ผู้เขียน หัวข้อ: พิจารณาหะดิษอัลเลาะฮ์ไม่รับการเตาบะฮ์ผู้ทำบิดอะฮ์?  (อ่าน 4380 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป

บิสมิลลาฮ์

ท่านรอซูลุลอฮ์กล่าวว่า

?แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงปิดกกั้น-ไม่รับ-การเตาบะห์ของผู้ทำบิดอะห์ทุกคน จนกว่าเขาจะทิ้งการทำบิดอะห์นั้นเสีย? บันทึกโดยอัตติรมีซีย์

หะดิษนี้วะฮาบีย์ชอบอ้างมาขู่พี่น้องมุสลิมที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางเหมือนกับตน  หากหะดิษนี้ซอเฮี๊ยะห์จริง  ก็หมายถึงบิดอะฮ์ฏ่อลาละฮ์ (บิดอะฮ์ลุ่มหลง) บิดอะฮ์ที่เกี่ยวกับอะกีดะฮ์  และอุตริกรรมที่ไม่มีรากฐานจากศาสนามารับรอง

แต่ว่าวะฮาบีย์จะนำหะดิษนี้มาขู่พี่น้องมุสลิมที่มีทัศนะต่างกับคน  อะไรที่เป็นบิดอะอ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์  พวกเขาก็จะนำหะดิษนี้มาอ้างเพื่อให้คนกลัวว่า หากทำบิดอะฮ์(ตามทัศนะของฉัน)แล้ว  เตาบะฮ์ของคุณจะไม่ถูกตอบรับน่ะ   แม้บิดอะฮ์หะสะนะฮ์ (ตามทัศนะของนักปราชญ์เกือบทั้งหมด) วะฮาบีย์ยังฮุกุ่มเป็นบิดอะฮ์ลุ่มหลง  แล้วพยายามบอกว่าหากกระทำบิดอะฮ์หะสะนะฮ์  อัลเลาะฮ์จะไม่ตอบรับการเตาบะฮ์ของเขา!   นั่นก็แสดงว่านักปราชญ์ฟิกห์และนักปราชญ์หะดิษเกือบทั้งหมดที่ยอมรับบิดอะฮ์หะสะนะฮ์  ก็ส่งเสริมให้คนลงนรกกันซิครับ เพราะเตาบะฮ์เท่าใดอัลเลาะฮ์ก็ไม่รับ

ผลตามมาก็คือ 

หากพี่น้องท่านใดอ่านดุอากุนูต  อัลเลาะฮ์จะไม่รับการเตาบะฮ์  เพราะทำบิดอะฮ์ (ตามทัศนะของวะฮาบีย์)
หากพี่น้องท่านใดลูบหน้าหลังจากขอดุอาอ์  อัลเลาะฮ์จะไม่รับการเตาบะฮ์  เพราะทำบิดอะฮ์ (ตามทัศนะของวะฮาบีย์)
หากพี่น้องท่านใดละหมาดฮาญัต  อัลเลาะฮ์จะไม่รับการเตาบะฮ์  เพราะทำบิดอะอ์ (ตามทัศนะของวะฮาบีย์)
หากพี่น้องท่านใดไม่เชื่อว่าอัลเลาะฮ์นั่งอยู่บนบัลลังก์ตามความหมายที่มนุษย์เข้าใจกัน   อัลเลาะฮ์จะไม่รับการเตาบะฮ์  เพราะทำบิดอะฮ์ (ตามทัศนะของวะฮาบีย์)
หากพี่น้องท่านใดยกมือขอดุอาอ์หลังละหมาด  อัลเลาะฮ์จะไม่รับการเตาบะฮ์  เพราะทำบิดอะฮ์ (ตามทัศนะของวะฮาบีย์)  เป็นต้น

ดังนั้น การที่วะฮาบีย์นำหะดิษดังกล่าวนี้มาอ้างต่อพี่น้องมุสลิมจึงเป็นอันตราย  มันหมายถึงนรกน่ะครับ  และการเตาบะฮ์ที่อัลเลาะฮ์ไม่รับนั้นคือการตั้งภาคีอิบาดะฮ์สิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะฮ์  อิมามชาฟิอีย์และนักปราชญ์ส่วนมากแบ่งบิดอะฮ์ออกเป็น 2 ประเภท คือบิดอะฮ์ที่ถูกสรรเสริญและบิดอะฮที่ถูกตำหนิ (ลุ่มหลง)  ก็แสดงว่า  ใครทำบิดอะฮ์ที่ถูกสรรเสริญตามทัศนะของอิมามชาฟิอีย์และนักปราชญ์ส่วนมาก  ก็แสดงว่าอัลเลาะฮ์จะไม่รับการเตาบะฮ์ตามทัศนะของวะฮาบีย์ !

ทั้งที่บิดอะฮ์หะสะนะฮ์นั้น  แก่นแท้แล้ว คือ ซุนนะฮ์นั่นเอง

คำถามคือ หะดิษดังกล่าวที่วะฮาบีย์อ้างมานั้น  ซอเฮี๊ยะห์หรือเปล่าครับ?
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ค. 10, 2008, 12:49 AM โดย al-azhary »

ออฟไลน์ ad-dalawy

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 193
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
บิสมิลลาฮ์

ท่านรอซูลุลอฮ์กล่าวว่า

?แท้จริงอัลลอฮ์จะทรงปิดกกั้น-ไม่รับ-การเตาบะห์ของผู้ทำบิดอะห์ทุกคน จนกว่าเขาจะทิ้งการทำบิดอะห์นั้นเสีย? บันทึกโดยอัตติรมีซีย์

หะดิษนี้วะฮาบีย์ชอบอ้างมาขู่พี่น้องมุสลิมที่ไม่ได้อยู่ในแนวทางเหมือนกับตน  หากหะดิษนี้ซอเฮี๊ยะห์จริง  ก็หมายถึงบิดอะฮ์ฏ่อลาละฮ์ (บิดอะฮ์ลุ่มหลง) บิดอะฮ์ที่เกี่ยวกับอะกีดะฮ์  และอุตริกรรมที่ไม่มีรากฐานจากศาสนามารับรอง


ทราบมาว่าฮะดิษนี้เเป็นฮะดิษดออีฟ  แต่ผมได้ไปฟังที่เว็บ www.muslim2world.com อ.มุรีด ได้ปราศัยและยกฮะดิษนี้แล้วบอกให้คนที่ฟังการปราศัยแบบกร้าวร้าวว่า  เราต้องไม่ให้เกียรติผู้ที่มีทัศนะต่างจากเรา (หมายถึงผู้ที่ทำบิดอะฮ์ตามทัศนะของ อ.มุรีด) ไม่ว่าเขาจะเป็นถึงผู้นำเราอย่าไปให้เกียรติเขา  ซึ่งคำพูดของอ.มุรีด นี้  ผมคิดว่าเขาพยายามทำให้พี่น้องรังเกียจบาดหมางซึ่งกันและกัน  เขาพยายามส่งเสริมให้สานุศิษย์ของเขามีความอคติ  เกลียดชัง  แค้นเคืองกับพี่น้องมุสลิมด้วยกัน  แม้กระทั่งระดับผู้นำของเมืองไทย อ.มุรีด ยังบอกว่าอย่าไปให้เกียรติมัน  แต่ระดับพวกเราๆ ล่ะ อ.มุรีด และลูกศิษย์ของเขาย่อมไม่มีทางให้เกียรติพวกเราหรอก  จะด่าจะนินทาอะไรก็ได้ให้สะใจตัวเองเพระพวกที่ไม่เหมือนฉันไม่สมควรให้เกียรติ  ซึ่งหลักการของ มุรีด นี้  อยู่บนพื้นฐานฮะดิษดออีฟ  ไม่น่าเลยครับที่เวลาฮะดิษให้คนทำอิบาดะฮ์ดันไปฮุกุ่มบิดอะฮ์โดยอ้างว่าฮะดิษดออีฟ  แต่เวลาฮะดิษดออีฟ อ.มุรีด ดันเอามาอ้างเพื่อให้พี่น้องมุสลิมเกลียดกันและห้ามให้เกียรติต่อกัน  ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกใดๆ ที่สานุศิษย์ทั้งหลายของ มุรีด  ได้ทำการวิจารณ์คนระดับแกนนำของเมืองไทยอย่างมีความสุขและคิดว่ามันคือผลบุญอันยิ่งใหญ่

ขออัลเลาะห์ทรงชี้นำพวกเขาครับ


ออฟไลน์ al-fantazy

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 270
  • สูบบุหรี่เป็นสีแก่ปาก สูบมากๆ ระวังปากจะไม่มีสี
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
เป็นที่น่าแปลกเหลือเกินว่าทำไม  เวลาที่มีนักวิชาการฝ่ายตรงข้ามกับมุรีด ขอขึ้นปราศัยโต้กับ มุรีด..
เขากลับไม่กล้ารับคำเชิญ  น่าขำสิ้นดี.....

ออฟไลน์ มุคลิศ

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 159
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
ได้ไปอ่านเว็บวะฮาบีหนึ่งและมีวะฮาบีคนหนึ่งได้นำเสนอว่า

การทำบิดอะฮ จึงเป็นส่วนหนึ่งจากการกระทำที่ล้ำหน้าอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ และอัลลอฮจะไม่รับการเตาบะฮของผู้ทำบิดอะฮตราบใดที่เขายังคงทำบิดอะฮอยู่

เช็คมุหัมหมัดอัสสะฟารีนีย์ กล่าวว่า

وقال القاضي : سئل الإمام أحمد رضي الله عنه عن ما روي عن النبي صلى الله عليه وسلم { أن الله احتجر التوبة عن كل صاحب بدعة } وحجر التوبة أيش معناه ؟ قال أحمد : لا يوفق ولا ييسر صاحب بدعة
อัลกอฎีย์ กล่าวว่า : มีผู้ถามอิหม่ามอะหมัด (ร.ฎ)เกี่ยวกับสิ่งที่รายงานจากนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ว่า (แท้จริงอัลลอฮ ทรงปิดกั้น การเตาบะฮจากผู้ที่ทำบิดอะฮทุกคน(1) )ว่า และคำว่า บิดกั้นเตาบะฮนั้น มีความหมายว่าอย่างไร? อิหม่ามอะหมัดกล่าวว่า : พระองค์ไม่ทรงประทานเตาฟิก(ความสำเร็จ)และความสะดวกแก่ผู้ที่ทำบิดอะฮ “ – ฆิซาอุลอัลบาบ เล่ม 2 หน้า 583
.....................

(1) หะดิษบทนี้มีสองสายรายงาน สายรายงานหนึ่งเศาะเฮียะและสายรายงานหนึ่งเฏาะอีฟ – ดูมัจมัวะอัซซะวาอิด ของอัลหัยษะมีย์ เล่ม 10 หน้า 189 และ อัสสิลสิละฮอัศเศาะฮีหะฮ ของอัลบานีย์ เล่ม 4 หน้า 154
ดังรายละเอียดดังนี้ท่านอัลหัยษะมีย์ได้กล่าวว่า
رواه الطبراني في الأوسط ورجاله رجال الصحيح غير هارون بن موسى الفروي وهو ثقة
รายงานโดยอัฏฏอ็บรอนีย์ ในอัลเอาสัฏ และบรรดาผู้รายงานของมันถูกต้อง(เศาะเฮียะ) อื่นจากฮารูน บิน มูซา อัลฟัรวีย์ และเขาเป็นผู้ที่เชื่อถือได้ – ดูมัจญมัวะอัซซะวาอิด เล่ม 10 หน้า 189

และอัลบานีย์ได้กล่าวไว้ใน อัสสิลสิละฮอัศเศาะฮีหะฮว่า

أخرجه أبو الشيخ في تاريخ أصبهان (ص:259) والطبراني في الأوسط رقم (4360) وأبو بكر الملحمي في مجلسين من الأمالي (ق 148 / 1-2) والهروي في ذم الكلام (6/101/1) والدساكر على ابن عساكر (ق 33/1) من طرق عن هارون بن موسى: حدثنا أبو ضمرة عن حميد عن أنس مرفوعاً ثم قال بعد ذلك: وهذا إسناد صحيح رجاله ثقات رجال الشيخين غير هارون بن موسى وهو الفروي قال النسائي وتبعه الحافظ في التقريب: لا بأس به،
ส่วนสายรายงานที่เฎาะอีฟท่านกล่าวว่า

وأما الضعيف ققد أخرجه ابن عدي في الكامل (6/2261) في ترجمة محمد بن عبد الرحمن القشيري حيث ذكر أنه منكر الحديث ومجهول. وأخرجه ابن أبي عاصم في السنة (1/21) عن طريق القشيري هذا وهو علته
.............................................

ตกลงว่าฮะดิษดังกล่าวซอฮิห์จริงเหรอ?

ออฟไลน์ Goddut

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 854
  • Respect: +12
    • ดูรายละเอียด
เป็นที่น่าแปลกเหลือเกินว่าทำไม  เวลาที่มีนักวิชาการฝ่ายตรงข้ามกับมุรีด ขอขึ้นปราศัยโต้กับ มุรีด..
เขากลับไม่กล้ารับคำเชิญ  น่าขำสิ้นดี.....


ก็ไม่รู้อันไหนจริง อันไหนหลอก

เพราะ พอไปถาม อีกฝั่ง ก็บอกว่า เขาก็ท้าว่า ให้ขึ้นไปโต้กัน แล้ว ไม่เห็นมี พวกคณะเก่า กล้าซักคน ...

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ได้ไปอ่านเว็บวะฮาบีหนึ่งและมีวะฮาบีคนหนึ่งได้นำเสนอว่า

การทำบิดอะฮ จึงเป็นส่วนหนึ่งจากการกระทำที่ล้ำหน้าอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ และอัลลอฮจะไม่รับการเตาบะฮของผู้ทำบิดอะฮตราบใดที่เขายังคงทำบิดอะฮอยู่

เช็คมุหัมหมัดอัสสะฟารีนีย์ กล่าวว่า

وقال القاضي : سئل الإمام أحمد رضي الله عنه عن ما روي عن النبي صلى الله عليه وسلم { أن الله احتجر التوبة عن كل صاحب بدعة } وحجر التوبة أيش معناه ؟ قال أحمد : لا يوفق ولا ييسر صاحب بدعة
อัลกอฎีย์ กล่าวว่า : มีผู้ถามอิหม่ามอะหมัด (ร.ฎ)เกี่ยวกับสิ่งที่รายงานจากนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ที่ว่า (แท้จริงอัลลอฮ ทรงปิดกั้น การเตาบะฮจากผู้ที่ทำบิดอะฮทุกคน(1) )ว่า และคำว่า บิดกั้นเตาบะฮนั้น มีความหมายว่าอย่างไร? อิหม่ามอะหมัดกล่าวว่า : พระองค์ไม่ทรงประทานเตาฟิก(ความสำเร็จ)และความสะดวกแก่ผู้ที่ทำบิดอะฮ “ – ฆิซาอุลอัลบาบ เล่ม 2 หน้า 583
.....................

ฮะดิษนี้  อัลบานีเคยฮุกุ่มว่าซอฮิห์  แต่เขาฮุกุ่มฮะดิษผิดพลาด  ช่วงหลังเลยฮุกุ่มใหม่ว่า  เป็นฮะดิษฏออีฟ  เพราะ ฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวีย์  ได้รายงานเพียงลำพังคนเดียวเท่านั้น  โดยไม่มีนักฮะดิษระดับเดียวกับเขาสักคนได้รายงานฮะดิษนี้  ดังนั้นฮะดิษนี้จึงเป็น ฮะดิษ "มุงกัร" นั่นเอง

แต่หากจะต้องการรู้การอธิบายฮะดิษ  ท่านอัลมุนาวีย์  ปราชญ์อะฮ์ลิสซุนนะฮ์อัลอะชาอิเราะฮ์ได้อธิบายไว้ดังนี้

(‏إن اللّه احتجر التوبة‏)‏ منعها والحجر المنع وفي رواية للبيهقي احتجب وفي رواية له حجب ‏(‏عن كل صاحب بدعة‏)‏ وإن كان زاهداً متعبداً فعاقبته خطرة جداً والمراد بالبدعة هنا أن يعتقد في ذات اللّه وصفاته وأفعاله خلاف الحق فيعتقده على خلاف ما هو عليه نظراً وتقليداً فإذا قرب موته فظهرت له ناصية ملك الموت اضطرب قلبه بما فيه وانكشف له بطلان بعض معتقده وكان قاطعاً به فيكون سبباً لبطلان بقية اعتقاداته أو شكه فيها فإن خرجت روحه قبل أن يثبت ويعود إلى أصل الإيمان فهو من أهل النيران‏

"แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงปิดกั้นการเตาบะฮ์  หมายถึง พระองค์ทรงห้ามการเตาบะฮ์  และในรายงานหนึ่งของอัลบัยฮะกีย์ระบุว่า พระองค์ทรงปิดกั้น  และอีกรายงานหนึ่งของท่านอัลบัยฮะกีย์ ระบุว่า  พระองค์ทรงกั้นขวาง  (จากทุก ๆ คนที่ทำบิดอะฮ์)  หากแม้นว่าเขาจะมีความสมถะหมั่นทำอิบาดะฮ์  แต่วาระสุดท้ายของเขามีความอันตรายยิ่ง  จุดมุ่งหมายคำว่า บิดอะฮ์  ใน  ณ  ที่นี้  คือ  เขาเอี๊ยะติก็อตยึดมั่นเกี่ยวซาตของอัลเลาะฮ์  บรรดาคุณลักษณะ และบรรดาการกระทำของพระองค์  ขัดแย้งกับสัจธรรม  แล้วเขาก็เอี๊ยะติก็อตขัดแย้งกับที่สัจธรรมดำเนินอยู่ โดยพิจารณาใคร่ครวญและตักลีด  ดังนั้นเมื่อเขาใกล้ตายหัวหน้ามะลาอิกะตุลเมาต์ก็จะปรากฏตัวแก่เขา  หัวใจของเขาก็จะกระวนกระวายด้วยกับสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจ  และความไม่ถูกต้องของหลักอะกีดะฮ์บางส่วนของเขาก็จะประจักษ์ชัดแก่เขา และเขาก็รู้อย่างเด็ดขาดว่าหลักอะกีดะฮ์บางส่วนของเขาไม่ถูกต้อง  ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้บรรดาหลักอะกีดะฮ์อื่น ๆ มีความโมฆะและมีความสงสัยไปด้วย ดังนั้นเมื่อวิญญาณของเขาได้ออกจากร่างก่อนที่เขา จะมั่นคงแและกลับไปสู่หลักพื้นฐานของอีหม่าน  แล้วเขาก็เป็นส่วนหนึ่งจากชาวนรก"  หนังสือฟัยฎุลค่อบีร ฮะดิษที่ 1663

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ความจริงฮะดิษนี้นั้น  ดีและเป้าหมายตามที่อุลามาอ์ฮะดิษอธิบายนั้นดีมาก  แต่เมื่อวะฮาบีนำมาใช้นั้น  เกรงว่าเขาจะเข้าใจฮะดิษตามที่ตนเองต้องการ  เนื่องจากการฮุกุ่มบิดอะฮ์ของวะฮาบีกลุ่มนี้รู้สึกว่ามันลักลั่น  ไม่สอดคล้องกับหลักการ  จนทำให้พวกเขาคิดว่า  คนที่อื่นจากทัศนะตนนั้น  เป็นชาวนรกอัลเลาะฮ์ไม่รับเตาบะฮ์  วัลอิยาซุบิลลาฮ์ 

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ฮะดิษนี้  อัลบานีเคยฮุกุ่มว่าซอฮิห์  แต่เขาฮุกุ่มฮะดิษผิดพลาด  ช่วงหลังเลยฮุกุ่มใหม่ว่า  เป็นฮะดิษฏออีฟ  เพราะ ฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวีย์  ได้รายงานเพียงลำพังคนเดียวเท่านั้น  โดยไม่มีนักฮะดิษระดับเดียวกับเขาสักคนได้รายงานฮะดิษนี้  ดังนั้นฮะดิษนี้จึงเป็น ฮะดิษ "มุงกัร" นั่นเอง

เป็นความรู้ใหม่ ไม่ทราบว่าเชคอัลบานีย์หุก่มใหม่ว่าฎออีฟในหนังสืออะไร อยากเก็บไว้เสียบตรงหะดีษในหนังสือที่เชคหุก่มว่าศอหีห ชุกร่อน
ส่วนคำว่า "ฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวีย์  ได้รายงานเพียงลำพังคนเดียวเท่านั้น  โดยไม่มีนักฮะดิษระดับเดียวกับเขาสักคนได้รายงานฮะดิษนี้" อันนี้ไม่ค่อยเห็นด้วย ตราบใดที่ยังไม่พบว่าการรายงานของเขามีความผิดพลาด หรือค้านกับตัวบทของนักรายงานคนอื่นที่เข้มแข็งกว่า วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เป็นความรู้ใหม่ ไม่ทราบว่าเชคอัลบานีย์หุก่มใหม่ว่าฎออีฟในหนังสืออะไร อยากเก็บไว้เสียบตรงหะดีษในหนังสือที่เชคหุก่มว่าศอหีห ชุกร่อน
ส่วนคำว่า "ฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวีย์  ได้รายงานเพียงลำพังคนเดียวเท่านั้น  โดยไม่มีนักฮะดิษระดับเดียวกับเขาสักคนได้รายงานฮะดิษนี้" อันนี้ไม่ค่อยเห็นด้วย ตราบใดที่ยังไม่พบว่าการรายงานของเขามีความผิดพลาด หรือค้านกับตัวบทของนักรายงานคนอื่นที่เข้มแข็งกว่า วัลลอฮุอะอฺลัม

ผมพอศึกษาการฮุกุ่มฮะดิษผิดพลาดค้านกันเองของชัยค์อัลบานีย์มาบ้างยามว่าง  แต่กระนั่น  ผมคิดว่าชัยค์อับนานีคงจะเปลี่ยนทัศนะใหม่จึงลองศึกษาดูตามเว็บของลูกศิษย์ชัยค์อัลบานี  ปรากฏว่ามีอยู่เว็บหนึ่งที่ได้นำเสนอบรรดาฮะดิษหลายฮะดิษที่ชัยค์อับบานีได้เปลี่ยนทัศนะใหม่ในช่วงท้ายของชีวิต  แต่ตอนนี้ผมลืมเว็บนั้นไปแล้ว  ต้องหาใหม่อีกรอบ  แล้วผมจะลิงค์ให้ท่านได้ศึกษาเพิ่มเติม  ที่ผมได้คนพบเว็บดังกล่าว  เพราะได้ไปศึกาษานักรายงานฮะดิษที่ชื่อ  อีซา บิน ฮามาน (อบูญะฟัร) ที่รายงานในเรื่องกุนูตซุบฮ์  ซึ่งชัยค์อัลบานีย์บอกว่าเขานั้นฎออีฟ  แต่เมื่อไปศึกษาอีกฮะดิษหนึ่งที่รายงานโดยอบูดาวูด  ซึ่งชัยค์อัลบานีได้ฮุกุ่มว่าเป็นฮะดิษฮะซัน  ทั้งที่สายรายงานของอบูดาวูดเกี่ยวกับฮะดิษหนึ่งนั้น  มี  อีซา บิน ฮามาน อยู่ด้วย  ซึ่งแสดงว่าชัยค์อัลบานีได้ฮุกุ่มฮะดิษค้านกันเองหลายจุดมาก  แต่มีบางฮะดิษที่ชัยค์อัลบานีได้เปลี่ยนฮุกุ่มไว้

ส่วนฮะดิษมุงกัรนั้น  มีหลายนัยยะในการที่ฮะดิษจะอยู่ในฐานะฮะดิษ "มุงกัร"   เช่น  "ฮะดิษที่นักรายงานคนหนึ่ง  ได้ทำการบอกเล่าฮะดิษจากซอฮาบะฮ์  หรือจากตาบิฮีน  จากซอฮาบะฮ์  ซึ่งฮะดิษดังกล่าวไม่เคยถูกรู้จักมาเลย  หมายถึงมะตั่น(ตัวบทฮะดิษ)ไม่เคยถูกรู้จักมาก่อนเลย  นอกจากทางสายรายงานของนักรายงานคนนี้เท่านั้น  ซึ่งถือว่าเป็นฮะดิษ มุงกัร"  ซึ่งคำนิยามนี้  ท่านอิมามอบูบักรอัลบัรดีญี  ได้กล่าวไว้  และท่านอัลฮาฟิซฺอิบนุรอญับได้กล่าวเสริมวิจารณ์ว่า  "คำนิยามนี้เหมือนกับเป็นการบอกชัดเจนว่า  ทุก ๆ ฮะดิษที่นักรายงานที่เชื่อถือได้(ษิเกาะฮ์) ได้รายงานเพียงลำพัง  โดยตัวบทฮะดิษไม่ถูกรู้จักมาเลยนอกจากหนทางสายรายงานดังกล่าว  ถือว่าเป็นฮะดิษมุงกัร"  ดู หนังสือ  ชัรห์ อิลัล อัตติรมีซีย์  ของท่านอิบนุรอญับ หน้า 22

ดังนั้น  หากมีสายรายงานมารายงานเสริม ท่านฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวีย์  ก็ถือว่า  ความ มุงกัร ของฮะดิษก็หายไป  แต่ทว่าฮะดิษดังกล่าวรายงานโดยท่านฮารูณเพียงลำพังคนเดียวเท่านั้นจากนักรายงานระดับเดียวกับเขา

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
เป็นความรู้ใหม่ ไม่ทราบว่าเชคอัลบานีย์หุก่มใหม่ว่าฎออีฟในหนังสืออะไร อยากเก็บไว้เสียบตรงหะดีษในหนังสือที่เชคหุก่มว่าศอหีห ชุกร่อน

ผมคิดว่า  ท่านคงดูการฮุกุ่มฮะดิษดังกล่าวของชัยค์อัลบานีที่เว็บนี้  ใช่ไหมครับ 

http://arabic.islamicweb.com/Books/albani.asp?id=12046

แต่เว็บของวะฮาบีย์อันโด่งดังสุด ได้ยืนยันไว้แล้วว่า  ชัยค์อับบานีได้ยกเลิกฮุกุ่มว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์แล้ว  โปรดดูที่ลิงค์นี้ครับ

http://www.saaid.net/Doat/Zugail/228.htm

ดูในฮะดิษที่ 6 น่ะครับ  ซึ่งได้เขียนระบุไว้ว่าชัยค์อัลบานีได้ยกเลิกฮุกุ่มแล้วและทำการฮุกุ่มฎออีฟกับฮะดิษดังกล่าว  ;D

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
ด้วยความนับถือ ผมเองไม่ค่อยชอบที่จะยึดติดกับสิ่งที่โพสต์ในอินเตอร์เน็ต พบเจออะไรก็มักจะนำกลับไปเทียบกับตำราจริงเสมอเท่าที่มีความสามารถ และผมหวังว่าคุณอัซฮารีก็ทำเช่นนั้นเช่นเดียวกัน วัลลอฮุอะอฺลัม
เกี่ยวกับการกลับตัวในการหุก่มหะดีษข้างต้นผมได้พลิกดูหนังสือเศาะหีหอัตตัรฆีบตามที่เชคซูเกลได้ชี้ไว้ ปรากฎว่าเชคอัลบานีย์กล่าวเช่นนี้

นั่นคือหะดีษที่มีสำนวนว่า
เช่นกับที่ท่านได้หุก่มหะดีษนี้ในหนังสือซิลาลุลญันนะฮฺ


ส่วนหะดีษที่ถูกพาดพิงข้างต้นเชคอัลบานีย์ยังยังคงบรรจุไว้ในหนังสือเศาะหีหอัตตัรฆีบเหมือนเดิม (เล่ม 1 หน้า 130 เลขที่ 54)


ดังนั้น จึงคิดว่า อาจจะเกิดจากความผิดพลาดของเชคซุเกลเองก็เป็นได้ วัลลอฮุอะอฺลัม ส่วนความหมายของหะดีษนั้นก็ว่ากันไปตามเนื้อ


ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
สำนวนที่เชคซุเกลใช้พาดพิง
6 - إن الله احتجز التوبة عن صاحب كل بدعة. [ثم تراجع الشيخ وضعفه، انظر: مقدمة "صحيح الترغيب والترهيب" ص31]
إسناده صحيح
السلسلة الصحيحة 1620
เป็นสำนวนที่เชคอัลบานีย์ใช้ตัครีจญ์ในหนังสืออัลสิลสิละฮฺอัสเศาะหีหะฮฺ ไม่ใช่สำนวนที่มีระบุในหนังสืออัตตัรฆีบของอัลอัลลามะฮฺอัลมุนซิรีย์ ดังนี้

วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
ดังนั้น จึงคิดว่า อาจจะเกิดจากความผิดพลาดของเชคซุเกลเองก็เป็นได้ วัลลอฮุอะอฺลัม ส่วนความหมายของหะดีษนั้นก็ว่ากันไปตามเนื้อ

ท่านได้บอกว่า  ความผิดพลาดอาจจะเกิดขึ้นจากชัยค์ซุเกลเองนั้น  อันนี้ไม่มีปัญหา  ผมขอผ่านไป  แต่ในส่วนตัวผมเองนั้น  ชัยค์อัลบานีมีความผิดพลาดในการตัดสินฮะดิษเยอะพอสมควรเนื่องจากท่านไม่จำฮะดิษ  อันนี้ใครจะนิยมนักตัครีจญ์ฮะดิษคนใหนก็แล้วแต่จะเลือกนะครับ  แต่ที่แน่ ๆ ก็คือ  ชัยค์อัลบานีย์  เป็นนักตัครีจญ์ฮะดิษที่พี่น้องวะฮาบีนำมายึดเป็นบรรทัดฐานอย่างเป็นเอกฉันท์   แล้วคุณ เก็ท ยอมตักลีดชัยค์อัลบานีในการพิจารณาฮะดิษทั้งหมดหรือไม่?

ตามที่คุณนำเสนอมานั้น  ปรากฏว่าในตำราที่ชัยค์อัลบานีได้เคยตัดสินว่าเป็นฮะดิษซอฮิห์นั้น  เพราะท่านชัยค์เขาบอกว่า  "สายรายงานฮะดิษนั้นซอฮิห์"  คือพิจารณาผิวเผินแค่สายรายงาน  โดยไม่พิจารณาถึงหลักฮะดิษที่รายงานแบบ "ฟัรด์" การรายงานเพียงลำพังของ ฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวี โดยไม่มีนักรายงานคนใดในระดับเขาหรือสูงกว่าเขาได้รายงานฮะดิษนี้เลย  ซึ่งถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของฮะดิษ "มุงกัร"  ยิ่งกว่านั้น  ฮารูณ บิน มูซา  ท่านอิบนุฮะญัร  กล่าวว่า  "เขานั้นไม่เป็นไร" (ดู ตักรีบบุตตะฮ์ซีบ หน้า 525)  คืออยู่ในระดับกับ "ศ่อดูก" (เขาไม่เคยถูกกล่าวหาว่าโกหกและกุฮะดิษ) แสดงว่าเขาไม่ได้มีความจำเป็นเลิศหรือเลื่องลือในเรื่องความจำ  และฮารูณ บิน มูซา  ยังเป็นนักรายงานฮะดิษรุ่นผู้น้อยชนชั้นนักรายงานระดับที่ 10  มิใช่รุ่นอาวุโส  ดังนั้น  การรายงานเพียงลำพังคนเดียวของเขานั้น  จึงถือว่าเป็น ฮะดิษ "มุงกัร"

ส่วนฮะดิษมุงกัรนั้น  มีหลายนัยยะในการที่ฮะดิษจะอยู่ในฐานะฮะดิษ "มุงกัร" เช่น  "ฮะดิษที่นักรายงานคนหนึ่ง  ได้ทำการบอกเล่าฮะดิษจากซอฮาบะฮ์  หรือจากตาบิฮีน  จากซอฮาบะฮ์  ซึ่งฮะดิษดังกล่าวไม่เคยถูกรู้จักมาเลย  หมายถึงมะตั่น(ตัวบทฮะดิษ)ไม่เคยถูกรู้จักมาก่อนเลย  นอกจากทางสายรายงานของนักรายงานคนนี้เท่านั้น  ซึ่งถือว่าเป็นฮะดิษ มุงกัร"  ซึ่งคำนิยามนี้  ท่านอิมามอบูบักรอัลบัรดีญี  ได้กล่าวไว้  และท่านอัลฮาฟิซฺอิบนุรอญับได้กล่าวเสริมวิจารณ์ว่า  "คำนิยามนี้เหมือนกับเป็นการบอกชัดเจนว่า  ทุก ๆ ฮะดิษที่นักรายงานที่เชื่อถือได้(ษิเกาะฮ์) ได้รายงานเพียงลำพัง  โดยตัวบทฮะดิษไม่ถูกรู้จักมาเลยนอกจากหนทางสายรายงานดังกล่าว  ถือว่าเป็นฮะดิษมุงกัร"  ดู หนังสือ  ชัรห์ อิลัล อัตติรมีซีย์  ของท่านอิบนุรอญับ หน้า 22

ท่านอัซซะฮะบีย์  ได้กล่าวเกี่ยวกับฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวีย์  ความว่า

هارون بن موسى الفروى . شيخ صدوق من شيوخ النسائي . روى الساجى ، وابن ناجية عنه ، عن أبى ضمرة ، عن حميد ، عن أنس ، عن النبي صلى الله عليه وسلم ، قال : إن الله يحجب التوبة عن كل صاحب بدعة . هذا منكر

"ฮารูณ บิน มูซา อัลฟะรอวีย์  ชัยค์ศ่อดูก  ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาชัยค์ของอันนะซาอีย์  ท่านอัซซาญีและอิบนุนาญียะฮ์  ได้รายงานจากเขา  จากอบีฎ็อมเราะฮ์  จากฮุมัยด์  จากท่านอะนัส  จากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ท่านได้กล่าวว่า "แท้จริงอัลเลาะฮ์ทรงปิดกั้นการเตาบะฮ์ จากทุก ๆ ผู้ที่ทำบิดอะฮ์"  สายรายงานฮะดิษนี้  มุงกัร" ดู หนังสือมีซานนุลเอี๊ยะติตาล ของท่านอัซซะฮะบีย์ นักรายงานฮะดิษลำดับที่ 9175

วัลลอฮุอะลัม
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
 salam

ท่านอัซซะฮะบีย์  ได้กล่าวไว้ในหนังสือ  อัลมุกิซะฮ์ ฟีอิลมิ มุศฏ่อลา ฮิลฮะดิษ  ความว่า

فإن كان المنفرد من طبقة مشيخة الأئمة ، أطلقوا النكارةَ على ما انفرد مثلُ عثمان بن أبي شيبة ، وأبي سَلَمة التَّبُوْذَكِي ، وقالوا : هذا منكر

“ดังนั้น  หากผู้รายงานเพียงลำพังคนเดียว  มาจากระดับชั้นนักรายงานของบรรดาอาจารย์บรรดาอิมาม(ฮะดิษ)  พวกเขาก็จะใช้คำว่า  มุงกัร  ต่อฮะดิษที่รายงานเพียงลำพังคนเดียว  เช่น  อุษมาน บิน อบีชัยบะฮ์ และท่านอบีสะละมะฮ์ อัตตะบูซะกีย์  และพวกเขาก็จะกล่าวว่า  (ฮะดิษที่พวกเขารายงานเพียงลำพัง)นี้ ถือว่ามุงกัร”  ดู หน้า 20

ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุ ฮะญัร  กล่าวว่า  “อุษมาน (อบูอัลฮะซัน) บิน อะบีชัยบะฮ์  มาจากนักรายงานชนชั้นระดับที่สิบ”  ตักรีบุตตะฮ์ซีบ หน้า 341

ปรากฏว่า  อุษมาน อิบนุ อะลีชัยบะฮ์  ก็อยู่ในระดับเดียวกับ ฮารูณ บิน มูซา ด้วยเช่นกัน

ท่านอัลฮาฟิซ อิบนุ ฮะญัร  ได้กล่าวเกี่ยวกับ ฮารูณ บิน มูซา  เช่นกันว่า  “เขามาจากนักรายงานฮะดิษชนชั้นผู้น้อยระดับที่สิบ”  ตักรีบุตตะฮ์ซีบ หน้า 525

ดังนั้น  ไม่มีนักรายงานฮะดิษคนอื่น ๆ ที่อยู่ในนักรายงานระดับชนชั้นที่สิบ  ได้ทำการรายงานฮะดิษที่เรานำมาเป็นประเด็น  นอกจาก ฮารูณ บิน มูซา เพียงลำพังคนเดียวเท่านั้น   ดังนั้นฮะดิษดังกล่าว  จึงเป็นฮะดิษ มุงกัร

ดังนั้น  ผมจึงอยากถาม คุณ Get ว่า  ท่านชัยค์อัลบานีย์  ได้พูดเกี่ยวกับหลักพิจารณาฮะดิษตรงนี้หรือไม่?  หากมีโปรดนำมาเสนอ  หากไม่มี  คุณมีความเห็นว่าอย่างไรครับ?

วัลลอฮุอะลัม 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 04, 2008, 07:31 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุ อลัยกุม

             จุดประสงค์ของคำว่าบิดอะฮ์ในหดีษ หมายถึง บิดอะฮ์ทางอกีดะฮ์ และบิดอะฮ์ที่ไม่มีหลักฐานจากตัวบททั้งสองใช่ไหมครับ ที่เป็นฎ็ลาละฮ์ แต่ไม่ใช่บิดอะฮ์ในแง่ของรูปแบบพิธีการบางอย่าง เช่น การทำตัลกีน และเมาลิด เป็นต้น ซึ่งรูปแบบคือบิดอะฮฺ แต่องค์ประกอบข้างใน ไม่ใช่บิดอะฮ์ ไม่ใช่การประดิษฐ์พิธีกรรมใหม่ขึ้นเพิ่มเติม ไม่ทราบว่าผมเข้าใจถูกไหม ผู้รู้ช่วยท้วงติงด้วยครับ

วัสสลามุ อลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged