อ๋อ ลบมานานแล้ว โอเคครับเข้าใจ
ผมจัดการลบลายเซ็นให้ได้ แต่คงต้องเเลกกับการที่ลิงค์นี้คงไปโผล่ในหลายๆ ที่ ต่อไปท่านคงลำบากหน่อยนะครับ พอกลับมา
อนึ่ง ท่านบอกว่า ท่านกลัวอัลลอฮ์ ดังนั้น เมื่อท่านไปเรียนถึงอียิปต์ ไคโร อยากทราบจริงๆ ว่าที่ไคโรนี่เค้าทำบุญกัน 7 วันหรือเปล่า?
มีอ่านอีซีกูโบร์ไหม? ถ้ามี ก็น่าสนใจ น่าค้นหาข้อมูลเพื่อสืบเสาะสำหรับการปฏิบัติตาม แต่ถ้าไม่มี แล้วที่มาดีนะฮ์ มักกะฮ์ก็ไม่มี
และก็ไม่ทำ เพราะหาหลักฐานอ้างอิงที่หนักแน่นไม่เจอ
แล้วท่านจะตอบต่อหน้าอัลลอฮ์อย่างไรครับ? ตรงนี้แหละที่มันวัดกันว่า ท่านกลัวอัลลอฮ์จริงหรือเปล่า?
ช่วยตอบผมที?...
ขอบคุณที่คุณเข้าใจ หากคุณลบลายเซ็นแล้ว และคุณก็นำไปนำเสนอลิงค์ที่อื่น ๆ นั้น ตามสบายเลยครับ เพราะลิงค์ดังกล่าว เขาเผยแพร่มันมาเยอะแล้ว คุณเพิ่งเจอหรือยังไงกัน แต่เวปไซท์ที่ฮุกุ่มพี่น้องมุสลิมีนส่วนใหญ่เป็นบิดอะอ์นั้น กรุณาอย่ามาลิงค์พี่นี้ นอกจากกรณีจำเป็น
ส่วนจะให้ผมตอบต่อหน้าอัลเลาะฮ์อย่างไรนั้น ? คุณไม่ต้องห่วงหรอกครับ เพราะอัลเลาะฮ์ทรงรอบรู้ถึงจิตใจและการปฏิบัติของมนุษย์ดี เรามีสิทธิ์ที่จะทุ่มเทค้นคว้าอุตสาหะในการทำอิบาดะฮ์ ไม่ว่าจะอยู่ในรูปแบบกว้าง ๆ หรืออยู่ในรูปแบบเฉพาะเจาะจง มนุษย์นั้นเอาใจยากครับ แต่อัลเลาะฮ์ทรงรู้เจตนาของมนุษย์ดี
และผมเองก็ไม่ทราบว่า คุณเด็กน้อย ๆ ยึดบรรทัดฐานของการกระทำที่อียิปต์ มักกะฮ์ มะดีนะฮ์ ด้วยหรือ ซึ่งหากที่นั่นเขาทำแล้ว คุณจะกระทำตามด้วยหรือครับ?
คุณลองพิจารณาคำกล่าวของท่านอิมามอัสสะยูฏีย์ ดังนี้ครับ
ท่านอิมามอัสศะยูฏีย์(ร.ฏ.) ได้กล่าวว่า
ولنختم الكتاب بلطائف :الأولى : أن سنة الإطعام سبعة أيام بلغني أنها مستمرة إلى الأن بمكة والمدينة فالظاهر أنها لم تترك من عهد الصحابة ألى الأن وأنهم أخذوها خلفا عن سلف ألى صدر الأول . ورأيت فى التوارخ كثيرا فى تراجم الأئمة بقولون : وأقام الناس على قبره سبعة أيام يقرؤون القران ، وأخرج الحافظ الكبير أبو القاسم بن عساكر فى كتابه المسمي تبيين كذب المفتري فيما نسب ألى الإمام أبى الحسن الأشعرى سمعت الشيخ الفقيه أبا الفتح نصر الله بن محمد بن عبد القوى المصيصي يقول : توفى الشيخ نصر بن إبراهيم المقدسى فى يوم الثلاثاء التاسع من المحرم سنة تسعين وأربعمائة بدمشق وأقمنا على قبره سبع ليال نقرأ كل ليلة عشرين ختمة
"เราาจงจบท้ายบท ด้วยเกล็ดความรู้ที่ละเอียดละออ คือ ประการที่หนึ่ง
สุนัตให้อาหาร(เป็นทาน) ในช่วง 7 วัน ซึ่งได้ทราบถึงข้าพเจ้าว่า การที่สุนัตให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด ยังคงมีการปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องจากถึงปัจจุบัน ณ ที่นครมักกะฮ์และนครมะดีนะฮ์ ดังนั้น ที่ชัดเจนแล้ว คือ การสุนัตให้อาหาร(เป็นทานแก่มัยยิด)นั้น ไม่เคยถูกทิ้งการกระทำมาเลยตั้งแต่สมัยของซอฮาบะฮ จวบจนถึงปัจจุบัน และพวกเขาได้ทำการเอาการปฏิบัติดังกล่าว ของปราชญ์ค่อลัฟ จาก ปราชญ์สะลัฟ จนกระทั่งถึงยุคแรก(ยุคซอฮาบะฮ์) และข้าพเจ้า(คืออิมามอัสศะยูฏีย์) ได้เห็น(ทราบ)จากบรรดาประวัติศาสตร์มากมายของบรรดานักปราชญ์ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า "บรรดานักปราชญ์ได้ทำการอาศัยอยู่ที่กุบูรผู้เสียชีวติ 7 วัน เพื่อทำการอ่านอัลกุรอาน , ท่านอัลหะฟิซฺผู้ยิ่งใหญ่ คือท่านอบู อัลกอซิม บิน อะซากิร ได้นำเสนอรายงานไว้ในหนังสือของท่านที่มีชื่อว่า "ตับยีน กัซบฺ อัลมุฟตะรีย์ ฟีมา นุซิบ่า อิลา อัลอิมาม อบี อัลหะซัน อัลอัชอะรีย์ ว่า ข้าพเจ้าได้ยินท่าน ชัยค์ ผู้เป็นนักปราชญ์ฟิกห์ คือ อบู อัลฟัตหฺ นัสรุลเลาะฮ์ บิน มุฮัมมัด บิน อัลดุลก่อวีย์ อัลมะซีซีย์ กล่าวว่า "ท่านชัยค์ นัสรฺ บิน อิบรอฮีม อัลมุก๊ออดิซีย์ ได้เสียชีวติในวันอังคารที่ 9 เดือน มุหัรรอม ปี ที่ 490 ณ นครดิมัชกฺ และการทำการอาศัยที่อยู่ที่กุบูรของเขา 7 คืน เพื่อเราทำการอ่านอัลกุรอานในทุก ๆ คือ ถึง 20 จบ" ดู หนังสือ อัลหาวีย์ ฟี อัลฟะตาวา เล่ม 2 หน้า 234
หรือว่ามักกะฮ์และมะดีนะฮ์ในปัจจุบันสามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ แต่มักกะฮ์และมะดีนะฮ์ในยุคสะลัฟไม่สามารถนำมาเป็นหลักฐานได้ตามทัศนะของคุณเด็กน้อยๆ
วัลลอฮุอะลัม