ผู้เขียน หัวข้อ: อิสลามต่อต้านความอิสระภาพในหลักการเชื่อมั่นนั้น เป็นความถูกต้องหรือไม่?  (อ่าน 2549 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com

อิสลามต่อต้านความอิสระภาพในหลักการเชื่อมั่นนั้น เป็นความถูกต้องหรือไม่?

1. แท้จริงอิสลามได้ให้หลักประการสำหรับมนุษย์ให้มีความอิสระภาพของการศรัทธาเชื่อมั่น  ดังกล่าวได้ระบุไว้อย่างสมบูณ์และชัดเจนไว้ในอัลกุรอาน  ความว่า

لا إكراه فى الدين

"ไม่มีการบังคับใด ๆ ในศาสนา"  อัลบะกอเราะฮ์ 256

ดังนั้น  จึงไม่อนุญาตให้ทำการบีบบังคับบุคคลใดให้ทิ้งศาสนาของเขาโดยให้ไปนับถือศาสนาอื่น  เพราะฉะนั้น  ความอิสระภาพของมนุษย์ในการเลือกศาสนาของเขานั้น คือพื้นฐานของการเชื่อมั่น  และ ณ ที่นี้  อัลกุรอานได้ตอกย้ำสิ่งดังกล่าวโดยไม่ต้องตีความในคำตรัสของ อัลเลาะฮ์ ตะอาลา  ความว่า

فمن شاء فليؤمن ومن شاء فليكفر

"ดังนั้น  ผู้ใดประสงค์เขาก็จงศรัทธาและผู้ใดประสงค์เขาก็จงปฏิเสธ"  อัลกะฮ์ฟี 29

2.  การยอมรับในอิสรภาพของศาสนานั้น คือการยอมรับให้มีหลายศาสนา  แท้จริงท่านนบี ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม  ได้ตอกย้ำในสิ่งดังกล่าวไว้ในธรรมนูญฉบับแรกที่นครมะดีนะฮ์  คือในขณะที่ท่านได้ให้การยอมรับกับชาวยิวว่า  พวกเขาสามารถเป็นประชาชาติเดียวกันกับบรรดามุสลิมีน

วิถีอิสระภาพทางศาสนาที่อิสลามได้ให้การประกันไว้นั้น  คือท่านค่อลิฟะฮ์ที่สอง  อุมัร อิบนุ ค๊อฏฏอบ  ได้ให้การคุ้มครองชาวคริสต์ที่อาศัยอยู่เยรูซาเล็ม กับการดำเนินชีวิต  มีบรรดาศาสนสถาน และให้มีสัญลักษณ์ไม้เกงเขนสำหรับพวกเขา  โดยที่บุคคลจากพวกเขาจะไม่ได้รับความเดือนร้อนและไม่มีการบีบบังคับด้วยสาเหตุศาสนาของพวกเขา

3.  อิสลามได้ให้หลักประกันเสรีภาพในการถกประเด็นของศาสนาบนพื้นฐานของหลักการห่างไกลจากการกล่าวให้ร้ายและดูหมิ่นเหยียดหยาม  และในสิ่งดังกล่าวนั้น   อัลกุรอานได้ระบุไว้ความว่า

أدع الى سبيل ربك بالحكمة والموعظة الحسنة وجادلهم بالتى هى أحسن

"เจ้าจงเรียกไปสู่วิถีทางของพระผู้อภิบาลของเจ้า ด้วยวิทยปัญญาและคำตักเตือนที่ดีงาม และจงโต้แย้งพวกเขาด้วยสิ่งที่ดีงาม" อันนะหฺลิ 125 

และบทพื้นฐานของอุดมการณ์ที่เปิดกว้างนี้  จึงสมควรให้มีการเสวนาขึ้นระหว่างมุสลิมีนและผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมีน  และอัลกุรอานได้แนะนำการเรียกร้องอันนี้ไปสู่การเสวนากับบรรดาชาวคำภีร์  ซึ่งพระองค์ทรางตรัสไว้ความว่า

قل يا أهل الكتاب تعالوا الى كلمة سواء بينا وبينكم الأ تعبد الا الله ولا تشرك به شيئا ولا تتخذ بعضنا بعضا أربابا من دون الله فإن تولوا فقولوا اشهدوا بأننا مسلمين

" จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า โอ้บรรดาผู้ได้รับคัมภีร์ ! จงมายังถ้อยคำหนึ่งซึ่งเท่าเทียมกัน ระหว่างเราและพวกท่าน คือว่าเราจะไม่เคาระสักการะนอกจากพระองค์เท่านั้น และเราจะไม่ให้สิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นภาคีกับพระองค์ และพวกเราบางคนก็จะไม่ยึดถืออีกบางคนเป็นพระเจ้าอื่นจากอัลลอฮ์ แล้วหากพวกเขาผินหลังให้ ก็จงกล่าวเถิดว่า พวกท่านจงเป็นพยานด้วยว่า แท้จริงพวกเราเป็นผู้น้อมตาม" อาละอิมรอน 64

ความหมายคำตรัสของอัลเลาะฮ์ ตะอาลา นี้ คือ การเสวนาโต้แย้งกันนั้น  หากไม่สามารถได้ผลของบทสรุปได้แล้ว  ก็ให้ทุกศาสนาพอใจในสิ่งที่ตนยึดถือ  และในความหมายเดียวกันนี้เช่นกัน  ที่อายะฮ์สุดท้ายของซูเราะฮ์ อัลกาฟิรูน ซึ่งได้ปิดท้ายด้วยคำตรัสของอัลเลาะฮ์  ที่มีแก่บรรดาพวกตั้งภาคีมักกะฮ์ โดยผ่านทางท่านนบี มุฮัมมัด ซ๊อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ว่า

لكم دينكم ولى دين

"สำหรับพวกท่าน ก็คือศาสนาของพวกท่านและสำหรับฉันก็คือศาสนาของฉัน"  อัลกาฟิรูน 6

4.  การน้อมรับ  คือพื้นฐานของหลักความเชื่อ  ดังนั้น  หลักความเชื่อที่แท้จริงต้องขึ้นอยู่บนการน้อมรับและความมั่นใจและไม่ใช่มาจากการเลียนแบบและบีบบังคับ  และทุก ๆ คน ย่อมมีอิสระภาพในการยึดถือสิ่งที่ตนเองต้องการและสามารถมีพื้นฐานแนวคิดต่าง ๆ ตามที่ตัวเขาเองปรารถนา แม้กระทั้งสิ่งที่เขาเชื่อนั้นจะเป็นแนวคิดที่นอกลู่ก็ตาม  ดังนั้น  จึงไม่มีผู้ใดที่จะสามารถหักห้ามสิ่งดังกล่าวกับเขาได้  ตราบใดที่เขายังเก็บรักษาแนวคิดดังกล่าวไว้กับตนเอง  และไม่นำมาสร้างความเดือนร้อนแก่ผู้ใด  และเมื่อเขาพยายามที่จะเผยแพร่บรรดาแนวคิดดังกล่าวที่ไปคัดค้านกับหลักความเชื่อของบุคคลอื่น และไปคัดค้านกับคุณค่าในความหลักเชื่อของพวกเขาที่เป็นมิตรภาพ  ดังนั้น ด้วยเหตุดังกล่าวนี้  จึงเป็นการละเมิดระเบียบของประเทศโดยรวมที่เขาได้อาศัยอยู่  ด้วยการจุดความสับสนวุ่นวายและสร้างความคลุมเครือให้เกิดขึ้นในบรรดาหัวใจของพวกเขา  และคนใดก็ตามที่ละเมิดระเบียบของประเทศโดยรวม  ซึ่งไม่ว่าจะในประชาชาติใดก็ตาม  เขาย่อมได้รับการลงโทษ  และดังกล่าวนี้  อาจถึงขั้นถูกข้อหากบฏซึ่งบรรดาประเทศส่วนมากจะลงโทษด้วยการประหารชีวิต 

ดังนั้น ผู้ตกศาสนาตามหลักชาริอัตอิสลามนั้น จะถูกประหาร  ไม่ใช่เพียงเพราะเขาตกศาสนาเพียงอย่างเดียว  แต่เป็นเพราะเหตุที่เขาได้ก่อความสับสนวุ่นวาย  ความไม่สงบ  และทำให้ระบบโดยรวมของประเทศอิสลามต้องขุ่นมัว  และสำหรับผู้ที่ตกศาสนาโดยส่วนตัวของเขาเองโดยไม่เผยแพร่หลักการและสร้างความสงสัยในบรรดาหัวใจของผู้คนทั้งหลาย  ก็ไม่มีผู้ใดที่จะไปสร้างความเดือนร้อนแก่เขาได้  ดังนั้น  อัลเลาะฮ์องค์เดียวเท่านั้นที่ล่วงรู้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในหัวใจของเขา

นักปราชญ์หะดิษบางส่วนมีทัศนะว่า  การลงโทษผู้ตกศาสนานั้นไม่ใช่ในโลกดุนยาแต่ลงโทษในโลกหน้า  และสิ่งที่เกิดขึ้นจากการประหารบรรดาผู้ตกศาสนาในอิสลามนั้น  โดยยึดหะดิษนบีบางตัวบท  แต่ไม่ใช่เพราะเหตุตกศาสนาเพียงอย่างเดียว  แต่เป็นเพราะพวกเขาทำการต่อต้านอิสลามและมุสลิมีน(1)  และนี้คือแนวคิดที่กินกับสติปัญญาและสมควรแก่การใคร่ครวญ     

-------------------

(1) ดู หนังสือ  อัลหุรรียะฮ์ อัดดีนียะฮ์ ฟี อัลอิสลาม  ของท่านชัยค์ อัลดุล อัลมุตะอาล อัลซ่ออีดีย์  หน้า 3 , 72 , 73 , 88  ตีพิมพ์ครั้งที่ 2  ดารุลฟิกร์อัลอะรอบีย์

อ้างอิง  จากหนังสือ حقائق إسلامية فى مواجهة حملات التشكيك  "ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับอิสลาม ในการเผชิญต่อการสร้างความสงสัย"  ของท่าน ศาสตราจารย์  มะหฺมูด หัมดีย์  ซักซูก หน้า 85 - 87  ตีพิมพ์ อัลมัตตะบะฮ์ อัชชุรูก อัดเดาลียะฮ์  2003 ค.ศ. - 1425 ฮ.ศ.

  http://islamic-council.org/lib/FACTS-A-PDF/p5-110.pdf
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

นูรุ้ลอิสลาม

  • บุคคลทั่วไป
กระดานเสวนา "มารู้จักอิสลามกันเถอะ"  เริ่ม  มีแนวทางการนำเสนอแล้วครับ  หนังสือดังกล่าวที่อ้างอิงมา  ขอให้แปลมาเรื่อย ๆ ครับ  เพราะมีประโยชน์อย่างมาก  อัลฮัมดุลิลลาห์

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
แล้วทำไม เราถึงมาโต้กันเรื่องอะกีดะฮ์ ?   ;D
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ salamah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 761
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
แล้วทำไม เราถึงมาโต้กันเรื่องอะกีดะฮ์ ?   ;D

สลามค่ะ
ไม่ต้องโต้กันหรอกปู่อัลฯคุยกันดีๆก็ได้นี่คะ........ใช่ไหมล่ะ :) :) :) :)
ถึงไม่รอบรู้ทุกด้าน    แต่ขอเป็นมุสลิมะห์ที่ดีก็พอ

ออฟไลน์ Sunnah so

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 56
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สลามค่ะ
ไม่ต้องโต้กันหรอกปู่อัลฯคุยกันดีๆก็ได้นี่คะ........ใช่ไหมล่ะ :) :) :) :)
[/quote]
ผมว่าเราคุยดีๆเป็นตัวอย่างให้เขาดีมั้ย เดี๋ยวคนคุยไม่ดีจะละอายไปเองแหละ คนอ่านเขาจะได้รับอะไรดีๆ เพราะของดีๆวิธีการให้ไม่ดีเขาก็ไม่อยากรับนะครับ
จงเข้มข้นกับความฝัน และเข้มแข็งกับผลลัพท์ (แอบเอามาจากรถเมล์)

ออฟไลน์ บุคคลธรรมดา

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 433
  • live&learn in Islam
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
แล้วทำไม เราถึงมาโต้กันเรื่องอะกีดะฮ์ ?   ;D


อ้าว ก้อ คุณ อัลฯ น่านแหละ ไปตั้งกระทู้  :o
ถ้าหากว่าเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแอ่งปลักโคลน
แน่นอนที่สุด เราจะถึงฝั่งนั้นในสภาพที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลน...
โคลนที่อยู่ในแอ่งนั้น มันจะทิ้งร่องรอยที่เท้าของเรา
และในที่ที่ เราได้เหยียบย่างไป

                        "อัลชะฮีด ซัยยิด กุฏุบ"

ออฟไลน์ salamah

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 761
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด

ผมว่าเราคุยดีๆเป็นตัวอย่างให้เขาดีมั้ย เดี๋ยวคนคุยไม่ดีจะละอายไปเองแหละ คนอ่านเขาจะได้รับอะไรดีๆ เพราะของดีๆวิธีการให้ไม่ดีเขาก็ไม่อยากรับนะครับ

ค่ะ.........ก้อดีเหมือนกันนะคะ :) :) :)
ถึงไม่รอบรู้ทุกด้าน    แต่ขอเป็นมุสลิมะห์ที่ดีก็พอ

ออฟไลน์ คนจำเป็น

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 115
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
 

...ญะซากั้ลลอ ครับ...บทความเป็นประโยชน์มากครับต่อความเข้าใจเรื่องการบังคับ
และอิสระภาพต่อการเชื่อมั่น

  มีหลักฐาน และ ตัวอย่างมากมาย จากท่านนบี และคอลีฟะฮ์ กับการปฏิบัติตนต่อต่างศาสนิก
ต่อการอยู่ร่วมกัน อย่างสัน ติ  ไม่มีการบังคับ หรือยัดเยียด แต่
เพราะ อิสลาม ถูกประทานมาอย่างสมบูรณ์แล้ว  เราประชาชาติแห่งอิสลาม มีหน้าที่ดำรงค์
และ เผยแผ่ให้ขยายกว้างไกล ด้วยกับความสมบูรณ์และความตั้งใจจากแรงศรัทธาในศาสนาของเรา
ที่สำคัญครับ  อย่าทำให้ศาสนาของเราต้องหมองด้วยความเข้าใจผิดๆ ครับ

ต่างศาสนิกไม่น้อย มองเราเป็นพวกรุนแรงครับ แต่ นั่น อาจเพราะ ถูกสร้างภาพจากผู้ไม่หวังดีให้มองแบบนั้น
กล่าวคือ โดยสื่อที่ต้องการให้เห็นภาพนั้น  แต่ ไม่น้อย ที่เกิดจากตัวมุสลิมเราเอง โดยความผิดพลาดทางความรู้
หรือ การถูกครอบงำ จากอุดมการณ์ที่บิดเบี้ยว อย่าลืม ครับ เราอยู่ใน ยูนิฟอร์ม มุสลิม ทั้งนอกกายและในใจ
เสถียรภาพแห่งความเป็นมุสลิมที่ดี ทั้งกายและใจครับ นั่นเป็นอีกทางหนึ่งสู่การเผยแพร่ อัลอิสลาม



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 16, 2007, 12:12 AM โดย คนจำเป็น »

ออฟไลน์ บุคคลธรรมดา

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 433
  • live&learn in Islam
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
สลาม
เข้ามาแจมกับบังคนจำเป็น

หนูก้อมองว่า อิสลามไม่ได้บังคับ ตะบี้ตะบัน ให้ต้องนับถือศรัทธา
เพราะ การเป็นมุสลิม หนูเข้าใจว่า ก้อต้องด้วยศรัทธาจากใจ ไม่ใช่ด้วยการบังคับเพื่อให้ยอมรับ
ทีนี้ ชาวต่างศาสนิก เค้าไม่เข้าใจจุดนี้ อ่ะบัง
ที่ว่า ทำไม มุสลิมชาย มาแต่งงานกับสาว ต่างศาสนิก แล้วต้องบังคับให้สาวต่างศาสนิกมาเป็นมุสลิมด้วย
เค้าเลยมองว่า ศาสนาเราน่ะ บังคับ ต้องเปลี่ยนศาสนา
ซึ่งตรงนี้ หนูมองว่า เรามุสลิมด้วยกันเอง สร้างปัญหาให้กับศาสนา ซะแล้ว
โดยการเลือกผู้หญิง หรือ ชาย ก้อ ดี เพื่อแต่งงาน โดยไม่ได้ตามหลักการ
คือ เลือกจากคนไม่เป็นมุสลิม
หนูขอทิ้งแค่นี้ก่อน อยากให้พี่น้องท่านอื่นๆ มาลงขันความคิดเห็นกันบ้าง ;D


ถ้าหากว่าเราจะข้ามไปยังอีกฝั่งหนึ่งที่เต็มไปด้วยแอ่งปลักโคลน
แน่นอนที่สุด เราจะถึงฝั่งนั้นในสภาพที่เปรอะเปื้อนด้วยโคลน...
โคลนที่อยู่ในแอ่งนั้น มันจะทิ้งร่องรอยที่เท้าของเรา
และในที่ที่ เราได้เหยียบย่างไป

                        "อัลชะฮีด ซัยยิด กุฏุบ"

ออฟไลน์ คนจำเป็น

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 115
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
สลาม น้องตาหวาน ครับ ;D
น้องตาหวาน ตั้งข้อสังเกต เรื่องนี้ ได้ดีครับ ที่มองว่า การให้เปลี่ยนศาสนาเพื่อเป็นคู่ครองกับมุสลิม เป็นการบังคับหรือไม่
บังไม่ใช่นักวิชาการอะไรหรอกครับ ความรู้เรือ่งศาสนา นั้น บังศึกษา มาน้อย
กับกรณีนี้ บังขอแสดงความคิดเห็น แลกเปลี่ยน ความรู้ ความเข้าใจ แบบ คนเอาวาม ก็แล้วกันครับ

บังขอเริ่มที่ประเด็น คือ จุดเริ่มต้นของการมองหาคู่ครอง คือ ถ้าตามแนวทางแล้ว เราต้องมองหามุสลิมด้วยกันครับ
เรื่องมันง่ายแค่นี้เองครับ ถ้าจะไม่ให้มีปัญหาเรื่องการบังคับเปลี่ยนศาสนา
แต่ มุสลิมเราในปัจจุบัน มองข้ามเรื่องนี้ครับ เพราะ มองว่า ความรักคือสิ่งเหนือการศรัทธาครับ
ก่อนแต่งงานเพียงพากล่าว กะลิมะฮฺ เป็น อันได้มุสลิมใหม่มาเพิ่มแล้ว
มันเป็นความมักง่าย ทีอันตรายครับ สำหรับคนที่ใช้สูตรนี้

แต่ไม่ใช่กับทุกคู่ครับ บางคู่ ก่อน แต่งงานได้รับการอบรมสั่งสอน และ เรียนศาสนา จนมีความรู้ความเข้าใจต่อ อิสลาม อย่างถูกต้อง ที่สำคัญ เชื่อและศรัทธาต่อ องค์ อัลลอฮ ซบ. อย่างหมดเงื่อนไข ซึ่งการที่เค้ามีความเข้าใจที่ถูก
เค้าจะไม่ถูกเข้าใจว่า นี่คือการบังคับแต่อย่างใด

สรุปนะครับ เมื่อเค้าได้เป็นมุสลิมอย่างผู้ศรัทธาที่แท้จริงแล้ว
เค้าจะไม่กล้าที่จะสงสัยว่า นี่คือการบังคับ หรอกครับ เพราะ หัวใจของเค้าถูกครอบครองด้วยอิสลามแล้ว

 8)




 

GoogleTagged