มันก็แปลกประหลาดเอามากๆ นะพวกนี้ ถ้าเป็นพ่อแม่นบีย์ ศ็อลฯ แล้ว พยายามนักพยายามหนาจะอ้างหลักฐานยืนยันว่าท่านทั้งสองไม่ใช่มุสลิม ในขณะที่อุละมาอ์อะฮ์ลุสสุนนะฮ์วัลจมาอะฮ์ "อัลอะชาอิเราะฮ์" และอื่นๆ ในนี้ พยายามจะปกป้องว่าท่านทั้งสองเป็นมุสลิม
ในทางกลับกัน พวกวะฮาบีย์พยายามจะพิสูจน์และอ้างหลักฐานจากอัลกุรฺอานว่า พวกกาฟิรมักกะฮ์เชื่อใน "เตาหี้ด" รุบูบียะฮ์ แต่ไม่มีเตาี้หี้ด "อุลูฮียะฮ์"
อยากถามว่า หลักฐานไหน หรือายะฮ์ไหนหรือที่บอกชัดๆ ตรงๆ ว่าพวกเขามีเตาหี้ดด้วย โดยเฉพาะเตาหี้ดรุบูบียะฮ์ เพราะที่อ้างอายะฮ์กันนั้น อายะฮ์เพียงแต่บอกว่าพวกเขากล่าวว่า
แต่ในอีกมุมหนึ่ง อายะฮ์ก็ยืนยันว่าพวกเขามักจะสับปรับ ได้แต่พูด แต่ไม่เชื่อจริงๆ ซ้ำยังตั้งภาคีอยู่ จึงได้เรียกพวกนี้ว่า "มุชริกีน" (บรรดาผู้ตั้งภาีคี) หรือ "กาฟิรีน" (บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา) บ้าง แต่วะฮาบีย์พยายามนักที่จะบอกว่า พวกนี้เป็น "อะฮ์ลุตเตาะหี้ด" ในเรื่องรุบูบียะฮ์
ก็แล้วปัจจัยหลักที่พวกนี้กราบไหว้สิ่งอื่นนอกจากอัลลอฮฺ ไม่ใช่เพราะพวกเขาเชื่อว่ารูปปั้นเหล่านั้นให้โชคดีบางอย่างแก่พวกเขาได้หรือ
การเชื่อเช่นนี้ แม้ในอีกมุมหนึ่งพวกเขาจะกล่าวหรือเชื่อว่า อัลลอฮฺเป็นพระผู้สร้างก็ตาม แต่เรายังจะเรียกคนพวกนี้ว่าเชื่อในเตาหี้ดได้อีกไหม ทั้งที่มุสลิมร้อยเปอร์เซนต์ที่ทำการ "ตะวัสสูล" ยังถูกพวกคุณหุกุมเป็นมุชริกได้เลย ทั้งที่พวกเขาเชื่อมั่นต่ออัลลอฮฺมั่นคงยิ่งกว่าพวกมุชริกีนมักกะฮ์อีก
พวกท่านสอนอะไรกันอยู่หรือ สอนให้คนเชื่อว่ากลางวัน (เตาี้หี้ด) กับกลางคืน "ชิริก" อยู่ในเวลาเดียวกันได้กระนั้นหรือ

หัดหันมาวิเคราะห์ปัญหาที่มีอยู่ในบางอะกีดะฮ์ของพวกท่านเถอะครับ อย่าได้ทำตัวเหมือนเจ้าพนักงานสอบสวนคนอื่นเค้าไปทั่ว ทั้งที่ตัวเองก็ใช่ว่าจะเอาตัวรอด เหอๆ , วัลลอฮุอะอ์ลัม