ผู้เขียน หัวข้อ: เศรษฐีกับชาวนา..  (อ่าน 2774 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
เศรษฐีกับชาวนา..
« เมื่อ: มิ.ย. 10, 2011, 05:01 PM »
+3


 


มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่งสุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชายวัยห้าขวบของเขากำลังจะ ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง
ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้นจึง จะมีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้
โดยส่วนตัวของเขาเองก็ อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีใน โรงเรียน
ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียว ไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆแล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง ”ความยากจน”

เพราะ เขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอนเขาจึงพอลูกชายไป เยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง
และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืนเมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมามหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชาย
ได้ อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจนลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดาว่าเขาขอ ขอบคุณเป็นอย่างมาก
ที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนาและพักแรมที่นั่น ซึ่งทำให้เขาได้พบว่า....

ชาวนามีที่ทำ งานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่
ในขณะ ที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา

อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลารอบๆ บริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหา
ในขณะ ที่บ้านของเรามีตู้เย็นเท่านั้นที่ เป็นที่เก็บอาหาร

เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อม ตาพ่อแม่ลูก
ในขณะที่ตัวเองก็ต้อง นั่งทานอาหารกับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตรและ มีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน

ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจาก จักรยาน
แต่เขาเองต้องนั่งในรถที่ ใหญ่โตอยู่ ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่

ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟ ส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน
แต่เขาก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ ต้องซื้อด้วยเงิน

ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูก ตา
แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบ ล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่

ลูกชาวนา ได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน
แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย

เขาขอบ คุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า....
จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก

(ปล. อ่านแล้วชอบเลยเอามาฝาก  ;D)

ที่มา



ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ tholeeb

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 51
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.ค. 31, 2011, 08:08 PM »
0
 :salam:
บังเอฺิญอ่านเจอ....เลยเอาฝากเช่นกันครับ
 fouet:
من هو الغني ومن هو الفقير
--------------------------------
كان هنآك رجل ثري جداً...
أخذ أبنه معه في رحله إلى بلد فقير                                                                           
ليرى أبنه كيف يعيش الفقراء
 وقد أمضـوا أيامـاً وليالي
 في مزرعة تعيش فيها أسرة فقير
وفي طريق العودة سأل الأب أبنه !!
 كيف كانت الرحلة ؟

قال الابن :كانت الرحلة ممتازة
قال الأب :هل رأيت كيف يعيش الفقراء ؟
قال الابن :نعم
قال... الأب :إذآ أخبرني ماذا تعلمت من هذه الرحلة ؟

قال الابن :لقد رأيت أننا نملك كلباً واحداً
والفقراء يملكون أربعه
ونحن لدينا مسبح وسط حديقتنا
 وهم لديهم جدول ليس لهُ نهاية

لقد جلبنا الفوانيس لنضيء حديقتنا
 وهم لديهمـ النجومـ تتلألأ في السماء
باحة بيتنا تنتهي عند الحديقة الأمامية
 وهمـ لهمـ امتداد الأفق

لدينا مساحه صغيره نعيش عليهآ

وعندهمـ مساحات تتجاوز تلك الحقول

لدينا خدمـ يخدموننا ..
 وهم يقومون بخدمة بعضهم البعض

نحن نشتري الطعام ..
 وهم يأكلـون مايزرعون

نحن نمتلك جدراناً عاليه لكي تحمينا
 وهمـ يملكون أصدقاء يحمونهم

كل هذا والأب صامت

وأردف الطفل قائلاً :

شكراً لكـ ياأبي لأنكـ أريتني كيف أننآ فقــــــــراء


 :salam: myGreat:

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.ย. 18, 2011, 05:19 PM »
0

^
ว่ะอะลัยกุ้มมุสลาม ว่ะเราะฮฺมาตุ้ลลอฮฺ ว่ะบะร่อกาตุฮฺฯ
รบกวนแปลเป็นภาษาไทยให้พี่น้องได้เข้าใจด้วยคะน้องฏอลิบ..   ;D



ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ tholeeb

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 51
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ก.ย. 18, 2011, 07:51 PM »
0
 :salam:
ความหมายก็อยู่ประมาณนี้แหละครับ.........


 


มหาเศรษฐีเกือบจะชราผู้หนึ่งสุดแสนจะภูมิใจที่ลูกชายวัยห้าขวบของเขากำลังจะ ได้เข้าเรียนในโรงเรียนชื่อดัง
ซึ่งระดับเศรษฐีอย่างพวกเขาเท่านั้นจึง จะมีปัญญาส่งลูกหลานเข้าเรียนในโรงเรียนนี้ได้
โดยส่วนตัวของเขาเองก็ อยากจะสอนให้ลูกชายรู้จักกับชีวิตจริงในโลกควบคู่ไปกับการสอนทฤษฏีใน โรงเรียน
ในวันหยุดเขาจะตระเวนพาลูกชายคนเดียว ไปท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆแล้ววันหนึ่งเขาก็คิดถึงหัวข้อการสอนเรื่อง ”ความยากจน”

เพราะ เขามีความเชื่อว่าลูกชายของเขาคงไม่มีวันรู้จักแน่นอนเขาจึงพอลูกชายไป เยี่ยมครอบครัวชาวนาครอบครัวหนึ่ง
และพักอยู่กับชาวนาเป็นเวลา 1 วัน 1 คืนเมื่อกลับถึงคฤหาสน์ของเขาในวันต่อมามหาเศรษฐีก็จะทดสอบว่าลูกชาย
ได้ อะไรบ้างจากการไปพักแรมกับชาวนาผู้ยากจนลูกชายตอบคำถามผู้เป็นบิดาว่าเขาขอ ขอบคุณเป็นอย่างมาก
ที่ได้พาเขาไปพบกับชาวนาและพักแรมที่นั่น ซึ่งทำให้เขาได้พบว่า....

ชาวนามีที่ทำ งานเป็นท้องนาที่กว้างใหญ่
ในขณะ ที่พ่อมีเพียงห้องสี่เหลี่ยมที่ว่ากว้าง แต่ก็ยังน้อยกว่าห้องทำงานของชาวนา

อาหารที่ชาวนารับประทานสามารถหาได้ตลอดเวลารอบๆ บริเวณบ้านโดยไม่ต้องซื้อหา
ในขณะ ที่บ้านของเรามีตู้เย็นเท่านั้นที่ เป็นที่เก็บอาหาร

เวลารับประทานอาหารก็มีเพื่อนคุยอย่างพร้อมหน้าพร้อม ตาพ่อแม่ลูก
ในขณะที่ตัวเองก็ต้อง นั่งทานอาหารกับโต๊ะอาหารที่ยาวเกือบสิบเมตรและ มีเก้าอี้ว่างเปล่าทั้งสองด้าน

ลูกชาวนาที่ซ้อนท้ายจักรยานของพ่อเขาต้องกอดเอวพ่อให้แน่นเพื่อจะได้ไม่ตกจาก จักรยาน
แต่เขาเองต้องนั่งในรถที่ ใหญ่โตอยู่ ข้างหลังเพียงลำพังโดยมีคนขับรถพาไปทุกที่

ชาวนามีแสงดาวแสงจันทร์เป็นโคมไฟ ส่องสว่างตลอดเวลาในเวลากลางคืนโดยไม่ขาดแคลน
แต่เขาก็มีเพียงแสงจากโคมไฟที่ ต้องซื้อด้วยเงิน

ชาวนามีรั้วบ้านเป็นแม่น้ำภูเขาที่กว้างสุดลูกหูลูก ตา
แต่เขาเองกลับมีเพียงแค่กำแพงบ ล๊อคในพื้นที่ไม่กี่ไร่

ลูกชาวนา ได้มีเพื่อนเล่นเป็นจิ้งหรีดหิ่งห้อยนับร้อยนับพัน
แต่เขาเองกลับไม่มีใครเลย

เขาขอบ คุณพ่ออีกครั้งที่ทำให้เขารู้คำตอบว่า....
จริงๆ แล้ว.......เรายากจนกว่าชาวนามาก

(ปล. อ่านแล้วชอบเลยเอามาฝาก  ;D)

ที่มา



;D
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 18, 2011, 08:18 PM โดย webmaster »

ออฟไลน์ webmaster

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • *****
  • กระทู้: 151
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
    • นักศึกษาซุนนะฮ์
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ก.ย. 18, 2011, 08:16 PM »
0
ใช้อ้างอิงผิด

ขออนุญาตแก้ไขนะครับ


แก้ไขซ้ำซ้อน  fouet:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ย. 18, 2011, 08:18 PM โดย webmaster »

มาร่วมมือร่วมใจกันลดภาระของผู้ดูแลง่ายๆ ด้วยวิธี
  • ค้นหากระทู้ ก่อนตั้งคำถามใหม่
  • โพสให้ถูกที่ถูกทางถูกกระทู้ถูกหมวดหมู่
  • ใช้อีเมลที่ถูกต้องและมีอยู่จริง -- ผู้ดูแลไม่ไหวจะเชคเมลที่มาจากระบบเตือนว่าเมลนั้นไม่มีถูกต้อง


ออฟไลน์ คนเดินดิน

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1620
  • ขอให้ได้รับความโปรดปรานจากพระผู้ทรงเมตตาด้วยเถิด
  • Respect: +17
    • ดูรายละเอียด
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #5 เมื่อ: ก.ย. 19, 2011, 11:49 AM »
0
:salam:
บังเอฺิญอ่านเจอ....เลยเอาฝากเช่นกันครับ
 fouet:
من هو الغني ومن هو الفقير
--------------------------------
كان هنآك رجل ثري جداً...
أخذ أبنه معه في رحله إلى بلد فقير                                                                           
ليرى أبنه كيف يعيش الفقراء
 وقد أمضـوا أيامـاً وليالي
 في مزرعة تعيش فيها أسرة فقير
وفي طريق العودة سأل الأب أبنه !!
 كيف كانت الرحلة ؟

قال الابن :كانت الرحلة ممتازة
قال الأب :هل رأيت كيف يعيش الفقراء ؟
قال الابن :نعم
قال... الأب :إذآ أخبرني ماذا تعلمت من هذه الرحلة ؟

قال الابن :لقد رأيت أننا نملك كلباً واحداً
والفقراء يملكون أربعه
ونحن لدينا مسبح وسط حديقتنا
 وهم لديهم جدول ليس لهُ نهاية

لقد جلبنا الفوانيس لنضيء حديقتنا
 وهم لديهمـ النجومـ تتلألأ في السماء
باحة بيتنا تنتهي عند الحديقة الأمامية
 وهمـ لهمـ امتداد الأفق

لدينا مساحه صغيره نعيش عليهآ

وعندهمـ مساحات تتجاوز تلك الحقول

لدينا خدمـ يخدموننا ..
 وهم يقومون بخدمة بعضهم البعض

نحن نشتري الطعام ..
 وهم يأكلـون مايزرعون

نحن نمتلك جدراناً عاليه لكي تحمينا
 وهمـ يملكون أصدقاء يحمونهم

كل هذا والأب صامت

وأردف الطفل قائلاً :

شكراً لكـ ياأبي لأنكـ أريتني كيف أننآ فقــــــــراء


 :salam: myGreat:

แปลด้วย

อยากรู้ว่าไร?

ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ

วัสสลาม
เพราะรู้ดีว่าเป็นเพียงหนึ่งคนที่อ่อนแอ  จึงทำให้คำนึงถึงคุณค่าของหนึ่งชีวิต  โปรดชี้แนะแนวทางที่เที่ยงตรงด้วยเถิด  ยาร็อบบี  سَلَّمْنَا مُسْلِمِيْنَ وَمُسْلِمَاتٍ فِي الدُّنْيَا وَ الأخِرَةِ

ออฟไลน์ hiddenmin

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2453
  • เพศ: ชาย
  • 404 not found
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
    • Ikhlas Studio
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #6 เมื่อ: ก.ย. 19, 2011, 11:53 AM »
0
วอลัยกุมุสลาม

พี่น้อง tholeeb ตอบไปแล้วว่า

:salam:
ความหมายก็อยู่ประมาณนี้แหละครับ.........


;D

ออฟไลน์ กูปีเยาะฮฺสะอื้น

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1679
  • เพศ: ชาย
  • ที่สุดแห่งชีวิต
  • Respect: +14
    • ดูรายละเอียด
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #7 เมื่อ: ก.ย. 19, 2011, 05:59 PM »
0
สุโค่ย
มีหลักเกณฑ์ ยึดหลักการ มีหลักฐาน มั่นหลักธรรม

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: เศรษฐีกับชาวนา..
« ตอบกลับ #8 เมื่อ: พ.ย. 30, 2013, 08:57 PM »
0
ขุดค่ะ...

ชอบมากๆ...

เพราะเหมือนที่เพื่อนข้าน้อยที่เป็นคนกรุงเทพฯพูดให้ฟัง...
ตอนนั้นเพื่อนถามว่า หยุดยาวครั้งนี้จะไปเที่ยวที่ไหน...
ก็เลยบอกเพื่อนว่า...

"กลับบ้านนอกจ้า..."
เพื่่อนเหมือนจะหมั่นไส้ เลยพูดว่า..
"ดูเธอจะภูมิใจกับคำว่าบ้านนอกตอนพูดซะจริงๆนะ..."
"อ่ะแน่นอน...ที่นั่นมีอะไรดีๆมากมายรอฉันให้กลับไปอยู่น่ะสิ..."
ก็เลยบรรยายบรรยากาศที่บ้านนอกให้เพื่อนฟัง เพื่อนก็เลยพูดขึ้น
"อิจฉาคนมีบ้านนอกให้กลับขึ้นมาแล้วสิ เรามีแค่บ้านที่นี่
อากาศก็แสนจะแย่ และไม่มีท่าว่าจะดีขึ้น...บ้านเมืองก็เสื่อมโทรมลงทุกวัน..."

ก็เลยแนะนำเพื่อนไปว่า ถ้าอยากมีบ้านนอกให้กลับ ก็แต่งงานกับคนบ้านนอกสิ
รับรองว่าจะได้มีบ้านนอกให้กลับ...เพื่อนสาวเลยแอบกรี๊ดราวกับโดนใจ...

หลายๆคนอาจจะภาคภูมิใจกับการได้บอกใครๆว่าเป็นคนกรุงเทพฯ
แม้แต่ไม่ใช่คนกรุงเทพดั้งเดิม ก็อยากจะกลายเป็นคนกรุงเทพ
แต่ให้ยังไง ข้าน้อยก็ภูมิใจที่จะบอกคนที่ถามไปเสมอว่า
ตัวเองเป็นคนพัทลุง...เกิดและโตที่นั่น เรียนที่นั่นจนจบม.หก
เป็นลูกชาวสวนยาง ชาวนา และมีพ่อที่จบป.สี่ แต่สามารถออกแบบบ้าน
สร้างบ้านให้ผู้คนมามากมายหลายหลัง จะบอกว่าพ่อจบสถาปัต
หรือวิศวโยธามาก็ไม่กล้า เพราะไม่มีใบปริญญาการันตีความสามารถ...
แต่ก็กล้้าบอกว่าพ่อเป็นสถาปนิกและเป็นวิศกรโยธาโดยหลักปฏิบัติ...
เพราะบ้านที่พ่อออกแบบและสร้างมา ไม่ว่าจะหลังไหนก็สามารถผ่านพายุฝนมาได้
เป็นสิบๆปีแล้ว...แม้แต่กระท่อมก็ยังสู้ฝนฟ้ามาได้...

ดังนั้น...ไม่ว่าเราจะเกิดมาเป็นลูกใคร...ไม่สำคัญเท่ากับเรา
เห็นคุณค่าของสิ่งที่มีและสิ่งที่ได้รับมาหรือไม่...
หากเรามองเห็นคุณค่า ทุกอย่างที่เรามีก็ย่อมมีค่าสำหรับเราเสมอ...
แม้แต่ผืนดินอันน้อยนิดที่พ่อแม่ของเรามอบเป็นมรดกแก่เรา
เราก็ยินดีกับมันและรู้คุณค่าของมันด้วยการเก็บรักษาดูแลต่อไป...

และไม่ว่าบ้านเราจะขนาดเท่าไหร่ หรือพ่อแม่เรามีอาชีพอะไร
ก็ไม่มีเกียรติเท่ากับการที่เราให้เกียรติกับบ้านที่เราเกิดมา
และให้เกียรติพ่อแม่ของเราเสมอไม่ว่าจะต่อหน้าหรือลับหลัง...

เคยพูดกับเพื่อนเมื่อวันที่เพื่อนท้อแท้กับการงานในกรุงเทพฯ
ที่ทำเท่าไหร่ก็ไม่เห็นทีท่าว่าจะเติบโตหรือเจริญก้าวหน้า
มีแต่จะโดนกดขี่อยู่ร่ำไป...

ตอนนั้นเลยบอกเพื่อนไปว่า...อย่างไรเราก็ยังมีผืนดินที่สามารถปลูกสิ่งใดก็ขึ้นได้
ที่บ้านเกิดของเรานะ เราสามารถกลับไปบ้านเราเพื่อทำอาชีพที่พ่อแม่ของเรา
ทำกันมาได้นะ...บางทีมันอาจจะมีความสุขกว่าการงานที่เราทำอยู่ตอนนี้ก็ได้...
วันนี้เรายังมีแรงดิ้น เราก็ดิ้นดูให้สุดแรง วันใดหมดไฟและใกล้หมดแรง
เราก็ยังมีผืนดินที่อุดมสมบูรณ์รอให้เรากลับไปดูแลอยู่
ขอแค่เราจะไม่ขายมันไป และเก็บมันไว้อย่างที่พ่อกับแม่เขารักษามาให้เราให้ได้...
เชื่อว่า...อย่างไร เราก็ไม่อดตายหรอก...อย่ากังวลไปเลย...

เพื่อนกทม.ที่ได้ฟัง ยังพูดให้ความเห็นเลยว่า...ชอบความคิดเช่นนี้
และเสียดายที่ตัวเองไม่เคยอยู่กับสวนกับไร่นา แถมยังทำอะไรแบบนั้นไม่เป็นเลย
แตกต่างจากข้าน้อยและเพื่อนอีกคน ที่เกิดมากับไร่นาไร่สวนและเคยทำมาแล้ว
ซ้ำยังสามารถทำงานที่เขาทำกันได้ในเมืองใหญ่ได้อีกเช่นนี้
หากไม่บอกว่า เด็กบ้านนอกได้กำไรกว่าเด็กในเมือง ก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไรแล้ว...

เพราะยังเคยเล่าให้เพื่อนๆฟังถึงชีวิตสมัยเด็กๆที่เที่ยววิ่งเล่นอยู่ในสวนส้ม
และวิ่งหนีงูจงอางในท้องทุ่งนาให้เพื่อนๆฟัง...
เขาก็ได้แต่บอกว่า ชีวิตเขาตอนเด็กๆไม่เห็นมีอะไรน่าสนุกตื่นเต้น
และมีสีสันแบบนั้นเลย...ตื่นมาพ่อแม่ก็ให้ไปเรียน ชีวิตมีแต่เรียนกับเรียน
ถ้าไปเที่ยวก็พาไปเที่ยวห้าง นานๆจะได้ออกนอกเมือง...
ผิดกับเด็กที่อยู่ต่างจังหวัดที่ตอนเด็กๆก็ได้เที่ยวเล่นในที่กว้างๆ
พอโตมาก็ได้มาเรียนต่อในตัวเมือง ได้รู้ชีวิตทั้ง 2 แบบ ในขณะที่ตัวเขานั้น
รับรู้ได้แค่แบบเดียว

ก็เลยแนะนำไปว่า...ถ้าอยากเรียนรู้ชีวิตอีกแบบนึง...ก็ไม่เห็นจะสาย...
แค่ลองไปใช้ชีวิตแบบธรรมดาๆที่ใครๆไม่ใส่ใจดู แล้วจะรู้ว่ามันไม่ธรรมดาแน่ๆ
สิ่งสำคัญ เราจะได้เห็นความแตกต่าง...

เลยอยากจะส่งสาส์นไปยังคนที่ผ่านเข้ามาอ่านว่า...
ไม่มีอะไรน่ารังเกียจเลย หากสิ่งนั้นถูกกำหนดมาให้แก่เรา...
นอกเสียจากว่าเราเลือกจะทำให้มันกลายเป็นความน่ารังเกียจด้วยตัวของเราเสียเอง...



ปล.พอได้มาอ่านบทความในกระทู้นี้ิ เลยอดไม่ได้ที่จะต้องกดไลค์...

^^

"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged