เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม

ทำไมต้องยึดติดที่ชื่อ "ซูฟี"

<< < (3/4) > >>

As-Zaleek:

นี่แหละครับ  หากท่านบีเฉิน ไม่ถามด้วยตัวเอง...ก็อาจจะไม่ไ้ด้คำตอบยาวๆ ของบังอัลอัซฮะรีย์ แบบนี้...แสดงว่าสำคัญไม่ใช่เล่น..

amad 254:

--- อ้างจาก: beechern ที่ พ.ค. 13, 2011, 01:50 PM ---ติดลบตรึม -*- กลายเป็นคนแปลกหน้า เป็นอะไรที่ประหลาด อย่างนั้นหรือ ?!?  ;D ;D ;D

--- End quote ---

อัสสลามุอลัยกุมครับ

คงไม่ถึงขนาดเป็นคนแปลกหน้าหรอกครับ  ท่านก็ยังเป็นเพื่อนๆ พี่น้องของสมาชิกในเว็ปนี้เหมือนเดิม  loveit:
เป็นธรรมดาที่บางครั้ง เราก็สับสนในแนวทางที่ตัวเองเลือกเดิน เพราะสังคมพาไปหรือ ได้ข้อมูลมาใหม่เลยทำให้สิ่งที่เคยมั่นใจกลายเป็นไม่มั่นใจ

เวลายังมีเหลือให้ศึกษาอีกมาก หลายปี ก็ขวนขวายศึกษา(ศาสนา)เพื่อค้นหาแนวทางของตัวเองที่คิดว่าถูกต้อง ที่มั่นใจเกินร้อย แล้วก็ไปตามนั้น
ฉะนั้นทำตามที่ตัวเองมั่นใจเถอะครับ อย่างน้อยก็ช่วยทำให้อามาลที่เราทำไม่อยู่ความสงสัย (ว่าถูกหรือเปล่า) ขอดุอาให้มากๆ(ถ้าอยู่ในช่วงสับสน)

บางทีแนวทางของศาสนาก็มีหลายแนวทาง(แล้วแต่ทัศนะของแต่ละคน) คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการศึกษาเพื่อค้นหาแนวทางที่ตัวเองคิดว่าถูกต้องที่สุด หรือ บางครั้งแนวทางที่เราคิดว่าถูกต้องที่สุด บางทัศนะอาจฮูก่ม (ตัดสิน)ว่าผิด และผิดมากก็ได้ แต่แค่อย่าลืมว่า
พระองค์อัลเลาะห์(ซบ)นั้นคือผู้ตัดสินชี้ขาดแต่พระองค์เดียวเท่านั้น  ฉะนั้นความอิศลาศ(บริสุทธิใจ) เพื่อพระองค์อัลเลาะห์(ซบ)(ในทุกการกระทำ)แล้วมีหวังในความเมตตาของพระองค์อัลเลาะห์(ซบ) ที่จะเมตตาบ่าวที่ต่ำต้อยเช่นเรา เพื่อพระองค์นั้นจะพอพระทัยในตัวเราแล้วทรงตอบแทนแต่สิ่งดีๆที่พระองค์ทรงสัญญาแก่ผู้ที่พระองค์ทรงรัก ย่อมดีกว่า การฟังคำตัดสินของผู้คนต่างๆ(ว่าตกนรกหรืออื่นๆ) ไม่ใช่หรือ?

ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้นะครับ แค่สิ่งเดียวอย่าได้ทิ้งไปคือ การศึกษา ด้านศาสนา(พร้อมๆกับการกระทำ) และอย่าได้ท้อใจนะครับ  loveit:
วัสลามครับ
 

Beechern:
วะอะลัยกุมุสลาม วะรอฮ์มะตุลลอฮ์ วะบะรอกาตุฮฺครับ

บาชีร:
บังบีเฉิน ที่เขียนไปคงจะแค่อยากรู้ว่าที่มีคนกล่าวแบบนี้แล้วเราจะตอบเช่นไร

nada-yoru:
อัสลามุอะลัยกุม


...กระทู้นี้ดี...ขอขุดนะคะ...

เพราะชีวิตที่ผ่านมาคิดมาตลอดค่ะว่า...
เราจะทำอย่างไรให้ได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺให้มากที่สุด
รู้มาตลอดว่าการได้ใกล้ชิดกับอัลลอฮฺนั้นเป็นสุดยอดของมนุษย์
แต่ไม่รู้วิธีการ...ไม่รู้ต้องทำอย่างไรบ้าง...
อยากได้วิธีการที่เป็นรูปธรรม สามารถฉายภาพให้เห็นได้ชัดเจน
จึงเฝ้าศึกษา...ตอนเรียนศาสนา เป็นคนนึงที่ชอบวิชาฟิกฮ์
กับตะเซาวุฟมากๆ...วิชาอื่นก็ชอบ แต่ชอบสองวิชานี้เป็นพิเศษ
และเวลาทำข้อสอบก็ทำได้เกือบเต็มร้อย...เพราะเรารู้สึกชอบ
จึงหมั่นอ่านเป็นพิเศษ...

ซ้ำยังรู้สึกมาตลอดว่า ทุกๆวิชาที่ร่ำเรียนมานั้น
หัวใจของแต่ละวิชาล้วนสอนให้เรารู้จักกับอัลลอฮฺ
รู้จักวิธีทำอาม้าลอิบาดะฮฺ...
แต่สำหรับตะเซาวุฟ เป็นวิชาที่สอนวิธีให้เราได้รู้จักใกล้ชิดอัลลอฮฺ
เป็นวิชาที่สอนวิธีทำอาม้าลอิบาดะฮฺให้อร่อยขึ้น...

หากจะเรียนศาสนา ก็ต้องเรียนมันทุกวิชาค่ะ...
แต่จะชอบอะไรเป็นพิเศษนั้น ก็คงขึ้นอยู่กับเรา...

หากกลัวว่าจะหลงทาง...ข้าน้อยว่ามีสัญญาณนึงค่ะที่จะส่งเสียง
เตือนเราตลอดว่า ตอนนี้เรากำลังเดินอยู่ตรงไหน...
นั่นคือ...สภาวะของการรำลึกถึงอัลลอฮฺค่ะ...
หากเรายังคงรำลึกถึงพระองค์อยู่ สัมผัสได้ถึงพระองค์
และยังคงอยู่ในการปฏิบัติอาม้าลอิบาดะฮฺต่อพระองค์อยู่
ก็อย่าได้หวั่นไหวเลยค่ะ...ฝากกายและหัวใจไว้กับอัลลอฮฺ
พระองค์จะปกป้องมันด้วยประสงค์ของพระองค์...

เพราะมนุษย์สามารถแบ่งเนื้อหาในศาสนาเป็นชื่อวิชาต่างๆได้
เพื่อจะได้สะดวกในการสอน....

แต่เป้าหมายหลักของศาสนาเรา เรามุสลิมทุกคนต่่างทราบกันดี
เพราะเราต้องการเป็นที่รักของอัลลอฮฺ...

อะไรที่จะเป็นการทำให้เป็นที่รักของอัลลอฮฺได้...
เราก็พร้อมและพยายามจะทำการศึกษาและปฏิบัติ
หากทำไปแล้วรู้สึกว่าห่างไกลอัลลอฮฺจนสัมผัสไม่เจอ
ก็ต้องลองศึกษาแนวทางอื่นดูอีกค่ะ...

เพราะหากอัลลอฮฺไม่ให้หลง...อินชาอัลลอฮฺ...เราจะไม่หลง...
ฮิดายะฮฺ(ทางนำ)เป็นของอัลลอฮฺ....

จะกลัวไปใย ในเมื่อเรายังอยู่กับการศึกษาหาความรู้
เรายังคงเป็นนักศึกษาอยู่....

ไม่ว่าซูฟีย์จะแปลว่าอะไรหรือถูกมองอย่างไร
แต่ข้าน้อยก็ชอบที่จะอ่านและศึกษาวิชาตะเซาวุฟ
และนำไปปฏิบัติ...เพราะรู้สึกได้ว่าเราเริ่มผูกพันธ์อยู่กับอัลลอฮฺ
มากกว่าแต่ก่อน ที่เพียงแค่ทำอาม้าลอิบาดะฮฺแบบฉาบฉวย
ด้วยไม่รู้น่ันเอง...

ไม่รู้จะเปรียบกับอะไร
แต่ด้วยประสบการณ์ขอเปรียบกับการปรุงอาหารนะคะ...

เราอาจจะทำอาหารได้ รู้ว่าถ้าทำอาหารเมนูนี้จะต้องใส่อะไรบ้าง
แต่เคล็ดลับที่จะทำให้มันอร่อยได้นั้น เราต้องเรียนรู้และฝึกฝนค่ะ...
จะฝึกฝนหรือเรียนรู้จากไหนดี...เราก็ต้องมองหาว่า...
ใครทำอาหารอร่อย...เมื่อเจอเราก็ไปฝากตัวเป็นศิษย์ให้เขาสอนให้
แล้วก็พยายามตั้งใจทำ...เมื่อฝึกฝนหัดทำแล้ว ก็ใช่ว่าเราจะทำได้
เอร็ดอร่อยเท่าครูของเรา ซึ่งมันขึ้นอยู่กับประสบการณ์
และความชำนาญค่ะ...หากเราอยากให้อาหารที่เราทำเอร็ดอร่อย
เราก็ต้องหมั่นทำอย่างใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง...เช็คความอร่อย
ของอาหารที่ทำอยู่ตลอด...แล้วก็ตั้งใจทำอย่างดี...
อินชาอัลลอฮฺ...อาหารของเราจะอร่อย...ดังที่ตั้งใจและพยายาม
มาตลอด...ที่อร่อย ไม่ใช่เพราะฝีมือเรา แต่เป็นเพราะอัลลอฮฺ
พอใจให้เราทำออกมาให้อร่อย...และเราก็จะได้สัมผัส
ถึงอำนาจนั้นอย่างชัดเจน เมื่อเราเป็นคนนึงที่อดทน...
และพยายามปฏิบัติจนถึงที่สุดอย่างไม่ย่อท้อ...
และวันใดที่เราขี้เกียจ อาหารของเราก็จะกลับมาไม่อร่อย...
แบบขึ้นๆลงๆ แต่สำหรับผู้ที่มีความชำนาญแล้วหรือมีความเป็น
มืออาชีพแล้วนั้น เขาจะสามารถควบคุมความอร่อยของอาหาร
ที่ทำได้ เพราะเขาข้ามผ่านเส้นทางดังกล่าวไปได้แล้ว...
เขาผ่านโปรแล้ว...

เคยได้ยินมั้ยคะที่ว่า....

คนที่ทำอาหารอร่อยได้อย่างสม่ำเสมอนั้น...
แสดงว่าคนๆนั้นสามารถควบคุมอารมณ์ความรู้สึกตัวเองได้ดี...

ข้าน้อยเลยอยากบอกว่า...ผู้หญิงที่ทำอาหารได้อร่อยอย่างสม่ำเสมอ
เป็นผู้หญิงที่ผู้ชายไม่ควรมองข้ามเลยค่ะ...

หากไม่เชื่อ...ลองพิจารณาดูได้ค่ะ...
คนที่ฝีมือการทำอาหารนิ่ง หัวใจจะนิ่ง(ไม่ผันผวน)ด้วย...

หากผิดไปจากนี้ ข้าน้อยก็ขออภัยด้วย
เพราะเป็นคนนึงที่ยังฝึกฝนการทำอาหารให้อร่อย
อย่างสม่ำเสมออยู่ค่ะ...แต่ก็ยังทำไม่สำเร็จจริงๆเสียที...
ติดๆดับๆอยู่ค่ะ...

หากการเปรียบเทียบดังกล่าวไม่เหมาะสมหรือมีอะไรที่น่าติติง
ก็แนะนำกันได้เสมอนะคะ...


วัสลามค่ะ

นำร่อง

[0] ดัชนีข้อความ

[#] หน้าถัดไป

[*] หน้าที่แล้ว

Go to full version