ผู้เขียน หัวข้อ: + มุสลิมะฮฺ:เธอเกิดมาเพื่อสิ่งใด? +  (อ่าน 5089 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด




ครั้งแล้ว ครั้งเล่า..เที่ยวแล้ว เที่ยวเล่า ที่เราเฝ้าฟังถ้อยคำต่างๆ อันมีมาถึงมุสลิมะฮฺผู้เป็นสตรีแห่งอิสลาม บ้างก็เรียกร้องถึงบทบาทอันเท่าเทียมกับบุรุษบ้างล่ะ บ้างก็ทวงถามถึงสิทธิต่างๆ นานา ที่ดูเหมือนคนทั่วไปจะคิดว่าเธอถูกลิดรอนซะจนแทบโงหัวไม่ขึ้น

ทว่า ‘กะลามุนนาซ’ เหล่านี้จะมีความสำคัญสำหรับมุสลิมะฮฺผู้ศรัทธามากมายนักล่ะหรือ เมื่อ ‘กะลามุลลอฮฺ’ บอกเราว่า


‘และจงอย่าปรารถนาในสิ่งที่อัลลอฮฺได้ทรงให้แก่บางคนในหมู่พวกเจ้าเหนือกว่าอีกบางคน สำหรับผู้ชายนั้นมีส่วนได้รับจากสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้ และสำหรับผู้หญิงนั้นก็มีส่วนได้รับจากสิ่งที่นางได้ขวนขวายไว้ และพวกเจ้าจงขอต่ออัลลอฮฺเถิด จากความกรุณาของพระองค์ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ในทุกสิ่งทุกอย่าง’
[อันนิซาอฺ 4:32]


..มุสลิมะฮที่รัก !
เราต่างก็ถูกบังเกิดมาเยือนโลกนี้เพียงชั่วยาม หากก็เพียงชั่วยามที่เราต่างก็มีหน้าที่..ต่างมีภาระ และภารกิจของมุสลิมะฮฺก็คือ การเป็นแม่ ..เป็นภรรยาของศรัทธาชน
มันเป็นหน้าที่ที่มีเกียรติเหลือเกินโอ้มุสลิมะฮฺ! เพราะบุรุษผู้เข้มแข็งยิ่งใหญ่ทั้งหลายก็ล้วนมีที่ค้ำจุนเป็นมืออ่อนโยนเล็กๆของสตรี
..ก็มิใช่มืออันเปี่ยมไปด้วยสัจธรรมของนางมัรยัมหรอกหรือที่ให้กำเนิดบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ศาสนาโลกอย่างท่านนบีอีซา และมิใช่มือที่เฝ้าปลุกปลอบของท่านหญิงคอดีญะฮฺหรอกหรือที่เป็นกำลังใจให้บุรุษผู้ห่มผ้าหนาวสั่นลุกขึ้นประกาศสัจธรรมในฐานะศาสนทูตคนสุดท้ายแห่งประชาชาติ

..มุสลิมะฮที่รัก !
วิถีแห่งอิสลามนั้นกำหนดหน้าที่ของพวกเธอมาอย่างมีเกียรติยิ่ง ภารกิจในการมีชีวิตของมุสลิมะฮฺจึงเป็นงานอันง่ายงามหากก็ยิ่งใหญ่นัก พวกเธอต้องยืนอยู่ระหว่างกระแสธารสองสายซึ่งเชี่ยวกราก
หนึ่ง คือ สารธารแห่งความโง่งมที่จะกักขังผู้หญิงไว้กับความบอดใบ้ทางปัญญาและตัดขาดพวกเธอจากการเรียนรู้และทำงานเพื่อสังคม
ขณะที่อีกสายธารหนึ่ง คือ กระแสแห่งวัตถุนิยมที่พัดเอาความโฉบเฉี่ยวทันสมัยมาพร้อมกับสารพัดสินค้า สารพัดยี่ห้อให้ผู้หญิงทั้งหลายว่ายวนไขว่คว้าอยู่ไม่รู้แล้ว
   ใช่! ระหว่างกระแสแห่งความโง่เขลาทั้งสองนี้แหละที่พวกเธอต้องดำรงอยู่ให้ได้โดยไม่ถูกกระแสไหนดูดกลืนไป ถึงแม้จะเป็นการดำรงอยู่ที่ยากลำบาก แต่เราก็ต้องยืนอยู่...และต้องอยู่ให้ได้ด้วย
   เพราะมีแต่ผู้หญิงที่ไม่โง่งมไปตามกระแสเท่านั้นที่เหมาะสมจะเป็นฐานที่มั่นคงให้แก่ประชาชาติ

..มุสลิมะฮที่รัก !
ไม่ว่าจะเป็นการหลงอยู่ในความไม่รู้หรือหลงอยู่ในวัตถุแห่งดุนยาก็ล้วนเป็นความโง่เขลา และหนทางที่จะบำบัดความโง่เขลาก็คือ การศึกษาเรียนรู้ ความเข้าใจในสัจธรรมตลอดจนศาสตร์สาขาต่างๆ ก็ล้วนมาจากการศึกษาเรียนรู้ มารดาที่มีความรู้ย่อมเป็นเสมือรากฐานอันมั่นคงของบ้าน เป็นเสมือนที่พักพิงอันอุดมสมบูรณ์ทั้งของสามีและของบุตร ดังนั้น คำกล่าวที่ว่าอิสลามลิดรอนสิทธิในการศึกษาของสตรีจึงเป็นเสียงที่ดังมาจากสมองที่ไม่เข้าใจและมาจากดวงตาที่ทำให้ฝ้าฟางด้วยอคติ เพราะแท้ที่จริงแล้วอิสลามมิใช่แค่ไม่ขัดขวางการเรียนรู้ หากยังสนับสนุนและส่งเสริมการศึกษาเรียนรู้ในทุกขั้นตอนของชีวิตโดยไม่จำกัดเพศ ไม่จำกัดวัย ดังที่ท่านเราะซูล (ซล.) กล่าวว่า

‘การศึกษาเรียนรู้เป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับมสลิมทุกคน’ (มุตตะฟะกุนอะลัยฮฺ)

..มุสลิมะฮที่รัก !
ประชาชาติอิสลามนั้นเติบโตขึ้นทุกวัน-ทุกวัน จำนวนมุสลิมก็เพิ่มทวีขึ้นทุกที-ทุกที หากเป็นการเพิ่มอย่างฟองน้ำแห่งท้องทะเล ที่ว่างเปล่า..ที่ไร้น้ำหนัก

บนท้องถนนวันนี้..เรามองเห็นผู้หญิงมุสลิมที่ประดับฮิญาบไว้บนศรีษะอย่างดาษดื่น ใช่! มันเป็นการประดับไม่ใช่การปิดคลุม เพราะฮิญาบของพวกเธอเหล่านั้นปิดป้องไว้ได้ก็แต่เส้นผม ไม่ใช่เรือนร่างและยิ่งไม่ใช่หัวใจ

เราจึงมีสตรีที่ ‘สะสวย’ อยู่ภายใต้ดวงหน้าสีฉูดฉาดจำนวนมาก แต่เรามีสตรีที่ ‘งดงาม’ ภายใต้ดวงใจศรัทธาอยู่เพียงแค่นิดเดียว

..มุสลิมะฮที่รัก !
หากเปรียบสตรีเป็นดั่งฐานที่มั่นของประชาชาติแล้ว ..ปรากฎว่าวันนี้ เรามีฐานบรีเปราะบางเหลือเกิน ท่ามกลางความบอบช้ำ อ่อนแอ เราจึงต้องรีบเร่งในการดำเนินภารกิจแห่งศรัทธาของเรา อันเป็นความศรัทธาที่หยั่งรากลึกอยู่ในชีวิต อยู่ในหัวใจ เป็นความศรัทธาที่เติบโตขึ้นจากการเรียนรู้อย่างลึกซึ้ง ใช้สติปัญญาอย่างใคร่ครวญโดยไม่มีจุดมุ่งหมายอื่นใด นอกจาก ‘ลิลลาฮฺ -เพื่ออัลลอฮฺ’ และเพื่ออัลลอฮฺเพียงองค์เดียว..องค์เดียวเท่านั้น

..มุสลิมะฮที่รัก !
การเรียนรู้ที่แท้จริงนั้นมิใช่เพื่อจะให้ทันสมัยหรือเพื่อให้ได้ชื่อว่าเป็นหญิงเก่งที่เชิดหน้าชูตาอยู่ในสังคมอย่างไม่น้อยหน้าบุรุษเพศเช่นที่ผู้หญิงสมัยใหม่นิยาม แต่เราจำเป็นต้องเรียนและต้องรู้เพื่อทำหน้าที่ในการมีชีวิตอยู่ให้ครบถ้วน นั่นคือ หน้าที่ของการเป็นบ่าวผู้ภักดีและกตัญญู นั่นคือ หน้าที่แห่งการเป็นลูก เป็นภรรยาและเป็นแม่แห่งอิสลาม

เป็นลุกที่สร้างความสุขใจให้แก่พ่อแม่ด้วยการใช้อิสลามดำเนินชีวิตท่ามกลางสังคมแห่งการหลอกล่ออย่างหนักแน่น มิใช่ลูกที่หลงระเริงไปกับกระแสวัตถุโดยทิ้งพ่อแม่ไว้กับการกระเสือกกระสนหาปัจจัยมาปรนเปรอลูก
เป็นภรรยาที่พร้อมจะสนับสนุนสามีในการทำงานเพื่ออิสลาม มิใช่คอยชี้นำในฐานะที่ ‘ฉันก็แน่ไม่น้อยไปกว่าคุณ’
เป็นแม่ที่อบรมเลี้ยงดูบุตรด้วยสมองและสองมืออันเปี่ยมไปด้วยความรักและอิสลาม มิใช่แม่ที่ออกเดินทางไปในสังคมที่บูชาธนบัตรตั้งแต่รุ่งสางเพียงเพื่อจะกลับมาเปลี่ยนสถานะของตนจากการเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไปสู่การเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยเงิน...

ดังนั้น มุสลิมะฮฺจึงต้องหล่อหลอมชีวิตของพวกเธอให้ลึกซึ้งในหลักคำสอนของอิสลาม ต้องให้หัวใจของพวกเธอมีรสชาติและชีวิตชีวาด้วยกับกสนหมั่นหาความรู้ในเรื่องเกี่ยวกับอิสลาม และรวมถึงศาสตร์สาขาอื่นๆ ที่เธอมีความสามารถจะนำมันมารับใช้อิสลามได้
...เพื่อจะสร้างสมองที่เฝ้าใคร่ครวญถึงความเมตตาของพระเจ้าไปพร้อมๆกับการคิดหาทางออกให่แก่ปัญหาต่างๆ ที่รุมเร้าของประชาชาติอิสลาม
...เพื่อจะสร้างมือที่กระตือรือร้นหยิบจับงานของแม่บ้านไปพร้อมๆกับการจับปากกาเขียนเชิญชวนผู้คนสู่อิสลามอันบริสุทธิ์
...เพื่อจะสร้างริมฝีปากที่พร้อมจะอบรมปลูกฝังอิสลามให้แก่บุตรไปพร้อมๆกับการตักเตือนผู้คนไม่ให้หลงไปกับกระแสแห่งวัฒนธรรมญาฮิลิยะฮฺอันโหมกระหน่ำ
...และเพื่อจะสร้างหัวใจที่รักภักดีต่อผู้เป็นสามีไปพร้อมๆกับรักที่จะอุทิศชีวิตไปในหนทางของอัลลอฮฺ

..มุสลิมะฮที่รัก !
หากเปรียบสตรีเป็นดั่งดอกไม้แล้ว คุณค่าของดอกไม้ย่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่ามันจะทำให้    ‘ผู้คน’ ทั้งหลายหลงไหลชื่นชมได้มากเท่าไหร่ หากอยู่ที่ว่ามันจะทำให้ ‘ผู้เป็นเจ้าของ’ ชื่นชมพอใจได้มากแค่ไหนต่างหาก และยิ่งผู้เป็นเจ้าของได้เมตตาให้พวกเฮเติบโตขึ้นในร่มเงาแห่งอิสลามอันอบอุ่นปลอดภัยดังนี้แล้ว ก็จงขอบคุณพระองค์ด้วยการเป็น ‘ดอกไม้ของอัลลอฮฺ’ ที่งดงามยิ่ง มีเกียรติยิ่งเถิด เพราะพวกเธอเป็นเสมือนรากแห่งประชาชาติที่จะให้กำเนิดดอกไม้อีกหลายๆดอก

ศรัทธาชนที่เข้มแข็งจะกำเนิดขึ้นจากสตรีที่วันๆ เฝ้าแต่ประดับเรื่องวัตถุและการอวดโฉมไว้ในศีรษะกระนั้นหรือ เมื่อพรรณไม้อันแข็งแรงย่อมไม่ได้เติบโตขึ้นมาจากรากเน่าๆ อย่างแน่นอน!




..มุสลิมะฮที่รัก !
ดอกไม้ของอัลลอฮฺทั้งหลาย ! เปิดดวงตาแห่งอิสลามขึ้นในดวงใจของพวกเธอเถิด แล้วเธอจะเห็นว่าประชาชาติต้องการความเข้มแข็งจากพวกเธอมากแค่ไหน ปล่อยให้ดุนยาเอาวัตถุไร้ค่าของมันไปล่อลวงผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เดินอยู่กลาดเกลื่อนบนท้องถนนเถอะ มันไม่มีค่าพอที่จะให้พวกเราบูชาหรอก เพราะเรามาเยือนโลกนี้ก็เพียงชั่วยามเดียว อีกเดี๋ยวก็กลับคืนสู่พระผู้สร้างแล้ว..ปฏิบัติภารกิจของพวกเธอให้ครบถ้วนสมบุรณ์เถิด ดอกไม้ทั้งหลาย! เพื่อจะได้กลับไปในฐานะดอกไม้ที่ผู้เป็นเจ้าของพอใจ ยินดี และเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นดอกไม้ที่ถูกเผาในเปลวไฟ...อินชาอัลลอฮฺ!

ญะซากุมุลลอฮฺค็อยร้อน กะษีร้อน บทความกระแทกใจหนักๆ จากหนังสือ ในเงากระจก:  มุสลิมะฮฺกับภารกิจแห่งศรัทธา หน้า 23 โดย Zaid





« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 19, 2011, 09:16 PM โดย - ครูจริงใจ- »

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

ออฟไลน์ ิBalQis

  • ya ALLAH Teguhkanlah hatiku dalam mencari redhaMU
  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 5
  • เพศ: หญิง
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Re: + มุสลิมะฮฺ:เธอเกิดมาเพื่อสิ่งใด? +
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: ก.ค. 29, 2011, 10:13 AM »
0
"ศรัทธาชนที่เข้มแข็งจะกำเนิดขึ้นจากสตรีที่วันๆ เฝ้าแต่ประดับเรื่องวัตถุและการอวดโฉมไว้ในศีรษะกระนั้นหรือ เมื่อพรรณไม้อันแข็งแรงย่อมไม่ได้เติบโตขึ้นมาจากรากเน่าๆ อย่างแน่นอน!"

ญาซากัลลอฮ ที่เอามาให้อ่าน...........


ออฟไลน์ - ครูจริงใจ-

  • อยากเป็นคนดีที่อัลลอฮฺรัก
  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 817
  • เพศ: หญิง
  • ทุกวินาทีของเราไม่เคยรอดพ้นจากบันทึกของรอกิบ-อาติด
  • Respect: +96
    • ดูรายละเอียด
Re: + มุสลิมะฮฺ:เธอเกิดมาเพื่อสิ่งใด? +
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: ก.ย. 21, 2011, 03:56 PM »
0


เพื่อการทบทวนและทวนกระแสสังคมโลกในยุคปัจจุบันและตรวจสอบตัวเองอีกหลายๆครั้ง
..เรา-เหล่ามุสลิมะฮ์ทั้งหลาย จะไม่ขอเดินตาม และไม่ยอมตกหลุมพรางที่ศัตรูอิสลามพยายามวางกับดักพวกเราไว้แม้จากทุกทิศทุกทางก็เถอะ-อินชาอัลลอฮฺ

ปล. ดูแล้วรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกเลยเนอะ กับภาพของมุสลิมะฮฺและแฟชั่นที่น่าใจหาย ณ ปัจจุบันนี้

ท่าน ฮะซัน อัลบัศรีย์ (ร่อฮิมะฮุ้ลลอฮฺ) กล่าวว่า :
 
วัลลอฮฺ คนที่เป็นมุอฺมินจริงๆนั้น ท่านจะเห็นว่าเขาจะไม่ตำหนิใครเลยนอกจากตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด
จะคิดว่าตนคือผู้บกพร่องเสมอจะเสียใจ และโทษตนเอง ...แต่ คน ฟาญิร (ไม่ดี) จะกระทำโดยไม่สนใจสิ่งใดและไม่เคยโทษตนเอง..

 

GoogleTagged