ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 40 สูเราะฮฺ ฆอฟิรฺ (สูเราะฮฺ อัล-มุอ์มิน)  (อ่าน 4173 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ (R4.)

เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 85 อายะฮฺ
ความหมายโดยสรุปของซูเราะฮฺ ฆอฟิรฺ - ผู้ทรงอภัย - غافر (ซูเราะฮฺมุอ์มิน - مؤمن - ชายผู้ศรัทธา)
   ซูเราะฮฺฆอฟิรฺ เป็นซูเราะฮฺ มักกียะฮฺ เป็นซูเราะฮฺที่ให้ความสนใจในเรื่องเกี่ยวกับอะกีดะฮฺเช่นเดียวกับซูเราะฮฺมักกียะฮฺอื่น ๆ เรื่องที่เด่นชัดของซูเราะฮฺเกือบจะกล่าวได้ว่าเป็นเรื่องของการต่อสู้ระหว่างสัจธรรมกับความเท็จและการชี้นำทางกับการหลงผิด ดังนั้นบรรยากาศของซูเราะฮฺจึงเต็มไปด้วยรูปแบบของการเข้มงวดและความรุนแรงเสมือนกับว่าเป็นบรรยากาศที่น่ากลัว ซึ่งมีการฟาดฟัน และการทิ่มแทง
   ซูเราะฮฺเริ่มด้วยการสดุดี คุณลักษณะอันดีงามของอัลลอฮฺและสัญญาณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ แล้วได้เผยถึงการโต้เถียงของพวกปฏิเสธศรัทธาในสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮฺ ทั้ง ๆ ที่สัจธรรมนั้นได้ปรากฏอย่างชัดแจ้งแก่พวกเขาแล้ว กระนั้นก็ดี นักโต้เถียงและบรรดาผู้ยโสก็ยังโต้เถียงและแสดงอาการหยิ่งยโส
   ซูเราะฮฺได้เผยถึงจุดจบของประชาชาติในอดีต ซึ่งอัลลอฮฺได้คร่าทำลายล้างพวกเขาด้วยการคร่าของผู้ทรงเดชานุภาพ โดยไม่มีมนุษย์หน้าไหนรอดพ้นไปได้
   ท่ามกลางบรรยากาศที่น่ากลัวนี้ ก็ได้กล่าวถึงภาพลักษณ์ของบรรดามะลาอิกะฮฺผู้แบกบัลลังก์ ในการวิงวอนขอของพวกเขาต่อผู้ที่ยำเกรงและกลับเนื้อกลับตัว
   ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงภาพลักษณ์แห่งวันอาคิเราะฮฺและความน่ากลัวของวันนนั้น โดยที่ปวงบ่าวจะถูกนำมายืนต่อหน้าพระผู้ทรงอำนาจเพื่อการสอบสวน ความหวาดกลัวและความสะทกสะท้านได้ปกคลุมพวกเขา เสมือนกับว่าหัวใจมาจุกที่คอหอยหรือเป็นลมหมดสติไป และในท่ามกลางสภาพอันน่ากลัวและในวันที่คร่ำเคร่งเช่นนั้น มนุษย์จะได้รับการตอบแทนอย่างยุติธรรม หากทำดีก็จะได้ดี หากทำชั่วก็จะได้ชั่ว
   แล้วซูเราะฮฺได้กล่าวถึงเรื่องของการอีมานศรัทธาและการละเมิดคือในการที่นะบีมูซา อะลัยฮิสสลาม ได้เรียกร้องเชิญชวนฟิรเอานฺผู้ทรยศ ผู้ยโสไปสู่การอีมานและฟิรเอาน์ประสงค์ที่จะฆ่ามูซา และบริวารของเขาโดยเกรงไปว่า การอีมานจะแพร่กระจายไปตามหมู่ชนของเขา ท่ามกลางของเรื่องนี้ได้ปรากฏบทใหม่ขึ้นมาซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนเลยเมื่อได้มีการกล่าวถึงเรื่องของมูซาและฟิรเอานฺ นั่นก็คือปรากฏการณ์ของชายผู้ศรัทธาที่มาจากวงศ์วานของฟิรเอานฺ ซึ่งซ่อนการศรัทธาของเขา ยอมสารภาพต่อสัจธรรมด้วยความนอบน้อมและระมัดระวังแล้วด้วยการเปิดเผยและประกาศอย่างชัดแจ้ง เรื่องได้จบลงด้วยความหายนะของผู้ละเมืดหยิ่งยโสด้วยการจมน้ำตายในทะเลพร้อมกับบริวารและสมุนของเขา และด้วยความรอดพ้นของนักเผยแผ่ผู้ศรัทธาและบรรดามุอ์มิน
   ซูเราะฮฺได้เผยถึงสัญญาณต่าง ๆ แห่งจักรวาลบางชนิดเป็นการยืนยันถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺ และย้ำถึงความเป็นเอกภาพของพระองค์ แก่บรรดาผู้ตั้งภาคีต่อพระองค์ และปฏิเสธศรัทธาต่อบรรดาสัญญาณต่าง ๆ ของพระองค์ โดยยกตัวอย่างเปรียบเทียบว่ามุอ์มินนนั้นเป็นคนตาดี และคนกาฟิรนั้นเป็นคนตาบอด คนมุอ์มินนั้นอยู่บนเส้นทางรัศมีของอัลลอฮฺส่วนคนกาฟิรนั้นหลงทางอยู่ในความมืด
   ซูเราะฮฺจบลงด้วยการกล่าวถึงจุดจบของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ผู้ละเมิดและผู้หยิ่งยโสและภาพลักษณ์แห่งการลงโทษ ซึ่งประสบแก่พวกเขาโดยที่พวกเขาอยู่ในสภาพแห่งการหลงลืม หลงระเริง
   ชื่อของซูเราะฮฺ
   ซูเราะฮฺนี้ถูกขนานนามว่า “ซูเราะฮฺฆอฟิร” เพราะอัลลอฮฺตะอาลาทรงกล่าวถึงลักษณะอันยิ่งใหญ่นี้ซึ่งเป็นคุณลักษณะอันสวยงามของอัลลอฮฺในตอนต้นของซูเราะฮฺ “ผู้ทรงอภัยในบาป ผู้ทรงรับการขอลุแก่โทษ” และได้กล่าวซ้ำถึงการอภัยโทษในการเรียกร้องของชายผู้ศรัทธาว่า “ขณะที่ฉันเรียกร้องเชิญชวนพวกท่านไปสู่พระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยโทษอย่างเด็ดขาด” และซูเราะฮฺยังถูกขนานนามว่าซูเราะฮฺ มุอฺมิน เพราะกล่าวถึงเรื่องของชายมุอฺมินผู้ศรัทธาที่มาจากวงศ์วานของฟิรเอานฺ


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)


--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่  1 - 3




คำอ่าน
1. หา มีม
2. ตัน..ซีลุลกิตาบิ มินัลลอฮิลอะซีซิลอะลีม
3. ฆอฟิริซซัม..บิ วะกอบิลัตเตาบิ ชะดีดิลอิกอบิ ซิฏฏ็อวลฺ ลาอิลาฮะอิลลาฮู อิลัยฮิลมะศีรฺ


คำแปล R1.
1. Ha-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (Alone) knows their meanings].
2. The Revelation of the Book (this Qur'an) is from Allah the All-Mighty, the All-Knower.
3. The Forgiver of sin, the Acceptor of repentance, the Severe in Punishment, the Bestower (of favours), La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshiped but He), to Him is the final return.


คำแปล R2.
1. ฮามีม
2. การลงคัมภีร์(อัลกุรอาน)นี้มาจากอัลเลาะฮฺผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง
3. พระองค์ทรงนิรโทษ พระองค์ทรงรับขอลุกะโทษ, ทรงตอบแทนโทษรุนแรง, ทรงความเอื้อเฟื้อยิ่ง ไม่มีพระเจ้านอกจากพระองค์ ยังพระองค์เท่านั้นคือจุดมุ่งหมาย


คำแปล R3.
1. ฮา มีม
2. การประทานคัมภีร์นี้มาจากอัลลอฮฺผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้
3. ผู้ทรงอภัยบาปและผู้ทรงรับการกลับใจ ผู้ทรงเฉียบขาดในการลงโทษและผู้ทรงเปี่ยมไปด้วยความโปรดปราน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ยังพระองค์ที่ทุกสิ่งจะกลับไป


คำแปล R4.
1. ฮา มีม
2. คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮฺ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงรอบรู้
3. ผู้ทรงอภัยในบาป และผู้ทรงรับการขอลุแก่โทษ ผู้ทรงเข้มงวดในการลงโทษ ผู้ทรงเต็มเปี่ยมไปด้วยความโปรดปราน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ยังพระองค์คือการกลับไป


คำแปล R5.
๑. ฮาอุ มีม อัลเลาะฮฺทรงรู้ความหมายเพียงพระองค์เดียว
๒. อันคัมภีร์อัลกุรอานที่ถูกประทานนั้นมาจากอัลเลาะห์ผู้ทรงอำนาจยิ่ง
๓. ทรงให้อภัยโทษแก่มวลผู้ศรัทธาทั้งหลายและทรงรับการขอลุแก่โทษของพวกเหล่านั้น ทรงลงโทษร้ายแรงแก่มวลผู้เนรคุณ ผู้ทรงเกื้อกูลแก่บ่าวของพระองค์โดยทั่วไป ไม่มีพระเจ้านอกจากพระองค์ ยังพระองค์เท่านั้นเป็นที่กลับคืนของทุกสรรพสิ่ง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 4 - 6


คำอ่าน
4. มายุญาดิลุ ฟี..อายาติลลาฮิ อิลลัลละซีนะกะฟะรู ฟะลายัฆรุรฺกะ ตะก็อลลุบุฮุม ฟิลบิลาด
5. กัซซะบัตก็อบละฮุม ก็อวมุนูหิว..วัลอะหฺซาบุ มิม..บะอฺดิฮิม วะฮัม..มัตกุลลุอุม..มะติม..บิเราะสูลิฮิม ลิยะอ์คุซูฮุ วะญาดะลูบิลบาฏิลิ ลิยุดหิฎูบิฮิลหักเกาะ ฟะอะค็อซตุฮุม ฟะกัยฟะกานะอิกอบ
6. วะกะซาลิกะ หักก็อตกะลิมะตุ ร็อบบิกะอะลัลละซีนะกะฟะรู อัน..นะฮุม อัศหาบุน..นารฺ


คำแปล R1.
4. None disputes in the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah but those who disbelieve. So let not their ability of going about here and there through the land (for their purposes) deceive you [O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam, their ultimate end will be the Fire of Hell]!
5. The people of Nuh (Noah) and the confederates after them denied (their Messengers) before these, and every (disbelieving) nation plotted against their Messenger to seize him, and disputed by means of falsehood to refute therewith the truth. So I seized them (with punishment), and how (terrible) was My Punishment!
6. Thus has the word of your Lord been justified against those who disbelieved, that they will be the dwellers of the Fire.


คำแปล R2.
4. จะไม่ทำการโต้แย้งในโองการต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ(โดยผู้ใดทั้งสิ้น) นอกจากบรรดาพวกไร้ศรัทธา ดังนั้น จงอย่าให้การเคลื่อนย้ายของพวกเขาไปในเมืองต่าง ๆ (เพื่อทำการค้า) หลอกลวงเจ้า (ให้คิดผิดไปว่าคนพวกนั้นอยู่ในทางเที่ยงแท้แล้ว)
5. ก่อนหน้าพวกเขาได้มีกลุ่มชนของนูห์ และบรรดากลุ่มต่าง ๆ หลังจากพวกนั้นกล่าวหาศาสดาว่ามุสามาก่อนแล้ว และทุก ๆ ประชาชาติ(ตามที่กล่าวมานั้น) ต่างคิดที่จะเอาชีวิตของบรรดาศาสทูตของพวกเขาทั้งสิ้น และพวกเขาได้นำสิ่งโมฆะมาโต้ตอบ(กับพวกศาสนทูต) เพื่อพวกเขาจะได้ใช้สิ่งโมฆะดังกล่าวมลายสัจธรรม แต่แล้วข้าก็เอาชีวิตพวกเขาเสีย แล้ว(จงดูเถิดว่า)การลงโทษของข้าจะอุบัติขึ้นอย่างไร
6. และเช่นนั้น! ประกาศิตแห่งองค์อภิบาลของเจ้าได้ปรากฏขึ้นจริงแล้วแก่มวลผู้ไร้ศรัทธาทั้งหลาย เพราะพวกเขานั้นเป็นชาวนรก


คำแปล R3.
4. ไม่มีผู้ใดโต้แย้งเกี่ยวกับอายะฮฺของอัลลอฮฺ นอกจากบรรดาผู้ปฏิเสธ ดังนั้นจงอย่าให้การวางท่าเป็นใหญ่ในแผ่นดินของพวกเขาหลอกลวงเจ้า
5. ก่อนหน้าพวกเขา หมู่ชนของนูฮฺและกลุ่มคนต่าง ๆ หลังจากพวกเขาก็ได้ปฏิเสธมาแล้ว และทุกชาติที่มีรอซูลก็ต่างคิดที่จะทำลายเขา พวกเขาพยายามที่จะทำลายล้างสัจธรรมด้วยความเท็จ แต่ในที่สุดฉันจึงได้เอาโทษพวกเขา แล้วดูเองว่าการลงโทษของฉันรุนแรงอย่างไร
6. ในทำนองนั้นแหละที่คำตัดสินของพระผู้อภิบาลของเจ้าว่าพวกเขาจะเป็นชาวนรกได้เป็นจริงกับบรรดาผู้ปฏิเสธ


คำแปล R4.
4. ไม่มีผู้ใดจะโต้เถียงในอายาตของอัลลอฮฺ (อัลกุรอาน) นอกจากบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นอย่าให้การวางมาดของพวกเขาในหัวเมืองต่าง ๆ เป็นที่หลอกลวงแก่เจ้า
5. (เพราะ) ก่อนหน้าพวกเขานั้น หมู่ชนของนูหฺและพลพรรคต่าง ๆ หลังจากพวกเขาได้ปฏิเสธมาก่อนแล้ว และทุก ๆ ประชาชาติได้ตั้งใจที่จะทำลายล้างรอซูลของพวกเขา และโต้เถียงด้วยความเท็จเพื่อที่จะลบล้างความจริงให้สูญสิ้นไป ดังนั้นข้าจึงได้เอาโทษพวกเขา แล้วเป็นอย่างไรบ้าง การลงโทษของข้า
6. และเช่นนั้นแหละ ประกาศิตแห่งพระเจ้าของเจ้าได้เป็นที่สมจริงแก่บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาว่าพวกเขาเป็นชาวนรก


คำแปล R5.
๔. จะไม่โต้แย้งโองการแห่งอัลเลาะห์โดยผู้ใดทั้งสิ้นยกเว้นบรรดาผู้เนรคุณเท่านั้น ดังนั้นเจ้าจงอย่าให้การลอยนวลของพวกเขาในเมืองต่าง ๆ ลวงเจ้าให้คิดเฉไฉไปว่าพวกเขาได้รับการสนับสนุนจากอัลเลาะห์จึงมีชีวิตอยู่ในเมืองนั้น ๆ อย่างปลอดภัย แต่แท้ที่จริงจุดจบของพวกเขาคือขุมนรกที่จัดเตรียมไว้แล้ว เพียงแต่ยังไม่ถึงเวลาเท่านั้น พวกเขาจึงลอยนวลอยู่ได้
๕. ในยุคก่อนพวกเหล่านั้น กลุ่มชนของนบีนูห์ และมวลชนหลังจากพวกเขาได้กล่าวหาเท็จแก่บรรดาศาสนทูตต่าง ๆ เช่น พวกอ๊าด พวกสะมู๊ดและอื่น ๆ เป็นอาทิ และแต่ละประชาชาติต่างก็คิดจะเอาชีวิตของศาสนทูตแห่งพวกเขาเอง และพวกนั้นได้ทำการโต้แย้งโดยโมฆะกับศาสนทูตเพื่อพวกเขาใช้ข้อโต้แย้งนั้นมามลายสัจธรรมให้สูญสิ้นไป ดังนั้น ข้าจึงเอาโทษแก่พวกนั้น แล้วการลงโทษของข้าเป็นฉันใดเล่า แน่นอนจะต้องอุบัติแก่พวกเขาเป็นแม่นมั่น
๖. และเช่นนั้น ประกาศิตแห่งองค์อภิบาลของข้าได้ปรากฏขึ้นสมจริงแก่เหล่าผู้เนรคุณทั้งหลาย ประกาศิตนั้นก็คือแท้จริงพวกเขาเหล่านั้นจะต้องเป็นชาวนรกอย่างแน่นอน




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. อัลละซีนะยะหฺมิลูนัลอัรฺชะ วะมันเหาละฮู ยุสับบิหูนะบิหัมดิร็อบบิฮิม วะยุอ์มินูนะบิฮี วะยัสตัฆฟิรูนะ ลิลละซีนะอามะนู ร็อบบะนาวะสิอัตกุลละชัยอิรฺเราะหฺมะเตา..วะอิลมัน..ฟะฆฟิรฺ ลิลละซีนะตาบู วัตตะบะอู สะบีละกะ วะกิฮิมอะซาบัลญะหีม
8. ร็อบบะนา วะอัดคิลฮุม ญัน..นาติ อัดนินิลละตี วะอัตตะฮุม วะมัน..เศาะละหะ มินอาบา...อิฮิม วะอัซวาญิฮิม วะซุรฺรียาติฮิม อิน..นะกะอัน..ตัลอะซีซุลหะกีม
9. วะกิฮิมุสสัยยิอาติ เยามะอิซิน..ฟะก็อด เราะหิมตะฮฺ วะซาลิกะฮุวัลเฟาซุลอะซีม


คำแปล R1.
7. Those (angels) who bear the Throne (of Allah) and those around it glorify the praises of their Lord, and believe in him, and ask forgiveness for those who believe (in the Oneness of Allah) (saying): "Our Lord! You comprehend all things in mercy and knowledge, so forgive those who repent and follow Your way, and save them from the torment of the blazing Fire!
8. "Our Lord! And make them enter the 'and (Eden) Paradise (everlasting gardens) which you have promised them, and to the righteous among their fathers, their wives, and their offspring! Verily, you are the All-Mighty, the All-Wise.
9. "And save them from (the punishment, because of what they did of) the sins, and whomsoever you save from (the punishment, because of what they did of) the sins (i.e. excuse them) that day, him verily, you have taken into mercy." and that is the supreme success.


คำแปล R2.
7. บรรดา(มลาอิกะฮฺ)ผู้แบกทูนบัลลังก์และผู้ที่อยู่รอบ ๆ นั้นต่างถวายสดุดีในพระบริสุทธิคุณของอัลเลาะฮฺพร้อมการสรรเสริญในองค์อภิบาลของพวกเขา และพวกเขามีศรัทธาในพระองค์ พวกเขาขอนิรโทษให้แก่มวลศรัทธาชนทั้งหลาย (พร้อมกับกล่าววิงวอนว่า) “โอ้องค์อภิบาลของเรา! พระองค์ทรงความเมตตาและความรอบรู้ครอบคลุมทุก ๆ สิ่ง ดังนั้นขอพระองค์ได้โปรดนิโทษแก่บรรดาผู้ขอนิรโทษเถิด และพวกเขาประพฤติตามแนวทางของพระองค์ และโปรดป้องกันพวกเขาให้พ้นโทษของนรกด้วยเถิด
8. โอ้ องค์อภิบาลของเรา และโปรดนำพวกเขาเข้าสวรรค์อันอมตะ ซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับพวกเขาแล้ว รวมทั้งบิดา มารดา คู่ครองและสายตระกูลของพวกเขาที่ประพฤติความดีงามด้วย แท้จริงพระองค์นั้นทรงไว้ซึ่งอำนาจและปรีชาญาณยิ่ง
9. “และขอได้โปรดป้องกันความเลวร้ายต่าง ๆ แก่พวกเขา และผู้ใดก็ตามที่พระองค์ทรงป้องกันความเลวร้ายให้ในวันนั้น แน่นอนพระองค์ก็ทรงเมตตาเขา และนั่นเป็นชัยชนะอันยิ่งใหญ่”


คำแปล R3.
7. บรรดามลาอิกะฮฺผู้แบกบัลลังก์ของพระผู้เป็นเจ้าและผู้ที่อยู่รอบ ๆ บัลลังก์นั้น ต่างกำลังสดุดีด้วยการสรรเสริญพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขายืนยันความศรัทธาในพระองค์ และกำลังขออภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา (พวกเขากล่าวว่า) “โอ้องค์พระผู้อภิบาลของเรา พระองค์ทรงไพศาลยิ่งในความเมตตาและในความรอบรู้ทุกสิ่ง โปรดทรงอภัยและช่วยเหลือบรรดาผู้สำนึกผิดและปฏิบัติตามแนวทางของพระองค์ให้พ้นจากการถูกลงโทษในนรกด้วยเถิด
8. โอ้พระผู้อภิบาลของเราโปรดทรงรับพวกเขาเข้าสวรรค์อันสถาพรซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาแก่พวกเขา รวมทั้งคนดี ๆ จากบรรดาพ่อแม่ ภรรยาและลูก ๆ ของพวกเขาด้วยเถิด แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ
9. และโปรดทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความชั่วทั้งหลาย เพราะผู้ใดก็ตามที่พระองค์ได้ทรงช่วยพวกเขาให้พ้นจากความชั่วร้ายในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ พระองค์ก็ได้ทรงเมตตาเขา และนั่นคือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่”


คำแปล R4.
7. บรรดาผู้แบกบัลลังก์ และผู้ที่อยู่รอบ ๆ บัลลังก์ ต่างก็แซ่ซ้องสดุดีด้วยการสรรเสริญพระเจ้าของพวกเขา และศรัทธาต่อพระองค์ และอภัยโทษให้แก่บรรดาผู้ศรัทธา ข้าแต่พระเจ้าของเรา พระองค์ท่านทรงแผ่ความเมตตาและความรอบรู้ไปทั่วทุกสิ่ง ขอพระองค์ทรงโปรดอภัยแก่บรรดาผู้ลุแก่โทษ และดำเนินตามแนวทางของพระองค์ท่าน และทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษแห่งไพนรก
8. ข้าแต่พระเจ้าของเรา และขอพระองค์ทรงให้พวกเขาได้เข้าในสวนสวรรค์หลากหลายอันสถาพร ซึ่งพระองค์ได้ทรงสัญญาแก่พวกเขาพร้อมทั้งผู้กระทำความดีจากบรรพบุรุษของพวก เขา และคู่ครองของพวกเขาและลูกหลานของพวกเขา แท้จริงพระองค์ท่านนั้นเป็นผู้ทรงมีอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
9. และขอพระองค์ทรงคุ้มครองพวกเขาให้พ้นจากความชั่วทั้งหลาย และผู้ใดที่พระองค์ทรงคุ้มครองให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายในวันนั้นดังนั้น แน่นอนพระองค์ท่านทรงเมตตาแก่เขา และนั่นคือมันเป็นความสำเร็จอันใหญ่หลวง


คำแปล R5.
๗. บรรดามวลมลาอิกะห์ที่ทำหน้าที่แบกบัลลังก์แห่งอำนาจของพระผู้เป็นเจ้าไว้และบรรดามลาอิกะห์ผู้ห้อมล้อมบัลลังก์นั้นต่างก็สดุดีพระบริสุทธิคุณโดยการสรรเสริญในองค์อภิบาลแห่งพวกเขาเป็นนิรันดร์และพวกเขามีศรัทธามั่นในพระองค์ และพวกเขาขอนิรโทษจากอัลเลาะห์แก่มวลผู้ศรัทธาทั้งหลายว่าโอ้องค์อภิบาลของเราพระองค์ทรงไพศาลครอบคลุมทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้งความเมตตาและความรอบรู้ของพระองค์ดังนั้น ขอพระองค์ได้โปรดนิรโทษแก่มวลผู้ขอลุแก่โทษเถิด และพวกเขาได้ประพฤติเจริญรอยตามแนวทางของพระองค์ และขอพระองค์ได้โปรดปกป้องพวกเขาซึ่งการลงทัณฑ์แห่งนรกอัลยะฮีมด้วยเถิด
๘. โอ้องค์อภิบาลของเรา และขอพระองค์ได้โปรดนำพวกเขาเข้าสวรรค์อัดนิ ซึ่งพระองค์ได้สัญญาแก่พวกเขาไว้แล้ว และผู้ประพฤติตัวดีจากบรรดาบรรพบุรุษของพวกเขา บรรดาคู่ครองและเผ่าพันธุ์ของพวกเขาทั้งหมดเหล่านั้นก็ขอได้โปรดนำเข้าสวรรค์ด้วย แท้จริงพระองค์ทรงไว้ซึ่งอำนาจยิ่ง ทรงไว้ซึ่งความปรีชายิ่ง
๙. และขอพระองค์ได้ปกป้องพวกเขาซึ่งความเลวร้ายทั้งหลายอย่าให้แผ้วพานมาสู่พวกเขาและผู้ใดที่พระองค์ทรงปกป้องความเลวร้ายให้แก่เขาในวันนั้น แน่นอนพระองค์ได้เมตตาแก่เขาแล้วโดยแท้จริง และนั่นเป็นรางวัลอันมหาศาลที่พระองค์ทรงประทานแก่เขา



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 10 - 12


คำอ่าน
10. อิน..นัลละซีนะกะฟะรู ยุนาเดานะ ละมักตุลลอฮิ อักบะรุ มิม..มักติกุม อัน..ฟุสะกุม อิซตุดเอานะ อิลัลอีมานิ ฟะตักฟุรูน
11. กอลู ร็อบบะนา..อะมัตตะนษนะตัยนิ วะอะหฺยัยตะนัษนะตัยนิ ฟะอฺตะร็อฟนา บิซุนูบินา ฟะฮัลอิลาคุรูญิม..มิน..สะบีล
12. ซาลิกุม..บิอัน..นะฮู..อิซาดุอิยัลลอฮุ วะหฺดะฮูกะฟัรตุม วะอี..ยุชร็อกบิฮี ตุอ์มินู ฟัลหุกมุลิลลาฮิลอะลียิลกะบีรฺ


คำแปล R1.
10. Those who disbelieve will be addressed (at the time of entering into the fire): "Allah's aversion was greater towards you (in the worldly life when you used to reject the faith) than your aversion towards one another (now in the Fire of Hell, as you are now enemies to one another), when you were called to the faith but you used to refuse."
11. They will say: "Our Lord! You have made us to die twice (i.e. we were dead in the loins of our fathers and dead after our deaths in this world), and you have given us life twice (i.e. life when we were born and life when we are resurrected)! Now we confess our sins, then is there any way to get out (of the Fire)?"
12. (It will be said): "This is because, when Allah alone was invoked (in worship, etc.) you disbelieved, but when partners were joined to him, you believed! So the judgment is only with Allah, the Most High, the Most Great!"


คำแปล R2.
10. แท้จริงบรรดาพวกไร้ศรัทธาจะถูกประกาศว่า “ขอสาบาน! ที่จริงนั้นความกริ้วของอัลเลาะฮฺย่อมยิ่งใหญ่กว่าความโกรธของพวกเจ้าที่มีแก่ตัวของพวกเจ้าเอง เมื่อพวกเจ้าถูกเรียกร้องไปสู่ศรัทธา แต่แล้วพวกเจ้ากลับไร้ศรัทธา
11. พวกเขากล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา! พระองค์ทำให้เราตายมาแล้วสองครั้ง และทรงให้เรามีชีวิตมาสองครั้งแล้วเช่นกัน ณ บัดนี้ เราขอสารภาพบาปของเรา แล้วยังจะมีทางออกจากนรกได้ไหม?”
12. นั่น! เป็นเพราะเหตุว่า เมื่ออัลเลาะฮฺถูกวอนนมัสการเพียงพระองค์เดียว พวกเจ้าก็ไร้ศรัทธา แต่เมื่อพระองค์ถูกตั้งสิ่งนั้นขึ้นมาเป็นภาคี พวกเจ้าก็กลับศรัทธา ดังนั้น การตัดสินเป็นอำนาจของอัลเลาะฮฺ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่


คำแปล R3.
10. สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นจะมีการประกาศในวันแห่งการฟื้นคืนชีพว่า “ความกริ้วของอัลลอฮฺต่อสูเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าความโกรธที่สูเจ้ามีต่อตัวเองในวันนี้เสียอีก เมื่อสูเจ้าถูกเรียกร้องให้ไปสู่ความศรัทธาและสูเจ้าปฏิเสธ”
11. พวกเขากล่าวว่า “โอ้พระผู้อภิบาลของเราพระองค์ทรงให้เราตายสองครั้งและทรงให้เรามีชีวิตสองครั้ง ตอนนี้เรายอมสารภาพความผิดของเรา แล้วมีทางออกใด ๆ ไปจากนี่ไหม?”
12. (พวกเขาจะถูกตอบว่า) “สูเจ้าต้องประสบชะตากรรมเช่นนั้น ก็เพราะเมื่อสูเจ้าถูกเรียกร้องไปยังอัลลอฮฺผู้ทรงเอกะ สูเจ้าก็ปฏิเสธความศรัทธา และเมื่อมีการนำสิ่งใดมาเป็นภาคีกับอัลลอฮฺ สูเจ้าก็ศรัทธา ตอนนี้การตัดสินใจทั้งหมดขึ้นอยู่กับอัลลอฮฺผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่”


คำแปล R4.
10. แท้จริงบรรดาผู้ปฎิเสธศรัทธานั้นจะมีเสียงตะโกนบอกว่า การเกลียดชังของอัลลอฮฺนั้นยิ่งใหญ่กว่าการเกลียดชังของพวกเจ้าต่อตัวของพวก เจ้าเอง เมื่อพวกเจ้าถูกเรียกร้องสู่การศรัทธา แล้วพวกเจ้าก็ได้ปฏิเสธศรัทธา
11. พวกเขากล่าวว่า ข้าแต่พระเจ้าของเรา พระองค์ท่านได้ทรงทำให้เราตายสองครั้ง และพระองค์ท่านได้ทรงทำให้เรามีชีวิตสองครั้ง ดังนั้นเราขอสารภาพต่อความผิดทั้งหลายของเราดังนั้นจะมีทางออก(แก่เรา)ไหม?
12. นั่นก็เพราะว่า แท้จริงเมืออัลลอฮฺพระองค์เดียวถูกกล่าวขึ้น พวกเจ้าก็ปฎิเสธศรัทธา และเมื่อหากให้มีการตั้งภาคีกับพระองค์พวกเจ้าก็ศรัทธา ดังนั้น การตัดสินชี้ขาดเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่


คำแปล R5.
๑๐. แท้จริงบรรดาผู้เนรคุณเมื่อได้เข้าไปในนรกก็[n]ถูกประกาศว่า อันความพิโรธของอัลเลาะห์[/b]ที่มีแก่พวกเจ้านั้นย่อมยิ่งใหญ่กว่าความโกรธของพวกเจ้าที่มีต่อตัวเอง เนื่องจากการเข้านรกเพราะไม่ยอมศรัทธาและสวามิภักดิ์ต่อพระบัญญัติของอัลเลาะห์เจ้าเมื่อพวกเจ้าถูกเชิญชวนสู่การศรัทธาในคำบัญชานั้นแต่แล้วพวกเจ้าก็เนรคุณ
๑๑. พวกเขารำพึงว่าโอ้องค์อภิบาลแห่งเราพระองค์ทรงดลความตายแก่เราสองครั้งคือความตายในสภาพไร้ชีวิตเมื่อก่อนเกิด และความตายเมื่อถึงอายุขัยหลังจากเกิดมาแล้วและพระองค์ทรงบันดาลให้เรามีชีวิตสองครั้งคือชีวิตเมื่อเกิดมาในโลกสากลและชีวิตที่ฟื้นขึ้นจากสุสานสู่โลกปรภพดังนั้นเราขอสารภาพในโทษานุโทษของเราอันสืบเนื่องมาจากความเนรคุณของเราเองแล้วยังจะมีช่องทางที่พวกเราจะออกจากนรกเพื่อคืนกลับสู่สากลโลกอีกครั้งหนึ่งไหมเราจะได้แก้ตัวใหม่ด้วยการสวามิภักดิ์ในพระองค์และประพฤติแต่ความดีงาม
๑๒. อันการลงโทษที่พวกเจ้าได้รับนั้นก็เป็นเพราะเหตุพวกเจ้าได้อยู่ในสากลโลกมาก่อนนั้นเอง ซึ่งเมื่อมีการวอนขอนมัสการต่ออัลเลาะห์เยงพระองค์เดียวพวกเจ้าก็กลับเนรคุณไม่นมัสการต่อพระองค์และเมื่อพระองค์ถูกอุปโลกน์สิ่งหนึ่งสิ่งใดขึ้นมาเป็นภาคี พวกเจ้าก็ศรัทธาเลื่อมใสในภาคีนั้น ๆ ด้วยแท้จริงการตัดสินลงโทษพวกเจ้าทั้งหลายจึงเป็นเอกสิทธิ์ของอัลเลาะห์ผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่
[/color]


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 13 - 16


คำอ่าน
13.   ฮุวัลละซียุรีกุม อายาติฮี วะยุนัซซิลุละกุม..มินัสสะมา...อิ ริซกอ วะมายะตะซักกะรุ อิลลามัย..ยุนีบ
14.   ฟัดอุลลอฮะ มุคลิศีนะ ละฮุดดีนะ วะเลากะริฮัลกาฟิรูน
15.   เราะฟีอุดดะเราะญาติซุลอัรฺชิ ยุลกิรฺรูหะ มินอัมริฮี อะลามัย..ยะชา...อุ มินอิบาดิฮี ลิยุน..ซิเราะเยามัตตะลาก
16.   เยามะฮุม..บาริซูน ลายัคฟาอะลัลลอฮิ มินฮุมชัยอฺ ลิมะนิลมุลกุลเยามฺ ลิลลาฮิลวาหิดิลเกาะฮฺฮารฺ


คำแปล R1.
13. It is he, who shows you his Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) and sends down (rain with which grows) provision for you from the sky. and none remembers but those who turn (to Allah) in obedience and in repentance (by begging his pardon and by worshipping and obeying Him alone and none else).
14. So, call you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam and the believers) upon (or invoke) Allah making (your) worship pure for Him (Alone) (by worshipping none but Him and by doing religious deeds sincerely for Allah's sake only and not to show-off and not to set up rivals with Him in worship). However much the disbelievers (in the Oneness of Allah) may hate (it).
15. (He is Allah) Owner of High ranks and degrees, the Owner of the throne. He sends the inspiration by his command to any of his slaves He wills, that he (the person who receives inspiration) may warn (men) of the Day of mutual meeting (i.e. the Day of Resurrection).
16. The Day when they will (all) come out, nothing of them will be hidden from Allah. Whose is the Kingdom this Day? (Allah himself will reply to his question): It is Allah's the One, the Irresistible!


คำแปล R2.
13. พระองค์ทรงดลให้พวกเจ้าเห็นบรรดาสัญลักษณ์ของพระองค์ และพระองค์ทรงหลั่งโชค ผลไม้ ให้แก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าแต่มีผู้ใดสำนึกเลย นอกจากบุคคลที่มิจิตคืนกลับ(สู่อัลเลาะฮฺ)เท่านั้น
14. ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงวอนนมัสการต่ออัลเลาะฮฺโดยความบริสุทธิ์ใจในการนมัสการต่อพระองค์เถิด และมาดแม้นเหล่าผู้ไร้ศรัทธาจะขัดขวางก็ตาม
15. พระองค์ทรงยกย่องบรรดาฐานันดร, พระองค์ทรงเป็นเจ้าแห่งบัลลังก์, พระองค์ทรงถ่ายทอดโองการจากการบัญชาของพระองค์ แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากมวลข้าทาสของพระองค์ (เขาคือศาสนทูต) เพื่อเขาจะได้ตักเตือน (มวลมนุษย์ให้ตระหนักถึง)วันแห่งการพบกัน
16. เป็นวันที่พวกเขาจะออก (มาจากสุสาน) อย่างชัดแจ้ง ไม่มีสิ่งใดซ่อนเร้นต่ออัลเลาะฮฺเกี่ยวกับสภาวะของพวกเขาเลย (ในยามนั้น อัลเลาะฮฺทรงตรัสว่า) “อำนาจบริหารในวันนี้เป็นของใครกัน?” (แล้วพระองค์ก็ตรัสตอบว่า) “เป็นของอัลเลาะฮฺผู้ทรงเอกานุภาพ ผู้ทรงมหิทธานุภาพ


คำแปล R3.
13. พระองค์ต่างหากเป็นผู้แสดงให้สูเจ้าเห็นสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ และได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพ จากฟากฟ้าแก่สูเจ้า แต่คนที่ใคร่ครวญถึงบทเรียน(จากการสังเกตสัญญาณเหล่านี้)เท่านั้นที่หันไปหาอัลลอฮฺ
14. “ดังนั้น(โอ้ ผู้ที่หันไปหาพระองค์) จงวิงวอนต่ออัลลอฮฺ โดยการทำศาสนาให้เป็นของพระองค์อย่างจริงใจ แม้ว่าบรรดาผู้ปฏิเสธจะเกลียดชังการทำตัวของสูเจ้าก็ตาม”
15. ผู้ทรงตำแหน่งอันสูงส่ง ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งบัลลังก์ พระองค์ทรงส่งวิญญาณโดยคำบัญชาของพระองค์ลงมายังบ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์เพื่อเตือนถึงวันแห่งการพบปะกัน
16. วันที่พวกเขาทั้งหมดจะถูกเปิดเผยและไม่มีสิ่งใดของพวกเขาจะถูกซ่อนเร้นไปจากอัลลอฮฺได้(ในวันนั้นจะมีการถามว่า) “วันนี้ อำนาจเป็นของใคร?” (ทั่วทั้งจักรวาลจะตะโกนว่า) “เป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิตโดยเด็ดขาด”


คำแปล R4.
13. พระองค์นั้นเป็นผู้แสดงให้เห็นถึงสัญญาณทั้งหลายของพระองค์แก่พวกเจ้า และได้ทรงประทานปัจจัยยังชีพลงมาจากฟากฟ้าแก่พวกเจ้า และจะไม่มีใครใคร่ครวญนอกจากผู้สำนึกตัว
14. ดังนั้นจงวิงวอนขอต่ออัลลอฮฺ โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์ แม้ว่าพวกปฏิเสธศรัทธาจะเกลียดชังก็ตาม
15. ผู้ทรงตำแหน่งอันสูงเจ้าแห่งบัลลังก์ ทรงส่งวะฮียฺตามพระบัญชาของพระองค์แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากปวงบ่าวของ พระองค์เพื่อเตือนให้รำลึกถึงวันแห่งการพบปะร่วมกัน (วันกิยามะฮฺ)
16. วันที่พวกเขาจะปรากฏตัวออกมา ไม่มีสิ่งใดของพวกเขาจะซ่อนเร้นไปจากอัลลอฮฺ  อำนาจในวันนี้เป็นของผู้ใดเล่า? แน่นอนมันเป็นของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเอกะผู้ทรงพิชิตโดยเด็ดขาด


คำแปล R5.
๑๓. พระองค์ทรงดลจิตพวกเจ้าให้มองเห็นสัญลักษณ์ต่าง ๆ อันสำแดงออกซึ่งอานุภาพของพระองค์และพระองค์ทรงประทานโชคผลแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าโดยให้มีฝนตกลงมาทำความชุ่มชื้นและอุดมสมบูรณ์แก่โลก พืชและปศุสัตว์และสิ่งอื่น ๆ ก็จะอุดมสมบูรณ์เป็นปัจจัยยังชีพต่อไป และผู้มีจิตคืนกลับสู่อัลเลาะห์เท่านั้นที่จะสำนึกถึงความจริงดังกล่าว
๑๔. ดังนั้นเจ้าทั้งหลายจงวอนขออัลเลาะห์โดยบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์เถิดอย่าได้แฝงเร้นด้วยความยึดมั่นในสิ่งอื่นใดนอกจากอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวและมาดแม้นบรรดาผู้เนรคุณจักขัดขวางแนวทางของเจ้าก็ตาม
๑๕. ทรงยกฐานันดรแห่งมวลผู้ศรัทธาทั้งหลายในสวนสวรรค์ทรงเป็นเจ้าแห่งบัลลังก์ ทรงดลจิตจากคำบัญชาของพระองค์ แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากมวลข้าทาสของพระองค์ เพื่อเขาจะได้ตักเตือนมวลมนุษย์ทั้งหลายในวันแห่งการพบกัน นั่นคือวันปรภพ
๑๖. เป็นวันที่พวกเขาจะปรากฏตัวออกมาจากสุสานของแต่ละคนสำหรับอัลเลาะห์แล้วไม่มีสิ่งใดจากพวกเขาแฝงเร้นได้เลย ทุกคนและทุกสี่วนแห่งร่างกายจะปรากฏชัดต่อพระองค์อันสิทธิอำนาจในวันนี้เป็นของผู้ใดเล่า เป็นของอัลเลาะห์ผู้ทรงเอกานุภาพผู้ทรงพลานุภาพเพียงพระองค์เดียว ไม่มีสิ่งใดร่วมในสิทธิอำนาจนั้นเลย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 17 - 20


คำอ่าน
17.   อัลเยามะตุจญซา กุลลุนัฟสิม..บิมากะสะบัต ลาซุลมัลเยามฺ อิน..นัลลอฮะสะรีอุลหิสาบ
18.   วะอัน..ซิรฺฮุม เยามัลอาซิฟะติ อิซิลกุลูบุ ละดัลหะนาญิริ กาซิมีน มาลิซซอลิมีนะมินหะมีมิว วะลาชะฟีอี..ยุฏออฺ
19.   ยะอฺละมุ คอ...อินะตัลอะอฺยุนิ วะมาตุคฟิศศุดูรฺ
20.   วัลลอฮุ ยักฎีบิลหักกฺ วัลละซีนะยัดอูนะ มิน..ดูนิฮี ลายักฎูนะบิชัยฮฺ  อิน..นัลลอฮะ ฮุวัสสะมีอุลบะศีรฺ


คำแปล R1.
17. This Day shall every person be recompensed for what he earned. No injustice (shall be done to anybody). Truly, Allah is Swift in reckoning.
18. And warn them (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) of the Day that is drawing near (i.e. the Day of Resurrection), when the hearts will be choking the throats, and they can neither return them (hearts) to their chests nor can they throw them out. There will be no friend, or an intercessor for the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.), who could be given heed to.
19. Allah knows the fraud of the eyes, and all that the breasts conceal.
20. And Allah judges with truth, while those to whom they invoke besides him, cannot judge anything. Certainly, Allah! He is the All-Hearer, the All-Seer.


คำแปล R2.
17. “ในวันนี้ ทุกชีวิตจะต้องได้รับการตอบสนองไปตามที่เขาพากเพียรไว้ วันนี้ไม่มีการทุจริตใด ๆ ทั้งสิ้น แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงสอบสวนอย่างรวดเร็วยิ่ง”
18. แล้วเจ้าจงเตือนพวกเขา (ให้ตระหนักถึง)วัน(ชาตหน้าซึ่ง)ใกล้(จะมาถึงแล้ว) เมื่อบรรดาหัวใจอยู่ที่คอหอย(ด้วยความประหวั่นพรั่นพรึง) โดยพวกเขาเต็มไปด้วยความทุกข์ สำหรับจำพวกทุจริตชนทั้งหลายย่อมไม่มีผู้ใดให้การคุ้มครองและไม่มีผู้ให้การสงเคราะห์ที่จะถูกเชื่อฟัง (คำขอสงเคราะห์ของเขาแก่ผู้นั้น)
19. พระองค์ทรงรอบรู้ถึงสายตาแห่งการบิดพลิ้ว(ชอบมองแต่สิ่งต้องห้าม) และทรงรอบรู้สิ่งที่หัวใจซ่อนเร้นไว้
20. และอัลเลาะฮฺทรงตัดสินโดยชอบธรรม และบรรดาสิ่งที่พวกเขาวอนนมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺนั้น ไม่อาจตัดสินในสิ่งใด ๆ ได้เลย แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงได้ยินยิ่ง ทรงมองเห็นยิ่ง


คำแปล R3.
17. (จะมีการกล่าวว่า) “วันนี้ ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนสำหรับสิ่งที่มันได้ขวนขวายไว้ วันนี้จะไม่มีใครได้รับความไม่เป็นธรรม และอัลลอฮฺทรงฉับพลันในการคำนวณ”
18. โอ้ นบี จงเตือนพวกเขาถึงวันที่ได้ใกล้เข้ามาแล้ว เมื่อหัวใจจะขึ้นมาถึงลำคอ และมนุษย์จะยืนนิ่งด้วยความเศร้าโศก ผู้ทำความผิดทั้งหลายจะไม่มีมิตร และจะไม่มีผู้ใดขอไถ่โทษคนใดได้รับการรับฟัง
19. อัลลอฮฺทรงรอบรู้ถึงการทรยศของดวงตา และแม้แต่ความลับของทรวงอกที่ซ่อนเร้นอยู่
20. และอัลลอฮฺจะทรงตัดสินด้วยความยุติธรรม ส่วนสิ่งทั้งหลายที่(พวกบูชาเทวรูป)วิงวอนแทนอัลลอฮฺนั้น พวกมันไม่อาจตัดสินอะไรได้ แท้จริงอัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงได้ยินทุกสิ่งและเห็นทุกสิ่ง


คำแปล R4.
17. วันนี้ทุกชีวิตจะได้รับการตอบแทนตามที่มันได้กระทำไว้ ไม่มีการอธรรมในวันนี้แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงฉับพลันในการสอบสวน
18. และจงเตือนพวกเขาให้ทราบถึงวันที่ใกล้เข้ามา (วันกิยามะฮฺ) เมื่อหัวใจเข้ามาติดอยู่ที่ลำคอด้วยความอดกลั้น ไม่มีมิตรที่สนิทสนมสำหรับบรรดาผู้อธรรม และไม่มีผู้ช่วยเหลือคนใดที่จะถูกเชื่อฟัง
19. พระองค์ทรงรอบรู้การทรยศของดวงตา และสิ่งที่ทรวงอกปกปิดอยู่
20. และ อัลลอฮฺทรงตัดสินด้วยความยุติธรรม และบรรดาผู้ที่วิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้น พวกมันไม่อาจจะตัดสินใด ๆ ได้ แท้จริงอัลลอฮฺ พระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น


คำแปล R5.
๑๗. วันนี้แต่ละชีวิตจะได้รับการตอบสนองไปตามที่เขาได้พากเพียรไว้ ไม่มีการฉ้อฉลในวันนี้โดยเด็ดขาดแท้จริงอัลเลาะห์ทรงสอบสวนโดยรวดเร็ว
๑๘. และเจ้าจงตักเตือนพวกเขาให้ตระหนักถึงวันปรภพอันใกล้จะมาถึงที่สุด พลันดวงใจทั้งหลายจะขึ้นไปติดอยู่ ณ คอหอยเพราะความพรั่นพรึงของเหตุการณ์ในวันนั้นโดยพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความทุกข์ระทม สำหรับบรรดาผู้อธรรมย่อมไม่มีญาติสนิทที่ให้ความสนใจแก่เขาและไม่มีผู้สงเคราะห์คนใดจะถูกสั่งให้ทำการสงเคราะห์แก่พวกเขา
๑๙. พระองค์ทรงรอบรู้ถึงสายตาแห่งการบิดพลิ้วที่ชอบมองสิ่งต้องห้ามทั้งโดยจงใจและแอบมอง และทรงรอบรู้สิ่งที่หัวใจได้ซ่อนเร้นไว้
๒๐. และอัลเลาะห์ทรงพิพากษาโดยสัจธรรมและบรรดาสิ่งที่พวกนั้นวอนขอนอกจากอัลเลาะห์แล้ว ไม่อาจพิพากษาสักกรณีหนึ่งได้ แล้วจะเป็นหุ้นส่วนกับพระองค์ได้อย่างไรแท้จริงอัลเลาะห์ทรงได้ยิน ทรงมองเห็น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 21 - 22


คำอ่าน
21. อะวะลัมยะสีรูฟิลอัรฺฏิ ฟัน..ซุรูกัยฟะกานะอากิบะตุลละซีนะกานูมิน..ก็อบลิฮิม กานูฮุม อะชัดดะมินฮุม กูวะเตา..วะอาษาร็อน..ฟิลอัรฺฎิ ฟะอะเคาะซะฮุมุลลอฮุ บิซุนูบิฮิม วะมากานะละฮุม..มินัลลอฮิมิว..วาก
22. ซาลิกะบิอัน..นะฮุม กานัตตะอ์ตีฮิม รุสุลุฮุม..บิลบัยยินาติ ฟะกะฟะรู ฟะอะเคาะซะฮุมุลลอฮุ อิน..นะฮูเกาะวียุน..ชะดีดุลอิกอบ


คำแปล R1.
21. Have they not traveled in the land and seen what was the end of those who were before them? They were superior to them in strength, and in the traces (which they left) in the land. But Allah seized them with punishment for their sins. And none had they to protect them from Allah.
22. That was because there came to them their Messengers with clear evidences, proofs and signs but they disbelieved (in them). So Allah seized them with punishment. Verily, He is All-Strong, Severe in punishment.


คำแปล R2.
21. พวกเขามิได้จาริกไปในแผ่นดินแล้วพิจารณาว่าจุดจบของบรรดาประชาชาติในยุคก่อนพวกเขานั้น เป็นอย่างไรบ้าง ดอกหรือ? ทั้ง ๆ ที่พวกเหล่านั้นมีพลังมหาศาลกว่าพวกเขา, มีร่องรอย(แห่งความเจริญก้าวหน้าทางด้านการก่อสร้างปรากฏอยู่)ในแผ่นดิน แต่แล้วอัลเลาะฮฺทำลายล้างพวกเขา เพราะโทษานุโทษของพวกนั้น และไม่มีผู้ใดปกป้องพวกเขาให้พ้นไปจาก(การลงโทษของ)อัลเลาะฮฺได้
22. นั้น! เป็นเพราะพวกเขาได้เคยมีศาสนทูตต่าง ๆ มา(ประกาศสัจธรรม) ยังพวกเขา พร้อมกับหลักฐานอันชัดแจ้ง แต่แล้วพวกเขากลับคัดค้าน ดังนั้น อัลเลาะฮฺจึงทำลายล้างพวกเขา แท้จริงพระองค์ทรงพลานุภาพยิ่ง พระองค์ทรงลงโทษรุนแรงยิ่ง


คำแปล R3.
21. พวกเขาไม่ได้เดินทางไปในแผ่นดินแล้วดูว่าผลสุดท้ายของผู้ที่ล่วงลับไปก่อนหน้าพวกเขาเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? พวกเขาเหล่านั้นเข้มแข็งกว่าพวกเขาเสียอีก และยังได้ทิ้งร่องรอยที่ยิ่งใหญ่ไว้ในแผ่นดิน แต่อัลลอฮฺได้ทำโทษพวกเขาเพราะบาปของพวกเขา และไม่มีใครสามารถที่จะช่วยพวกเขาให้รอดพ้นจากอัลลอฮฺได้
22. พวกเขาได้รับความหายนะก็เพราะบรรดารอซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งแล้ว แต่พวกเขาก็ยังปฏิเสธ ดังนั้น อัลลอฮฺจึงได้ทรงลงโทษพวกเขา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจและทรงรุนแรงในการลงโทษ


คำแปล R4.
21. พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ ? แล้วพิจารณาดูว่าบั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขาเป็นเช่นใด เขาเหล่านั้นมีพลังที่เข้มแข็งกว่าพวกเขา และได้ทิ้งร่องรอยไว้มากมาย แล้วอัลลอฮฺ ก็ได้ทรงลงโทษพวกเขาด้วยความผิดของพวกเขา และไม่มีผู้ใดจะช่วยปกป้องพวกเขาให้พ้นจากอัลลอฮฺได้
22. นั่นก็เพราะว่าเมื่อบรรดารอซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อม ด้วยหลักฐานต่าง ๆ อันชัดแจ้งพวกเขาก็ได้ปฏิเสธศรัทธา ดังนั้นอัลลอฮฺจึงทรงลงโทษพวกเขา แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงพลัง ผู้ทรงรุนแรงในการลงโทษ


คำแปล R5.
๒๑. และพวกเขามิได้จาริกไปในแผ่นดินดอกหรือ แล้วพวกเขาจะได้พิจารณาจากร่องรอยที่ปรากฏเป็นประวัติศาสตร์ของชนชาติในยุคอดีตว่าจุดจบของบรรดามวลชนที่มีมาก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่มวลชนเหล่านั้นมีพลังและร่องรอยในแผ่นดินเช่น สถานที่เก็บน้ำและค่ายแข็งแรงยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีกแต่ก็ไม่สามารถต้านทานโทษภัยของอัลเลาะห์ได้ดังนั้นอัลเลาะห์จึงได้เอาโทษแก่พวกเขาโดยวิธีการต่าง ๆ นานาและไม่มีผู้ใดสามารถป้องกันพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้
๒๒. นั้นเป็นเพราะพวกเขาได้มีศาสนทูตนำบรรดาบทบัญญัติอันชัดแจ้งมายังพวกเขา แต่แล้วพวกเขากับเนรคุณ ดังนั้นอัลเลาะห์จึงเอาโทษแก่พวกเขา เพราะพระองค์ทรงพลานุภาพ ทรงลงโทษรุนแรง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 23 - 27


คำอ่าน
23.   วะละก็อดอัรฺสัลนามูสาบิอายาตินา วะสุลฏอนิม..มุบีน
24.   อิลาฟิรฺเอานะ วะฮามานะ วะกอรูนะ ฟะกอลู สาหิรุน..กัซซาบ
25.   ฟะลัม..มาญา...อะฮุม..บิลหักกิ มินอิน..ดินา กอลุกตุลู..อับนา..อัลละซีนะอามะนู มะอะฮู วัสตะหฺยูนิสา...อะฮุม วะมากัยดุลกาฟิรีนะ อิลลาฟีเฎาะลาล
26.   วะกอละฟิรฺเอานุ ซะรูนี..อักตุลมูสา วัลยัดอุ ร็อบบะฮฺ อิน..นีอะคอฟุ อัย..ยุบัดดิละ ดีนะกุม เอาอัย..ยุซฮิเราะ ฟิลอัรฺฎิลฟะสาด
27.   วะกอละมูสา..อิน..นี อุซตุ บิร็อบบี วะร็อบบิกุม มิน..กุลลิ มุตะกับบิริล ลายุอ์มินุ บิเยามิลหิสาบ


คำแปล R1.
23. And indeed we sent Musa (Moses) with our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), and a manifest authority,
24. To Fir'aun (Pharaoh), Haman and Qarun (Korah), but they called (him): "A sorcerer, a liar!"
25. Then, when he brought them the truth from us, they said: "Kill the sons of those who believe with him and let their women live", but the plots of disbelievers are nothing but errors!
26. Fir'aun (Pharaoh) said: "Leave me to kill Musa (Moses), and let him call his Lord (to stop me from killing him)! I fear that he may change your religion, or that he may cause mischief to appear in the land!"
27. Musa (Moses) said: "Verily, I seek refuge in my Lord and your Lord from every arrogant who believes not in the Day of Reckoning!"


คำแปล R2.
23. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้ส่งมูซามาเป็นศาสนทูต โดยนำโองการต่าง ๆ ของเรามาและนำหลักฐาน(ปาฏิหาริย์)อันชัดแจ้งมา
24. ยังฟิรเอาน์, ฮามาน และกอรูน แต่แล้วพวกเหล่านั้นกลับพูดว่า “มูซาเป็นเพียงมายากรผู้มดเท็จ”
25. ครั้นเมื่อเขาได้นำสัจธรรมจากเรามายังพวกเขา พวกเขาก็พูดว่า “พวกท่านจงสังหารชีวิตของบรรดาบุตรชายของพวกที่มีศรัทธากับมูซาเถิด และจงไว้ชีวิตของบุตรหญิงของพวกนั้น” แต่แผนการของเหล่าผู้ไร้ศรัทธาไม่ประสบผล นอกจากตกอยู่ในความหลงผิดเท่านั้น
26. และฟิรเอาน์ได้กล่าว(กับคนของเขา)ว่า “พวกเจ้าจงปล่อยให้ข้าสังหารชีวิตของมูซาเถิด และจงปล่อยให้เขาวอนต่อพระเจ้าของเขา! (เพื่อช่วยเหลือเขา โดยพวกเจ้าอย่าสนใจใยดีกับเขาเลย) เพราะแท้จริงข้าหวั่นกลัวว่าเขาจะมาเปลี่ยนศาสนาของพวกเจ้า หรือมิฉะนั้นเขาก็จะทำให้การบ่อนทำลายปรากฏขึ้นในแผ่นดิน(ของเรา)
27. และมูซาได้กล่าวว่า “แท้จริงฉันได้ขอต่อองค์อภิบาลของฉันและของพวกท่านให้พระองค์คุ้มครองฉันให้พ้นจากอันตรายของผู้ทระนงตนที่ไม่ศรัทธาในวันสอบสวนทุก ๆ คน”


คำแปล R3.
23. และเราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่าง ๆ ของเราและหลักฐานการแต่งตั้งเขาอย่างชัดเจน
24. มายังฟิรเอาน์และฮามานและกอรูน แต่พวกเขาก็กล่าวว่า “เขาเป็นพ่อมดหมอผี เป็นพวกโกหก”
25. ดังนั้น เมื่อเขาได้มายังคนเหล่านี้พร้อมสัจธรรมจากเรา พวกเขาได้กล่าวว่า “จงฆ่าบรรดาลูกชายของผู้ที่ศรัทธา และเข้าร่วมกับเขา และไว้ชีวิตลูกสาวของพวกเขา” แต่แผนการของบรรดาผู้ปฏิเสธต้องล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
26. วันหนึ่ง ฟิรเอาน์ได้กล่าวแก่คนของเขาว่า “จงปล่อยฉันไว้ตามลำพังเพื่อฉันจะได้ฆ่ามูซา และให้เขาร้องหาพระเจ้าของเขา ฉันกลัวว่าเขาจะเปลี่ยนศาสนาของพวกเจ้าหรือไม่ก็ทำให้ความเสียหายปรากฏขึ้นในแผ่นดิน”
27. มูซาได้กล่าวว่า “ฉันขอความคุ้มครองจากพระผู้อภิบาลของฉันและพระผู้อภิบาลของพวกท่านให้พ้นจากผู้ยโสโอหังทุกคนที่ไม่ศรัทธาในวันแห่งการชำระบัญชี”


คำแปล R4.
23. และโดยไม่แน่นอน เราได้ส่งมูซามาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง ๆ ของเราและหลักฐานอันชัดแจ้ง
24. ไปยังฟิรเอานฺ และฮามาน และกอรูน แล้วพวกเขาก็กล่าวว่า (มูซาเป็น) มายากรนักโกหกตัวฉกาจ
25. ครั้นเมื่อมูซาได้มายังพวกเขาด้วยสัจธรรมจากเรา พวกเขากล่าวว่า จงฆ่าลูกชายของบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับเขา และไว้ชีวิตผู้หญิงของพวกเขา แต่แผนการณ์ของพวกปฏิเสธศรัทธานั้นมิใช่อื่นใด นอกจากการผิดพลาด
26. และฟิรเอานฺ กล่าวว่า จงปล่อยฉัน ฉันจะฆ่ามูซา และให้เขาวิงวอนขอพระเจ้าของเขา แท้จริงฉันเกรงว่าเขาจะมาเปลี่ยนศาสนาของพวกท่าน หรือจะก่อการร้ายให้เกิดขึ้นในแผ่นดิน
27. และ มูซากล่าวว่า แท้จริงฉันของความคุ้มครองต่อพระเจ้าของฉัน และพระเจ้าของพวกท่านให้พ้นจากผู้หยิ่งผยองทุกคนที่ไม่ศรัทธาต่อวันแห่งการ ชำระบัญชี


คำแปล R5.
๒๓. อันที่จริงเราได้ส่งนบีมูซาให้นำโองการต่าง ๆ ของเราและหลักฐานอันแจ้งชัดมา
๒๔. ยังฟิรเอาน์ผู้เป็นกษัตริย์ ฮามานผู้เป็นมนตรี และกอรูนผู้เป็นเศรษฐี แต่แล้วพวกเขากลับกล่าวว่านบีมูซาเป็นนักวิทยากล เป็นนักโกหก
๒๕. ต่อมาเมื่อเขาได้นำสัจธรรมจากเรามาสู่พวกนั้น พวกนั้นก็กล่าวว่าโอ้ชาวเมืองทั้งหลายพวกเจ้าจงฆ่าบุตรชายของบรรดาผู้ศรัทธากับเขาเถิด และจงไว้ชีวิตแก่บุตรหญิงของพวกนั้น เพื่อนำมาเป็นทาสรับใช้ คำประกาศดังกล่าวเนื่องจากฟิรเอาน์ได้รับการทำนายจากโหรประจำตัวว่าต่อไปจะมีคนดีมาเกิดและสั่นคลอนอำนาจของฟิรเอาน์ จนทำให้ไร้บัลลังก์ได้ เขาจึงออกประกาศให้จัดการฆ่าเด็กผู้ชายที่คลอดใหม่ในกลุ่มของชาวยิวและแผนการของเหล่าผู้เนรคุณนั้นมิใช่อื่นใดเลยนอกจากในความหลงทางซึ่งไม่สำเร็จไปตามที่วางแผนไว้ เพราะในที่สุดนบีมูซาก็แคล้วคลาดจากการถูกจับฆ่า และถูกเก็บตัวเข้าไปเลี้ยงในพระราชวังของฟิรเอาน์เอง ยิ่งไปกว่านั้นยังเกิดเภทภัยอื่น ๆ นานัปการแก่พวกฟิรเอาน์และผลสุดท้ายต้องเสียชีวิตในท้องทะเลตามที่ทราบแล้วในประวัติ
๒๖. และฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า พวกเจ้าจงปล่อยข้าเถิด ข้าจะปลิดชีวิตของมูซาเพราะผู้ใกล้ชิดกับเขาได้ห้ามไว้มิให้ฆ่านบีมูซาและจงให้เขาวอนขอต่อองค์อภิบาลของเขาสิเพื่อจะได้ช่วยเหลือตัวเขาให้ปลอดภัยจากข้า เมื่อเขาไม่ยอมเชื่อว่าข้าคือพระเจ้าที่สามารถประกาศิตใด ๆได้เพราะข้าหวั่นเกรงว่าเขาจะเปลี่ยนแปลงศาสนาของพวกเจ้าที่เคยยึดถือและปฏิบัติมาแต่บรรพบุรุษจวบจนปัจจุบัน หรือมิฉะนั้นเขาอาจเป็นตัวการทำให้ปรากฏความเสื่อมขึ้นในแผ่นดินจนก่อให้เกิดการฆ่าฟัน การจลาจลและการสงครามขึ้น เพราะคำประกาศอันหักหาญของเขา
๒๗. และมูซากล่าวว่า ที่จริงข้าพเจ้าได้ขอคุ้มกันต่อองค์อภิบาลของข้าและของพวกเจ้าทั้งมวลให้พ้นไปจากผู้โอหังทุกคนที่ไม่ศรัทธาในวันสอบสวน



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 28 - 31


คำอ่าน
28. วะกอละเราะญุลุม..มุอ์มินุม..มินอาลิฟิรฺเอานะ ยักตุมุ อีมานะฮู..อะตักตุลูนะเราะญุลัน อัย..ยะกูละ ร็อบบิยัลลอฮุ วะก็อดญา...อะกุม..บิลบัยยินาติ มิรฺร็อบบิกุม วะอี..ยะกุกาซิบัน..ฟะอะลัยฮิกะซิบุฮฺ วะอี..ยะกุศอดิก็อย..ยุศิบกุม..บะอฺฎุลละซี ยะอิดุกุม อิน..นัลลอฮะลายะฮฺดี มันฮุวะมุสริกุน..กัซซาบ
29. ยาก็อวมิละกุมุลมุลกุลเยามะ ซอฮิรีนะ ฟิลอัรฺฎิ ฟะมัย..ยัน..ศุรุนา มิม..บะอ์สิลลาฮิ อิน..ญา...อะนา กอละฟิรฺเอานุ มา...อุรีกุม อิลลามา..อะรอ วะมา...อะฮฺดีกุมอิลลาสะบีลัรฺเราะชาด
30. วะกอลัลละซี..อามะนะ ยาก็อวมิ อิน..นี..อะคอฟุ อะลัยกุม..มิษละ เยามิลอะหฺซาบ
31. มิษละดะอ์บิก็อวมิ นูหิว..วะอาดิว..วะษะมูดะ วัลละซีนะมิม..บะอฺดิฮิม วะมัลลอฮุยุรีดุซุลมัลลิลอิบาด


คำแปล R1.
28. And a believing man of Fir'aun's (Pharaoh) family, who hid his faith said: "Would you kill a man because he says: My Lord is Allah, and he has come to you with clear signs (proofs) from your Lord? And if he is a liar, upon him will be (the sin of) his lie; but if he is telling the truth, then some of that (calamity) wherewith he threatens you will befall on you." Verily, Allah guides not one who is a Musrif (a polytheist, or a murderer who shed blood without a right, or those who commit great sins, oppressor, transgressor), a liar!
29. "O my people! Yours is the Kingdom this day, you are uppermost in the land. But who will save us from the torment of Allah, should it befall us?" Fir'aun (Pharaoh) said: "I show you only that which I see (correct), and I guide you only to the path of right policy!"
30. And he who believed said: "O my people! Verily, I fear for you a fate like that Day (of disaster) of the confederates (of old)!
31. "Like the fate of the people of Nuh (Noah), and 'Ad, and Thamud and those who came after them. And Allah wills no injustice for (His) slaves.


คำแปล R2.
28. และมีบุรุษผู้ศรัทธาคนหนึ่ง เขาเป็นวงศ์ญาติของฟิรเอาน์ เขาจึงต้องซ่อนเร้นการศรัทธาของเขาไว้(ไม่เปิดเผย) เขาได้กล่าวขึ้นในขณะนั้นว่า “พวกท่านจะฆ่าชายผู้หนึ่งเพียงเหตุผลเพราะเขากล่าวว่า “อัลเลาะฮฺเป็นพระเจ้าของฉัน!” เท่านั้นเองหรือ? ความจริงแล้ว ชายผู้นั้นได้นำสัจธรรมอันแจ้งชัดมาจากองค์อภิบาลของพวกท่าน เพื่อประกาศสู่พวกท่าน และหากเขาเป็นผู้มุสา เขาก็จะต้องรับผิดชอบในความมุสาของเขาเอง และถ้าเขาพูดจริง พวกท่านนั่นแหละจะต้องประสบกับ(การลงโทษ)บางอย่างที่เขาได้ให้สัญญาไว้แก่พวกท่าน(ว่าจะอุบัติขึ้น) แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำบุคคลที่ละเมิดอีกทั้งเป็นจอมมุสา”
29. “โอ้กลุ่มชนของฉัน! พวกท่านมีอำนาจปกครองในวันนี้ อีกทั้งเป็นผู้พิชิตในแผ่นดิน(อียิปต์)แต่ผู้ใดเล่าจะช่วยพวกเราให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะฮฺได้ หากว่าสิ่งนั้นได้มาประสบแก่พวกเรา” ฟิรเอาน์กล่าว(ด้วยความแค้นเคือง)ว่า “ข้ามิได้ชี้แก่พวกเจ้าให้เห็น(เป็นอย่างอื่น)นอกจากในสิ่งที่ข้าเห็นเท่านั้น และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้านอกจากชี้ลู่ทางอันถูกต้องเท่านั้น”
30. และชายผู้มีศรัทธาดังกล่าวได้พูดอีกว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน! ฉันหวั่นกลัวภัยพิบัติจักประสบกับพวกท่านเหมือนเช่นวัน(ที่)บรรดาไพร่พลต่าง ๆ (ได้เคยประสบมาแล้ว เมื่อคิดขัดขวางศาสดา)
31. “อาทิ เช่น สภาพของกลุ่มชนของนูห์, พวกอ๊าด, พวกสะมู๊ด และพวกอื่น ๆ ในยุคหลังจากพวกเหล่านั้น และอัลเลาะฮฺไม่ทรงปรารถนาที่จะอธรรมแก่มวลข้าทาส(ของพระองค์)อย่างแน่นอน”


คำแปล R3.
28. ดังนั้นผู้ศรัทธาคนหนึ่งจากหมู่ชนของฟาโรห์ซึ่งปิดบังความศรัทธาของเขาไว้ได้ออกมากล่าวว่า “พวกท่านจะฆ่าคนผู้หนึ่งเพียงเพราะเขากล่าวว่าพระผู้อภิบาลของฉันคืออัลลอฮฺ กระนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เขาได้นำสัญญาณอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่าน? ถ้าหากเขาเป็นคนโกหก การโกหกก็จะตกอยู่บนตัวเขา แต่ถ้าหากเขาพูดจริงบางสิ่งที่เขาข่มขู่พวกท่านก็จะเกิดขึ้นแก่พวกท่าน แท้จริงอัลลอฮฺไม่ทรงนำทางผู้ที่ฝ่าฝืนและผู้โกหก
29. หมู่ชนของฉันเอ๋ย วันนี้พวกท่านมีอำนาจและเป็นใหญ่ในแผ่นดินแต่ใครเล่าจะช่วยเราถ้าหากเราได้รับการลงโทษจากอัลลอฮฺ?” ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “ข้าบอกพวกเจ้าในสิ่งที่ข้าคิดว่าเหมาะสม และข้าก็เพียงแต่ชี้แนะพวกเจ้าให้เห็นทางที่ถูกต้องเท่านั้น”
30. ชายผู้ศรัทธาจึงได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันกลัวว่าพวกท่านจะได้รับการลงโทษอย่างในสมัยที่กลุ่มคนในอดีตเคยได้รับกันมาแล้ว
31. อย่างที่เคยเกิดขึ้นกับหมู่ชนของนูฮฺและชาวอ๊าดและชาวษะมูด และบรรดาผู้คนหลังจากพวกเขาเหล่านั้น และแท้จริงอัลลอฮฺมิทรงต้องการที่จะสร้างความอธรรมแก่บ่าวของพระองค์


คำแปล R4.
28. และชายผู้ศรัทธาคนหนึ่งจากพวกพ้องของฟิรเอานฺ ซึ่งปกปิดการศรัทธาของเขากล่าวว่าพวกท่านจะฆ่าชายคนหนึ่ง ที่เขากล่าวว่า พระเจ้าของฉันคืออัลลอฮฺกระนั้นหรือ? และแน่นอนเราได้นำหลักฐานทั้งหลายอันชัดแจ้ง มาจากพระเจ้าของพวกท่านมายังพวกท่าน และหากว่าเขาเป็นคนโกหก การโกหกของเขาก็อยู่บนเขาเอง และหากว่าเขาเป็นคนพูดจริง ส่วนหนึ่งจากที่เขาได้สัญญาไว้กับพวกท่านก็จะประสบแก่พวกท่าน แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ชี้แนะทางแก่ผู้ที่เขาเป็นผู้ละเมิดนักโกหกตัวฉกาจ
29. โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! วันนี้อำนาจการปกครองเป็นของพวกท่าน เป็นผู้อยู่เบื้องบนในแผ่นดิน (อียิปต์) แล้วใครเล่าจะช่วยเหลือเราจากการลงโทษของอัลลอฮฺ หากมันได้เกิดขึ้นแก่เรา ฟิรเอานฺ กล่าวว่า ฉันมิได้ชี้นำพวกท่านเว้นแต่สิ่งที่ฉันเห็นว่ามันถูกต้องเท่านั้นและฉันมิได้ชี้แนะทางแก่พวกท่านเว้นแต่ทางที่เป็นสัจธรรมเท่านั้น
30. และชายผู้ศรัทธากล่าวอีกว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! แท้จริงฉันกลัวแทนพวกท่านยี่ยงวันแห่งการลงโทษของกลุ่มชนต่าง ๆ ในอดีต
31. เยี่ยงกับเคราะห์กรรมของหมู่ชนของนูหฺ และอ๊าด และซะมูด และกับหมู่ชน หลังจากพวกเขา และอัลลอฮฺ มิ ทรงประสงค์การอธรรมใด ๆแก่ปวงบ่าว


คำแปล R5.
๒๘. และมีชายคนหนึ่งที่ศรัทธาในคำประกาศของนบีมูซาและเขาเป็นคนหนึ่งจากวงศ์ญาติของฟิรเอาน์ ซึ่งเขาแฝงเร้นศรัทธาของเขาไม่ยอมเปิดเผยให้ผู้ใดรู้เขาได้กล่าวคัดค้านคำสั่งของฟิรเอาน์ว่าพวกท่านจะฆ่าบุรุษหนึ่งเพียงเพราะเขาพูดว่า อัลเลาะห์เป็นองค์อภิบาลของฉันกระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่เขาได้นำบรรดาปาฏิหาริย์และหลักฐานที่ชัดแจ้งมาจากองค์อภิบาลของพวกท่าน และหากเขาพูดเท็จนั้นก็เป็นความรับผิดชอบเหนือเขาเองซึ่งที่สุดเขาก็จะต้องรับโทษและอันตรายฐานพูดเท็จนั้น และหากเขาเป็นผู้พูดจริงบางอย่างที่เขาได้สัญญาแก่พวกท่านก็จะประสบแก่พวกท่านในเร็ววัน สิ่งที่นบีมูซาได้สัญญาไว้แก่พวกฟิรเอาน์ก็คือ การลงโทษของอัลเลาะห์ที่จะประสบแก่พวกนั้น หากไม่เชื่อถือในคำประกาศของท่านแท้จริงอัลเลาะห์จะไม่ชี้นำแก่บุคคลที่ฟุ้งเฟ้อด้วยการตั้งสิ่งอืนเป็นภาคีกับอัลเลาะห์อีกทั้งชอบกุเรื่องเท็จ
๒๙. โอ้กลุ่มชนของข้า ในวันนี้พวกท่านมีสิทธิเป็นผู้พิชิตในแผ่นดินอียิปต์ แล้วใครกันเล่าที่จะช่วยเราให้ปลอดภัยไปจากการลงโทษของอัลเลาะห์ เมื่อสิ่งนั้นได้มาสู่เรา แน่นอนไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเราได้ ฟิรเอาน์กล่าวโต้แย้งชายผู้นั้นว่าถึงอย่างไรข้าก็ไม่เสนอความเห็นแก่พวกเจ้าไปเป็นอย่างอื่น นอกจากที่ข้าเห็นเท่านั้นนั่นคือ ต้องประหารชีวิตของมูซาให้จงได้ และข้าจะไม่ชี้นำพวกเจ้าทั้งหลายนอกจากทางแห่งความถ่องแท้เท่านั้น
๓๐. และชายซึ่งเป็นเครือญาติของฟิรเอาน์ผู้ซึ่งมีศรัทธาในประกาศของนบีมูซาคนเดิมได้กล่าวต่อไปว่า โอ้กลุ่มชนของข้า ข้ากลัวอันตรายจะประสบแก่พวกท่านทั้งหลายเหมือนเช่นวันแห่งกองทัพทั้งหลายที่ยกมาทำสงครามกันระลอกแล้วระลอกเล่า
๓๑. เหมือนเช่นธรรมเนียมของกลุ่มชนแห่งนบีนูห์ แห่งอ๊าด แห่งสะมู๊ด และบรรดาประชาชาติหลังพวกนั้น ซึ่งพวกประชาชาติในยุคต่าง ๆ มีธรรมเนียมปฏิบัติต่อศาสนทูตในยุคของตนแบบเดียวกันนั่นคือ กล่าวหาศาสนทูตว่ามดเท็จในคำประกาศ และอัลเลาะห์ไม่ปรารถนาที่จะอธรรมแก่บรรดาข้าทาสของพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 32 - 35


คำอ่าน
32. วะยาก็อวมิอิน..นี..อะคอฟุอะลัยกุม เยามัตตะนาด
33. เยามะตุวัลลูนะมุดบิรีน มาละกุม..มินัลลอฮิ มินอาศิม วะมัย..ยุฎลิลิลลาฮุ ฟะมาละฮูมินฮาด
34. วะละก็อดญา...อะอะกุม ยูศุฟุ มิน..ก็อบลุบิลบัยยินาติ ฟะมาซิลตุม ฟีชักกิม..มิม..มาญา...อะกุม..บิฮฺ หัตตา..อิซาฮะละกะกุลตุม ลัย..ยับอะษัลลอฮุ มิม..บะอฺดิฮี เราะสูลา กะซาลิกะยุฎิลลุลลอฮุ มันฮุวะ มุสริฟุม..มุรฺตาบ
35. อัลละซีนะ ยุญาดิลูนะ ฟี..อายาติลลาฮิ บิฆ็อยริสุลฏอนิน อะตาฮุม กะบุเราะมักตัน อิน..ดัลลอฮิ วะอิน..ดัลละซีนะอามะนู กะซาลิกะยัฏบะอุลลอฮุ อะลากุลลิก็อลบิ มุตะกับบิริน..ญับบาร.


คำแปล R1.
32. "And, O my people! Verily! I fear for you the Day when there will be mutual calling (between the people of Hell and of Paradise)."
33. A Day when you will turn your backs and flee having no protector from Allah, and whomsoever Allah sends astray, for him there is no guide.
34. And indeed Yusuf (Joseph) did come to you, in times gone by, with clear signs, but you ceased not to doubt in that which he did bring to you, till when he died you said: "No Messenger will Allah send after him." Thus Allah leaves astray him who is a Musrif (a polytheist, oppressor, a criminal, sinner who commit great sins) and aMurtab (one who doubts Allah's warning and his Oneness).
35. Those who dispute about the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) of Allah, without any authority that has come to them, it is greatly hateful and disgusting to Allah and to those who believe. Thus does Allah seal up the heart of every arrogant, tyrant. (So they cannot guide themselves to the right path).


คำแปล R2.
32. “และโอ้พวกพ้องของฉัน! ฉันหวั่นกลัวเหลือเกินว่าพวกท่านจะประสบภัยพิบัติในวันแห่งการเรียกขาน(เพื่อขอความช่วยเหลือ)”
33. “เป็นวันที่พวกท่านต่างก็จะพากันหลังหนีโดยไม่มีใครสามารถคุ้มกันจากโทษทัณฑ์ของอัลเลาะฮฺได้ และผู้ใดที่อัลเลาะฮฺทรงปล่อยให้เขาหลงผิด แน่นอนย่อมไม่มีผู้ใดชี้นำแก่เขาได้”
34. ขอยืนยัน! แท้จริงยูซุฟได้มาสู่พวกเจ้าเมื่อก่อนหน้านั้น โดยนำหลักฐานอันแจ้งชัดมาด้วย แต่แล้วพวกเจ้าก็ยังคงมีความสงสัยในสิ่งที่เขาได้นำมาประกาศแก่พวกเจ้า จนกระทั่งเมื่อเขาได้ตายไปแล้ว พวกเจ้าจึงกล่าวว่า “อัลเลาะฮฺจะไม่แต่งตั้งศาสนทูตอื่นใดภายหลังจากเขาอีก” เช่นนั้น! อัลเลาะฮฺทรงทำให้ผู้ละเมิดอีกทั้งผู้สงสัยได้หลงทาง
35. (พวกเขา) เป็นพวกที่โต้แย้งในบรรดาโองการแห่งอัลเลาะฮฺโดยปราศจากหลักฐานที่มีมายังพวกเขา เป็นความกริ้วอันใหญ่หลวง ณ อัลเลาะฮฺ และบรรดาผู้มีศรัทธาทั้งมวล เช่นนั้น! อัลเลาะฮฺทรงประทับ(ความมืดบอด)ลงบนจิตใจของผู้ทระนงอีกทั้งดื้ดึงทุกดวง


คำแปล R3.
32. หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันกลัวถึงวันที่พวกท่านจะร้องหากันด้วยการคร่ำครวญ
33. วันที่พวกท่านวิ่งไปมาหากัน แต่ไม่มีใครคุ้มครองพวกท่านให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮิได้ และใครก็ตามที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงผิดแล้วก็ไม่มีใครเป็นผู้นำทางเขา
34. ก่อนหน้านี้ยูซุฟก็ได้นำสัญญาณต่าง ๆ อันชัดแจ้งมายังสูเจ้าแล้ว แต่สูเจ้าก็ยังคงติดใจสงสับในสิ่งที่เขาได้นำมายังสูเจ้า เมื่อเขาตายไปสูเจ้าก็กล่าวว่า “อัลลอฮฺจะไม่ส่งรอซูลคนอื่นมาอีกหลังจากเขา” ในทำนองนั้นแหละที่อัลลอฮฺจะปล่อยให้ผู้ฝ่าฝืนและสงสัยหลงทาง
35. ผู้ที่โต้เถียงเกี่ยวกับอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺ โดยไม่มีหลักฐานใด ๆ มายังพวกเขา นี่เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจยิ่งสำหรับอัลลอฮฺและบรรดาผู้ศรัทธา ดังนั้นแหละที่อัลลอฮฺได้ทรงปิดผนึกหัวใจของผู้หยิ่งยโสและผู้จองหอง


คำแปล R4.
32. และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! ฉันกลัวแทนพวกท่าน เยี่ยงวันแห่งการร้องเรียกหาซึ่งกันและกัน
33. วันที่พวกท่านหันหลังกลับหนี ไม่มีผู้ใดจะช่วยปกป้องพวกท่านให้พ้นจากการลงโทษของอัลลอฮฺได้และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทางแล้ว ก็จะไม่มีผู้ชี้แนะทางให้แก่เขา
34. และโดยแน่นอน แต่ก่อนนี้ยูซุฟ ได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งแต่พวกท่านก็ยังคงอยู่ในการ สงสัยในสิ่งที่เขาได้นำมายังพวกท่าน จนกระทั่งเมื่อเขาได้ตายไปแล้ว พวกท่านก็กล่าวว่าอัลลอฮฺจะไม่ทรงตั้งรอซูลคนใดอีกแล้วหลังจากเขา เช่นนั้นแหละอัลลอฮฺจะทรงให้ผู้ที่เขาฝ่าฝืนสงสัยหลงทาง
35. บรรดาผู้โต้เถียงในสัญญาณต่าง ๆ ของอัลลอฮฺโดยไม่มีหลักฐานใด ๆ มายังพวกเขา เป็นที่น่าเกลียดชังยิ่ง ณ ที่อัลลอฮฺ และ ณ บรรดาผู้ศรัทธา เช่นนั้นแหละอัลลอฮฺทรงประทับบนทุก ๆ หัวใจของผู้จองหองหยิ่งยโส

คำแปล R5.
๓๒. และโอ้กลุ่มชนของข้า แท้จริงข้ากลัวอันตรายจะอุบัติแก่พวกท่านในวันปรภพที่มีการร้องเรียกชาวนรกและชาวสวรรค์ให้เข้าไปประจำ ณ สถานที่ของแต่ละคน
๓๓. เป็นวันที่พวกท่านทั้งหลายจะถอยหลังกลับเพื่อหนีจากสถานชุมนุมเพื่อการสอบสวนและตัดสินให้เข้านรกด้วยความตระหนกและหวาดหวั่นสุดประมาณไม่มีผู้ใดให้ความคุ้มครองจากพวกท่านเพื่อพ้นจากการลงทัณฑ์ของอัลเลาะห์ได้เลย และผู้ใดซึ่งอัลเลาะห์ทรงดลเขาให้หลงทาง แน่นอนเขาย่อมไม่มีผู้ชี้นำคนใดทั้งสิ้นที่จะนำเขาเข้าสู่ทางรอด นอกจากอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว
๓๔. และแท้จริงนบียูซุฟได้มาประกาศสัจธรรมแห่งอัลเลาะห์สู่พวกเจ้าทั้งหลายก่อนหน้าที่นบีมูซาจะถูกส่งตัวมา และนบียูซุฟได้มาพร้อมกับบรรดาสัญลักษณ์และปาฏิหาริย์ที่ชัดแจ้ง แต่แล้วพวกเจ้าทั้งหลายก็คงตกอยู่ในความสงสัยต่อสิ่งที่เขาได้นำมาสู่พวกเจ้าตลอดเวลา จนกระทั่งเมื่อเขาได้อสัญกรรมแล้ว พวกเจ้าก็พูดว่าอัลเลาะห์จะไม่ส่งศาสนทูตคนใดมาอีกแล้วหลังจากเขาได้อสัญกรรม เช่นนั้นแหละ อัลเลาะห์ทรงดลการหลงทางแก่บุคคลที่ฟุ้งเฟ้อด้วยการตั้งภาคีขึ้นเทียมเทียมอัลเลาะห์อีกทั้งมีความสงสัยในคำประกาศของศาสนทูตที่เพียบพร้อมด้วยสัญลักษณ์อันครบถ้วน
๓๕. บรรดาผู้โต้แย้งในสัญลักษณ์แห่งอัลเลาะห์โดยปราศจากหลักฐานที่มีมาสู่พวกเขานั้นพวกเขาจักต้องประสบความพิโรธอันยิ่งใหญ่ของอัลเลาะห์และมวลผู้ศรัทธาทั้งหลาย เช่นนั้นแหละ อัลเลาะห์ทรงประทับไว้เหนือจิตใจของผู้ยโส ผู้ทรชนทุกดวง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 36 – 37


คำอ่าน
36. วะกอละฟิรฺเอานุ ยาฮามานุบนิลี ศ็อรฺหัลละอัลลี อับลุฆุลอัสบาบ
37. อัสบาบุสสะมาวาติ ฟะอัฏเฏาะลิอะ อิลา อิลาฮิมูสา วะอิน..นี ละอะซุน..นุฮู กาซิบา วะกะซาลิกะ ซุยยินะ ลิฟิรฺเอานะ สู...อุ อะมะลิฮี วะศุดดะอะนิสสะบีล วะมากัยดุ ฟิรฺเอานะ อิลลาฟีตะบาบ


คำแปล R1.
36. And Fir'aun (Pharaoh) said: "O Haman! build me a tower that I may arrive at the ways,
37. "The ways of the heavens, and I may look upon the Ilah (God) of Musa (Moses) but Verily, I think him to be a liar." Thus it was made fair-seeming, in Fir'aun's (Pharaoh) eyes, the evil of his deeds, and he was hindered from the (right) path, and the plot of Fir'aun (Pharaoh) led to nothing but loss and destruction (for him).


คำแปล R2.
36. และฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “โอ้ ฮามาน! ท่านจงก่อสร้างหอคอยให้ฉันสักหลังเพื่อฉันจะได้ขึ้นไปให้ถึงประตู”
37. คือประตูแห่งชั้นฟ้าต่าง ๆ แล้วฉันก็จะขึ้นไปจนถึงพระเจ้าของมูซาเป็นที่สุด และที่จริงฉันเข้าใจว่าเขาเป็นผู้มุสา และเช่นนั้น! ความชั่วช้าแห่งผลงานของฟิรเอาน์ได้ถูกประดับไว้แก่เขา(จนเขาเห็นดีไปกับความชั่วช้านั้นตลอดเวลา) และเขาถูกกีดขวางจากแนวทาง(อันถูกต้อง)และแผนการของฟิรเอาน์ไม่ประสบผลใด ๆ เลย นอกจากอยู่ในความขาดทุน


คำแปล R3.
36. ฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “ฮามาน จงสร้างหอคอยสูงให้ข้า เพื่อที่ข้าจะได้ไปถึงทาง
37. ทางที่จะขึ้นไปชั้นฟ้าทั้งหลายและปีนขึ้นไปหาพระเจ้าของมูซา เพราะข้าคิดว่ามูซาเป็นคนโกหกอย่างแน่นอน” เช่นนั้นแหละที่การกระทำอันชั่วร้ายของฟิรเอาน์ได้ถูกทำให้เหมือนเป็นเรื่องดีงามสำหรับเขา และเขาได้ถูกปิดกั้นจากแนวทางที่เที่ยงตรง และแผนการของเขาก็มีแต่จะนำเขาไปสู่ความหายนะเท่านั้น


คำแปล R4.
36. และฟิรเอานกล่าวว่า โอ้ฮามานเอ๋ย! จงสร้างหอสูงให้ฉันเพื่อฉันจะได้บรรลุถึงทางที่จะขึ้นไป
37. ทางที่จะขึ้นไปสู่ชั้นฟ้าทั้งหลาย เพื่อฉันจะได้เห็นพระเจ้าของมูซา และแท้จริงฉันคิดอย่างแน่ใจแล้วว่าเขาเป็นคนโกหก เช่นนั้นแหละ การงานที่ชั่วช้าของเขาได้ถูกทำให้เพริศแพร้วแก่ฟิรเอานฺ และเขาถูกปิดกั้นจากแนวทาง (ของอัลลอฮฺ) และแผนการของฟิรเอานฺนั้นมิใช่อื่นนอกจากอยู่ในความหายนะ


คำแปล R5.
๓๖. และฟิรเอาน์ได้กล่าวกับมนตรีที่ปรึกษาของเขาเองว่า โอ้ฮามาน ท่านจงก่อสร้างหอสูงให้ฉัน เพื่อฉันจะได้บรรลุสู่เส้นทาง
๓๗. คือเส้นทางแห่งชั้นฟ้า แล้วฉันจะได้ไปยังพระเจ้าของมูซา แต่ฉันเองคิดว่าเขาพูดเท็จอย่างแน่นอนในการที่เขาได้ประกาศว่ามีพระเจ้านอกจากฉันและเช่นนั้นแหละได้ถูกประดับแก่ฟิรเอาน์ให้เห็นดีเห็นงามไปกับความประพฤติอันเลวร้ายของเขาเอง และเขาจึงถูกกันออกจากแนวทางอันเที่ยงธรรมและมิใช่แผนการของฟิรเอาน์ที่คิดกระทำนั้นจะประสบผลสำเร็จนอกจากตกอยู่ในความขาดทุนไม่เป็นไปตามที่วางแผนการเอาไว้

---------------------------------------------------------------

สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 38 – 40

 
คำอ่าน
38. วะกอลัลละซีนะ อามะนะ ยาก็อวมิตตะบิอูนิ อะฮฺดิกุม สะบีลัรฺเราะชาด
39. ยาก็อวมิ อิน..นะมาฮาซิฮิลหะยาติดดุนยา มะตาอฺ วะอิน..นัลอาคิเราะตะ ฮิยะดารุลเกาะรอรฺ
40. มันอะมิละ สัยยิอะตัน..ฟะลายุจญซา..อิลลามิษละฮา วะมันอะมิละศอลิหัม..มิน..ซะกะริน เอาอุนษา วะฮะวะมุอ์มินุน..ฟะอุลา...อิกะยัดคุลูนัลญัน..นะตะ ยุรฺซะกูนะฟีฮา บิฆ็อยริหิสาบ


คำแปล R1.
38. And the man who believed said: "O my people! Follow me, I will guide you to the way of right conduct [i.e. Guide you to Allah's Religion of Islamic Monotheism with which Musa (Moses) has been sent].
39. "O my people! Truly, this life of the world is nothing but a (quick passing) enjoyment, and verily, the Hereafter that is the home that will remain forever."
40. "Whosoever does an evil deed, will not be requited except the like thereof, and whosoever does a righteous deed, whether male or female and is a true believer (in the Oneness of Allah), such will enter Paradise, where they will be provided therein (with all things in abundance) without limit.


คำแปล R2.
38. และชายผู้มีศรัทธาได้กล่าวต่อไปอีกว่า “โอ้ พวกพ้องของฉัน! พวกท่านจงตามฉันซิ! ฉันจะนำพวกท่านไปสู่แนวทางอันถูกต้องอย่างแน่นอน”
39. “โอ้ พวกพ้องของฉัน! อันที่จริงชีวิตทางโลกนี้เป็นเพียงความรื่นรมย์(ชั่วคราว)เท่านั้น และที่จริงโลกหน้าเป็นโลกแห่งความจีรังโดยแท้
40. ผู้ใดประพฤติความชั่วหนึ่ง เขาจะไม่ได้รับการตอบแทนนอกจากเท่าความชั่วนั้น และผู้ใดประพฤติหนึ่งความดี จะเป็นชายหรือหญิงก็ตาม โดยขณะนั้นเขาเป็นผู้มีศรัทธา แน่นอนพวกเหล่านั้นจะได้เข้าสวรรค์พวกเขาจะได้รับโชคผลในนั้นโดยไม่มีการคำนวณใด ๆ ทั้งสิ้น”


คำแปล R3.
38. และคนที่ศรัทธาได้กล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงปฏิบัติตามฉัน ฉันจะแสดงให้ท่านเห็นแนวทางที่ถูกต้อง
39. หมู่ชนของฉันเอ๋ย ชีวิตแห่งโลกนี้เป็นสิ่งชั่วคราว และโลกหน้าเป็นที่พำนักอันถาวร
40. ใครที่ทำความชั่วก็จะมิได้รับสิ่งใดตอบแทนนอกจากความชั่วที่ได้ทำไป และใครที่ทำความดี ไม่ว่าจะเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงหากเขาเป็นผู้ศรัทธา พวกเขาจะได้เข้าสวรรค์ ซึ่งในนั้นพวกเขาจะได้รับปัจจัยโดยที่ไม่มีการคำนวณ


คำแปล R4.
38. และผู้ศรัทธากล่าวว่า โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! จงปฏิบัติตามฉัน ฉันจะชี้แนะทางแก่พวกท่านสู่ทางแห่งสัจธรรม
39. โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ยแท้จริงชีวิตแห่งโลกนี้เป็นเพียงแค่ความเพลิดเพลินเท่านั้นและแท้จริงปรโลกนั้นมันเป็นที่อยู่อันมั่นคง
40. ผู้ใดที่กระทำความชั่ว เขาจะไม่ได้รับการตอบแทน เว้นแต่เยี่ยงเช่นนั้น และผู้ใดกระทำความดีจากเพศชายหรือเพศหญิงก็ตามและเขาเป็นผู้ศรัทธาด้วย ชนเหล่านั้นแหละพวกเขาจะได้เข้าสวนสวรรค์ จะได้รับปัจจัยยังชีพในนั้น โดยปราศจากการคำนวณ


คำแปล R5.
๓๘. และผู้มีศรัทธาคนเดิมได้กล่าวกับพวกพ้องของเขาซึ่งก็คือของฟิรเอาน์นั้นเองว่า โอ้หมู่ชนของฉัน พวกท่านจงศรัทธาตามฉัน ฉันจะชี้นำพวกท่านไปสู่แนวทางแห่งความชี้นำอันถ่องแท้
๓๙. โอ้กลุ่มชนของฉัน อันที่จริงชีวิตแห่งสากลโลกนี้เป็นเพียงสิ่งภิรมย์สมมติ และชั่วคราว หาได้จีรังยั่งยืนไม่และแท้จริงปรภพสิเป็นภพอันถาวร
๔๐. บุคคลใดประพฤติเลวเขาจะไม่ได้รับการตอบแทนนอกจากที่เท่าเทียมกันนั้นเมื่อทำเลวมากผลตอบแทนก็มาก หากทำน้อยก็รับผลตอบแทนน้อย เป็นการตอบแทนที่สาสมไม่อธรรมแต่ประการใดและบุคคลใดประพฤติความดี ไม่ว่าเขาจะเป็นบุรุษหรือสตรีโดยที่เขาเป็นผู้มีศรัทธาขณะกระทำความดีนั้นแน่นอนพวกเหล่านั้นจะได้เข้าสวรรค์พวกเขาจะได้รับโชคผลในนั้นโดยไม่มีการคิดคำนวณหากได้รับอย่างกว้างขวางหาขอบเขตจำกัดอันใดไม่ได้



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 05, 2011, 06:47 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 41 - 44


คำอ่าน
41. วะยาก็อวมิมาลี..อัดอูกุม อิลัน..นัจญวาติ วะตัดอูนะนี..อิลัน..นารฺ
42. ตัดอูนะนี ลิอักฟุเราะ ลิลลาฮิ วะอุชริกะบิฮี มาลัยสะ ลี บิฮิอลมฺ วะอะนะอัดอูกุม อิลัลอะซีซิลห็อฟฟารฺ
43. ลาญะเราะมะ อัน..นะมาตัดอูนะนี..อิลัยฮิ ลัยสะละฮู ดะอฺวะตุน..ฟิดดุนยา วะลาฟิลอาคิเราะติ วะอัน..นะมะร็อดดะนา..อิลัลลอฮิ วะอัน..นัลมุสริฟีนะ ฮุมอัศหาบุน..นารฺ
44. ฟะสะตัซกุรูนะ มาอะกูลุ ละกุม วะอุเฟาวิฎุ อัมรี..อิลัลลอฮฺ อิน..นัลลอฮะ บะศีรุม..บิลอิบาด


คำแปล R1.
41. "And O my people! How is it that I call you to salvation while you call me to the Fire!
42. "You invite me to disbelieve in Allah (and in his Oneness), and to join partners in worship with him; of which I have no knowledge, and I invite you to the All-Mighty, the Oft-Forgiving!
43. "No doubt you call me to (worship) one who cannot grant (me) my request (or respond to my invocation) in this world or in the Hereafter. And our return will be to Allah, and Al-Musrifun (i.e. polytheists and arrogant, those who commit great sins, the transgressors of Allah's set limits)! They shall be the dwellers of the Fire!
44. "And you will remember what I am telling you and my affair I leave it to Allah. Verily, Allah is the All-Seer of (His) slaves."


คำแปล R2.
41. “และโอ้พวกพ้องของฉัน! มีเหตุผลใดสำหรับฉันหรือ? ฉันร่ำร้องพวกท่านไปสู่ความปลอดภัย แต่พวกท่านกลับชวนฉันไปสู่เพลิงนรก?”
42. “พวกท่านเรียกร้องให้ฉันอกตัญญูต่ออัลเลาะฮฺ และตั้งภาคีต่อพระองค์ในสิ่งที่พวกฉันไม่มีความรู้มาก่อนเลย แต่ฉันเรียกร้องพวกท่านไปสู่องค์พระผู้ทรงอำนาจพระผู้ทรงนิรโทษยิ่ง”
43. “ไม่มีข้อสงสัยใด ๆ ทั้งสิ้น, สิ่งที่พวกท่านเรียกร้องฉันให้ยึดถือนั้น หาได้มีอำนาจตอบรับคำขอของผู้ใดไม่ ทั้งในโลกนี้และในโลกหน้า และแท้จริงจุดหมายของเรานั้นต้องการกลับไปยังอัลเลาะฮฺ ส่วนบรรดาพวกละเมิดบทบัญญัตินั้น ย่อมเป็นชาวนรกอย่างแน่นอน”
44. “แล้วต่อไป พวกท่านจะนึกถึงคำพูดที่ฉันพูดกับพวกท่านไว้ (ในคราวนี้) และฉันขอมอบหมายการงานของฉันแด่อัลเลาะฮฺ และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นกับมวลข้าทาส(ของพระองค์)เป็นอย่างยิ่ง”


คำแปล R3.
41. หมู่ชนของฉันเอ๋ย  เป็นอย่างไรซิที่ฉันเชิญชวนพวกท่านไปสู่การรอดพ้น แต่พวกท่านกับเชิญชวนฉันไปสู่ไฟนรก
42. พวกท่านเชิญชวนฉันให้ปฏิเสธอัลลอฮฺ และเอาสิ่งที่ฉันไม่รู้มาเป็นภาคีกับพระองค์ ในขณะที่ฉันกำลังเชิญชวนพวกท่านไปสู่พระเจ้าผู้ทรงอำนาจและทรงอภัย
43. มิต้องสงสัยเลย ความจริงซึ่งมิอาจเป็นอย่างอื่นได้ก็คือ สิ่งที่พวกท่านเรียกร้องฉันไปสู่นั้น ไม่ใช่สิ่งที่จะเรียกร้องไปสู่มันเลยทั้งในโลกนี้และโลกหน้า และยังอัลลอฮฺเท่านั้นที่เราจะต้องกลับไป ส่วนผู้ฝ่าฝืนนั้นพวกเขาเป็นชาวนรก
44. ในไม่ช้าพวกท่านจะนึกถึงสิ่งที่ฉันกำลังบอกพวกท่าน และฉันมอบหมายการงานทั้งหลายของฉันไว้กับอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺทรงเฝ้าดูบ่าวของพระองค์อยู่ตลอดเวลา”


คำแปล R4.
41. และโอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! ทำไมฉันจึงเชิญชวนพวกท่านไปสู่การรอดพ้น แต่พวกท่านเชิญชวนฉันไปสู่ไฟนรก
42. พวกท่านเชิญชวนฉันให้ปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และให้ฉันตั้งภาคีต่อพระองค์โดยที่ฉันไม่รู้มาก่อนเลยในเรื่องนั้น และฉันได้เชิญชวนพวกท่านไปสู่ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยอย่างมากหมาย
43. ไม่ต้องสงสัยเลยว่า แท้จริงที่พวกท่านเชิญชวนฉันไปสู่นั้น มันไม่เหมาะสม (ที่จะเอาใจใส่) แก่มันทั้งในโลกนี้และในปรโลกด้วย และแท้จริง การกลับของเรานั้นไปสู่อัลลอฮฺ
44. ดังนั้นพวกท่านจะต้องระลึกถึงสิ่งที่ฉันได้กล่าวแก่พวกท่าน และฉันขอมอบภารกิจของฉันแต่อัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นผู้เฝ้าดูปวงบ่าว


คำแปล R5.
๔๑. และโอ้กลุ่มชนของฉันชายคนเดิมได้พูดต่อไปไม่บังควรสำหรับฉันเลยที่ฉันเรียกร้องพวกท่านไปสู่ความรอดพ้นแต่พวกท่านกลับเรียกร้องฉันไปสู่ไฟนรก
๔๒. พวกท่านเรียกร้องฉันให้เนรคุณต่ออัลเลาะห์และให้ฉันตั้งสิ่งที่ฉันไม่รู้มาก่อนเลยว่ามีคุณลักษณะอันเหมาะสมขึ้นเป็นภาคีกับพระองค์แต่ตัวฉันเรียกร้องพวกท่านไปสู่เอกองค์อัลเลาะห์เจ้าผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงอภัยยิ่ง
๔๓. เป็นความจริงอย่างที่สุดที่พวกท่านได้เรียกร้องฉันไปสู่มันอันได้แก่บรรดาเทวรูปและเจว็ดต่าง ๆ นั้นมันไม่มีสิทธิใด ๆ ที่จะตอบรับคำวอนขอของผู้ใดทั้งสิ้นทั้งในโลกนี้และไม่มีสิทธิรับคำวอนขอในโลกหน้า และแท้จริงที่กลับคืนของเราทั้งหลายในวันชาติหน้านั้นสู่อัลเลาะห์เท่านั้นเพียงพระองค์เดียวและแท้จริงบรรดาผู้ประพฤติผิดที่เนรคุณต่ออัลเลาะห์พวกเขาย่อมเป็นเจ้าของนรกซึ่งถูกจำจองอยู่ในนั้นตลอดไป
๔๔. แท้จริงท่านทั้งหลายจะได้สำนึกถึงสิ่งที่ฉันพูดตักเตือนกับพวกท่าน เมื่อพวกท่านได้มองเห็นการลงโทษในวันชาติหน้าหรือในโลกนี้ก็ตาม ซึ่งเป็นข้อยืนยันว่าที่ฉันได้ตักเตือนนั้นเป็นเรื่องเกิดขึ้นจริง แต่ก็ไม่ทำให้พวกท่านมีความสำนึกและมีความเศร้าฌศกได้ และฉันขอมอบการงานของฉันแก่อัลเลาะห์เพราะแท้จริงอัลเลาะห์ทรงมองเห็นบรรดาข้าทาสของพระองค์ จากคำเตือนของชายผู้นี้ทำให้ฟิรเอาน์โกรธมาก เขาจึงสั่งให้ทหารประมาณ ๑,๐๐๐ คนตามฆ่า และทหารทั้งหมดตามตัวชายดังกล่าวขึ้นไปถึงยอดเขา พวกนั้นเห็นชายคนนั้นกำลังละหมาดและมีเสือยืนอารักขาอยู่รอบตัวเขา พวกนั้นกลัวเสือจึงหันหลังกลับ ฟิรเอาน์จึงสั่งประหารชีวิตคนทั้ง ๑.๐๐๐ นั้น และชายผู้นั้นก็ปลอดภัย

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 05, 2011, 06:48 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 45 - 46


คำอ่าน
45. ฟะวะกอฮุลลอฮุ สัยยิอาติ มามะกะรู วะหาเกาะบิอาลิฟิรฺเอานะ สู...อุลอะซาบ
46. อัน..นารุ ยุอฺเราะฎูนะอะลัยฮา ฆุดูวเวา..วะอะชียา วะเยามะตะกูมุสสาอะฮฺ อัดคิลู..อาละฟิรฺเอานะ อะชัดดัลอะซาบ


คำแปล R1.
45. So Allah saved him from the evils that they plotted (against him), while an evil torment encompassed Fir'aun's (Pharaoh) people.
46. The fire; they are exposed to it, morning and afternoon, and on the Day when the Hour will be established (it will be said to the angels): "Cause Fir'aun's (Pharaoh) people to enter the severest torment!"


คำแปล R2.
45. จากนั้นอัลเลาะฮฺทรงป้องกันเขาให้พ้นไปจากแผนการอันเลวร้ายของพวกเขา และการลงโทษอันเลวร้ายยิ่งได้อุบัติแก่วงศ์วานแห่งฟิรเอาน์
46. และพวกเขาถูกนำตัวมาลงบนไฟนรกทั้งเวลาเช้าและเวลาเย็น(ในโลกบัรซัคหลังจากตายไปแล้ว)และในวันที่กาลอวสานแห่งโลกนี้ได้อุบัติขึ้น (มลาอิกะฮฺก็ได้รับบัญชาจากอัลเลาะฮฺว่า) “พวกเจ้าจงนำตัววงศ์วานของฟิรเอาน์เข้าสู่การลงโทษอันร้ายแรงเถิด!”


คำแปล R3.
45. ในที่สุดอัลลอฮฺก็ได้ช่วยผู้ศรัทธาคนนั้นให้พ้นจากความชั่วร้ายที่พวกเขาวางแผนไว้ต่อเขา และพวกพ้องของฟิรเอาน์เองที่ตกอยู่ท่ามกลางการลงโทษอันน่าสะพรึงกลัวของอัลลอฮฺ
46. ไฟนรกจะถูกนำมาให้พวกเขาได้เห็นทั้งเวลาเช้าและเวลาเย็นและเมื่อเวลาแห่งการฟื้นคืนชีพมาถึง จะมีคำบัญชาว่า: “จงเอาผู้คนของฟิรเอาน์ไปลงโทษให้สาหัส”


คำแปล R4.
45. อัลลอฮฺได้ทรงคุ้มครองเขาให้พ้นจากความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาวางแผนไว้ และการลงโทษที่ชั่วช้าก็จะห้อมล้อมบริวารของฟิรเอานฺ
46. ไฟนรกนั้นพวกเขาจะถูกนำมาให้เห็นทั้งในยามเช้า และยามเย็น และวันกิยามะฮฺนั้น จะมีเสียงกล่าวว่า จะให้บริวารของฟิรเอานฺเข้าไปรับการลงโทษอันสาหัสยิ่ง


คำแปล R5.
๔๕. แท้จริงอัลเลาะห์ได้รักษาชีวิตของเขาไว้ให้พ้นจากอันตรายแห่งแผนการอันชั่วร้ายของพวกนั้น และการลงโทษอันสาหัสได้อุบัติแก่พวกพ้องของฟิรเอาน์ ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า ในโลกนี้ทุกคนต้องจมน้ำทะเลตาย ส่วนในโลกหน้าจะต้องถูกจองจำอยู่ในนรก
๔๖. นรกนั้น บรรดาพวกเขาถูกนำตัวมาเผาผลาญบนนั้น ทั้งยามเช้าและยามเย็น และในวันกิยามะฮฺได้ยืนขึ้นจะมีผู้ออกคำสั่งแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงเข้าไปเถิด โอ้วงศ์ญาติแห่งฟิรเอาน์เข้าไปสู่การลงโทษอันร้ายแรงยิ่ง



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 05, 2011, 06:48 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺฆอฟิรฺ อายะฮฺที่ 47 - 50


คำอ่าน
47. วะอิซยะตะหา..จญูนะฟิน..นาริ ฟะยะกูลุฎฎุอะฟา...อุ ลิลละซีนัสตักบะรู..อิน..นากุน..นาละกุม ตะบะอัน..ฟะฮัลอัน..ตุม..มุฆนูนะ อัน..นานะศีบัม..มินัน..นารฺ
48. กอลัลละซีนัสตักบะรู..อิน..นา กุลลุน..ฟีฮา..อิน..นัลลอฮะ ก็อดหะกะมะ บัยนัลอิบาด
49. วะกอลัลละซีนะ ฟิน..นาริ ลิเคาะซะนะติ ญะฮัน..นะมัดอู ร็อบบะกุม ยุค็อฟฟิฟอัน..นา เยามัม..มินัลอะซาบ
50. กอลู..อะวะลัมตะกุตะอ์ตีกุม รุสุลุกุม..บิบบัยยินาต กอลูบะลา กอลูฟัดอู วะมาดุอา..อุลกาฟิรีนะ อิลลาฟีเฎาะลาล


คำแปล R1.
47. And, when they will dispute in the Fire, the weak will say to those who were arrogant; "Verily! We followed you; can you then take from us some portion of the Fire?"
48. Those who were arrogant will say: "We are all (together) in this (Fire)! Verily Allah has judged between (His) slaves!"
49. And those in the Fire will say to the keepers (angels) of Hell: "Call upon your Lord to lighten for us the torment for a day!"
50. They will say: "Did there not come to you, your Messengers with (clear) evidences and signs? They will say: "Yes." they will reply: "Then call (as you like)! And the invocation of the disbelievers is nothing but in error!"


คำแปล R2.
47. และเมื่อพวกเขา (เหล่าผู้เนรคุณ)ต่างโต้เถียงกันอยู่ในนรก ซึ่งบรรดาจำพวกอ่อนแอก็จะพูดกับบรรดาจำพวกหยิ่งผยองว่า “แท้จริงพวกเราเคยประพฤติตามพวกท่านมาก่อน แล้วพวกท่านสามารถป้องกันพวกเราได้หรือจากเพียงส่วนหนึ่งจากไฟนรก?”
48. บรรดาพวกที่หยิ่งผยองก็กล่าว(กับพวกอ่อนแอ)ว่า “แท้จริงพวกเราทั้งหมดต่างก็อยู่ในนรก(ด้วยกันทั้งนั้น) แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ทรงตัดสินแล้วระหว่างมวลข้าทาส(ของพระองค์)”
49. และบรรดาจำพวกที่อยู่ในนรกได้กล่าวกับบรรดามลาอิกะฮฺที่เฝ้านรกว่า “พวกท่านโปรดวิงวอนต่อองค์อภิบาลของพวกท่านให้พระองค์ทรงผ่อนผันพวกเราสักวันหนึ่งจากการลงโทษ!”
50. พวกเขา (ผู้เฝ้านรก) กล่าวว่า “(เมื่อก่อนนั้น) บรรดาศาสนทูตของพวกเจ้ามิได้นำหลักฐานอันแจ้งชัดมาแสดงต่อพวกเจ่าดอกหรือ?” พวกเขาตอบว่า “ถูกแล้ว!” มลาอิกะฮฺจึงกล่าวต่อไปอีกว่า “ดังนั้น พวกเจ้าจงวอนขอด้วยตนเองสิ! และการขอของจำพวกไร้ศรัทธาจะไม่ประสบผลใด ๆ เลย นอกจากอยู่ในความหลงผิดเท่านั้น”


คำแปล R3.
47. ดังนั้นจงนึกถึงเมื่อตอนที่คนเหล่านี้ถกเถียงกันในนรก พวกที่อ่อนแอกว่าจะกล่าวแก่พวกที่วางตัวเป็นใหญ่ว่า “เราเป็นผู้ตามพวกท่าน ตอนนี้พวกท่านสามารถช่วยเหลือเราให้พ้นจากการลงโทษของไฟนรกได้สักส่วนหนึ่งไหม?”
48. พวกที่วางตัวเป็นใหญ่จะกล่าวว่า “เราทุกคนก็ล้วนอยู่ในสภาพเดียวกันที่นี่ และอัลลอฮฺก็ได้ทรงตัดสินระหว่างบ่าวของพระองค์ไปแล้ว”
49. หลังจากนั้นชาวนรกก็จะกล่าวแก่ผู้เฝ้านรกว่า “โปรดช่วยวิงวอนพระผู้อภิบาลของพวกท่านให้ลดหย่อนผ่อนโทษแก่เราสักวันหนึ่งด้วยเถิด”
50. พวกเขาจะกล่าวว่า “บรรดารอซูลของพวกท่านมิได้มายังพวกพวกท่านพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้งกระนั้นหรือ?” พวกเขาจะกล่าวว่า “มี” ผู้เฝ้านรกจะกล่าวว่า “ถ้าเช่นนั้นพวกท่านก็วิงวอนขอกันเองก็แล้วกัน แต่การวิงวอนของบรรดาผู้ปฏิเสธนั้นมีแต่จะไร้ผลในที่สุด”


คำแปล R4.
47. และจงรำลึกถึงเมื่อพวกเขาโต้เถียงกันในนรก พวกอ่อนแอกล่าวกับพวกหัวหน้าว่า “แท้จริงพวกเราเป็นผู้ตามพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจะช่วยพวกเราให้พ้นจากการลงโทษสักส่วนหนึ่งของไฟนรกนี้ได้ ไหม?
48. บรรดาหัวหน้ากล่าวว่า แท้จริงเราทั้งหมดอยู่ในนรก แท้จริงอัลลอฮฺทรงตัดสินระหว่างปวงบ่าวแล้วอย่างแน่นอน
49. และบรรดาผู้อยู่ในนรก กล่าวแก่ยามเฝ้าประตูนรกว่า โปรดช่วยวิงวอนขอต่อพระเจ้าของพวกท่านให้ทรงลดหย่อนการลงโทษแก่เราสักวันหนึ่ง
50. พวกเขากล่าวว่า บรรดารอซูลของพวกท่านมิได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยหลักฐานอันชัดแจ้งดอกหรือ? พวกเขากล่าวว่ามีครับเขาทั้งหลายกล่าวว่า พวกท่านจงวิงวอนขอเองซิ แต่การวิงวอนขอของผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น มิใช่อื่นใดนอกจากอยู่ในการหลงทาง


คำแปล R5.
๔๗. และโอ้ มูฮำมัด เจ้าจงระลึกเถิดเมื่อพวกเขาทั้งหลายต่างก็ทุ่มเถียงกันเองในนรก กล่าวคือบรรดาผู้อ่อนแอจะกล่าววัดทอดแก่บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ว่า อันที่จริงพวกเราเคยถือตามพวกท่าน แล้วพวกท่านสามารถป้องกันพวกเราสักส่วนหนึ่งจากไฟนรกได้หรือ
๔๘. บรรดาผู้ยิ่งใหญ่กล่าวตอบว่า แท้จริงพวกเราทุกคนต่างอยู่ในนรกด้วยกันทั้งนั้น แล้วจะมีใครสามารถป้องกันผู้อื่นได้อย่างไรเล่า หากเราสามารถจะทำเช่นนั้น สิ่งแรกที่เราจะทำก็คือช่วยตัวเองก่อน แต่ตัวของเรายังช่วยไม่ได้ เพราะแท้จริงอัลเลาะห์ได้ทรงตัดสินระหว่างบรรดาข้าทาสของพระองค์แต่เพียงพระองค์เดียว
๔๙. และบรรดาผู้ถูกจองจำอยู่ในนรก ได้กล่าวกับบรรดามลาอิกะห์ผู้รักษาดูแลนรกยะฮันนัมว่า ท่านทั้งหลายกรุณาวอนขอต่อองค์อภิบาลของพวกท่านให้พระองค์ทรงโปรดผ่อนคลายการลงโทษจากพวกเราสักวันหนึ่งเถิด
๕๐. บรรดาผู้รักษานรกพวกเขากล่าวตอบว่าเมื่อก่อนเมื่อยังใช้ชีวิตอยู่ในโลกสากลนั้นบรรดาศาสนทูตของพวกเจ้ามิได้มาหาพวกเจ้าดอกหรือ พร้อมด้วยบรรดาหลักฐานและปาฏิหาริย์ที่ชัดแจ้งนำมาประกาศและแสดงแก่พวกเจ้าพวกชาวนรกเหล่านั้นตอบว่า ถูกแล้วมีศาสนทูตมาหาพวกเราจริงและเราก็เนรคุณไม่ยอมศรัทธาแต่อย่างใด ๆ บรรดามลาอิกะห์ดังกล่าวพวกเขากล่าวว่า ดังนั้นพวกเจ้าก็จงวอนขอด้วยตัวเองเถิด ไม่ต้องขอให้พวกเราขอให้หรอก และคำขอของเหล่าผู้เนรคุณย่อมไม่บังเกิดผลใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากในความหลงผิดซึ่งไร้ผลโดยสิ้นเชิง อัลเลาะห์จะไม่ทรงรับรองอย่างเด็ดขาด



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 05, 2011, 06:49 AM โดย Bangmud »

 

GoogleTagged