
ทักทายด้วยรอยยิ้ม และจริงใจ ครับผมขอร่าวมเสนอความคิดเห็นของผมสักนิดนะครับ..........ถ้าใครเห็นเป็นการโอ้อวดผมก็ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ........แต่ผมมีความคิดดีจะนำเสนอครับ. ถ้ามันจะทำให้อะไรๆดีขึ้นเพื่อเห็นแก่อัลลอฮ์และรอซูลนะครับ
คือผมจะหยิบยกเสนอวิธีแบบคนดะวะห์มานำเสนอนะครับ พอดีได้สนทนาแลกเปลี่ยนทัศนะความรู้กับกลุ่มตับลีคมาก็พอสมควรจะขอเสนอแนวทางดั้งนี้ครับ
1.ถ้าเรามองในมุมมองศาสนาในแนวทางของรอซูลแล้ว. เจ้านายที่ดื่มเหล้านั้น หาใช่ใครไม่ ก็คือ อุมมะ ประชาชาติแห่งศาสดา มูฮัมมัดของเรานี้เอง. .....คำว่าอุมมะนี้ มิได้จำกัดแค่ อิสลาม แต่ยังได้รวมถึง ผู้ที่ยังไม่ได้กล่าวกาลิมะชะฮาดะ ด้วย......การที่คนๆนั้น
มีพฤติกรรมไปในทางที่เสื่อมเสีย......ก็เป็นเพราะเค้าเหล่านั้นยังมิได้เข้าใจ...ในศาสนาเหมือนอย่างเรา......และเพราะอิสลามเองก็มิได้ให้สิทธิ์ทางศาสนา แก่คนต่างศาสนาอย่างที่รอซู้ลได้ กระทำไว้.....ด้วยเหตุนี้เราควรจะดูอาขอทางนำจากอัลลอฮ์ให้กับเค้าไปด้วย.....
2.แม้ศาสนาจะมีหลักการที่ห้ามการนั่งร่วมกันผู้ที่ดื่มเหล้าก็ตาม.......แต่เราควรหรือไม่ที่จะรักษาระเบียบมารยาทอันดีงามแห่งอิสลามเอาไว้ด้วย...แม้การใช้วิธีเลี่ยงจะได้ผลบ้างแต่ก็ ไม่เสมอไป
กระผมขอเสนอนะครับ......คือ ให้ปรึกษาเจ้านายคนนั้น ด้วยมารยาทอันดีงาม พูดจาดีๆกับเค้า. ว่าผมเป็นอิสลาม แล้วดื่มเหล้าไม่ได้....แล้วถ้าเค้ารับฟัง ก็ถือโอกาส อธิบายศาสนาให้เค้าได้รับรู้ จะได้ถือโอกาสเผยแผ่ศาสนาไปในตัวด้วยไป. ถือว่ายิงปืน 1 นัด ได้นกถึงสองตัว
3.พยายามดูอาต่อ อัลลอฮ์ ให้คนๆนี้ได้รับ ฮีดายะ และเป็นมุสลิม....เพื่อเค้าจะได้เข้าใจศาสนาบ้าง..คืออาศัยตอน ที่เจ้านาย ซอเล็มเรานี้หล่ะครับ. ดุอาเลย.... เพราะถ้าถูกซอเล็ม ก็จะไม่มีม่านกัน เรากับอัลลอฮ์........ฉะนั้น ขอฮีดายัตให้ไปเลย. จะได้ ทำหน้าที่ด้านศาสนา. และทำให้เค้าได้รู้จักอัลลอฮ์ ไปในตัวครับ...................อินชาอัลลอฮ์......ความคิดของผม..ที่ดีมาจากอัลลอฮ์ ที่แย่มาจาก ไซตอน.............ขออัลลอฮ์ทรงชี้นำแนวทางนะครับ