จอห์น ฟิลิปส์ เกิดและโตในครอบครัวยิวที่เคร่งครัด สมัยเรียนจอห์นถูกจัดอันดับให้อยู่ในหมู่ของเด็กเรียนดีคน ๑ เขาเป็นคนฉลาดและมักสอบได้คะแนนดีเป็นอันดับต้นๆของห้องเสมอ
บุคลิกของเขาเป็นคนช่างคิดช่างคุยช่างสังเกต นอกจากการเรียนตามระบบการศึกษาแล้ว ทุกวันเขาต้องกลับไปศึกษาศาสนาผ่านคัมภีร์โตราห์ที่บ้านกับแม่พร้อมกับพี่น้องคนอื่นๆเสมอ การศึกษาคัมภีร์โตราห์ถือเป็นเรื่องที่คนยิวจัดลำดับความสำคัญให้อยู่เป็นอันดับต้นๆ เมื่อเทียบกับเรื่องอื่นๆ ในชีวิตประจำวัน
สังคมของชาวยิวจะถูกสอนและปลูกฝังให้รักและภูมิใจในความเป็นยิว ซึ่งพอประเมินได้จากการที่พ่อแม่แต่ละบ้านสามารถถ่ายทอดความเป็นยิวให้แก่คนรุ่นลูกได้ดีแค่ไหน แค่นั้นแหละคือประสิทธิภาพที่จะประเมินตัวตนของครอบครัวนั้นว่ามีจิตวิญญาณความเป็นยิวที่ดีแค่ไหน
คนยิวถูกสอนให้รักตัวเองก่อนรักคนอื่น ที่สำคัญไม่มีศาสนาใดดีเลิศประเสริฐศรีเท่ายูดาย พวกเขาต่างภูมิใจและหยิ่งในความเป็นกลุ่มชนที่ถูกเลือกแล้วของพวกเขา
พวกเขาถูกสอนว่า อิสลามคือศัตรู สำหรับชาวยิวแล้วคริสเตียนไม่ได้จัดเป็นกลุ่มที่พวกเขาจะต้องเสียเวลา นั่นเพราะด้วยหลักตรีเอกานุภาพ (การศรัทธาในพระเจ้าเพียงองค์เดียวแต่มี 3 สภาวะ) ของคริสต์ก็เพียงพอแล้วที่ทำให้คริสต์ไม่ได้อยู่ในสายตาของชาวยิวมาแต่ไหนแต่ไร แต่สำหรับอิสลามนั้นไม่ใช่ และเวลาแต่ละะนาทีของพวกเขามีค่ามากมายกว่าการที่จะต้องไปจ่ายให้กับเรื่องไร้สาระ
ด้วยสิ่งแวดล้อมและการถูกปลูกฝังอย่างที่อยากให้เป็น โตขึ้นจอห์นจึงเลือกเรียนทางด้านนิเทศศาสตร์เพื่อหวังไว้ว่าสักวัน ๑ เขาสามารถใช้สิ่งที่เขาร่ำเรียนมาให้เกิดประโยชน์กับตัวเขาและศาสนาของเขาเองให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ด้วยความพยายามบวกความมุ่งมั่นและความตั้งใจอันเด็ดเดี่ยว ในที่สุดเขาก็ได้เป็นนักข่าวชื่อดังผลงานดีสมใจหวัง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาที่ได้ศึกษาและเก็บข้อมูลของศาสนาอิสลามมาพอสมควร ทุกครั้งที่เขามีโอกาสเขาจะพยายามสร้างภาพ/ ใส่ร้ายให้อิสลามเป็นศาสนาที่ดูแย่ที่สุดในสายตาชาวโลกผ่านทางการทำงานของเขา นั่นคือ นำเสนอข่าวยอดแย่อย่างยอดเยี่ยมเกี่ยวกับอิสลาม และข่าวส่วนใหญ่ที่ถูกปล่อยออกไปนั้นเป็นสิ่งที่ถูกบิดเบือนจากความจริงสุดๆ จนคนทั้งโลกที่รับข่าวสารเหล่านั้นมองเห็นแต่ด้านไม่ดีของอิสลามดั่งที่เขาเจตนาไว้ตั้งแต่ตอนแรกไม่มีผิด ช่วยไม่ได้แม้ยุคนี้เป็นยุคไฮเทคก็จริง แต่สิ่งมีชีวิตที่เรียกว่า ‘คน’ โดยส่วนใหญ่ของโลกใบนี้ เลือกที่จะรับข้อมูลข่าวสารโดยไม่ค่อยพิจารณาไตร่ตรองที่มาที่ไปของแหล่งที่มา ข้อเท็จ-จริงของข่าวสารกันเท่าใดนัก เข้าทางเขาที่สุด
วิธีการที่เขาทำอยู่มันค่อนข้างจะใช้ได้ดีทีเดียว คือ อิสลามถูกคนทั้งโลกร่วมประณามว่าแย่และน่ายี๊ที่สุด หลังจากนั้นผู้คนต่างหันมาศึกษาและค้นหาข้อเท็จจริงจากอิสลามกันอย่างจริงจังมากขึ้น มันดูเหมือนจะดีอยู่หรอกหากคนส่วนใหญ่ที่หันมาศึกษาอิสลามอย่างจริงจังนั้นมีเจตนาเพื่อแค่ดูน้ำหน้าของศาสนาอิสลามเท่านั้น หากไม่ใช่เพราะหลังจากการศึกษาและเก็บข้อมูลแล้ว ส่วนใหญ่จะหันเข้ามารับนับถืออิสลามในอัตราที่สูงขึ้นเรื่อยๆ อย่างน่าตกใจนั้น
เกิดอะไรขึ้น ? ..เป็นคำถามที่จอห์นต้องกลับมาทบทวน/ ถามย้ำตัวเองใหม่หลายครั้งอย่างแรงๆว่า มันเกิดข้อผิดพลาดตรงไหน ? ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ได้?
ในอิสลามมีอะไรกันแน่ ? เขาพยายามคิด หาคำตอบด้วยตัวเองอยู่หลายวัน ก็ไม่เจอคำตอบใดๆ นอกจากความเคืองใจพร้อมกับตัวเลขที่มีสูงขึ้นเรื่อยๆ ของผู้คนที่หันมารับนับถืออิสลาม ทว่าทุกอย่างที่คิดมันไม่ได้จบลงแค่ความคิดเท่านั้น จอห์นตัดสินใจเดินทางไปศึกษา สัมผัสความเป็นอิสลามอย่างจริงจัง และค้นหาตัวตนจริงๆ จากดินแดนที่เป็นแหล่งกำเนิดอิสลามในแถบแถวตะวันออกกลาง ในที่สุดจอห์นก็ได้พบเจอกับทางออกและคำตอบที่ดีอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน..