เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
สุดท้ายท่านก็ทำไม่ได้ ต่อไปท่านก็โดนชาวบ้านครหาแน่นอนครับ ^_^
นูรุ้ลอิสลาม:
--- อ้างจาก: เด็กน้อยๆ ที่ ก.ค. 29, 2007, 03:25 PM ---ไปนั่งอ่านอีซีกูโบร์ไม่ต้องรับตังค์ได้มั้ยครับ? กลับมาเป็นอีหม่ามที่บ้านเกิดแล้วทำเพื่ออัลลอฮ์ไปเลย ไม่ต้องรับตังค์
เอาผลบุญดีกว่ากันแยะ ทำได้มั้ยครับ?
ถ้าไม่ได้ ก็หนีไม่ได้ที่จะถูกตราหน้าว่า โต๊ะครูทำงานศาสนาไม่อิคลาส แต่ทำแล้วหาผลประโยชน์จากคนในชุมชน
ขอแค่เนี้ยะมันมากตรงไหน?
1.ไปกินอย่างเดียวไม่ต้องรับซองได้ป่ะ หลายคนมาอ่านให้คนตายน่ะ มันหลายตังค์อยู่นา
2.ไปนั่งที่กุโบร์อ่านไปเลยครับ แต่ไม่มีตังค์ให้อ่ะ เพราะเชื่อว่าโต๊ะครูที่เคารพต้องช่วยเหลือลูกญามาอะฮ์เพื่ออัลลอฮ์อยู่แล้ว
กินบุญมาเยอะแล้ว ทำบุญมั่งเถอะครับท่าน...
--- End quote ---
แหม...คุณเด็กๆน้อยนี่ สุดๆไปเลยครับ แสนรู้ไปหมดทุกเรื่องแม้กระทั่งเรื่องความอิคลาศ ผมเห็นบรรดาอาจารย์วะฮาบีย์ชอบปราศัยกันปาวๆ แต่ก็รับตังค์ค่าปราศัยเหมือนกัน ไม่รู้อิคลาสกันหรือเปล่า หรือว่าหากินด้วยกับการด่าคน ผมเห็นคณะอาจารย์วะฮาบีย์บางกลุ่มแยกวงมาตั้งมูลนิธิมรดกอิสลาม เพราะขัดแย้งกันเรื่องตังค์ไม่ใช่หรือครับพี่น้อง ได้ข่าวว่าตั้งค่าตัวปราศัยกันด้วยอ่ะ เคยแตกคอกันเพราะเรื่องตังค์ ;D
และกรณีของคุณเด็กน้อยๆ ขอร้องว่า ไม่รับซองได้เปล่านั้น ก็ขอตอบว่า -- ได้ขอรับ --
นูรุ้ลอิสลาม:
--- อ้างจาก: เด็กน้อยๆ ที่ ก.ค. 29, 2007, 03:25 PM ---อยากให้ท่านรณรงค์ผู้คน โต๊ะครูในสายของท่าน ช่วยกินบุญบ้านคนตายแล้วไม่ต้องรับซองได้รึเปล่า? สงสารเด็กกำพร้าครับ...
--- End quote ---
เรื่องเด็กกำพร้าน่ะ ทางเราได้ชี้แจงจุดยืนไว้ที่มุสลิมไทยเรียบร้อยแล้วนะครับ และน้องเว๊บมาสเตอร์เขาก็ลิงค์มาให้แล้วน่ะได้ไม่รู้กระทู้ใหนเห็นแว๊บๆ ไปอ่านดูบ้างซิแต่ทางเราเสวนาไปเยอะคุณคงขี้เกียจไปอ่าน ก็เลยเสวนาซ้ำๆไปซ้ำๆมา
นูรุ้ลอิสลาม:
--- อ้างจาก: เด็กน้อยๆ ที่ ก.ค. 29, 2007, 03:29 PM ---1."แล้วที่วะฮาบีย์มักกะฮ์เขาทำกันน่ะ มันมีในหะดิษบุคอรีและมุสลิมหรือเปล่า เช่น ละหมาดตะฮัจยุดเป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดหะรอมทั้งที่ท่านนบี(ซ.ล.)ไม่เคยทำในเดือนรอมะฏอนซึ่งในบุคอรีและมุสลิมมีเหรือเปล่า?"
ตอบ : มีหลักฐานการละหมาดในเวลากลางคืนพร้อมกับท่านนบีฯ ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม
อ้างจากส่วนที่ 18 "การละหมาดสุนัตและดุอาอฺของท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ในช่วงกลางคืน" หน้า 365 ฮาดีษลำดับที่ 737
"จากอิบนุ อับบาสเล่าว่า คืนหนึ่งฉันได้พักค้างอยู่ที่บ้านน้าสาวของฉัน คือมัยมูนะฮฺ ท่านนบี ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้ตื่นขึ้นมาในช่วงกลางคืน
ทำธุระของท่าน(หมายถึงปัสสาวะ) ล้างหน้า ล้างมือแล้วนอนอีก ต่อมาก็ตื่นอีก ท่านไปที่ถุงหนังใส่น้ำ แก้เชือกผูกออก ต่อมาท่านได้อาบน้ำละหมาดอย่างสมบูรณ์
โดยใช้น้ำน้อยแต่ก็สมบูรณ์ ต่อจากนั้นท่านก็ได้ละหมาด ฉันเองก็ลุกขึ้นละหมาดทำอย่างที่ท่านทำ โดยฉันไม่อยากให้ท่านรู้ว่า ฉันกำลังสังเกตท่านอยู่
ฉันจึงได้อาบน้ำละหมาด เมื่อท่านได้ละหมาด ฉันก็ได้ยืนละหมาดอยู่ทางซ้ายท่าน ท่านได้จับมือฉันย้ายฉันมาไว้ทางขวาท่าน ฉันได้ละหมาดตามท่านรสูล
ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม อย่างสมบูรณ์ในคืนนั้นสิบสามรอกาอัต ต่อมาท่านก็ได้เอนนอนแล้วหลับไปจนกรน เมื่อท่านหลับจนกรนนั้น ได้ยินเสียงบิล้าล
อะซานเพื่อละหมาดศุบุฮฺ ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ก็ได้ลุกขึ้นละหมาด โดยไม่ได้อาบน้ำละหมาดใหม่ และท่านขอในดุอาอฺว่า อัลลอฮุมมัจอัล.........
...........นูรอน "โอ้-อัลลอฮฺ ขอได้โปรดให้หัวใจของฉันเป็นรัศมี ดวงตาของฉันเป็นเช่นรัศมี หูของฉันเป็นเช่นรัศมี ด้านขวา ซ้าย บน ล่าง หน้า หลังของฉัน
เป็นรัศมี และขอได้โปรดให้รัศมีเป็นเช่นความยิ่งใหญ่แห่งฉันด้วยเถิด" "
ฮาดีษลำดับที่ 738 หน้า 366
"จากกุรัยบฺ ผู้เคยเป็นทาสของอิบนุ อับบาสเล่าว่า อิบนุ อับบาส ได้เคยบอกกับเขาว่า คืนหนึ่งฉันได้พักค้างคืนที่บ้านของมัยมูนะฮฺ ผู้เป็นอุมมุล มุอฺมินีนซึ่ง
เป็นน้าสาวของเขา เล่าว่า ฉันได้นอนพักอยู่บนหมอนชั่วคราว ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ได้นอนพักเอนหลังอยู่ โดยมีครอบครัวของท่าน(ภรรยา)
นอนตามขวางอยู่ ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม นอนไปจนถึงครึ่งคืน ก่อนหรือหลังเล็กน้อย ท่านก็ตื่นขึ้น เอามือลูบหน้า (เพื่อให้หายง่วง) ต่อจาก
นั้นก็อ่านสิบอายะฮฺสุดท้ายของสูเราะฮฺอาลิอิมรอน แล้วจึงเดินไปที่ถุงหนังน้ำเก่าๆ ท่านอาบน้ำละหมาดอย่างสวยงามหมดจด แล้วละหมาดสุนัต อิบนุ อับบาส
กล่าวว่า ฉันเองก็ยืนขึ้นละหมาด ฉันทำเช่นเดียวกับที่ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ทำ (หมายถึงเรื่องอาบน้ำละหมาดและอื่นๆ) เสร็จแล้วก็ไปยืนข้างๆ
ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้เอามือขวาของท่านมาจับที่ศรีษระของฉัน จับที่หูดึงให้ฉันย้ายไปทางขวา ท่านได้ละหมาดสองรอกาอัต อีกสอง
รอกาอัต อีกสองรอกาอัต อีกสองรอกาอัต อีกสองรอกาอัต และอีกสองรอกาอัต ต่อจากนั้นได้ละหมาดวิติรฺ แล้วนอนเอนกายพัก จนกระทั่งมุอัซซินได้มา
ท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม จึงได้ละหมาดสุนัต สองรอกาอัตอย่างเร็ว และได้ออกมาที่มัสยิด และได้ละหมาดศุบุฮฺ"
อ้างจากส่วนที่ 19 "การอ่านนานในละหมาดกลางคืน" หน้า 372 ฮาดีษลำดับที่ 744
"จากหุซัยฟะฮ์ (อิบนุ อัลยะมาน)เล่าว่า คืนหนึ่งฉันได้ละหมาดพร้อมกับท่านนบี ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัมท่านเริ่มต้น (ในรอกาอัตแรกหลังฟาติหะฮฺ) ด้วยสูเราะฮฺ อัลบะกอเราะฮ์ ฉันคิดว่า ท่านรอซู้ล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม จะรุกัวอฺ ขณะที่อ่านได้ร้อยอายะฮฺแล้ว
ท่านก็ยังอ่านต่อไป (ท่านยังไม่รุกัวอฺ) ฉันจึงคิดว่าท่านคงอ่านสูเราะฮฺสำหรับรอกาอัตแรก ฉันคิดว่าท่านจะรุกัวอฺเมื่อได้อ่านจบสูเราะฮฺ ต่อมาก็เริ่มอ่านสูเราะฮฺ
อันนิสาอฺอีก แล้วอ่านสูเราะฮฺอาลิอิมรอนเป็นลำดับต่อมา โดยท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม อ่านอย่างชัดถ้อยคำ เมื่อท่านอ่านถึงอายะฮฺที่กล่าวสดุดีตัสบีหฺ
ท่านจะกล่าวตัสบีหฺ เมื่ออ่านถึงอายะฮฺที่เกี่ยวกับการขอ ท่านก็จะขอ และอ่านผ่านอายะฮฺที่ขอความคุ้มครอง ท่านก็จะขอความคุ้มครอง ต่อจากนั้นก็รุกัวะอฺ ซึ่งท่าน
รุกัวะอฺอย่างยาวนาน ปรากฏว่ารุกัวะอฺของท่านนั้นยาวนานเกือบเท่าเมื่อยืน ต่อจากนั้น(เอียะอฺติดาล) ท่านก็จะกล่าวว่า สะมิอัลลฮุ ลิมัน หะมิดะหฺ ต่อมาก็ยืนนาน
(ในช่วงเอียะอฺติดาล) เกือบเท่ากับรุกัวะอฺ แล้วจึงสุญูดโดยกล่าวในช่วงสุญูดว่า สุบหานะร็อบบิยัลอะอฺลา ซึ่งความนานในสุญูดนั้นใกล้เคียงกับการยืน"
และฮาดีษลำดับที่ 745 หน้า 373
"จากอับดุลลอฮฺเล่าว่า ครั้งหนึ่งฉันได้ละหมาดพร้อมกับท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ท่านละหมาดนานจนฉันคิดไปในทางที่ไม่ดีต่างๆ นานา
เขาเล่าอีกว่าถึงขนาดมีคนถาม(เขา)ว่า ที่ฉันคิดไม่ดีนั้นคืออะไร เขาเล่าว่า ฉันตอบว่า ฉันคิดจะนั่งลงและปล่อยท่านรสูล ซ็อลล็อลลอฮูอลัยฮิวะซัลลัม ไว้"
--- End quote ---
ท่านนะบีละหมาดตะฮัจญุดในบ้านน่ะครับ แล้วท่านอิบนุอับบาสก็ละหมาดพร้อมกับท่านนบี โดยที่ท่านนบีไม่ได้เรียกบรรดาซอฮาบะฮ์ไปร่วมตัวเป็นยะมาอะฮ์ละหมาดตะฮัจญุดที่มัสยิดนี่ครับ ชัดเจนครับ ;D พอเวลาละหมาดอีด วะฮาบีย์ก็พยายามเรียกร้องให้ละหมาดอีดที่กลางทุ่ง เพราะท่านนบีไม่ได้ทำการละหมาดอีดในมัสยิด เลยไปฮุกุ่มบิดอะฮ์กระแนะกระแหนผู้ที่ทำละหมาดอีดในมัสยิด แต่เวลาท่านนบีละหมาดตะฮัจญุดที่บ้านไม่เคยละหมาดที่มัสยิดเลย วะฮาบีย์กลับพยายามไขว่คว้าอ้างหลักฐานมามาสนับสนุนทัศนะของตนในการละหมาดตะฮัจญุดที่เป็นญะมาอะฮ์ในมัสยิดนั้น คือซุนนะฮ์นบี ทั้งที่นบี(ซ.ล.)ก็ไม่เคยทำ ;D
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version