ผู้เขียน หัวข้อ: ประเด็นประวัติศาสตร์นบีมูฮัมมัด (ซล.) จากหนังสือแปลของ ศ ดร อิมรอน มะลูลีม  (อ่าน 7236 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
หนังสือปรัชญาอิสลาม เห็นเพื่อนมีอยู่ ไม่ทราบว่าผิดตรงไหนหรือ พอดีไม่เคยอ่าน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ บาชีร

  • ปีสามสักที
  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2164
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +59
    • ดูรายละเอียด
เห็นชื่อกระทู้ ก็ตกกะใจ
นักเรียนปีสาม กฎหมายอิสลาม อัซฮัร ไคโร

ออฟไลน์ admin

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนสนิท (._.")
  • *****
  • กระทู้: 464
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
    • ..
 salam

ขออนุญาตเปลี่นชื่อกระทู้เพื่อความเหมาะสม แล้วกัน
รวมถึงนามสกุลของท่านอาจารย์ด้วย

ที่ดีควรระมัดระวังเรื่องชื่อกระทู้ ขอให้ตรงกับประเด็น และไม่สร้างความสับสนในสังคม

ยะซากุมุลลอฮุคอยรอน
วัสลาม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
หนังสือปรัชญาอิสลาม เห็นเพื่อนมีอยู่ ไม่ทราบว่าผิดตรงไหนหรือ พอดีไม่เคยอ่าน

               บังก็ซื้อมาเล่มหนึ่งนะ ดูเหมือนหนังสือเล่มนี้พยายามจะใช้ศัพท์ หรือแนวการเขียนแบบหนังสือปรัชญาทั่วไป คือพยายามจะไม่ใช้ศัพท์ศาสนา เพราะอาจจะต้องการให้คนต่างศาสนิกอ่านเข้าใจด้วย (คิดว่างั้นนะ) ในเรื่องนื้เนื้อหานั้น ยังมองไม่ออกว่าผิดตรงไหนอะไรบ้าง แต่ที่ไม่ค่อยสบายใจ ก็๕ือสำนวนการใช้ ที่บางครั้งอาจจะทำให้เข้าใจต่างออกไป หรือพูดง่ายๆ อาจจะทำให้เข้าใจผิดได้ ส่วนตัวอย่างคงไม่สามารถยกให้ดูได้ เพราะหนังสืออยู่ที่ไทย ไม่ได้เอามา ยังงัย ใครที่เห็นต่างจากนี้ ก็แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้นะครับ - วัสสลามุอลัยกุม
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ IamCrying

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 376
  • เพศ: ชาย
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
Closer than veins : Invite to the Way of thy Lord with wisdom... Qur.16:125

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
^
ได้ข่าวว่าบังก็ซื้อไม่ใช่หรือ เขาส่งอันที่หน้าไม่ครบ แล้วต้องไปเปลี่ยนคืน
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
^
ได้ข่าวว่าบังก็ซื้อไม่ใช่หรือ เขาส่งอันที่หน้าไม่ครบ แล้วต้องไปเปลี่ยนคืน

               kamu maksud kepada siapa?
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ adnarnsiddic

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
หลักพิจารณาอัลหะดิษ เรียกกันในภาษาอาหรับว่า "มุศฏอละหุลหะดิษ" เป็นวิชาที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะอัลหะดิษนั้น ถือเป็นที่ปรับแห่งข้อบัญญัติทางศาสนา การที่จะนำอัลหะดิษมาใช้เป็นหลักฐานในการตัดสินปัญหาต่างๆ จำเป็นต้องพิจารณาและไตร่ตรองโดยรอบคอบว่า หะดิษนั้นอยู่ในฐานะที่จะนำมาเป็นหลักฐานได้หรือไม่ เพราะหะดิษนั้น ได้รับการรายงานมาในหลายรูปแบบ จากบุคคลผู้มีคุณสมบัติและเจตนารมณ์ที่แตกต่างกัน บางท่านก็มีความบริสุทธิ์ใจ ในการรายงานตัวบทหะดิษ เพื่อพิทักษ์หลักธรรมของอิสลามเอาไว้ และบางท่านก็เพียงแต่อ้างว่าสิ่งที่เขารายงานเป็นหะดิษ เพื่อสนับสนุนความคิดเห็นของเขา โดยไม่นำพาว่าการกระทำดังกล่าว จะเป็นอันตรายต่อหลักธรรมคำสอนของอิสลามหรือไม่ โดยเหตุเช่นนี้ นักวิชาการผู้ยึดมั่นอยู่ในอุดมการณ์ของศาสนา จึงได้วางหลักเกณฑ์ในการพิจารณาหะดิษเอาไว้ ว่าหะดิษใด เป็นหะดิษแท้ที่มาจากท่านศาสดา และหะดิษใด เป็นหะดิษที่ไม่อาจเชื่อได้ว่า เป็นหะดิษที่มาจากท่านศาสดา ซึ่งจากการวางกฏเกณฑ์นี้ ทำให้ประชากรมุสลิมในยุคหลัง สามารถพิสูจน์ทราบสถานภาพของหะดิษแต่ละหะดิษได้อย่างถูกต้อง และยิ่งกว่านั้น การวางกฏเกณฑ์เพื่อกรองหะดิษ ยังจะทำให้การตัดสินปัญหาต่างๆ เป็นไปโดยแม่นยำ ตรงตามเจตนารมณ์ของอิสลามอีกด้วย และจากความสนใของนักวิชาการที่มีต่ออัลหะดิษนี้ ได้ทำให้เกิดการกำหนด และแยกแยะลักษณะของหะดิษไว้โดยชัดแจ้ง เพื่อสะดวกในการทำความเข้าใจเกี่ยวกับอัลหะดิษ
             ก่อนที่จะกล่าวถึงรายละเอียด จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำความเข้าใจคำจำกัดความของวิชานี้ ตามที่นักวิชาการได้ให้คำนิยามเอาไว้
             วิชา "มุศฏอละหุลหะดิษ" คือ วิชาที่ว่าด้วยทฤษฎีต่างๆ ที่จะทำให้รู้ถึงสถานภาพของกระแสรายงานและตัวบทว่า อยู่ในสภาพที่ถูกต้องหรือไม่ เพียงใด และอย่างไร
             เรื่องที่จะกล่าวถึง คือ ผู้รายงาน ตัวบทที่ได้รับการรายงาน ว่าจะสามารถรับรองในความถูกต้องได้หรือไม่
             ประโยชน์ที่จะได้รับ ทำให้พิสูจน์ทราบได้ว่า หะดิษใดถูกต้อง ยอมรับได้หรือไม่
             ผู้กำหนดวิชานี้ คือ อัลกอดีย์ อะบูมุหัมมัด บินอับดุลเราะห์มาน บินคอลลาด หรือ ที่รู้จักกันในนาม อัรรอมะฮุรมุซีย์
             โดยเหตุที่วิชานี้ มุ่งวิเคราะห์สถานภาพของอัลหะดิษ จึงจำเป็นต้องทราบก่อนในเบื้องแรกนี้ว่า อัลหะดิษ คือ อะไร

             "อัลหะดิษ" คือ สิ่งที่พาดพิงไปยังท่านศาสดา (ช.ล.) อันเกี่ยวกับคำพูด การกระทำ และ การยอมรับ

             ในสมัยของพระศาสดา (ช.ล.) ตัวบทหะดิษมิได้รับการรวบรวมไว้เป็นหมวดหมู่ในที่แห่งเดียวกัน เช่น อัลกุรอาน บรรดาอัครสาวกเพียงแต่ทำการบันทึกและจดจำไว้เฉพาะตน และต่างก็แยกย้ายกันไปอยู่ตามหัวเมืองต่างๆ  เมื่อกาลเวลาผ่านไป ความหวั่นเกรงว่าการที่บรรดาอัครสาวกต่างทะยอยกันถึงแก่อสัญกรรม จะทำให้หะดิษต่างๆ ต้องสูญไป พร้อมกับการตายของอัครสาวกเหล่านั้น ท่านคอลีฟะฮฺ อุมัร บิน อับดุลอาซีซ จึงได้บัญชาให้ มุหัมมัด บินซีฮาบ อัซซะฮ์รีฮ์ ทำการรวบรวมตัวบทหะดิษ ไว้ในที่แห่งเดียวกัน เพื่อสะดวกในการนำมาใช้เป็นแม่บทในการตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้น ยิ่งกว่านั้น ก็ยังได้มีสาส์นไปยังหัวเมืองต่างๆ ให้รวบรวมและบันทึกหะดิษเอาไว้ ตัวบทหะดิษจึงได้รับการรวบรวมตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา การที่ตัวบทหะดิษมิได้ถูกบันทึกไว้ในที่แห่งเดียวกันโดยสมบูรณ์ ในสมัยของท่านศาสดา ทำให้หะดิษมีสภาพต่างไปจากอัลกุรอาน ในเรื่องของความแน่นอน ยิ่งกว่านั้น บางคนก็ได้ "กุ" หะดิษขึ้นมา ทำให้เป็นการยาก ที่จะแยกแยะได้ว่าหะดิษใด เป็นหะดิษแท้ และหะดิษใดเป็นหะดิษปลอม โดยเหตุนี้ จึงทำให้เกิดวิชา "มุศฏอละหุลหะดิษ" ขึ้น เพื่อใช้เป็นเครื่องวัดว่าอะไรที่เป็นหะดิษและอะไรที่มิใช่หะดิษ
             จากการที่อัลหะดิษและอัลกุรอาน ต่างก็เป็นธรรมนูญของศาสนา เป็นที่ปรับของบทบัญญัติทั้งหลาย จึงสมควรจะได้กล่าวถึง ข้อแตกต่างระหว่างธรรมนูญทั้งสองนี้ไว้โดยสังเขป คือ
             1. อัลกุรอานและอัลหะดิษ มีอรรถรสอันวิจิตรพิสดาร ซึ่งมนุษย์ไม่สามารถประพันธ์ได้ แต่ในอรรถรสอันลึกซึ้งนี้ อัลกุรอานมีความพิสดารมากกว่าอัลหะดิษ

             2. อัลกุรอานได้รับการยืนยันจากพระองค์อัลลอฮฺ พระองค์จะทรงรักษาไว้ ซึ่งความถูกต้องในทุกอักขระ ทุกตัวอักษร ดังโองการจากอัลกุรอานระบุไว้ ความว่า
" แท้จริงเรา เราได้ประทานคำเตือนนั้น และเราจะเป็นผู้รักษามันไว้ "
ส่วนอัลหะดิษ มิได้รับการยืนยัน เช่น อัลกุรอาน

             3. อัลกุรอานนั้น ศาสนาไม่อนุญาตให้ผู้มีมลทิน (หะดัช) จับ กระทบ ทูน หรือ ถือ ส่วนอัลหะดิษนั้น ไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด

             4. อัลกุรอานนั้น ศาสนาไม่อนุญาตให้ผู้มี "ยูนุบ เฮด นิฟาซ หรือ สตรีผู้คลอดบุตร" ซึ่งยังมิได้อาบน้ำชำระ อ่าน ส่วนในเรื่องของอัลหะดิษ ไม่มีข้อห้ามแต่ประการใด

             5. ผู้อ่านอัลกุรอาน จะได้รับบุญกุศลในทุกอักษรของการอ่านอัลกุรอาน   ส่วนอัลหะดิษไม่เป็นเช่นนั้น

             6. อัลกุรอานได้ถูกกำหนดให้นำมาอ่านในละหมาด  ส่วนอัลหะดิษ ไม่อนุญาตให้นำมาอ่านในละหมาด เพราะอัลหะดิษ แม้จะเป็นสิ่งที่มาจากอัลลอฮฺ แต่ก็มีฐานะรองจากอัลกุรอาน

             7. ไม่อนุญาตให้รายงานอัลกุรอานด้วยความหมาย  แต่สำหรับอัลหะดิษ อนุญาตให้รายงานด้วยความหมายได้

             8. อัลกุรอาน ถูกแบ่งออกเป็นโองการ เป็นบท โดยท่านศาสดา  ส่วนอัลหะดิษมิได้เป็นเช่นนั้น




"และวะห์ยูก็ได้ขาดช่วงไประยะหนึ่ง จนกระทั่งทำให้ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมเกิดความเศร้าโศกเสียใจ - ตามที่มีรายงานมาถึงเรา - เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดความคิด จากความเศร้าโศกเสียใจนั้น หลายต่อหลายครั้งที่จะ (ฆ่าตัวตายด้วยการ) ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน"

คำว่า หลายต่อหลายครั้งที่จะ  ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน"มิใช่หมายความว่า (ฆ่าตัวตายด้วยการ) เสมอไปครับ ตัวบทสำนวนอาจเปรียบเทียบ "จากความเศร้าโศกเสียใจนั้น  หลายต่อหลายครั้งที่จะ  ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน" อาจส่อว่า การสำนึกด้วยความผิดอันใหญ่หลวงครั้งนี้ โทษของมันที่ควรจะได้รับอย่างสาสมด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จากการตกลงมาจากที่สูงชัน

ออฟไลน์ adnarnsiddic

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
"และวะห์ยูก็ได้ขาดช่วงไประยะหนึ่ง จนกระทั่งทำให้ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมเกิดความเศร้าโศกเสียใจ - ตามที่มีรายงานมาถึงเรา - เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดความคิด จากความเศร้าโศกเสียใจนั้น หลายต่อหลายครั้งที่จะ (ฆ่าตัวตายด้วยการ) ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน"

คำว่า หลายต่อหลายครั้งที่จะ  ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน"มิใช่หมายความว่า (ฆ่าตัวตายด้วยการ) เสมอไปครับ ตัวบทสำนวนอาจเปรียบเทียบ "จากความเศร้าโศกเสียใจนั้น  หลายต่อหลายครั้งที่จะ  ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน" อาจส่อว่า การสำนึกด้วยความผิดอันใหญ่หลวงครั้งนี้ โทษของมันที่ควรจะได้รับอย่างสาสมคือ ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จากการตกลงมาจากที่สูงชัน

ออฟไลน์ GeT

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 453
  • اللهم اعط منفقا خلفا
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
"และวะห์ยูก็ได้ขาดช่วงไประยะหนึ่ง จนกระทั่งทำให้ท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมเกิดความเศร้าโศกเสียใจ - ตามที่มีรายงานมาถึงเรา - เป็นอย่างมาก ทำให้เกิดความคิด จากความเศร้าโศกเสียใจนั้น หลายต่อหลายครั้งที่จะ (ฆ่าตัวตายด้วยการ) ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน"

คำว่า หลายต่อหลายครั้งที่จะ  ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน"มิใช่หมายความว่า (ฆ่าตัวตายด้วยการ) เสมอไปครับ ตัวบทสำนวนอาจเปรียบเทียบ "จากความเศร้าโศกเสียใจนั้น  หลายต่อหลายครั้งที่จะ  ดิ่งตัวลงจากยอดเขาที่สูงชัน" อาจส่อว่า การสำนึกด้วยความผิดอันใหญ่หลวงครั้งนี้ โทษของมันที่ควรจะได้รับอย่างสาสมคือ ด้วยความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส จากการตกลงมาจากที่สูงชัน
การตีความอย่างว่า ไปอิงหลักการวิชามุสตอลาหฺ หะดีษบทไหนหรือ หรือว่ามีอุละมาอ์ท่านได้ได้อธิบายไว้้แบบนั้น อยากได้ความกระจ่าง

ปล. ถ้าจะวิจารณ์ด้านมุสตอลาหฺ เสนอให้จับจุดตรงคำแปลที่ว่า "ตามที่มีรายงานมาถึงเรา" จะดีกว่าไหม ว่าการใช้สำนวนแบบนี้ของผู้รายงานหะดีษนี้ พอจะมีน้ำหนักความน่าเชือ่ถือมากน้อยเพียงใด 

 

GoogleTagged