ผู้เขียน หัวข้อ: สุดท้ายท่านก็ทำไม่ได้ ต่อไปท่านก็โดนชาวบ้านครหาแน่นอนครับ ^_^  (อ่าน 3196 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-um

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 154
  • الأم
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อะไรที่เด็กน้อยบอกสิ่งที่บิดอะฮ์ในทัศนะคุณ ที่มักกะฮ์ มาดีนะฮ์ไม่ทำบอกผมหน่อยสิว่าไม่มีจิง ??? ???ๆ ????
*للزكريا    الأنصاري*
      อุลามะในทัศนะวะฮาบีย์บางคนได้ทิ้งขวางความรู้ความคิดเห็นหรือผลงานของอุลามะฮ์ผู้นำมัซฮับทั้ง 4   แบบไม่ใยดี แต่กลับมาชื่นชอบทัศนะใหม่ที่มาทีหลัง ว่า ถูกต้องที่สุด..จนมันได้กลายเป็น...บิดอะดอลาละที่ลุ่มหลง.แบบตะอัศศุบ..ในทัศนะตนเองแบบสุดโต่ง แบบไม่น่าให้อภัย  และคิดว่า  ทัศนะใหม่ของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง ....นะอูซุบิ้ลลา

ออฟไลน์ al-um

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 154
  • الأم
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 17, 2007, 03:42 PM โดย al-um »
*للزكريا    الأنصاري*
      อุลามะในทัศนะวะฮาบีย์บางคนได้ทิ้งขวางความรู้ความคิดเห็นหรือผลงานของอุลามะฮ์ผู้นำมัซฮับทั้ง 4   แบบไม่ใยดี แต่กลับมาชื่นชอบทัศนะใหม่ที่มาทีหลัง ว่า ถูกต้องที่สุด..จนมันได้กลายเป็น...บิดอะดอลาละที่ลุ่มหลง.แบบตะอัศศุบ..ในทัศนะตนเองแบบสุดโต่ง แบบไม่น่าให้อภัย  และคิดว่า  ทัศนะใหม่ของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง ....นะอูซุบิ้ลลา

คนอยากรู้

  • บุคคลทั่วไป
พี่น้องครับ...อย่าได้สนใจวะฮาบีย์ตัวเล็กๆเลยครับ...ประเด็นมันอยู่ที่ว่าหัวโจ้กวะฮาบีย์ตัวใหญ่ๆนั้นเราจะทำอย่างไรให้เขาเข้ามาเสวนากับเราในเวปนี้บ้าง.....ไอ้ที่เข้ามากวนนั้นเด็กๆครับ...แล้วอย่างไร้เดียงสานะครับ..แถมปากเหม็นอีกต่างหาก ;D

ออฟไลน์ al-um

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 154
  • الأم
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ๋อพวกลิ้วล้อหรอครับ บังคนอยากรู้
 :o
*للزكريا    الأنصاري*
      อุลามะในทัศนะวะฮาบีย์บางคนได้ทิ้งขวางความรู้ความคิดเห็นหรือผลงานของอุลามะฮ์ผู้นำมัซฮับทั้ง 4   แบบไม่ใยดี แต่กลับมาชื่นชอบทัศนะใหม่ที่มาทีหลัง ว่า ถูกต้องที่สุด..จนมันได้กลายเป็น...บิดอะดอลาละที่ลุ่มหลง.แบบตะอัศศุบ..ในทัศนะตนเองแบบสุดโต่ง แบบไม่น่าให้อภัย  และคิดว่า  ทัศนะใหม่ของตนเท่านั้นที่ถูกต้อง ....นะอูซุบิ้ลลา

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
วอลัยกุมุสสลาม

ก็ต้องตอบตามความเป็นจริงนะครับ คุณเว็บมาสเตอร์ ว่าผมพึ่งจะพบบทความนี้ เพราะผมไม่ค่อยได้เข้าเว็บนั้นเท่าไหร่...

นั่นไง  คุณเข้ามาเว๊บไซต์นี้แต่ไม่ค่อยได้อ่านสิ่งที่เว๊บมาสเตอร์และพี่น้องได้ชี้แจงไว้แล้ว  แบบนี้ก็คุยกันไม่รู้เรื่องน่ะซิ  แล้วใครจะมาอยากตอบชี้แจงซ้ำไปซ้ำกับคนดื้อดึงไม่ฟังใครแบบวะฮาบีย์อย่างคุณ  :o



คุณนูรุ้ลอิสลาม ท่านมึนอีกแล้วครับ ด้วยความเคารพ ผมไม่เคยเห็นใครมั่วเท่าท่านเลย
คำว่า "บทความ" น่ะ หมายถึงบทความ "เลี้ยงเจ็ดวันเมื่อมีคนตาย" ในเว็บอิกเราะฮ์โน่น ไม่ได้หมายถึงบทความในเว็บไซต์นี้
ผมก็ยังบอกอยู่ว่า "เว็บไซต์นั้น" ท่านดันมาบอกว่าเป็น "เว็บไซต์นี้" ท่านนี่มั่วได้ที่จริงๆ ครับ สมเเล้ว ที่เป็นท่านจริงๆ

ฟังไม่ได้ศัพท์แต่ดันจับไปกระเดียด......มั่วดีแท้ นูรุ้ลอิสลาม...





ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ส่วนที่ท่านบอกมาว่า...

"การสุนัตให้อาหาร(เป็นทานแก่มัยยิด)นั้น ไม่เคยถูกทิ้งการกระทำมาเลยตั้งแต่สมัยของซอฮาบะฮ จวบจนถึงปัจจุบัน"

อย่างนี้ มันก็ค้านกับฮาดีษที่บอกว่า หลังจากบุคคลใดๆ ได้ตายลง การงานผลบุญถูกตัด เหลือเพียง 3 ทางเท่านั้น ที่จะได้รับผลบุญสิครับ คือ
1.ความรู้ที่ยังประโยชน์
2.ซอดาเกาะฮ์ญารียะฮ์ (การทำทานถาวร)
3.ลูกซอเเละฮ์ที่ขอดุอาอ์ให้

ไม่เห็นมีการให้อาหารเป็นทานอย่างที่ท่านยกมาเลยครับ? ทำไมมันขัดกันล่ะครับ? เป็นไปได้เหรอครับที่เรื่องศาสนามันจะขัดกันในสิ่งที่ถูกต้อง?
นั่นแหละครับ ผมถึงบอกว่าให้อ้างอิงฮาดิษซอเฮียะมา (เฮ้อ เอาเถ๊อะ ฮาดิษฮาซันก็ยังดี) ก็ท่านดันอ้างหนังสือ มันก็แย้งกันแบบนี้แหละ คราวหน้าขอฮาดีษซอเฮียะไปเลยนะครับ พี่น้องเราในนี้และผมจะได้ไปเปิดดูกันง่ายๆ หน่อย ไม่ต้องมานั่งดูอ้างอิงหนังสือแทนฮาดิษอีก...

เพราะถ้าท่านอ้างหนังสือน่ะนะครับ โดยที่ไม่มีหลักฐานอัลกุรอ่านหรือฮาดีษที่เชื่อถือได้กำกับ มันก็อดห่วงไม่ได้ละครับ ว่าผู้แต่งหนังสือกำลังใส่ทัศนะตนเองหรือเปล่า?
เพื่อจะได้เป็นหลักฐานยืนยันในสิ่งที่ตัวเองทำ โดยใส่ความคิดของตนเองเข้าไป แต่ถ้าไม่ใส่ ก็ขอหลักฐานครับ...

เอ้า ตอบที ทำไมที่ท่านอ้างมามันขัดกับฮาดีษข้างต้น เรื่องผลบุญหลังจากมุสลิมตาย 3 ข้อนั้นครับ คุณเว็บมาสเตอร์?

"อะไรกัน  แบบนี้ก็กล่าวหาซอฮาบะฮ์กระทำการที่ขัดแย้งกับหะดิษนบีน่ะซิ  "

"ดังนั้น อะมัลของคนตายย่อมขาดตอน(นอกจาก 3 ประการ) แต่อะมัลของคนเป็นที่มอบให้แก่พี่น้องมุสลิมที่เสียชีวิตย่อมไม่ขาดตอนครับ  พูดง่ายๆคือ  อะมัลของตนเองขาดตอน  ส่วนอะมัลของคนอื่นที่มอบให้ไม่ขาดตอน  เมื่อเป็นเช่นนี้  มันจะขัดหะดิษกันอย่างไรครับแล้วนักหะดิษท่านใดบ้างที่บอกว่าการฮะดียะฮ์ผลบุญให้พี่น้องคนอื่นขัดกับหะดิษนบี  ;D"




นั่นไง ผมว่าแล้ววววววววววววววววววว  ว่าท่านนูรุ้ลอิสลามที่เคารพ ท่านนี่มันมั่วอร่อยจริงๆ ท่านแก่แล้วรึยังไงครับ? สายตาท่านถึงได้ฝ้าฟางจริงๆ
ฮาดีษที่ผมยกมาก็บอกอยู่เนี่ยว่า

"หลังจากบุคคลใดๆ ได้ตายลง การงานผลบุญถูกตัด เหลือเพียง 3 ทางเท่านั้น ที่จะได้รับผลบุญ"

ท่านก็ยังดันมาบอกอีกว่า อะมัลของคนอื่นที่มอบให้ไม่ขาดตอน ท่านก็ให้ไปเถอะครับ ให้ไปให้พอ ในเมื่อการที่ท่านให้ไม่ได้อยู่
ในทั้ง 3 ข้อ ที่จะทำให้ผู้ตายได้รับผลบุญ ต่อให้ท่านให้ไปเท่าไหร่ ยังไงๆ ผู้ตายก็ไม่ได้รับอยู่ดี ท่านทำเป็นให้คนอื่น ท่านเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะครับ

ฮาดีษก็บอกอยู่ทนโท่ ว่าคนตายได้รับเพียง 3 ทาง ไม่มีข้อไหนสักข้อที่บอกว่าให้อาหารแก่คนตายแล้วจะถึง ท่านก็ดันบอกว่าสามารถให้ได้ แล้วก็ถึงผู้ตายด้วย
โดยไม่ขาดตอน นั่นแหละครับ ที่ผมบอกว่า ขอหลักฐาน ไหนครับ? ยกมาสิครับหลักฐานน่ะ ที่เป็นอัลกุรอ่านและอัลฮาดีษ?

เวลาเพื่อนบ้านเอาตำรวจมาจับท่าน บอกว่าท่านเป็นขโมย ท่านยังร้องลั่นบอก ขอหลักฐานเลยครับ นี่เรื่องศาสนา เรื่องใหญ่กว่าชัดๆ ทำไมท่านไม่มีหลักฐาน?

การที่ท่านมั่วเอา แล้วบอกว่าอย่างนั้นอย่างนี้ได้ โดยที่ไม่มีหลักฐานที่เป็นการรองรับจากท่านนบีฯ นั่นก็หมายความได้ว่า...

ท่านไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

เมื่ออัลลอฮ์ไม่รับรองว่าจะถึง แล้วท่านนูรุ้ลอิสลามรู้ได้ยังไงครับ ว่าที่ท่านทำทานให้มัยยิตจะถึง ? หรือว่าท่านได้รับวะฮีย์หลังจากนบีฯ เสียชีวิตเหรอครับ?

ก็นี่แหละ ที่เค้าบอกว่ามุสลิมสาย บ.ด.อ น่ะ ทำอะไรไม่มีหลักฐานที่ท่านนบีฯ รับรอง ที่เชื่อถือได้ แล้วก็มั่วเอาเองว่าได้

ท่านทำแบบนี้ยังกับท่านอยู่ศาสนาคิดเลยครับ คิดเอาเอง(ว่าได้,ว่าถึง) มั่วอันดับหนึ่งเลยครับท่าน...

และทางเราต่างหากที่ต้องบอกว่า ท่านโกหกใส่ซอฮาบะฮ์ ว่าซอฮาบะฮ์ทำสิ่งที่นบีฯ ไม่ได้รับรอง และทำเป็นแบบอย่าง วันกียามัตท่านไปตอบเอาเองเถอะครับ...

ท่านอยู่ดีๆ ก็เข้ามาตอบไม่ได้รู้เรื่องด้วยซ้ำ ว่าเค้าสนทนาประเด็นไหนกันอยู่ ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระทู้ก่อนหน้าของผมที่ถูกเว็บมาสเตอร์ลบไปคืออันนี้...

หัวข้อกระทู้ : มิน่าละ เว็บมาสเตอร์ถึงไม่อยากให้ใครอ่านกระทู้นั้น เพราะท่านมีผลประโยชน์นี่เอง
ข้อความกระทู้ :
"ก็อย่างที่บอกครับ ท่านเว็บมาสเตอร์ผู้ทรงคุณวุฒิ ท่านอย่ามัวแต่ลบเลยครับ....

อยากให้ท่านรณรงค์ผู้คน โต๊ะครูในสายของท่าน ช่วยกินบุญบ้านคนตายแล้วไม่ต้องรับซองได้รึเปล่า? สงสารเด็กกำพร้าครับ...

ไปนั่งอ่านอีซีกูโบร์ไม่ต้องรับตังค์ได้มั้ยครับ? กลับมาเป็นอีหม่ามที่บ้านเกิดแล้วทำเพื่ออัลลอฮ์ไปเลย ไม่ต้องรับตังค์
เอาผลบุญดีกว่ากันแยะ ทำได้มั้ยครับ?

ถ้าไม่ได้ ก็หนีไม่ได้ที่จะถูกตราหน้าว่า โต๊ะครูทำงานศาสนาไม่อิคลาส แต่ทำแล้วหาผลประโยชน์จากคนในชุมชน

ขอแค่เนี้ยะมันมากตรงไหน?

1.ไปกินอย่างเดียวไม่ต้องรับซองได้ป่ะ หลายคนมาอ่านให้คนตายน่ะ มันหลายตังค์อยู่นา
2.ไปนั่งที่กุโบร์อ่านไปเลยครับ แต่ไม่มีตังค์ให้อ่ะ เพราะเชื่อว่าโต๊ะครูที่เคารพต้องช่วยเหลือลูกญามาอะฮ์เพื่ออัลลอฮ์อยู่แล้ว

กินบุญมาเยอะแล้ว ทำบุญมั่งเถอะครับท่าน...

ที่จริงถ้าเรื่องแค่นี้ ไม่ต้องไปเรียนให้เสียค่าเครื่องบินถึงไคโรหรอกครับท่านเว็บมาสเตอร์
ฝึกอ่านอีซีกูโบร์ให้คล่องๆ ก็หากินได้แล้ว ไปแล้วเสียตังค์ค่าเครื่องเปล่าๆ

เพราะต่อไปพอเรียนไปแล้ว ก็กลับมาไม่เห็นมีอะไรที่เป็นกิจกรรมที่แตกต่างไปจากหัวข้อหน้าแรกในเว็บนี้เลย...
กลับมาเถอะ ท่านโต๊ะครู อย่าเสียเวลาไปเรียนเลย รีบกลับมาบริการสังคมจะดีกว่านะครับท่านครับ... :D "

เข้ามาตอบนี่ไม่ได้รู้เรื่องเล้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย มาแล้วก็มั่วเอาเอง คิดเอาเองว่าอย่างนั้นอย่างนี้ได้
เอ้าไหนครับ ? ถ้าท่านเป็นผู้สัตย์จริง ผมขอหลักฐาน...

1.ฮาดีษ่ซอเฮียะหลักฐานการสุนัตให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด ? (คุณเว็บมาสเตอร์)
2.ทำไมความในหนังสือที่ท่านอ้างมาจึงขัดกับฮาดีษผลบุญที่ได้รับเหลือเพียง 3 ทาง ? (คุณเว็บมาสเตอร์)
3.ฮาดีษซอเฮียะหลักฐานว่าทำทานให้แก่มัยยิตแล้ว ผลบุญถึงมัยยิต ? (ท่านนูรุ้ลอิสลาม)

การที่ท่านยกอ้างหนังสือมาน่ะ ไม่ผิดหรอก แต่อ้างมามันต้องอ้างอัลกุรอ่านและอัลฮาดีษด้วย เพราะสองสิ่งนี้เท่านั้นจึงจะนับว่าเป็นหลักฐานการปฏิบัติสิ่งหนึ่งได้
ถ้าจะอ้างหลักฐานจากหนังสือ หนังสือนั้นก็จะต้องอ้างอัลกุรอ่านและอัลฮาดีษอีกที นั่นแหละถึงจะเชื่อถือได้
พวกท่านอ้างจากหนังสือมาแล้ว ไม่เห็นจะอ้างฮาดีษซอเฮียะที่อยู่ในหนังสือมาด้วย แล้วอย่างนี้ชาวบ้าน ชาวช่องเค้าจะเชื่อถือกันมั้ยครับ?
ถ้าท่านคิดว่าหนังสือเชื่อถือได้ ยังไงๆ ท่านอิหม่ามอัสสะยูฏีย์  ก็ต้องอ้างฮาดีษไว้แน่นอน นั่นแหละครับยกมาหน่อย ถ้าท่านสัตย์จริง....

อนึ่ง ที่ท่านอ้างมาว่า

"ถึงข้าพเจ้าว่า การที่สุนัตให้อาหารเป็นทานแก่มัยยิด ยังคงมีการปฏิบัติกันอย่างต่อเนื่องจากถึงปัจจุบัน ณ ที่นครมักกะฮ์และนครมะดีนะฮ์ "

วันก่อนมีมุสลิมที่อาศัยอยู่ที่มาดีนะฮ์ ได้เดินทางมาละหมาดที่มัสยิด ผมก็ได้ลองถามไถ่ดูว่ามีอย่างที่ท่านว่าหรือเปล่า?
เค้าไม่เห็นตอบว่ามีเลยครับ เค้าบอกว่ามีแต่การที่เพื่อนบ้านทำอาหารไปให้บ้านคนตาย เพื่อช่วยเหลือคนเป็นในบ้านเพราะเค้าประสบกับความยุ่งยาก
เค้าบอกว่าทำให้คนเป็นนะ ไม่ใช่ทำให้คนตาย ดังนั้น ผมถึงได้ถามไงครับ ว่าท่านอีหม่ามอัสสะยูฏีย์ ทำไมไม่ยกฮาดีษมาบ้าง จะได้ไปตอบกับชาวมาดีนะฮ์ถูก
ว่า เฮ้ย มีหลักฐานนะ ว่าทำทานอาหารแจกจ่ายเป็นผลบุญมอบให้แก่คนตายได้ ถึงและได้รับการตอบรับด้วย ขอร้องเถอะครับ ช่วยเอาหลักฐานมาทีเถอะครับ
ผมนี่อยากจะเชื่อตามที่พวกท่านเชื่อซะเต็มแก่อยู่แล้ว ไม่ยอมเอาหลักฐานมาซะที...ช่วยทีเถอะครับ...เอาหลักฐานมาที ผมนี่อยากจะกินบุญ
บ้านเด็กกำพร้าบิดาตาย จะแย่อยู่แล้ว กินให้เด็กกำพร้ามันพังเข้าไปเลยครับ ไม่เห็นท่านอ้างซอเฮียะที่เชื่อถือได้สักที....

เว็บมาสเตอร์ท่านมาตอบหน่อยเถอะครับ

มัวแต่ปล่อยให้พวกลิ่วล้อมั่วๆ เข้ามาตอบอยู่ได้....
ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ เด็กน้อยๆ

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
อ้างจากคุณนูรุ้ลอิสลาม ที่มั่วและไม่ค่อยยกหลักฐาน


ในส่วนหนังสือที่ท่านอ้างมาคือ "หนังสือ อัลหาวีย์ ฟี อัลฟะตาวา เล่ม 2 หน้า 234 " ผมเองก็ไม่ค่อยสันทัดวิชาการแบบท่านสักเท่าไหร่ (ก็เคยบอกไปแล้ว)
ที่จริง ถ้าท่านจะอ้างถึงเรื่องที่ท่านอ้างมา ก็อ้างฮาดีษซอเฮียะบุคอรี/มุสลิม จะไม่ดีกว่าเหรอครับ? ให้มันเห็นๆ กันไปเลย ผมและพี่น้อง จะได้หาเปิดดูกันง่ายๆ หน่อย

6.  ล่าสุดครับ  วะฮาบีย์ชอบอ้างสะลัฟ  แต่เวลามีหลักฐานว่าซอฮาบะฮ์และสะลัฟได้กระทำนั้น  วะฮาบีย์ก็จะเลื้อยเป็นปลาไหลโดยบอกว่า  "ก็อ้างฮาดีษซอเฮียะบุคอรี/มุสลิม จะไม่ดีกว่าเหรอครับ? "  คือประเด็นใหนที่ตนเองจนแต้ม ก็จะบอกว่าเอาหลักฐานจากหะดิษบุคอรีมุสลิมเท่านั้นและดีกว่า  แล้วที่วะฮาบีย์มักกะฮ์เขาทำกันน่ะ  มันมีในหะดิษบุคอรีและมุสลิมหรือเปล่า  เช่น ละหมาดตะฮัจยุดเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดหะรอมทั้งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยทำในเดือนรอมะฏอนซึ่งในบุคอรีและมุสลิมมีเหรือเปล่า?   เวลาจะละหมาดตะรอวิห์ก็จะมีคนกล่าวว่า ซ่อลาตุลญะมาอะฮ์ร่อฮิมะกุมุลลอฮ์  แล้วในซอฮิห์บุคอรีและมุสลิมหรอเปล่า?  อ่านกุนูตวิติรเสียยืดยาวซึ่งถ้อยคำส่วนมากไม่มีระบุจากท่านนบี(ซ.ล.)แล้วในบุคคอรีและมุสลิมมีระบุไว้หรือเปล่า?  อ่านดุอาอ์ค่อตัมอัลกุรอานในละหมาดคืนที่ 27 - 28 ของเดือนร่อมะฏอน  แล้วมีหะดิษบุคคอรีและมุสลิมระบุไว้เปล่า?



แยกคำถามเป็นข้อๆ ได้ดังนี้ ซึ่งผมจะตอบเท่าที่ผมมีความสามารถ และตรวจพบหลักฐาน
โดยจะยกหลักฐานจาก ตัวบทและคำแปลภาษาไทย "หะดีษเศาะฮิหฺ มุสลิม" เล่ม 1 แปลโดย จารึก เซ็นเจริญ ,มุฮัมหมัด พายิบ สำนักพิมพ์ อัล-อีหม่าน
(เล่มแปลไทยสีเขียว) เพื่อประโยชน์ในการค้นหาโดยง่ายของพี่น้องมุสลิมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้
ท่านนูรุ้ลอิสลามถามว่า

1."แล้วที่วะฮาบีย์มักกะฮ์เขาทำกันน่ะ  มันมีในหะดิษบุคอรีและมุสลิมหรือเปล่า  เช่น ละหมาดตะฮัจยุดเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดหะรอมทั้งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยทำในเดือนรอมะฏอนซึ่งในบุคอรีและมุสลิมมีเหรือเปล่า?"
ตอบ : มีหลักฐานการละหมาดในเวลากลางคืนพร้อมกับท่านนบีฯ ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม
   อ้างจากส่วนที่ 18 "การละหมาดสุนัตและดุอาอฺของท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ในช่วงกลางคืน" หน้า 365 ฮาดีษลำดับที่ 737
"จากอิบนุ อับบาสเล่าว่า คืนหนึ่งฉันได้พักค้างอยู่ที่บ้านน้าสาวของฉัน คือมัยมูนะฮฺ ท่านนบี ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้ตื่นขึ้นมาในช่วงกลางคืน
ทำธุระของท่าน(หมายถึงปัสสาวะ) ล้างหน้า ล้างมือแล้วนอนอีก ต่อมาก็ตื่นอีก ท่านไปที่ถุงหนังใส่น้ำ แก้เชือกผูกออก ต่อมาท่านได้อาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์
โดยใช้น้ำน้อยแต่ก็สมบูรณ์ ต่อจากนั้นท่านก็ได้ละหมาด ฉันเองก็ลุกขึ้นละหมาดทำอย่างที่ท่านทำ โดยฉันไม่อยากให้ท่านรู้ว่า ฉันกำลังสังเกตท่านอยู่
ฉันจึงได้อาบน้ำละหมาด เมื่อท่านได้ละหมาด ฉันก็ได้ยืนละหมาดอยู่ทางซ้ายท่าน ท่านได้จับมือฉันย้ายฉันมาไว้ทางขวาท่าน ฉันได้ละหมาดตามท่านรสูล
ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม อย่างสมบูรณ์ในคืนนั้นสิบสามรอกาอัต ต่อมาท่านก็ได้เอนนอนแล้วหลับไปจนกรน เมื่อท่านหลับจนกรนนั้น ได้ยินเสียงบิล้าล
อะซานเพื่อละหมาดศุบุฮฺ ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้ลุกขึ้นละหมาด โดยไม่ได้อาบน้ำละหมาดใหม่ และท่านขอในดุอาอฺว่า อัลลอฮุมมัจอัล.........
...........นูรอน "โอ้-อัลลอฮฺ ขอได้โปรดให้หัวใจของฉันเป็นรัศมี ดวงตาของฉันเป็นเช่นรัศมี หูของฉันเป็นเช่นรัศมี ด้านขวา ซ้าย บน ล่าง หน้า หลังของฉัน
เป็นรัศมี และขอได้โปรดให้รัศมีเป็นเช่นความยิ่งใหญ่แห่งฉันด้วยเถิด" "
   ฮาดีษลำดับที่ 738 หน้า 366
"จากกุรัยบฺ ผู้เคยเป็นทาสของอิบนุ อับบาสเล่าว่า อิบนุ อับบาส ได้เคยบอกกับเขาว่า คืนหนึ่งฉันได้พักค้างคืนที่บ้านของมัยมูนะฮฺ ผู้เป็นอุมมุล มุอฺมินีนซึ่ง
เป็นน้าสาวของเขา เล่าว่า ฉันได้นอนพักอยู่บนหมอนชั่วคราว ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้นอนพักเอนหลังอยู่ โดยมีครอบครัวของท่าน(ภรรยา)
นอนตามขวางอยู่ ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม นอนไปจนถึงครึ่งคืน ก่อนหรือหลังเล็กน้อย ท่านก็ตื่นขึ้น เอามือลูบหน้า (เพื่อให้หายง่วง) ต่อจาก
นั้นก็อ่านสิบอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺอาลิอิมรอน แล้วจึงเดินไปที่ถุงหนังน้ำเก่าๆ ท่านอาบน้ำละหมาดอย่างสวยงามหมดจด แล้วละหมาดสุนัต อิบนุ อับบาส
กล่าวว่า ฉันเองก็ยืนขึ้นละหมาด ฉันทำเช่นเดียวกับที่ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ทำ (หมายถึงเรื่องอาบน้ำละหมาดและอื่นๆ) เสร็จแล้วก็ไปยืนข้างๆ
ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้เอามือขวาของท่านมาจับที่ศรีษระของฉัน จับที่หูดึงให้ฉันย้ายไปทางขวา ท่านได้ละหมาดสองรอกาอัต อีกสอง
รอกาอัต อีกสองรอกาอัต อีกสองรอกาอัต อีกสองรอกาอัต และอีกสองรอกาอัต ต่อจากนั้นได้ละหมาดวิติรฺ แล้วนอนเอนกายพัก จนกระทั่งมุอัซซินได้มา
ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม จึงได้ละหมาดสุนัต สองรอกาอัตอย่างเร็ว และได้ออกมาที่มัสยิด และได้ละหมาดศุบุฮฺ"
   อ้างจากส่วนที่ 19 "การอ่านนานในละหมาดกลางคืน" หน้า 372 ฮาดีษลำดับที่ 744
"จากหุซัยฟะฮ์ (อิบนุ อัลยะมาน)เล่าว่า คืนหนึ่งฉันได้ละหมาดพร้อมกับท่านนบี ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัมท่านเริ่มต้น (ในรอกาอัตแรกหลังฟาติหะฮฺ) ด้วยสูเราะฮฺ อัลบะกอเราะฮ์ ฉันคิดว่า ท่านรอซู้ล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม จะรุกัวอฺ ขณะที่อ่านได้ร้อยอายะฮฺแล้ว
ท่านก็ยังอ่านต่อไป (ท่านยังไม่รุกัวอฺ) ฉันจึงคิดว่าท่านคงอ่านสูเราะฮฺสำหรับรอกาอัตแรก ฉันคิดว่าท่านจะรุกัวอฺเมื่อได้อ่านจบสูเราะฮฺ ต่อมาก็เริ่มอ่านสูเราะฮฺ
อันนิสาอฺอีก แล้วอ่านสูเราะฮฺอาลิอิมรอนเป็นลำดับต่อมา โดยท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม อ่านอย่างชัดถ้อยคำ เมื่อท่านอ่านถึงอายะฮฺที่กล่าวสดุดีตัสบีหฺ
ท่านจะกล่าวตัสบีหฺ เมื่ออ่านถึงอายะฮฺที่เกี่ยวกับการขอ ท่านก็จะขอ และอ่านผ่านอายะฮฺที่ขอความคุ้มครอง ท่านก็จะขอความคุ้มครอง ต่อจากนั้นก็รุกัวะอฺ ซึ่งท่าน
รุกัวะอฺอย่างยาวนาน ปรากฏว่ารุกัวะอฺของท่านนั้นยาวนานเกือบเท่าเมื่อยืน ต่อจากนั้น(เอียะอฺติดาล) ท่านก็จะกล่าวว่า สะมิอัลลฮุ ลิมัน หะมิดะหฺ ต่อมาก็ยืนนาน
(ในช่วงเอียะอฺติดาล) เกือบเท่ากับรุกัวะอฺ แล้วจึงสุญูดโดยกล่าวในช่วงสุญูดว่า สุบหานะร็อบบิยัลอะอฺลา ซึ่งความนานในสุญูดนั้นใกล้เคียงกับการยืน"
   และฮาดีษลำดับที่ 745 หน้า 373
"จากอับดุลลอฮฺเล่าว่า ครั้งหนึ่งฉันได้ละหมาดพร้อมกับท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ท่านละหมาดนานจนฉันคิดไปในทางที่ไม่ดีต่างๆ นานา
เขาเล่าอีกว่าถึงขนาดมีคนถาม(เขา)ว่า ที่ฉันคิดไม่ดีนั้นคืออะไร เขาเล่าว่า ฉันตอบว่า ฉันคิดจะนั่งลงและปล่อยท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ไว้"

2."เวลาจะละหมาดตะรอวิห์ก็จะมีคนกล่าวว่า ซ่อลาตุลญะมาอะฮ์ร่อฮิมะกุมุลลอฮ์  แล้วในซอฮิห์บุคอรีและมุสลิมหรอเปล่า?"
ตอบ : การกล่าว "ซ่อลาตุลญะมาอะฮ์ร่อฮิมะกุมุลลอฮ์" อันนี้ผมไม่แน่ใจ เพราะผมยังไม่เจอหลักฐาน อาจจะมีระบุหรือไม่ระบุไว้ก็ได้ วัลลอฮูอะลัม
แต่เข้าใจว่าที่มีบางที่ปฏิบัติ ก็อาจจะด้วยกับหลักฐานดังต่อไปนี้ และเป็นหลักฐานการละหมาดญามาอะฮ์ในเดือนรอมฏอนสำหรับข้อแรกด้วย
   อ้างจากส่วนที่ 16 "ละหมาดสุนัตตะรอวีหฺ"  หน้า 364 ฮาดีษที่ 735
"จากอุรวะฮฺ อิบนุ อัซซุบัยรฺ เล่าว่า อาอิชะฮฺได้บอกกับเขาว่า ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้ออกจากบ้านช่วงกลางดึก ท่านได้ละหมาดที่มัสยิด
โดยมีผู้คนหลายคนร่วมละหมาดกับท่าน ครั้นรุ่งเช้าผู้คนพากันพูดถึงเรื่องนี้ ผู้คนก็พากันมารวมกันมากขึ้น(ในคืนต่อมา) ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม
ได้ออกมาเป็นคืนที่สอง พวกเขาได้ละหมาดร่วมกับท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม รุ่งเช้าอีก(วันที่สาม) ผู้คนก็พากันกล่าวถึงเรื่องนี้ คนที่มามัสยิดในคืนที่สาม
ก็มากขึ้น ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้ออกมา พวกเขาได้ร่วมละหมาดกับท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ครั้นถึงคืนที่สี่มัสยิดเต็มไปด้วยผู้คน
ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ยังไม่ได้ออกมาหาพวกเขา(ที่มัสยิด) ผู้คนคิดว่าได้รับความสำเร็จต่างพูดกันว่า "ละหมาด" แต่ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม
ก็ไม่ได้ออกมาหาพวกเขา จนกระทั่งท่านได้ออกมาละหมาดศุบุฮฺ ครั้นเมื่อละหมาดศุบุฮฺเสร็จ ท่านได้หันมาหาประชาชน พลางกล่าวตะซะฮุดและกล่าว อัมมาบะอฺด
อันที่จริงความประสงค์ของพวกท่าน ในช่วงเวลากลางคืน(ที่ผ่านมานั้น) ไม่ได้ก่อให้เกิดความวิตกอะไรกับฉันหรอก นอกจากฉันเกรงว่า ละหมาดสุนัตกลางคืน
(เดือนรอมะฎอน) จะก่อให้เกิดเป็นฟัรฎูกับพวกท่าน ซึ่งพวกท่านจะพากันลำบาก"

3."อ่านกุนูตวิติรเสียยืดยาวซึ่งถ้อยคำส่วนมาก ไม่มีระบุจากท่านนบี(ซ.ล.)แล้วในบุคคอรีและมุสลิมมีระบุไว้หรือเปล่า?"
ตอบ : การอ่านดุอาอฺกุนูตนั้นเป็นการอ่านเพื่อขอดุอาอฺให้แก่มุอฺมินทั้งหลาย แต่สาปเเช่งพวกที่ปฎิเศษทั้งหลายด้วย
ซึ่งการอ่านนี้จะอ่านในภาวะเมื่อประชาชาติมุสลิมอยู่ในอันตราย เช่น ในสงคราม ถูกกดดันหรือขมขู่ ฯลฯ แล้วแต่ละกรณี
จึงไม่มีบทคำอ่านที่ตายตัว ขึ้นอยู่กับว่าในขณะนั้นประชาชาติมุสลิมกำลังประสบกับภาวะใด และยังมีทัศนะหลายทัศนะ
โดยอ้างอิงจากหลักฐานฮาดีษเหล่านี้
   อ้างจากส่วนที่ 7 "กุนูต" หน้า 321 ฮาดีษที่ 635
"จากอบู ฮุรอยเราะฮฺเล่าว่า ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม เคยปฏิบัติใน ละหมาดศุบุฮฺ เมื่อเสร็จจากการอ่าน (ทั้งฟาติหะฮฺและสูเราะฮฺหนึ่งเเล้ว)
ตักบีรฺ โดยที่เงิยศรีษระ(จากรุกัวะอฺ)ว่า สะมิอัลลอฮุ ลิมัน หะมิดะฮฺ ร็อบบะนา วะละกัลหัมดฺ แล้วจึงกล่าวขณะที่ยืนตรงว่า อัลลอฮุมมะอันญิลวะลีด......
.............................วะรสูละฮฺ "โอ้-อัลลอฮฺ ขอพระองค์ได้โปรดให้ความปลอดภัยแก่อัลละลีด อิบนุ อัลวะลีด ,สะละมะฮฺ อิบนุ ฮิซาบ ,อัยยาซ อิบนุ อบี
รอบีอะฮฺ และบรรดาผู้ศรัทธามั่นที่อ่อนแอทั้งหลายด้วยเถิด โอ้-อัลลอฮฺ ขอพระองค์ได้โปรดให้เกิดความเข้มแข็งด้วย แรงกดดันของพระองค์ท่านต่อ
พวกมุฎอรฺด้วยเถิด และได้โปรดให้ปีของพวกเขาประดุจดังปีของนบียูสุฟด้วยเถิด โอ้-อัลลอฮฺ ขอพระองค์ได้โปรดงดความเมตตาต่อพวกลิหฺยาน ริอฺล ซักวาน
และอุศอยยะฮฺด้วยเถิด เพราะกลุ่มเหล่านี้ทรยศต่ออัลลอฮฺและรสูลของพระองค์" ต่อจากนั้นมีผู้เล่าว่า ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้งดอ่านดังกล่าว
เมื่ออายะฮฺกุรอ่านที่ว่า "การนั้นหาใช่เป็นหน้าที่ของท่านแต่ประการใดไม่ ไม่ว่าพระองค์จะทรงรับการสารภาพผิดแก่พวกนั้น หรือจะทรงลงโทษพวกนั้นก็ตาม
เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นผู้ฉ้อฉล" (3:128) "
   ฮาดีษที่ 636 หน้า 322
"จากอบู ฮุรอยเราะฮฺเล่าว่า ขอสาบานต่ออัลลอฮฺ ฉันจะต้องนำเสนอ(รูปแบบ) การละหมาดของท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ต่อพวกท่านอย่างแน่นอน
(ในรูปแบบนั้น) อบู ฮุรอยเราะฮฺได้กูนูตทั้งในละหมาดซุฮุรฺ อิชาอฺและศุบุฮฺ โดยได้ขอดุอาอฺให้กับมุอฺมินทั้งหลาย แต่สาปแช่งพวกที่ปฏิเศษทั้งหลายด้วย"
   ฮาดีษที่ 637 หน้า 323
"จากมุหัมหมัดเล่าว่า ฉันได้กล่าวถามอนัสว่า ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม เคยกุนูตในละหมาดศุบุฮฺหรือไม่ อนัสตอบว่า (ท่านได้กุนูต) หลังจากรุกัวะอฺ
(ในรอกาอัตที่สอง)"
   ฮาดีษที่ 638 หน้า 323
"จากอนัส อิบนุ มาลิกเล่าว่า ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้กุนูตในละหมาดศุบุฮฺ หลังจากรุกัวะอฺ(รอกาอัตที่สอง) เป็นเวลาหนึ่งเดือน โดยขอให้
(อัลลอฮฺทรงลงโทษ) กับกลุ่มริอฺลและซักวานรวมทั้งกลุ่มอุศอยยะฮฺด้วย ซึ่งพวกนี้ได้ทรยศต่ออัลลอฮฺและรสูลของพระองค์"
   ฮาดีษที่ 639 หน้า 323
"จากอัลบัรรออฺ อิบนุ อาซิบ เล่าว่า ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม เคยกุนูตทั้งในละหมาดศุบุฮฺ และมัฆริบ (1)"
หมายเหตุ (1) ปัญหาเรื่องกุนูต
ก.   ตามแนวทางของซาฟิอี ถือเป็นสุนัตในทุกๆ ละหมาดศุบุฮฺ ในละหมาดอื่นๆ นอกจากศุบุฮฺแล้วมี 3 ทัศนะ
- สุนัตเมื่อประชาชาติมุสลิมอยู่ในภาวะอันตราย เช่น ในสงคราม โรคระบาด ความหิวโหย ถูกกดดันหรือข่มขู่ ฯลฯ เช่นนี้ให้กุนูตในทุกๆ ละหมาดวาญิบ
- กุนูตในละหมาดวาญิบทุกเวลา ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะปกติหรือภาวะอันตราย
- ไม่กุนูตในทุกละหมาด
ข.   ช่วงกุนูตคือเมื่อเงยขึ้นจากรุกัวะอฺในรอการอัตสุดท้าย
ค.   การอ่านดุอาอฺกุนูต สุนัตให้ยกสองมือแต่ไม่สุนัตให้ลูบใบหน้ามีเพียงบางทัศนะที่เห็นว่าอนุญาตให้ลูบหน้า และห้ามยกมือ แต่ทุกทัศนะเห็นว่าการลูบอก
ถือเป็นมักรุฮฺ ดุอาอฺกุนูตนั้นไม่มีดุอาอฺเฉพาะ ดุอาอฺที่ว่า "อัลลอฮุมมะฮฺดินี...................." เป็นที่ยอมรับกันอย่างแพร่หลาย แต่ที่ถูกต้องคือ กุนูตนั้นเป็นเพียงสุนัต
และมิได้เป็นองค์ประกอบที่จะทำให้ละหมาดสมบูรณ์แต่ประการใด (ดูซะเราะฮฺ นะวะวี เล่มที่ 2 หน้า 319)

4."อ่านดุอาอ์ค่อตัมอัลกุรอานในละหมาดคืนที่ 27 - 28 ของเดือนร่อมะฏอน  แล้วมีหะดิษบุคคอรีและมุสลิมระบุไว้เปล่า?"
ตอบ : สำหรับข้อนี้ผมก็ไม่ทราบ แล้วก็ไม่ได้ปฏิบัติ และไม่เคยได้ยิน (ถ้าไม่ได้ปล่อยให้ผ่านหูไปโดยไม่ได้ฟัง)
ขอให้ท่านบอกรายละเอียดมาให้มากกว่านี้ เพื่อผมจะได้นำไปถามผู้รู้ท่านต่างๆ และจะได้นำไปค้นหาหลักฐานต่อไป
เพราะเท่าที่ทราบและเท่าที่เห็น ก็พบแต่เพียงว่า (อย่างเต็มที่) ก็อ่านอัลกุรอ่านคืนละยุซ จนจบสุดท้ายเมื่อคืนสุดท้ายของเดือนรอมฏอนเท่านั้น
ไม่เคยพบตามที่ท่านบอกมาแต่อย่างใด...จึงยินดีอย่างยิ่งถ้าท่านจะให้รายละเอียดที่มากขึ้นเกี่ยวกับคำถามนี้.....




ไม่มีหลักฐานจากอัลฮาดีษที่เชื่อถือได้ => ท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรอง => เมื่อท่านนบีฯ ไม่ได้ให้การรับรองก็หมายความว่า => อัลลอฮ์ก็ทรงไม่รับรอง

หลักง่ายๆ ในการจำสำหรับการปฏิบัติสิ่งใดๆ ในชีวิต

ถ้าเรื่องดุนยา = มีหลักฐานห้ามหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ทำ...

เรื่องศานา = มีหลักฐานใช้ให้ทำหรือเปล่า? ไม่มี เอ้า ! ไม่ทำ...

ก็มันง่ายๆ แค่เนี้ยะ .... จะไปทำให้มันยากทำไมกับชีวิต?

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ฮาดีษที่ผมยกมาก็บอกอยู่เนี่ยว่า

"หลังจากบุคคลใดๆ ได้ตายลง การงานผลบุญถูกตัด เหลือเพียง 3 ทางเท่านั้น ที่จะได้รับผลบุญ"

ท่านก็ยังดันมาบอกอีกว่า อะมัลของคนอื่นที่มอบให้ไม่ขาดตอน ท่านก็ให้ไปเถอะครับ ให้ไปให้พอ ในเมื่อการที่ท่านให้ไม่ได้อยู่
ในทั้ง 3 ข้อ ที่จะทำให้ผู้ตายได้รับผลบุญ ต่อให้ท่านให้ไปเท่าไหร่ ยังไงๆ ผู้ตายก็ไม่ได้รับอยู่ดี ท่านทำเป็นให้คนอื่น ท่านเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะครับ

السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

คุณ เด็กน้อย ๆ ครับ  ไม่มีหนังสือหะดิษเล่มใดและท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ไม่เคยบอกว่า ""การงานผลบุญถูกตัด"   ตามที่คุณอ้างมานะครับ หากมีโปรดนำตัวบทมาเสนอให้อย่างถูกต้องด้วยครับ  การนำเสนอทัศนะและความเห็นนั้น  ไม่เป็นไรครับ แต่การอ้างหะดิษนบี  เราต้องนำเสนออย่างถูกต้อง  เพื่อหลักการจะได้ไม่ถูกบิดเบือนนะครับ
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
นั่นไง ผมว่าแล้ววววววววววววววววววว  ว่าท่านนูรุ้ลอิสลามที่เคารพ ท่านนี่มันมั่วอร่อยจริงๆ ท่านแก่แล้วรึยังไงครับ? สายตาท่านถึงได้ฝ้าฟางจริงๆ
ฮาดีษที่ผมยกมาก็บอกอยู่เนี่ยว่า

"หลังจากบุคคลใดๆ ได้ตายลง การงานผลบุญถูกตัด เหลือเพียง 3 ทางเท่านั้น ที่จะได้รับผลบุญ"

ท่านก็ยังดันมาบอกอีกว่า อะมัลของคนอื่นที่มอบให้ไม่ขาดตอน ท่านก็ให้ไปเถอะครับ ให้ไปให้พอ ในเมื่อการที่ท่านให้ไม่ได้อยู่
ในทั้ง 3 ข้อ ที่จะทำให้ผู้ตายได้รับผลบุญ ต่อให้ท่านให้ไปเท่าไหร่ ยังไงๆ ผู้ตายก็ไม่ได้รับอยู่ดี ท่านทำเป็นให้คนอื่น ท่านเอาตัวเองให้รอดก่อนเถอะครับ

เรื่องผลบุญได้ผู้ตายจะได้รับหรือถึงผู้ตายหรือไม่นั้น  มัซฮับทั้ง 3 คือมัซฮับอิมามอบูหะนีฟะฮ์  มัซฮับอิมามมาลิก  และมัซฮับอิมามอะห์มัด บิน ฮัมบัล ถือว่าคนตายได้รับผลบุญและผลบุญก็ถึงผู้ตาย  และมัซฮับอิมามชาฟิอีย์นั้นก็ถึงผู้ตายเช่นเดียวกันแต่ต้องด้วยการขอดุอาอ์เป็นสื่อ   หลักฐานของสะลัฟเหล่านี้เพียบครับคุณเด็กน้อยๆ  สงสัยต้องตั้งกระทู้ไหม่เป็นเอกเทศเพื่อจะได้จับให้อยู่ ไม่งั้นคุณเด็กน้อยๆก็เป็นปลาไหลไปเรื่อย  ;D

คุณเด็กน้อยๆ อ้างหะดิษนบีความว่า

ท่านนูรุ้ลอิสลามที่เคารพ ท่านนี่มันมั่วอร่อยจริงๆ ท่านแก่แล้วรึยังไงครับ? สายตาท่านถึงได้ฝ้าฟางจริงๆ
ฮาดีษที่ผมยกมาก็บอกอยู่เนี่ยว่า
"หลังจากบุคคลใดๆ ได้ตายลง การงานผลบุญถูกตัด เหลือเพียง 3 ทางเท่านั้น ที่จะได้รับผลบุญ"

ดูซิครับท่านพี่น้อง  คนตาดีๆและรอบครอบอย่างคุณเด็กน้อยๆ นี่   แปลหะดิษได้ตามอารมณ์ที่ตนเองจะเอาเสียจริงๆ  บิดเบือนถ้อยคำของท่านนบีโดยแท้    คุณเด็กน้อยๆ อ้างหะดิษนบีว่า "การงานผลบุญถูกตัด"  ทั้งที่ตัวบทจริงๆ กล่าวว่า "อะมัลของเขาขาดขาดตอน"   ซึ่งหมายถึงประโยชน์อะมัลของเขาเองนั้น ขาดตอนเหลือเพียงสามอย่าง  ซึ่งหะดิษนี้ไม่ได้ปฏิเสธอะมัลของบุคคลอื่นที่มอบฮะดียะฮ์ให้แก่มัยยิดและนี้ก็เป็นความเข้าใจของสะลัฟ  ไม่ใช่แนวทางของวะฮาบีย์มัซฮับของเด็กน้อยๆคนนี้    ;D

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ท่านอยู่ดีๆ ก็เข้ามาตอบไม่ได้รู้เรื่องด้วยซ้ำ ว่าเค้าสนทนาประเด็นไหนกันอยู่ ท่านไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากระทู้ก่อนหน้าของผมที่ถูกเว็บมาสเตอร์ลบไปคืออันนี้...

หัวข้อกระทู้ : มิน่าละ เว็บมาสเตอร์ถึงไม่อยากให้ใครอ่านกระทู้นั้น เพราะท่านมีผลประโยชน์นี่เอง
ข้อความกระทู้ :
"ก็อย่างที่บอกครับ ท่านเว็บมาสเตอร์ผู้ทรงคุณวุฒิ ท่านอย่ามัวแต่ลบเลยครับ....

คุณเด็กน้อยๆ ครับ วะฮาบีย์และชีอะฮ์ เคยลบกระทู้ของน้องเว๊บมาสเตอร์กันมาแล้วนะครับ แต่วะฮาบีย์ลบมากกว่าชีอะฮ์ 

      การลบลิงค์เว๊บไซต์ที่ชอบฮุกุ่มแนวทางอื่นบิดอะฮ์ลุ่มหลงนั้น  อุดมการณ์ทางเว๊บไซต์นักศึกษาฯนี้ ขอสงวนครับเพราะมันเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของเว๊บไซต์อาหรับทั่วไป   เช่นเว๊บไซต์อาหรับแนวทางวะฮาบีทั้งหลายก็จะกีดกันและลบการอ้างอิงเว๊บไซต์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์โดยตลอด  เมื่อเป็นเช่นนั้นเว๊บไซต์ของอัลอะชาอิเราะฮ์จึงออกกฏห้ามลิงค์เผยแพร่เว๊บไซต์ของวะฮาบีย์ทั้งหลายให้เข้ามาอยู่ในเว๊บไซต์ของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์อัลอิชาอิเราะฮ์เช่นกัน  ยิ่งกว่านั้นบางเว๊บไซต์ของอัลอะชาอิเราะฮ์ถูกกีดกันจากซาอุฯด้วยซ้ำ

ผมสังเกตุดูเห็นว่า  ล่าสุดท่านน้องแอ๊ดมินได้ทำการอ้างอิงเว๊บไซต์อิกเราะอฺ  ในกระทู้

http://www.sunnahstudents.com/forum/index.php?topic=731.msg7425#msg7425

      ซึ่งผมสังเกตุเห็นว่าน้องเว๊บมาสเตอร์เองก็ลบลิงค์ของเว๊บไซต์อิกเราะอ์เช่นเดียวกันก่อนหน้าที่คุณเด็กน้อยๆจะมาอ้างอิงหลังจากนี้เสียอีก  นั่นก็เพราะว่าหลังจากที่เว๊บไซต์อิกเราะอฺทำการฮุกุ่มแนวทางอื่นทุกๆแนวทางเป็นบิดอะฮ์เบี่ยงเบน  จึงไม่ได้รับการยอมในการอ้างอิงลิงค์  น้องเว๊บมาสเตอร์ยังบอกว่าอีกว่า  แม้เว๊บไซต์ของแซะริฏอ  เว๊บไซต์ของชีอะฮ์ก็ถูกลบลิงค์มาโดยตลอด  แต่คุณเด็กน้อยๆวะฮาบีย์คนนี้  เข้าบ้านคนอื่นโดยไมรู้กฏเกณฑ์  คงเป็นเพราะว่าเขาเพิ่งเข้ามาเสวนาในเว๊บไซต์แห่งนี้มั้ง

      การลบข้อความต่างๆนั้นมีให้เห็นเยอะแยะไป  โดยเฉพาะการนำเสนอของพวกเรา  ผมได้ติดตามและสังเกตุการเสวนาของน้องๆและพี่น้องในเว๊บต่างๆของวะฮาบีย์  เราก็จะพบว่าเว๊บไซต์วะฮาบีเองจะลบกระทู้ของเราเยอะเหมือนกัน หรือไม่ก็ล๊อกกระทู้แบบไร้เหตุผลไปเลย  เพราะกลัวว่าแนวทางวะฮาบีจะถูกแฉข้อเท็จจริง  อย่างเว๊บมรดกฯ น้องเว๊บมาสเตอร์เคยโพสต์เรื่องตัลกีนและเรื่องกุนูตแต่ถูกลบไปเฉยเลย  ไปเสวนาเว๊บแชะริฏอก็ถูกลบกระทู้ไปสองกระทู้ไม่รู้ว่าแซะริฏอกลัวหลักการวะฮาบีจะถูกแฉหรืออย่างไร  กระทู้ต่างๆที่นำเสนอหลักการของวะฮาบีในมุสลิมไทยเอง ก็ถูกลบกระทู้โดยตลอด (นั่นอาจจะเป็นเพราะสมาชิกที่เป็นวะฮาบีแจ้งให้เจ้าหน้าที่ลบเพราะเกรงจะเสียผลประโยชน์ทางอุดมการณ์) เมื่อก่อนมุสลิมไทยเองก็มี กระดานเสวนาเชิงลึก  ซึ่งจะโต้หลักการของวะฮาบีเป็นส่วนมาก  แต่รู้สึกว่าวะฮาบีจะเสียผลประโยชน์เชิงอุดมการณ์โดยการเรียกร้องจากสมาชิกวะฮาบีย์ให้เปิด  กระดานเสวนาเชิงลึกก็เลยต้องเป็นอันถูกปิดลงไป  แต่ยังดีที่น้องๆได้ก๊อบเอาไว้  ส่วนเว๊บมุรีดเองก็ลบการเสวนาของเราเยอะครับเพราะหลักการของพวกเขาถูกเปิดโปง

     และผมเองก็คิดว่าหากคุณเด็กน้อยๆนำเสนอข้อมูลในเชิงใดก็ตาม โดยอ้างอิงลิงค์จากเว๊บไซต์ที่ชอบฮุกุ่มพีน้องมุสลิมเป็นพวกบิดอะฮ์  ก็คงต้องถูกเว๊บมาสเตอร์ลบทั้งนั้นแหละครับ  หวังว่าเด็กน้อยๆสังกัดวะฮาบีย์คงเข้าใจ๋

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
ไปนั่งอ่านอีซีกูโบร์ไม่ต้องรับตังค์ได้มั้ยครับ? กลับมาเป็นอีหม่ามที่บ้านเกิดแล้วทำเพื่ออัลลอฮ์ไปเลย ไม่ต้องรับตังค์
เอาผลบุญดีกว่ากันแยะ ทำได้มั้ยครับ?

ถ้าไม่ได้ ก็หนีไม่ได้ที่จะถูกตราหน้าว่า โต๊ะครูทำงานศาสนาไม่อิคลาส แต่ทำแล้วหาผลประโยชน์จากคนในชุมชน

ขอแค่เนี้ยะมันมากตรงไหน?

1.ไปกินอย่างเดียวไม่ต้องรับซองได้ป่ะ หลายคนมาอ่านให้คนตายน่ะ มันหลายตังค์อยู่นา
2.ไปนั่งที่กุโบร์อ่านไปเลยครับ แต่ไม่มีตังค์ให้อ่ะ เพราะเชื่อว่าโต๊ะครูที่เคารพต้องช่วยเหลือลูกญามาอะฮ์เพื่ออัลลอฮ์อยู่แล้ว

กินบุญมาเยอะแล้ว ทำบุญมั่งเถอะครับท่าน...

   แหม...คุณเด็กๆน้อยนี่  สุดๆไปเลยครับ  แสนรู้ไปหมดทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องความอิคลาศ  ผมเห็นบรรดาอาจารย์วะฮาบีย์ชอบปราศัยกันปาวๆ  แต่ก็รับตังค์ค่าปราศัยเหมือนกัน  ไม่รู้อิคลาสกันหรือเปล่า หรือว่าหากินด้วยกับการด่าคน   ผมเห็นคณะอาจารย์วะฮาบีย์บางกลุ่มแยกวงมาตั้งมูลนิธิมรดกอิสลาม  เพราะขัดแย้งกันเรื่องตังค์ไม่ใช่หรือครับพี่น้อง  ได้ข่าวว่าตั้งค่าตัวปราศัยกันด้วยอ่ะ  เคยแตกคอกันเพราะเรื่องตังค์  ;D

และกรณีของคุณเด็กน้อยๆ ขอร้องว่า ไม่รับซองได้เปล่านั้น  ก็ขอตอบว่า --  ได้ขอรับ -- 

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
อยากให้ท่านรณรงค์ผู้คน โต๊ะครูในสายของท่าน ช่วยกินบุญบ้านคนตายแล้วไม่ต้องรับซองได้รึเปล่า? สงสารเด็กกำพร้าครับ...

เรื่องเด็กกำพร้าน่ะ  ทางเราได้ชี้แจงจุดยืนไว้ที่มุสลิมไทยเรียบร้อยแล้วนะครับ  และน้องเว๊บมาสเตอร์เขาก็ลิงค์มาให้แล้วน่ะได้ไม่รู้กระทู้ใหนเห็นแว๊บๆ  ไปอ่านดูบ้างซิแต่ทางเราเสวนาไปเยอะคุณคงขี้เกียจไปอ่าน  ก็เลยเสวนาซ้ำๆไปซ้ำๆมา

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
1."แล้วที่วะฮาบีย์มักกะฮ์เขาทำกันน่ะ  มันมีในหะดิษบุคอรีและมุสลิมหรือเปล่า  เช่น ละหมาดตะฮัจยุดเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดหะรอมทั้งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยทำในเดือนรอมะฏอนซึ่งในบุคอรีและมุสลิมมีเหรือเปล่า?"
ตอบ : มีหลักฐานการละหมาดในเวลากลางคืนพร้อมกับท่านนบีฯ ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม
   อ้างจากส่วนที่ 18 "การละหมาดสุนัตและดุอาอฺของท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ในช่วงกลางคืน" หน้า 365 ฮาดีษลำดับที่ 737
"จากอิบนุ อับบาสเล่าว่า คืนหนึ่งฉันได้พักค้างอยู่ที่บ้านน้าสาวของฉัน คือมัยมูนะฮฺ ท่านนบี ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้ตื่นขึ้นมาในช่วงกลางคืน
ทำธุระของท่าน(หมายถึงปัสสาวะ) ล้างหน้า ล้างมือแล้วนอนอีก ต่อมาก็ตื่นอีก ท่านไปที่ถุงหนังใส่น้ำ แก้เชือกผูกออก ต่อมาท่านได้อาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์
โดยใช้น้ำน้อยแต่ก็สมบูรณ์ ต่อจากนั้นท่านก็ได้ละหมาด ฉันเองก็ลุกขึ้นละหมาดทำอย่างที่ท่านทำ โดยฉันไม่อยากให้ท่านรู้ว่า ฉันกำลังสังเกตท่านอยู่
ฉันจึงได้อาบน้ำละหมาด เมื่อท่านได้ละหมาด ฉันก็ได้ยืนละหมาดอยู่ทางซ้ายท่าน ท่านได้จับมือฉันย้ายฉันมาไว้ทางขวาท่าน ฉันได้ละหมาดตามท่านรสูล
ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม อย่างสมบูรณ์ในคืนนั้นสิบสามรอกาอัต ต่อมาท่านก็ได้เอนนอนแล้วหลับไปจนกรน เมื่อท่านหลับจนกรนนั้น ได้ยินเสียงบิล้าล
อะซานเพื่อละหมาดศุบุฮฺ ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้ลุกขึ้นละหมาด โดยไม่ได้อาบน้ำละหมาดใหม่ และท่านขอในดุอาอฺว่า อัลลอฮุมมัจอัล.........
...........นูรอน "โอ้-อัลลอฮฺ ขอได้โปรดให้หัวใจของฉันเป็นรัศมี ดวงตาของฉันเป็นเช่นรัศมี หูของฉันเป็นเช่นรัศมี ด้านขวา ซ้าย บน ล่าง หน้า หลังของฉัน
เป็นรัศมี และขอได้โปรดให้รัศมีเป็นเช่นความยิ่งใหญ่แห่งฉันด้วยเถิด" "
   ฮาดีษลำดับที่ 738 หน้า 366
"จากกุรัยบฺ ผู้เคยเป็นทาสของอิบนุ อับบาสเล่าว่า อิบนุ อับบาส ได้เคยบอกกับเขาว่า คืนหนึ่งฉันได้พักค้างคืนที่บ้านของมัยมูนะฮฺ ผู้เป็นอุมมุล มุอฺมินีนซึ่ง
เป็นน้าสาวของเขา เล่าว่า ฉันได้นอนพักอยู่บนหมอนชั่วคราว ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้นอนพักเอนหลังอยู่ โดยมีครอบครัวของท่าน(ภรรยา)
นอนตามขวางอยู่ ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม นอนไปจนถึงครึ่งคืน ก่อนหรือหลังเล็กน้อย ท่านก็ตื่นขึ้น เอามือลูบหน้า (เพื่อให้หายง่วง) ต่อจาก
นั้นก็อ่านสิบอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺอาลิอิมรอน แล้วจึงเดินไปที่ถุงหนังน้ำเก่าๆ ท่านอาบน้ำละหมาดอย่างสวยงามหมดจด แล้วละหมาดสุนัต อิบนุ อับบาส
กล่าวว่า ฉันเองก็ยืนขึ้นละหมาด ฉันทำเช่นเดียวกับที่ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ทำ (หมายถึงเรื่องอาบน้ำละหมาดและอื่นๆ) เสร็จแล้วก็ไปยืนข้างๆ
ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้เอามือขวาของท่านมาจับที่ศรีษระของฉัน จับที่หูดึงให้ฉันย้ายไปทางขวา ท่านได้ละหมาดสองรอกาอัต อีกสอง
รอกาอัต อีกสองรอกาอัต อีกสองรอกาอัต อีกสองรอกาอัต และอีกสองรอกาอัต ต่อจากนั้นได้ละหมาดวิติรฺ แล้วนอนเอนกายพัก จนกระทั่งมุอัซซินได้มา
ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม จึงได้ละหมาดสุนัต สองรอกาอัตอย่างเร็ว และได้ออกมาที่มัสยิด และได้ละหมาดศุบุฮฺ"
   อ้างจากส่วนที่ 19 "การอ่านนานในละหมาดกลางคืน" หน้า 372 ฮาดีษลำดับที่ 744
"จากหุซัยฟะฮ์ (อิบนุ อัลยะมาน)เล่าว่า คืนหนึ่งฉันได้ละหมาดพร้อมกับท่านนบี ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัมท่านเริ่มต้น (ในรอกาอัตแรกหลังฟาติหะฮฺ) ด้วยสูเราะฮฺ อัลบะกอเราะฮ์ ฉันคิดว่า ท่านรอซู้ล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม จะรุกัวอฺ ขณะที่อ่านได้ร้อยอายะฮฺแล้ว
ท่านก็ยังอ่านต่อไป (ท่านยังไม่รุกัวอฺ) ฉันจึงคิดว่าท่านคงอ่านสูเราะฮฺสำหรับรอกาอัตแรก ฉันคิดว่าท่านจะรุกัวอฺเมื่อได้อ่านจบสูเราะฮฺ ต่อมาก็เริ่มอ่านสูเราะฮฺ
อันนิสาอฺอีก แล้วอ่านสูเราะฮฺอาลิอิมรอนเป็นลำดับต่อมา โดยท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม อ่านอย่างชัดถ้อยคำ เมื่อท่านอ่านถึงอายะฮฺที่กล่าวสดุดีตัสบีหฺ
ท่านจะกล่าวตัสบีหฺ เมื่ออ่านถึงอายะฮฺที่เกี่ยวกับการขอ ท่านก็จะขอ และอ่านผ่านอายะฮฺที่ขอความคุ้มครอง ท่านก็จะขอความคุ้มครอง ต่อจากนั้นก็รุกัวะอฺ ซึ่งท่าน
รุกัวะอฺอย่างยาวนาน ปรากฏว่ารุกัวะอฺของท่านนั้นยาวนานเกือบเท่าเมื่อยืน ต่อจากนั้น(เอียะอฺติดาล) ท่านก็จะกล่าวว่า สะมิอัลลฮุ ลิมัน หะมิดะหฺ ต่อมาก็ยืนนาน
(ในช่วงเอียะอฺติดาล) เกือบเท่ากับรุกัวะอฺ แล้วจึงสุญูดโดยกล่าวในช่วงสุญูดว่า สุบหานะร็อบบิยัลอะอฺลา ซึ่งความนานในสุญูดนั้นใกล้เคียงกับการยืน"
   และฮาดีษลำดับที่ 745 หน้า 373
"จากอับดุลลอฮฺเล่าว่า ครั้งหนึ่งฉันได้ละหมาดพร้อมกับท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ท่านละหมาดนานจนฉันคิดไปในทางที่ไม่ดีต่างๆ นานา
เขาเล่าอีกว่าถึงขนาดมีคนถาม(เขา)ว่า ที่ฉันคิดไม่ดีนั้นคืออะไร เขาเล่าว่า ฉันตอบว่า ฉันคิดจะนั่งลงและปล่อยท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ไว้"

       ท่านนะบีละหมาดตะฮัจญุดในบ้านน่ะครับ แล้วท่านอิบนุอับบาสก็ละหมาดพร้อมกับท่านนบี  โดยที่ท่านนบีไม่ได้เรียกบรรดาซอฮาบะฮ์ไปร่วมตัวเป็นยะมาอะฮ์ละหมาดตะฮัจญุดที่มัสยิดนี่ครับ  ชัดเจนครับ  ;D  พอเวลาละหมาดอีด วะฮาบีย์ก็พยายามเรียกร้องให้ละหมาดอีดที่กลางทุ่ง เพราะท่านนบีไม่ได้ทำการละหมาดอีดในมัสยิด เลยไปฮุกุ่มบิดอะฮ์กระแนะกระแหนผู้ที่ทำละหมาดอีดในมัสยิด  แต่เวลาท่านนบีละหมาดตะฮัจญุดที่บ้านไม่เคยละหมาดที่มัสยิดเลย  วะฮาบีย์กลับพยายามไขว่คว้าอ้างหลักฐานมามาสนับสนุนทัศนะของตนในการละหมาดตะฮัจญุดที่เป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดนั้น คือซุนนะฮ์นบี ทั้งที่นบี(ซ.ล.)ก็ไม่เคยทำ  ;D

 

GoogleTagged