ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องของคอวาริจญ์และหลักอากีดะฮ์ของพวกเขา  (อ่าน 3268 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ yukepccst

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 11
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด

เห็นมีแต่คนพูดถึงเรื่องวะฮาบีกับชีอะห์ก็เยอะแล้วคับ ผมอยากรู้ว่าพวกเขา ( กลุ่มคอวาริจญ์ ) มีหลักอะกีดะห์ ยังไง เรา (ซุนนะฮ์) สามารถยอมรับพวกเขาในฐานะอิสลามได้หรือไม่คับ

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
กลุ่ม อัลคอวาริจ

 
 


ความเป็นมา

         หลังจากที่ท่านศาสนามูฮัมมัดได้เสียชีวิตลง นักประวัติศาสตร์มุสลิมส่วนใหญ่ต่างยอมรับว่า ท่านมิได้แต่งตั้งผู้ใดให้สืบทอดตำแหน่งแทน แม้ผู้คนจะยังตั้งมั่นอยู่ในศีลธรรมและปฏิบัติตามท่านอยู่ แต่เรื่องของผู้นำที่จะเป็นศูนย์รวมอำนาจนั้นจำเป็นต้องมีอยู่ และนั่นคือที่มาของการปกครอง “คอลีฟะห์” ผู้นำที่ต้องใช้อำนาจให้เป็นไปตามบทบัญญัติของคัมภีร์อัลกุรอานและซุนนะห์ของท่านศาสดา

          คอลีฟะห์ถูกนิยามว่าเป็นประมุขของรัฐ ซึ่งได้รับการเลือกตั้งโดยไม่ถูกจำกัดโดยรัฐธรรมนูญหรือสถาบันการเมืองใดๆ คอลีฟะห์ถูกกำหนดให้ทำหน้าที่เผยแพร่คำประกาศแห่งศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าสู่มวลมนุษยชาติ พวกเขาได้ถือธงแห่งอิสลามและนำไปปักไว้ทั่วทุกมุมโลกอย่างเกรียงไกร คำสอนของท่านศาสดา  ได้ให้ชีวิตใหม่แก่เขาเหล่านั้น และเพียงระยะเวลา 23 ปี มุสลิมได้สร้างอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่กว่าอาณาจักรโรมันและเปอร์เซียขึ้นได้

          แต่ทางเดินของระบบการปกครองดังกล่าว หาใช่โรยด้วยกลีบกุหลาบตลอดเส้นทางไม่ ยังมีอุปสรรคขวากหนามอีกมากมาย สาเหตุหนึ่งที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งกันอย่างรุนแรงทางด้านทัศนคติและความคิดเห็นในระหว่างกลุ่มมุสลิม จนกลายเป็นการแบ่งแยกซึ่งมิใช่เกิดมาจากมูลเหตุทางศาสนาหรือการศรัทธาแต่อย่างใด แต่เกิดมาจากความขัดแย้งทางการเมืองการปกครอง และไม่ต้องสงสัยเลยว่าการขัดแย้งดังกล่าวถือเป็นความเลวร้าย(ฟิตนะห์) ดังมีรายงานโดยท่านบุคอรี จากท่านหญิงซัยหนับบุตรีญะฮซฺว่า

 “ท่านศาสดา  ได้ตื่นขึ้นจาการนอนด้วยความตกใน พลางอุทานว่า ลาอิลาฮะอิ้ลลัลลอฮ์ ความพินาศจะเกิดขึ้นกับชาวอาหรับ จากความชั่วร้ายที่คืบคลานใกล้เข้ามา”

ซึ่งหมายถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับมุสลิมหลังจากท่าน (อบูซะฮ์เราะห์, มปป:11)

          อุดมการณ์ของแต่ละกลุ่มลัทธิที่แยกตัวออกมานั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ซึ่งบางครั้งมีการเปลี่ยนแปลง บิดเบือนหลักการไปบ้าง เพื่อการแสวงหาแนวร่วม พวกพ้องและผู้มีรสนิยมในความคิดเดียวกัน กลุ่มหนึ่งที่มีความสำคัญที่จะนำมากล่าวในที่นี้ก็คือ กลุ่มอัลคอวาริจ (الخوارج )


ใครคืออัลคอวาริจ ?

          อัลคอวาริจคือกลุ่มลัทธิทางการเมืองกลุ่มใหญ่ ที่มีความเคลื่อนไหวอย่างรุนแรงในหน้าประวัติศาสตร์อิสลาม มีบทบาทยาวนานในรัฐอิสลาม พวกเขาได้เผยแพร่แนวความคิดทางการเมืองไปอย่างกว้างขวางทั้งด้านตะวันออกและตะวันตกของอาหรับ รวมไปถึงเมืองต่างๆ ในเขตอาฟริกาเหนือ โมร็อคโคและประเทศใกล้เคียง


ความหมายของอัลคอวาริจ

          ในด้านภาษา คำว่าอัลคอวาริจนั้นเป็นพหูพจน์ของคำว่า “คอริญุน” ซึ่งนักภาษาศาสตร์ได้ให้ความหมายว่า คือกลุ่มชนที่อ้างเหตุผลในการแยกตัวออกจากศาสนา หรือออกจากคอลีฟะห์อาลี  หรือออกจากผู้นำทั่วไป (อะวาญีย์, มปป:66)

          ในหนังสืออัลมัวะอ์ญัมอัลวะซีฏ กล่าวว่า อัลคอวาริจคือกลุ่มหนึ่งจากกลุ่มต่างๆ ของอิสลาม พวกเขาได้แยกตัวออกจากท่านอาลี และปฏิเสธทัศนะของท่าน คำนี้ใช้สำหรับบุคคลใดก็ตามที่แยกตัวออกจากผู้นำ (อัลมัวะอ์ญัมอัลวะซีฏ, มปป:233)

          ในหนังสืออัลมุนญิด กล่วว่า อัลคอวาริจเป็นกลุ่มการเมืองที่เก่าแก่ของอิสลาม พวกเขาแยกตัวออกจากท่านอาลี ในสงครามซิฟฟีน มีการตั้งค่ายทหารที่เมืองฮะรูรออ์ ใกล้กับเมืองกูฟะห์ พวกเขาได้เข้าทำสงครามกับท่านอาลี ที่เมืองอันนะห์ร่อวาน จนพ่ายแพ้แตกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย และได้วางแผนสังหารท่านอาลี จนสำเร็จ (อัลมุนญิด, มปป:234)

          ในด้านเทคนิค นักวิชาการต่างมีทัศนะที่แตกต่างกัน โดยบางท่านได้ใช้คำนิยามทั่วไปคือ กลุ่มที่ถอนตัวออกจากผู้นำที่ได้รับการแต่งตั้งอย่างถูกต้องตามหลักการ ไม่ว่าจะอยู่ในยุคใหนก็ตาม

          นักวิชาการบางท่านได้จำกัดความหมายกลุ่มนี้ว่า เป็นกลุ่มที่แยกตัวออกจากท่านอิหม่ามอาลี  โดยเฉพาะ เนื่องจากไม่พอใจการตัดสินใจของท่าน ในการประนีประนอมกับท่านมุอาวิยะห์ ซึ่งทัศนะนี้เป็นทัศนะที่ได้รับการยอมรับมากที่สุด

                             
          ส่วนฝ่ายคอวาริจเอง ได้มีทัศนะว่า คำว่า “อัลคอวาริจ” มาจากคำที่มีความหมายว่า การออกไปสู่หนทางของอัลลอฮฺตาอาลา (อับดุลฮะมี๊ด, 1984:89) โดยยืนยันจากอัลกุรอานที่ว่า

وَمَن يُهَاجِرْ فِي سَبِيلِ اللَّهِ يَجِدْ فِي الأَرْضِ مُرَاغَمًا كَثِيرًا وَسَعَةً َ

“และบุคคลที่อพยพสู่หนทางของอัลลอฮฺ เขาจะพบว่าในแผ่นดินนี้มีสถานที่ๆ ควรอพยพไปมากมายและไฟศาล” (4:100)


กำเนิดคอวาริจ

          ทัศนะที่มีความน่าเชื่อถือมากที่สุดคือ เกิดขึ้นในสมัยท่านคอลีฟะห์อาลี เพราะประวัติศาสตร์ได้บันทึกไว้ว่าหลังจากสงครามซิฟฟีนใกล้สิ้นสุด โดยมุอาวียะห์เป็นฝ่ายที่เพลี้ยงพล้ำต่อท่านอาลี  ทั้งๆที่มีพลทหารมากกว่า แต่ด้วยความชาญฉลาดของท่านอัมร์บุตรอัลอาศ แม่ทัพฝ่ายมุอาวียะห์ ได้ออกคำสั่งให้ค้นหามุศอัฟ (คัมภีร์อัลกุรอาน) และแขวนที่ปลายหอกชูขึ้น พร้อมร้องตะโกนในสนามรบว่า นี่คือคัมภีร์แห่งพระเจ้า ซึ่งเป็นผู้ตัดสิน (ฮากิม) ระหว่างท่านอาลีกับท่านมุอาวียะห์ เมื่อได้ยินดังนั้นกองกำลังของท่านอาลีบางท่าน ได้คล้อยตามและร้องขอให้ท่านอาลีวางอาวุธ แต่อีกบางส่วนเข้าใจถึงเล่ห์กลของข้าศึก ซึ่งเป็นเพทุบายอย่างหนึ่งในสงคราม ท่านอาลีก็ไม่ต้องการพักรบและหยุดการไล่ล่าข้าศึก แต่ต้องยอมทำตามเพราะส่วนใหญ่เห็นด้วยกับการหยุดรบ ท่านจึงยอมพักรบแม้สถานการณ์ในขณะนั้นได้เปรียบอยู่ บรรยากาศได้กลับสู่ความสงบอีกครั้ง

          การยินยอมของทุกฝ่ายที่จะจัดให้มีการประชุมยุติศึก(ตะฮ์กีม)ขึ้น ทำให้ฝ่ายคอลีฟะห์อาลี ต้องอ่อนกำลังลง เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ซอฮาบะห์บางกลุ่มที่อยู่ข้างท่านอาลี ถอนตัวเป็นจำนวนมาก พวกเขาคาดว่าการประชุมดังกล่าวแฝงด้วยเล่ห์กลทางการเมืองอีกมาก และสติปัญญาของมนุษย์ไม่สามารถชี้ขาดได้ การตัดสินต้องเป็นของอัลลอฮฺเท่านั้น กลุ่มบุคคลที่แยกตัวออกจากท่านอาลี นี้เป็นที่รู้จักในนาม “อัลคอวาริจ”

        ตามประวัติศาสตร์ กลุ่มนี้แยกตัวออกจากท่านอาลี  มีมากถึง 12,000 คน โดยเดินทางไปรวมกันที่สถานที่แห่งหนึ่งชื่อว่า ฮะรูรออ์ โดยใช้คำขวัญว่า “การตัดสิน(ตะฮ์กีม)เป็นของอัลลอฮฺเท่านั้น” พวกเขามีความเห็นว่าการที่ท่านอาลียอมรับการตัดสินดังกล่าว ถือว่าหันเหออกจากฮุก่มของอัลลอฮฺ ดังนั้นท่านอาลีกับท่านมุอาวียะห์จึงมีความผิดทั้งคู่ (อับดุลกอรี แปลโดยดลมนรรจน์ บากา, 2537:114-115) ความผิดของท่านอาลีคือการยอมรับคำตัดสิน ส่วนความผิดของมุอาวียะห์คือการไม่ยอมรับการเป็นคอลีฟะห์ของท่านอาลี
 






ที่มา : มิฟตาฮู่ลอุลูมิดดีนียะห์ บ้านดอน

"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

ออฟไลน์ Andalus

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1131
  • เพศ: ชาย
  • บ่าวผู้ต่ำต้อย
  • Respect: +27
    • ดูรายละเอียด
ปรัชญากลุ่มคอวาริจกับแนวคิดเรื่องผู้นำ

        เรื่องผู้นำถือเป็นปัญหาใหม่ของอัลคอวาริจ และเป็นสาเหตุแรกที่ทำให้พวกเขาต้องแยกตนออกเป็นอิสระ นับตั้งแต่สมัยคอลีฟะห์อาลี  เรื่อยมาจนถึงสมัยของราชวงศ์อุมัยยะห์ และช่วงต้นของราชวงศ์อับบาซียะห์ พวกเหล่านี้จะยกประเด็นเรื่องการเป็นผู้นำนี้มาเป็นข้ออ้างในการปฏิบัติการณ์โค่นล้มอำนาจที่พวกเขาเห็นว่าไม่ยุติธรรม โดยใช้ความรุนแรงทุกรูปแบบ ทั้งการกล่าวหาผู้นำว่าไม่เหมาะสมกับการบริหารบ้านเมือง การปลุกระดมในการกำหนดคุณสมบัติของผู้นำที่ถูกต้อง การตรวจสอบผู้นำและจุดยืนในการต่อต้านผู้นำที่ทุจริตต่อหน้าที่ เป็นต้น

          ประวัติศาสตร์ได้บันทึกโศกนาฎกรรมครั้งสำคัญคือ การฆาตกรรมท่านอาลี ซึ่งเกิดจากความร่วมมืออย่างลับๆ ของพวกคอวาริจ ที่ได้ดำเนินการตามแนวคิดเรื่องผู้นำที่ทุจริต ความเด็ดเดี่ยวและความเฉียบขาดในอันที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเมือง ทำให้กลุ่มคอวาริจนี้ได้ประชุมกันเพื่อวางแผนการร้าย สังหารบรรดาผู้นำ คือท่านอาลี ท่านมุอาวียะห์ และท่านอัมร์ยบุตรอาศ ซึ่งเป็นผู้ชี้ขาดในกรณีประชุมยุติศึก (ตะฮ์กีม) ให้ตายไปพร้อมๆกัน (อับดุลลอฮ์ อัลกอรี แปลโดยดลมนรรจน์ บากา, 2537:135-136) ตามความคิดเห็นของพวกเขานั้น บุคคลทั้งสามนี้เป็นต้นเหตุให้เกิดความแตกแยกและการเข่นฆ่าในหมู่ประชาชาติมุสลิมด้วยกัน ปฏิบัติการณ์เริ่มต้นพร้อมๆกัน และจบลงที่ท่านคอลีฟะห์อาลีเพียงท่านเดียวเท่านั้น ที่ถูกสังหารในขณะที่ท่านกำลังเดินไปมัสยิด


ความสำคัญของผู้นำ

          ผู้นำถือเป็นตำแหน่งที่สำคัญและมีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อสังคม ประชาชนจะได้รับความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน จากการบริหารงานของผู้นำที่ดี มีความรู้ความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆของประชาชนได้ สำหรับฝ่ายคอวาริจแล้ว ทัศนะเรื่องผู้นำสามารถแยกได้ 2 กลุ่มคือ

          1. ส่วนใหญ่ของกลุ่มมีความเห็นว่าจำเป็นจะต้องมีผู้นำ ตราบใดที่สถานการณ์ทางสังคมมีความต้องการ

          2. กลุ่มที่มีความเห็นว่า ตำแหน่งผู้นำไม่มีความจำเป็น หากประชาชนมีความยุติธรรมให้แก่กันและกัน กลุ่มนี้ได้แก่กลุ่มอัลมุฮักกะมะห์ อัลนัจดาดและอับอิบาฎียะห์

          กลุ่มผู้เห็นว่าไม่มีความจำเป็นในเรื่องผู้นำ ได้อ้างเหตุผลไว้ว่าอุดมการณ์ที่ว่า “ไม่มีการตัดสินใดๆ นอกจากเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺเท่านั้น” ถือว่ามีความหมายที่ตรงตัวและชัดเจน ไม่มีประโยชน์อะไรในการจัดตั้งรัฐบาล ข้อชี้ขาดใดๆก็ตามไม่ใช่หน้าที่ของมนุษย์ ดังนั้นความจำเป็นจริงๆ คือการดำเนินตามบทบัญญัติของศาสนา หากมนุษย์ทุกคนทำตามนั้นผู้นำก็ไม่จำเป็นต้องมี และที่สำคัญอัลกุรอานและอัลหะดีษ มิได้ชี้แจงหรือวางกฏเกณฑ์เอาไว้อย่างชัดเจนในกรณีดังกล่าวนี้ด้วย (อะวาญีย์, มปป:113)

          แม้พวกเหล่านี้จะมองไม่เห็นความจำเป็นในการมีผู้นำ แต่ความเป็นจริงแล้วในกลุ่มพวกเขานี้ก็มีผู้นำกลุ่มเช่นเดียวกัน เพราะทุกครั้งที่มีการขัดแย้งเกิดขึ้นภายในกลุ่ม จะด้วยเหตุผลใดก็ตาม พวกเขาจะแยกตัวออกไปตั้งกลุ่มใหม่ขึ้นมาอีกพร้อมผู้นำคนใหม่ ดังนั้นแนวคิดดังกล่าวจึงเป็นเพียงความคิดลอยๆ ที่ไร้ซึ่งการนำมาปฏิบัติ


เงื่อนไขการเป็นผู้นำ

          อัลคอวาริจได้วางกฏเกณฑ์ไว้อย่างรัดกุมและเข้มงวด แก่ผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้นำ โดยประชาชนทั้งหมดจะต้องยินยอมกับผลการเลือกตั้ง หากมีกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งไม่พอใจ ถือว่าการเลือกตั้งไม่สมบูรณ์และเป็นโมฆะ การเลือกผู้นำจะไม่พิจารณาว่าจะอยู่ในตระกูลใด เชื้อชาติใด พวกคอวาริจไม่ไห้ความสำคัญกับเงื่อนไขการเป็นชาวกุเรช แม้จะมีรายงานจากท่านศาสดามูฮัมมัด  ก็ตาม

          เงื่อนไขผู้นำตามทัศนะของฝ่ายคอวาริจมีดังนี้

          1. ผู้นำจะต้องยึดมั่นในหลักการอย่างบริสุทธิใจ   ทั้งในด้านอิบาดะห์และอะกีดะห์ ตามความเข้าใจของพวกเขา

          2. ผู้นำจะต้องมีจิตใจที่เข้มแข็ง มีความตั้งใจจริง มีความคิดริเริ่ม มีความกล้าหาญและกล้าตัดสินใจ

          3. ผู้นำจะต้องไม่บกพร่องในการศรัทธา ไม่หมกมุ่นในความผิดทั้งเล็กและใหญ่ แม้ว่าเขาจะสารภาพผิด(เตาบะห์)ตัวแล้วก็ตาม (อะวาญีย์, มปป:113)


การตรวจสอบผู้นำ

          กลุ่มคอวาริจมีกฏเกณฑ์ในการตรวจสอบผู้นำที่เข้มงวดมาก ซึ่งแตกต่างกับแนวคิดกลุ่มชีอะห์ พวกเขาจะคอยพิจารณาถึงตัวผู้นำว่า จะต้องเป็นแบบอย่างที่ดี มีความยุติธรรมทั้งด้านวาจาและการกระทำ โดยไม่มีข้อบกพร่องแม้จะเล็กน้อยก็ตาม ผู้นำจะต้องตรวจสอบตัวเองอยู่เสมอว่าควรจะอยู่ต่อไปหรือไม่ และถือเป็นเรื่องแปลกที่ว่าหากผู้นำทำผิดตกเป็นกุโฟร และผู้ตามกลับปล่อยวางไม่เอาผิด ถือว่าผู้ตามก็ตกเป็นกุโฟรด้วย นั่นไม่ต้องสงสัยเลยว่าเหตุใดฝ่ายคอวาริจจึงได้แตกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยมากมาย มีการรบราฆ่าฟันกันในระหว่างกลุ่มอยู่บ่อยครั้ง
 
       
กลุ่มคอวาริจในปัจจุบัน

          อัลคอวาริจในประวัติศาสตร์อิสลามยังมิได้ดับสูญไป อุดมการณ์และแนวปฏิบัติยังคงมีชีวิตอยู่ โดยเฉพาะคอวาริจอิบาฎียะห์ ที่แตกออกเป็นกลุ่มเล็กกลุ่มน้อย ยังคงหลบซ่อนและจะเผยให้เห็นแนวคิดที่รุนแรงเป็นระยะๆ เมื่อไม่นานมานี้กลุ่มหนึ่งที่ใช้แนวคิดนี้ได้ถือกำเนิดเปิดตัวขึ้นพร้อมกับนโยบายอันแข็งกร้าว นั่นก็คือ “กลุ่ม ญะมาอะตุ้ลตักฟีรวัลฮิจเราะห์” ซึ่งได้ประกาศตัวอย่างเป็นทางการว่าพวกเขาคือผู้ที่จะนำอิสลามอันแท้จริงมาสู่ประชาชนผู้ศรัทธาทุกคน (อะห์มัด ญะลีย์, 1988:108)

          เป็นที่น่าสังเกตว่าแนวทางของกลุ่มนี้ค่อนข้างจะรุนแรง มีการชักจูงคนหนุ่มสาวให้เข้าร่วมการต่อสู้ครั้งนี้ สาเหตุสำคัญที่ผลักดันให้คนเหล่านั้นมายอมรับหลักการคือ การชูประเด็นการบริหารที่ล้มเหลวของผู้นำโลกอิสลาม ที่ละเมิดบทบัญญัติของศาสนา ยึดเอากฏหมายของมนุษย์ผู้ที่จ้องทำลายล้างอิสลามมาใช้ และกล่าวหาบรรดาผู้รักอัลลอฮฺอย่างแท้จริงว่าเป็นพวกก่อกวน มีการตัดสินลงโทษในรูปแบบต่างๆ เพียงแค่พวกเขาเปล่งเสียงออกมาว่าพระเจ้าของเราคืออัลลอฮฺ และเรียกร้องให้นำแนวทางอันแท้จริงกลับคืนสู่สังคมเท่านั้นเอง




"โอ้ อัลลอฮฺ ผู้ทรงทำให้จิตใจเปลี่ยนแปลงได้ ขอพระองค์ทรงให้หัวใจของฉันแน่นแฟ้นอยู่บนศาสนา(อิสลาม)ของพระองค์ด้วยเถิด "

 

GoogleTagged