]ไว้[/b]กับไม้กางเขนได้ไม่ แต่ทว่าได้มีผู้ที่ถูกฆ่าและถูกตรึงเป็นชายคนหนึ่งผู้สหายของพวกนั้นถูกจำแลงให้พวกนั้นเห็นคล้ายคลึงกับอีซา พวกเหล่านี้จึงคิดว่าผู้นั้นคืออีซา ครั้นเมื่อได้ฆ่าแล้วพวกนั้นก็ได้กล่าวว่า ถ้าผู้ที่ถูกฆ่าเป็นอีซาจริงแล้ว เพื่อนของเราอยู่ไหนเล่า แต่ถ้าผู้ถูกฆ่านี้เป็นเพื่อนของเราแล้ว อีซาอยู่ไหนเล่าและแท้จริงบรรดาผู้ขัดแย้งเกี่ยวกับตัวอีซาผู้นี้นั้นย่อมตกอยู่ในความสงสัยกันในเรื่องการฆ่าอีซานี้ คือเมื่อได้ฆ่าไปแล้วมีผู้เอ่ยถามทักขึ้นว่า ผู้ถูกฆ่านี้ใบหน้าคืออีซา แต่ทว่าเรือนร่างไม่ใช่ ฉะนั้นผู้นี้จึงต้องไม่ใช่อีซาแน ๆ แต่อีกส่วนหนึ่งจากพวกเหล่านั้นยืนยันว่าคนนี้แหละคืออีซา เรื่องการฆ่าอีซานี้ไม่เป็นที่รู้แน่สำหรับพวกเหล่านั้นเลย นอกจากเพียงแต่คาดคะเนกันพอราง ๆ เท่านั้น และหาได้ทำการฆ่าผู้นั้น(อีซา)ลงไปด้วยความแน่ใจไม่
๑๕๘. แต่ที่จริงนั้นอัลเลาะห์ได้ทรงให้เขา(อีซา)ขึ้นไปสู่ฟ้าชั้นที่สองของพระองค์เสียแล้ว ด้วยว่าอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์อิทธิฤทธิ์ยิ่งในอำนาจปกครอง ทรงประณีตยิ่งในระบบการบริหารของพระองค์
๑๕๙. และส่วนหนึ่งจากผู้ทรงคัมภีร์นั้นที่เป็นยะฮูดีก็ดี และที่เป็นนัซรอนีก็ดี จะไม่เป็นอื่น นอกจากจะศรัทธาต่อเขา (อีซา) ว่าเป็นนบีก่อนที่ผู้นั้น (ยะฮูดีหรือนัซรอนี) จะตายลง ขณะที่ผู้นั้นได้แลเห็นมลาอิกะห์ฝ่ายมรณกรรม (มละกุลเมาต์) จะมาปลดชีวิตอยู่แล้ว สำหรับพวกยะฮูดีเมื่อจวนจะตายจะมีมลาอิกะห์ฝ่ายมรณกรรมเฆี่ยนหน้าเฆี่ยนหลังและกล่าวว่า โอ้ศัตรูของอัลเลาะห์ อัลเลาะห์ได้เคยส่งอีซามายังเจ้าในฐานะเป็นนบีเจ้าก็ไม่ยอมเชื่อ แต่พวกนั้นกลับตอบว่าพวกเราเชื่อว่าอีซาเป็นข้าของอัลเลาะห์และเป็นพระศาสนทูตของพระองค์ ฝ่ายพวกนัซรอนีเมื่อจวนจะตายก็ถูกมลาอิกะห์ฝ่ายมรณกรรมเฆี่ยนทั้งข้างหน้าข้างหลังและกล่าวว่า โอ้ศัตรูของอัลเลาะห์ อัลเลาะห์ได้ส่งอีซามาเป็นนบีแก่เจ้า แต่เจ้าก็เข้าใจว่าอีซาเป็นอัลเลาะห์บ้าง และเป็นบุตรของอัลเลาะห์บ่าง ไม่ใช่นบี นัซรอนีพวกนั้นตอบว่าพวกเราเชื่อว่าอีซาเป็นข้าของอัลเลาะห์ ไม่ใช่อัลเลาะห์และไม่ใช่บุตรของอัลเลาะห์แต่อย่างใด รวมความว่าพวกยะฮูดีและนัซรอนีทั้งหมดจะต้องเชื่อว่าอีซาเป็นนบี ในขณะที่ได้แลเห็นมลาอิกะห์ฝ่ายมรณกรรมมาถึงแล้ว ฉะนั้นความศรัทธาของพวกทั้งสองที่เพิ่งจะเกิดขึ้นนั้นย่อมไม่เป็นประโยชน์เลย ทั้งนี้เพราะอัลเลาะห์ไม่ทรงรับรองซึ่งการยอมรับสารภาพกลับใจของผู้ใดในขณะที่ชีวิตจะถึงคอหอยอยู่แล้ว หรืออีกประการหนึ่งเขาจะต้องศรัทธาต่ออีซาก่อนที่อีซาจะถึงแก่มรณกรรมลง เมื่อได้เสด็จลงมาแล้วจากฟากฟ้าสู่พื้นพิภพใกล้วันกิยามะห์ แล้วในวันกิยามะห์ อีซาผู้นี้ก็จะมาเป็นองค์พยานยืนยันพวกบรรพบุรุษของพวกเหล่านั้นทั้งฝ่ายยะฮูดีที่ไม่เชื่อเขาว่าเป็นพระศาสนทูตของอัลเลาะห์และฝ่ายนัซรอนีที่เชื่อว่าเขาเป็นบุตรชายของพระองค์ และเรื่องอื่น ๆ ของทั้งสองฝ่ายนี้อีก




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 160 - 162


คำอ่าน
160. ฟะบิซุลมิม..มินัลละซีนะฮาดู หัรฺร็อมนาอะลัยฮิม ก็อยยิบาติน อุหิลลัตละฮุม วะบิศ็อดดิฮิม อัน..สะบีลิลลาฮิกะษีรอ
161. วะอัคซิฮิมุรฺริบา วะก็อดนุฮูอันฮุ  วะอักลิฮิมอัมวาลัน..นาสิ บิลบาฏิล วะอะอฮตัดนาลิลกาฟิรีนะ มินฮุมอะซาบันอะลีมา
162. ลากินิรฺรอสิคูนะฟิลอิลมิ มินฮุม วัลมุอ์มินูนะ ยุอ์มินูนะ บิมา..อุน..ซิละอิลัยกะ วะมา..อุน..ซิละมิน..ก็อบลิก วัลมุกีมีนัศเศาะลาตะ วัลมุอ์ตูนัซซะกาตะ วัลมุอ์มินูนะบิลลาฮิ วัลเยามิลอาคิรฺ อุลา...อิกะ สะนุอ์ตีฮิม อัจญร็อนอะซีมา


คำแปล R1
160. For the wrong-doing of the Jews, we made unlawful to them certain good foods which has been lawful to them, and for their hindering many from Allah's Way;
161. And their taking of Riba (usury) though they were forbidden from taking it and their devouring of men's substance wrongfully (bribery, etc.). And we have prepared for the disbelievers among them a painful torment.
162. But those among them who are well-grounded in knowledge, and the believers, believe in what has been sent down to you (Muhammad) and what was sent down before you, and those who perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and give Zakat and believe in Allah and in the Last day, it is they to whom we shall give a great reward
.

คำแปล R2.
160. ที่จริงเป็นเพราะความฉ้อฉลจากมวลผู้เป็นยะฮูดีทั้งหลาย เราจึงบัญญัติห้ามพวกเขาบรรดา(อาหาร)ดี ๆ ที่เคยถูกอนุมัติแก่พวกเขา และ(อีกประการหนึ่งเป็น)เพราะการที่พวกเขาขัดขวางแนวทางของอัลเลาะฮฺอย่างมากมาย
161. และ(อีกประการหนึ่งเป็นเพราะ)พวกเขาเอาดอกเบี้ยทั้งที่พวกเขาถูกห้ามจากสิ่งนั้นและ(เป็นเพราะ)พวกเขากินทรัพย์สินของเพื่อนมนุษย์โดยมิชอบธรรมและเราได้เตรียมการลงโทษอันทรมานสำหรับพวกเนรคุณจากพวกเหล่านั้น
162. แต่บรรดาผู้เชี่ยวชาญในความรู้จากพวกเขาและบรรดาผู้มีศรัทธาต่างก็มีความศรัทธาใน(คัมภีร์)ที่ถูกลงมาให้เจ้าและที่ถูกลงมา(ให้ศาสนทูต)ก่อนหน้าเจ้า และบรรดาผู้ดำรงการละหมาดเป็นนิจ และบรรดาที่บริจาคทานซะกาต และบรรดาที่ศรัทธาในวันสุดท้าย อันพวกเหล่านั้น เราจักมอบรางวันอันยิ่งใหญ่แก่พวกเขา


คำแปล R3.
160. ดังนั้นมันก็เป็นการอธรรมของบรรดาผู้เป็นยิว เราจึงได้ห้ามสิ่งดี ๆ มากมายซึ่งก่อนหน้านี้เป็นที่อนุมัติสำหรับพวกเขา ทั้งนี้เนื่องจากเขามักจะขัดขวางทางของอัลลอฮฺ
161. และการที่พวกเขากินดอกเบี้ยซึ่งได้ถูกห้ามแล้ว และเพราะการที่พวกเขากินทรัพย์สินของมนุษย์ผู้อื่นโดยไม่ถูกต้อง และเราได้เตรียมการลงโทษอันเจ็บปวดไว้แล้วสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธ
162. แต่สำหรับผู้มั่นคงในความรู้และผู้ที่ศรัทธาในสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้าและที่ได้ถูกประทานลงมาก่อนเจ้า และผู้ที่ดำรงนมาซและจ่ายซะกาตและศรัทธาในอัลลอฮฺและวันสุดท้าย เหล่านี้ ในไม่ช้า เราจะประทานรางวัลอันยิ่งใหญ่ให้แก่พวกเขา


คำแปล R4.
160. แล้วก็เนื่องด้วยความอธรรมจากบรรดาผู้ที่เป็นยิว เราจึงได้ให้เป็นที่ต้องห้ามแก่พวกเขาซึ่งบรรดาสิ่งดี ๆ ที่ได้ถูกอนุมัติแก่พวกเขามาแล้วและเนื่องด้วยการที่พวกเขาขัดขวางทางของอัลลอฮฺอย่างมากมาย ด้วย
161. และเนื่องด้วยการที่พวกเขาเอาดอกเบี้ยทั้ง ๆ ที่พวกเขาถูกห้ามในเรื่องนั้น และเนื่องด้วยการที่พวกเขากินทรัพย์ของผู้คนโดยไม่ชอบ และเราได้เตรียมไว้แล้ว สำหรับผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ
162. แต่ทว่าบรรดาผู้มั่นในความรู้ในหมู่พวกเขา และบรรดาผุ้ที่ศรัทธานั้น พวกเขาย่อมศรัทธาต่อสิ่งที่ถูกประทานลงมาแก่เจ้า และสิ่งที่ถูกประทานลงมาก่อนเจ้า และบรรดาผู้ที่ดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และบรรดาผู้ชำระซะกาต และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และวันปรโลกชนเหล่านี้แหละเราจะให้แก่พวกเขาซึ่งรางวัลอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๑๖๐. ก็เพราะไม่สัตย์ซื่ออันน่าเกลียดชังจากบรรดาผู้เป็นยะฮูดี เช่นพวกที่ผิดข้อสัญญาเป็นต้นนี้แหละเราจึงได้ให้ของบริโภคต่าง ๆ ที่พึงอนุญาตสำหรับพวกนั้นในพระคัมภีร์เตารอตกลับเป็นสิ่งไม่พึงอนุญาต อันได้แก่สัตว์มีเล็บเป็นต้น กล่าวคือเมื่อพวกเหล่านั้นได้สะสมบาปไว้ประการหนึ่ง อัลเลาะห์ก็จะทรงให้สิ่งบริโภคอย่างหนึ่งที่เคยอนุญาตให้บริโภคกลับเป็นสิ่งไม่พึงอนุญาต เป็นอย่างนี้ทุกครั้งไป เพื่อเป็นการลงโทษพวกนั้นในภพนี้ และอีกประการหนึ่งเป็นเพราะพวกเขาเหล่านั้นพยายามกีดกันมวลมนุษย์ไว้มิให้หันเข้าสู่แนวทางศาสนาของอัลเลาะห์ โดยการแก้ไขและปกปิดคุณลักษณะของมูฮำมัดที่ถูกระบุไว้ในพระคัมภีร์เตารอต
๑๖๑. และเป็นเพราะว่าพวกเหล่านั้นเรียกเอาดอกเบี้ยทั้งที่พวกนั้นก็ถูกห้ามอยู่แล้ว และโกงกินทรัพย์สินของมวลมนุษย์โดยไม่ชอบธรรมด้วยการรับเบี้ยยัด เพื่อให้พิพากษาคดีอย่างไม่ยุติธรรม เราจึงได้เตรียมโทษทรมานอันเจ็บแสบไว้สำหรับกาฟิรในกลุ่มชนยะฮูดีพวกนั้น
๑๖๒. แต่ทว่า บรรดาผู้สันทัดวิชาการในหมู่พวกยะฮูดีนั้นเช่นอับดุลเลาะห์บุตรสลามก็ดี บรรดาผู้ศรัทธาที่เป็นชาวมดีนะห์และชาวนครมักกะห์ที่อพยพตามพระนบีมูฮำมัดไปยังนครมดีนะห์ ที่ต่างมีใจศรัทธาต่อพระคัมภีร์อัล-กุรอานที่ถูกประทานลงมายังเจ้า(มูฮำมัด) และต่อพระคัมภีร์ อื่น ๆอีก ๑๐๓ เล่ม ที่ถูกประทานลงมาก่อนหน้าเจ้าก็ดี บรรดาผู้ดำรงการละหมาด ๕ เวลาตลอดจนบรรดาผู้จำหน่ายซะกาตในส่วนที่จำเป็นก็ดี และบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และต่อวันอวสานก็ดี พวกที่ออกชื่อประเภททั้ง ๕ เหล่านี้แหละในภายภาคหน้าเราจะให้พวกเขาได้รับซึ่งผลบุญกุศลตอบแทนอย่างใหญ่หลวง นั่นคือสรวงสวรรค์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 163 - 165


คำอ่าน
163. อิน..นา..เอาหัยนา..อิลัยกะ กะมา..อาหัยนา..อิลานูหิว..วัน..นะบียีนะ มิม..บะอฺดิฮี วะเอาหัยนา..อิลา..อิบรอฮีมะ วะอิสมาอีละ วะอิสหาเกาะ วะยะอฺกูบะ วัลอัสบาฏ วะอีศา วะอัยยูบะ วะยูนุสะ วะฮารูนะ วะสุลัยมาน วะอาตัยนาดาวูดะ ซะบูรอ
164. วะรุสุลัน..ก็อดเกาะศ็อศนาฮุม อะลัยกะมิน..ก็อบลุ วะรุสุลัลลัม นักศุศฮุมอะลัยกะ วะกัลละมัลลอฮุมูสาตักลีมา
165. รุสุลัม..มุบัชชิรีนะ วะมุน..ซิรีนะ ลิอัลลายะกูนะลิน..นาสิ อะลัลลอฮิหุจญะตุม..บะอฮดัรฺรุสุล วะกานัลลอฮุอะซีซันหะกีมา


คำแปล R1.
163. Verily, we have inspired you (O Muhammad ) as we inspired Nuh (Noah) and the Prophets after him; we (also) inspired Ibrahim (Abraham), Isma'il (Ishmael), Ishaque (Isaac), Ya'qub (Jacob), and Al-Asbat [the twelve sons of Ya'qub (Jacob)], 'Iesa (Jesus), Ayub (Job), Yunus (Jonah), Harun (Aaron), and Sulaiman (Solomon), and to Dawud (David) we gave the Zabur (Psalms).
164. And Messengers we have mentioned to you before, and Messengers we have not mentioned to you, - and to Musa (Moses) Allah spoke directly.
165. Messengers as bearers of good news as well as of warning in order that mankind should have no plea against Allah after the Messengers. And Allah is ever All-Powerful, All-Wise.


คำแปล R2.
163. แท้จริงเราได้ดลโองการแก่เจ้าประดุจเดียวกับที่เราได้ดลแก่นูหฺ และบรรดาศาสดาภายหลังจากเขา และเราได้ดลโองการแก่อิบรอฮีม อิสมาอีล อิสหาก ยะอกู๊บ บรรดาเผ่าพันธุ์(ของเขา) อีซา อัยยูบ ยูนุส ฮารูนและสุไลมาน และเราได้ประทาน(คัมภีร์)ซะบูร์แก่นบีดาวุด
164. และมีศาสนทูตบางคนที่เราได้แถลง(เรื่องราวของพวกเขา)ให้เจ้า(รู้)เมื่อก่อนหน้านี้(โดยมีจำนวนที่แถลงในอัลกุรอาน 25 คน) และมีศาสนทูตบางคนที่เรามิได้แถลง(เรื่องราวของ)พวกเขาให้เจ้า(รู้) และอัลเลาะฮฺได้ทรงตรัสกับมูซาโดยตรง(ไม่ผ่านยิบรออีลเป็นสื่อ)
165. บรรดาศาสนทูต(ที่ถูกส่งมา)ล้สนเป็นผู้ประกาศข่าวประเสริฐและตักเตือน(มวลประชากรให้รู้ผิดรู้ชอบ)เพื่อจะได้ไม่มีหลักฐานสำหรับมนุษย์(ได้ใช้โต้เถียง)กับอัลเลาะฮฺภายหลังจากบรรดาศาสนทูต(ได้ถูกส่งมา) และอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
163. (โอ้ มุฮัมมัด) เราได้วะฮียฺแก่เจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้วะฮียฺแก่นุฮฺ และบรรดานบีอื่น ๆ หลังจากเขา และเราได้วะฮียฺแก่อิบรอฮีม อิสหาก ยะกู๊บและวงศ์วานของเขา และอีซา อัยยูบ ยูนุส ฮารูน สุลัยมาน และเราได้ประทานซะบูรฺแก่ดาวุด
164. และเราได้วะฮียฺแก่บรรดารอซูลที่เราได้บอกเล่าแก่เจ้ามาก่อน และแก่บรรดารอซูลที่เราไม่ได้บอกเล่าแก่เจ้า และอัลลอฮฺได้พูดกับมูซาโดยตรงเหมือนในการสนทนา
165. บรรดารอซูลเหล่านี้ถูกส่งมาเป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน ทั้งนี้เพื่อที่ว่าหลังจากการมาของรอซูลเหล่านี้แล้วมนุษย์จะได้ไม่มีข้ออ้างต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ


คำแปล R4.
163. แท้จริงเราได้มีโองการแก่เจ้า เช่นเดียวกับที่เราได้มีโองการแก่นูฮฺ และบรรดานะบีหลังจากเขา และเราได้มีโองการแก่อิบรอฮีมและอิสมาอีล และอิสฮาก และยะอฺกูบ และอัล-อัสบาฏ และอีซา และอัยยูบ และยูนุส และฮารูน และ สุลัยมาน และเราได้ให้ ซะบูรฺ แก่ดาวูด
164. และมีบรรดารอซูล ซึ่งเราได้เล่าถึงพวกเขาแก่เจ้ามาก่อนแล้ว และมีบรรดารอซูลซึ่งเรามิได้เล่าแก่เจ้าเกี่ยวกับพวกเขาและอัลลอฮฺได้ตรัสแก่มูซาจริงๆ
165. คือบรรดารอซูลในฐานะผู้แจ้งข่าวดี และในฐานะผู้ตักเตือน เพื่อว่ามนุษย์จะได้ไม่มีหลักฐานใด ๆ อ้างแก้ตัวแก่อัลลอฮฺได้ หลังจากบรรดารอซูลเหล่านั้น และอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเดชานุภาพ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีอยู่ว่า แท้จริงบุตรอับบาสได้เล่าว่า มิสกีน กับอะดีย์บุตนซัยด์พูดว่า โอ้มูฮำมัด พวกเรานี้ไม่ทราบเลยว่าอัลเลาะห์ได้ประทานพระคัมภีร์ให้แก่มนุษย์คนหนึ่งคนใดไว้หลังสมัยของมูซา จึงมีโองการลงมาว่า
๑๖๓. โอ้มูฮำมัด ที่จริงเรา(อัลเลาะห์)ได้ดลโองการลงไปยังเจ้าแล้วเหมือนอย่างที่เราเคยดลโองการไปยังนูห์และบรรดาพระศาสดาที่ถัด ๆ ไปจากเขา (นูห์) และเหมือนอย่างที่เราได้เคยดลโองการไปยังอิบรอฮีม ไปยังอิสมาอีล ไปยังอิสหาก ซึ่งทั้งสองที่ออกชื่อนี้เป็นบุตรของอิบรอฮีม ไปยังยะกู๊บผู้เป็นบุตรอิสหาก และไปยังบรรดาลูกหลานผู้สืบเชื้อสายของยะกู๊บ ไปยังอีซา บุตรมัรยำ ไปยังไอยู๊บ ไปยังยูนุสบุตรมตา ไปยังฮารูนบุตรอิมรอน และไปยังสุไลมานบุตรดาวู๊ด ทั้งเรายังได้มอบพระคัมภีร์ซะบูรให้ดาวูดผู้เป็นบิดาของสุไลมานอีกด้วย
๑๖๔. อีกทั้งบรรดาพระศาสนทูตที่เราได้ส่งมายังพิภพนั้นเราก็ได้บอกประวัติของพวกพระศาสนทูตเหล่านั้นแก่เจ้าไว้ก่อนแล้วทุก ๆ คนซึ่งมีปรากฏอยู่ในพระคัมภีร์อัล-กุรอานถึง ๒๖ องค์ แต่บรรดาพระศาสนทูตที่เราได้ส่งมายังพื้นพิภพนั้นเรามิได้บอกประวัติและมิได้ออกชื่อของพวกเขาไว้แก่เจ้าในพระคัมภีร์อัลกึรอานก็มี ถ้าจะนับเอาองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า (สิทธัตถะ) เป็นตัวอย่างสักพระองค์หนึ่งก็คงไม่ผิด ทั้งนี้เนื่องจากพุทธโอวาทส่วนใหญ่ละม้ายคล้ายคลึงกับคำสั่งสอนของบรรดาพระศาสนทูตทั้ง ๒๖ ดังกล่าวข้างต้น และอัลเลาะห์ยังได้เปิดกำบังกั้นให้มูซาสดับฟังความหมายแห่งพระวาจาที่มีอยู่แล้วในพระองค์โดยแท้อย่างปราศจากยิบรออีลเป็นสื่อกลางอีกด้วย
๑๖๕. พวกเหล่านั้นเป็นพระศาสนทูตที่ทำหน้าที่แจ้งข่าวดีด้วยบุญกุศลแก่ผู้ที่ศรัทธาและเป็นผู้ตักเตือนพวกกาฟิรทั้งหลายด้วยการลงอาญาของอัลเลาะห์ ที่เราได้แต่งตั้งพระศาสนทูตเหล่านั้นส่งมายังมวลมนุษย์ทั้งนี้ก็เพื่อระงับข้อแก้ตัวของมวลมนุษย์มิให้มวลมนุษย์มาโต้ยันอัลเลาะห์ (ในวันกิยามะห์) หลังจากได้มีพวกศาสนทูตถูกส่งมาแล้ว ว่า โอ้องค์อภิบาลแห่งเหล่าข้าพระองค์ พระองค์น่าจะแต่งตั้งพระศาสนทูตส่งมายังบรรดาข้าพระองค์ทั้งหลาย มาชี้แจงกฎบัญญัติของพระองค์ให้บรรดาข้าพระองค์ทราบและมาสั่งสอนข้อบัญญัติต่าง ๆ ของพระองค์ซึ่งข้าพระองค์ทั้งหลายไม่เคยได้รู้เพื่อว่าข้าพระองค์จะได้ประพฤติปฏิบัติตามบทบัญญัติใช้และห้ามของพระองค์ และเพื่อว่าข้าพระองค์จะได้เป็นส่วนหนึ่งของเหล่าศรัทธาชน ฝ่ายอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์อิทธิฤทธิ์ยิ่ง ในทางปกครองและอำนาจโดยเด็ดขาด ทรงประณีตยิ่งในระบบบริหารงานทั้งปวงของพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 166 - 169


คำอ่าน
166. ลากินิลลาฮุ ยัชฮะดุบิมา..อัน..ซะละอิลัยกะ อัน..ซะละฮูบิอิลมิฮี วัลมะลา...อิกะตุยัชฮะดูน วะกะฟาบิลลาฮิชะฮีดา
167. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู วะศ็อดดูอัน..สะบีลิลลาฮิ ก็อดฎ็อลลู เฎาะลาลัม..บะอีดา
168. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู วะเซาะละมู ลัมยะกุนิลลาฮุ ลิยัฆฟิเราะละฮุม วะลาลิยะฮฺดิยะฮุมเฏาะรีกอ
169. อิลลาเฏาะรีเกาะญะฮัน..นะมะ คอลิดีนะฟีฮา..อะบะดา วะกานะซาลิกะอะลัลลอฮิยะสีรอ


คำแปล R1.
166. But Allah bears witness to that which He has sent down (the Qur'an) unto you (O Muhammad), He has sent it down with his knowledge, and the angels bear witness. And Allah is All-Sufficient as a witness.
167. Verily, those who disbelieve [by concealing the truth about Prophet Muhammad and his message of true Islamic Monotheism written with them in the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)] and prevent (mankind) from the Path of Allah (Islamic Monotheism), they have certainly strayed far away. (Tafsir Al-Qurtubi). (See V.7:157)
168. Verily, those who disbelieve and did wrong [by concealing the truth about Prophet Muhammad and his message of true Islamic Monotheism written with them in the Taurat (Torah) and the Injeel (Gospel)], Allah will not forgive them, nor will He Guide them to any way, - (Tafsir Al-Qurtubi).
169. Except the Way of Hell, to dwell therein forever and this is ever easy for Allah.


คำแปล R2.
166. แต่อัลเลาะฮฺทรงเป็นสักขีพยานแก่ (สัจธรรมแห่งกุรอาน)ที่ทรงประทานลงมายังเจ้า พระองค์ประทานสิ่งนั้นด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และมลาอิกะฮฺเป็นสักขีพยานและเพียงอัลเลาะฮฺก็ย่อมจะเป็นสักขีพยานได้เพียงพอแล้ว
167. แท้จริงบรรดาเหล่าผู้เนรคุณและขัดขวางแนวทางแห่งอัลเลาะฮฺ แน่นอนพวกเขาพลงทางอันห่างไกลยิ่งนัก
168. แท้จริงเหล่าผู้เนรคุณและฉ้อฉล อัลเลาะฮฺจะไม่ทรงให้อภัยแก่พวกเขา และไม่ทรงชี้นำแนวทาง(อันถูกต้อง)แก่พวกเขาเลย
169. ยกเว้นแนวทางของ(นรก)ยะฮันนัมซึ่งพวกเขาเข้าประจำในนั้นตลอดไป และสิ่งนั้นเป็นความสพดวกง่ายดายยิ่งนัก สำหรับอัลเลาะฮฺ (ที่จะทรงบันดาลให้เป็นไป)


คำแปล R3.
166. (มนุษย์อาจจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้) แต่อัลลอฮฺทรงเป็นพยานในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่เจ้าว่า พระองค์ได้ทรงประทานมันลงมาด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และบรรดามลาอิกะฮฺก็เป็นพยานด้วย และแค่อัลลอฮฺเป็นพยานก็เป็นการเพียงพอแล้ว
167. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธและกีดกันผู้อื่นจากทางของอัลลอฮฺ พวกเขาได้หลงทางไปไกลลิบ
168. แท้จริงบรรดาผู้ปฏิเสธและอยุติธรรมนั้น อัลลอฮฺจะไม่ทรงอภัยพวกเขา และจะไม่ทรงนำทางพวกเขาสู่หนทางใด ๆ
169. เว้นแต่ทางของนรกซึ่งพวกเขาจะพำนักอาศัยอยู่ในนั้นกาลนาน และนั่นเป็นการง่ายสำหรับอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
166. แต่ทว่าอัลลอฮฺนั้นทรงยืนยันในสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานลงมาแก่ เจ้า ว่า พระองค์ได้ทรงประทานสิ่งนั้นมาด้วยความรู้ของพระองค์และมะลาอิกะฮฺก็ยืนยัน ด้วย และพอเพียงแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงยืนยัน
167. แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และขัดขวางทางของอัลลอฮฺนั้น แน่นอนพวกเขาได้หลงทางไปแล้วอย่างไกล
168. แท้จริงบรรดาผู้ที่ปฏิเสธศรัทธา และอธรรมแก่ตัวเองนั้น ใช่ว่าอัลลอฮฺจะทรงอภัยโทษให้แก่พวกเขาก็หาไม่ และก็ใช่ว่าพระองค์จะทรงแนะนำแก่พวกเขา ซึ่งทางหนึ่งทางใดก็หาไม่
169. นอกจากทางแห่งนรกญะฮันนัม โดยที่พวกเขาจะอยู่ในนั้นตลอดกาล และนั่นเป็นสิ่งง่ายดายแก่อัลลอฮฺเป็นสิทธิของอัลลอฮฺทั้งสิ้น


คำแปล R5.
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ มีว่า ขณะที่พวกยะฮูดีถูกซักถามถึงเรื่องตำแหน่งพระศาสดาของมูฮำมัด ยะฮูดีพวกนั้นก็ปฏิเสธเรื่องนี้เสีย จึงมีโองการลงมาว่า
๑๖๖. แต่อัลเลาะห์จะทรงให้การยืนยันเรื่องตำแหน่งพระศาสดาของเจ้าได้ด้วยพระคัมภีร์อัล-กุรอาน ที่พิสดารอย่างไม่มีนักประพันธ์ใด ๆ สามารถประพันธ์ขึ้นประกวดให้เทียมทันได้ อันเป็นพระคัมภีร์ที่พระองค์ได้ประทานลงมายังเจ้า ได้ประทานลงมาพร้อมด้วยความรู้ของพระองค์ ฝ่ายมลาอิกะห์ทั้งหลายก็ยืนยันเรื่องตำแหน่งการเป็นศาสดาของเจ้าอีกด้วย และมีเพียงแต่อัลเลาะห์เป็นองค์พยานยืนยันตำแหน่งพระศาสดาของเจ้าก็พออยู่แล้ว
๑๖๗. แท้จริงบรรดายะฮูดีผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ที่ได้ขัดขวางมวลมนุษย์ให้เหห่างไปจากแนวทางแห่งพระศาสนาของ[/b]อัลเลาะห์ โดยวิธีปิดบังเรื่องคุณลักษณะของมูฮำมัดอันระบุอยู่ในพระคัมภีร์เตารอตนั้น ย่อมหลงผิดหนทางเที่ยงตรงเสียแล้วอย่างไกลสุดไกล
๑๖๘. แท้จริงบรรดายะฮูดีผู้ไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ที่ได้ก่อการทุจริตต่อมูฮำมัดผู้พระศาสดาของพระองค์ด้วยการปิดบังคุณลักษณะของมูฮำมัดนั้นย่อมหามิได้แล้วที่อัลเลาะห์จะทรงอภัยโทษให้ และหามิได้อีกแล้วที่พระองค์จะทรงแนะนำหนทางเที่ยงธรรมให้แก่พวกยะฮูดีเหล่านั้น
๑๖๙. เว้นไว้แต่หนทางแห่งนรกยะฮันนำ โดยพระองค์จะทรงนำพวกนั้นไปสู่และให้สถิตมั่นอยู่ในนรกแห่งนั้นชั่วนิรันดรอย่างไม่มีวันได้รับการปลดปล่อยและไม่ตายเท่านั้น และการที่พระองค์จะทรงให้พวกนั้นดำรงอยู่ในนรกยะฮันนำเช่นที่ว่านี้ย่อมเป็นของง่ายสำหรับอัลเลาะห์ยิ่งนัก
[/color]


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 170 - 171


คำอ่าน
170. ยา..อัยยุฮัน..นาสุ ก็อดญา..อะกุมุรฺเราะสูลุ บิลหักกิมิรฺร็อบบิกุม ฟะอามินูค็อยร็อลละกุม วะอิน..ตักฟุรู ฟะอิน..นะลิลลาฮิ มาฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะกานัลลอฮุอะลีมันหะกีมา
171. ยา..อะฮฺลัลกิตาบิ ลาตัฆลูฟีดีนิกุม วะลาตะกูลู อะลัลลอฮิ อิลลัลหักก์ อิน..นะมัลมะสีหุ อีสับนุมัรฺยะมะ เราะสูลุลลอฮฺวะกะลิมะตุฮู อัลกอฮา..อิลามัรฺยะมะวะรูหุม..มินฮุ ฟะอามินูบิลลาฮิ วะรุสุลิฮฺ วะลาตะกูลูษะลาษะฮฺ อิน..ตะฮูค็อยร๊อลละกุม อิน..นะมัลลอฮุอิลาฮู..วาหิด สุบหานะฮู..อัย..ยะกูนะวะลัด ละฮูมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ วะกะฟาบิลลาฮิวะกีลา


คำแปล R1.
170. O mankind! Verily, there has come to you the Messenger (Muhammad) with the Truth from your Lord, so believei him, it is better for you. But if you disbelieve, then certainly to Allah belongs all that is in the heavens and the earth. And Allah is ever All-Knowing, All-Wise.
171. O people of the Scripture (Jews and Christians)! Do not exceed the limits in your religion, nor say of Allah aught but the truth. The Messiah 'Iesa (Jesus), son of Maryam (Mary), was (no more than) a Messenger of Allah and his word, ("Be!"- and he was) which He bestowed on Maryam (Mary) and a spirit (Ruh) created by him; so believe in Allah and his Messengers. Say not: "Three (trinity)!" Cease! (It is) better for you. For Allah is (the only) one Ilah (God), Glory be to Him (Far Exalted is He) above having a son. To Him belongs all that is in the heavens and all that is in the earth. And Allah is All-Sufficient as a Disposer of affairs.


คำแปล R2.
170. โอ้ มวลมนุษย์ทั้งหลาย! แท้จริงได้มีศาสนทูตนำสัจธรรมจากองค์อภิบาลแห่งพวกเจ้ามาสู่พวกเจ้าแล้ว ดังนั้นพวกเจ้าจงศรัทธาเถิด (เพราะเป็น)สิ่งอันประเสริฐสุดสำหรับพวกเจ้า และหากพวกเจ้าปฏิเสธ แน่นอนอัลเลาะฮฺย่อมทรงสิทธิ์ในสรรพสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน และอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้อีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
171. โอ้ชาวคัมภีร์ พวกเจ้าอย่าล่วงละเมิดใน(บทบัญญัติ)ศาสนาแห่งพวกเจ้า และพวกเจ้าอย่ากล่าว(เรื่องเท็จ)แก่อัลเลาะฮฺ นอกจากต้องเป็นเรื่องจริงเท่านั้น อันที่จริงอัลมะซีฮฺ อีซา บุตรมัรยัม เป็นศาสนทูตของอัลเลาะฮฺ และเป็นถ้อยคำของพระองค์ที่พระองค์ทรงถ่ายทอดมันลงสู่มัรยัม และเป็นจิตวิญญาณ (ที่ถูกบันดาล)จากพระองค์(เอง)...ดังนั้นพวกเจ้าจงศรัทธาในอัลเลาะฮฺและบรรดาศาสนทูตของพระองค์เถิด...และพวกเจ้าอย่าพูดว่า “(พระผู้เป็นเจ้า)มีสาม” พวกเจ้าจงหยุด(คำพูดเช่นนั้น)เสียเถิด มันจะเป็นการดีแก่พวกเจ้าเอง อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นพระเจ้าเพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนักที่จะทรงมีบุตร สรรพสิ่งในชั้นฟ้าและในแผ่นดินเป็นของพระองค์ และเพียงอัลเลาะฮฺเท่านั้นก็เป็นการเพียงพอแล้วที่ทรงเป็นผู้รับมอบหมาย


คำแปล R3.
170. มนุษย์เอ๋ย รอซูลนี้ได้มายังสูเจ้าพร้อมกับสัจธรรมจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้า ดังนั้น จงศรัทธาเขา เพราะมันเป็นการดีกว่าสำหรับพวกเจ้าเอง แต่ถ้าสูเจ้าปฏิเสธ สูเจ้าก็ควรจะรู้ไว้ว่าทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินนั้นเป็นของอัลลอฮฺ และอัลลอฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณเสมอ
171. โอ้ชาวคัมภีร์ จงอย่าละเมิดขอบเขตในศาสนาของสูเจ้า และจงอย่ากล่าวสิ่งใดนอกจากความจริงต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัล-มะซีฮฺ อีซา ลูกของมัรฺยัมเป็นเพียงรอซูลคนหนึ่งของอัลลอฮฺและ พระบัญชาของพระองค์ที่ได้ทรงสื่อแก่มัรฺยัมและวิญญาณจากพระองค์ (ที่อยู่ในรูปเด็กคนหนึ่งในครรภ์ของมัรฺยัม) ดังนั้นจงศรัทธาในอัลลอฮฺและบรรดารอซูลของพระองค์ และจงอย่ากล่าวว่ามีสาม จงยับยั้งจากการกล่าวเช่นนี้ มันเป็นการดีกว่าสำหรับสูเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นพระเจ้าแต่เพียงองค์เดียว พระองค์ทรงสูงเกินกว่าที่จะมีบุตร ทุกสรรพสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินเป็นของพระองค์ และพระองค์เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับการเป็นผู้พิทักษ์


คำแปล R4.
170. มนุษย์ชาติทั้งหลาย! แท้จริงรอซูลนั้นได้นำความจริงจากพระเจ้าของพวกเจ้ามายังพวกเจ้าแล้ว จงศรัทธากันเถิด มันเป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเจ้า และหากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธาแล้ว แท้จริงสิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺทั้งสิ้น และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงปรีชาญาณ
171. อะฮฺลุลกิตาบทั้งหลาย จงอย่าปฏิบัติให้เกินขอบเขต ในศาสนาของพวกเจ้า และจงอย่ากล่าวเกี่ยวกับอัลลอฮฺ นอกจากสิ่งที่เป็นจริงเท่านั้น แท้จริง อัล-มะซีฮฺ อีซาบุตรของมัรยัมนั้น เป็นเพียงรอซูลของอัลลอฮฺ และเป็นเพียงดำรัสของพระองค์ที่ได้ทรงกล่าวมันแก่มัรยัม และเป็นเพียงวิญญาณหนึ่งจากพระองค์ เท่านั้น ดังนั้นจงศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และบรรดาร่อซูลของพระองค์เถิด และจงอย่ากล่าวว่าสามองค์เลย จงหยุดยั้งเสียเถิด มันเป็นสิ่งดียิ่งแก่พวกเจ้า แท้จริงอัลลอฮฺคือผู้ควรได้รับการเคารพสักการะแต่เพียงองค์เดียวเท่านั้น พระองค์ทรงบริสุทธิ์จากการที่จะทรงมีพระบุตร สิ่งที่อยู่ในบรรดาชั้นฟ้า และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของพระองค์ทั้งสิ้น และเพียงพอแล้วที่อัลลอฮฺเป็นผู้ได้รับมอบหมายให้คุ้มครองรักษา


คำแปล R5.
๑๗๐. โอ้มวลชนชาวนครมักกะห์ อันที่จริงมูฮำมัดผู้เป็นพระศาสนทูตก็ได้มาถึงพวกเจ้าแล้วพร้อมกับความสัจจริงจากองค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเจ้า จึงให้พวกเจ้าศรัทธาต่อพระนบีมูฮำมัดและจงมุ่งหาความเลื่อมใสศรัทธาอันเป็นความดีสำหรับพวกเจ้า ซึ่งความไม่ศรัทธาของพวกเจ้านั้นย่อมไม่มีอะไรดีเลย และหากพวกเจ้าไม่ศรัทธาต่ออัลเลาะห์ แน่นอนความไม่ศรัทธาของพวกเจ้านี้ย่อมไม่สามารถก่อความเดือดร้อนแก่อัลเลาะห์ได้เลย เพราะว่าอัลเลาะห์ย่อมทรงสิทธิในทางการปกครอง ทางการสร้างสรรค์และทรงไว้ซึ่งกรรมสิทธิ์ในสิ่งทั้งหลายทั้งปวงบรรดาที่มีในชั้นฟ้าทั้งเจ็ด และที่มีในแผ่นดินอยู่แล้ว แหละว่าอัลเลาะห์นั้นทรงเป็นองค์รู้ยิ่งในสรรพสิ่งทั้งปวงที่ถูกสร้างของพระองค์ ทรงประณีตยิ่งในระบบบริหารสรรสิ่งทั้งปวงที่ถูกสร้างของพระองค์
๑๗๑. โอ้เหล่าชนผู้ทรงพระคัมภีร์ทั้งฝ่ายยะฮูดีที่ถือพระคัมภีร์เตารอตและฝ่ายนัซรอนีที่ถือพระคัมภีร์อินยีล พวกเจ้าอย่าได้พูดจาล่วงละเมิดเกินขอบเขตในเรื่องศาสนาของพวกเจ้า โดยฝ่ายยะฮูดีประนามอีซาหาว่าเป็นลูกนอกสมรสของนางมัรยำและฝ่ายนัซรอนียออีซาว่าเป็นบุตรของอัลเลาะห์ และว่าเป็นพระเจ้าองค์ที่สาม และพวกเจ้าทั้งฝ่ายยะฮูดีและฝ่ายนัซรอนีอย่าได้พูดจาเกี่ยวข้องกับอัลเลาะห์และอีซาเลย นอกจากจะพูดไปในความจริง โดยจะต้องพูดว่าอีซานั้นไม่ใช่พระเจ้าองค์ที่สาม และว่าอีซาไม่ใช่บุตรของพระองค์ และฝ่ายยะฮูดีจะต้องพูดว่าอีซาไม่ใช่ลูกนกสมรสของนางมัรยำ ก็แหละอีซาบุตรมัรยำผู้มีสมญานามว่า “ศรีมงคล” นั้นเป็นแต่เพียงพระศาสนทูตของอัลเลาะห์ เป็นแต่เพียงปกาศิตของพระองค์ที่ได้ทรงแสดงหยั่งลงมายังนางมัรยำ โดยทรงใช้ให้ยิบรออีลนำพระปกาศิตนี้มาเป่าเข้าที่คอเสื้อของนางมัรยำเข้าสู่อวัยวะเพศของนาง ครั้นแล้วนางจึงตั้งครรภ์อีซาโดยปราศจากผู้เป็นบิดาและอสุจิใด ๆ และเป็นชีวิตหนึ่งมาแต่ฝ่ายพระองค์ โดยพระองค์ทรงสั่งให้ยิบรออีลมาเป็นผู้ประจุชีวิตเท่านั้น โอ้พวกนัซรอนี ดังนั้นพวกเจ้าจงศรัทธาต่ออัลเลาะห์และบรรดาพระศาสนทูตของพระองค์ทั้ง ๒๖ ท่านเถิด และจงอย่าพูดว่า “พระเจ้าของเรานั้นเป็นองค์สาม” โดยอ้างว่าอีซาคือบุตรของอัลเลาะห์ บ้างก็ว่าพระผู้เป็นเจ้ามีสององค์ คืออัลเลาะห์และอีซา และบ้างก็กล่าวว่าพระผู้เป็นเจ้ามีสามได้แก่อัลเลาะห์ อีซาและมัรยำ พวกเจ้าทั้งสามฝ่ายจงยับยั้งคำพูดอย่างนั้นกันเถิด จงเอาความดียิ่งใส่ตัวพวกเจ้าไว้ แปลว่าพวกเจ้าจะต้องพูดว่า ที่จริงแล้วอัลเลาะห์เท่านั้นที่เป็นพระเจ้าองค์เดียว ฉันขอแสดงถึงพระบริสุทธิคุณแห่งพระองค์ไว้ว่า ไม่ทรงวิสัยในการให้กำเนิดบุตร อันบรรดาที่มีในชั้นฟ้าทั้งเจ็ดและในแผ่นดินก็ดี การปกครองก็ดี การสร้างสรรค์ก็ดี เหล่านี้ย่อมเป็นสิทธิของพระองค์ทั้งสิ้น เพราะขึ้นชื่อว่าความเป็นผู้ให้กำเนิดบุตรแล้วย่อมเข้าและรับกันไม่ได้กับลักษณะแห่งการปกครอง ฉะนั้นเมื่ออีซาเป็นหนึ่งในกรรมสิทธิ์ทั้งหลายของอัลเลาะห์ ก็ไม่มีทางเป็นไปได้ที่อีซาจะเป็นบุตรของพระองค์ และมีอัลเลาะห์แต่เพียงผู้เดียวไว้เป็นองค์เอกเทศ มีอิสระในการบริหารสรรพสิ่งที่ถูกพระองค์ทรงสร้างสรรค์โดยมิต้องมีบุตรไว้เป็นผู้ช่วย ก็เพียงพออยู่แล้ว




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 172 - 173


คำอ่าน
172. ลัย..ยัสตัน..กิฟัลมะสีหุ อัย..ยะกูนะ อับดัลลิลลาฮิ วะลัลมะลาอิกะตุลมุก็อรฺเราะบูน วะมัย..ยัสตัน..กิฟ อันอิบาดะติฮีวะยัสตักบิรฺ ฟะสะยะหฺชุรุฮุม อิลัยฮิญะมีอา
173. ฟะอัม..มัลละซีนะอามะนู วะอะมิลึศศอลิหาติ ฟะยุวัฟฟีฮิมอุญูเราะฮุม วะยะซีดะฮุม..มิน..ฟัฎลิฮฺ วะอัม..มัลละซีนัสตัน..กะฟู วัสตักบะรู ฟะยุอัซซิบุฮุมอะซาบันอะลีมา วะลายะญิดูนะละฮุม มิน..ดูนิลลาฮิ วะลีเยา..วะลานะศีรอ


คำแปล R1.
172. The Messiah will never be proud to reject to be a slave to Allah, nor the angels who are near (to Allah). And whosoever rejects his worship and is proud, and then he will gather them all together unto himself.
173. So, as for those who believed (in the Oneness of Allah - Islโmic Monotheism) and did deeds of righteousness, He will give their (due) rewards, and more out of his Bounty. But as for those who refuse his worship and were proud, He will punish them with a painful torment. And they will not find for themselves besides Allah any protector or helper.


คำแปล R2.
172. อัลมะซีฮฺ (นบีอีซา) จะไม่ปฏิเสธ(ฐานะของตัวเองเลย) ว่าเป็นทาสของอัลเลาะฮฺ และบรรดามลาอิกะฮฺผู้ใกล้ชิด(อัลเลาะฮฺ)ก็ไม่(ปฏิเสธเหมือนกันว่าฐานะของพวกเขามีเพียงเท่าข้าทาสของอัลเลาะฮฺ หาใช่จะมีผู้ใดยกฐานะขึ้นมาเป็นพระบุตรของพระองค์ได้ไม่)...และผู้ใดปฏิเสธที่จะทำการนมัสการพระองค์และเขาทระนงตน แน่นอนพระองค์จักทรงขับต้อนพวกเขา(ให้ไปรวมเพื่อการสอบสวน)โดยทั้งหมด
173. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงาม อัลเลาะฮฺก็จะทรงตอบแทนพวกเขาอย่างครบถ้วนและทรงเพิ่มพูนแก่พวกเขาอีกจากความโปรดปรานของพระองค์ และบรรดาผู้ปฏิเสธ(ฐานะตัวเองว่ามิได้เป็นข้าทาสพระเจ้า) และทระนงตนนั้น พระองค์ก็จะทรงลงโทษพวกเขาอย่างทรมานอย่างแน่นอน และพวกเขาจะไม่พบนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ ผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือสำหรับพวกเขาเลย


คำแปล R3.
172. อัล-มะซีฮฺ ไม่รังเกียจที่จะเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ และบรรดามลาอิกะฮฺผู้ใกล้ชิดก็ไม่รังเกียจด้วยเช่นกัน ดังนั้น ผู้ใดรังเกียจการรับใช้พระองค์และเย่อหยิ่งต่อการรับใช้ (จงรู้ไว้เถิดว่า) พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขายังพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน
173. สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดี พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลโดยครบให้แก่พวกเขาและจะทรงเพิ่มพูนให้แก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ สำหรับบรรดาผู้รังเกียจและเย่อหยิ่งนั้น พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขาด้วยการลงโทษอันเจ็บปวด และพวกเขาจะไม่พบใครที่สามารถจะเป็นผู้ให้ความคุ้มครองและผู้ช่วยเหลือแก่พวกเขาได้นอกจากอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
172. อัล-มะซีหฺนั้นจะไม่หยิ่งเป็นอันขาดที่จะเป็นบ่าวของอัลลอฮฺ และมลาอิกะฮฺผู้ใกล้ชิด (พระองค์) ก็ไม่หยิ่งด้วย และผู้ใดหยิ่งต่อการที่อิบาดะฮฺ ต่อพระองค์ และยะโสแล้ว พระองค์ก็จะทรงชุมนุมพวกเขาไว้ยังพระองค์ทั้งหมด
173. ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธา และประกอบสิ่งที่ดีงามทั้งหลายนั้น พระองค์จะทรงตอบแทนพวกเขาโดยครบถ้วน ซึ่งรางวัลของพวกเขา และจะทรงเพิ่มให้แก่พวกเขาด้วย จากความกรุณาของพระองค์ และส่วนบรรดาผู้ที่หยิ่งยโสนั้น พระองค์จะทรงลงโทษพวกเขา ซึ่งการลงโทษอันเจ็บแสบ และพวกเขาจะไม่พบผู้คุ้มครอง และผู้ช่วยเหลือใด สำหรับพวกเขาอื่นจากอัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๑๗๒. อีซาผู้มีสมญาว่าศรีมงคลนั้นมิได้รังเกียจที่จะเป็นข้าของอัลเลาะห์ เขา (อีซา) ยังคงเคารพภักดีโดยปฏิบัติตามข้อใช้และข้อห้ามของพระองค์ ทั้งยังพอใจในหน้าที่แห่งความเป็นข้าช่วงใช้ของพระองค์ อันนี้แหละนับได้ว่าเป็นเกียรติอันสูงส่งอีกประการหนึ่ง ฝ่ายมลาอิกะห์ทั้งหลายผู้ใกล้ชิดพระองค์โดยเกียรติและตำแหน่งหน้าที่ก็เช่นเดียวกันกับอีซา คือว่ามลาอิกะห์เหล่านี้ไม่รังเกียจที่เป็นข้าของพระองค์
   การที่อัลเลาะห์ได้ทรงอ้างถึงมลาอิกะห์ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนั้นก็เพื่อจะทรงให้เป็นข้อหักล้างพวกที่เข้าใจผิดว่ามลาอิกะห์ทั้งหลายนั้นเป็นพระเจ้าหรือเป็นบุตรีของพระองค์ ถ้าแหละผู้ใดจองหองขาดความเคารพบูชาแล้วไซร้ ในภายภาคหน้าพระองค์ก็จะทรงบัญชาให้พวกมลาอิกะห์ต้อนพวกเขานั้นไปสู่ที่สอบสวนของพระองค์โดยพร้อมเพรียงกัน
๑๗๓. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติชอบต่าง ๆ พระองค์ก็จะสนองบุญกุศลตอบแทนแก่พวกนั้นอย่างครบครัน และจะทรงทวีความเอื้ออำนวยขั้นพิเศษสุดของพระองค์อันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยพบเคยเห็นและไม่เคยนึกฝันให้แก่พวกเหล่านั้นอีกด้วย แต่บรรดาผู้จองหองและหยิ่งยโสไม่ยอมแสดงความเคารพบูชาพระองค์นั้น พระองค์จะทรงลงอาญาพวกนั้นด้วยโทษทรมานอันเจ็บแสบ อีกทั้งพวกนั้นจะไม่ได้พบเจอผู้พิทักษ์และผู้สงเคราะห์ที่นอกจากอัลเลาะห์คอยคุ้มครองรักษาพวกเขาให้รอดพ้นจากการลงอาญาของอัลเลาะห์เลย




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อันนิสาอุ์ อายะฮฺที่ 174 - 175


คำอ่าน
174. ยา..อัยยุฮัน..นาสุ ก็อดญา..อะกุม..บุรฮานุม..มิรฺร็อบบิกุม วะอัน..ซัลนา..อิลัยกุมนูร็อม..มุบีนา
175. ฟะอัม..มัลละซีนะอามะนูบิลลาฮิ วะอฺตะเศาะมูบิฮี ฟะสะยุดคิลุฮุม ฟีเราะหฺมะติม..มินฮุ วะฟัฎลิว..วะยะฮฺดีฮิม อิลัยฮิ ศิรอก็อม..มุสตะกีมา


คำแปล R1.
174. O mankind! Verily, there has come to you a convincing proof (Prophet Muhammad) from your Lord, and we sent down to you a manifest light (this Qur'an).
175. So, as for those who believed in Allah and held fast to him, He will admit them to his Mercy and Grace (i.e. Paradise), and guide them to himself by a Straight Path.


คำแปล R2.
174. โอ้มนุษย์ทั้งหลาย! ความจริงได้มีหลักฐานหนึ่งจากองค์อภิบาลของพวกเจ้า(คือท่านนบีมุฮำมัด ซ.ล.)มาสู่พวกเจ้าแล้ว และเราได้ให้รัศมีอันชัดแจ้งลงมายังพวกเจ้าทั้งมวล (คือคัมภีร์อัลกุรอาน)
175. ส่วนบรรดาผู้มีศรัทธา และยึดเหนี่ยวในพระองค์ แน่นอนพระองค์จะทรงให้พวกเขาอยู่ในความเมตตาและความโปรดปรานจากพระองค์ และทรงชี้นำจากพวกเขาซึ่งแนวทางอันเที่ยงตรง


คำแปล R3.
174. มนุษย์เอ๋ย ข้อพิสูจน์อันชัดแจ้งได้มายังสูเจ้าแล้วจากพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและเราได้ประทานแก่สูเจ้าซึ่งแสงสว่างอันจำรัส
175. ดังนั้น บรรดาผู้ศรัทธาในอัลลอฮฺและยึดมั่นในหลักการของพระองค์ พระองค์จะทรงให้พวกเขาอยู่ในความเมตตาและความโปรดปรานจากพระองค์ และจะทรงนำพวกเขายังพระองค์ตามแนวทางที่เที่ยงตรง


คำแปล R4.
174. มนุษยชาติทั้งหลาย! แน่นอนได้มีหลักฐาน จากพระเจ้าของพวกเจ้ามรยังพวกเจ้าแล้ว และเราได้ให้แสงสว่าง อันแจ่มแจ้งลงมาแก่พวกเจ้าด้วย
175. ส่วนบรรดาผู้ที่ศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และยึดมั่นในพระองค์นั้น พระองค์จะทรงให้พวกเขาเข้าอยู่ในความเอ็นดูเมตตา และความโปรดปรานจากพระองค์ และจะทรงแนะนำพวกเขาซึ่งทางอันเที่ยงตรงไปสู่พระองค์


คำแปล R5.
๑๗๔. โอ้ปวงชนชาวนครมักกะห์ พระนบีมูฮำมัดผู้เป็นหลักฐานหนึ่งจากบรรดาหลักฐานต่าง ๆ ขององค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกเจ้านั้นได้มีมายังพวกเจ้าแล้ว แน่แท้ ทั้งเรา(อัลเลาะห์)ยังได้ประทานพระคัมภีร์อัล-กุรอานอันเป็นเสมือนรังสีแจ่มแจ้งลงมายังพระศาสดามูฮำมัดให้มอบแก่พวกเจ้าอีกด้วย
๑๗๕. ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาต่ออัลเลาะห์และยึดมั่นในพระองค์นั้น ในภายภาคหน้าพระองค์จะทรงให้พวกนั้นเข้าอยู่ภายใต้ความโปรดปรานีจากพระองค์คือสวรรค์ และอยู่ในความเอื้ออำนวยขั้นพิเศษสุดจากพระองค์ อันเป็นสิ่งที่ไม่มีใครเคยได้พบได้เห็นและไม่เคยนึกฝัน อีกทั้งจะทรงแนะแนวทางอันเที่ยงตรงคือศาสนาอิสลามให้แก่พวกเหล่านั้นอีกด้วย




 

GoogleTagged