สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 84 - 86คำอ่าน84. วะฮุวัลละซี ฟิสสะมา...อิ อิลาฮู..วะฟิลอัรฺฎิอิลาฮฺ วะฮุวัลหะกีมุลอะลีม
85. วะตะบาเราะกัลป์ละซี ละฮูมุลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะมาบัยนะฮุมา วะอิน..ดะฮู อิลมุสสาอะติ วะอิลัยฮิตุรฺญะอูน
86. วะลายัมลิกุลละซีนะ ยัดอูนะมิน..ดูนิฮิชชะฟาอะตะ อิลลามัน..ชะฮิดะบิลหักกิ วะฮุมยะอฺละมูนคำแปล R1.84. It is He (Allah) who is the only Ilah (God to be worshipped) in the heaven and the only Ilah (God to be worshipped) on the earth. And He is the All-Wise, the All-Knower.
85. And blessed be He to whom belongs the Kingdom of the heavens and the earth, and all that is between them, and with whom is the knowledge of the Hour, and to whom you (all) will be returned.
86. And those whom they invoke instead of Him have no power of intercession; except those who bear witness to the truth (i.e. believed in the Oneness of Allah, and obeyed his Orders), and they know (the facts about the Oneness of Allah) .คำแปล R2.84. และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า(ที่ต้องได้รับการนมัสการ)ทั้งในฟากฟ้าและในแผ่นดิน และพระองค์ทรงปรีชาญาณยิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง
85. และทรงความจำเริญ พระผู้ทรงอำนาจแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน รวมทั้งสรรพสิ่งระหว่างทั้งสอง และพระองค์ทรงรอบรู้ใน(กำหนดของ)กาลปาวสานโลก(แต่เพียงพระองค์เดียว) และพวกเจ้าต้องกลับคืนไปสู่พระองค์อย่างแน่นอน
86. และบรรดาผู้วอนนมัสการสิ่งอื่นนอกเหนือจากพระองค์ ย่อมไม่มีอำนาจสงเคราะห์(แก่ผู้ใดได้) ยกเว้นผู้สักขียืนยันในหลักสัจธรรม (ด้วยการศรัทธาในอัลเลาะฮฺเพียงองค์เดียวโดยแท้จริง) และพวกเขารู้(อย่างมั่นคงในหลักการที่ตนศรัทธา มิใช่ศรัทธาตามผู้อื่น ซึ่งคนพวกนี้แหละที่มีสิทธิ์สงเคราะห์ผู้อื่นได้)คำแปล R3.84. และพระองค์เท่านั้นคือพระเจ้าในชั้นฟ้าทั้งหลายและพระเจ้าแห่งแผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้
85. มหาจำเริญคือพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าของอาณาจักรแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างนั้น พระองค์เท่านั้นที่มีความรู้เรื่องยามอวสาน และยังพระองค์ที่สูเจ้าจะถูกนำกลับไป
86. บรรดาผู้ที่เขาวิงวอนนอกไปจากพระองค์นั้นไม่มีอำนาจที่จะขอไถ่โทษ นอกไปจากผู้ยืนยันสัจธรรมด้วยความรู้คำแปล R4.84. และพระองค์คือพระผู้เป็นเจ้าแห่งชั้นฟ้า และพระผู้เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน และพระองค์เป็นเจ้าแห่งแผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้
85. ความเจริญสุขจงมีแด่พระผู้ซึ่งอำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ในระหว่างทั้งสองเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และ ณ ที่พระองค์นั้นคือความรอบรู้แห่งยามอวสาน และยังพระองค์เท่านั้นที่พวกเจ้าจะถูกนำกลับไป
86. และบรรดาผู้ที่วิงวอนขอสิ่งอื่นจากพระองค์นั้น จะไม่มีอำนาจในการขอชะฟาอะฮฺ นอกจากผู้ยืนยันเป็นพยานด้วยความจริง และพวกเขารู้ดีคำแปล R5.๘๔. และพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่ต้องได้รับนมัสการในชั้นฟ้า และทรงเป็นพระเจ้าในแผ่นดิน และพระองค์ทรงปรีชาญานยิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง
๘๕. และทรงไว้ซึ่งความมงคลอัลเลาะห์ผู้ทรงสิทธิแห่งชั้นฟ้าและแผ่นดิน และสรรพสิ่งที่มีอยู่ในระหว่างทั้งสองนั้นและความรอบรู้เกี่ยวกับวาระแห่งการอุบัติของกาลสลายแห่งโลกหน้าเป็นของพระองค์ไม่มีใครสามารถทราบได้และพวกเจ้าต้องกลับสู่พระองค์เพื่อรอรับคำพิพากษาของพระองค์
๘๖. และบรรดาเจว็ด หรือวัตถุบูชาอื่นใดที่พวกเขาวอนขอนอกเหนือจากพระองค์อัลเลาะห์ยกเว้นบุคคลที่ปฏิญาณตน ด้วยคำปฏิญาณอันเป็นสัจจะนั่นคือ “ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮฺ มุฮัมมะดุรฺรอซูลุลเลาะห์” และพวกเขาย่อมรู้ดีในสิ่งที่พวกเขายึดมั่นและรับรอง นั่นคือพวกนัสรอนีกราบไหว้นบีอีซา พวกยะฮูดี กราบไหว้อุซัยร และพวกอาหรับบะนูมุลีห์กราบไหว้มลาอิกะห์สูเราะฮฺ อัซซุครุฟ อายะฮฺที่ 87 - 89คำอ่าน87. วะละอิน..สะอัลตะฮุม..มันเคาะละเกาะฮุม ละยะกูลุน..นัลลอฮุ ฟะอัน..นายุอ์ฟะกูน
88. วะกีลิฮี ยาร็อบบิ อิน..นะฮา...อุลา...อิก็อวมุลลายุอ์มินูน
89. ฟัศฟะหฺอันฮุม วะกุลสะลาม ฟะเสาฟะยะอฺละมูนคำแปล R1.87. And if you ask them who created them, they will surely say: "Allah". How then are they turned away (from the Worship of Allah, who created them)?
88. (Allah has knowledge) of (Prophet Muhammad's) saying: "O my Lord! Verily, these are a people who believe not!"
89. So turn away from them (O Muhammad), and say: Salam (peace)! But they will come to know.คำแปล R2.87. ขอยืนยัน! แท้จริงหากพวกเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครเล่าที่บันดาลพวกเขา?” แน่นอนที่สุด พวกเขาต้องตอบว่า “อัลเลาะฮฺ!” แล้วไฉนเล่า พวกเขาจึงถูกผันแปร(จากการศรัทธาพระองค์)?
88. และ(พระองค์ทรงรอบรู้)คำพูดของเขา(มูฮำมัดที่ว่า) “โอ้ผู้ทรงอภิบาล! แท้จริงพวกเหล่านี้ล้วนเป็นกลุ่มชนที่ไม่ศรัทธา(ทั้งสิ้น)”
89. (อัลเลาะฮฺทรงตรัสตอบแก่นบีมูฮำมัดว่า) “ดังนั้นเจ้าจงเมินเฉย(อย่าถือโทษ)พวกเขาเถิด และจงพูดว่า สันติสุข! (จงประสบแก่พวกท่าน) แล้วพวกเขาจะได้รู้ในโอกาสต่อไป(ว่าพวกเขาจะได้รับผลตอบแทนประการใดบ้าง)คำแปล R3.87. และถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่าใครเป็นผู้สร้างพวกเขามา พวกเขาจะกล่าวว่า “อัลลอฮฺ” แล้วพวกเขาก็ยังหันไปทางอื่นอีกหรือ?
88. และด้วยคำพูดนี้ของรอซูล “ข้าแต่พระผู้อภิบาล คนเหล่านี้คือหมู่ชนผู้ไม่ศรัทธา”
89. ดังนั้น (โอ้ นบี) จงอดทนต่อพวกเขาและกล่าว “สันติจงมีแด่ท่าน” ในไม่ช้าพวกเขาจะได้รู้คำแปล R4.87. และถ้าพวกเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างพวกเขา แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮฺ แล้วทำไมเล่าพวกเขาจึงหันเหออกไปทางอื่น
88. และจะมีเสียงกล่าวของเขาว่า ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ แท้จริงชนเหล่านั้นเป็นหมู่ชนที่ไม่ศรัทธา
89. ดังนั้น เจ้าจงให้อภัยแก่พวกเขา และจงกล่าวว่าศานติ แล้วพวกเขาก็จะรู้คำแปล R5.๘๗. และหากแม้นเจ้าซักถามพวกเขาว่าใครกันหนอที่บันดาลพวกเขาให้เกิดมาแน่นอนพวกเขาจะกล่าวตอบว่า อัลเลาะห์เป็นผู้ทรงบันดาลแต่แล้วไฉนเล่าพวกเขาจึงหันออกจากการนมัสการพระองค์ทั้ง ๆ ที่ยอมรับว่าพระองค์ทรงบันดาล
๘๘. และมุฮำมัดเขากล่าวว่า โอ้ผู้ทรงอภิบาล แท้จริงพวกเหล่านี้เป็นกลุ่มชนที่ไม่ยอมรับศรัทธาในสัจธรรมของพระองค์
๘๙. ดังนั้น ขอพระองค์ได้โปรดยกโทษแก่พวกเขาด้วยเถิด และขอพระองค์ได้ทรงโปรดประทานสันติสุขแก่พวกเขาด้วยเถิดแล้วต่อไปพวกเขาก็รู้เองว่าที่พวกเขาคัดค้านนั้นเป็นความโง่เขลาของพวกเขาเอง----------------------------------------------------------------------
ดำรัสแห่งอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 43 อัซซุครุฟ