ผู้เขียน หัวข้อ: Logical Fallacy  (อ่าน 7696 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #15 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 01:36 PM »
-1

หลักการวิเคราะห์และการใช้เหตุผลที่ถูกต้องนั้น มีความเป็นกลางโดยตัวของมันเอง มันไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีฝั่ง ไม่มีข้าง  ความผิดพลาดในการใช้เหตุผลประเภทต่างๆก็เช่นกัน ที่มีความเป็นกลางโดยตัวของมันเอง มันไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีฝั่ง ไม่มีข้าง  แต่สำหรับผู้ที่เรียนรู้กระบวนการดังกล่าวมาแล้วเท่านั้น ที่จะสามารถแยกแยะหรือตรวจจับได้ว่าอะไรคือ การวิเคราะห์ หรือการใช้เหตุผลที่ถูกต้อง และ อะไรคือการใช้เหตุผลที่ผิดพลาด หรือที่ภาษาทางเรียกว่า “เหตุผลวิบัติ ”  ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “ Logical Fallacy”

แม้แต่ข้อความของคุณ Zaleek ข้างต้นก็ตกอยู่ในประเภทการใช้เหตุผลที่ผิดพลาดหลายข้อเช่นกัน (ลองย้อนขึ้นกลับไปอ่านทบทวนดู)  ถ้าคนเรียนมาแล้วจะตรวจจับได้โดยทันที  เว็ปต่อไปนี้บอกถึงประเภทต่างๆของการใช้เหตุผลที่ผิดพลาดเอาไว้ ใครรู้ภาษาอังกฤษก็สามารถเข้าไปศึกษาได้

http://changingminds.org/disciplines/argument/fallacies/fallacies_alpha.htm

 http://www.nizkor.org/features/fallacies/index.html#index


ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #16 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 01:42 PM »
0
 :salam:

คุณใช้หลักตรรกะของตะวันตกหรือหลักตรรกะที่กลั่นกรองโดยปราชญ์อิสลามแล้วกันแน่...
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #17 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 01:48 PM »
0
คำถามที่ถามมา ก็ตกอยู่ในข้อหนึ่งของการใช้เหตุผลที่ผิดพลาดเหมือนกัน ในข้อที่ว่า " Hidden Assumption"

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #18 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 01:49 PM »
+1
ข้อให้ความรู้ต่อครับ

ไม่ใช่สักแต่ว่าได้โต้ตอบแล้ว
[/b]

ในถกเถียงกันทางวิชาการที่แต่ละฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกันนั้น เราจะพบว่าแต่ละฝ่ายก็จะนำเสนอหลักฐาน เหตุผลเพื่อพิสูจน์จุดยืนของฝ่ายตนเองว่าถูกต้อง และ หักล้าง โต้ตอบอีกฝ่ายว่าผิดพลาด  บทความนี้จะพูดถึงในกรณีของการโต้ตอบกลับมาของฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด เพื่อหักล้างอีกฝ่าย โดยสิ่งที่เราจะต้องระวังและวิเคราะห์ให้ดี เพื่อให้การรับฟัง หรือการที่ได้อ่าน ในเรื่องที่มีการโต้แย้งกันเกิดประโยชน์ต่อเรามากที่สุด ก็คือ:

การโต้ตอบอีกฝ่ายหนึ่งกลับนั้นไม่ใช่สักแต่ว่าได้โต้ตอบกลับมา เพื่อสร้างภาพว่าตนเองสามารถโต้ตอบอีกฝ่ายได้แล้ว  แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ เราจะต้องวิเคราะห์ดูว่าเนื้อหาของการโต้ตอบนั้น โต้ตอบได้ตรงประเด็นหรือไม่ ถ้าเราพูดอย่างหนึ่งแต่อีกฝ่ายนำสิ่งที่ไม่เกี่ยวข้องมาเพื่อโต้ตอบ เพื่อสร้างภาพว่าตนเองสามารถโต้ตอบได้แล้ว เราจะต้องชี้ให้อีกฝ่ายรู้ว่าข้อมูลที่เขาได้นำมาโต้ตอบนั้น ไม่มีความเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่กำลังถกกันอยู่ เพราะฉะนั้นจึงไม่สามารถหักล้างในสิ่งที่เราได้นำเสนอไปได้    และ เราจะต้องแยกให้ออกระหว่าง การโต้ตอบด้วยหลักฐานข้อพิสูจน์ และ การโต้ตอบโดยการใช้คำพูดที่มาจากการใช้อารมณ์ความรู้สึกของตนเองโต้ตอบ  ซึ่งไม่มีผลแต่อย่างใด  และอีกอย่างที่เราจะต้องระวังก็คือ เราจะต้องสื่อสารให้อีกฝ่ายได้รับรู้ว่า ประเด็นหลักของเราที่กำลังถกกันอยู่นั้นคืออะไร เพื่อป้องกันมิให้เกิดการออกนอกประเด็น  และถ้าอีกฝ่ายกำลังออกนอกประเด็น เราจะต้องเตือนให้กลับมาที่ประเด็น และถกกันไปทีละประเด็น แต่จะต้องเป็นประเด็นที่เกี่ยวข้องกันโดยตรงกับเรื่องที่กำลังถกกันกันอยู่ เพราะมิเช่นนั้นแล้วจะเสียเวลาไม่เกิดประโยชนืแต่อย่างใดต่อประเด็นที่กำลังถกกันอยู่ 

อีกอย่างก็คือ เราจะต้องระวังให้ดีว่า อีกฝ่ายนั้นอาจจะตั้งโจทย์เอาเอง  และตอบโจทย์นั้นเสียเอง โดยสร้างภาพว่านั้นคือโจทย์ที่เราตั้งขึ้นมา  และเขาสามารถโต้ตอบโจทย์ของเราได้ ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว เราไม่ได้ตั้งโจทย์อะไรเช่นนั้นเลย  สาเหตุที่อีกฝ่ายใช้วิธีที่ไม่ซื่อสัตย์เช่นนี้ก็เพราะ รู้ว่าตนเองไม่สามารถหักล้างหรือตอบโจทย์ที่เราตั้งเอาไว้ได้  จึงต้องใช้วิธีที่ไม่ซื่อสัตย์เช่นนี้  ปัญหานี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งกับผู้ที่เขียนหนังสือ หรือบทความเพื่อหักล้าง หรือโต้ตอบความเท็จของอีกฝ่าย   โดยที่อีกฝ่าย ก็เขียนบทความหรือหนังสือเพื่อโต้ตอบเราบ้าง แต่เปล่าเลย สิ่งที่อีกฝ่ายโต้ตอบนั้น มันไม่ได้โต้ตอบในสิ่งที่เราได้นำเสนอด้วยหลักฐานและข้อพิสูจน์เลย หากแต่ว่า ตนเองได้ตั้งโจทย์ขึ้นมาเอง และสร้างภาพว่าเราเชื่อเช่นนั้น เรามีจุดยืนเช่นนั้น ทั้งๆที่เปล่าเลย จากนั้นก็โต้ตอบในสิ่งที่ตนเองตั้งเป็นโจทย์ขึ้นมาเอง  จากนั้นก็สร้างภาพว่าสามารถโต้ตอบหักล้างเราได้แล้ว   ซึ่งโชคร้ายก็ว่าได้สำหรับผู้ที่จับประเด็นไม่เป็น แยกแยะไม่เป็น หรือไม่ได้เรียนรู้กระบวนการใช้เหตุผลที่ถูกต้องมา รวมถึงความผิดพลาดในการใช้เหตุผล   แต่การได้รับฟัง หรือได้อ่าน ในเรื่องที่แต่ละฝ่ายมีความเห็นไม่ตรงกัน และมีการนำเสนอข้อมูลต่างๆนาๆอย่างมากมายเพื่อสนับสนุนฝ่ายของตนเอง และ หักล้างโต้ตอบฝ่ายตรงข้าม แทบจะไม่เกิดประโยชน์อย่างแท้จริงเลยก็ว่าได้ ถ้าเราไม่ได้ผ่านกระบวนการเรียนรู้สิ่งต่อไปนี้เสียก่อน:

1. เรียนรู้กระบวนการวิเคราะห์ กระบวนการใช้เหตุผลที่ถูกต้อง 
2. เรียนรู้ประเภทหรือชนิดต่างๆของความผิดพลาดในการใช้เหตุผล   (Logical Fallacy)   

การเรียนทั้งสองอย่างที่กล่าวมาให้เข้านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก  รายละเอียดของทั้งสองนั้นมีมาก และตำราภาษาไทยก็มีจำกัดเป็นอย่างมาก แต่จะอยู่ในภาษาอังกฤษจำนวนมาก  และเป็นภาษาที่ค่อนข้างเข้าใจยาก แม้แต่แปลมาเป็นภาษาไทยแล้ว หลายๆคนก็ยังบอกไม่เข้าใจ และจะต้องอาศัยการได้ฝึกฝนอยู่เป็นประจำแต่ก่อนจะฝึกจะต้องเรียนรู้ในภาคทฤษฎีให้ดีเสียก่อน  แต่การเรียนรู้ทั้งสองที่กล่าวมา จะทำให้เราได้รับประโยชน์อย่างมากอย่างที่เราอาจจะไม่คาดคิดมาก่อนเลย   
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ก.ค. 28, 2011, 01:57 PM โดย Taqwacore »

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #19 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 01:57 PM »
0

หลักการวิเคราะห์และการใช้เหตุผลที่ถูกต้องนั้น มีความเป็นกลางโดยตัวของมันเอง มันไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีฝั่ง ไม่มีข้าง  ความผิดพลาดในการใช้เหตุผลประเภทต่างๆก็เช่นกัน ที่มีความเป็นกลางโดยตัวของมันเอง มันไม่เข้าใครออกใคร ไม่มีฝั่ง ไม่มีข้าง  แต่สำหรับผู้ที่เรียนรู้กระบวนการดังกล่าวมาแล้วเท่านั้น ที่จะสามารถแยกแยะหรือตรวจจับได้ว่าอะไรคือ การวิเคราะห์ หรือการใช้เหตุผลที่ถูกต้อง และ อะไรคือการใช้เหตุผลที่ผิดพลาด หรือที่ภาษาทางเรียกว่า “เหตุผลวิบัติ ”  ในภาษาอังกฤษเรียกว่า “ Logical Fallacy”

แม้แต่ข้อความของคุณ Zaleek ข้างต้นก็ตกอยู่ในประเภทการใช้เหตุผลที่ผิดพลาดหลายข้อเช่นกัน (ลองย้อนขึ้นกลับไปอ่านทบทวนดู)  ถ้าคนเรียนมาแล้วจะตรวจจับได้โดยทันที  เว็ปต่อไปนี้บอกถึงประเภทต่างๆของการใช้เหตุผลที่ผิดพลาดเอาไว้ ใครรู้ภาษาอังกฤษก็สามารถเข้าไปศึกษาได้

อืมๆ...หากไม่ตรงกับคุณก็บอกว่า...เหตุผลผิดพลาด  เหตุผลวิบัติกันหมด..


:salam:

สิ่งหนึ่งที่ผมได้พบเกี่ยวกับคนชอบใช้ตรรกะโดยค่อยไม่มีความรู้ศาสนา...ถือว่าเป็นอันตรายและสร้างความเข้าใจผิดกับผู้คนทั่วไป...

พี่น้องลองอ่านดูครับ

และ คำถามอีกอย่างสำหรับผู้ที่อ้างผู้นำก็คือ สมมุติว่า สำนักจุฬาได้ประกาศตอน 3 ทุ่มว่าไม่มีผู้ใดพบเห็นดวงจันทร์ วันพรุ่งนี้จึงยังไม่ใช่วันที่ 1 ของเดือนรอมฏอน  แต่ตอนประมาณตี 3 คนในหมู่บ้านที่เราอาศัยอยู่ เห็นจันทร์เสี้ยว และ พยายามบอกให้คนอื่นๆที่สามารถจะบอกได้ให้ได้รู้ว่า เห็นจันทร์เสี้ยวแล้ว และเราก็เป็นหนึ่งในคนที่ได้รับการยืนยันข่าวการเห็น  ถามว่า เรายังจะคงอ้างว่าตามผู้นำอีกหรือไม่ ทั้งๆที่ชัดเจนแล้วว่า จันทร์เสี้ยวได้ปรากฏในประเทศไทยแล้ว ? ... 

เมื่ออ่านดูแล้ว...เขาใช้ตรรกะเกี่ยวกับเรื่องศาสนาถูกต้องแล้วหรือไม่?  จุฬาฯ ประกาศ 3 ทุ่มว่าไม่เห็นเดือน  แต่ตอนตี 3 มีคนเห็นเดือน!?...ดังนั้นการเห็นเดือนเสี้ยวได้ปรากฏในประเทศไทยอย่างชัดเจนแล้ว!

แล้วในศาสนาอิสลามมีหลักการเห็นเดือนตอนตี 3 ด้วยหรือ?!

ถามหน่อยครับ...ตอบให้เป็นกลางเลยน่ะว่า  เหตุผลที่คุณยกมานี้มันถูกหรือผิด...โดยการเห็นเดือนเสี้ยวตี 3 เนี่ย...มันเป็นผลความคิดแบบใหน...
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #20 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:04 PM »
-2
ป่วยการครับ ที่จะพูดกับคนที่เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นโรคแล้ว คิดปลอดใจตัวเองว่าไม่ได้เป็นโรค สุดท้ายก็ไม่ได้รักษาโรคที่ตนเองเป็นทั้งๆที่มีผู้หยิบยื่นสิ่งที่จะมารักษาโรคของตนเอง แต่ก็ยังปฎิเสธ ไม่สนใจต่อยารักษาโรคนั้น  และก็เป็นโรคนั้นอยู่ต่อไป 

ที่ผมพูดเช่นนี้ก็เพราะถ้าคุณเรียนรู้ตามที่ผมได้บอกไปแล้ว คุณจะไม่แสดงพฤติกรรมเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน 

มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า บางทีวิธีการที่เราจะจัดการกับคนโง่ ก็คือ ปล่อยให้เขาโง่อยู่ต่อไปเช่นนั้น ... ผมน่าจะเห็นด้วยกับคำพูดนี้ไหมครับ

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #21 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:09 PM »
0
ป่วยการครับ ที่จะพูดกับคนที่เมื่อรู้ว่าตัวเองเป็นโรคแล้ว คิดปลอดใจตัวเองว่าไม่ได้เป็นโรค สุดท้ายก็ไม่ได้รักษาโรคที่ตนเองเป็นทั้งๆที่มีผู้หยิบยื่นสิ่งที่จะมารักษาโรคของตนเอง แต่ก็ยังปฎิเสธ ไม่สนใจต่อยารักษาโรคนั้น  และก็เป็นโรคนั้นอยู่ต่อไป 

ที่ผมพูดเช่นนี้ก็เพราะถ้าคุณเรียนรู้ตามที่ผมได้บอกไปแล้ว คุณจะไม่แสดงพฤติกรรมเช่นนี้ออกมาอย่างแน่นอน 

มีคำพูดหนึ่งที่บอกว่า บางทีวิธีการที่เราจะจัดการกับคนโง่ ก็คือ ปล่อยให้เขาโง่อยู่ต่อไปเช่นนั้น ... ผมน่าจะเห็นด้วยกับคำพูดนี้ไหมครับ

อ้าว..คนที่ชอบใช้เหตุผลมักจะเป็นคนไม่รับผิดชอบเยี่ยงนี้หรือ...การที่ไปบอกว่ามีคนเดือนเสี้ยวตอนตี 3 มาเป็นเหตุผลนั้น...เป็นความโง่เขลาหรือความถูกต้องกันแน่...

อย่าพยายามสร้างภาพให้คนนั้นป่วยคนนี้ป่วยและโง่เขลา...เพราะคนที่ชอบใช้เหตุผลมักจะไม่เห็นข้อผิดพลาดของตนเอง...เหตุผลอำพรางก็เกิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว...
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #22 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:11 PM »
0
สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเรียนหลักการใช้เหตุผลใหม่ๆนั้น  ในช่วงเริ่มแรกอาจจะเป็นการยากที่จะสามารถตรวจจับ ความผิดพลาดในการใช้เหตุผลได้ โดยเฉพาะสามารถบอกได้ว่าตกอยู่ในความผิดพลาดประเภทไหน ถ้าไม่ฝึกกันจริงๆ ก็คงยาก    แต่ถ้าไม่คิดที่จะเรียนรู้ตั้งแต่ต้นแล้ว ก็ปิดประตูไปได้เลย คงช่วยอะไรไม่ได้แล้ว คงคุยอะไรไม่รู้เรื่องแล้ว เหมือนพูดคนละภาษา ก็คงจะต้องปล่อยให้อยู่ในสภาพนั้นต่อไป   

แต่น่าเห็นใจน่ะครับ เพราะหนังสือ หรือ ตำราในเรื่องนี้อยู่ในภาษาอังกฤษ ส่วนภาษาไทยเท่าที่ตรวจดูก็น้อยมาก  ไม่รู้ภาษาอาหรับมีหรือเปล่า ยังไงคุณ Al-Zaleek ลองหาอ่านดูน่ะครับ ยังไม่สายที่จะเริ่มเรียนรู้ ยังไม่สายที่จะเริ่มรักษาความไม่รู้ ....  ในเรื่องนี้น่ะครับ....  เรื่องอื่นคุณอาจจะฉลาด

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #23 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:13 PM »
0
ถ้าไม่ฝึกกันจริงๆ ก็คงยาก   

ฝึกฝันกันจนไม่รู้เรื่องของหลักศาสนาและยกเหตุผลที่ไม่ขัดกับหลักศาสนากันเลยหรอไงครับ...แบบนี้คนละทางกันแล้ว...
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #24 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:15 PM »
0
ขอให้ความรู้ต่อน่ะครับ เพราะมีคนอื่นๆตามอ่านอยู่ ด้วยความกระตือรือร้นที่อยากได้รับความรู้ในแขนงนี้

Fallacy of Division (what’s true of the whole is true of the parts)


ทึกทักว่าสิ่งใดที่ในภาพรวมเป็นจริงอย่างไร แม้แต่ในส่วนแต่ละส่วนของสิ่งนั้นก็จะต้องเป็นอย่างนั้นด้วย  เช่นพูดว่า  “ มนุษย์เป็นสิ่งที่มีชีวิต  มนุษย์เรามีส่วนประกอบคือ เซลล์ เพราะฉะนั้นเซลล์จึงเป็นสิ่งที่มีชีวิตเช่นเดียวกัน ”  หรือพูดว่า “ นาย ก. เป็นผู้ทีความรู้เป็นอย่างมากในวิชาฮะดีษใน  เพราะฉะนั้น  นาย ก. คนนี้จึงมีความรอบคอบในทุกๆละเอียดของฮะดีษทุกต้นที่เขาตรวจสอบ” ซึ่งไม่จำเป็นเลยว่าจะต้องเป็นเช่นนั้น เพราะถ้าเป็นเช่นนี้ เชคอัลบานีย์ คงไม่มีข้อผิดพลาดเลย หรือที่ท่านนบีพูดว่า “ ยุคที่ดีที่สุดคือยุคของฉัน หลังจากนั้นคือยุคถัดไป หลังจากนั้นคือยุคถัดไป” ซึ่งยุคทั้งสามนี้เราเรียกว่า ยุค สะลัฟ   และการรับรองของท่านนบีนี้เป็นที่รู้กันว่าท่านนบีพูดในภาพรวม เพราะว่าบุคคลที่อยู่ในยุคสะลัฟแต่เป็นพวกที่ทำบิดอะฮฺ หรือ มีความเชื่อที่ผิดเพี้ยน เช่น พวกคอวาริจ  พวกมุอฺตะซีละฮฺ และ กลุ่มผิดเพี้ยนอื่นๆ ย่อมไม่มีไปกว่า บุคคลที่อยู่ในยุคหลังยุคสะลัฟที่ยึดมั่นในแนวทางที่ถูกต้อง ยกตัวอย่างเช่น มีจำนวนบุคคลอยู่ในยุคสะลัฟ 100 คน ในจำนวนนั้นมี นาย ก.  ข. และ ค. ที่มีหลักความเชื่อที่ผิดเพี้ยน และ ทำบิดอะฮฺ อุตรกรรมในศาสนา  แน่นอนที่สุด คนที่อยู่ในยุคหลังสะลัฟที่ยึดหลักความเชื่อที่ถูกต้อง ไม่ทำบิดอะฮฺ โดยยึดในแนวทางของส่วนใหญ่ของชาวสะลัฟ ย่อมดีและประเสริฐกว่า นาย ก. ข. และ ค. ที่อยู่ในยุคสะลัฟอย่างแน่นอน  เพราะฉะนั้นเราจะเห็นได้ว่า คำกล่าวอ้างของบางคนในหมู่มุสลิมเราที่จะไม่เข้าใจอัล-กุรอานและฮะดีษตามความเข้าใจของยุคสะลัฟ โดยอ้างออกมาในทำนองว่า ‘ คุณอย่าลืมน่ะว่า  พวก คอวาริจ หรือ มุอฺตะซีละฮฺ พวกเขาก็อยู่ในยุคสะลัฟเหมือนกัน ตกลงคุณจะให้ผมต้องเข้าใจอัล-กุรอาน และฮะดีษตามความเข้าใจของพวกเขาอย่างนั้นหรือ เพราะฉะนั้น เราไม่จำเป็นต้องเข้าใจอัล-กุรอานและฮะดีษตามความเข้าใจของคนในยุคสะลัฟก็ได้ เพราะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป เหมือนพวก คอวาริจ และ พวกมุอฺตะซีละฮฺที่ได้บอกไป’


เราจะเห็นได้ว่า การที่กลุ่มคนที่อ้างเช้นนี้ ไม่ได้เรียนรู้ตรรก หรือ กระบวนการใช้เหตุผลที่ถูกต้องนั้นมีผลถึงเช่นไร คนที่อ้างเช่นนี้ทำผิดหลักในการใช้เหตุผลในข้อนี้อย่างเห็นได้ชัด และเท่ากับพวกเขากำลังจะบอกอ้อมๆว่า ‘ท่านนบีรับรองไม่จริง เพราะถ้าจริงแล้ว ยุคสะลัฟจะต้องไม่มีกลุ่มคนที่ผิดเพี้ยน หรือทำบิดอะฮฺ’ ซึ่งอันตรายถ้าเป็นเช่นนี้ ความจริงแล้วท่านนบีพูดจริง แต่พวกเขาต่างหากที่ไม่รู้หลักการใช้เหตุผลที่ถูกต้องแอง เพราะท่านนนี้ไม่ได้รับรองในรายละเอียด แต่ท่านนบีพูดในภาพรวม ซึ่งก็เป็นเช่นนั้นจริง เพราะภาพรวมของคนในยุคสะลัฟคือ ยึดมั่นอยู่ในแนวทางที่ถูกต้อง ไม่ทำบิดอะฮฺ เมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้ามุสลิมบางคนยังจะอ้างอยู่อย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้นแล้ว ถามว่าฮะดีษของท่านนบีจะมีความหมายอะไร ที่ท่านนบีรับรองว่า ยุคสะลัฟคือยุคที่ดีที่สุด และดีที่สุดในที่นี้คือ ในความรู้ ความเข้าใจในศาสนา  เพราะฉะนั้นคนพวกนี้ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากที่จะต้องกลับมาเข้าใจอัล-กุรอานและฮะดีษตามความเข้าใจของยุคสะลัฟ และปรับความเข้าใจของตนเองเสียใหม่เกี่ยวกับฮะดีษที่ท่านนบีให้การรับรองยุคสะลัฟเอาไว้


      นอกจากนี้แล้วความผิดพลาดในการใช้เหตุผลข้อนี้ยังสามารถใช้ได้กับในกรณีของชีอะฮฺได้ด้วย พี่น้องชีอะฮฺกล่าวอ้างทำนองว่า ‘ ท่านนบีได้กล่าวเอาไว้ชัดเจนว่า  “ผู้นำหรือคอลีฟะฮฺนั้นจะต้องมาจากเผ่ากุเรช” ทั้งนี้เพราะเผ่ากุเรชนั้นประเสริฐกว่าอาหรับเผ่าอื่นๆ แต่ตระกูลที่ดีที่สุดจากเผ่ากุเรชก็คือ ตระกูลบะนีฮาชิม และท่านอาลีอยู่ในตระกูลนี้ เพราะฉะนั้น ท่านอาลีจึงมีสิทธิที่จะเป็นคอลีฟะฮฺมากกว่าท่านอบูบักร ถึงแม้ว่าท่านอบูบักรจะอยู่ในเผ่ากุเรชก็ตาม ’ นี่คือข้ออ้างของพี่น้องชีอะฮฺ ซึ่งดูแบบผิวเผินแล้วฟังดูดีมีเหตุผล แต่เปล่าเลยถ้าเราได้เรียนรู้หลักการใช้เหตุผลที่ถูกต้องเราจะไม่เห็นเป็นเช่นนั้น ทั้งนี้ก็เพราะ ท่านนบีไม่ได้กล่าวว่า ‘ ผู้นำหรือคอลีฟะฮฺจะต้องมาจากตระกูลบะนีฮาชิม’ แต่นี่คือการสรุปเอาเองของชีอะฮฺ  ท่านนบีเพียงแต่พูดเกี่ยวกับ เผ่ากุเรชเท่านั้น เพราะฉะนั้นท่านนบีจึงรับรองเผ่ากุเรชโดยภาพรวมถึงความประเสริฐ แต่ไม่ได้หมายความว่า ทุกๆคนของเผ่ากุเรชจะประเสริฐกว่าและดีกว่าคนเผ่าอื่นๆ เปล่าเลย ตามที่ได้ชี้แจงไปแล้วในตัวอย่างของยุคสะลัฟ  เช่นกัน ถึงแม้ว่า ตระกูลบะนีฮาชิม จะประเสริฐและดีที่สุดในเผ่ากุเรช แต่นั้นก็เป็นการรับรองในภาพรวม ไม่ได้หมายความว่า ทุกๆคนในตระกูลบะนีฮาชิมจะดีกว่าและประเสริฐกว่า คนในตระกูลอื่นของเผ่ากุเรช เพราะฉะนั้นเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้ามีหลักฐานพิสูจน์ว่า มีบางคนในตระกูลอื่นของเผ่ากุเรชที่ไม่ได้มาจากตระกูลของบะนีฮาชิม แต่มีความประเสริฐกว่าและดีกว่าคนในตระกูลบะนีฮาชิม แน่นอนที่สุดคนๆนั้นย่อมมีสิทธิในการเป็นคอลีฟะฮฺอย่างแน่นอน และคนๆนั้นก็คือ ท่านอบูบักร ทั้งนี้ก็เพราะตัวท่านอาลีเองเป็นผู้ยืนยันว่าท่านอบูบักรประเสริฐรองจากท่านนบี

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #25 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:16 PM »
+3
 :salam:

การสร้างเหตุผลอำพราง  ด้วยการบอกว่าเห็นเดือนเสี้ยวตอนตี 3 นั้น...มันอยู่ในเหตุผลประเภทใดที่คุณศึกษามาหรือ?...
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #26 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:20 PM »
0
ผมจะมานำลงเรื่อยก็แล้วกันน่ะครับ

 แต่ผมอยากเห็นคุณ    Al-Zaleek ถกกันกับ ชีอะฮฺน่ะครับ คงจะได้เห็นอะไรมากมาย   โดยเฉพาะกระบวนท่า วิทยายุทธิต่างๆ ของคุณ Al-Zaleek ในการใช้เหตุผล   ไม่รู้ว่าจะออกมาลูกผีหรือลูกคน  .... ล่อเล่นน่ะครับ อย่าโกรธกันน่ะ  แต่อยากเห็นจริงๆน่ะ

ออฟไลน์ Taqwacore

  • ...และจงกล่าวเถิด “เมื่อความจริง” ปรากฏขึ้นและความเท็จย่อมมลายไป แท้จริงความเท็จนั้นย่อมมลายไปเสมอ” [กุรอาน ซูเราะห์ อัลอิสรออฺ อายะฮฺที่ 81]
  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 65
  • เพศ: ชาย
  • Assalamu'alaikum warahmatullahi wabarakatuh
  • Respect: -16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #27 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 02:33 PM »
0
คุณ Al-Zeek ตอบมาได้เรื่อยๆน่ะครับ ผมไม่ว่าอะไร  จะตอบอะไรมาก็ได้ไม่เป็นไร ผมอยากให้คนอื่นๆที่กำลังตามอ่านอยู่ได้เห็นอะไรชัดๆ เห็นอะไรที่มัน contrast  ... ไม่โกรธกันน่ะครับ  ไม่ได้ยั่วยุน่ะ

ออฟไลน์ As-Zaleek

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 804
  • เพศ: ชาย
  • Respect: +33
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #28 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 03:03 PM »
0
http://changingminds.org/disciplines/argument/fallacies/fallacies_alpha.htm

 http://www.nizkor.org/features/fallacies/index.html#index

ลิงค์ที่คุณให้มาเนี่ย...ใครเ็ป็นคนแต่ง...เป็นคนมุสลิมหรือยิวครับ...
الأيام تمضى       والعمر يزيد         ولكن الحب بالقلب أكيد

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: Logical Fallacy
« ตอบกลับ #29 เมื่อ: ก.ค. 28, 2011, 03:27 PM »
0
ต้องถามว่าคนที่รักนาบีหรือเปล่าที่แต่ง

 

GoogleTagged