เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
อาจารย์ท่านใดบ้างในเมืองไทยที่ท่านพี่น้องชื่นชอบในดวงใจ?
JuyA:
อัสลามูอาลัยกุม
อาจารย์ที่ผมรักมีหลายคน อาจารย์คนแรกของผมคืออาเยาะห์ ผมเองแหละ (รักสุดเลย) ;D
และตอนนี้ก็มีอาจารย์ใหม่ที่ผมอยากเป็นศิษย์ เช่น อ. อัลฮัซฮะรี อ.นุรุลอิสลาม อ.คนอยากรู้(สุดหล่อ) ;D
รับผมเป็นศิษย์ด้วยคนน่ะคับ ได้โปรดๆ :-* :-*
นูรุ้ลอิสลาม:
--- อ้างจาก: JuYa ที่ ส.ค. 09, 2007, 07:43 AM ---อัสลามูอาลัยกุม
และตอนนี้ก็มีอาจารย์ใหม่ที่ผมอยากเป็นศิษย์ เช่น อ. อัลฮัซฮะรี อ.นุรุลอิสลาม อ.คนอยากรู้(สุดหล่อ) ;D
รับผมเป็นศิษย์ด้วยคนน่ะคับ ได้โปรดๆ :-* :-*
--- End quote ---
วะอะลัยกุมุสลามครับท่านพี่น้อง
แสดงว่า บรรดาอาจารย์แถวนี้หล่อๆ ทั้งนั้นแหละครับ นอกจากกระผมหล่อมากกว่าบังอยากรู้นิดหนึ่ง หล่อน้อยกว่าน้องอัลฯ นิดหนึ่ง ;D สำหรับผมแล้วหากจะรับเป็นศิษย์ก็ต้องร่วมดื่มน้ำชาร่วมอุดมการณ์กันก่อนน่ะ ;D
จริงๆ แล้วทุกคนในนี้เป็นพี่น้องกันครับ คือพี่น้องที่นำเสนอความรู้และพี่น้องที่แสวงหาความรู้ อย่ามาเป็นศิษย์และอาจารย์กันเลยครับ มาเป็นพี่น้องกันดีกว่า เช่นพี่ใหญ่บังคนอยากรู้ น้องเล็กอัลฯ น้องรองอะรูชาห์ เป็นต้น ;D
almadany:
--- อ้างจาก: นูรุ้ลอิสลาม ที่ ส.ค. 09, 2007, 07:33 AM ---
--- อ้างจาก: konderndin1 ที่ ส.ค. 08, 2007, 06:19 PM --- ;) ;) ;)
และที่ลืมมิได้ก้อน้องชา อรูชาห์คะพี่น้อง
;D ;D ;D
หากผิดพลาดประการใดจงอภัยให้ด้วยนะพี่น้อง
--- End quote ---
พี่น้องจะลืมได้ไง ในเมื่อนิสิตปริญาโท น้องอรูชาห์ ของพวกเรา ก็คือ อาจารย์หญิงแห่งเว๊บไซต์นักศึกษาอะฮ์ลิสซุนนะฮ์ฯ แห่งนี้
และรู้สึกว่าจะมี ครูหญิงแห่งเว๊บไซต์นี้อีกคน กระผมไม่กล้าเอ่ย กลัวเขาจะอาย ;D
--- End quote ---
เพิ่งรู้ว่า...มีครูและอาจารย์หญิงที่มีความรู้ในเว๊บไซต์แห่งนี้ด้วย....ก็ว่าสมบูรณ์แบบครับ....ช่วยๆกันให้ครบองค์ประกอบในการนำเสนอความรู้...
al-um:
ให้ผมเปนลูกศิษคนเล็ก นะคร้าบ ;D ;D ;D
قطوف من أزاهير النور:
เหววอออ :o เป็นอาจารย์ได้ไง
สอนการบ้านน้องยังไม่ถูกเลย ;D
พี่คนเดินดินกล่าวเกินจริงไปแว้ว วว
ถ้าเป็นเช่นนั้น เราก็เป็นศิษย์กันและกันเนอะ ^^
อาจารย์ในดวงใจชาคนนี้ >>>>> http://www.miftahbandon.org/prasert_1.html (กีจุฬา..คนเก่า)
สมัยท่านอยู่ไม่ค่อยได้ตักตวงอะไรจากท่าน แต่ตอนนี้คิดถึงท่านชะมัด :'(
--- อ้างถึง ---
คุณครูผู้อยู่ในดวงใจของศิษย์ทุกคน
อะบูมุฮำหมัด
เช้าตรู่ของวันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม 2540 มุสลิมในประเทศไทยได้รับทราบข่าวการจากไปของจุฬาราชมนตรี ฮัจยีประเสริฐ มะหะหมัด ด้วยความอาลัยการจากไปของท่านไม่เพียงแต่เป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของครอบครัวท่านเท่านั้นแต่เป็น
ความสูญเสียของประเทศชาติ ที่ต้องสูญเสียบุคคลสำคัญ เป็นความสูญเสียของมวลมุสลิมที่ต้องสูญเสียบุคลากรอันมีค่า
ของสังคมที่ทุกคนให้การยอมรับ เป็นความสูญเสียของวงวิชาการที่ต้องขาดผู้เชี่ยวชาญในวิชาการศาสนาสาขาต่างๆ โดย
เฉพาะอย่างยิ่งวิชาฟิกฮ์ ซึ่งท่านเป็นผู้ที่มีความแตกฉานในด้านนี้ วิชาการของท่านไม่ได้ดับไปพร้อมกับตัวท่านก็จริงอยู่ เพราะท่านได้ถ่ายทอดมันไว้ให้แก่ศิษย์ของท่านรุ่นแล้วรุ่นเล่า แต่ความแตกฉานและความชำนาญของท่านจะมีสักกี่คนที่
ได้รับการถ่ายทอดเอาไว้ คงจะเป็นเพราะเหตุเช่นนี้ท่านนบีมุฮำหมัด (ซ.ล.) จึงได้กล่าวไว้ว่า
"พระองค์อัลเลาะห์จะไม่เก็บเอาวิชาความรู้ไปโดยตรา แต่พระองค์จะเก็บเอาวิชาความรู้ไปด้วยการเก็บชีวิตของผู้รู้จน
ไม่มีผู้รู้เหลืออยู่ ผู้คนก็จะเลือกเอาคนที่ไม่มีความรู้ขึ้นเป็นผู้นำ เมื่อมีผู้ไปถามเขา เขาก็จะตอบโดยขาดความรู้ เขาเอง
หลงผิดและยังทำให้ผู้อื่นหลงผิดอีกด้วย" รายงานโดยบุคอรี
ขณะที่ท่านใช้ชีวิตของความเป็นครู ท่านได้ทุ่มเทชีวิตจิตใจของท่าน ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้แก่ศิษย์ของท่านอย่าง
เต็มที่ ท่านเลิกการงานอาชีพทุกอย่างเพื่อใช้ชีวิตในการสอน ท่านเคยกล่าวว่า "เมื่อเราตั้งใจทำอะไร จะต้องทำให้จริง
จึงจะประสบผลสำเร็จ เมื่อตั้งใจสอน ก็จะต้องทุ่มเทและเสียสละทุกอย่างให้แก่การสอน"
ในแต่ละวันท่านจะเริ่มการสอนตั้งแต่หลังละหมาดซุบฮิ จนถึงเวลา 7.00 น. , ตั้งแต่เวลา 9.00 น จนถึงเวลา 12.00 น.
และตั้งแต่เวลา 13.00 น. จนถึงเวลา 15.00 น. ทุกวันทำการ และในวันเสาร์จะให้การอบรมแก่นักศึกษาผู้ใหญ่ตั้งแต่เวลา
10.00 น. จนถึงเวลา 12.00 น. ท่านรักษาเวลาในการสอนมาก ทุกวันท่านจะมาที่โรงเรียนทำการสอนตรงตามเวลาอย่างไม่รู้
จักเหน็ดเหนื่อย ท่านสอนด้วยเสียงดังชันเจน ถ้าจะมีใครหลบซ่อนอยู่ในปอเนาะโดยไม่ขึ้นเรียน ก็จะสามารถได้ยินเสียงของ
ท่านได้ที่ปอเนาะ ทั้งที่อยู่ห่างจากโรงเรียนพอสมควร และท่านมักจะกล่าวเตือนผู้ทำหน้าที่เป็นโฆษก ให้เริ่มรายการอบรม
ทันทีเมื่อถึงเวลา 10 นาฬิกาตรงในวันเสาร์ ท่านเป็นคนที่รักการสอนมาก แม้ในยามที่ท่านเจ็บป่วย ถ้าหากท่านยังพอทำ
หน้าที่ได้้ท่านก็จะต้องมาทำหน้าที่ และถ้าหากท่านไม่สามารถทำหน้าที่ได้ ท่านก็ยังไม่มอบหมายให้ผู้ใดมาทำการสอน
แทนท่านจนกว่าท่านจะมั่นใจว่าในวันนั้นท่านไม่สามารถทำหน้าที่ได้ด้วยตนเองเท่านั้น
ท่านให้ความรัก ความเอาใจใส่แก่ศิษย์ของท่านทุกคน ท่านเคยพูดว่า "เมื่อใดที่ฝนตก มักจะนอนไม่หลับเพราะเป็น
ห่วงลูกศิษย์ที่อาศัยอยู่ในปอเนาะว่า จะเปียกปอนกันบ้างหรือเปล่า เพราะหลังคาปอเนาะรั่ว" อันเป็นเหตุทำให้ท่านคิดสร้าง
หอพักถาวรขึ้นให้แก่ลูกศิษย์ของท่านและท่านจะอยู่เคียงข้างลูกศิษย์ของท่านเสมอ ในยามที่เกิดเรื่องเดือดร้อน ท่านไม่เคย
ปล่อยให้ลูกศิษย์ของท่านต้องเผชิญกับเรื่องเดือดร้อนโดยลำพังเลย ท่านจะเป็นผู้เข้ามาแก้ไขปัญหาต่างๆ ด้วยตัวท่านเอง และไม่เคยทอดทิ้ง สิ่งที่ท่านมักปรารภให้ศิษย์ฟังเสมอก็คือ ความเป็นห่วงต่อสถาบันมิฟตาฮ์ โดยกล่าวว่า"โรงเรียนจะตาย
ไม่ได้"ท่านได้พยายามจัดหากองทุนต่างๆ มาบำรุงการศึกษาของโรงเรียน โดยเฉพาะครูที่ทำการสอน ท่านได้มอบเงินช่วย
เหลือให้แก่ครูที่ช่วยทำการสอนทุกคน โดยท่านเองไม่ขอรับเงินใด ๆ แม้เงินช่วยเหลือที่ครูทั้งหลายจะได้รับจะเป็นจำนวน
เล็กน้อย แต่ทุกคนก็มีความตั้งใจที่จะสอนด้วยความเสียสละ ท่านเคยกล่าวว่า "ได้เคยขอดุอาให้มีโรงเรียน มีหอพักสำหรับ
นักเรียน อัลเลาะห์ก็ทรงรับดุอาแล้ว ยังขออยู่อีกอย่างหนึ่งคือ ให้มีเงินทุกให้แก่ครู่ที่มาช่วยทำการสอน เพื่อให้โรงเรียนยืนอยู่ได้ตลอดไป"
คำพูดประโยคนี้ท่านมักพูดให้ใครๆ ได้ยินอยู่เสมอ และแล้วอัลเลาะห์ก็ตอบสนองดุอาของท่าน เมื่อทางโรงเรียนได้จัดตั้ง
มูลนิธิโรงเรียนมิฟตาฮุ้ลอิลูมิดดีนียะห์ขึ้น เพื่อรองรับการหาทุนดำเนินการของโรงเรียน และได้มีผุ้มีใจอันเป็นกุศล ได้อุทิศ
ที่ดินวะกัฟให้จำนวน 1 ไร่ ในนามของมูลนิธิฯ เป็นที่ดินอยู่ในทำเลดีมากย่านรามคำแหง บุคคลนั้นคือตวนฮัจยีมุฮำหมัดนะวะวี ลีวัน (ขออัลเลาะห์ทรงเมตตา) และฮัจยะห์ฮับเซาะห์ ลีวัน และท่านได้รับบริจาคเงินเพื่อก่อสร้างอาคารหอพักเพื่อให้เช่าในที่
ดินดังกล่าว จนแล้วเสร็จเป็นอาคารสูง 4 ชั้น มีจำนวนห้องพักทั้งสิ้น 112 ห้อง รายได้ที่เกิดจากการเช่านำมาเป็นค่าใช้จ่าย
ในโรงเรียน และจ่ายเงินเดือนให้แก่ครู ท่านเคยพูดหลังจากได้รับตำแหน่งจุฬาราชมนตรีว่า "สิ่งที่ขอดุอาไว้ได้มาครบแล้ว
ส่วนตำแหน่งนี้เป็นสิ่งที่ไม่ได้มุ่งหวังไว้ เป็นสิ่งที่อัลเลาะห์มอบให้เกินจากที่ขอไว้"
เมื่อท่านได้รับตำแหน่งจุฬาราชมนตรี ท่านได้ใช้บุคลิกภาพ ความกล้าหาญและความจริงใจของท่าน เข้าแก้ปัญหา
ต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากความไม่เข้าใจกัน และความหวาดระแวงต่อกัน ระหว่างมุสลิมกับทางรัฐบาล จนในที่สุดปัญหาร้ายแรง
ต่างๆและความไม่เข้าใจกันที่เกิดขึ้นก็คลี่คลายลง จากผลงานของท่านที่ทำไว้ ทำให้ท่านได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรด
เกล้าพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์หลายครั้ง และทางมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ได้มอบปริญญา
บัตรศิลปะศาสตร์บัณฑิตกิตติมศักดิ์ให้แก่ท่าน และท่านยังได้รับคำชมเชยจากหน่วยราชการทั้งฝ่ายทหารและพลเรือนอีก
มากมาย
ท่านเป็นบุคคลที่มีค่าสำหรับพวกเรา ที่จะขอจารึกไว้ในความทรงจำตลอดไป...
--- End quote ---
อัสลามมุอะลัยกุม
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version