ผู้เขียน หัวข้อ: ทำได้เปล่าครับ  (อ่าน 4039 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ชิวชิว

  • บุคคลทั่วไป
ทำได้เปล่าครับ
« เมื่อ: ก.ค. 07, 2007, 06:07 AM »
0

การละหมาดฮายัตเป็นญามาอะห์ทำได้หรือไม่ครับ  แล้วการที่มุสลิมละหมาดให้แก่คนต่างศาสนิกสามารถกระทำได้หรือไม่...อย่างเช่น ละหมาดฮายัตถวายแด่ในหลวง ละหมาดเนื่องในวันแม่ อะไรประมาณนี้ มีฮุก่มว่าอย่างไร มีหลักฐานจากอัลกุรอ่านอัลฮาดิษหรือไม่อย่างไร...

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: ทำได้เปล่าครับ
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พ.ย. 29, 2008, 02:42 PM »
0

بِسْمِ اللهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِيْم

اَلْحَمْدُ للهِ رَبِّ الْعَالَمِيْنَ وَ الصَّلاَةُ وَالسَّلاَمُ عَلىَ سَيِّدِنَا مُحَمَّدٍ وَعَليَ اَلِهِ وَصَحْبِهِ أَجْمَعِيْنَ

ท่านอิมามอันนะวาวีย์ (ร่อฏิยัลลอฮุอันฮุ) กล่าวว่า การละหมาดสุนัตมีอยู่สองประเภทคือ 

1. ละหมาดที่สุนัตให้ทำเป็นญะมาอะฮ์

2. ละหมาดที่ไม่สุนัตให้ทำเป็นญะมาอะฮ์

ดังนั้น  ละหมาดประเภทที่ไม่สุนัตทำเป็นญะมาอะฮ์  อนุญาติให้กระทำเป็นญะมาอะฮ์ได้แต่หากกระทำคนเดียวย่อมดีกว่า  เช่น  ละหมาดตะฮัจญุดซึ่งท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ไม่เคยกระทำเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดและไม่เคยเริ่มกระทำละหมาดตะฮัจญุดเป็นญะมาอะฮ์เลย

ท่านอิมาม อัลค่อฏีบ อัชชัรบีนีย์  กล่าวเรื่องละหมาดประเภทที่ไม่สุนัติทำเป็นญะมาอะฮ์ไว้ในหนังสือ มุฆนีย์ อัลมั๊วะตาจญ์  ความว่า

لَوْ قَالَ : يُسَنُّ فُراَدَى كاَنِ أَحْسَنَ ، فَإِنَّ السُّنَّةَ أَلَّا يَكُوْنَ فَىْ جَمَاعَةٍ وَإِنْ جَازَ بِالجَمَاعَةِ بِلاَ كَرَاهَةٍ ( لِإِقْتَدَاءِ ابْنِ عَبَّاسٍ بِالنَّبِىِّ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِىْ بَيْتِ خَالَتِهِ مَيْمُوْنَةَ فِى التَّهَجُّدِ ) مُتَّفَقٌ عَلَيْهِ

"หากบุคคลหนึ่งกล่าวว่า  สุนัตให้กระทำแบบคนเดียว  ย่อมดีกว่า  เพราะแท้จริงซุนนะฮ์นั้นจะไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์ และหากแม้นว่าอนุญาติให้กระทำเป็นญะมาอะฮ์โดยไม่มักโระฮ์ก็ตาม  เพราะ "ท่านอิบนุอับบาสได้ละหมาดตะฮัจญุดตามท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ในบ้านน้าสาวของท่านคือท่านนางมัยมูนะฮ์" รายงานโดยบุคอรีย์และมุสลิม หนังสือมุฆนีย์ อัลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 1 หน้า 413

ท่านอิมาม ชัมชุดดีน อัรรอมลีย์  กล่าวว่า

أَى لَا تُسَنُّ فِيْهِ الْجَمَاعَةُ وَلَوْ صَلَّى جَمَاعَةً لَمْ يُكْرَهْ

"หมายความว่า  ไม่สุนัตให้ละหมาดญะมาอะฮ์ในละหมาดสุนัตประเภทที่ไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์  และหากแม้นว่าจะอนุญาตให้เขาทำละหมาดแบบญะมาอะฮ์โดยไม่มักโระฮ์ก็ตาม" หนังสือนิฮายะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 107

ท่านนูรุดดีน อะลี บิน อะลี อัชชุบรอมุลิซีย์  ได้กล่าวอธิบายคำกล่าวของท่านอัรรอมลีย์ความว่า

 قَوْلُهُ وَلَوْ صَلَّى جَمَاعَةً لَمْ يُكْرَهُ  أَى وَيُثَابُ عَلَى ذَلِكَ

"(คำกล่าวของท่านอัรรอมลีที่ว่า  หากแม้นว่าจะอนุญาตให้เขากระทำแบบญะมาอะฮ์โดยไม่มักโระฮ์ก็ตาม) หมายถึง  จะได้รับผลบุญบนการกระทำสิ่งดังกล่าว" หนังสือนิฮายะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 107

ท่านอัลหาฟิซฺ อิบนุ หะญัร อัลฮัยตะมีย์  กล่าวว่า

بَلْ هُوَ مَسْنُوْنٌ فِيْهِمَا وَالجَائِزُ بِلَا كَرَاهَةٍ هُوَ وُقُوْعُ الْجَمَاعَةِ فِيْهِ

"แต่ทว่า  ละหมาดประเภทที่ไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์นั้น  สุนัต(คือกระทำแล้วได้ผลบุญ)ให้กระทำได้ทั้งแบบญะมาอะฮ์และแบบคนเดียว  และเป็นสิ่งที่อนุญาตให้กระทำได้โดยไม่มักโระฮ คือการละหมาดแบบญะมาอะฮ์ในละหมาด(สุนัต)ประเภทที่ไม่ทำแบบญะมาอะฮ์" หนังสือ ตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 220

ท่านอัชชัรวานีย์  ได้อธิบายคำกล่าวของท่าน อิบนุ หะญัร ความว่า

 قَوْلُهُ هُوَ مَسْنُوْنٌ فِيْهِمَا إلخ  أَى يُثَابُ عَلَى ذَلِكَ مُطْلَقاً لَكِنِ الأَوْلَى تَرْكُ الجَمَاعَةِ

"(คำกล่าวของท่านอิบนุหะญัรที่ว่า  ละหมาดประเภทที่ไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์นั้น  สุนัตให้กระทำได้ทั้งแบบญะมาอะฮ์และแบบคนเดียว) หมายถึง  จะได้รับผลบุญบนการกระทำสิ่งดังกล่าวโดยไม่มีข้อแม้ใด ๆ แต่ทว่าที่ดียิ่งนั้นสมควรไม่ทำเป็นญะมาอะฮ์" หนังสือ ตั๊วะฟะตุลมั๊วะตาจญ์ เล่ม 2 หน้า 220

นอกเหนือจากนั้น  การละหมาดฮาญัตยังเป็นการละหมาดเพื่อวอนขอต่ออัลเลาะฮ์ตาอาลาในสิ่งที่เราปรารถนา  ดังนั้น  การรวมตัวกันขอดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์ด้วยการละหมาดและขอดุอาอ์หลังจากนั้น  ย่อมอยู่ภายใต้คำตรัสของอัลเลาะฮ์  ตาอาลา  ที่อยู่ในความหมายแบบครอบคลุมและแบบกว้าง ๆ ที่ว่า

وَاسْتَعِينُواْ بِالصَّبْرِ وَالصَّلاَةِ

"พวกเจ้าจงขอความช่วยเหลือด้วยความอดทนและการละหมาด" อัลบะกอเราะฮ์ 45

พระองค์ทรงตรัสเช่นกันว่า

وَقَالَ رَبُّكُمُ ادْعُونِي أَسْتَجِبْ لَكُمْ

"และผู้อภิบาลของพวกเจ้าทรงตรัสว่า  พวกเจ้าจงวอนขอต่อข้าเถิด  แล้วข้าก็จะตอบรับสำหรับพวกเจ้า"  ฆอฟิร : 60

ส่วนการขอดุอาอ์ให้กับบุคคลที่ไม่ใช่มุสลิม  ให้พวกเขามีอายุยืนนานและขอต่ออัลเลาะฮ์ทรงชี้นำนั้น  ย่อมกระทำได้ครับ  เพราะบ่อยครั้งที่ท่านนบี  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ขอดุอาอ์ต่ออัลเลาะฮ์ให้ผู้ไม่ใช่มุสลิมได้รับทางนำ

เช่น  ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์  ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ขอดุอาอ์แก่พวกมุชริกีนกุฟฟารความว่า

اَللَّهُمَّ أهْدِ دَوْساً

"โอ้ อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานทางนำแก่เผ่าเดาซ์ด้วยเทอญ"  รายงานโดยมุสลิม

ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ขอดุอาอ์ให้แก่กลุ่มชนของท่านที่เป็นพวกมุชริกีน ความว่า

اَلَلَّهُمَّ أهْدِ قَوْمِى فَإِنَّهُمْ لاَ يَعْلَمُوْنَ

"โอ้ อัลเลาะฮ์  โปรดทรงประทานทางนำแก่กลุ่มชนของฉันด้วยเถิด  เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่ไม่รู้"

ดังนั้นท่านญิบรีล อะลัยฮิสลามจึงกล่าวว่า  อัลเลาะฮ์ทรงสัจจริงที่ได้เรียกชื่อท่านว่า  ผู้เมตตาเอ็นดูยิ่งและมีความเมตตายิ่ง (ดู หนังสือ นูรุลยะกีน ของท่านชัยค์ มุฮัมมัด อัลคุฏรีย์  หน้า 56)
    
وَاللهُ سُبْحَانَهُ وَتَعَاليَ أعْلىَ وَأَعْلَمُ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

 

GoogleTagged