
คุตบะห์มัสยิดฮารูณ
วันศุกร์ที่ 11 มีนาคม 2554
ท่านพี่น้องผู้ศรัทธาที่เคารพ
อัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) ทรงส่งศาสนทูตของพระองค์มาสู่แต่ละประชาชาติ พร้อมกับสิ่งมหัศจรรย์และสัญญาณอันชัดแจ้ง และท่านนบีมุฮัมมัด(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)คือศาสนทูตที่อัลลอฮฺ(สุบหานะฮูวะตะอาลา)ทรงประทานมาพร้อมกับความมหัศจรรย์และสัญญาณอันชัดแจ้งที่จะคงอยู่ตราบจนวันสิ้นโลก หนึ่งในสัญญาณและสิ่งมหัศจรรย์นั้นคือ อัลกุรอานที่เป็นทั้งภูมิป้องกันและวิธีเยียวยารักษา
ซูเราะฮฺ ยูนุส 10:57
“โอ้มนุษย์เอ๋ย แท้จริงข้อตักเตือน (อัลกุรอาน) จากพระเจ้าของพวกท่าน ได้มายังพวกท่านแล้ว และ(มัน)เป็นการบำบัดสิ่งที่มีอยู่ในทรวงอก และเป็นการชี้แนะทาง และเป็นความเมตตาแก่บรรดาผู้ศรัทธา”
การตักเตือนและการย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของความหมายในอัลกุรอานนั้น ท่านนบีมุฮำมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ได้กระทำอย่างมีประสิธิภาพตามคำสั่งในอัลกุรอาน
ซูเราะฮฺก็อฟ 50:45
“เรารู้ดียิ่งถึงสิ่งที่เขากล่าว และเจ้ามิได้เป็นผู้มีอำนาจเหนือพวกเขา ดังนั้น เจ้าจงตักเตือนด้วยอัลกุรอานนี้แก่ผู้กลัวต่อสัญญาร้ายของข้า”
รายงานโดย อุมมุฮิชาม บินติ ฮาริซะฮฺ ว่า “เราเคยใช้ครัวร่วมกับท่านรอซูลุลลอฮฺ(ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม)เป็นเวลาสองปีหรือน้อยกว่านั้น ฉันไม่ได้ท่องซูเราะฮฺก็อฟ วั่ลกุรอานิ่ลม่ะญีด เลย นอกจากที่ได้ยินจากปากของท่านร่อซุลุลลอฮฺ (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) ท่านมักจะอ่านมันบนมิมบัรฺทุกวันศุกร์ในระหว่างทำการเทศนา ด้วยเหตุนี้ฉันจึงจำมันได้” (มุสลิม)
ซูเราะฮฺก็อฟ เป็นซูเราะฮฺที่ท่านนบีมุฮัมมัด (ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม) อ่านเวลามีการรวมตัวกันของมุสลิม เช่น วันอีดและวันศุกร์ เป็นซุเราะฮฺที่กล่าวถึงการกำเนิด การฟื้นคืนชีพ การถูกสอบสวน ไฟนรก และสรวงสวรรค์ รวมถึงรางวัลแก่ผู้ที่กระทำดีและการลงโทษแก่ผู้ที่กระทำผิด ซึ่งอัลลอฮฺทรงทราบดีที่สุด
ซูเราะฮฺก็อฟ 50:5
“เปล่าเลย พวกเขาปฏิเสธความจริงต่างหาก เมื่อมันได้มีมายังพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงอยู่ในภาวะที่สับสน”
อัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) ทรงอธิบายถึงผู้ที่ปฏิเสธสัจธรรมว่าอยู่ในภาวะที่สับสน ความอยากของเขาในโลกนี้จะขัดกับธรรมนูญของอัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) จึงทำให้การใช้ชีวิตแบบเห็นผิดเป็นชอบ สิ่งดีก็ว่าไม่ดี ส่วนสิ่งที่ไม่ดีกลับเห็นว่าดี อัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) สั่งให้พิจารณาถึงการสร้างสรรค์ของพระองค์ว่าสมบูรณ์แบบเพียงใด เพื่อให้มนุษย์ที่มีจิจสับสนคลายความสับสน และหันกลับมาเชื่อในพระเจ้าหนึ่งเดียว “6: พวกเขามิได้มองไปยังฟากฟ้าเหนือพวกเขาดอกหรือว่า เราได้สร้างมันและประดับมันไว้อย่างไร และมันไม่มีรอยหรือช่องโหว่เลย 7: และแผ่นดินนั้นเราได้แผ่ให้มันกว้างออกไป และในแผ่นดินนั้นเราได้ปักภูเขาไว้อย่างมั่นคง และในแผ่นดินนั้น เราให้พฤกษชาติทุกชนิดงอกเงยออกมาเป็นคู่ ๆ อย่างสวยงาม 8: เพื่อให้เป็นที่สังเกตและเป็นการตักเตือนให้ระลึกแก่บ่าวทุกคนผู้สำนึกผิด”
สิ่งที่น่าสังเกตคือ อัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) ให้พิจารณาฟากฟ้าและแผ่นดิน เพื่อเป็นการเตือนให้รำลึกและสำนึกผิด เนื่องด้วยเดชานุภาพของพระองค์ที่ทรงสร้างจักรวาลและสรรพสิ่งทั้งหลายในโลกนี้อย่างสวยงาม โดยไม่มีอะไรมาก่อนเลย เป็นการสร้างครั้งแรกที่สมบูรณ์แบบ ปราศจากช่องโหว่ เช่นท้องฟ้าของโลกที่เราอาศัยอยู่ แต่ด้วยน้ำมือมนุษย์ ท้องฟ้ากำลังเกิดช่องโหว่ขึ้นแล้ว ในจักรวาลนั้น คาดว่ามีดวงดาวไม่ต่ำกว่า เจ็ดแสนล้านล้านล้านล้านดวง อัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา) ทรงเดชานุภาพอย่างที่สุด เพราะทั้งหมดนี้เคลื่อนที่ไปตามคำสั่งของพระองค์ แล้วเหตุไฉนเราจึงไม่สำนึกผิดต่อพระองค์ที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกร
อัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา)ตรัสว่าอันมนุษย์ที่มีจิตใจสับสนนั้น พวกเขาไม่ค่อยสงสัยเกี่ยวกับการสร้างครั้งแรก แต่เกี่ยวกับการฟื้นคืนชีพต่างหาก และเป็นการง่ายที่พระองค์จะสร้างทุกอย่างขึ้นมาใหม่อย่างฉับพลัน
ซูเราะฮฺอัรรูม 30:27
“และพระองค์คือผู้ทรงเริ่มแรกในการสร้าง แล้วทรงให้มันกลับขึ้นมาอีก และมันเป็นการง่ายยิ่งแก่พระองค์ และคุณลักษณะอันสูงส่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธ์ของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจและผู้ทรงปรีชาญาณ”
อัลลอฮฺ (สุบหานะฮูวะตะอาลา)ทรงอธิบายให้พวกเราได้เข้าใจง่าย ๆ ว่าการสร้างซ้ำเป็นสิ่งที่ง่ายกว่า เช่น พระองค์ทรงสร้างพืชพรรณและปศุสัตว์ขึ้นมาครั้งแรก และหลังจากนั้นพระองค์ก็ให้สิ่งเหล่านั้นออกลูกออกหลานแพร่พันธุ์ไปโดยง่าย สำหรับมนุษย์การสร้างบ้านครั้งแรกเป็นเรื่องยาก แต่การสร้างครั้งที่สองก็เป็นการสร้างที่ง่ายกว่า แล้วเหตุใดมนุษย์จึงคิดว่า การที่พระองค์จะให้เราฟื้นคืนชีพขึ้นมาเป็นเรื่องยาก ทั้ง ๆ ที่พระองค์เพียงแต่ตรัสว่า จงเป็น แล้วทุกอย่างก็จะเป็นไปตามที่พระองค์ประสงค์คัดลอกจากเอกสารเผยแพร่ของมัสยิดฮารูณ