หลังจากเสร็จสิ้นละหมาด ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ก็หันมายังที่น้องมุสลิมพร้อมกับกล่าวว่า โอ้พี่น้องมุสลิมทั้งหลายขออำลาท่านทั้งหลาย ตามพระประสงค์แห่งองค์พระผู้เป็นเจ้า ขอให้ท่านทั้งหลายมีความยำเกรงต่ออัลเลาะฮ์ ปฏิบัติตามคำสั่งของพระองค์ วันนี้เป็นวันอาคิเราะฮ์ วันแรกของฉัน และเป็นวันสุดท้ายแห่งดุนยาของฉัน จากนั้น ท่านก็ค่อย ๆ พยุ่งร่างของท่านเดินกลับบ้าน แล้วอัลเลาะฮ์ได้วาฮีให้มาลิกุลเม้าต์ลงมาพบท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม โดยให้จำแลงร่างมาสู่ที่รักของฉัน หากร่อซูลุลเลาะฮ์ให้ท่านเข้าไปในบ้านแล้ว ก็จะเข้าไป แต่หากร่อซูลุลเลาะฮ์ไม่อนุญาติท่านอย่าได้เข้า ท่านจงกลับมา แล้วมาลิกุลเม้าต์ก็ลงไปโดยจำแลงร่างเป็นบายบ้านนอก
เมื่อมาลิกุลเม้าต์ไปถึง ท่านได้กล่าว สลามว่า อความสัติสุขจงประสบแด่ครอบครัวของท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม แล้วกล่าวถามว่าอนุญาติให้ฉนเขบ้าไปได้หรือไม่ ฟาติมะฮ์ ตอบว่า โอ้ อับดุลเลาะฮ์ (คือมาลิกุลเม้าต์) ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์กำลังป่วยหนัก มาลิกุลเม้าต์ ได้ให้สลามอีกครั้งในสำนวนเดิม ซึ่งในครั้งนี้ ร่อซูลุลเลาะฮ์ ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงได้ถามฟาติมะฮ์ว่า ใครมา นางตอบว่า ชายบ้านนอกคนหนึ่งได้มาหาท่าน ซึ่งฉันได้บอกเขาแล้วว่าท่านป่วย ปรากฏว่าชายผู้นั้นเขาเพ่งมองฉันจนเนื้อตัวของฉันสั่นสะท้านเพราะความกลัว อีกทั้งหัวใจเต้นระริ้วผิวกายเปลี่ยนสี ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ได้ถามฟาติมะฮ์ว่า ลูกรู้ไหม ว่าเขาคนนั้นคือใคร นางตอบว่า ไม่ทราบ ท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม จึงบอกนางว่า เขาผู้นั้นคือผู้พิชิตความอร่อย ผู้สยบความอยาก ผู้ทำให้ต้องพลัดพราก ผู้ทำให้ครอบครัวอยู่ในอาการโศกเศร้า ฟาติมะฮ์ร้องไห้สะอึกสะอื้น พลางรำพึงออกมาว่า โอ้ท่านร่อซูลุลเลาะฮ์ โอ้บิดา ท่านกำลังจะจากไปแล้วหรือ? วันนี้หรือที่เป็นวันซึ่งจะไม่มีวาฮีประทานมาอีกแล้ว เป็นที่ท่านจะไม่พูดกับลูกอีกแล้ว เป็นวันที่ลูกจะไม่ได้ยินเสียงสล่ามจากท่านอีกแล้ว