เสวนาเชิงวิชาการ > สนทนาศาสนธรรม
Logical Fallacy
Taqwacore:
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่จะเข้ามาอ่านกระดานเสวนา หรือรับฟัง หรืออ่านหนังสือ ที่มีการโต้แย้งกันในทางวิชาการคือ
1. เรียนรู้กระบวนการวิเคราะห์ กระบวนการใช้เหตุผลที่ถูกต้อง
2. เรียนรู้ประเภทหรือชนิดต่างๆของความผิดพลาดในการใช้เหตุผล (Logical Fallacy)
การเรียนทั้งสองอย่างที่กล่าวมาให้เข้านั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยาก รายละเอียดของทั้งสองนั้นมีมาก และตำราภาษาไทยก็มีจำกัดเป็นอย่างมาก แต่จะอยู่ในภาษาอังกฤษจำนวนมาก และเป็นภาษาที่ค่อนข้างเข้าใจยาก แม้แต่แปลมาเป็นภาษาไทยแล้ว หลายๆคนก็ยังไม่เข้าใจ แต่การเรียนรู้ทั้งสองที่กล่าวมา จะทำให้เราได้รับประโยชน์อย่างมากอย่างที่เราอาจจะไม่คาดคิดมาก่อนเลย
Taqwacore:
หลายครั้งด้วยกันในการโต้แย้งกันทางวิชาการ จะขอยกตัวอย่างว่าเป็นฝ่าย เอ กับ บี ต่อไปนี้คือ ฝ่าย เอ ได้ยกหลักฐานไป 5 หลักฐาน โดยหลักฐานหลักมี 3 และหลักฐานรอง 2 ส่วนฝ่าย บี พยายามที่จะโต้แย้งหักล้าง เพียงหลักฐานเดียวคือหลักฐานที่ 4 และ 5 ซี่งเป็นหลักฐานรอง ซึ่งถึงแม้ว่าจะถูกหักล้างก็ไม่มีผลแต่อย่างใดต่อฝ่าย เอ ทั้งนี้เพราะหลักฐานหลักๆทั้ง 3 ยังไม่ได้ถูกหักล้างในทางวิชาการ แต่ฝ่าย บี ใช้วิธีสร้างภาพราวกับว่าตนเองสามารถหักล้างฝ่าย เอ ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
Taqwacore:
สร้างภาพลบหรือปลุกปั่นความรู้สึกที่ไม่ดีให้เกิดขึ้นกับสิ่งหนึ่ง[/b]
สร้างภาพลบหรือความรู้สึกที่ไม่ได้ให้เกิดขึ้นกับหลักฐานที่อีกฝ่ายยกมา เพื่อให้ผู้คนปฎิเสธหลักฐานนั้น หรือ ยกหลักฐานของอีกฝ่ายมาโดยพยายามสร้างภาพลบหรือความรู้สึกที่ไม่ดีให้เกิดขึ้นกับหลักฐานนั้น ด้วยการปลุกปั่นทางอารมณ์ผู้คนให้เห็นด้วยกับภาพลบที่ตนเองสร้างนั้น และใช้สิ่งนั้นเป็นเงื่อนไขในการโจมตีอีกฝ่าย เพื่อลดความน่าเชื่อถือ เช่นเดียวกันกับการที่ชาวต่างศาสนิกบางคนหรือหลายๆคน พยายามสร้างภาพลบให้เกิดขึ้นกับ การลงโทษประหารชีวิตในอิสลาม เช่น การประหารพวกรักร่วมเพศ หรือ คนที่มีชู้ และใช้ตรงนี้การเป็นเงื่อนไขในการให้ผู้คนทั้งหลายปฎิเสธอิสลามว่าไม่ใช่ศาสนาที่แท้จริง มุฮัมหมัดไม่มีทางเป็นศาสนฑูตของพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างแน่นอน ทั้งๆที่การสร้างเงื่อนไขเช่นนี้ไม่ใช่เงื่อนไขที่แท้จริง หรือไม่ใช่เงื่อนไขบังคับเลย แต่ถูกสร้างภาพให้ดูเหมือนเป็นเงื่อนไขบังคับ
สาเหตุที่ไม่ใช่เงื่อนไขที่แท้จริงก็เพราะมันไม่สามารถไปหักล้างหลักฐานที่ยืนยันความจริงของสิ่งนั้นๆได้ เช่น 1. หลักฐานที่ยืนยันถึงการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าที่แท้จริง 2. ใช้ความจริงอย่างหนี่งที่เกิดขึ้นโดย พยายามสร้างพภาพลบให้เกิดขึ้นกับเรื่องการมีอยู่ของพระเจ้าด้วยความจริงนั้น เพื่อที่จะตั้งเป็นเงื่อนไขขึ้นมาว่า พระเจ้าไม่มีอยู่จริง ทั้งๆที่ไม่เกี่ยวข้องกันเลย ความจริงที่ว่าก็คือ ในโลกเรามีความชั่วร้ายอยู่มากมายเต็มไปหมด มีคนถูกฆ่า ผู้หญิงถูกข่มขืน ถ้าพระเจ้าเมตตาจริงแล้วทำไมไม่ห้ามความชั่วเหล่านั้นไม่ให้เกิดขึ้น จะสังเกตุเห็นได้ว่า ผู้ที่อ้างสิ่งที่เป็นความจริงในข้อที่ สองมา ถึงแม้จะเป็นความจริงก็ตาม แต่มันไม่สามารถหักล้างหลักฐานที่ยืนยันถึงการมีอยู่ของพระผู้เป็นเจ้าได้เลย เพราะไม่เกี่ยวข้องกันโดยแท้จริง ถ้าจะให้ถูกต้องตามหลักการวิเคราะห์ ก็จะต้องนำหลักฐานที่มุ่งหักล้างไปโดยตรงที่หลักฐานที่ยืนยันการมีอยู่จริงของพระเจ้า
ตัวอย่างสิ่งที่จะถือว่าเป็นการหักล้างกันโดยตรงก็คือ ผู้ที่เชื่อในทฤษฎีวิวัฒนาการ เชื่อว่าสัตว์ทั้งหลายที่เป็นอยู่ในรูปร่างปัจจุบันนี้ได้ก็โดยผ่านการวิวัฒนาการมาจนป็นอย่างที่เห็นในปัจจุบัน เพราะฉะนั้น ไม่ว่าจะเป็นแมว หรือ สุนัข หรือ สัตว์ชนิดใดๆก็ตาม ถ้าย้อนหลังไปกลับไปในอดีตที่ยาวนานมันไม่ได้มีรูปร่างอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่กระนั้นก็ตามได้มีหลักฐานทางซากฟอสซิ้ลมากมาย ที่ยืนยันว่าสัตว์ในอดีตอันยาวนานเป็นสิบๆล้านปีที่ผ่านมามีรูปร่างเป็นอย่างไร ปัจจุบันก็เป็นเช่นนั้นด้วย ไม่แตกต่างอะไรกันเลย ซึ่งหลักฐานตรงนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ค้านกันได้อย่างโดยจุดกับความเชื่อของผู้ที่เชื่อในทฤษฎีวิวัตนาการที่บอกว่าสัตว์ทั้งหลายได้วิวัฒนาการมาโดยตลอด นี่คือตัวอย่างของการที่ความจริงหนึ่งได้มุ่งหักล้างไปโดยตรงกับอีกสิ่งหนึ่ง อันเป็นเหตุทำให้สิ่งที่ถูกหักล้างต้องเป็นโมฆะไปโดยปริยาย
เพราะฉะนั้น ถ้าชีอะฮฺจะดิสเครดิตท่านอิหม่ามบุคอรีและอิหม่ามมุสลิมได้อย่างถูกต้องว่าเชื่อถือไม่ได้ ก็จะต้องนำหลักฐานที่เกี่ยวข้องกันอย่างแท้จริงมาให้ได้ที่จะมุ่งหักล้างได้อย่างตรงจุดไปที่หลักฐานที่ยืนยันความน่าเชื่อถือของสิ่งที่อิหม่ามบุคอรีและอิหม่ามมุสลิมได้นำมาบันทึกเอาไว้ในตำราของท่าน เช่น การพิสูจน์ตามกระบวนการในวิชาการของฮะดีษว่า ฮะดีษที่อิหม่ามบุคอรีหรืออิหม่ามมุสลิมได้บันทึกเอาไว้นั้น เชื่อถือไม่ได้อย่างไร
การกระทำของชีอะฮฺก็เหมือนกับที่เรากล่าวกับนักวิชาการชาวตะวันตกที่พยายามดิสเครดิต อัล-กุรอานว่าไม่ได้มาจากพระเจ้า โดยหยิบยกโองการที่กล่าวเกี่ยวกับการญิฮาดที่ส่อไปในทางที่รุนแรงมาเป็นเหตุผลในการปฎิเสธอัล-กุรอาน โดยไม่ชี้แจงให้ตรงเรื่องว่าอัล-กุรอานเชื่อถือไม่ได้อย่างไร ถ้าจะให้ถูกต้องนักวิชาการตะวันตกเหล่านี้จะต้องหักล้างให้ได้โดยตรงและอย่างเป็นวิชาการต่อหลักฐานที่ยืนยันว่าอัล-กุรอานมาจากมนุษย์ไม่ได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่นำข้อความที่สื่อไปในทางที่รุนแรงโหดร้ายมาใช้เป็นหลักฐานและเงื่อนไขเพื่อดิสเครดิตอัล-กุรอานว่าไม่ได้มาจากพระเจ้า เพราะมันได้เกี่ยวข้องกัน
Al Fatoni:
อุบส์!
Taqwacore:
Denying the Counterevidence (disregarding evidence against a claim)
ปฏิเสธ อย่างไร้เหตุผลต่อหลักฐานหรือเหตุผลโต้แย้งของอีกฝ่าย หรือไม่ก็ สร้างภาพว่า ข้อโต้เหตุนั้นไม่มีน้ำหนักอะไรมาก หรือ ไม่ก็พยายามอธิบายเหตุผลโต้แย้งนั้นอย่างขอไปที หรือ แบบปัดๆไปให้พ้นตัว เพื่อสร้างภาพว่าตนเองได้ชี้แจงเหตุผลโต้แย้งนั้นแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เช่นนั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุผลที่แย้งมานั้น สามารถหักล้างจุดยืนของตนเองได้ และตนเองไม่สามารถหักล้างเหตุผลหรือข้อโต้แย้งของอีกฝ่ายได้อย่างแท้จริง
หรือแม้แต่ในกรณีของชีอะฮฺก็เช่นกัน ฝ่ายซุนนะฮฺได้นำเสนอหลักฐานเพื่อยืนยันจุดยืน ในเรื่องหนึ่งที่เป็นประเด็นถกเถียงกันอยู่ แต่หลายครั้งด้วยกันที่ฝ่ายชีอะฮฺปฏิเสธอย่างไร้เหตุผลต่อหลักฐานหรือเหตุผล ข้อโต้แย้งของฝ่ายซุนนะฮฺ หรือไม่ก็ สร้างภาพว่า ข้อโต้เหตุนั้นไม่มีน้ำหนักอะไรมาก หรือ ไม่ก็พยายามอธิบายเหตุผลโต้แย้งนั้นอย่างขอไปที หรือ แบบปัดๆไปให้พ้นตัว เพื่อสร้างภาพว่าตนเองได้ชี้แจงเหตุผลโต้แย้งนั้นแล้ว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ไม่ใช่เช่นนั้น ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเหตุผลที่ฝ่ายซุนนะฮฺแย้งมานั้น สามารถหักล้างจุดยืนของฝ่ายชีอะฮฺได้ และตนเองไม่สามารถหักล้างเหตุผลโต้แย้งนั้นได้อย่างแท้จริง
นำร่อง
[0] ดัชนีข้อความ
[#] หน้าถัดไป
[*] หน้าที่แล้ว
Go to full version