
อิบลิสได้โอกาสขึ้นกราบทูลต่ออัลลอฮตาอาลาอีกครั้ง
อิบลิส พูดว่า เมื่ออัยยุบหมดสิ้นทรัพย์สมบัติและลูกหลานวงศ์ตระกูลแต่ก็ยังไม่วายที่ยังคงในความอดทนเพราะว่าเขานั้นยังมีร่างกายแข็งแรงกำยำ เขาสามารถที่จะสร้างความร่ำรวยและสามารถสร้างลูกหลานได้อีกแน่นอน โอ้อัลลอฮขออณุญาติให้ข้าแก้ตัวใหม่อีกซักครั้งด้วยเถอะ ข้าจะทำให้ร่างกายที่แข็งแรงของเขากลายเป็นคนที่ทุพพลภาพ ด้วยโรคร้าย และข้านั้นจะทำให้ระองค์เห็นว่า ถ้าหากเขาประสบกับกับโรคร้ายในร่างกายของเขา แน่นอนเขาก็จะไม่ยืนหยัดในความภักดีต่อท่านในที่สุด
พระองค์อัลลอฮทรงรู้ดีถึงความภักดีของนบีอัยยุบ ถึงแม้นว่าเขาจะประสบกับการทดสอบอย่างหนักหน่วงสักเพียงใดก็ตามทีเขาก็ยังคงตั้งมั่นอยู่ในความจงรักภักดีต่อพระองค์ อิบลิสก็ได้รับโอกาสให้ทำการทดสอบต่อเขาอีกครั้ง
อิบลิสปรากฎตัวต่อนบีอัยยุบพร้อมทั้งสิงเข้าไปในร่างกายของเขา ซึ่งมาในรูปของโรคภัยใข้เจ็บที่ยากจะรักษา จนกระทั่งล้มหมอนนอนเสื่อ ยิ่งนานวันโรคร้ายกัดกินจนทำให้ร่างกายที่เคยแข็งแรงกำยำ จนในที่สุดผ่ายผอม หน้าตาซีดเซียว ยาวนานเป็นเดือนเป็นปีๆ จนในที่สุดเพื่อนฝูงที่เคยมาเยี่ยมเยียน บ้านใกล้เรือนเคียงที่เคยคบหากันมา ต่างทยอยเหินห่างเพราะคิดว่าอีกไม่นานท่านคงใกล้ตาย จนในที่สุดก็ไม่หลงเหลือใครสักคน ที่จะมาเยี่ยมเยือนถามสารทุกข์ คงมีอยู่เพียงคนเดียวที่เป็นเพื่อนข้างกายเสมอและไม่คอยคิดที่จะทอดทิ้งท่าน นั่นก็คือภรรยาของท่าน นามว่า รอฮมะฮ
นบีอัยยุบไม่เพียงแต่สูญสิ้นทรัพย์สินเงินทอง ลูกหลานสุดท้ายก็เพื่อนฝูง พวกเขาต่างปฏิเสธที่จะให้การช่วยเหลือเพียงเพราะว่ากลัวว่าโรคร้ายที่นบีอัยยุบกำลังประสบอยู่จะแพร่กระจายไปสู่พวกเขา อีกทั้งยังขยะแขยงที่จะเข้าใกล้นบีอัยยุบ จนในที่สุดพวกเขาก็ส่งตัวแทนเพื่อมาเจรจากับนางเราฮมะฮ
ชาวบ้าน พูดว่า โอ้เราะฮมะฮ พวกเรากลัวว่าโรคร้ายที่อัยยุบประสบอยู่จะแพร่กระจายมาสู่พวกเราและลูกหลานของพวกเรา เราขอให้ทั้งทั้งสองย้ายไปอยู่ที่อื่นซะเถอะ ถ้าท่านไม่ย้ายไปเองเราทั้งหมดก็จะบังคับพวกท่านให้ย้ายไป
เมื่อได้ยินดังนั้นนางเราะมะฮก็เศร้าใจและเสียใจเป็นอย่างมากจนไม่สามารถที่จะกลั้นน้ำตาร้องให้ จากความอัปยศที่ทั้งสองประสบอยู่ได้
นางเราะมะฮ รวบรวมแรงกายที่นางมีเพื่อพยุงสามีอันเป็นที่รักยิ่ง ออกจากหมู่บ้าน และทั้งคู่ก็ได้มาพักอาศัยอยู่ในกระท่อมหลังเล็กนอกหมู่บ้านนั้นตามลำพังสองคน ทั้งคู่ก็อยู่กันอย่างทรมานทั้งร่างกายและจิตใจ แต่ทั้งสองก็ยังคงยึดมั่นในอีหม่านและตักวาต่ออัลลอฮตาอาลาอย่างเหนียวแน่น และพร้อมที่จะทำใจในการโดนการทดสอบจากพระองค์
เพื่อการดำรงชีวิตของคนทั้งสอง นางเราะฮมะฮจำเป็นต้องรับผิดชอบทำงาน นางจึงยอมเป็นลูกจ้างทำโรตี ทุกเย็นนางจึงได้แผ่นโรตีเป็นค่าจ้าง จนกระทั่งนายจ้างสืบได้ว่านางคือภรรยาของนบีอัยยุบ ผู้ซึ่งกำลังเป็นโรคเรื้อน เขาจึงไม่ให้นางทำงานอีกต่อไป เพราะเกรงว่านางจะนำพาโรคเรื้อนมาสู่ตน จนในที่สุดทั้งสองจึงต้องตกอยู่กับความหิวโหย
เมื่อไม่ทานทนกับความหิวที่ทั้งสองกำลังประสบ นางจึงต้องจำเป็นทำอย่างหนึ่งอย่างใดขึ้นมา เพื่อให้ได้มากระทังความหิว นางจึงขออณุญาตินบีอัยยุบเพื่อออกไปทำธุระข้างนอก
นบีอัยยุบ ถามว่า โอ้เราะฮมะ เจ้าอย่าทิ้งข้าไปโดยปล่อยข้าใว้คนเดียว ข้าเกรงว่าถ้าเจ้าไป แล้วจะไม่กลับมาหาข้าอีก
นางเราะฮมะฮ ตอบว่า ไม่ต้องกังวล โอ้สามีข้า ตราบใดที่ชีวิตข้ายังอยู่ ข้าจะออกไปเพียงชั่วขณะแล้วจะกลับมาหาท่าน
นางก็ออกไป และไม่นานก็กลับมาหานบีอัยยุบ โดยในมือของนางมีโรตีและน้ำดื่ม เมื่อนบีอัยยุบเหลียวมองในมือของนางนั้น ท่านคิดว่าสิ่งที่นางได้มาโดยต้อองสูญเสียกับมีเกรียติของนาง นางก็รีบตอบแก่นบีอัยยุบว่าสิ่งที่นางได้มานั้น โดยการที่นางตัดผมตัวนางเอง และขายเพื่อได้เงินมาซื้ออาหาร ไม่ใช่ว่านางต้องแลกกับการสูญเสียความมีเกรียติของผู้หญิง เช่นนั้นไม่ นางกล่าวว่านางนั้นพยายามเสมอที่จะไม่กระทำสิ่งที่ทำให้อัลลอฮโกรธกริ้ว ทันใดนั้นนางก็เปิดผ้าคลุมของนางให้นบีอัยยุบดู เพื่อย้ำว่าสิ่งที่นางทำไปนั้นเป็นความจริง
เมื่อนบีอัยยุบเห็นผมของนางที่ตัดจนสั้น ทันใดนั้นท่านก็กลั้นน้ำตาเอาใว้ไม่อยู่ เพราะความสงสารที่มีต่อนาง เพราะท่านคิดว่าสิ่งที่มีค่าที่สุดของนางนอกจากจิตใจแล้ว คือผมที่สละสลวยของนาง
นางเราะฮมะฮกล่าวว่า ท่านไม่ต้องเสียใจหรอก ผมที่ตัดสั้นไปนั้น ไม่นานมันก็จะงอกงามเหมือนไหม่อีก อีกทั้งถ้ามันงอกมาใหม่ อาจจะสวยงามมากยิ่งกว่าเดิมก็ได้ นี่คือคำกล่าวปลอบใจของนางต่อสามีที่กำลังเศร้าโศก เมื่อได้ยินคำพูดของนาง นบีอัยยุบก็คลายความเศร้าลง
ในการรำลึกถึงอัลลอฮตาอาลานั้นนบีอัยยุบไม่เคยที่จะบกพร่องหรือแม้แต่เฉยเมย พร้อมทั้งขอดุอาอ์ต่อพระองค์เสมอ
นบีอัยยุบกล่าวว่า โอ้อัลลอฮ พระเจ้าแห่งมวลสากลโลก ข้าน้อมรับในสิ่งที่ท่านดึงเนี๊ยมัต ที่มาในรูปทรัพย์สมบัติเงินทอง ลูกหลานบริวารไปจากข้าพระองค์ หรือแม้นกระทั่งสุขภาพของข้าพระองค์ ข้าน้อมรับเสมอในสิ่งที่ท่านนำกลับไปเลือดและเนื้อของข้าพระองค์ แต่ข้าพระองค์จะขอเพียงอย่างนึงคือ ขอพระองค์อย่าทรงทำให้ข้าพระองค์สูญสิ้นสติปัญญาและลิ้นของข้าพระองค์ เพราะทั้งสองอย่างนั้นจำเป็นอย่างยิ่งในการที่จะระลึกและสดุดีพระองค์
อิบลิส เมื่อ เห็นว่าการทดสอบที่ตัวเองกระทำไปนั้น พูดได้ว่าเป็นการทดสอบที่สุดแสนทรมานและเป็นสุดยอดของความอดทนยากที่จะหาคนใดเหมือน มันก็ยังไม่หมดความพยายาม และมันก็พยายามคิดหาเล่ห์กลสุดท้าย ซึ่งครั้งนี่เป้าหมายของมันไม่ใช่นบีอัยยุบ แต่เป็นภรรยาของเขาคือนางเราะฮมะฮ
อิบลิสเข้าหานางและพยายามเกลี้ยกล่อมนาง โดยให้นางย้อนคิดถึงวันก่อนๆ ที่ทั้งคู่เต็มไปด้วยทรัพย์สินเงินทอง ความสะดวกสบายจากบริวาร มันพยายามยุแหย่ให้นางคำนึงถึง เมื่อครั้งก่อนกับที่ประสบอยู่ในตอนนี้ ซึ่งมันแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว ความอดอยากและความทรมานในขณะนี้มันไม่มีอะไรดี มันพยายามแทรกซึมในใจนางจนทำให้นางเกิดความรันทด และหมดกำลังใจ
วันหนึ่งขณะที่นางนั่งใกล้นบีอัยยุบ นางก็เกิดคำถามกับเขา
นางเราะฮมะฮ กล่าวว่า อัลลอฮจะทรงทดสอบท่านไปจนถึงเมื่อไหร่? ทรัพย์สมบัติของเราที่มีมันหายไปใหน? ลูกหลานของเราที่เคยมีเดี๋ยวนี้หมดสิ้น? ความแข็งแรงของท่านทำใมไม่เหมือนเดิม?
เมื่อได้ยินดังนั้นนบีอัยยุบถึงกับตกใจในคำถาม นางเริ่มที่จะเผยความในใจของนาง คำพูดที่บ่งบอกว่าหมดสิ้นในความอดทนและอีหม่าน นั่นก็หมายถึงคำพูดที่ลืมโดยสิ้นเชิงในพระองค์อัลลอฮ ที่เคยให้เนี๊ยมัต
นบีอัยยุบ กล่าวว่า ดูท่าทางว่าเจ้าจะโดนยุเหย่จากอิบลิสชัยตอน เจ้าเสียใจที่สูญเสียทรัพย์สินเงินทอง ความสะดวกสบายและความฟุ้งเฟ้อ เจ้าเสียใจต่อลูกหลานที่สิ้นชีวิต
นางเราะฮมะ กล่าวว่า ทำไมท่านจึงไม่ขอดุอาอ์ เพื่อให้เราหลุดพ้นจากความทรมานเช่นนี้ล่ะ?
นบีอัยยุบ กล่าวว่า กี่ปีที่เราอยู่ในความสะดวกสบายและมีความสุข
นางเราะฮมะฮ กล่าวว่า เป็นสิบๆปี
นบีอัยยุบ กล่าวว่า กี่ปีที่เราตกอยู่ในสภาพเช่นนี้
นางเราะฮมะฮ กล่าวว่า เจ็ดปี
นบีอัยยุบ กล่าวว่า ข้าละอายต่อพระองค์อัลลอฮ เพื่อที่จะให้หายจากความทรมานในตอนนี้ ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่นานเมื่อเทียบกับตอนที่สะดวกสบาย ตอนนี้ประจักษ์แล้วว่าอีหม่านของเจ้านั้นเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป เจ้าไม่ต้องมาดูแลข้า ข้าจะไม่กินอาหารที่เจ้าทำ ข้าจะไม่ดื่มน้ำที่เจ้าหามาให้ และนับตั้งแต่นี้เจ้าสมควรที่ต้องไปจากข้า เมื่อไหร่ที่ข้าหายดี ข้าจะโบเจ้าหนึ่งร้อยที โทษฐานที่เจ้าอีหม่านสั่นคลอน ปล่อยให้ข้าอยู่ตัวคนเดียวเผชิญกับตักเดรของอัลลอฮ
นบีอัยยุบขึ้นชื่อว่าอีหม่านถึงระดับขั้นสูงสุด และได้หลุดพ้นจากการกลั่นแกล้งของอิบลิสชัยตอน อัลลอฮตาอาลาเลยลงวาฮยูแก่ท่าน
อัลลอฮ ซ.บ ตรัสว่า โอ้ อัยยุบ เจ้าจงขยับขาของเจ้า เจ้าจะได้พบกับตาน้ำ และเจ้าจงนำน้ำนั้นดื่ม แน่นอนเจ้าจะกลับคืนสู่สภาพเดิม
ทันใดนั้นนบีอัยยุบก็ขยับขาและมีน้ำพวยพุ่งขึ้นมาและดื่มกิน ในที่สุดท่านก็หายจากโรคร้ายทันทีทันใด มิหนำซ้าร่างกายก็แข็งแรงยิ่งกว่าเก่าเดิมที
นางเราะฮมะฮซึ่งเคยจากท่านนบีอัยยุบตอนขณะยังป่วย ก็มีเหตุดลจิตดลใจของนางให้คิดถึงนบีอัยยุบ และมีความต้องการที่จะมาเยี่ยมนบีอัยยุบ เมื่อนางเข้าประตู ก็เจอบุรุษรูปงาม และนางก็ลังเลและคิดว่าบุรุษผู้นั้นคือใคร ทันใดนั้นนั้นนบีอัยยุบจึงเรียกนางเข้ามาและจับมือของนาง จนในที่สุดนางก็ตื่นจากภวังค์และมั่นใจว่าบุรุษคนนั้นคือสามีของนางนบีอัยยุบ และทั้งสองก็ซูโกรต่ออัลลอฮตาอาลาที่พระองค์ทรงประทานให้ดีเหมือนเดิม
จากนั้นอัลลอฮตาอาลามีวาฮยูให้นบีอัยยุบ รวบรวมต้นหญ้าที่แห้งและมัดรวมกันหนึ่งร้อยต้น และรับสั่งให้ตีนางเพียงเบาๆ เพื่อเป็นการไถ่ในคำสาบานที่นบีอัยยุบเคยสาบานเอาใว้
ไม่นานหลังจากนั้นอัลลอฮตาอาลาก็ทรงเมตตาให้นบีอัยยุบกลับมาร่ำรวยและมีลูกหลานมากมายและมากกว่าเก่าเป็นหลายเท่า และทั้งหมดนั้นยืนหยัดอยู่ในอีหม่านต่ออัลลอฮตาอาลา
แปลและอ้างอิงจากหนังสือ Rangkaian Cerita dalam Al-Qur’an: Bey Arifin
อัลกุรอ่าน
ซูเราะฮ ซอด 41-44
ซุเราะฮ อัลอัมบิยาอ 81-83
ซูเราะฮ อัล-อัลอาม 84