เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
Logical Fallacy
Taqwacore:
Ignoring the Counterevidence (omits any reference to evidence a claim)
ละเลย หรือ มองข้าม หรือไม่ยอมกล่าวถึงเหตุผล หรือหลักฐานชิ้นสำคัญที่เกี่ยวข้องที่จะไปหักล้าง หรือ โต้แย้งกับจุดยืนของตนเอง โดยสร้างภาพ หรือทำราวกับว่า เหตุผล หรือ หลักฐานนั้นๆ ไม่มีน้ำหนักแต่อย่างใด แต่ในความเป็นจริงแล้วหาเป็นเช่นนั้นไม่ แต่เนื่องจากตนเองไม่สามารถหักล้าง หรือ โต้แย้ง เหตุผล หรือ หลักฐานนั้นได้ ข้อย้ำว่า จะต้องเป็เหตุผล หรือ หลักฐาน หรือ ข้อโต้แย้งที่เกี่ยวข้อง เพราะ บางทีอาจจะมีการนำเสนอ เหตุผล หรือ มีการโต้แย้ง โดยทราวกับว่า สิ่งเหล่านั้น สามารถหักล้าง หรือ โต้แย้ง อีกฝ่ายได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เหตุผล หรือ หลักฐานที่นำเสนอมานั้น ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอะไรกันเลยที่จะไปหักล้าง หรือ โต้แย้ง เหตุผล หรือ หลักฐานของอีกฝ่ายได้
เรามาดูข้อความต่อไปนี้กัน “ รถจักรยานยนต์นั้น อันตราย เสียงก็ดัง นั่งได้ทีละแค่ 2 คน ฝนตกก็เปียก อากาศหนาวมากก็ขับขี่ลำบาก แถมยังต้องสวมหมวกนิรภัยที่น่ารำคาญ ผมไม่รู้จริงๆเลยว่าทำไมหลายๆคนจึงขับขี่จักรยานยนต์ ” จะเห็นได้ว่า ผู้ที่พูดเช่นนี้ ได้ละเลย หรือ มองข้าม หรือไม่ยอมกล่าวถึงเหตุผล ของผู้ขับขี่จักรยานยนต์ โดยสร้างภาพ หรือทำราวกับว่า เหตุผลเหล่านั้น ไม่มีน้ำหนักแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็น ความคล่องตัวมากกว่ารถยนตร์ ประหยัดเวลาเดินทางกว่า ทำความสะอาดได้เร็วกว่า ราคาถูกกว่า หาที่จอดง่ายกว่า และหลายๆคนก็รู้สึกว่ามีความสุขมากกว่าที่ได้ขี่จักรยานยนต์ เพราะฉะนั้นการให้เหตุผลที่ดี และมีประสิทธิภาพ จะต้องไม่ละเลยที่จะหักล้าง หรือ โต้แย้ง เหตุผล หรือ หลักฐานต่างๆที่จะเป็นปรปักษ์ ต่อจุดยืนหนึ่งๆที่เรายึดอยู่
ตรรกข้อนี้เป็นอะไรที่สำคัญมาก เพราะสังคม หรือ แต่ละคนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน แต่ละฝ่ายที่เชื่อหรือมีจุดยืนอย่างหนึ่งก็จะยึดมั่นในเหตุผลที่ตัวเองมีอยู่เพื่อสนันสนุนจุดยืนของตนเอง โดยที่แต่ละฝ่ายก็ ละเลย หรือ มองข้าม หรือ ไม่สามารถที่จะหักล้าง หรือ โต้แย้ง เหตุผล หรือ หลักฐานที่สนับสนุนจุดยืนของอีกฝ่ายได้ จึงทำให้สุดท้ายก็ไม่สามารถที่จะรู้ได้ว่าจุดยืนของฝ่ายใดมีน้ำหนัก หรือ ใกล้ชิดกับความจริงมากที่สุด หรือ เป็นจุดยืนที่ถูกต้อง เช่น ฝ่าย เอ มีหลักฐาน หรือ เหตุผล เพื่อมาสนับสนุนจุดยืนตนเอง 5 ชิ้น ฝ่าย บี ก็มีหลักฐาน หรือ เหตุผล เพื่อมาสนับสนุนจุดยืนตนเอง 5 ชิ้น เช่นกัน โดยที่ฝ่าย เอ หักล้าง หรือ โต้แย้ง เหตุผล หรือ หลักฐานที่สนับสนุนจุดยืนของฝ่ายบี ได้เพียง 3 ชิ้น โดยละเลย หรือ มองข้ามอีก 2 ชิ้นที่เหลือ และ ฝ่ายบีก็เช่นกันที่ สามารถ หักล้าง หรือ โต้แย้ง เหตุผล หรือ หลักฐานที่สนับสนุนจุดยืนของฝ่ายเอ ได้เพียง 3 ชิ้น โดยละเลย หรือ มองข้ามอีก 2 ชิ้นที่เหลือ เมื่อเป็นเช่นนี้ แต่ละฝ่ายก็ยังมี หลักฐาน หรือ เหตุผล 2 ชิ้น ที่จะทำให้แต่ละฝ่ายยังคงยึดมั่นในจุดยืนของตนเองนั้นๆอยู่ สุดท้ายก็หาข้อสรุปไม่ได้ว่า จุดยืนของฝ่ายใดมีน้ำหนัก หรือ ใกล้ชิดกับความจริงมากที่สุด หรือ เป็นจุดยืนที่ถูกต้อง ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้จึงทำให้เสียเวลา แทนที่จะหาข้อสรุปได้อย่างชัดเจนในเรื่องนั้นๆได้
Taqwacore:
Straw Man สร้างจุดยืนใหม่ที่ไม่แท้จริง ให้กับอีกฝ่าย ซึ่งเป็นจุดยืนที่สามารถถูกหักล้าง หรือโจมตีได้ง่าย ทั้งที่ในความเป็นจริง อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีจุดยืนเช่นนั้นเลย ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อที่ตัวเองจะได้โจมตีจุดยืน (ที่ไม่เป็นจริง) ที่ตนเองสร้างขึ้นมาให้กับอีกฝ่าย เพื่อสร้างภาพว่าตนเองสามารถหักล้างจุดยืนที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้แล้ว ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เช่นนั้นเลย
เช่น นาย ก. พูดกับนาย ข. เมื่อไปเยี่ยมนาย ข.ที่ห้องว่า “ ห้องนายนี้ รก และสกปรก จริงๆ ตกลงจะให้ห้องรก และสกปรกอยู่อย่างนี้ตลอดทั้งปีใช่ไหม ? ” เราจะเห็นได้ว่า การที่ห้อง รก และสกปรก นั้นไม่ได้เป็นสิ่งเดียว หรือมีความหมายเดียวกับ การปล่อยห้องให้ รก และ สกปรกทั้งปี มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย คำถามคือ จำเป็นด้วยหรือที่ถ้า นาย ก. ปล่อยให้ห้อง รก และสกปรก แล้วจะหมายความว่า เขาจะต้องปล่อยให้มัน รก และสกปรกทั้งปี...เปล่าเลย มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย
หรือ สมมุติว่า คุณ อิบรอฮีม พูดกับ คุณ ธงไชยว่า “ ผมไม่เห็นด้วย กับการ ที่คุณจะให้ธนาคารมาติดตั้งตู้ ATM และเก็บค่าเช่าที่ เดือนละ 4 พันบาทต่อเดือน เพราะ เท่ากับคุณมีส่วนช่วยในเรื่องระบบดอกเบี้ย ” คุณธงไชยก็พูดกับ คุณ อิบรอฮีมว่า “ นี่ ตกลงคุณจะให้ผมนั่งงอมือ งอเท้า ไม่ต้องทำมาหากินเลยหรืออย่างไร คนเราต้องการช่องทางในการทำมาหากิน” จะเห็นได้ว่า คุณ ธงไชย ได้นำเสนอ หรือ ทึกทักจุดยืนของคุณ อิบรอฮีมผิดไป เพราะถ้าเราจะถามกลับว่า การไม่เห็นด้วยให้มีการติดตั้งตู้ ATM เพื่อเก็บค่าเช่า นั้น มีความหมายเดียวกับ การนั่งงอมือ งอเท้า โดยไม่ยอมทำมาหากิน อย่างนั้นหรือ? คำตอบคือเปล่าเลย มันไม่ได้เกี่ยวกันเลย
หรือ เช่น นาย อารีฟ พ่ายแพ้นาย ก.ในการถกกันในเรื่องหนึ่ง จึงได้พูดขึ้นว่า “ นาย ก. เรียนตรรก หรือ ขบวนการใช้เหตุผลอย่างถูกต้องไป ก็เพื่อ เอาไว้รังแกคนอื่น กดคนอื่นให้ต่ำลง ” โดยมองว่าแต่ละครั้งที่มีการถกกันในเรื่องใดๆ นาย ก. ชนะทุกครั้งในการนำเสนอเหตุผลเพื่อสนับสนุนจุดยืนของตนเอง แต่จุดยืน หรือ เจตนาที่แท้ของนาย ก. ที่เรียนตรรก มาไม่ได้เป็นเช่นที่นาย อามีนกล่าวเลย แต่เรียนเพื่อ ที่จะแยกถูกออกจากผิด แยกความจริงออกจากความเท็จ ทำให้สัจธรรมความจริง ปรากฏขึ้นอย่างชัดเจนกับอีกฝ่าย โดยมิได้มีเจตนา ไปรังแกคนอื่น หรือ กดคนอื่นให้ต่ำลงแต่อย่างใด เพียงแต่ นาย ก. มีความจำเป็นที่จะต้องชี้แจงความจริง และ โต้แย้งในสิ่งที่ไม่เป็นความจริง หรือ ความผิดพลาดในการใช้เหตุผล ซึ่งอาจจะทำให้ต้องเกิดการเสียความรู้สึกกับอีกฝ่าย ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องทำใจ เมื่อมีการถกในประเด็นหนึ่งประเด็นใดที่ขัดแย้งกัน
เพราะฉะนั้นเราจะต้องระวังและสังเกตุ อีกทั้งจับประเด็นดูให้ดีว่ามีการกระทำผิดในการใช้เหตุผลข้อนี้หรือไม่ นั้นคือ นาย ก. มองข้ามจุดยืน หรือ เหตุผลที่แท้จริงของนาย ข. และแทนที่จุดยืนหรือเหตุผลที่แท้จริงของนาย ข. ด้วยกับ สิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย หรือ สิ่งที่บิดเบือนไปจากความเป็นจริง ซึ่งง่ายต่อการถูกหักล้าง หรือโต้แย้ง โดยทำให้ผู้อื่นเข้าใจผิดไปว่า จุดยืน หรือ เหตุผลที่แท้จริงของนาย ข. เป็นเช่นนั้นจริง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่ใช่เลย ที่ทำเช่นนี้ก็เพื่อที่จะได้สร้างภาพว่าตนเองสามารถหักล้าง หรือโต้แย้งนาย ข. ได้แล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว นาย ก. รู้ตัวว่าไม่สามารถหักล้างหรือโต้แย้งหลักฐาน หรือเหตุผลที่แท้จริงของนาย ข. ได้ ก็เลยต้องใช้วิธีไม่ซื่อสัตย์นี้ในการสร้างภาพ ซึ่งคนที่วิเคราะห์ไม่เป็น จับประเด็นไม่เป็น หรือไม่ได้เรียนรู้กระบวนการใช้เหตุผลที่ถูกต้องมาดีพอ หรือไม่ได้เรียนรู้การตรวจจับความผิดพลาดในการใช้เหตุผลประเภทต่างๆมา ก็อาจจะหลงเข้าใจไปว่า นาย ก. สามารถโต้ตอบ หักล้าง นาย ข. ได้แล้ว แต่จริงๆแล้วเปล่าเลย
As-Zaleek:
:salam:
สิ่งหนึ่งที่ผมได้พบเกี่ยวกับคนชอบใช้ตรรกะโดยค่อยไม่มีความรู้ศาสนา...ถือว่าเป็นอันตรายและสร้างความเข้าใจผิดกับผู้คนทั่วไป...
พี่น้องลองอ่านดูครับ
--- อ้างจาก: Taqwacore ที่ ก.ค. 25, 2011, 11:25 PM ---และ คำถามอีกอย่างสำหรับผู้ที่อ้างผู้นำก็คือ สมมุติว่า สำนักจุฬาได้ประกาศตอน 3 ทุ่มว่าไม่มีผู้ใดพบเห็นดวงจันทร์ วันพรุ่งนี้จึงยังไม่ใช่วันที่ 1 ของเดือนรอมฏอน แต่ตอนประมาณตี 3 คนในหมู่บ้านที่เราอาศัยอยู่ เห็นจันทร์เสี้ยว และ พยายามบอกให้คนอื่นๆที่สามารถจะบอกได้ให้ได้รู้ว่า เห็นจันทร์เสี้ยวแล้ว และเราก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการยืนยันข่าวการเห็น ถามว่า เรายังจะคงอ้างว่าตามผู้นำอีกหรือไม่ ทั้งๆที่ชัดเจนแล้วว่า จันทร์เสี้ยวได้ปรากฏในประเทศไทยแล้ว ? ...
--- End quote ---
เมื่ออ่านดูแล้ว...เขาใช้ตรรกะเกี่ยวกับเรื่องศาสนาถูกต้องแล้วหรือไม่? จุฬาฯ ประกาศ 3 ทุ่มว่าไม่เห็นเดือน แต่ตอนตี 3 มีคนเห็นเดือน!?...ดังนั้นการเห็นเดือนเสี้ยวได้ปรากฏในประเทศไทยอย่างชัดเจนแล้ว!
แล้วในศาสนาอิสลามมีหลักการเห็นเดือนตอนตี 3 ด้วยหรือ?!
Taqwacore:
การสร้างภาพอีกประเภทหนี่งถามคำถามที่ไม่ที่เกี่ยวกับเรื่องที่กำลังถกเถียงกันอย่างแท้จริง ถึงแม้ว่าจะเป็นคำถามในเรื่องเดียวกันก็ตาม ในหลายๆกรณีด้วยกันเราจะพบว่า เมื่อ นาย ก. สามารถโต้ตอบหักล้างหลักฐานหรือเหตุผลของนาย ข. นำเสนอมาได้อย่างถูกต้อง ตรงประเด็น ตามกระบวนการใช้เหตุผลที่ถูกต้อง เมื่อ นาย ข. รู้ว่าตนเองไม่สามารถโต้ตอบหรือหักล้าง นาย ก. กลับได้อย่างถูกต้องและตรงประเด็น นาย ข. จึงใช้วิธีการถามคำถามที่เพื่อหวังจะสร้างภาพว่าตนเองสามารถหักล้าง โต้แย้งนาย ก. ได้แล้ว ถ้านาย ก. ตอบคำถามไม่ได้ ทั้งๆที่ถ้าวิเคราะห์ดูแล้ว คำถามที่ถามนั้นไม่ได้เกี่ยวอะไรกันโดยตรง ข้อย้ำว่าโดยตรง กับเรื่องที่กำลังถกกันอยู่เลย และถ้าตอบไม่ได้ก็จะไม่มีผลอะไรเลยต่อหลักฐานและเหตุผลที่นาย ก. นำมาโต้แย้งนาย ข. เพราะมันไม่เกี่ยวข้องกันอย่างแท้จริง เพราะฉะนั้นถ้าผู้ใดเจอสถานการณ์เช่น นาย ก. แล้วแนะนำให้ถามคำถามกลับไปว่า:
1. คำถามที่คุณถามมานั้น คำตอบของมันเกี่ยวข้องกันโดยตรงอย่างแท้จริงหรือไม่กับเรื่องที่เรากำลังถกกันอยู่
2. ถ้าตอบว่าเกี่ยวข้อง เช่นนั้นช่วยพิสูจน์มาก่อนว่ามันจะเกี่ยวกันอย่างแท้จริงอย่างไร
3. และ มัน (คำตอบที่จะได้มา) จะสามารถหักล้างหลักฐานหรือเหตุผลที่ผมได้นำเสนอไปหรือไม่อย่างไร เพราะถ้าคำตอบที่จะได้มาจากคำถามนั้น ไม่มีผลอะไรที่จะมาหักล้างหลักฐานหรือเหตุผลของ นาย ก. ก็เสียเวลาเปล่า และ ถือว่านอกเรื่อง และพยายามเบี่ยงเบนประเด็น และสร้างภาพ
และเช่นกัน จะมีการสร้างภาพให้ตนเองดูดี โดย นาย ข. พูดกับนาย ก. ประมาณว่า “ คุณจะต้องกลับไปอ่านหนังสือเล่มนั้น เล่มนี้มาก่อน เพื่อคุณจะได้มีความเข้าใจที่ดีกว่านี้ ถูกต้องกว่านี้” หรือ “ คุณได้อ่านหนังสือเล่มนั้น เล่มนี้หรือยัง ถ้ายังไม่ได้อ่านผมแนะนำให้ไปอ่านมาก่อนที่จะถกกันในเรื่องนี้จะดีกว่า” หรือนาย ข. อาจจะพูดอะไรประมาณนี้มาเพื่อสร้างภาพ ซึ่งเมื่อเจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ก็ให้ถามคำถามทั้ง 3 ข้อข้างต้นกลับไปโดยปรับเนื้อหาในการถาม คือ:
1. เนื้อหาที่อยู่ในหนังสือเล่มที่คุณจะให้ผมอ่านนั้น มันเกี่ยวข้องกันโดยตรงอย่างแท้จริงหรือไม่กับเรื่องที่เรากำลังถกกันอยู่
2. ถ้าตอบว่าเกี่ยวข้อง เช่นนั้นช่วยพิสูจน์มาก่อนว่ามันจะเกี่ยวกันอย่างแท้จริงอย่างไร
3. และ เนื้อหาของหนังสือเล่มที่คุณต้องการให้ผมอ่านนั้นมันจะสามารถหักล้างหลักฐานหรือเหตุผลที่ผมได้นำเสนอไปหรือไม่อย่างไร เพราะถ้าไม่มีผลอะไรที่จะมาหักล้างหลักฐานหรือเหตุผลของ นาย ก. ก็เสียเวลาเปล่า และ ถือว่านอกเรื่อง และพยายามเบี่ยงเบนประเด็น และสร้างภาพ
หรืออาจจะมีการถามคำถามในลักษณะที่ส่อให้รู้ว่าเป็นการตั้งเงื่อนไขเพื่อสร้างภาพ โดยสื่อว่าถ้าเราตอบคำถามนั้นๆไม่ได้ก็จะถือว่าเราพ่ายแพ้ในการถกเถียงในประเด็นนั้นๆ วิธีจัดการก็คือ ให้เราถามคำถามทั้ง 3 ข้างต้นโดยอาจจะมีการปรับคำถามให้เข้ากับคำถามที่อีกฝ่ายถามมาเพื่อสร้างภาพ
As-Zaleek:
ตรรกะของคนไม่รู้ศาสนากับความพยายามสร้างภาพอีกประเภทหนึ่ง
คือการที่ นาย ก. พยายามใช้เหตุผลมาเกี่ยวข้องกับเรื่องศาสนาเพื่อมาสร้างภาพว่าตนเองมีความชอบธรรมตามหลักศาสนาแบบผิด ๆ...
เช่น นาย ก. บอกว่าผู้กำลังถือศีลอดนั้น เขาต้องการเดินทางไกลโดยรถไฟในตอนบ่าย...เมื่อเขาเดินทาง เขาจึงทำการละศีลอด เพราะผู้เดินทางนั้นอนุญาตให้ละศีลอดได้...ดังนั้นนาย ก. จึงมีความชอบธรรมที่จะละศีลอด
แต่เขาไม่รู้ว่าหลักศาสนานั้น...ผู้เดินทางที่ไม่จำเป็นต้องถือศีลอดในช่วงการเดินทาง คือการเดินทางที่เริ่มก่อนแสงอรุณขึ้น...ดังนั้นเมื่อทำการวิเคราะห์คุณสมบัติของนาย ก. ก็จะทราบว่า ผลการไม่รู้ศาสนานั้น...หลักคิดหรือเหตุผลไม่สามารถนำมาเป็นบรรทัดฐานได้และไม่ถูกไว้วางใจ แม้บางทีเขาจะคิดเหตุผลที่บังเอิญถูกต้องก็ตาม...
ถ้าหากเสวนาร่วมกับคนประเภทนี้ สิ่งที่จะได้รับก็คือ...
1- เหตุผลจะอยู่ก่อนหลักศาสนา
2- เขาจะคิดว่า สิ่งที่ตนเองปักธงไว้นั้น ถูกต้องเสมอ..
3- เมื่อคนอื่นไม่สามารถแย้งได้ตามเป้าหมายของเขา ก็จะสร้างภาพกับผู้อื่นว่าเลี่ยงประเด็น...เพื่อพยายามปกปิดข้อบกพร่องของตนเอง
4- เขาจะสนองความคิดของตนเองเพื่อรับใช้เหตุผลที่เขาฟันธงไว้แม้จะขัดกับหลักการก็ตาม...
5- พยายามจับผิดผู้อื่นเพราะคิดว่าเหตุผลตนเองเท่านั้นที่ถูกต้อง...
6- เขาจะชอบวางเงื่อนไขและสร้างกฎเกณฑ์ให้ผู้อื่นทำตาม แต่เมื่อผู้อื่นต้องการมีเงื่อนไขร่วมกันด้วย...เขาจะปิดประตูไม่ตอบรับใด ๆ
7- จะถกเสวนากันไม่รู้เรื่องและไม่ไปสู่สัจธรรม...เพราะการใช้เหตุผลที่อยู่บนพื้นฐานศาสนากับเหตุผลที่ไม่เข้าใจพื้นฐานศาสนานั้น..มันคนละทางกัน...
ผลกระทบต่อบุคคลทั่วไป...คือคนไม่รู้ศาสนานั้นอาจจะหลงเชื่อและคล้อยตาม...ส่วนผู้ที่รู้หลักศาสนา ก็จะสามารถแยกแยะสิ่งถูกผิดได้ ด้วยเหตุนี้ เขาจึงพยายามหาความชอบธรรมแก่ตนเอง...โดยให้ผู้ไม่รู้ศาสนาหรือต่างศาสนาทำการตัดสินในเหตุผลให้ความคิดของตนเพื่อสร้างภาพให้ดูดีนั่นเอง...
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version