ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 42 สูเราะฮฺ อัชชูรอ  (อ่าน 4607 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 42 สูเราะฮฺ อัชชูรอ

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัชชูรอ (الشورى - การประชุม)

ความหมายโดยสรุปของ ซูเราะฮฺ อัซซูรอ (Ash-shura)
 http://www.alquran-thai.com/ShowQSum.asp?SurahNo=42

เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 53 อายะฮฺ
    ซูเราะฮฺนี้เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ เรื่องของซูเราะฮฺเช่นเดียวกับเรื่องของซูเราะฮฺมักกียะฮฺอื่น ๆ ที่ให้ความสนใจทางด้านหลักอะกีดะฮฺอิสลามียะฮฺ เช่น การให้ความเป็นเอกภาพ สาส์น การฟื้นคืนชีพ และการตอบแทน แก่นสำคัญที่ซูเราะฮฺนี้กล่าวถึงก็คือ การวะฮียฺ และสาส์น ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักของซูเราะฮฺ
    ซูเราะฮฺเริ่มด้วยการกำหนดแหล่งที่มาของอัลวะฮียฺ และแหล่งที่มาของสาส์น อัลลอฮฺพระเจ้าแห่งสากลโลก คือ ผู้ประทานวะฮียฺให้แก่บรรดานะบี และบรรดาร่อซูล พระองค์คือผู้ทรงคัดเลือกผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของพระองค์ เพื่อทำหน้าที่เผยแผ่สาส์นของพระองค์ เพื่อที่จะนำมนุษยชาติออกจากความมืดมนแห่งการตั้งภาคี (ชิริก) และการหลงทางไปสู่รัศมีแห่งแนวทางที่ถูกต้อง (ฮายะฮฺ) และการศรัทธา (อีมาน)
    ต่อมาซูเราะฮฺได้เปิดเผยถึงสภาพของพวกมุชริกีนบางคน และการกล่าวอ้างของพวกเขาแก่อัลลอฮฺว่ามีบุตรจนกระทั้งบรรดาชั้นฟ้าเกือบที่พังทลายลงมาอันเนื่องจากคำกล่าวอ้างของพวกเขา ขณะที่พวกมุชริกีนเหล่านั้นกำลังเซ่อซ่าอยู่ในการหลงทางของพวกเขา มะลาอิกะฮฺที่อยู่บนฟากฟ้าต่างก็มุ่งมั่นอยู่ในการแซ่ซ้องสดีด้วยการสรรเสริญต่ออัลลอฮฺ ทั้งนี้เพื่อเป็นการเปรียบเทียบระหว่างการปฏิเสธศรัทธาและการฝ่าฝืนของมนุษย์บนหน้าแผ่นดิน กับการศรัทธาของมะลาอิกะฮฺ และการยอมจำนนต่อพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา
    ซูเราะฮฺได้หวนกลับมากล่าวถึงข้อเท็จจริงของการวะฮียฺและสาส์นอีก โดยกำหนดว่าศาสนานั้นเป็นหนึ่งเดียว อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงส่งบรรดาร่อซูลทั้งมวลมาพร้อมด้วยศาสนานั้น และว่าบทบัญญัติของบรรดานะบีนั้นถึงแม้ว่าจะแตกต่างกัน แต่ว่าศาสนาของพวกเขาเป็นหนึ่งเดียวคืออัลอิสลาม ซึ่งพระองค์ทรงส่งมาให้แก่นูหฺ มูซา อีซา และบรรดาร่อซูลผู้ทรงเกียรติ “พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูหฺ และที่เราได้วะฮียฺแก่เจ้าก็เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮีมและมูซา และอีซา...”
    ซูเราะฮฺได้เปลี่ยนมากล่าวถึงเรื่องของบรรดาผู้ปฏิเสธอัลกุรอาน บรรดาผู้ปฏิเสธการฟื้นชีพและการตอบแทน และได้กล่าวเตือนพวกเขาถึงการลงโทษอันหนักหน่วงในวันที่ผมจะเปลี่ยนเป็นสีขาวและจิตใจจะไม่อยู่กับตัวเพราะความกลัว ขณะที่พวกเขาอยู่ในโลกดุนยานั้นพวกเขาเยาะเย้ยเหยียดหยาม และเร่งเร้าถึงยามอวสาน
    หลังจากซูเราะฮฺได้กล่าวถึงหลักฐานต่าง ๆ ของการอีมานซึ่งเป็นที่ประจักษ์อยู่นี้ อันนับได้ว่าเป็นร่องรอยแห่งการกระทำอันมากหลายของอัลลอฮฺ ความปรีชาญาณและเดชานุภาพของพระองค์แล้ว ซูเราะฮฺได้เรียกร้องเชิญชวนมนุษย์ให้ตอบรับการดะอฺวะฮฺของอัลลอฮฺ ด้วยการปฏิบัติตามและยอมจำนนต่อการตัดสินของพระองค์ก่อนที่วันแห่งความยากลำบากจะมาจู่โจมพวกเขา ซึ่งทรัพย์สมบัติก็ดี ญาติสนิทก็ดีจะไม่อำนวยประโยชน์แต่ประการใด “จงตอบรับการเรียกร้องของพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง ซึ่งจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปจากอัลลอฮฺได้”
    ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการกล่าวถึงอัลวะฮียฺ และอัลกุรอาน เช่นเดียวกับที่ได้เริ่มไว้ในตอนต้นของซูเราะฮฺ ทั้งนี้เพื่อให้คำกล่าวสอดคล้องกันในตอนต้นและตอนจบ “และเช่นนั้นแหละเราได้วะฮียฺแก่เจ้าตามบัญชาของรา เจ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า อะไรคือคัมภีร์ และอะไรคือการศรัทธา…"

ชื่อของซูเราะฮฺ
    ซูเราะฮฺอัชชูรอ ถูกขนามนามเช่นนี้เพื่อเป็นการชี้แนะถึงสถานะของการปรึกษาหารือในอิสลาม และเป็นการสั่งสอนให้บรรดามุอฺมินผู้ศรัทธาให้ดำเนินชีวิตของพวกเขาอยู่บนแนวทางที่ดีเด่น และสมบูรณ์ยิ่งคือ “แนวทางแห่งการปรึกษาหารือ (อัชชูรอ)” เนื่องเพราะแนวทางนี้เป็นแนวทางที่ยิ่งใหญ่และมีคุณค่าในการดำเนินชีวิตของบุคคลและสังคม ดังที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า “และกิจการของพวกเขามีการปรึกษาหารือระหว่างพวกเขา”


----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 1-5




คำอ่าน
1. หา มีม
2. อัยนฺ สีน กอฟ
3. กะซาลิกะ ยูหี..อิลัยกะ วะอิซัลละซีนะมิน..ก็อบลิกัลลอฮุลอะซีซุลหะกีม
4. ละฮูมาฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะฮุวัลอะลียุลอะซีม
5. ตะกาดุสสะมาวาตุ ยะตะฟัฏฏ็อรฺนะ มิน..เฟากิฮินนฺ วัลมะลา...อิกะตุ ยุสับบิหูนะ บิหัมดิร็อบบิฮิม วะยัสตัฆฟิรูนะ ลิมัน..ฟิลอัรฺฎิ อะลา..อิน..นัลลอฮะ ฮุวัลเฆาะฟูรุรฺเราะหีม


คำแปล R1.
1. Ha-Mim.
2. 'Ain-Sin-Qaf.
3. Likewise Allah, the All-Mighty, the All-Wise inspires you (O Muhammad) as (He inspired) those before you.
4. To Him belongs all that is in the heavens and all that is in the earth, and He is the Most High, the Most Great.
5. Nearly the heavens might rent asunder from above them (by his Majesty), and the angels glorify the praises of their Lord, and ask for Forgiveness for those on the earth, verily, Allah is the Oft-Forgiving, the Most Merciful.


คำแปล R2.
1. ฮา มีม
2. อีน, ซีน, กอฟ
3. เช่นนั้น! (บรรดาโองการต่าง ๆ แห่งคัมภีร์) อัลเลาะฮฺผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงดลโองการมายังเจ้า และบรรดาศาสดาก่อนหน้าเจ้า
4. พระองค์ทรงสิทธิ์ในสรรพสิ่งที่มีอยู่ในฟากฟ้า และสรรพสิ่งในแผ่นดินและพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงยิ่งใหญ่ที่สุด
5. ฟากฟ้าทั้งหลายเกือบจะแตกสลายจากเบื้องบนของมัน (เพราะความสะพรึงกลัวในอำนาจแห่งอัลเลาะฮฺ) และมวลมลาอิกะฮฺต่างถวายสดุดีพระบริสุทธิ์คุณพร้อมกับการสรรเสริญในองค์อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาต่างขอนิรโทษให้แก่ผู้อาศัยอยู่ในแผ่นดิน (ที่มีความศรัทธาโดยทั่วถ้วน) พึงสังวร! แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงไว้ซึ่งการนิรโทษยิ่ง ทรงไว้ซึ่งความเมตตายิ่ง


คำแปล R3.
1. ฮา มีม
2. อีน ซีน กอฟ
3. ในทำนองเดียวกันนั้นแหละที่อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณได้ทรงวะฮียฺแก่เจ้าและแก่บรรดา(รอซูล)ก่อนหน้าเจ้า
4. อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นของพระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งและทรงอำนาจยิ่ง
5. ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบจะพังลงมาจากเบื้องบน บรรดามลาอิกะฮฺได้สดุดีพระผู้อภิบาลของเขาด้วยการสรรเสริญและวิงวอนขออภัยให้แก่ผู้ที่อยู่บนโลกนี้ จงฟังให้ดี แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R4.
1. ฮา มีม
2. อัยนฺ ซีน ก๊อฟ
3. เช่นนั้นแหละ ได้มีวะฮียฺมายังเจ้าและมายังบรรดา(ร่อซูล)ก่อนหน้าเจ้า อัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
4. สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นสิทธิของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้สูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่
5. ชั้นฟ้าทั้งหลายแทบจะพังทลายลงมาจากเบื้องบนพวกมันขณะที่มะลาอิกะฮฺต่างก็ แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญต่อพระเจ้าของพวกเขา และขออภัยให้แก่ผู้ที่อยู่ในโลกนี้ พึงรู้เถิดว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้น พระองค์เป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงเมตตาเสมอ


คำแปล R5.
๑. ฮา มีม อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงรู้ความหมายของคำนี้
๒. อัยน์ ซีน ก๊อฟอัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงรู้ความหมายของคำนี้
๓. เช่นนั้นแหละโองการที่ถูกดลแก่เจ้าและแก่บรรดาศาสนทูตที่มีมาก่อนหน้าเจ้า โดยองค์อัลเลาะห์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
๔. ย่อมเป็นสิทธิ์ของพระองค์เพียงผู้เดียวเท่านั้นสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดิน และพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่ง อีกทั้งทรงยิ่งใหญ่นัก
๕. ฟากฟ้าเกือบจะแตกสลายจากเบื้องบนของพวกเขาลงมาทับถมด้วยความสะทกสะท้านในอำนาจแห่งอัลเลาะห์ เมื่อเหล่าทรชนผู้เนรคุณได้กล่าวว่า “อัลเลาะห์มีบุตร” เนื่องเพราะถ้อยคำเช่นนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ผู้ใดจะกล่าวกับพระองค์และมวลมลาอิกะห์ต่างกล่าวสดุดีในพระบพิตรธิคุณ พร้อมกับสรรเสริญในองค์อภิบาลแห่งพวกเขา และพวกนั้นทำการขอลุกะโทษต่ออัลเลาะห์ให้แก่ผู้ที่มีศรัทธาที่อาศัยอยู่ในแผ่นดิน พึงสังวร อัลเลาะห์ทรงเป็นผู้ให้อภัยยิ่ง อีกทั้งทรงเมตตายิ่ง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 10, 2011, 05:33 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 6 - 8


คำอ่าน
6. วัลละซีนัตตะเคาะซู  มิน..ดูนิฮี..เอาลิยา...อัลลอฮุ หะฟีซุนอะลัยฮิม วะมา..อัน..ตะอะลัยฮิม..บิวะกีล
7. วะกะซาลิกะ เอาหัยนา..อิลัยกะ กุรฺอานัน อะเราะบียัล ลิตุน..ซิเราะอุม..มุลกุรอ วะมันเหาละฮา วะตุนซิเราะเยามัลญัมอิลาร็อยบะฟีฮฺ ฟะรีกุน..ฟิลญัน..นะติ วะฟะรีกุน..ฟิสสะอีด
8. วะเลาชา...อัลลอฮุ ละญะอะละฮุม อุม..มะเตา..วาหิดะเตา..วะลากี..ยุดคิลุ มัย..ยะชา...อุฟีเราะหฺมะติฮฺ วัซซอลิมูนะ มาละฮุม..มิว..วะลียิว..วะลานะศีรฺ


คำแปล R1.
6. And as for those who take as Auliya' (guardians, supporters, helpers, protectors, etc.) others besides Him [i.e. they take false deities other than Allah (as) protectors, and they worship them] Allah is Hafiz (protector) over them (i.e. takes care of their deeds and will Recompense them), and you (O Muhammad) are not a Wakil (guardian or a disposer of their affairs) over them (to protect their deeds, etc.).
7. And thus we have inspired unto you (O Muhammad) a Qur'an (in Arabic) that you may warn the mother of the towns (Makkah) and all around it. And warn of the Day of Assembling, of which there is no doubt, when a party will be In Paradise (those who believed in Allah and followed what Allah Messenger has brought them) and a party in the blazing Fire (Hell) (those who disbelieved in Allah and followed not what Allah Messenger has brought them)
8. And if Allah had willed, He could have made them one nation, but He admits whom He wills to his Mercy. And the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.) will have neither a Wali (protector) nor a helper.


คำแปล R2.
6. และบรรดาจำพวกที่อุปโลกน์สิ่งอื่นนอกเหนือจากพระองค์ ขึ้นมาเป็นผู้คุ้มครอง อัลเลาะฮฺทรงสอดส่องตอพวกเขา (ที่จะตอบแทนโทษแก่พวกเขา) และเจ้านั้นมิใช่ผู้มีหน้าที่รับมอบหมาย (รับผิดชอบ) เหนือพวกเขา (แต่ประการใดทั้งสิ้น)
7. และเช่นนั้น! เราได้ดลโองการมายังเจ้าซึ่งกุรฺอานที่เป็นภาษาอาหรับ เพื่อเจ้าจักได้ตักเตือน (ประชาชาติของ) “แม่แห่งเมืองทั้งหลาย (คือมักกะฮฺ)” และผู้ที่อาศัยอยู่รอบ ๆ เมืองนั้น และเจ้าจะได้ตักเตือน (ให้พวกนั้นได้ตระหนักถึง) วันแห่งการชุมนุม (คือวันชาติหน้า) ซึ่งไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในนั้นเลย มีบางกลุ่มที่อยู่ในสวรรค์และอีกบางกลุ่มที่อยู่ในนรก
8. และมาดแม้นอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ แน่นอน พระองค์ย่อมบันดาลพวกเหล่านั้นให้ (รวมกัน) เป็นประชาชาติ (ที่นับถือ) ลัทธิศาสนา)เดียวกัน แต่ทว่าทรงนำบุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าอยู่ในพระเมตตาธิคุณของพระองค์ และบรรดาทุจริตชนทั้งหลาย ย่อมไม่มีผู้ใดคุ้มครองและช่วยพวกเขาได้

 
คำแปล R3.
6. บรรดาผู้ที่เอาสิ่งอื่นนอกไปจากอัลลอฮฺมาเป็นผู้คุ้มครองพวกเขานั้น อัลลอฮฺทรงเฝ้าดูพวกเขาอยู่ และเจ้าไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อการกระทำของพวกเขา
7. และนั่นเองที่เราได้วะฮียฺกุรอานเป็นภาษาอาหรับแก่เจ้า เพื่อที่เจ้าจะได้เตือนบรรดาผู้อาศัยอยู่ในใจกลางเมือง (มักกะฮฺ) และที่อยู่รอบ ๆ มัน และจงเตือนพวกเขาถึงวันแห่งการชุมนุม ซึ่งจะต้องมีอย่างแน่นอนโดยไม่ต้องสงสัยว่ากลุ่มหนึ่งจะได้อยู่ในสวรรค์และอีกกลุ่มจะได้อยู่ในนรก
8. หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์จะทรงทำให้พวกเขาทั้งหมดเป็นประชาชาติเดียวกันก็ได้ แต่พระองค์จะรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์สู่ความเมตตาของพระองค์ และบรรดาผู้ทำความผิดนั้นจะไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R4.
6. และบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาผู้คุ้มครองอื่นจากพระองค์นั้น อัลลอฮฺทรงเฝ้าดูพวกเขาและเจ้ามิใช่ผู้ดูแลคุ้มครองพวกเขา
7. และเช่นนั้นแหละ เราได้วะฮียฺอัลกุรอานเป็นภาษาอาหรับแก่เจ้า เพื่อเจ้าจะได้ตักเตือนอุมมุลกุรอ (ชาวมักกะฮฺ) และผู้ที่อยู่รอบเมืองนั้น และเตือนถึงวันแห่งการชุมนุมซึ่งไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ในวันนั้น พวกหนึ่งจะอยู่ในสวรรค์ และอีกพวกหนึ่งจะอยู่ในไฟที่ลุกช่วงโชติ
8. และหากว่าอัลลอฮฺทรงประสงค์ แน่นอนจะทรงทำให้พวกเขาเป็นประชาชาติเดียวกัน แต่พระองค์จะทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าสู่ความเมตตาของพระองค์ ส่วนบรรดาผู้อธรรมนั้น พวกเขาไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R5.
๖. และบรรดาผู้อุปโลกน์ สิ่งอื่นนอกจากพระองค์ ขึ้นเป็นผู้ปกครองนั้น อัลเลาะห์เป็นผู้ทรงพิทักษ์แก่กิจการของพวกเขา จึงไม่มีพฤติกรรมใด ๆ ที่รอดเร้นไปจากความรับรู้ของพระองค์ และเจ้านั้นหาใช่เป็นผู้รับมอบหมายในการดำเนินและจัดการต่าง ๆ แก่พวกเขาไม่เจ้าเพียงเป็นผู้ได้รับหน้าที่ให้นำสัจธรรมมาประกาศเท่านั้น
๗. และเช่นนั้น เราได้ดลกุรอานแก่เจ้าเป็นภาษาอาหรับ เพื่อเจ้าจักได้ตักเตือนผู้ที่อยู่ในหัวเมืองมักกะห์และบรรดาบุคคลที่อยู่รอบ ๆ นั้น และเจ้าจักตักเตือนมวลมนุษยชาติในวันแห่งการชุมนุมซึ่งไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้นว่าวันนั้นจะไม่อุบัติขึ้น และวันนั้นคือวันปรภพ ซึ่งมวลมนุษย์ทั้งหลายจะถูกแยกออกเป็นสองกลุ่ม กลุ่มหนึ่งอยู่ในสวรรค์และอีกกลุ่มหนึ่งอยู่ในนรก
๘. และมาดแม้นอัลเลาะห์ทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์ย่อมดลบันดาลพวกเขาให้เป็นประชาชาติเดียวกันที่ยึดมั่นในศาสนาเดียวกันคือศาสนาอิสลาม และแต่ทว่าพระองค์ทรงนำผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เข้าอยู่ในพระเมตตาธรรมของพระองค์ ส่วนบรรดาผู้อธรรมนั้นไม่มีผู้ใดคุ้มครองและช่วยเหลือพวกเขาเลย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 9-12


คำอ่าน
9. อะมิตตะเคาะซูมิน..ดูนิฮี...เอาลิยา...อ์ ฟัลลอฮุ ฮุวัลวะลียุ วะฮุวะ ยุหฺยิลเมาตา วะฮุวะอะลา กุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ
10. วะมัคตะลัฟตุม..ฟีฮิ มิน..ชัยอิน..ฟะหุกมุฮู..อิลัลลอฮฺ ซาลิกุมุลลอฮุ ร็อบบีอะลัยฮิ ตะวักกัลป์ตุ วะอิลัยฮิอุนีบ
11. ฟาฏิรุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ ญะอะละละกุม..มินอัน..ฟุสิกุม อัซวาเญา..วะมินัลอันอามิ อัซวาญา ยัซเราะอุกุมฟีฮิ ลัยสะกะมิษลิฮีชัยอู..วะฮุวัสสะมีอุลบะศีรฺ
12. ละฮูมะกอลีดุสสะมาวาติวัลอัรฺฎฺ ยับสุฏุรฺริซเกาะลิมัย..ยะชา...อุวะยักดิรฺ อิน..นะฮูบิกุลลิชัยอินอะลีม


คำแปล R1.
9. Or have they taken (for worship) Auliya' (guardians, supporters, helpers, protectors, etc.) besides him? But Allah, He alone is the Wali(Protector, etc.). And it is He who gives life to the dead, and He is able to do all things.
10. And in whatsoever you differ, the decision thereof is with Allah (He is the Ruling Judge). (And Say O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam to these polytheists:) such is Allah, my Lord in whom I put my trust, and to Him I turn in all of my affairs and in repentance.
11. The Creator of the heavens and the earth. He has made for you mates from yourselves and for the cattle (also) mates. By this means He creates you (in the wombs). There is nothing like unto him, and He is the All-Hearer, the All-Seer.
12. To Him belong the keys of the heavens and the earth, He enlarges provision for which He wills, and straitens (it for which He wills). Verily! He is the All-Knower of everything.


คำแปล R2.
9. หรือว่าพวกเขาอุปโลกน์สิ่งอื่นนอกจากพระองค์ขึ้นมาเป็นผู้ปกครอง ที่จริงแล้วอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้ปกครอง และพระองค์ทรงทำให้ผู้ตายคืนชีพขึ้น และพระองค์ทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง
10. และกรณีใดก็ตามที่พวกเจ้าขัดแย้งกัน การตัดสินในกรณีนั้นย่อมเป็นอำนาจของพระองค์ นั้น! อัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้อภิบาลของฉัน ฉันมอบหมายเฉพาะพระองค์ และฉันต้องคืนกลับไปสู่พระองค์
11. ทรงเนรมิตฟากฟ้าและแผ่นดินขึ้น ทรงบันดาลคู่ครองแก่พวกเจ้า จากเชื้อชาติของพวกเจ้าเอง และทรงบันดาลปศุสัตว์ทั้งหลายไว้เป็นคู่ ๆ พระองค์ทรงให้พวกเจ้ามีการสืบชาติพันธุ์ในวิธีดังกล่าว ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ เพราะพระองค์ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงมองเห็นยิ่ง
12. พระองค์ทรงสิทธิในกุญแจ (ควบคุมระบบ) แห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน ทรงเผื่อแผ่โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงจำกัด (โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์) แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งในทุก ๆ สิ่ง


คำแปล R3.
9. พวกเขาได้ยึดเอาผู้อื่นนอกไปจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครองกระนั้นหรือ? อัลลอฮฺเท่านั้นต่างหากที่เป็นผู้คุ้มครอง พระองค์เท่านั้นที่ทรงให้ชีวิตแก่สิ่งที่ตาย และพระองค์ทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
10. และอะไรก็ตามที่สูเจ้าขัดแย้งกัน อัลลอฮฺจะทรงตัดสินเรื่องนั้นในที่สุด อัลลอฮฺองค์นี้แหละคือพระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์เท่านั้นที่ฉันได้มอบความไว้วางใจและยังพระองค์ที่ฉันจะกลับไป
11. พระองค์เป็นผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงสร้างคุ๋ครองให้แก่สูเจ้าจากตัวของสูเจ้าเอง และทรงทำให้ปศุสัตว์มีคู่ของมันด้วย ทั้งนี้เพื่อที่จะแพร่พันธุ์สูเจ้าให้มีมากขึ้น ไม่มีสิ่งใดเป็นเหมือนอย่างพระองค์ พระองค์ทรงได้ยินและทรงเห็นทุกสิ่ง
12. พระองค์ทรงเป็นเจ้าของกุญแจคลังแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงประทานปัจจัยอย่างเหลือเฟือแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์บางคนอัตคัด แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง


คำแปล R4.
9. หรือว่าพวกเขาได้ยึดถือเอาคนอื่นจากพระองค์เป็นผู้คุ้มครอง แต่อัลลอฮฺคือผู้คุ้มครอง และพระองค์คือผู้ทรงให้ชีวิตแก่คนตาย และพระองค์คือผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่งอย่าง
10. และอันใดที่พวกเจ้าขัดแย้งกันในเรื่องนั้นๆ ดังนั้นการช้ขาดตัดสินย่อมกลับไปหาอัลลอฮฺ นั่นคืออัลลอฮฺพระเจ้าของฉัน แต่พระองค์เท่านั้นฉันขอมอบหมายและยังพระองค์เท่านั้นฉันจะกลับไปหา
11. พระองค์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงทำให้มีคู่ครองแก่พวกเจ้า จากตัวของพวกเจ้าเอง และจากปศุสัตว์ทรงให้มีคู่ผัวเมีย ด้วยเหตุนี้พระองค์ทรงแพร่พันธุ์พวกเจ้าให้มากมาย ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น
12. กุญแจ (การควบคุมกิจการ) แห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิ์ของพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มพูนปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงให้คับแคบ


คำแปล R5.
๙. แต่แล้วพวกเขากลับอุปโลกน์สิ่งนอกเหนือจากพระองค์นั้นเป็นผู้ปกครองที่ร่วมภาคีกับอัลเลาะห์ สิ่งเหล่านั้นได้แก่บรรดารูปเคารพต่าง ๆ ที่พวกเขากราบไหว้ อันที่จริงอัลเลาะห์ พระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองเพียงพระองค์เดียวเท่านั้นและพระองค์ทรงชุบชีวิตแก่ผู้ตายและพระองค์ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
๑๐. และกรณีใด ๆ ก็ตามที่เจ้าทั้งหลายขัดแย้งกัน แน่นอนการตัดสินในกรณีนั้นต้องกลับคืนสู่อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น ในวันปรภพ ข้อขัดแย้งต่าง ๆ ระหว่างกลุ่มศรัทธากับกลุ่มเนรคุณ พระองค์จะทรงพิพากษาอย่างเที่ยงธรรมยิ่ง ดังนั้นผู้พิพากษาที่ทรงยิ่งใหญ่คืออัลเลาะห์ ผู้ทรงอภิบาลแห่งฉัน ฉันมอบหมายต่อพระองค์ และฉันขอกลับคืนสู่พระองค์
๑๑. ผู้ทรงบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงสร้างสรรค์เพื่อพวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้าเอง ซึ่งคู่ครองโดยสร้างฮาวาจากซี่โครงอาดัมและสร้างปศุสัตว์ทั้งหลายให้เป็นคู่มีทั้งตัวผู้ตัวเมียพระองค์ทรงบังเกิดพวกเจ้าทั้งหลายตามระบบนั้นทุกประการ กล่าวคือจากการมีคู่ทั้งมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย ก็ทำให้เกิดการสืบชาติพันธุ์อันมากมายต่อเนื่องกันเรื่อยไปไม่มีสิ่งใดที่จักเสมอเหมือนพระองค์ได้เลย และพระองค์ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่ดำเนินอยู่
๑๒. พระองค์ทรงสิทธิ์ในลูกกุญแจไขคลังแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดินดังนั้นฝนจะตก พืชจะงอก จะเกิดความอุดมสมบูรณืหรือความแห้งแล้ง ล้วนอยู่ในอำนาจและอภิสิทธิ์แห่งพระองค์แต่พระองค์เดียวพระองค์ทรงแผ่โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงจำกัดโชคผลให้ได้รับแต่เพียงเล็กน้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพราะแท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งนักในทุก ๆ สิ่งไม่ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อย หรือยิ่งใหญ่สักปานใดก็ตาม




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 13-16


คำอ่าน
13. ชะเราะอะละกุม มินัดดีนิ มาวัศศอบิฮี นูเหา..วัลละซี..เอาหัยนา..อิลัยกะวะมาวัศศ็อยนาบิฮี..อิบรอฮีมะ..วะมูสา วะอีสา อันอะกีมุดดีนะ วะลาตะตะฟัรฺเราะกูฟีฮิ กะบุเราะอะลัลมุชริกีนะ มาตัดอูฮุมอิลัยฮฺ อัลลอฮุยัจญตะบี..อิลัยฮิ มัย..ยะชา...อุ วะยะฮฺดี..อิลัยฮิมัย..ยุนีบ
14. วะมาตะฟัรฺเราะกู..อิลลามิม..บะอฺดิ มาญา...อะฮุมุลอิลมุ บัฆยัม..บัยนะฮุม วะเลาลากะลิมะตุน..ษะบะก็อต มิรฺร็อบบิกะ อิลา..อะญะลิม..มุสัม..มัล ละกุฎิยะบัยนะฮุม วะอิน..นัลละซีนะ อูรอษุลกิตาบะ มิม..บะอฺดิฮิม ละฟีชักกิม..มินฮุมุรีบ
15. วะลิซาลิกะฟัดอุ วัสตะกิมกะมา..อุมิรฺตะ วะลาตัตตะบิอฺ อะฮฺวา...อะฮุม วะกุลมา..อัน..ตุ บิมา..อัน..ซะลัลลอฮุมิน..กิตาบ วะอุมิรฺตุ ลิอะอฺดิละ บัยนะกุมุลลอฮุ ร็อบบุนา วะร็อบบุกุม ละนา..อะอฺมาลุนา วะละกุมอะอฺมาลุกุม ลาหุจญะตะบัยนะนา วะบัยนะกุม อัลลอฮุยัจญมะอุบัยนะนา วะอิลัยฮิลมะศีรฺ
16. วัลละซีนะยุหา...จญูนะฟิลลาฮิมิม..บะอฺดิ มัสตุญีบะละฮู  หุจญะตุฮุมดาหิเฎาะตุน อิน..ดะร็อบบิฮิม วะอะลัยฮิมเฆาะเฎาะบู..วะละฮุมอะซาบุน..ชะดีด


คำแปล R1.
13. He (Allah) has ordained for you the same Religion (Islam) which He ordained for Nuh (Noah), and that which we have inspired in you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), and that which we ordained for Ibrahim (Abraham), Musa (Moses?) and 'Iesa (Jesus) saying you should establish Religion (i.e. to do what it orders you to do practically), and make no divisions in it (religion) (i.e. various sects in religion). Intolerable for the Mushrikun , is that to which you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) call them. Allah chooses for himself whom He wills, and guides unto himself who turns to Him in repentance and in obedience.
14. And they divided not till after knowledge had come to them, through selfish transgression between themselves. And had it not been for a word that went forth before from your Lord for an appointed term, the matter would have been settled between them. And verily, those who were made to inherit the Scripture [i.e. the Taurah (Torah) and the Injeel (Gospel)] after them (i.e. Jews and Christians) are in grave doubt concerning it (i.e. Allah's true Religion Islam or the Qur'an).
15. So unto this (religion of Islam, alone and this Qur'an) then invite (people) (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), and Istaqim [(i.e. stand firm and Straight on Islamic Monotheism by performing all that is ordained by Allah (good deeds, etc.), and by abstaining from all that is forbidden by Allah (sins and evil deeds, etc.)], as you are commanded, and follow not their desires but say: "I believe in whatsoever Allah has sent down of the Book [all the Holy Books, this Qur'an and the Books of the old from the Taurat (Torah), or the Injeel (Gospel) or the Pages of Ibrahim (Abraham)] and I am commanded to do justice among you, Allah is our Lord and your Lord. For us our deeds and for you, your deeds. There is no dispute between us and you. Allah will assemble us (all), and to Him is the final return.
16. And those who dispute concerning Allah (his Religion of Islamic Monotheism, with which Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam has been sent), after it has been accepted (by the people), of no use is their dispute before their Lord, and on them is Wrath, and for them will be a severe torment[1] .


คำแปล R2.
13. พระองค์ทรงบัญญัติไว้แก่พวกเจ้าเกี่ยวกับศาสนา (อิสลาม) เหมือนที่ทรงสั่งไว้แก่นูห์ และที่เราได้ดลโองการมายังเจ้า และสิ่งที่เราได้สั่งไว้แก่อิบรอฮีม, แก่มูซา และอีซา (ซึ่งทั้งหมดนั้น เป็นแนวทางเดียวกันทั้งสิ้น นั่นคือ) “พวกเจ้าทั้งหลายจงธำรงไว้ซึ่งศาสนา และอย่าได้แตกแยกกันในเรื่องนั้น นับเป็นภาระที่หนักยิ่งสำหรับพวกตั้งภาคีทั้งมวล (ที่จะพึงรับศรัทธาหลักความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวอันเป็น) สิ่งที่เจ้าทำการเรียกร้องพวกเขาให้ยอมรับ อัลเลาะฮฺทรงคัดเลือกบุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงชี้นำแก่ผู้ที่มีจิตน้อมกลับคืนสู่พระองค์ให้ยอมรับฝนสิ่งนั้น (คือหลักคำสอนในพระเจ้าองค์เดียว)
14. และพวกเขามิได้แตกแยกกัน (ในการนับถือศาสนา) นอกจากภายหลังจากความรู้ (ในข้อใช้ข้อห้าม) ได้มาถึงพวกเขาแล้ว (ความแตกแยกที่เกิดขึ้นนั้น) เป็นเพราะความล่วงละเมิดในระหว่างพวกเขาเอง และมาดแม้นมิใช่เพราะประกาศิตได้กำหนดล่วงพ้นมาแล้วจากองค์อภิบาลของเจ้า (ว่าจะประวิงการลงโทษพวกเขาไว้) ตราบถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้ (ในวันชาติหน้า) แน่นอนที่สุดก็จะต้องมีการตัดสินระหว่างพวกเขา (ให้ต้องรับโทษเสียแต่ในโลกนี้เลย) และแท้จริงบรรดาจำพวกที่ได้รับการสืบทอดคัมภีร์ภายหลังจากพวกนั้น ล้วนมีแต่ความกังขา อีกทั้งสงสัยเกี่ยวกับคัมภีร์นั้น
15. เพราะเหตุนั้น! เจ้าจงประกาศเชิญชวนและเจ้าจงดำรงมั่นเหมือนเช่นที่เจ้าได้รับบัญชามาเถิด และเจ้าจงอย่าได้ถือตามอารมณ์ของพวกนั้นเป็นอันขาดและจงประกาศเถิดว่า! “ฉันมีศรัทธามั่นในคัมภีร์ที่อัลเลาะฮฺทรงประทานลงมา และฉันได้รับคำบัญชามาเพื่อให้ฉัน (ปฏิบัติอย่าง) ยุติธรรมระหว่างพวกท่านทั้งหลาย อัลเลาะฮฺทรงเป็นพระเจ้าของเราและพระเจ้าของพวกท่าน เราย่อมมีสิทธิในการงานของเรา และพวกท่านก็มีสิทธิ์ในการงานของพวกท่าน ไม่มีข้อโต้แย้งระหว่างเรากับพวกท่านอีกแล้ว อัลเลาะฮฺทรงรวบรวมระหว่างเรา และยังพระองค์คือจุดมุ่งหมาย(ของทุก ๆ สิ่ง)”
16. และบรรดาผู้ที่โต้แย้งใน (เรื่องที่เกี่ยวกับศาสนาของ) อัลเลาะฮฺ ภายหลังจากที่ได้มีการตอบสนองต่อ (คำบัญชาของ) พระองค์แล้ว การโต้แย้งของพวกนั้นเป็นสิ่งไร้สาระ ณ องค์อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาต้องถูกกริ้ว (จากพระองค์) และพวกเขาต้องได้รับการลงโทษอันร้ายแรงที่สุด

 
คำแปล R3.
13. พระองค์ได้ทรงกำหนดแนวทางแห่งชีวิตสำหรับสูเจ้าเช่นเดียวกับที่ได้กำหนดแก่นูฮฺ และที่เราวะฮียฺแก่เจ้าในขณะนี้ และที่เราได้กำชับแก่อิบรอฮีมและมูซาและอีซาโดยย้ำว่า: “จงดำรงรักษาแนวทางนี้และจงอย่าสร้างความแตกแยกกันในวันนี้” สิ่งที่เจ้า (มุฮัมมัด) กำลังเรียกร้องพวกบูชาเทวรูปอยู่นี้แหละที่เป็นเรื่องใหญ่สำหรับพวกเขา อัลลอฮฺทรงเลือกผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไว้สำหรับพระองค์เอง และพระองค์ทรงชี้ทางของพระองค์ให้แก่ผู้ที่หันไปหาพระองค์เท่านั้น
14. พวกเขาได้แตกแยกกันหลังจากที่ความรู้ได้มายังพวกเขาแล้ว นั่นก็เพราะว่าพวกเขาต้องการจะสร้างความอธรรมในหมู่พวกเขากันเอง หากพระผู้อภิบาลของเจ้าไม่ออกคำประกาศิตเลื่อนการลงโทษพวกเขาไปจนกระทั่งเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว การตัดสินระหว่างพวกเขาก็จะต้องมีขึ้นอย่างแน่นอน และบรรดาผู้ที่ได้รับการสืบทอดคัมภีร์หลังจากพวกเขานั้นก็ยังมีความสงสัยเกี่ยวกับมันอยู่
15. ด้วยเหตุนี้เอง ดังนั้น (โอ้มุฮัมมัด) จงเรียกร้องเชิญชวนพวกเขามาสู่แนวทางนี้ และจงยืนหยัดในแนวทางนี้เช่นเดียวกับที่เจ้าได้ถูกบัญชา และจงอย่าทำตามอำเภอใจของพวกเขา จงบอกพวกเขาว่า “ฉันศรัทธาในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ประทานมาจากคัมภีร์และฉันได้ถูกบัญชาให้ปฏิบัติอย่างยุติธรรมในระหว่างพวกท่าน อัลลอฮฺทรงเป็นผู้อภิบาลของเราและของพวกท่าน การงานของเราก็เป็นของเรา และการงานของพวกท่านก็เป็นของพวกท่าน ไม่มีการโต้เถียงใดระหว่างพวกเรากับพวกท่าน อัลลอฮฺจะรวบรวมเราไว้ด้วยกันในวันหนึ่งและยังพระองค์ที่เราทั้งหมดจะกลับไป”
16. บรรดาผู้โต้เถียง(กับบรรดาผู้ที่ยอมรับมันแล้ว) เกี่ยวกับศาสนาของอัลลอฮฺหลังจากที่มันได้เป็นที่ยอมรับกันแล้วนั้น ข้อโต้แย้งของพวกเขาไร้เหตุผลในทัศนะของพระผู้อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาจะถูกพระองค์ทรงกริ้ว และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างแสนสาหัส


คำแปล R4.
13. พระองค์ได้ทรงกำหนดศาสนาแก่พวกเจ้าเช่นเดียวกับที่พระองค์ได้ทรงบัญชาแก่นูหฺ และที่เราได้วะฮียฺแก่เจ้าก็เช่นเดียวกับที่เราได้บัญชาแก่อิบรอฮีม และมูซา และอีซาว่า พวกเจ้าจงดำรงศาสนาไว้ให้คงมั่น และอย่าแตกแยกกันในเรื่องศาสนา แต่เป็นเรื่องใหญ่แก่พวกตั้งภาคีที่เจ้าเรียกร้อง เชิญชวนพวกเขาไปสู่ศาสนานั้น อัลลอฮฺทรงเลือกสำหรับพระองค์ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงชี้แนะทางสู่พระองค์ผู้ที่ผินหน้าสู่พระองค์
14. และพวกเขามิได้แตกแยกกันเว้นแต่หลังจากได้มีความรู้มายังพวกเขาแล้ว ทั้งนี้เพราะความริษยาระหว่างพวกเขากันเอง และหากมิใช่ลิขิตได้บันทึกไว้ที่พระเจ้าของเจ้าจนถึงวาระที่กำหนดไว้แล้ว แน่นอนก็จะในระหว่างพวกเขาถูกตัดสิน และแท้จริงบรรดาผู้ได้รับมรดก คัมภีร์นี้หลังจากพวกเขานั้น อยู่ในการสงสัยวุ่นวายเกี่ยวกับคัมภีร์นั้น
15. ดังนั้น เพื่อการนี้แหละเจ้าจงเรียกร้องเชิญชวนและดำรงมั่นอยู่ในแนวทางที่เที่ยง ธรรมดังที่เจ้าได้รับบัญชา และอย่าได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขา และจงกล่าวว่า ฉันได้ศรัทธาในสิ่งที่มีอยู่ในคัมภีร์ตามที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา และฉันรับบัญชาให้ตัดสินระหว่างพวกท่านด้วยความเที่ยงธรรม อัลลอฮฺคือ พระเจ้าของฉันและพระเจ้าของพวกท่าน (การตอบแทน) การงานของฉันก็จะได้แก่ฉันและ (การตอบแทน) การงานของพวกท่านก็จะได้แก่พวกท่าน ไม่มีการโต้แย้งใด ๆ ระหว่างพวกเรากับพวกท่าน อัลลอฮฺจะทรงรวบรวมพวกเราทั้งหมด และยังพระองค์คือการกลับไป
16. ส่วนบรรดาผู้โต้แย้งเกี่ยวกับ (ศาสนาของ) อัลลอฮฺหลังจาก (ศาสนานั้น) ได้เป็นที่ยอมรับแล้ว การโต้แย้งของพวกเขาปราศจากเหตุผลในทัศนะของพระเจ้าของพวกเขา และพวกเขาจะได้รับความกริ้วโกรธ และพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส


คำแปล R5.
๑๓. พระองค์ได้บัญญัติศาสนธรรมแก่พวกเจ้าทั้งหลาย เช่นที่เคยนำมาสั่งสอนแก่นบีนูห์ และโองการที่เราได้ดลแก่เจ่โอ้มูอำมัดและโองการที่เราได้สั่งแก่นบีอิบรอฮีม แก่มูซา และอีซาล้วนเป็นแนวทางเดียวกันทั้งสิ้น ซึ่งนบีนูห์และนบีอื่น ๆ ตามลำดับที่ระบุไว้ล้วนนำมาจากพระองค์อัลเลาะห์เพื่อเป็นประกาศแก่มวลชนเป็นอย่างเดียวกัน นั่นคือสูเจ้าทั้งหลายจงดำรงศาสนธรรมไว้ให้มั่นคงเป็นแนวทางเดียวกันและอย่าแตกแยกกันในเรื่องนั้นเป็นอันขาดเป็นความคับแค้นทางจิตใจใหญ่หลวงนักสำหรับบรรดาผู้ตั้งภาคีทั้งหลาย สิ่งที่เจ้าเชิญชวนพวกเขาให้มาสู่มันอันได้แก่หลักความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวซึ่งเป็นหลักที่ขัดแย้งรุนแรงกับความเชื่อในพระเจ้าหลายองค์ของพวกเขาอัลเลาะห์ทรงคัดเลือกบุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์เพื่อนำไปสู่สิ่งที่เจ้าได้เชิญชวนนั้น และทรงชี้นำบุคคลที่มีจิตมุ่งกลับสู่อัลเลาะห์ ไปสู่สิ่งที่เจ้าได้เชิญชวนนั้น
๑๔. และพวกเขาไม่แตกแยกกันในความเชื่อทางศาสนานอกจากภายหลังจากความรู้ในหลักการพระเจ้าองค์เดียวได้มาสู่พวกเขาโดยครบถ้วนแล้ว จนพวกเขาเข้าใจได้อย่างดีถึงความเชื่อดังกล่าวและการแตกแยกนั้นมีสาเหตุเพราะความอิจฉาระหว่างพวกเขาเองกล่าวคือผู้ที่ถูกตามย่อมมีเกียรติ ส่วนผู้ตามก็จะลดเกียรติลงมา โดยสาเหตุนี้เองที่ทำให้พวกเขาเกิดความอิจฉา ไม่พอใจจะให้ใครมีเกียรติเหนือกว่าตน จึงต่างคนต่างก็จะเป็นผู้นำในทางศาสนา ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้น และนำไปสู่การแตกแยกในที่สุดและมาดแม้นไม่มีประกาศิตได้ล่วงพ้นมาก่อนหน้าแล้วจากองค์อภิบาลของเจ้าให้ประวิงการลงโทษแก่พวกเนรคุณจนถึงอายุขัยที่ถูกกำหนดไว้นั่นคือ วันกิยามะห์ แน่นอน ก็จะต้องมีการตัดสินระหว่างพวกเขาให้ได้รับการลงโทษตั้งแต่อยู่โลกดุนยานี้และที่จริงบรรดาผู้ที่ถูกสืบทอดคัมภีร์ภายหลังจากพวกเขาก็ล้วนแต่ตกอยู่ในความสงสัยอีกทั้งลังเลต่อคัมภีร์นั้น
๑๕. โดยเหตุที่อัลเลาะห์ทรงเป็นพระเจ้าองค์เดียวตามที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ดังนั้นเจ้าจงวอนขอต่อพระองค์เถิด โอ้มุฮำมัดและเจ้าจงตั้งมั่นโดยเคร่งครัดเหมือนเช่นที่เจ้าได้รับบัญชามาให้เรียกร้องมนุษยชาติไปสู่หลักแห่งความเป็นหนึ่งของพระองค์ เพื่อสถาปนาเอกภาพทางอุดมการณ์ของมนุษยชาติทั้งมวล และเจ้าอย่าได้คล้อยตามอารมณ์ของพวกนั้น ที่เชื่อและปฏิบัติไปตามความเคยชินในลักษระเลียนแบบจากบรรพบุรุษ โดยไม่เชื่อถือในความเป็นหนึ่งของพระองค์ ดั่งที่เจ้าได้ประกาศ และเจ้าจงประกาศเถิดว่า ฉันขอศรัทธามั่นในคัมภีร์ที่อัลเลาะห์ได้ประทานมาให้ฉัน และฉันได้รับบัญชามาให้มีความยุติธรรมในระหว่างพวกท่านทั้งหลายในการตัดสินข้อขัดแย้งและเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่อุบัติขึ้นอันพระองค์อัลเลาะห์นั้นทรงเป็นผู้อภิบาลของเราและเป็นผู้อภิบาลพวกท่าน สำหรับเราก็คือความประพฤติของเรา และสำหรับพวกท่านก็คือความประพฤติของพวกท่านเราต่างก็รับผิดชอบในความประพฤติโดยไม่เกี่ยวข้องซึ่งกันและกัน และจะต้องได้รับการตอบแทนไปตามอัตราแห่งความประพฤติโดยยุติธรรมยิ่งย่อมไม่มีข้อขัดแย้งระหว่างเราและระหว่างพวกท่านเพราะศาสนาอิสลามอันเป็นสัจจะนั้นได้ปรากฏชัดแล้วอัลเลาะห์จะรวมระหว่างพวกเรา ณ จุดรวมเดียวกัน เพื่อสะสางความประพฤติของแต่ละคน และตัดสินไปตามขบวนการอันยุติธรรมยิ่งและยังพระองค์คือที่กลับคืนของทุก ๆ สิ่ง
๑๖. และบรรดาจำพวกที่ทำการโต้แย้งในอัลเลาะห์ภายหลังจากได้มีการสนองตอบต่อพระองค์โดยมวลมนุษย์ยอมจำนนต่อปาฏิหาริย์ที่ท่านนบีแสดงออก และบุคคลกลุ่มโต้แย้งดังกล่าว ก็ได้แก่พวกยะฮูดี ข้อโต้แย้งของพวกเขาเป็นโมฆะ ณ องค์อภิบาลแห่งพวกเขาและพวกเขาต้องประสบกับความพิโรธของอัลเลาะห์และพวกเขาต้องได้รับการลงโทษอันร้ายแรงในวันกิยามะห์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 17-19


คำอ่าน
17. อัลลอฮุลละซี..อัน..ซะลัลกิตาบะ บิลหักกิวัลมีซาน วะมายุดรีกะ ละอัลลัสสาอะตะเกาะรีบ
18. ยัสตะอฺญิลุ บิฮัลละซีนะ ลายุอ์มินูนะบิฮา วัลละซีนะอามะนู มุชฟิกูนะ มินฮา วะยะอฺละมูนะ อัน..นะฮัลหักกฺ อะลา..อิน..นัลละซีนะ ยุมารูนะ ฟิสสาอะติ ละฟีเฎาะลาลิม..บะอีด
19. อัลลอฮุ ละฏีฟุม..บิอิบาดิฮี ยัรฺซุกุมัย..ยะชา...อุ วะฮุวัลเกาะวียุลอะซีซ


คำแปล R1.
17. It is Allah who has sent down the Book (the Qur'an) in truth, and the balance (i.e. to act justly). And what can make you know that perhaps the Hour is close at hand?
18. Those who believe not therein seek to hasten it, while those who believe are fearful of it, and know that it is the very truth. Verily, those who dispute concerning the Hour are certainly in error far away.
19. Allah is very Gracious and kind to his slaves. He gives provisions to whom He wills. And He is the All-Strong, the All-Mighty.


คำแปล R2.
17. อัลเลาะฮฺทรงประทานคัมภีร์โดยสัจธรรมและ(ทรงประธาน)ตราชู (แห่งความเที่ยงธรรม) และอะไรเล่าที่จะทำให้เจ้ารู้? บางทีกาลปาวสานแห่งโลกกำลังใกล้เข้ามา
18. บรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อกาลปาวสานของโลก ต่างก็เร่งให้มันอุบัติขึ้นอย่างรวดเร็ว (ด้วยเจตนาเย้ยหยันและประชดประชัน) แต่บรรดาผู้ศรัทธาต่างก็รู้สึกสะพรึงกลัวต่อวันนั้น และพวกเขารู้ดีว่า มันเป็นความจริง (ที่ต้องอุบัติอย่างแน่นอน) พึงสังวร! แท้จริงบรรดาผู้โต้เถียงในเรื่องของกาวปาวสานแห่งโลกนั้น ล้วนตกอยู่ในความหลงผิดอันห่างไกลที่สุด
19. อัลเลาะฮฺผู้ทรงอ่อนโยนต่อมวลข้าทาสของพระองค์ พระองค์ทรงประทานโชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงพลานุภาพ อีกทั้งทรงอำนาจยิ่งนัก


คำแปล R3.
17. อัลลอฮฺเป็นผู้ประทานคัมภีร์นี้มาพร้อมกับสัจธรรมและความสมดุล และอะไรเล่าที่จะทำให้เจ้าเข้าใจว่า เวลาแห่งการตัดสินอาจจะอยู่ใกล้แค่นี้เอง?
18. บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในการมาของมันอยากให้มันเกิดขึ้นเร็ว ๆ แต่บรรดาผู้มีศรัทธาในเรื่องนี้ต่างประหวั่นต่อมัน และรู้ว่ามันจะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน จงรู้ไว้เถิดว่าบรรดาผู้ฌต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องยามอวสาน ได้หลงผิดออกไปไกล
19. อัลลอฮฺทรงเอ็นดูเป็นอย่างยิ่งต่อบรรดาปวงบ่าวของพระองค์ พระองค์ทรงประทานปัจจัยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์เป็นผู้ทรงพลานุภาพและผู้ทรงอำนาจ


คำแปล R4.
17. อัลลอฮฺคือผู้ประทานคัมภีร์นี้ (อัลกุรอาน) ลงมาด้วยความจริงและทรงประทานความสมดุล และอะไรเล่าจะทำให้เจ้ารู้ได้ บางทียามอวสานนี้อยู่ใกล้ ๆ นี่เอง
18. บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในเรื่องนี้เร่งเร้าจะให้เกิดขึ้น ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาก็มีความหวั่นกลัวในเรื่องยามอวสาน และพวกเขารู้ว่ามันเป็นความจริง พึงรู้เถิดว่าแท้จริงบรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับเรื่องยามอวสานนั้นอยู่ในการ หลงผิดอันไกลลิบอย่างแน่นอน
19. อัลลอฮฺทรงเอ็นดูต่อปวงบ่าวของพระองค์ ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงอำนาจ


คำแปล R5.
๑๗. อัลลอฮฺทรงเป็นผู้ประทานคัมภีร์อัล-กุรอานแก่นบีมุฮำมัดโดยสัจจะ และทรงประทานตราชูแห่งความยุติธรรมและสิ่งใดเล่าที่จะทำให้เจ้ารู้ว่า อันกาลแตกสลายของโลกนั้นใกล้เข้ามาแล้วแน่นอนไม่มีสิ่งใดทั้งสิ้น ที่จะทำให้เจ้ารู้ นอกจากการดลโองการของอัลเลาะห์เท่านั้น
๑๘. บรรดาผู้ไม่ศรัทธากับมัน พากันเร่งเร้ากับมันโดยความดื้อดึงและล้อเลียน พวกเขากล่าวว่า เมื่อใดกาลแตกสลายแห่งโลกจึงจะอุบัติขึ้นตามที่มุฮำมัดได้ประกาศ โดยพวกเขาคิดว่า วันนั้นไม่อุบัติขึ้นอย่างแน่นอนและบรรดาผู้มีศรัทธามั่น ต่างก็หวาดกลัววันนั้นและพวกเขารู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริงที่ต้องอุบัติขึ้นอย่างแน่นอนพึงสังวรเถิด แท้จริงบรรดาผู้ขัดแย้งในเรื่องของโลกสลาย ย่อมตกอยู่ในความหลงผิดและงมงายอันชัดแจ้ง
๑๙. พระองค์ทรงอาทรต่อมวลข้าทาสของพระองค์ พระองค์ทรงประทานโชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงพลังยิ่งนัก อีกทั้งทรงอำนาจยิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 20-23


คำอ่าน
20. มัน..กานะยุรีดุ หัรฺษัลอาคิเราะติ นะซิดละฮู ฟีหัรฺษิฮี วะมัน..กานะยุรีดุ หัรฺษัดดุนยา นุอ์ติฮีมินฮา วะมาละฮูฟิลอาคิเราะติ มิน..นะศีบ
21. อัมละฮุมชุเราะกา...อุ ชะเราะอูละฮุม..มินัดดีนิ มาลัมยะอ์ซัม..บิฮิลลาฮุ วะเลากะลิมะตุลฟัศลิ ละกุฎิยะบัยนะฮุม วะอิน..นัซซอลิมีนะละฮุม อะซาบุนอะลีม
22. ตะร็อซซอลิมีนะ มุชฟิกีนะมิม..มา กะสะบู วะฮุวะ วากิอุม..บิฮิม วัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ฟีร็อวฎอติลญัน..นาต ละฮุม..มายะชา...อูนะ อิน..ดะร็อบบิฮิม ซาลิกะฮุวัลฟัฎลุลกะบีรฺ
23. ซาลิกัลป์ละซี ยุบัชชิรุลลอฮุ อิบาดะฮุลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ กุลลา..อัสอะลุกุม อะลัยฮิอัจญร็อน อิลลัลมะวัดดะตะ ฟิลกุรฺบา วะมัย..ยักตะริฟ หะสะนะตัน..นะซิดละฮูฟีฮาหุสนา อิน..นัลลอฮะเฆาะฟูรุน..ชะกูรฺ


คำแปล R1.
20. Whosoever desires (with his deeds) the reward of the Hereafter, we give him increase in his reward, and whosoever desires the reward of this world (with his deeds), we give him thereof (What is written for him), and he has no portion in the Hereafter.
21. Or have they partners with Allah (false gods), who have instituted for them a Religion which Allah has not allowed. And had it not been for a decisive word (gone forth already), the matter would have been judged between them. And verily, for the Zalimun (polytheists and wrong-doers), there is a painful torment.
22. You will see (on the Day of Resurrection), the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.) fearful of that which they have earned, and it (Allah's torment) will surely befall them, while those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and do righteous deeds (will be) in the flowering meadows of the Gardens (Paradise), having what they wish from their Lord. that is the Supreme Grace, (Paradise).
23. That is (the Paradise) whereof Allah gives glad tidings to his slaves who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and do righteous good deeds. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "No reward do I ask of you for this except to be kind to me for my kinship with you." And whoever earns a good righteous deed, we shall give him an increase of good in respect thereof. Verily, Allah is Oft-Forgiving, Most ready to appreciate (the deeds of those who are obedient to Him).


คำแปล R2.
20. ผู้ใดที่มีความมุ่งมาดในไร่นา(ภาคผล)แห่งโลกหน้า แน่นอนเราก็จะเพิ่มผลให้เขาในไร่นาของเขายิ่งขึ้น และผู้ใดมุ่งมาดในไร่นาแห่งดลกนี้ เราก็จักมอบแก่เขาบางส่วนจากมัน แต่เขาก็ไม่มีส่วนได้รับใด ๆ ในโลกหน้าเลย
21. หรือว่าพวกเขามีหุ้นส่วน (แนวร่วม) ที่คอยบัญญัติบางส่วนจาก(หลักการ)ศาสนาแก่พวกเขา อันเป็นสิ่งมที่อัลเลาะฮฺมิทรงอนุมัติ? และมาดแม้นปราศจากประกาศิตอันเด็ดขาด(จากอัลเลาะฮฺที่ให้รอการตัดสินพวกเขาไปจนกว่าจะถึงวาระหนึ่งที่ถูกกำหนดไว้)แล้วไซร้ แน่นอนที่สุด ก็จะต้องได้รับการตัดสินระหว่างพวกเขา(ให้ได้รับโทษไปในทันที) และแท้จริงบรรดาจำพวกทุจริตชนทั้งหลาย ย่อมได้รับการลงโทษอันทรมานที่สุด
22. เจ้าจะเห็น (ในวันข้างหน้า) บรรดาทุจริตชนนั้น ต่างประหวั่นหวาดกลัวต่อสิ่งที่พวกเขาได้เคยพากเพียรไว้ ในขณะที่มัน (การลงโทษ) ได้อุบัติแก่เขาอย่างแน่นอน และบรรดาผู้มีศรัทธา และประพฤติแต่ความดีงาม จะได้อยู่ในอุทยานแห่งสวรรค์ทั้งหลาย พวกเขาได้รับสิ่งที่พวกเขาประสงค์ ณ องค์อภิบาลของพวกเขา(ทุกประการ) นั้น! เป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่ทรงประทานให้
23. (อันความโปรดปรานนั้น เป็นสิ่งที่อัลเลาะฮฺทรงประทานให้เป็นความปีติแก่มวลข้าทาสของพระองค์ ซึ่งพวกเขามีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงาม จงประกาศเถิด! “ฉันมิได้ขอค่าจ้างจากพวกท่านใน(การประกาศ)สิ่งนั้น (อิสลาม) หากทว่า(ที่ฉันขอก็คือ) ความอาลัยรักใน(ฐานะแห่งความเป็นญาติสนิท(ที่พึงสัมพันธ์ต่อกันระหว่างฉันต่อท่าน เพื่อฉันจะได้ไม่ถูกรังแก) และผู้ใดประกอบการดีหนึ่ง แน่นอนเราจักเพิ่มผลความดี (อันทวีคูณ)แก่เขา แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงให้อภัยยิ่ง ทรง(ตอบแทนการ)กตัญญูยิ่ง


คำแปล R3.
20. ใครก็ตามที่ปรารถนาผลตอบแทนแห่งโลกหน้า เราก็จะเพิ่มพูนผลตอบแทนของเขา และใครก็ตามที่ต้องการผลตอบแทนแห่งโลกนี้ เราก็จะให้เขาที่นี่ และในโลกหน้า เขาจะไม่ได้รับส่วนใด ๆ อีก
21. หรือพวกเขามีภาคีต่าง ๆ ที่ได้กำหนดแนวทางแห่งชีวิตสำหรับพวกเขาซึ่งอัลลอฮฺไม่ได้อนุมัติ? หากคำตัดสินมิได้ถูกประกาศไปก่อนหน้านี้ กรณีของพวกเขาก็คงจะถูกสะสางไปนานแล้ว แน่นอน สำหรับผู้ทำความผิดเหล่านี้คือการลงโทษอันแสนสาหัส
22. เจ้าจะเห็นว่าในตอนนั้นคนชั่วเหล่านี้จะเกรงกลัวผลกรรมที่พวกเขาได้ทำไว้ และมันจะต้องเกิดขึ้นกับพวกเขาอย่างแน่นอน แต่สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีนั้นจะได้อยู่ในสวนแห่งสวรรค์ พวกเขาจะได้รับทุกสิ่งที่พวกเขาปรารถนาที่พระผู้อภิบาลของพวกเขา นั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่สุด
23. นั่นคือสิ่งที่อัลลอฮฺทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่ศรัทธาและกระทำความดี (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “ฉันมิได้เรียกร้องสิ่งตอบแทนใด ๆ จากพวกท่านสำหรับงานนี้ นอกไปจากเพราะความรักในเครือญาติ” ใครก็ตามที่ทำความดี เราก็จะเพิ่มพูนความดีสำหรับเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นผู้ให้อภัย ผู้ทรงเห็นคุณค่าของความดี


คำแปล R4.
20. ผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของปรโลกเราจะเพิ่มผลตอบแทนของเขาแก่เขา และผู้ใดปรารถนาผลตอบแทนของโลกดุนยา เราจะให้แก่เขาบางส่วนในสิ่งนั้น และสำหรับเขาจะไม่ได้ส่วนใดอีกในปรโลก
21. หรือว่าพวกเขามีภาคีต่าง ๆ ที่ได้กำหนดศาสนาแก่พวกเขา ซึ่งอัลลอฮฺมิได้ทรงอนุมัติและหากมิใช่ลิขิตแห่งการตัดสิน (ที่ได้กำหนดไว้ก่อนแล้ว) ก็คงมีการตัดสินใจในระหว่างพวกเขา แท้จริงบรรดาผู้อธรรมสำหรับพวกเขาได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด
22. เจ้าจะเห็นบรรดาผู้อธรรมเป็นผู้หวั่นกลัวเนื่องจากสิ่งที่พวกเขาขวนขวายเอา ไว้ และมันจะต้องเกิดขึ้นแก่พวกเขา ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง ๆ จะอยู่ในอุทยานแห่งสวนสวรรค์ สำหรับพวกเขาจะได้สิ่งที่พวกเขาปรารถนา ณ ที่พระเจ้าของพวกเจ้านั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่
23. นั่นคือ (ความโปรดปราน) อัลลอฮฺทรงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของพระองค์ ซึ่งพวกเขาได้ศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง ๆ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ฉันมิได้ขอร้องค่าตอบแทนใด ๆ เพื่อการนี้ เว้นแต่เพื่อความรักใคร่ในเครือญาติและผู้ใดกระทำความดี เราจะเพิ่มพูนความดีในนั้นให้แก่เขา แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอภัยผู้ทรงชื่นชม (เพราะการภักดีของพวกเขา)


คำแปล R5.
๒๐. บุคคลใดปรารถนาผลตอบแทนซึ่งเปรียบประดุจดังไร่นาแห่งโลกหน้า แน่นอนเราจะเพิ่มพูนแก่เขาในไร่นาของเขายิ่งขึ้นโดยประทานกุศลแก่เขาทวีคูณจากสิบเท่าเป็นต้นไปและบุคคลใดปรารถนาในผลประโยชน์ซึ่งเปรียบดังไร่นาแห่งโลกนี้ เราก็จะประทานสิ่งนั้นแก่เขา แต่เขาไม่มีส่วนได้ใด ๆ ในโลกหน้าเพราะเขาได้รับไปแล้วจากโลกนี้
๒๑. หรือว่าพวกเขามีหุ้นส่วนทางความคิด ซึ่งได้แก่บรรดามารร้ายซึ่งเป็นหัวโจกคอยบัญญัติศาสนาให้พวกเขา โดยที่อัลเลาะห์มิได้อนุญาตให้เช่นพวกเขาบัญญัติในเรื่องพระเจ้าหลายองค์ และคัดค้านสภาพในหลุมศพ คัดค้านนบีและกุรอาน ความจริงพวกเขาถูกล่อลวงให้หลงผิดและหากแม้นไม่มีประกาศิตแห่งการตัดสินได้กำหนดมาก่อนว่าการลงโทษพวกเหล่านั้นจะกระทำกันในโลกหน้าแล้วไซร้แน่นอนที่สุดระหว่างพวกเหล่านั้นก็ต้องได้รับการตัดสินให้รับโทษไปแต่ในโลกนี้เสียเลยและแท้จริงบรรดาผู้อธรรมทั้งหลายย่อมได้รับการลงโทษอันทรมานยิ่ง
๒๒. โอ้มุฮำมัดเจ้าเห็นบรรดาผู้อธรรมมีความหวาดกลัวต่อสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ในโลกนี้ว่าจะเป็นเหตุให้พวกเขาต้องถูกลงโทษในโลกหน้าและสิ่งนั้นจะต้องอุบัติขึ้นจริงแก่พวกเขาโดยแน่นอนไม่มีทางหลบเลี่ยงไปได้และบรรดาผู้ศรัทธา และประพฤติแต่ความดีจะได้อยู่ในสวนสวรรค์ พวกเขามีสิทธิในสิ่งที่พวกเขาประสงค์จากองค์อภิบาลของพวกเขา นั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่ที่พวกเขาได้รับจากพระองค์
๒๓. ที่กล่าวมานั้น คือสิ่งที่อัลเลาะห์ได้ยังความปีติแก่ข้าทาสของพระองค์ ซึ่งพวกเขามีศรัทธามั่นและประพฤติแต่ความดีโอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิดว่า ฉันไม่ได้ขอค่าจ้างจากพวกท่านเนื่องในการประกาศสิ่งนั้นอันเป็นสัจธรรมจากพระองค์นอกจากความสงสารในวงศ์ญาติที่จะเตลิดไปสู่แนวทางอันงมงายและบุคคลใดหมั่นเพียรความดีงามหนึ่งเราก็จักเพิ่มพูนคุณความดีงามอื่น ๆ อีกมากมาย เนื่องในการทำสิ่งนั้น แท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้อภัยยิ่ง อีกทั้งทรงขอบคุณแก่ผู้ทำดีทั้งหลายด้วยการประทานผลตอบแทนแก่เขาอย่างเอนกอนันต์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 24-28


คำอ่าน
24. อัมยะกูลูนัฟตะรอ อะลัลลอฮิกะซิบา ฟะอี..ยะชะอิลลาฮุ ยัคติมอะลาก็อลบิก วะยัมหุลลอฮุลบาฏิละ วะยุหิกกุลหักเกาะ บิกะลิมาติฮฺ อิน..นะฮูอะลีมุม..บิซาติศศุดูรฺ
25. วะฮุวัลละซียักบะลุตเตาบะตะ อันอิบาดิฮี วะยะอฺฟูอะนิสสัยยิอาติ วะยะอฺละมุมาตัฟอะลูน
26. วะยัสตะญีบุลละซีนะอามะนูวะอะมิลุศศอลิหาติ วะยะซีดุฮุม..มิน..ฟัฎลิฮฺ วัลกาฟิรูนะละฮุมอะซาบุน..ชะดีด
27. วะเลาบะสะฏ็อลลอฮุรฺริซเกาะ ลิอิบาดิฮี ละบะฆ็อวฟิลอัรฺฎิ วะลากี..ยุนัซซิลุ บิเกาะดะริม..มายะชา...อ์ อิน..นะฮูบิอิบาดิฮี เคาะบีรุม..บะชีรฺ
28. วะฮุวัลละซี ยุนัซซิลุลฆ็อยษะ  มิม..บะอฺดิมาเกาะนะฏู วะยัน..ชุรุเราะหฺมะตะฮฺ วะฮุวัลวะลียุลหะมีด


คำแปล R1.
24. Or say they: "He has invented a lie against Allah?" If Allah willed, He could have sealed your heart (so that you forget all that you know of the Qur'an). And Allah wipes out falsehood, and establishes the Truth (Islam) by his word (this Qur'an). Verily, He knows well what (the secrets) are in the breasts (of mankind).
25. And He it is who accepts repentance from his slaves, and forgives sins, and He knows what you do.
26. And He answers (the invocation of) those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and do righteous good deeds, and gives them increase of his Bounty. And as for the disbelievers, theirs will be a severe torment.
27. And if Allah were to enlarge the provision for his slaves, they would surely rebel in the earth, but He sends down by measure as He wills. Verily! He is in respect of his slaves, the Well-Aware, the All-Seer (of things that benefit them).
28. And He it is who sends down the rain after they have despaired, and spreads abroad his Mercy. And He is the Wali (helper, Supporter, Protector, etc.), worthy of all praise.


คำแปล R2.
24. หรือว่าพวกเขาจะใส่ไคล้ว่า เขา (นบีมูฮำมัด) ได้เสกสรรความเท็จแก่อัลเลาะฮฺ! อันที่จริงหากอัลเลาะฮฺทรงประสงค์แล้วไซร้ แน่นอนที่สุดพระองค์ย่อมประทับ(ความมืดบอด) ไว้บนหัวใจของเจ้า (ให้เจ้าไม่สามารถชี้แจงในสิ่งที่ได้ชี้แจงไปแล้ว) และอัลเลาะฮฺย่อมลบล้างสิ่งโมฆะและทรงบันดาลสัจธรรมให้ปรากฏขึ้นจริง โดยพระดำรัสของพระองค์ แท้จริงแล้วพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งนักในสิ่งที่มีอยู่ในหัวอก(ของทุก ๆ คน)
25. และพระองค์ทรงรับการสารภาพโทษจากมวลข้าทาสของพระองค์ และทรงอโหสิให้แก่มวลความผิดต่าง ๆ และทรงรอบรู้ในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำไว้
26. และพระองค์ทรงตอบรับแก่บรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติความดีงาม (ที่มุ่งขอต่อพระองค์) และทรงเพิ่มพูนแก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ ส่วนพวกไร้ศรัทธานั้น ต้องได้รับการลงโทษอันร้ายแรงที่สุด
27. และหากอัลเลาะฮฺได้เผื่อแผ่โชคผลแก่มวลข้าทาสของพระองค์ (อย่างอุดมสมบูรณ์) แน่นอนที่สุด พวกเขาก็ต้องล่วงละเมิด (ด้วยการบ่อนทำลาย) ในแผ่นดิน และแต่ทว่า! พระองค์ทรงประทาน(โชคผล)ให้ลงมา(แก่ข้าทาสของพระองค์)ด้วยอัตราส่วนของสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ และแท้จริงพระองค์ทรงตระหนัก อีกทั้งทรงมองเห็นยิ่งนัก(สภาพการแท้จริงของมวลข้าทาสของพระองค์
28. และพระองค์ทรงประทานฝนลงมาภายหลังจากพวกเขา(ประสบความแร้นแค้นและแห้งแล้งจน)ท้อแท้ และทรงโปรยปรายความเมตตากรุณาของพระองค์ และพระองค์นั้นทรงเป็นผู้ปกครอง ทรงเป็นผู้ได้รับการสรรเสริญยิ่ง


คำแปล R3.
24. พวกเขาพูดหรือว่า “เขาสร้างเรื่องเท็จให้อัลลอฮฺ?” ถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์ก็จะปิดผนึกหัวใจของเจ้าก็ได้ พระองค์ทรงลบล้างความเท็จให้หมดไป และทรงพิสูจน์สัจธรรมว่าเป็นความจริงด้วยวจนะของพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ความลับที่ซ่อนอยู่ในหัวอก
25. พระองค์คือผู้ทรงรับการสำนึกผิดจากปวงบ่าวของพระองค์และทรงอภัยบาปทั้งหมด ถึงแม้พระองค์จะทรงรู้ดีถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ
26. พระองค์ทรงตอบรับการวิงวอนของบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดี และประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขามากยิ่งกว่านั้นอีก แต่สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษที่รุนแรง
27. ถ้าอัลลอฮฺประทานปัจจัยแก่บ่าวของพระองค์อย่างล้นเหลือ พวกเขาจะสร้างความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระองค์ได้ประทานมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์ทรงรู้ดีถึงบ่าวของพระองค์และทรงเฝ้าดูพวกเขาอยู่เสมอ
28. พระองค์คือผู้ทรงประทานน้ำฝนลงมาหลังจากที่ผู้คนหมดหวังกันแล้ว และทรงแผ่ความเมตตาของพระองค์ไปทั่วและพระองค์เท่านั้นที่เป็นผู้คุ้มครองที่ควรค่าแก่การได้รับการสรรเสริญ


คำแปล R4.
24. หรือพวกเขากล่าวว่า เขา (มุฮัมมัด) ได้อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ ดังนั้นหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์จะทรงผนึกหัวใจเจ้าก็ได้ และอัลลอฮฺทรงขจัดความเท็จให้หมดไป และทรงยืนยันความจริงด้วยคำกล่าวของพระองค์ (อัลกุรอาน) แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
25. และพระองค์คือผู้ทรงรับการขออภัยโทษจากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงอภัยจากความผิดทั้งหลายและพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
26. และพระองค์ทรงตอบรับ (การวิงวอน) ของบรรดาผู้ศรัทธา และพวกเขากระทำความดีทั้งหลาย และพระองค์จะทรงเพิ่มพูนจากความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขา และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างสาหัส
27. และหากอัลลอฮฺทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างกว้างขวางแก่ปวงบ่าวของพระองค์ แน่นอนพวกเขาก็จะก่อความเสียหายขึ้นในแผ่นดิน แต่พระองค์ทรงประทานให้ตามปริมาณที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงตระหนักรู้ ผู้ทรงเห็นต่อปวงบ่าวของพระองค์
28. และพระองค์คือผู้ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาหลังจากที่พวกเขาหมดหวังกันแล้ว และพระองค์ทรงแผ่กระจายพระเมตตาของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงคุ้มครอง ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ


คำแปล R5.
๒๔. แต่ทว่าพูดว่านบีมุฮำมัดเขากุเรื่องเท็จให้แก่อัลเลาะห์โดยอ้างว่าอัลกุรอานเป็นโองการของอัลเลาะห์ ทั้ง ๆ ที่เขาได้ประพันธ์ขึ้นมาเองความจริงถ้าอัลเลาะห์ทรงปรารถนา แน่นอนพระองค์ก็จะทรงประทับบนหัวใจของเจ้าให้มีขันติธรรมอันมั่นคงเพื่อเผชิญกับคำสบประมาท และเย้ยหยันของพวกนั้นซึ่งพระองค์ก็ได้ดลบันดาลภาวะดังกล่าวนี้แก่นบีมุฮำมัด โดยท่านไม่สะทกสะท้านต่อความเดือดร้อนที่พวกนั้นก่อขึ้นและอัลเลาะฮฺทรงลบเลือนสิ่งโมฆะและทรงสนับสนุนสัจธรรมด้วยบรรดาโองการของพระองค์ที่ประทานแก่นบีของพระองค์แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่อยู่ในจิตใจของมวลมนุษย์เป็นอันดีว่า คิดอย่างไรต่อนบีของพระองค์
๒๕. และพระองค์ทรงรับการสารภาพโทษจากข้าทาสของพระองค์ ทรงให้อภัยความผิดทั้งมวลและทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่เจ้าทั้งหลายประพฤติไม่ว่าจะเป็นการดีหรือการชั่วก็ตาม ผู้ที่สำนึกในความผิดและขอสารภาพผิดต่ออัลเลาะห์จะต้องประพฤติให้ครบเงื่อนไข ๓ ประการคือ ๑. มีความเสียใจในความผิดที่ตนกระทำ ๒. ถอนตัวออกจากความผิดนั้นทันที ๓. ตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่าจะไม่หวนกลับไปทำผิดอีก
๒๖. และพระองค์ทรงสนองตอบบรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติความดีงาม และพระองค์ทรงเพิ่มพูนแก่พวกเขา จากความโปรดปรานของพระองค์ และบรรดาผู้เนรคุณย่อมได้รับการลงโทษอันร้ายแรง
๒๗. และถ้าอัลเลาะห์เผื่อแผ่โชคผลแก่ข้าทาสของพระองค์อย่างกว้างขวางจนพวกเขามั่งคั่งอุดมสมบูรณ์อย่างล้นเหลือแน่นอนพวกเขาก็ย่อมละเมิดในแผ่นดิน ด้วยการประพฤติผิดและบ่อนทำลายในโลกนี้และแต่ทว่าพระองค์ทรงประทานโชคผลดังกล่าวด้วยอัตราอันถูกจำกัดไว้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์ทรงตระหนักถึงและทรงมองเห็นบรรดาข้าทาสของพระองค์
๒๘. และพระองค์ทรงประทานฝนลงมาประพรมแก่โลกนี้ภายหลังจากพวกเขาสิ้นหวังที่จะได้รับฝน เพราะความแห้งแล้งที่อุบัติขึ้นและทรงแพร่ความเมตตาของพระองค์แก่พื้นโลก จนบังเกิดความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์ขึ้นโดยน้ำฝนนั้นและพระองค์ทรงเป็นผู้ปกครองทุกสิ่งทุกอย่างอีกทั้งเป็นผู้ได้รับคำสรรเสริญทั้งมวล



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 29-31


คำอ่าน
29. วะมินอายาติฮี ค็อลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะมาบัษษะฟีฮิมา มิน..ดา..บบะฮฺ วะฮุวะอะลาญัมอิฮิม อิซายะชา...อุเกาะดีรฺ
30. วะมา..อะศอบะกุม..มิม..มุศีบะติน..ฟะบิมากะสะบัต อัยดีกุม วะยะอฺฟู อัน..กะษีรฺ
31. วะมา..อัน..ตุม..บิมุอฺญิซีนะ ฟิลอัรฺฎฺ วะมาละกุม..มิน..ดูนิลลาฮิ มิว..ลียิว..วะลานะศีรฺ


คำแปล R1.
29. And among His Ayat (proofs, evidences, lessons, signs, etc.) is the creation of the heavens and the earth, and whatever moving (living) creatures He has dispersed in them both. And He is All-Potent over their assembling (i.e. resurrecting them on the Day of Resurrection after their death, and dispersion of their bodies) whenever He will.
30. And whatever of misfortune befalls you, it is because of what your hands have earned. And He pardons much. (See the Qur'an Verse 35:45).
31. And you cannot escape from Allah (i.e. his punishment) in the earth, and besides Allah you have neither any Wali (guardian or a Protector) nor any helper.


คำแปล R2.
29. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์ คือการบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน ตลอดจนสรรพสัตว์ทั้งหลายที่กระจายกันอยู่ในทั้งสอง และพระองค์ทรงอำนาจที่จะรวบรวมสิ่งเหล่านั้นไว้ทั้งหมดเมื่อพระองค์ทรงประสงค์
30. และเหตุร้ายใด ๆ ก็ตามที่ประสบแก่พวกเจ้า ที่จริงนั้นเป็นไปเพราะการพากเพียรด้วยมือของพวกเจ้านั่นเอง แต่พระองค์ก็ทรง(เมตตา)อโหสิให้ใน(บาปโทษ)ส่วนมาก(ที่พวกเจ้าประพฤติไว้
31. และพวกเจ้าไม่อาจทำให้(อัลเลาะฮฺ)อ่อนแอ(ในการที่พระองค์จะลงโทษและภัยพิบัติแก่พวกเจ้า แม้พวกเจ้าจะหลบหนีไปยังสถานที่ใด ๆ)ในแผ่นดิน และพวกเจ้าย่อมไม่มีผู้ใดมาคุ้มครองและช่วยเหลือได้เลย

 
คำแปล R3.
29. ในบรรดาสัญญาณทั้งหลายของพระองค์นั้น ก็คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งมีชีวิตทั้งหลายที่แพร่กระจายอยู่ในทั้งสองนั้น พระองค์ทรงสามารถที่จะรวมพวกเขาเข้าด้วยกันเมื่อใดก็ได้ที่พระองค์ทรงประสงค์
30. ความทุกข์ยากเดือดร้อนอันใดที่เกิดขึ้นกับสูเจ้านั้น นั่นก็เพราะสิ่งที่มือของสูเจ้าได้ขวนขวายไว้ และมีบาปหลายอย่างแล้วที่พระองค์ทรงให้อภัย
31. สูเจ้าไม่อาจหลีกหนีไปได้ในแผ่นดินนี้ และสูเจ้าไม่มีผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ อื่นไปจากอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
29. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่พระองค์ทรงแพร่กระจายไปทั่วในระหว่างทั้งสองนั้นแก่สิ่งที่มี ชีวิตทั้งหลายและพระองค์เป็นผู้ทรงอานุภาพที่จะรวบรวมพวกเขาเมื่อพระองค์ทรง ประสงค์
30. และเคราะห์กรรมอันใดที่ประสบแก่พวกเจ้า ก็เนื่องด้วยน้ำมือของพวกเจ้าได้ขวนขวายได้ และพระองค์ทรงอภัย (ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว
31. และพวกเจ้าไม่สามารถจะหนีรอดไปได้ในแผ่นดินนี้ และอื่นจากอัลลอฮฺ สำหรับพวกเจ้านั้นไม่มีผู้คุ้มครอง และไม่มีผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R5.
๒๙. และสัญลักษณ์บางอย่างของพระองค์คือการบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน และมวลสรรพสัตว์ที่กระจายกันอย่างแพร่หลายในมันทั้งสองเช่น มนุษย์ สัตว์และนกและพระองค์ทรงรวบรวมพวกนั้นไว้ ณ จุดรวมเดียวกัน เมื่อพระองค์ประสงค์ และพระองค์ทรงอานุภาพยิ่งที่จะจัดการตามความประสงค์นั้น ๆ
๓๐. และเหตุร้ายใดก็ตามที่มาประสบแก่พวกเจ้า แน่นอนมันเป็นไปเพราะมือของพวกเจ้าได้พากเพียรไว้เป็นสาเหตุอันสำคัญ นั่นคือพวกเจ้าได้ปฏิบัติแต่ความเลวร้ายต่าง ๆ เหตุร้าย เช่น ความอัตคัดขาดแคลน ความแห้งแล้ง โรคระบาด และอื่น ๆ จึงอุบัติขึ้นเพื่อเป็นข้อเตือนใจให้สำนึกถึงความเลวร้ายที่ได้ประพฤติไว้และพระองค์ทรงให้อภัยแก่ส่วนมากจากบรรดาความผิดต่าง ๆ ที่มนุษย์ประพฤติ โดยพระองค์ให้เกิดเหตุร้ายดังกล่าวนั้นเองเป็นสิ่งนิรโทษความผิด แม้กระทั่งหนามตำร่างกายก็จะได้รับการอภัยจากพระองค์
๓๑. และพวกเจ้าไม่อาจเอาชนะอัลเลาะห์ได้หรอก ในแผ่นดินด้วยการหลบหลีกการลงโทษของพระองค์และพวกเจ้าไม่มีผู้ปกครองและผู้ช่วยเหลือใด ๆ นอกจากอัลเลาะห์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 32-35


คำอ่าน
32. วะมินอายาติฮิลญะวาริ ฟิลบะหฺริกัลอะอฺลาม
33. อี..ยะชะอ์ ยุสกินิรฺรีหะ ฟะยัซลัลนะ เราะวากิดะ อะลาเซาะฮฺริฮี อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติล ลิกุลลิส็อบบาริน..ชะกูร
34. เอายูบิกฮุน..นะบิมากะสะบู วะยะอฺฟุ อัน..กะษีรฺ
35. วะยะอฺละมุลละซีนะ ยุญาดิลูนะ ฟี..อายาตินา มาละฮุม..มิม..มะหีศ


คำแปล R1.
32. And among his signs are the ships, in the sea, like mountains.
33. If He wills, He causes the wind to cease, then they would become motionless on the back (of the sea). Verily, in this are signs for everyone patient and grateful.
34. Or He may destroy them (by drowning) because of that which their (people) have earned. And He pardons much.
35. And those who dispute (polytheists, etc. with Our Messenger Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) as regards Our Ayat (proofs, signs, verses, etc. of Islamic Monotheism) may know that there is no place of refuge for them (from Allah's punishment).


คำแปล R2.
32. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือเรือ(ใหญ๋)ที่วิ่งอยู่ในทะเล (มองดู)ประหนึ่งขุนเขา
33. แม้นพระองค์ทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์ก็(ทรงอำนาจที่จะ)หยุดลมไว้(มิให้พัด) และเรือเหล่านั้นก็จะสงบนิ่งอยู่บนผิวทะเลตลอดไป แท้จริงในนั้น เป็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ (ที่แสดงถึงเดชานุภาพของอัลเลาะฮฺ) สำหรับผู้มีความอดทน ผู้มีความกตัญญูทุก ๆ คน
34. หรือ(หากพระองค์ทรงประสงค์) พระองค์ก็จะทำลายเรือเหล่านั้น เพราะ(ความผิด)ที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ แต่พระองค์ทรงอโหสิให้จาก(ความผิด)ส่วนมาก(ที่พวกเขากระทำ พระองค์จึงไม่บันดาลให้เป็นไปในทำนองที่กล่าวมา)
35. และ(เพื่อ)บรรดาจำพวกที่โต้แย้งในโองการต่าง ๆ ของเราจะได้รู้ว่า อันพวกเขานั้นไม่มีผู้ใดปลดปล่อย(ให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะฮฺ)ได้เลย


คำแปล R3.
32. และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์นั้น คือเรือต่าง ๆ ที่ดูเหมือนภูเขาในทะเล
33. หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พระองค์ก็ทรงสามารถให้ลมหยุดนิ่งและปล่อยให้เรือเหล่านั้นลอยนิ่งอยู่กลางทะเล ในนี้มีสัญญาณมากมายสำหรับทุกคนที่อดทนและขอบคุณ
34. หรืออาจทำให้เรือเหล่านั้นจมลงเพราะสิ่งที่พวกเขาได้ทำผิดไว้ และพระองค์ทรงอภัยมามากต่อมากแล้ว
35. และหลังจากนั้นบรรดาผู้โต้เถียงเกี่ยวกับอายะฮฺทั้งหลายของเราจะได้รู้ว่าพวกเขาไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้


คำแปล R4.
32. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือมีนาวาทั้งหลายเดินราบเรียบอยู่ในท้องทะเลเยี่ยงภูเขา
33. ถ้าพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงให้ลมหยุดนิ่งแล้วมัน (นาวานั้น) ก็จะหยุดลอยนิ่งอยู่ในท้องทะเลนั้น แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณแก่ผู้อดทน ผู้ขอบคุณทุกคน
34. หรือพระองค์จะทรงทำให้มัน (นาวานั้น) อับปางลงก็ได้ เนื่องด้วย (ความชั่ว) ที่พวกเขาขวนขวายเอาไว้ และพระองค์ทรงอภัย(ความผิดให้) มากต่อมากแล้ว
35. และเพื่อให้บรรดาผู้โต้แย้งเกี่ยวกับสัญญาณทั้งหลายของเราจะได้รู้ว่า สำหรับพวกเขานั้นไม่มีทางที่จะหลบหนีไปได้


คำแปล R5.
๓๒. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือบรรดาเรือที่วิ่งในทะเล ดูประหนึ่งขุนเขาทมึนลอยอยู่กลางท้องทะเล
๓๓. หากพระองค์ปรารถนา พระองค์ก็จะให้ลมเงียบสงบไม่พัดมาแล้วเรือนั้นก็จะหยุด ลอยนิ่งอยู่กับที่ วิ่งไม่ได้บนผิวทะเลนั้น แท้จริงในสิ่งนั้น ย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์สำหรับผู้ยิ่งในความขันติอีกทั้งขอบคุณในความโปรดปรานของอัลเลาะห์
๓๔. หรือพระองค์จะทรงดลให้พวกนั้นเรือคว่ำด้วยลมพายุกรรโชกรุนแรง ทั้งนี้เพื่อลงโทษพวกเขาเพราะสาเหตุจากสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ และพระองค์ทรงให้อภัยแก่ส่วนมากของบาป โดยไม่ได้นำมาลงโทษแต่ประการใด ๆ
๓๕. และพระองค์ทรงรอบรู้ถึงความรู้สึกนึกคิดและพฤติกรรมของบรรดาผู้โต้แย้งในสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเราอันได้แก่โองการแห่งอัลกุรอาน โดยพวกเขากล่าวว่าเป็นเพียงมายากล หรือบทกลอนไร้สาระ หรือนิยายปรัมปราของคนสมัยโบราณพวกเขาไม่มีผู้ใดทำให้หลุดพ้นไปจากการลงโทษทั้งในโลกนี้และโลกหน้าได้อย่างแน่นอน นอกจากจะต้องรับการตอบแทนในโทษนั้นอย่างเลี่ยงไม่พ้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 36 - 41


คำอ่าน
36. ฟะมา..อูตีตุม..มิน..ชัยอิน..ฟะมะตาอุลหะยาติดดุนยา วะมาอิน..ดัลลอฮิ ค็อยรู..วะอับกอ ลิลละซีนะอามะนู วะอะลสร็อบบิฮิม ยะตะวักกะลูน
37. วัลละซีนะยัจญตะนิบูนะ กะบา..อิร็อลอิษมิ วัลฟะวาหิชะ วะอิซามาเฆาะฎิบู ฮุม ยัฆฟิรูน
38. วัลละซีนัสตะญาบู ลิร็อบบิฮิม วะอะกอมุศเศาะลาฮฺ วะอัมรุฮุม๙รอบัยนะฮุม วะมิม..มาเราะซักนาฮุม ยุน..ฟิกูน
39. วัลละซีนะ อิซา..อะศอบะฮุมุลบัฆยุ ฮุมยัน..ตะศิรูน
40. วะญะซา...อุ สัยยิอะติน..สัยยิอะตุม..มิษลุฮา
41. วะละมะนิน..ตะเศาะเราะ บะอฺดะซุลมิฮี ฟะอุลา...อิกะมาอะลัยฮิม..มิน..สะบีล


คำแปล R1.
36. So whatever you have been given is but a passing enjoyment for this worldly life, but that which is with Allah (Paradise) is better and more lasting for those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and put their trust in their Lord (concerning All of their affairs).
37. And those who avoid the greater sins, and Al-Fawahish (illegal sexual intercourse, etc.), and when they are angry, they forgive
38. And those who answer the call of their Lord [i.e. to believe that He is the only one Lord (Allah), and to worship none but Him alone], and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat), and who (conduct) their affairs by mutual consultation, and who spend of what we have bestowed on them;
39. And those who, when an oppressive wrong is done to them, they take revenge.
40. The recompense for an evil is an evil like thereof, but whoever forgives and makes reconciliation, his reward is due from Allโh. Verily, he likes not the Zalimun (oppressors, polytheists, and wrong-doers, etc.).
41. And indeed whosoever takes revenge after he has suffered wrong, for such there is no way (of blame) against them.


คำแปล R2.
36. ดังนั้นจะเป็นสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าได้รับ(จากอัลเลาะฮฺ) แท้จริงสิ่งนั้นก็เป็นเพียงความภิรมย์แห่งชีวิตทางโลกนี้(ชั่วคราวอันหาความจีรังใด ๆ ไม่ได้เลย) แต่สิ่งที่มีอยู่ที่อัลเลาะฮฺนั้นย่อมประเสริฐที่สุด และจีรังที่สุด สำหรับบรดาผู้มีศรัทธาและมีความมอบหมายต่อองค์อภิบาลของพวกเขา
37. และ(สิ่งที่มีอยู่ที่อัลเลาะฮฺย่อมประเสริฐและจีรังที่สุดสำหรับ)บรรดาผู้ห่างเหินบาปใหญ่ต่าง ๆ และบรรดาสิ่งอนาจารทั้งหลาย และเมื่อพวกเขารู้สึกโกรธ(ผู้ซึ่งทำร้ายจิตใจหรือร่างกายของเขา)พวกเขาก็ให้อภัย(โดยไม่ติดเนื้อต้องใจแต่ประการใด ๆ)
38. และ(เช่นเดียวกัน) บรรดาผู้สนองตอบต่อ(คำบัญชาแห่ง)องค์อภิบาลของพวกเขา และดำรงการละหมาด อีกทั้งการงานของพวกเขามีการประชุมในระหว่างพวกเขา และพวกเขาเสียสละทรัพย์สินบางส่วนที่เราได้ประทานแก่พวกเขา
39. และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อความอธรรมได้ประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็ช่วยตัวเอง(ด้วยการตอบแทนเสมอการกระทำของผู้นั้น)
40. และการตอบแทนความเลวก็คือความเลวโดยเท่าเทียมกัน (ด้วยการตอบแทนความเลวของผู้นั้นเพียงเท่าที่ถูกกระทำโดยไม่เกินขอบเขต) แต่ผู้ใดอโหสิและทำดี(กับผู้ทำร้ายเขา) แน่นอนรางวัลของเขาเป็นสิ่งที่อัลเลาะฮฺรับรอง แต่จริงพระองค์ไม่ทรงกรุณาแก่ทุจริตชนทั้งปวง
41. ขอยืนยัน! แท้จริงผู้ใดที่ช่วยตัวเอง(ตามสิทธิ์ของเขา)ภายหลังจากที่เขาถูกฉ้อฉล แน่นอนพวกเขาเหล่านั้น ไม่มีหนทางใด)ที่ผู้อื่นจะประณามและเอาผิด)แก่พวกเขาได้


คำแปล R3.
36. และอะไรที่สูเจ้าได้รับนั้นเป็นเพียงปัจจัยสำหรับชีวิตชั่วคราวแห่งโลกนี้ และสิ่งที่อยู่กับอัลลอฮฺนั้นดีกว่า และยั่งยืนกว่า สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและมอบความไว้วางใจในพระผู้อภิบาลของพวกเขา
37. และบรรดาผู้ละเว้นจากบาปใหญ่และสิ่งลามก ผู้ที่เมื่อโกรธแล้วให้อภัย
38. และผู้เชื่อฟังพระผู้อภิบาลของพวกเขา และดำรงนมาซและดำเนินกิจการของพวกเขาโดยการปรึกษาหารือกัน ผู้ใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาเป็นปัจจัยยังชีพ
39. และบรรดาผู้ที่เมื่อถูกกดขี่ พวกเขาก็ช่วยเหลือและป้องกันตนเอง
40. และการตอบแทนความชั่วก็คือความชั่วเยี่ยงนั้น ดังนั้นใครก็ตามที่ให้อภัยและหาทางไกล่เกลี่ยกัน รางวัลของเขาก็อยู่ที่อัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบบรรดาผู้ทำความผิด
41. และบรรดาผู้แก้แค้นด้วยตัวเอง หลังจากพวกเขาถูกอธรรมนั้นไม่อาจถูกตำหนิได้


คำแปล R4.
36. และสิ่งใดที่พวกเจ้าได้รับนั้นเป็นเพียงการสนุกสนานเพลิดเพลินแห่งชีวิตของ โลกนี้เท่านั้น แต่สิ่งที่มีอยู่ ณ ที่อัลลอฮฺนั้น ดีกว่าและจีรังกว่า สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและพวกเขามอบหมายไว้วางใจแด่พระเจ้าของพวกเขา
37. และบรรดาผู้ที่หลีกเลี่ยงการทำบาปใหญ่และการทำลามก และเมื่อพวกเขาโกรธพวกเขาก็อภัยให้
38. และบรรดาผู้ตอบรับต่อพระเจ้าของพวกเขาและดำรงละหมาด และกิจการของพวกเขามีการปรึกษาหารือระหว่างพวกเขาและเขาบริจาคสิ่งที่เราได้ ให้เครื่องปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา
39. และบรรดาผู้ที่เมื่อมีความยุติธรรมเกิดขึ้นแก่พวกเขา พวกเขาก็แก้แค้นตอบแทน
40. และการตอบแทนความชั่วคือความชั่วเยี่ยงมัน แต่ผู้ใดอภัย และไกล่เกลี่ยคืนดีกันรางวัลตอบแทนของเขาอยู่ที่อัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์ไม่ชอบบรรดาผู้อธรรม
41. แต่ถ้าผู้ใดแก้แค้นตอบแทนหลังจากได้รับความอธรรม ชนเหล่านั้นจะไม่มีทางตำหนิแก่พวกเขา


คำแปล R5.
๓๖. แท้จริงสิ่งใด ๆ ก็ตามที่พวกเจ้าได้รับไว้นั้นไม่ว่าจะเป็นความร่ำรวย ความยิ่งใหญ่ ยศฐาบรรดาศักดิ์มันเป็นเพียงสิ่งภิรมย์แห่งชีวิตของโลกนี้อันไม่จีรังยั่งยืนแต่ประการใด ๆ และสิ่งที่มีอยู่ที่อัลเลาะห์สิ ประเสริฐล้ำ และจีรังยิ่ง สำหรับบรรดาผู้มีศรัทธา และมีจิตใจมอบหมายแด่องค์อภิบาลของพวกเขาในทุก ๆ สิ่งของเขา
๓๗. และสำหรับบรรดาผู้ที่ห่างไกลบาปใหญ่ ๆ และสิ่งอนาจารทั้งหลาย และเมื่อพวกเขาโกรธ พวกเขาก็ให้อภัยไม่ถือเป็นความอาฆาตแค้นผู้ใดทั้งสิ้น
๓๘. และบรรดาผู้ที่สนองตอบองค์อภิบาลของพวกเขา และพวกเขาดำรงการละหมาด และการงานของพวกเขามีการปรึกษาในระหว่างพวกเขาเป็นอันดี ไม่ใช้ระบบเผด็จการ หรือเห็นแก่ตัวและพวกเขาใช้จ่ายบางสิ่งที่เราได้ประทานเป็นโชคผลแก่พวกเขาไปในทางของอัลเลาะห์ เช่น บริจาคทรัพย์สร้างมัสยิด อุปถัมภ์คนยากจน และอุปการะครอบครัวให้อยู่เย็นเป็นสุข
๓๙. และบรรดาผู้ซึ่งเมื่อความอธรรมได้ประสบแก่พวกเขาจากการกระทำของคนหนึ่งคนใดพวกเขาก็รอรับความช่วยเหลือจากผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือเขาให้พ้นไปจากอธรรมนั้น โดยทวงสิทธิ์ของเขาด้วยการตอบแทนความอธรรมของผู้อื่น
๔๐. และการตอบแทนความเลวของคนอื่นที่กระทำต่อตนคือความเลวเท่าเทียมกันซึ่งเป็นสิทธิ์ของฝ่ายถูกกระทำที่จะพึงตอบแทนแต่บุคคลใดให้อภัยในความเลวของผู้นั้นและปรับปรุงสภาพความรู้สึกที่มีระหว่างกันแท้จริงกุศลของเขาเป็นหน้าที่ของอัลเลาะห์ที่จะทรงประทานแก่เขาเนื่องในการให้อภัยและไม่ถือโทษดังกล่าวนั้นแท้จริงพระองค์ไม่รักบรรดาผู้อธรรมซึ่งหากพระองค์ไม่ให้อภัย พระองค์ก็จะทรงลงโทษเขาอย่างแน่นอน
๔๑. และบุคคลใดที่รอรับความช่วยเหลือโดยต้องการตอบแทนการอธรรมของผู้อื่นหลังจากความอธรรมของเขาเองที่เขาลุแก่อำนาจแห่งความอาฆาตแค้น กระทำต่อคู่กรณีแน่นอนพวกเหล่านั้นไม่มีหนทางใด ๆที่จะตอบแทนการอธรรมของผู้อื่นตามที่ปรารถนา




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 42 - 43


คำอ่าน
42. อิน..นะมัสสะบีลุ อะลัลละซีนะ ยัซลิมูนัน..นาสะ วะยับฆูนะ ฟิลอัรฺฎิ บิฆ็อยริลหักกฺ อุลา...อิกะละฮุม อะซาบุนอะลีม
43. วะละมัน..เศาะบะเราะ วะเฆาะฟะเราะ อิน..นะซาลิกะละมินอัซมิลอุมูรฺ


คำแปล R1.
42. The way (of blame) is only against those who oppress men and wrongly rebel in the earth, for such there will be a painful torment.
43. And verily, whosoever shows patience and forgives that would truly be from the things recommended by Allah.


คำแปล R2.
42. อันที่จริงหนทาง(ที่จะเอาผิด)ก็มีเฉพาะแก่บรรดาผู้ฉ้อฉลผู้อื่นและล่วงละเมิด(ด้วยการบ่อนทำลาย)ในแผ่นดินโดยไม่ชอบธรรม พวกเหล่านั้นต้องได้รับการลงโทษอันทรมานอย่างที่สุด
43. ขอยืนยัน! แท้จริงอันบุคคลที่มีความอดทนและให้อภัย(แก่ผู้อื่น)นั้น แน่นอนที่สุด สิ้งนั้นเป็นส่วนหนึ่งจากการงานอันมั่นคง(ที่ควรประพฤติอย่างยิ่ง)


คำแปล R3.
42. แท้จริงผู้ที่สมควรจะถูกตำหนินั้นก็คือ บรรดาผู้กดขี่มนุษย์และล่วงละเมิดในแผ่นดินโดยไม่มีสิทธิ์ใด ๆ สำหรับคนเหล่านั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ
43. ส่วนผู้ที่อดทนและให้อภัยนั้น ความจริงแล้ว นั่นคืองานแห่งความกล้าหาญและเด็ดเดี่ยว


คำแปล R4.
42. ส่วนที่จะเกิดโทษนั้นได้แก่บรรดาผู้ที่อธรรมต่อมนุษย์ และก่อความเสียหายให้เกิดขึ้นในแผ่นดินโดยปราศจากความเป็นธรรม ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บปวด
43. และแน่นอนผู้ที่อดทนและให้อภัย แท้จริงนั่นคือ ส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่นมั่นคง


คำแปล R5.
๔๒. อันที่จริงหนทางแห่งการตอบแทนนั้นเป็นหน้าที่ของบรรดาผู้ที่อธรรมต่อมวลมนุษย์และพวกเขาล่วงละเมิดบทบัญญัติของศาสนาด้วยการบ่อนทำลายในแผ่นดินโดยปราศจากสิทธิ์แต่ประการใด ๆ ที่จะกระทำการเช่นนั้นพวกเหล่านั้นต้องได้รับการลงโทษอันแสนทรมานอย่างแน่นอน
๔๓. และแท้จริงผู้ขันติและให้อภัยแก่การทำร้ายของผู้อื่นแน่นอนสิ่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งจากการงานที่มั่นคงที่ดีเลิศสำหรับทุกคน ควรจะได้ยึดถือเป็นข้อปฏิบัติถาวรของตนเอง



สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 44 - 46


คำอ่าน
44. วะมัย..ยุฎลิลิลลาฮุ ฟะมาละฮู มิว..ลียิม..มิม..บะอฺดิฮฺ วะตะร็อซซอลิมีนะ ลัม..มาเราะอะวุลอะซาบะ ยะกูลูนะฮัลอิลามะร็อดดิมิน..สะบีล
45. วะตะรอฮุมยุอฺเราะฎูนะอะลัยฮา คอชิอีนะ มินัซซุลลิ ยัน..ซุรูนะ มินก็อรฺฟิน เคาะฟียฺ วะกอลัลละซีนะอามะนู อิน..นัลคอสิรีนัลละซีนะ เคาะสิรู..อัน..ฟุสะฮุม วะอะฮฺลีฮิม เยามัลกิยามะฮฺ อะลา..อิน..นัซซอลิมีนะ ฟีอะซาบิม..มุกีม
46. วะมากานะละฮุม..มิน เอาลิยา...อะ ยันศุรูนะฮุม..มินดูนิลลาฮิ วะมัย..ยุฎลิลิลลาฮุ ฟะมาละฮูมิน..สะบีล


คำแปล R1.
44. And whomsoever Allah sends astray, for him there is no Wali(protector) after him. And you will see the Zalimun (polytheists, wrong-doers, oppressors, etc.) when they behold the torment, they will say: "Is there any way of return (to the world)?"
45. And you will see them brought forward to it (Hell) made humble by disgrace, (and) looking with stealthy glance. And those who believe will say: "Verily, the losers are they who lose themselves and their families on the Day of Resurrection. Verily, the Zalimun [i.e. Al-Kafirun (disbelievers in Allah, in his Oneness and in his Messenger Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam , polytheists, wrong-doers, etc.)] will be In a lasting torment.
46. And they will have no Auliya' (protectors) to help them other than Allah. and he whom Allah sends astray, for him there is no way.


คำแปล R2.
44. และผู้ใดที่อัลเลาะฮฺทรงปล่อยให้เขาหลงผิด แน่นอน เขาจะไม่มีผู้ใดช่วยเหลือเขาได้ภายหลังจากพระองค์
และเจ้าจะเห็นพวกทุจริตทั้งหลาย ขณะที่พวกนั้นมองเห็นการลงโทษ(กำลังประสบกับตนเอง) พวกนั้นต่างพูดกันว่า “มีหนทางใดบ้างหนอที่จะให้เรากลับคืน(ไปสู่สากลโลกครั้งหนึ่ง)?”
45. และเจ้าจะเห็นพวกเขาถูกนำตัวมาเสนอต่อนรก โดยความนอบน้อมอันเนื่องมาจากความอัปยศอดสู(ที่พวกเขารู้สึก) (พร้อมกันนั้น) พวกเขาเพ่งมอง(นรก)จากปลายตาอันแฝงเร้น และบรรดาผู้มีศรัทธาพากันพูดว่า “บรรดาพวกขาดทุนที่แท้จริงนั้นได้แก่ผู้ที่ทำความทุนแก่ตัวของพวกเขาเองและแก่ครอบครัวของพวกเขาในวันชาติหน้า” พึงสังวร! แท้จริงบรรดาทุจริตชนทั้งหลายย่อมตกอยู่ในการลงโทษอันยั่งยืน
46. และพวกเขาไม่มีผู้ช่วยเหลือคนใดอีกแล้วที่สามารถทำการช่วยเหลือได้ นอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ และผู้ใดที่อัลเลาะฮฺทรงปล่อยให้หลงผิด แน่นอน เขาก็ไม่มีหนทางใด (ที่จะได้รับทางชี้นำจกอัลเลาะฮฺ)


คำแปล R3.
44. และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงปล่อยให้เขาหลงทางก็ไม่มีผู้คุ้มครองใดหลังจากพระองค์ และเจ้าจะเห็นว่าเมื่อผู้กระทำความผิดเห็นการลงโทษพวกเขาจะกล่าวว่า “มีทางใดที่จะกลับไปบ้างไหม?”
45. และเจ้าจะเห็นว่าเมื่อพวกเขาได้ถูกนำตัวมาอยู่ต่อหน้านรก พวกเขาจะก้มหน้าด้วยความสิ้นหวัง และจะมองมันด้วยสายตาหลบ ๆ ซ่อน ๆ และบรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า “ผู้ขาดทุนที่แท้จริงก็คือผู้ทำให้ตัวของพวกเขาเองและพวกพ้องของพวกเขาได้รับความเสียหายในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” จงระวังให้ดี ผู้ทำผิดจะได้รับการลงโทษตลอดไป
46. และพวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองที่จะมาช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากอัลลอฮฺ คนที่อัลลอฮฺทรงปล่อยให้หลงผิดนั้นจะไม่มีทางหนีรอดไปได้


คำแปล R4.
44. และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองภายหลังจากพระองค์และเจ้าจะเห็นบรรดาผู้ อธรรมเมื่อพวกเขามองเห็นการลงโทษ พวกเขาจะกล่าวว่า มีทางบ้างไหมที่จะกลับไป (ยังโลกดุนยา)
45. และเจ้าจะเห็นพวกเขาถูกนำมาข้างหน้าไฟนรกพวกเขาจะถ่อมตัวลงอย่างน่าสังเวช มองดูอย่างหลบสายตา และบรรดาผู้ศรัทธาจะกล่าวว่า แท้จริงพวกที่ขาดทุนคือ บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาและครอบครัวของพวกเขาให้เสียหายยับเยินในวันกิยามะฮฺ พึงทราบเถิด แท้จริงบรรดาผู้อธรรมนั้นอยู่ในการลงโทษอันถาวร
46. และสำหรับพวกเขาจะไม่มีผู้คุ้มครองให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขานอกจากอัลลอฮฺ และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทาง เขาผู้นั้นก็จะไม่มีทาง (ไปสู่การฮิดายะฮฺได้)


คำแปล R5.
๔๔. และบุคคลใดที่อัลเลาะห์ทรงบันดาลให้เขาหลงผิด แน่นอนเขาย่อมไม่มีผู้ปกครองคนใดที่จะคลี่คลายเขาให้พ้นจากสภาพหลงผิดนั้นได้หลังจากพระองค์ได้บันดาลสิ่งนั้นแก่พวกเขาแล้วและเจ้าเห็นบรรดาผู้อธรรม เมื่อถึงวาระที่พวกนั้นได้มองเห็นการลงโทษอันประสบแก่ตนเองพวกเขาก็รำพึงว่า ยังมีหนทางกลับคืนไปสู่โลกดุนยาอีกสักครั้งไหมหนอเพื่อพวกเขาจะได้ขอสารภาพผิดต่ออัลเลาะห์และแก้ตัวใหม่ด้วยการประกอบแต่ความดี แต่การต้องการของเขาไม่สมหวังหรอก และเขาจะเสียใจขนาดไหนก็ไม่มีประโยชน์ใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากต้องยอมรับสภาพอันต่ำต้อยของตนเองในนรก
๔๕. และเจ้าเห็นพวกเขาถูกส่งตัวลงนรกโดยพวกเขานอบน้อมและครั่นคร้ามในอำนาจของอัลเลาะห์เนื่องด้วยความต่ำต้อย พวกเขามองดูนรกด้วยปลายตาอันแฝงเร้นไม่กล้ามองตรง ๆ เพราะความประหวั่นพรั่นพรึงต่อสิ่งที่ตนกำลังประสบและบรรดาผู้มีศรัทธาจะพูดว่า แท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนก็คือบรรดาผู้ที่ทำความขาดทุนแก่ตัวเอง และแก่ครอบครัวของพวกเขาในวันปรภพหาใช่จะมีผู้อื่นทำให้พวกเขาประสบภาวะขาดทุนดังกล่าวไม่พึงสังวร แท้จริงบรรดาผู้อธรรม ย่อมอยู่ในการลงโทษอันยั่งยืน
๔๖. และสำหรับพวกเขาย่อมไม่มีผู้ปกครองอื่นใดที่จะช่วยเหลือพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษนอกเหนือจากอัลเลาะห์เพียงองค์เดียวเท่านั้นและบุคคลใดที่อัลเลาะห์ทรงบันดาลให้เขาหลงผิด แน่นอนเขาย่อมไม่มีหนทางใด ๆ ทั้งสิ้นที่จะพ้นจากสภาพนั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 47 - 50


คำอ่าน
47. อิสตะญีบูลิร็อบบิกุม..มิน..ก็อบลิ อัย..ยะอ์ติยะเยามุล ลามะร็อดดะละฮู มินัลลอฮฺ มาละกุม..มิม..มัลญะอี..เยามัอิซิว..วะมาละกุม..มิน..นะกีรฺ
48. ฟะอิน อะอฺเราะฎู ฟะมา..อัรฺสัลนากะ อะลัยฮมหะฟีซอ อินอะลัยกะ อิลลัลบะลาฆฺ วะอิน..นา..อิซา..อะซักนัลอิน..สานะ มิน..นาเราะหฺมะตัน..ฟะริหะบิฮา วะอิน..ตุศิบฮุม สัยยิอะตุม..บิมาก็อดดะมัต อัยดีฮิม ฟะอิน..นัลอิน..สานะกะฟูรฺ
49. ลิลลาฮิมุลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ ยัคลุกุมายะชา..อฺ ยะฮะบุลิมัย..ยะชา..อุอินาเษา..วะยะฮะบุลิมัย..ยะชา..อุซซุกูรฺ
50. เอายุเซาวิญุฮุม ซุกรอเนา..วะอินาษา วะยัจญอะลุ มัย..ยะชา...อุ อะกีมา อิน..นะฮู อะลีมุน..เกาะดีรฺ


คำแปล R1.
47. Answer the call of your Lord (i.e. Accept the Islamic Monotheism, O mankind, and jinns) before there comes from Allah a Day which cannot be averted. You will have no refuge on that Day nor there will be for you any denying (of your crimes as they are all recorded in the book of your deeds).
48. But if they turn away (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam from the Islamic Monotheism, which you have brought to them). We have not sent you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) as a Hafiz (protector) over them (i.e. to take care of their deeds and to Recompense them). Your duty is to convey (the Message). And verily, when we cause man to taste of Mercy from us, he rejoices thereat, but when some ill befalls them because of the deeds which their hands have sent forth, Then verily, man (becomes) ingrate!
49. To Allah belongs the Kingdom of the heavens and the earth. He creates what He wills. He bestows female (offspring) upon whom He wills, and bestows male (offspring) upon whom He wills.
50. Or He bestows both males and females, and He renders barren whom He wills. Verily, He is the All-Knower and is able to do all things.


คำแปล R2.
47. พวกเจ้าจงสนองตอบ(คำบัญชา)ขององค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิด ก่อนหน้าที่วันหนึ่งจากอัลเลาะฮฺ(คือวันชาติหน้า) จะมาถึง ซึ่งเป็นวันที่ไม่มีผู้ใดผลักใสมันออกไปได้ ในวันนั้นพวกเจ้าไม่มีที่พึ่งพา และพวกเจ้าไม่มีข้อคัดค้านใด ๆ ทั้งสิ้น
48. ดังนั้นถ้าพวกเขาหันหลังให้(ไม่ศรัทธาในคำประกาศของเจ้า เจ้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบหรอก เพราะ) แท้จริงเรามิได้ส่งตัวเจ้ามาให้เป็นผู้พิทักษ์พวกเขา(จนทุกประการ) ที่จริงแล้วเจ้าไม่มีหน้าที่อื่นใดทั้งสิ้น นอกจากการเผยแพร่เท่านั้น และแท้จริงเมื่อเราได้ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาจากเรา แน่นอนเขาก็พึงพอใจในสิ่งนั้น  แต่ถ้าความเลวร้ายมาประสบกับพวกเขา ทั้งๆ ที่เป็นไปเพราะความผิดที่พวกเขาได้กระทำขึ้นมาด้วยตนเอง (พวกเขาก็ลืมความเมตตาของเราจนสิ้นเชิง) เพราะแท้จริงมวลมนุษย์เป็นผู้อกตัญญูอย่างยิ่ง
49. อัลเลาะฮฺทรงอำนาจปกครองฟากฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงบันดาลสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงประทานบุตรหญิงแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงประทานบุตรชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
50. หรือพระองค์ทรงกรุณาประทานแก่พวกเขาให้(มีลูก)ทั้งชายและหญิง และพระองค์ทรงบันดาลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ให้เป็นหมัน แท้จริง พระองค์ทรงไว้ซึ่งความรอบรู้ยิ่ง ทรงไว้ซึ่งเดชานุภาพยิ่ง


คำแปล R3.
47. จงตอบพระผู้อภิบาลของสูเจ้าก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ซึ่งไม่มีโอกาสหลบเลี่ยงไปจากอัลลอฮิได้ ในวันนั้นสูเจ้าจะไม่มีที่พักพิงและจะไม่มีผู้ใดที่สามารถเปลี่ยนสภาพของสูเจ้าได้
48. ตอนนี้ถ้าพวกเขาหันหลังให้ เราจะไม่ส่งเจ้า (โอ้ นบี) เพื่อไปเฝ้าดูแลเขา หน้าที่ของเจ้าก็คือการนำสาส์นไปให้เท่านั้น มนุษย์ก็เป็นอย่างนี้แหละ เมื่อเราได้ให้เขาลิ้มรสความเมตตาของเรา เขาก็ยินดีปรีดาต่อมัน แต่ถ้าหากพวกเขาได้รับสิ่งเลวร้ายอันเนื่องจากสิ่งที่มือของเขาเองได้ทำไว้ มนุษย์ก็จะเนรคุณ
49. อำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ประทานบุตรสาวแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และบุตรชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
50. หรือประทานทั้งบุตรชายและบุตรสาวแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และจะทำให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เป็นหมัน แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง


คำแปล R4.
47. จงตอบรับการเรียกร้องของพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง ซึ่งจะไม่มีทางหลีกเลี่ยงไปจากอัลลอฮฺได้ และในวันนั้นสำหรับพวกเจ้าจะไม่มีที่พักพิง และพวกเจ้าก็จะไม่มีทางปฏิเสธด้วย
48. แต่ถ้าพวกเขาผินหลังให้ (ไม่ยอมรับการเรียกร้อง) ดังนั้นเรามิได้ส่งเจ้ามายังพวกเขาเพื่อเป็นผู้คุ้มกันรักษา หน้าที่ของเจ้ามิใช่อื่นใดนอกจากการเผยแผ่เท่านั้น และแท้จริงถ้าเราจะให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาจากเรา เขาก็จะยินดีปรีดาต่อความเมตตานั้น และหากเคราะห์กรรมประสบแก่พวกเขา เนื่องจากน้ำมือของพวกเขาได้ประกอบเอาไว้ ดังนั้นแน่นอนมนุษย์นั้นเป็นผู้เนรคุณเสมอ
49. อำนาจเด็ดขาดแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิ์ของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงสร้างสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงประทานลูกหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงประทานลูกชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์
50. หรือพระองค์ทรงประทานรวมให้แก่พวกเขาทั้งหลาย และลูกหญิง และพระองค์ทำให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์เป็นหมัน แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอนุภาพ


คำแปล R5.
๔๗. เจ้าทั้งหลายจงสนองตอบต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิด ก่อนที่จะถึงวันปรภพซึ่งไม่มีผู้ใดยับยั้งมันจากอัลเลาะห์มิให้ถึงวันนั้นได้พวกเจ้าทั้งหลายไม่มีที่พึ่งใด ๆ ในวันนั้นและพวกเจ้าทั้งหลายไม่มีผู้คัดค้านบาปโทษต่าง ๆ จากตัวของพวกเจ้าเลย นอกจากต้องยอมรับในโทษเหล่านั้น
๔๘. แท้จริงหากพวกเขาได้หันออกจากการรับฟังคำประกาศของเจ้า ทั้ง ๆ ที่เจ้าก็ได้ประกาศแล้วตามที่ได้รับมอบหมาย แต่พวกนั้นก็ไม่ได้สนใจใด ๆ เลยแน่นอนเรามิได้ส่งเจ้าให้เป็นศาสนทูตแก่พวกเขา เพื่อเป็นผู้พิทักษ์ที่คอยสอดส่องและรับผิดชอบความรู้สึกและพฤติการณ์ทุกด้านของพวกเขาเพื่อให้สอดคล้องกับที่เจ้าประกาศไป ที่จริงแล้วเจ้านั้นไม่มีหน้าที่อื่นใดเลยนอกจากการเผยแพร่เท่านั้นเมื่อพวกเขาไม่สนใจที่จะรับการเผยแพร่ ก็ไม่เป็นภาระแก่เจ้าที่จะต้องรับผิดชอบแต่ประการใด ๆ ทั้งสิ้น และแท้จริงเมื่อเราได้ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตาจากเรา เราก็จักมีความปีติในเมตตานั้น และเมื่อความเลวร้ายได้ประสบแก่พวกเขาเพราะเหตุแห่งพฤติกรรมที่พวกเขาได้ประพฤติไว้แต่ดั้งเดิม แท้จริงมวลมนุษย์ก็เป็นผู้เนรคุณ
๔๙. อัลเลาะห์ทรงสิทธิในชั้นฟ้าและแผ่นดิน พระองค์ทรงบันดาลสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงประทานบุตรหญิงแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงประทานบุตรชายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไม่มีผู้ใดสามารถกำหนดเพศแก่บุตรของตนเองได้ นอกจากเป็นไปโดยพระประสงค์ของพระองค์เท่านั้น
๕๐. หรือพระองค์ทรงจัดสมรสพวกเขาแก่ชายและหญิงให้เป็นคู่ครองกันและพระองค์ทรงบันดาลแก่บุคคลที่พระองค์ประสงค์ให้เป็นหมันไม่สามารถให้กำเนิดบุตรได้แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงอานุภาพยิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัชชูรอ อายะฮฺที่ 51 - 53


คำอ่าน
51. วะมากานะ ลิบะชะริน อัยยุกัลลิมะฮุลลอฮุ อิลลาวะหฺยัน เอามิว..วะรอ...อิ หิญาบิน เอายุรฺสิละ เราะสูลัน..ฟะยูหิยะ บิอิซนิฮี มายะชา...อ์ อิน..นะฮุ อะลียุนหะกีม
52. วะกะซาลิกะเอาหัยนาอิลัยกะ รูหัม..มินอัมรินา มากุน..ตะตัดรี มัลกิตาบุ วะลัลอีมานุ วะลากิน..ญะอัลนาฮุ นูร็อน..นะฮฺดีบิฮี มัน..นะชา...อุมินอิบาดินา วะอิน..นะกะละตะฮฺดี..อิลาศิรอฏิม..มุสตะกีม
53. ศิรอฏิลลาฮิลละซี ละฮูมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ อะลา..อิลัลลอฮิ ตะศีรุลอุมูรฺ


คำแปล R1.
51. It is not given to any human being that Allah should speak to him unless (it be) by inspiration, or from behind a veil, or (that) He sends a Messenger to reveal what He wills by His leave. Verily, He is Most High, Most Wise .
52. And thus we have sent to you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) Ruhan (an inspiration, and a Mercy) of Our Command. You knew not what the Book is, nor what is Faith? But we have made it (this Qur'an) a light wherewith we guide whosoever of Our slaves we will. And verily, you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) are indeed guiding (mankind) to the Straight Path (i.e. Allah's Religion of Islamic Monotheism).
53. The Path of Allah, to whom belongs all that is in the heavens and all that is in the earth. Verily, all the matters at the end go to Allah (for decision).


คำแปล R2.
51. และไม่มีมนุษย์คนใดที่อัลเลาะฮฺทรงเจรจากับเขา นอกจากเป็นการดลจิตโดยตรงหรือจากเบื้องหลังของฉากกำบัง หรือทรงส่งทูต(มลาอิกะฮฺ)มา แล้วเขาสื่อโองการแก่เขาโดยอนุมัติของพระองค์ ตามแต่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
52. และเช่นนั้น! เราได้ดล(อัลกุรอานซึ่งเปรียบดัง)จิตวิญญาณ โดยบัญชาของเราเอง แต่เดิมเจ้าก็ไม่เคยรู้มาก่อนว่า อะไรคือคัมภีร์ และอะไรคือศรัทธา? แต่ทว่าเราได้บันดาลให้กุรอานนี้เป็นรัศมีที่เราชี้นำทางด้วยกับมัน แก่ผู้ที่เราประสงค์จากมวลข้าทาสของเรา และแท้จริง เจ้าจะชี้นำ(ปวงชนด้วยอัลกุรอานนี้) สู่แนวทางอันเที่ยงตรงยิ่ง
53. เป็นแนวทางของอัลเลาะฮฺซึ่งพระองค์ทรงสิทธิ์ในสรรพสิ่งที่มีอยู่ในฟากฟ้า และสรรพสิ่งในแผ่นดิน พึงสังวร! บรรดาการงานทั้งหลายย่อมกลับคืนสู่อัลเลาะฮฺอย่างแน่นอน


คำแปล R3.
51. และไม่มีมนุษย์คนใดที่อัลลอฮฺจะตรัสกับเขาต่อหน้า พระองค์จะตรัสกับเขาโดยทางวะฮียฺหรือจากข้างหลังม่าน หรือพระองค์จะส่งรอซูล (มลาอิกะฮฺ) ที่จะมาเปิดเผยสิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์โดยคำบัญชาของพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงสูงส่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
52. เช่นเดียวกันนั้นแหละ (โอ้ มุฮัมมัด) ที่เราได้วะฮียฺวิญญาฯแก่เจ้าโดยคำบัญชาของเรา เจ้าไม่รู้มาก่อนเลยว่าอะไรคือคัมภีร์และอะไรคือความศรัทธา แต่เราได้ทำให้วิญญาณนั้นเป็นแสงสว่างที่เราได้ใช้แสดงหนทางแก่บ่าวของเราที่เราประสงค์ แท้จริงเจ้ากำลังไปสูหนทางที่เที่ยงตรง
53. หนทางของอัลลอฮฺผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จงจำไว้ว่าการงานทั้งหมดจะกลับไปสู่อัลลอฮฺเท่านั้น


คำแปล R4.
51. และไม่เป็นการบังควรแก่มนุษย์คนใดที่จะให้อัลลอฮฺตรัสแก่เขาเว้นแต่โดยทางวะฮียฺ หรือโดยทางเบื้องหลังม่าน หรือโดยที่พระองค์จะส่งทูตมา แล้วเขา (มะลัก) ก็จะนำวะฮียฺมาตามที่พระองค์ทรงประสงค์โดยบัญชาของพระองค์ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงสูงส่งผู้ทรงปรีชาญาณ
52. และเช่นนั้นแหละเราได้วะฮียฺอัลกุรอาน แก่เจ้าตามบัญชาของเรา เจ้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าอะไรคือคัมภีร์ และอะไรคือการศรัทธาแต่ว่าเราได้ทำให้อัลกุรอานเป็นแสงสว่างเพื่อชี้แนะทาง โดยนัยนั้นแก่ผู้ที่เราประสงค์จากปวงบ่าวของเรา และแท้จริงเจ้านั้น จะได้รับการชี้แนะสู่ทางอันเที่ยงธรรมอย่างแน่นอน
53. ทางของอัลลอฮฺ ซึ่งสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย และสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ พึงทราบเถิดกิจการทั้งหลายย่อมไปสู่อัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๕๑. และไม่ปรากฏสำหรับคนใดที่อัลเลาะห์จะทรงเจรจากับเขา นอกจากเป็นการดลโองการโดยตรงแก่เขาขณะนอนหลับหรือขณะตื่นหรือจากเบื้องหลังฉากกั้นโดยได้ยินแต่เสียงแต่ไม่เห็นสิ่งใด ๆ หรือพระองค์ทรงส่งทูตยิบรออีลให้นำโองการมาสืบทอดให้แล้วทูตนั้นก็ดลโองการจากพระองค์แก่นบีโดยอนุญาตของพระองค์ ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงพระองค์ทรงสูงส่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
๕๒. และเช่นนั้นเหมือนกันเราได้ดลมายังเจ้าซึ่งวิญญาณแห่งการงานของเราคืออัลกุรอานโดยที่เจ้าไม่เคยรู้มาก่อนว่า อะไรคือคัมภีร์ และอะไรคือศรัทธาแต่เมื่อได้รับโองการแห่งอัลกุรอานก็ทำให้ความรู้ได้งอกเงยขึ้นในดวงใจของนบีมุฮำมัด เท่ากับเป็นวิญญาณที่ทำให้จิตใจของศรัทธาชนทั้งหลายมีชีวิตขึ้นและแต่ทว่าเราได้ดลบันดาลอัลกุรอานให้เป็นรัศมี ซึ่งเราใช้มันชี้นำแนวทางแก่บุคคลที่เราประสงค์ จากมวลข้าทาสของเรา และแท้จริงเจ้านั้นทำการชี้นำมวลมนุษยชาติทั้งหลายไปสู่แนวทางอันเที่ยงตรงที่สุดนั่นคือหลักศาสนธรรมอิสลาม
๕๓. เป็นแนวทางแห่งอัลเลาะห์ซึ่งพระองค์ทรงเป็นเจ้าของสรรพสิ่งในชั้นฟ้าและสรรพสิ่งในผืนดินทั้งหมด ไม่ว่าจะเล็กน้อยหรือใหญ่โตก็ตาม พึงสังวร บรรดาการงานทั้งหลายย่อมกลับคืนสู่อัลเลาะห์ทั้งสิ้น แล้วอัลเลาะห์ก็จะพิจารณาตัดสินและตอบแทนไปตามความประพฤติของแต่ละคนอย่างยุติธรรม ไม่ลำเอียงและอธรรม


-------------------------------------------------------------------
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 42 อัชชูรอ


 

GoogleTagged