بسم الله الرحمن الرحيم
الحمد لله رب العالمين و الصلاة والسلام على سيدنا محمد وعلي اله وصحبه أجمعين
ท่านอิมามอัลบุคอรีย์ ได้รายงานว่า
عن عائشة أنها زفت امرأة إلى رجل من الأنصار فقال نبي الله صلى الله عليه وسلم يا عائشة ما كان معكم لهو فإن الأنصار يعجبهم اللهو
"จากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ซึ่งท่านนางได้ส่งเจ้าสาวคนหนึ่งไปยังเจ้าบ่าวชาวอันซอร ดังนั้น ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงกล่าวว่า โอ้ อาอิชะฮ์ พร้อมพวกท่านนั้นมีเครื่องเล่นรื่นเริงหรือไม่ เพราะการละเล่นรื่นเริงทำให้ชาวอัลอันซ๊อรมีความประทับใจ" ซอฮิห์บุคอรีย์ หะดิษที่ 4765
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร ได้อธิบายไว้ในหนังสือฟัตหุลบารีย์ ความว่า
من وجه آخر عن جابر " نكح بعض أهل الأنصار بعض أهل عائشة فأهدتها إلى قباء
"จากสายรายงานหนึ่งจากท่านญาบิร ความว่า มีชาวอันซ๊อรคนหนึ่งได้ทำการแต่งงานกับเครือญาติของท่านหญิงอาอิชะฮ์ ดังนั้น ท่านหญิงจึงส่งตัวนางไปยังกุบาอ์"
ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร กล่าวว่า
في رواية شريك فقال : فهل بعثتم معها جارية تضرب بالدف وتغني ؟ قلت : تقول ماذا ؟ قال تقول : أتيناكم أتيناكم فحيانا وحياكم
"ในรายงานของชะรีกนั้น ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมกล่าวว่า พวกท่านไม่ส่งหญิงคนหนึ่งไปพร้อมกับเจ้าสาวเพื่อทำการตีกลองและทำการร้องเพลงดอกหรือ? ฉัน(ท่านหญิงอาอิชะฮ์)จึงกล่าวว่า แล้วจะให้นางกล่าวอะไร? ท่านนบีตอบว่า ก็ให้นางกล่าวว่า เราได้มาหาพวกท่านแล้ว เราได้มาหาพวกท่านแล้ว ของอัลเลาะฮ์ทรงให้เรามีชีวิตชีวาและขอให้พวกท่านมีชีวิตชีวา..."
ท่านอิบนุหะญัรกล่าวว่า
في حديث ابن عباس وجابر " قوم فيهم غزل "
"ในหะดิษของท่านอิบนุอับบาสและท่านญาบิร ระบุว่า "(ชาวอันซ๊อร)เป็นชนกลุ่มหนึ่ง ซึ่งในพวกเขามีการหยอกล้อเกี้ยวพาราสีกันด้วยบทกวี"
ท่านอัลหาฟิซ อิบนุ หะญัร กล่าวว่า
عن قرظة بن كعب وأبي مسعود الأنصاريين قال " أنه رخص لنا في اللهو عند العرس " الحديث وصححه الحاكم
"รายงานจากุรซฺะฮ์ บิน กะอับ และอบีมัสอูด ซึ่งทั้งสองเป็นชาวอันซ๊อร ว่า แท้จริงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อนุญาตแก่เราในการรื่นเริง(ร้องรำทำเพลง)ในขณะที่มีงานแต่งงาน" หะดิษนี้ท่านอัลหากิมถือว่าซอฮิห์
ท่านอัตติรมีซีย์ ได้รายงานจากท่านหญิงอาอิชะฮ์ ความว่า
قال رسول الله صلى الله عليه وسلم أعلنوا هذا النكاح واجعلوه في المساجد واضربوا عليه بالدفوف
"ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า พวกท่านจงป่าวประกาศการแต่งงานนี้เถิด และจงทำการแต่งงานในบรรดามัสยิด และพวกท่านจงตีกลอง(เพื่อประกาศ)บนการนิกาห์นี้" ท่านอัตติรมีซีย์กล่าวว่า เป็นหะดิษหะซัน ดู สุนัน อัตติรมีซีย์ หะดิษที่ 1009
เจ้าของหนังสือ ตั๊วะฟะตุลอะห์วาซีย์ ซึ่งเป็นหนังสืออธิบายสุนันอัตติรมีซีย์ ได้กล่าวอธิบายว่า
وقال الفقهاء : المراد بالدف ما لا جلاجل له . كذا ذكره ابن الهمام قال الحافظ : واستدل بقوله " واضربوا " على أن ذلك لا يختص بالنساء لكنه ضعيف , والأحاديث القوية فيها الإذن في ذلك للنساء فلا يلتحق بهن الرجال لعموم النهي عن التشبه بهن انتهى
"บรรดานักปราชญ์นิติศาสตร์กล่าวว่า เป้าหมายคำว่ากลอง คือ กลองที่ไม่มีเสียงกระดิ่ง และท่านอิบนุอัลฮุมามได้กล่าวเช่นเดียวกันนี้ ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุหะญัร กล่าวว่า ได้ถูกอ้างหลักฐานจากคำกล่าวของท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ที่ว่า "พวกเจ้าจงตีกลอง" ซึ่งชี้ถึงว่าไม่จำกัดเพียงแค่สตรีเท่านั้น จึงถือว่าเป็นการอ้างหลักฐานที่ฏออีฟ โดยที่บรรดาหะดิษที่มีน้ำหนักได้ยืนยันว่าอนุญาตตีกลองสำหรับสตรี ดังนั้น จะเอาบรราดาผู้ชายไปเปรียบเทียบกับสตรีไม่ได้ เพราะมีหะดิษที่มีความหมายครอบคลุมถึงการห้ามเลียนแบบบรรดาสตรี"
قلت : وكذلك الغناء المباح في العرس مختص بالنساء فلا يجوز للرجال
"ฉันขอกล่าวว่า เช่นเดียกับการตีกลอง ก็คือการร้องเพลงที่มุบาห์ในงานแต่งงานนั้นเจาะจงเฉพาะบรรดาสตรี ดังนั้นจึงไม่อนุญาตสำหรับบรรดาผู้ชาย"
สิ่งที่ได้จากหะดิษและการอธิบายของนักปราชญ์หะดิษ เราสามารถสรุปได้ว่า
ท่านหญิงอาอิชะฮ์ได้ทำการส่งเจ้าสาวที่เป็นญาติของท่านนางจากมะดีนะฮ์ไปยังกุบาอ์ ซึ่งท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ใช้ให้เด็กผู้หญิงทำการร้องเพลงและตีกลองนำขบวนเพราะชาวอันซ๊อรชอบความรื่นเริงในงานแต่งงานและเนื่องจากชาวอันซ๊อรจะชอบร้องรำทำเพลงด้วยบทกวีเกี้ยวพาราสีหยอกล้อกันอย่างสนุกสนาน ดังนั้น ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงอนุญาตให้มีการรื่นเริงกันในหมู่พวกเขาตามประเพณีที่พวกเขาดำเนินอยู่
เราจะสังเกตุได้ว่า การเดินทางไปยังกุบาอ์เพื่อส่งเจ้าสาวนั้น เดินกันเป็นขบวนหรือเปล่าหรือเปล่า? แล้วการเดินเป็นขบวนนั้นอยู่ในความหมายของการแห่หรือไม่? หากแห่บ้านเรานั้นจะมีระเบียบมากกว่า แต่คนอาหรับปัจจุบันแห่กันด้วยการวิ่งรถบนถนนบีบแตรรถกันดังสนั่นอย่างสนุกสนานเพื่อประกาศให้คนทั่วไปได้รับรู้ว่าพวกเขามีงานแต่งงานกันแล้ว
การแห่บ้านเรามีแบบเรียบ ๆ เดินขบวนกันเป็นแถวอย่างมีระเบียบ(ไม่เกะกะกระจัดกระจาย)จากบ้านเจ้าบ่าวสู่บ้านเจ้าสาวให้เพื่อผู้คนทั้งหลายรู้ว่าตอนนี้เจ้าบ่าวกำลังจะมาแล้ว เด็กผู้หญิงร้องนำขบวนก็ไม่มี กลองก็ไม่มีตี ซึ่งเป็นประเพณีที่มุบาห์ไม่ขัดกับศาสนาและยังเป็นการรื่นเริงน้อยกว่าชาวอันซ๊อรที่ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้อนุญาตให้พวกเขาเสียอีก หากจะบอกว่าการแห่เป็นการเลียนแบบชาวพุทธ ผมขอกล่าวว่าการแห่ขบวนรถของชาวอาหรับปัจจุบันล่ะเลียนแบบใคร? เลือนแบบชาวพุทธด้วยหรือเปล่า?
ทำไมผู้ที่บอกว่าตนเองทำตามซุนนะฮ์ ไม่ให้เด็ก ๆ ผู้หญิงทำการตีกลองขับร้องสนุกสนานกันบ้างล่ะครับ เพราะว่านบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ให้การยอมรับไม่ใช่หรือ? ประเพณีรื่นเริงในงานแต่งงานของชาวอันซ๊อรหนักหนากว่าพี่น้องมุสลิมเมืองไทยบ้านเราเสียอีก แต่ทำไมถึงต้องกลายเป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลงงมงายตกนรกไปได้? ทำไมเรื่องประเพณีที่ไม่ขัดกับหลักศาสนานั้น ท่านถึงยัดเยืยดให้มันเป็นเรื่องของศาสนา เพื่อที่จะฮุกุ่มบิดอะฮ์ลุ่มหลงต่อพี่น้องมุสลิม หรือว่าเราจะบัญญัติฮุกุ่มศาสนาขึ้นมาเองให้แก่พี่น้องมุสลิมด้วยสายตาที่มุ่งจับผิดอีกทั้งยังมีความอคติต่อกัน?
ส่วนในขบวนมีหมากพลูอยู่ด้วยนั้น ผมเองก็ไม่ทราบเหมือนกันว่าทำไปเพื่ออะไร? ดังนั้น หากจะถามว่าจำเป็นต้องทำหรือเปล่าหรือสุนัตให้ทำหรือเปล่า ผมขอตอบว่า ไม่มีหลักการระบุไว้
والله تعالى أعلى وأعلم