ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 39 สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ  (อ่าน 4975 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ ( الزمر - ชุมนุมชน)
(http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp)

เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 75 อายะฮฺ

ความหมายโดยสรุป
    ซูเราะฮฺอัซซุมัร เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ ที่กล่าวถึงหลักการเตาฮีดอย่างละเอียด จนกระทั่งเกือบจะเป็นแกนหลักของซูเราะฮฺนี้ เพราะมันเป็นรากฐานของการอีมาน รากฐานของการศรัทธาที่ถูกต้อง และเป็นรากฐานของการงานที่ดี
    ซูเราะฮฺได้เริ่มกล่าวถึงอัลกุรอาน ซึ่งเห็นปาฏิหาริย์อันยิ่งใหญ่ คู่ชีวิตของมุฮัมมัด อิบนิ อัลดุลลอฮฺ และใช้ให้ท่านร่อซูลมีความบริสุทธิ์ใจในการทำอิบาดะฮฺต่ออัลลอฮฺ ให้ความบริสุทธิ์พระองค์จากการเปรียบเทียบกับสิ่งที่ถูกสร้าง และได้กล่าวถึงการสงสัยของพวกมุชริกีนในการเคารพของพวกเขาต่อรูปปั้นและเจว็ด ตลอดจนการยึดถือเพื่อให้ความช่วยเหลือแก่พวกเขา ซูเราะฮฺได้ตอบโต้ข้อกังขาเหล่านั้นด้วยหลักฐานอย่างหนักแน่น
    ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงหลักฐาน และข้อพิสูจน์ต่าง ๆ ต่อความเป็นเอกภาพของพระเจ้าแห่งสากลโลก ในการประดิษฐ์อย่างสวยงามของพระองค์ เพื่อสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในปรากฏการณ์ ของกลางคืนและกลางวัน ในการให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปตามวาระของมันและในการสร้างมนุษย์ตามขั้นตอนต่าง ๆ ในความมืดทั้งหลายของมดลูก ทั้งหมดนี้เป็นข้อพิสูจน์อย่างชัดแจ้งแห่งเดชานุภาพ และความเป็นเอกภาพของอัลลอฮฺ
    ซูเราะฮฺได้กล่าวถึงหลักการ อะกีดะฮฺอย่างชัดแจ้ง และได้เปิดเผยถึงภาพลักษณ์แห่งการขาดทุนอย่างย่อยยับของพวกกุฟฟารอาชญากรในโลกแห่งการตอบแทน (อาคิเราะฮฺ) โดยที่พวกเขาจะได้ลิ้มรสการลงโทษนานาชนิด และเปลวไฟนรกจะปกคลุมพวกเขาทั้งข้างบนและข้างล่างของพวกเขา
ซูเราะฮฺได้ยกตัวอย่างเปิดเผยถึงข้อแตกต่างอย่างมากมายระหว่างผู้ที่เคารพภักดีต่อพระเจ้าองค์เดียว และผู้เคารพสักการะเจ้าหลายองค์ที่ไม่ได้ยินและไม่ตอบรับ นั่นคือตัวอย่างของบ่าวที่มีนายหลายคนกับบ่าวที่มีนายคนเดียว แล้วซูเราะฮฺได้กล่าวถึงสภาพจิตใจของพวกมุชริกีนขณะที่พวกเขาได้ยินการให้เอกภาพแด่อัลลอฮฺจิตใจของพวกเขาจะหดหู่ และเมื่อพวกเขาได้ยินการกล่าวถึงบรรดาเจว็ด พวกเขาก็โห่ร้องแสดงความยินดีและร่าเริง
    หลังจากนั้น อัลอายาตได้มีมาในแบบนุ่มนวลสด ๆ ร้อน ๆ เรียกร้องปวงบ่าวไปสู่การกลับเนื้อกลับตัว ขออภัยโทษต่อพระเจ้าของพวกเขา และกลับไปหาพระองค์ ก่อนที่ความตายจะมาเยือนพวกเขาอย่างฉับพลันหรือก่อนที่การลงโทษจะถึงพวกเขาอย่างกะทันหันและไม่รู้สึกตัว เมื่อนั้นพวกเขาจะวิงวอนขอกลับเนื้อกลับตัวและเสียใจในขณะที่การกลับเนื้อกลับตัวและการเสียใจจะไม่อำนวยประโยชน์แต่ประการใด
    ซูเราะฮฺได้จบลงด้วยการกล่าวถึงการเป่าสังข์ครั้งแรก และการเป่าสังข์เพื่อการฟื้นคืนชีพและการชุมนุมและติดตามด้วยความหวาดกลัวและความรุนแรงของวันกิยามะฮฺ และได้กล่าวถึงวันพิพากษาครั้งยิ่งใหญ่ โดยที่บรรดาผู้ยำเกรงมีธรรมะจะถูกนำไปสู่สวนสวรรค์เป็นกลุ่ม ๆ ส่วนเหล่าอาชญากรที่ชั่วร้ายจะถูกจูงไปยังนรกญะฮันนัม เป็นกลุ่ม ๆ เช่นเดียวกันในภาพลักษณ์ที่น่าสะพรึงกลัว โดยมีบรรดานะบี และบรรดาสหายที่ซื่อสัตย์ และบรรดาชะฮีดที่มีธรรมะร่วมอยู่ด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างทั้งมวลต่างก็มุ่งหน้าสู่พระเจ้าของเขาด้วยการสรรเสริญสดุดีแซ่ซ้อง และในสภาพที่มีความกลัวและการยอมจำนน
    ชื่อของซูเราะฮฺ
    ซูเราะฮฺนี้ถูกขนานนามว่า “ซูเราะฮฺ อัซซุมัร” เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวถึงกลุ่มของผู้มีความสุขสำราญที่เป็นชาวสวรรค์ และกลุ่มของผู้ที่มีความทุกข์ที่เป็นชาวนรก กล่าวถึงกลุ่มแรกพร้อมกับการยกย่องให้เกียรติ และกลุ่มหลังพร้อมกับความต่ำต้อย และการไร้เกียรติ


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 1-3


คำอ่าน
1. ตัน..ซีลุลกิตาบิ มินัลลอฮิลอะซีซิลหะกีม
2. อิน..นา..อัน..ซัลนา..อิลัยกัลกิตาบะบิลหักกิ ฟะอฺบุดิลลาฮะ มุคลิศ็อลละฮุดดีน
3. อะลาลิลลาฮิดดีนุลคอลิศ วัลละซีนัตตะเคาะซูมิน..ดูนิฮี..เอาลิยา..อะ มานะอฺบุดุฮุม อิลลาลิยุก็อรฺริบูนา..อิลัลลอฮิซุลฟา อิน..นัลลอฮะ ยะหฺกุมุบัยนะฮุม ฟีมาฮุมฟีฮิยัคตะลิฟูน อิน..นัลลอฮะ ลายะฮฺดีมันฮุวะ กาซิบุน..กัฟฟารฺ

 
คำแปล R1.
1. The revelation of this Book (the Qur'an) is from Allah, the All-Mighty, the All-Wise.
2. Verily, we have sent down the Book to you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) in truth: So worship Allah (alone) by doing religious deeds sincerely for Allah's sake only, (and not to show-off, and not to set up rivals with Him in worship).
3. Surely, the Religion (i.e. the worship and the obedience) is for Allah only. And those who take Auliya' (protectors and helpers) besides Him (say): "We worship them only that they may bring us near to Allah." Verily, Allah will judge between them concerning that wherein they differ. Truly, Allah guides not him who is a liar, and a disbeliever.


คำแปล R2.
1. การลงคัมภีร์(อัลกุรอานนี้) มาจากอัลเลาะฮฺ ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง
2. แท้จริงเราได้ลงคัมภีร์ (อัลกุรอานนี้) แก่เจ้าด้วยสัจจะ ดังนั้นเจ้าจงนมัสการอัลเลาะฮฺ โดยการนมัสการที่บริสุทธิ์ต่อพระองค์โดยเฉพาะเถิด
3. พึงสังวรเถิด! สำหรับอัลเลาะฮฺนั้นคือการนมัสการโดยบริสุทธิ์ และบรรดาผู้ยึดเอาสิ่งอื่นนอกเหนือจากพระองค์มาเป็นผู้คุ้มครอง(พร้อมทั้งกล่าวว่า) “เรามิได้นมัสการสิ่งเหล่านั้น(เพื่ออื่นใดเลย)นอกจากเพื่อพวกนั้นจะได้ทำให้เราเข้าใกล้ต่ออัลเลาะฮฺยิ่งขึ้น” แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงพิพากษาระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาพิพาทกัน แท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงชี้นำแก่ผู้ที่มุสา อีกทั้งไร้ศรัทธา


คำแปล R3.
1. คัมภีร์นี้ได้ถูกประทานมาจากอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงปรีชาญาณ
2. (โอ้ มุฮัมมัด) แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์นี้มายังเจ้าด้วยสัจธรรม ดังนั้นจงเคารพสักการะอัลลอฮฺแต่เพียงพระองค์เดียว โดยทำให้ศาสนาของเจ้าเป็นของพระองค์เท่านั้น
3. จงระวังให้ดี ศาสนาเป็นสิทธิของอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้น ส่วนบรรดาผู้ที่เอาสิ่งอื่นเป็นผู้พิทักษ์นอกไปจากพระองค์ (โดยให้เหตุผลการกระทำของตนว่า) “เราเคารพสักการะสิ่งเหล่านั้นเพียงเพื่อที่พวกมันจะได้นำเราเข้าใกล้อัลลอฮฺฎ แน่นอนอัลลอฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องทั้งหมดที่พวกเขาขัดแย้งกัน แท้จริงอัลลอฮฺมิทรงแสดงทางนำแก่ผู้โกหกและปฏิเสธสัจธรรม


คำแปล R4.
1. คัมภีร์นี้เป็นการประทานลงมาจากอัลลอฮฺ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
2. แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์มายังเจ้าด้วยสัจธรรม ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์
3. พึงทราบเถิด การอิบาดะฮฺโดยบริสุทธิ์ใจนั้นเป็นของอัลลอฮฺองค์เดียว ส่วนบรรดาผู้ที่ยึดถือเอาบรรดาผู้คุ้มครองอื่นจากอัลลอฮฺ โดยกล่าวว่าเรามิได้เคารพภักดีพวกเขา เว้นแต่เพื่อทำให้เราเข้าใกล้ชิดต่ออัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันในเรื่อง นั้น แท้จริงอัลลอฮฺจะไม่ทรงชี้นำทางแก่ผู้กล่าวเท็จ ผู้ไม่สำนึกบุญคุณ


คำแปล R5.
๑. การประทานคัมภีร์อัลกุรอานลงมานั้นได้ถูกประทานมาจากอัลเลาะห์ ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงปรีชายิ่ง
๒. แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์ลงมายังเจ้าโดยสัจจะ ดังนั้น เจ้าจงนมัสการอัลเลาะห์โดยความบริสุทธิ์ใจในการนมัสการต่อพระองค์เพียงพระองค์เดียว
๓. การนมัสการอย่างบริสุทธิ์เที่ยงแท้นั้นเป็นเอกสิทธิของอัลเลาะห์มิใช่หรือ สิ่งอื่นย่อมไม่มีสิทธิที่จะได้รับการนมัสการแต่ประการใด ๆ ทั้งสิ้น และบรรดาผู้ที่ยึดเอาสิ่งอื่นจากพระองค์มาเป็นผู้ปกครองและเป็นพระเจ้าเพื่อนมัสการซึ่งพวกนั้นได้แก่ชาวมักกะห์ ซึ่งพวกเขากล่าวว่า เรามิได้นมัสการสิ่งเหล่านั้นเพื่ออื่นใดนอกจากเพื่อให้สิ่งเหล่านั้นทำความใกล้ชิดต่อต่ออัลเลาะห์ยิ่งขึ้นเท่านั้นเอง แท้จริงอัลเลาะห์ทรงตัดสินชี้ขาดระหว่างพวกเขาในกรณีที่พวกเขามีความเห็นพิพาทกันในเรื่องของหลักธรรมทางศาสนา ซึ่งพวกเหล่านั้นมีความเห็นพิพาทกันกับมวลผู้ศรัทธาทั้งหลาย อัลเลาะห์ได้ชี้ขาดให้ฝ่ายผู้มีศรัทธาได้เข้าสวรรค์ และผู้เนรคุณเข้านรก แท้จริงอัลเลาะห์ไม่ทรงชี้นำแก่ผู้ที่พูดเท็จในคุณลักษณะต่าง ๆ ของพระองค์ เช่น พูดว่าอัลเลาะห์มีบุตรเป็นต้น และแก่ผู้ที่เนรคุณยิ่งนักด้วยการทำการนมัสการต่อสิ่งต่าง ๆ อันนอกเหนือไปจากอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 4 - 6


คำอ่าน
4. เลาอะรอดัลลอฮุ อัย..ยัตตะคิซะวะละดัลลัศเฏาะฟา มิม..มายัคลุกุมายะชา...อุสุบหานะฮู ฮุวัลลอฮุลวาหิดุลเกาะฮฺฮารฺ
5. เคาะละก็อสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะบิลหักกฺ ยุเกาวิร็อลลัยละ อะลัน..นะฮาริ วะยุเกาวินุน..นะฮาเราะ อะลัลลัยลิ วะชัคเคาะร็อชชัมสะ วัลเกาะมัรฺ กุลลุย..ยัจญรี ลิอะญะลิม..มุสัมม..มา อะลาฮุวัลอะซีซุลห็อฟฟารฺ
6. เคาะละเกาะกุม..มิน..นัฟสิว..วาหิดะติน..ษุม..มะ ญะอะละมินฮา เซาญะฮา วะอัน..ซะละละกุม..มินัลอันอามิ ษะมานิยะตะอัซวาจญฺ ยัคลุกุกุม ฟีบุฏูนิอุม..มะฮาติกุม ค็อลก็อม..มิม..บะอฺดิค็อลกิน..ฟีซุลุมาติน..ษะลาษ ซาลิกุมุลลอฮุร็อบบุกุม ละฮุลมุลกุ ลา..อิลาฮะอิลลาฮุวะฟะอัน..นาตุศเราะฟูน


คำแปล R1.
4. Had Allah willed to take a son (or offspring or children), He could have chosen whom He pleased out of those whom He created. But glory be to him! (He is above such things). He is Allah, the one, the irresistible.
5. He has created the heavens and the earth with truth. He makes the night to go in the day and makes the day to go in the night. And He has subjected the sun and the moon. Each running (on a fixed course) for an appointed term. Verily, He is the All-Mighty, the Oft-Forgiving.
6. He created you (all) from a single person (Adam); Then made from him his wife [Hawwa' (Eve)]. And He has sent down for you of cattle eight pairs (of the sheep, two, male and female; of the goats, two, male and female; of the oxen, two, male and female; and of the camels, two, male and female). He creates you in the wombs of your mothers, creation after creation in three veils of darkness, such is Allah your Lord. His is the kingdom, La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshipped but He). How then are you turned away?


คำแปล R2.
4. หากแม้นอัลเลาะฮฺทรงประสงค์ที่จะมีบุตร(จริงตามที่พวกเขายึดถือ) แน่นอนพระองค์ก็ย่อมเลือกสรรขึ้นมาเองจากสิ่งที่พระองค์ทรงบันดาลไว้ตามที่พระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนัก! พระองค์คืออัลเลาะฮฺผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงอิทธิพล
5. พระองค์ทรงสร้างฟากฟ้าและแผ่นดินโดยสัจจะ ทรงล้ำกลางคืน(ให้เข้ามาในเวลาของ)กลางวัน และทรงล้ำกลางวัน(ในเข้ามาในเวลาของ)กลางคืน(ในบางฤดูกาล) และทรงอำนวยประโยชน์แก่ดวงตะวันและดวงเดือน ทุก ๆ สิ่งมันโคจรไปตามวาระที่ถูกกำหนดไว้แล้ว พึงสังวร! พระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง
6. พระองค์ทรงบันดาลพวกเจ้ามาจากชีวิตหนึ่ง หลังจากนั้นทรงบันดาลคู่ครองของเขามาจากตัวของเขาและทรงประทานแก่พวกเจ้าจากปศุสัตว์ทั้งหลายให้เป็นแปด(ตัว โดยให้มาเป็น)คู่ (ตัวเมียตัวผู้) พนะองค์ทรงบันดาลพวกเจ้าในท้องแห่งมารดาของพวกเจ้าเป็นกำเนิดหนึ่งภายหลังจากกำเนิดหนึ่ง ๆ ในความมืดสามประการ (คือความมืดของมดลูก ความมืดของท้องมารดาและความมืดของถุงหุ้มตัวทารก) นั้น! อัลเลาะฮฺผู้ทรงอภิบาลพวกเจ้า พระองค์ทรงอำนาจปกครอง ไม่มีพระเจ้าอื่นนอกจากพระองค์ แล้วไฉนพวกเจ้าจึงถูกหันเหไป(จากการศรัทธา)?


คำแปล R3.
4. ถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ที่จะมีบุตรพระองค์จะทรรงเลือกผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมา มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ พระองค์คืออัลลอฮฺผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
5. พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริง พระองค์คือผู้ทรงห่อหุ้มกลางคืนรอบกลางวันและห่อหุ้มกลางวันรอบกลางคืน และทรงกำหนดดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไว้ให้แต่ละสิ่งโคจรไปจนถึงวาระที่ได้ถูกกำหนดไว้ จงจำไว้ให้ดีเถิดว่า พระองค์คือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงให้อภัย
6. พระองค์ทรงสร้างสูเจ้ามาจากชีวิตหนึ่งและจากชีวิตนั้นพระองค์ก็ได้ทรงสร้างคู่ครองของมัน และทรงสร้างปศุสัตว์แปดตัวทั้งเพศผู้และเพศเมียแก่สูเจ้า พระองค์ทรงสร้างสูเจ้าในครรภ์ของมารดาของสูเจ้าให้เกิดมาครั้งแล้วครั้งเล่า ภายใต้ม่านที่มืดมิดสามชั้น อัลลอฮฺองค์นี้แหละที่เป็นพระผู้อภิบาลของสูเจ้า อำนาจสูงสุดเป็นของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ แล้วไฉนสูเจ้าจึงได้ถูกหันไป?


คำแปล R4.
4. หากอัลลอฮฺทรงประสงค์จะมีพระโอรส แน่นอนพระองค์จะทรงเลือกจากสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างมาตามที่พระองค์ทรง ประสงค์มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน พระองค์คืออัลลอฮฺ ผู้ทรงเอกะ ผู้ทรงพิชิต
5. พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินด้วยความจริงอันชัดแจ้ง พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวันและทรงให้กลางวันคาบเกี่ยว เข้าไปในกลางคืน และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ พึงทราบเถิด พระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยอย่างมาก
6. พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าจากชีวิตหนึ่ง แล้วจากชีวิตนั้นทรงทำให้เป็นของคู่ครองของมัน และทรงประทานปศุสัตว์แปดตัวเป็นคู่แก่พวกเจ้า พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้าในครรภ์ของมารดาพวกเจ้า เป็นการบังเกิดครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่ในความมืดสามชั้น นั่นคืออัลลอฮฺ พระเจ้าของพวกเจ้า พระอำนาจเป็นสิทธิของพระองค์ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วทำไมพวกเจ้าจึงผินหน้าไปทางอื่น!


คำแปล R5.
๔. หากแม้นอัลเลาะห์ประสงค์จะสถาปนาบุตรเหมือนกับที่พวกนั้นพูดแน่นอนพระองค์ย่อมเลือกจากสิ่งที่พระองค์ทรงบันดาลที่พระองค์ทรงประสงค์ แล้วสถาปนาสิ่งนั้นเป็นบุตรของพระองค์มิใช่ผู้ที่พวกเขาได้พูดไว้ นั่นคือที่พวกเขาว่า มลาอิกะห์เป็นบุตรหญิงของอัลเลาะห์ แต่ความเป็นจริงแล้วพระองค์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนักต่อการที่จะสถาปนาผู้ใดขึ้นเป็นบุตรของพระองค์พระองค์คืออัลเลาะห์ผู้ทรงเอกานุภาพผู้ทรงเข้มแข็งยิ่งนัก
๕. พระองค์ทรงบันดาลชั้นฟ้าและแผ่นดินโดยสัจจะ พระองค์ทรงล้ำกลางคืนเหนือกลางวันจึงทำให้กลางวันมีเวลาเพิ่มขึ้นในบางฤดูและทรงล้ำกลางวันเหนือกลางคืนจึงทำให้เวลากลางคืนเพิ่มมากขึ้นในบางฤดูและทรงอำนวยดวงตะวันและดวงเดือนให้ทั้งหมดนั้นโคจรไปตามอายุขัยที่ถูกกำหนดไว้แล้วจนถึงวันปรภพพระองค์ทรงอำนาจ ทรงเข้มแข็ง ทรงอภัยมิใช่หรือ
๖. พระองค์ทรงสร้างพวกเจ้ามาจากชีวิตเดียวเท่านั้นคือ นบีอาดัมต่อมาพระองค์ก็ทรงบันดาลคู่ครองของชีวิตนั้นมาจากชีวิตนั้นเองได้แก่เฮาวาอ์และพระองค์ประทานปศุสัตว์ทั้งหลายแก่เจ้าถึงแปดคู่ดังปรากฏรายละเอียดในบทอัลอันอามพระองค์ทรงบันดาลพวกเจ้าในครรภ์มารดาของพวกเจ้าให้เป็นกำเนิดหนึ่งภายหลังจากอีกกำเนิดหนึ่งนั่นคือเริ่มต้นเป็นอสุจิ แล้วแปรสภาพเป็นเลือดก้อน หลังจากนั้นก็แปรสภาพเป็นเนื้อในความมืดทั้งสามได้แก่ความมืดของท้อง ความมืดของมดลูก และความมืดของพังผืดหุ้มตัวทารกนั่นคือ อัลเลาะห์พระผู้ทรงอภิบาลพวกเจ้าซึ่งพระองค์ทรงสิทธิการปกครอง ไม่มีพระเจ้านอกจากพระองค์ แล้วไฉนเล่า พวกเจ้าจึงถูกบิดผันจากการนมัสการพระองค์ไปทำการนมัสการสิ่งอื่น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. อิน..ตักฟุรู ฟะอิน..นัลลอฮะเฆาะนียุนอัน..กุม วะลายัรฺฎอลิอิบาดิฮิลกุฟรฺ วะอิน..ตัชกุรู ยัรเฎาะฮุละกุม วะลาตะซิรุวาซิเราะตู..วิซเราะอุครอ ษุม..มะอิลาร็อบบิกุม มัรฺญิอุกุม ฟะยะนับบิอุกุม..บิมากุนตุมตะอฺมะลูน อิน..นะฮูอะลีมุม..บิซาติศศุดูรฺ
8. วะอิซามัสสัลอิน..สานะ ฎุรฺรุน..ดะอาร็อบบะฮู มุนีบันอิลัยฮิ ษุม..มะอิซาค็อววะละฮู นิอฺมะตัม..มินฮุ นะสิยะมากานะ ยัดอู..อิลัยฮิ มิน..ก็อบลุ วะญะอะละลิลลาฮิ อัน..ดาดัล ลิยุฎิลละอัน..สะบีลิฮฺ กุลตะมัตตะอฺบิกุฟริกะเกาะลีลา อิน..นะกะมินอัศหาบิน..นารฺ
9. อัม..มันฮุวะกอนิตุน อานา..อัลลัยลิสาญิเดา..วะกออิมัย..ยะหฺซะรุลอาคิเราะตะ วะยัรฺญูเราะมะตะร็อบบิฮฺ กุลฮัลยัสตะวิลละซีนะยะอฺละมูนะวัลละซีนะลายะอฺละมูน อิน..นะมายะตะซักกะรุ อุลุลอัลบาบ


คำแปล R1.
7. If you disbelieve, then verily, Allah is not in need of you, He likes not disbelief for his slaves. And if you are grateful (by being believers), He is pleased therewith for you. No bearer of burdens shall bear the burden of another. Then to your Lord is your return, so He will inform you what you used to do. Verily, He is the All-Knower of that which is in (men's) breasts.
8. And when some hurt touches man, he cries to his Lord (Allah alone), turning to Him in repentance, but when He bestows a favour upon him from himself, he forgets that for which he cried for before, and he sets up rivals to Allah, in order to mislead others from his Path. Say: "Take pleasure in your disbelief for a while: surely, you are (one) of the dwellers of the Fire!"
9. Is one who is obedient to Allah, prostrating himself or standing (in prayer) during the hours of the night, fearing the Hereafter and hoping for the mercy of his Lord (like one who disbelieves)? Say: "Are those who know equal to those who know not?" it is only men of understanding who will remember (i.e. get a lesson from Allah's signs and verses).


คำแปล R2.
7. ถึงพวกเจ้าไร้ศรัทธา แต่แท้จริงอัลเลาะฮฺก็ไม่ได้พึ่งอาศัยพวกเจ้า และพระองค์ไม่ทรงยินดีในความไร้ศรัทธาของมวลข้าทาสของพระองค์ และถ้าพวกเจ้ากตัญญู(ต่อพระองค์) พระองค์ก็จะทรงยินดีต่อพวกเจ้าในสิ่งนั้น(การกตัญญู) และผู้ทำบาปหนึ่งย่อมไม่ต้องรับผิดชอบในบาปของผู้อื่น(ยกเว้นที่ระบุไว้ในหะดีษ เช่น บาปอันเกิดจากการละเมิดสิทธิของผู้อื่น) หลังจากนั้นที่คืนกลับของพวกเจ้าย่อมไปสู่องค์อภิบาลของพวกเจ้า และพระองค์จะทรงแจ้งให้พวกเจ้าทราบ(ถึงการตอบแทน)ในสิ่งที่พวกเจ้าได้เคยประพฤติไว้ แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่มีอยู่ในจิตใจ
8. และเมื่อได้เข้ามาสัมผัสแก่มนุษย์โดยเภทภัยหนึ่ง เขาก็จะขอต่อองค์อภิบาลของเขาโดยมีจิตน้อมกลับคืนสู่พระองค์ แต่แล้วภายหลังจากนั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงโปรดปรานความสุขหนึ่งจากพระองค์ให้แก่เขา เขาก็ลืมสิ่งที่เขาเคยวอนขอต่อพระองค์มาแล้วเมื่อครั้งก่อน และเขาอุปโลกน์ภาคีต่ออัลเลาะฮฺ เพื่อทำความหลงผิดจากแนวทางของพระองค์ จงประกาศเถิด! ท่านจงเสพสุขไปกับความอกตัญญูของท่านนั้นสักชั่วเล็กน้อย แท้จริงท่านนั้นเป็นผู้หนึ่งจากชาวนรก
9. “(ท่านดีกว่า)หรือว่าผู้ที่ทำการภักดี ที่ทำการกราบนมัสการและตื่นขึ้นในเวลากลางคืนโดยมีความหวั่นกลัว(อันตรายของ)โลกหน้า และมุ่งหวังความเมตตาแห่งองค์อภิบาลของพวกเขา(จะดีกว่า) จงประกาศเถิด! บรรดาผู้รู้กับบรรดาผู้ไม่รู้นั้นจะเท่าเทียมกันหรือ อันที่จริง บรรดาผู้มีวิจารณญาณทั้งหลายย่อมสำนึกแน่”


คำแปล R3.
7. ถ้าหากสูเจ้าปฏิเสธ อัลลอฮฺก็ทรงมีทุกอย่างเกินกว่าที่จะต้องการสูเจ้า และพระองค์ไม่ทรงยินดีต่อการปฏิเสธสำหรับบ่าวของพระองค์ และหากสูเจ้าขอบคุณพระองค์ก็จะทรงยินดีต่อสูเจ้า ไม่มีผู้แบกรับภาะคนใดที่จะแบกรับภาระของอีกคนหนึ่ง ในที่สุดแล้วสูเจ้าทั้งหมดก็จะต้องกลับไปยังพระผู้อภิบาลของสูเจ้า หลังจากนั้นพระองค์ก็จะทรงบอกสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าได้ทำไป พระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้แม้แต่ความลับที่อยู่ในหัวอก
8. เมื่อทุกข์ภัยเกิดขึ้นแก่มนุษย์เขาก็จะวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของเขาโดยการหันไปหาพระองค์ (เพื่อสำนึกผิด)หลังจากนั้นเมื่อพระผู้อภิบาลของเขาประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่เขา เขาก็ลืมทุกข์ภัยที่เขาได้วิงวอนต่อพระองค์ก่อนหน้านี้ และตั้งสิ่งอื่นขึ้นมาเป็นภาคีกับอัลลอฮฺ เพื่อให้หลงไปจากทางของพระองค์ (โอ้ นบี) จงบอกเขาว่า “จงสนุกสนานไปกับการปฏิเสธของท่านไปสักระยะหนึ่งเถิดแท้จริงท่านเป็นชาวนรก”
9. (ความประพฤติของใครดีกว่ากัน ของคนนี้หรือของ)ผู้ภักดีที่ใช้เวลาในยามค่ำคืนยืนและกราบ(ในการสักการะ)และผู้หวั่นเกรงต่อโลกหน้าและหวังในความเมตตาของพระผู้อภิบาลของเขา? จงถามพวกเขาว่า “คนที่รู้กับคนที่ไม่รู้จะเท่าเทียมกันกระนั้นหรือ ผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะยอมรับข้อตักเตือนนี้”


คำแปล R4.
7. หากพวกเจ้าปฏิเสธศรัทธา ดังนั้น แท้จริงอัลลอฮฺนั้น ทรงพอเพียงจากพวกเจ้าและจะไม่ทรงปีติยินดีต่อการเนรคุณของปวงบ่าวของพระองค์ และหากพวกเจ้ากตัญญู พระองค์ก็จะทรงปีติยินดีต่อพวกเจ้า และไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้ แล้วยังพระเจ้าของพวกเจ้าคือการกลับของพวกเจ้า และพระองค์ก็จะทรงบอกเล่าพวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้แท้จริงพระองค์ นั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
8. และเมื่อทุกขภัยใด ๆ ประสบแก่มนุษย์ เขาก็จะวิงวอนขอต่อพระเจ้าของเขาเป็นผู้หันหน้าเข้าสู่พระองค์อย่างนอบน้อม ครั้นเมื่อพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานจากพระองค์ให้แก่เขา เขาก็ลืมสิ่งที่เขาได้เคยวิงวอนขอต่อพระองค์มาแต่ก่อน และเขาได้ตั้งภาคีคู่เคียงกับอัลลอฮฺเพื่อให้หลงจากทางของอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ท่านจงร่าเริงเพียงระยะหนึ่งต่อการปฏิเสธของท่านเถิด แท้จริงท่านนั้นอยู่ในหมู่ชาวนรก
9. ผู้ที่เขาเป็นผู้ภักดีในยามค่ำคืน ในสภาพของผู้สุญูด และผู้ยืนละหมาดโดยที่เขาหวั่นเกรงต่อโลกอาคิเราะฮฺ และหวังความเมตตาของพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่ตั้งภาคีต่ออัลลอฮฺกระนั้นหรือ?) จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด บรรดาผู้รู้และบรรดาผู้ไม่รู้จะเท่าเทียมกันหรือ? แท้จริงบรรดาผู้มีสติปัญญาเท่านั้นที่จะใคร่ครวญ


คำแปล R5.
๗. ถึงแม้พวกเจ้าจะเนรคุณต่ออัลเลาะห์แต่ที่จริงอัลเลาะห์ก็ไม่ได้พึ่งพิงพวกเจ้าแต่ประการใด ๆ ดังนั้นความเนรคุณของพวกเจ้าจึงไม่ระคายเคืองต่อเบื้องพระเดชานุภาพของพระองค์เลยและพระองค์ไม่ทรงยินดีที่จะให้ข้าทาสของพระองค์เนรคุณ และหากพวกเจ้าขอบคุณพระองค์ก็จะทรงยินดีต่อพวกเจ้า และผู้หนึ่งที่ทำบาป บาปนั้นย่อมมิใช่บาปของคนอื่น หากแต่เป็นบาปที่เขากระทำขึ้นเองโดยไม่ต้องรับของคนอื่นด้วยหลังจากนั้นที่กลับคืนของพวกเจ้าก็คือสู่องค์อภิบาลของพวกเจ้า แล้วพระองค์ก็จะแจ้งข่าวให้พวกเจ้าทราบไปตามที่พวกเจ้าเคยประพฤติในอดีตโดยมีบัญชีความประพฤติยืนยันประกอบอย่างแน่ชัดไม่อาจเลี่ยงหลบได้แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในจิตใจของคนทุกคน
๘. และเมื่อมีภยันตรายหนึ่งมาสัมผัสแก่มนุษย์ผู้เนรคุณ เขาก็จะวอนขอต่อพระผู้อภิบาลของเขาโดยกลับคืนสู่พระองค์ แต่หลังจากนั้นเมื่อพระองค์ทรงประทานความโปรดปรานจากพระองค์แก่เขา เขาก็ลืมและทอดทิ้งสิ่งที่เขาได้วอนขอมาก่อนนั้นคืออัลเลาะห์และเขาก็ยังจัดภาคีต่าง ๆ แก่อัลเลาะห์อีกด้วย เพื่อเขาจะได้หลงออกจากแนวทางของพระองค์โอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิดแก่ผู้กระทำการดังกล่าวนั้นว่าเจ้าจงภิรมย์กับความเนรคุณเพียงเวลาเล็กน้อยในช่วงชีวิตที่ยังมีอยู่เท่านั้น เพราะแท้จริงเจ้านั้นถูกกำหนดไว้ให้เป็นหนึ่งจากบรรดาชาวนรก
๙. หรือผู้ที่ทำความดีในช่วงเวลากลางคืนโดยเขาทำการกราบและยืนอย่างสงบมั่นในละหมาด จะมีความกลัวการลงโทษในวันปรภพ และมีความมุ่งหวังในความเมตตาแห่งองค์อภิบาลของเขา บุคคลดังกล่าวจะเหมือนกับบุคคลที่เนรคุณต่ออัลเลาะห์หรือ เจ้าจงประกาศเถิดว่าบรรดาผู้รู้และไม่รู้นั้นจะเท่าเทียมกันได้หรือ เปรียบดังคนเนรคุณกับคนมีศรัทธาซึ่งผิดกันอย่างแน่นอน อันที่จริงผู้มีวิจารณญาณย่อมสำนึกได้เสมอ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 10 - 12


คำอ่าน
10. กุลยาอิบาดิลละซีนะ อามะนุตตะกูร็อบบะกุม ลิลละซีนะ อะหฺสะนู ฟีฮาซิฮิดดุนยาหะสะนะฮฺ วะอัรฺฎุลลอฮฺวาสิอะฮฺ อิน..นะมายุวัฟฟัศศอบิรูนะ อัจญเราะฮุม..บิฆ็อยริหิสาบ
11. กุล อิน..นี..อุมิรฺตุ อันอะอฺบุดัลลอฮะ มุคลิศ็อลละฮุดดีน
12. วะอุมิรฺตุ ลิอันอะกูนะ เอาวะลัลมุสลิมีน


คำแปล R1.
10. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "O my slaves who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism), be afraid of your Lord (Allah) and keep your duty to Him. Good is (the reward) for those who do good in this world, and Allah's earth is spacious (so if you cannot worship Allah at a place, then go to another)! Only those who are patient shall receive their rewards in full, without reckoning."
11. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "Verily, I am commanded to worship Allah (Alone) by obeying Him and doing religious deeds sincerely for Allah's sake only and not to show off, and not to set up rivals with Him in worship;
12. "And I am commanded (this) in order that I may be the first of those who submit themselves to Allah (in Islam) as Muslims."


คำแปล R2.
10. จงประกาศเถิด! “โอ้พวกข้าทาสของข้าที่มีศรัทธาทั้งหลาย! พึงยำเกรงองค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิด สำหรับพวกผู้ประพฤติดีในโลกนี้ ย่อมประสบผลแห่งความดีและแผ่นดินแห่งอัลเลาะฮฺย่อมไพศาล ความเป็นจริงบรรดาผู้มีขันติธรรมจักได้รับรางวัลตอบแทนอย่างครบถ้วน โดยไม่มีการคำนวณ
11. จงประกาศเถิด! แท้จริงฉันถูกบัญชามาให้ทำการนมัสการอัลเลาะฮฺโดยบริสุทธิ์ในการนมัสการนั้นต่อพระองค์
12. “ฉันถูกบัญชามาเพื่อให้ฉันเป็นคนแรกสุดจากบรรดาผู้ยอมสวามิภักดิ์ทั้งมวล”


คำแปล R3.
10. (โอ นบี)จงกล่าวเถิดว่า “ปวงบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงเกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกท่าน สำหรับผู้ทำความดีในโลกนี้ มีความดีสำหรับพวกเขา และแผ่นดินของอัลลอฮฺนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แท้จริงบรรดาผู้อดทนจะได้รับการตอบแทนโดยไม่มีการคำนวณ”
11. (โอ้ นบี)จงบอกพวกเขาว่า “ฉันถูกบัญชาให้เคารพภักดีอัลลอฮฺ โดยทำศาสนาให้เป็นของพระองค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
12. และฉันได้ถูกบัญชาให้เป็นมุสลิมคนแรกของบรรดามุสลิม”


คำแปล R4.
10. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด โอ้ปวงบ่าวผู้ศรัทธาทั้งหลายเอ๋ย! จงยำเกรงพระเจ้าของพวกท่านเถิด สำหรับบรรดาผู้ทำความดีในโลกนี้คือ (จะได้รับการตอบแทน) ความดีและแผ่นดินของอัลลอฮฺนั้นกว้างใหญ่ไพศาล แท้จริงบรรดาผู้อดทนนั้นจะได้รับการตอบแทนรางวัลของพวกเขาอย่างสมบูรณ์โดย ไม่ต้องคำนวณ
11. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันได้ถูกบัญชาให้เคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ โดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาต่อพระองค์
12. และฉันได้ถูกบัญชาให้ฉันเป็นคนแรกของปวงชนผู้นอบน้อม


คำแปล R5.
๑๐. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิดว่าองค์พระผู้ทรงอภิบาลได้ตรัสว่า โอ้มวลข้าทาสแห่งข้าผู้มีศรัทธาทั้งหลาย พวกเจ้าจงยำเกรงในองค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิด ที่จริงแล้วความดีงามย่อมเป็นสิทธิของผู้ประพฤติดีในสากลโลกนี้ และแผ่นดินแห่งอัลเลาะห์ย่อมกว้างขวางเสมอสำหรับพวกเจ้า ดังนั้นจงแยกย้ายกันออกไปแสวงหาประโยชน์เถิด ความเป็นจริงบรรดาผู้มีขันติย่อมได้รับกุศลบริบูรณ์โดยไม่มีการสอบสวนแต่ประการใด ๆ
๑๑. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิด แท้จริงข้าได้รับบัญชามาให้ข้าทำการนมัสการอัลเลาะห์ โดยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ในการนมัสการ ปราศจากการตั้งภาคีใด ๆ ทั้งสิ้น
๑๒. และข้าได้รับบัญชามา เพื่อข้าจักเป็นคนแรกสุดจากบรรดา ผู้ยอมตนต่อพระเจ้า



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 13 - 16


คำอ่าน
13. กุลอิน..นี..อะคอฟุ อินอะศ็อยตุร็อบบี อะซาบะเยามินอะซีม
14. กุลิลลาฮะ อะอฺบุดุ มุคลิศ็อลละฮู ดีนี
15. ฟะอฺบุดู มาชิอ์ตุม..มิน..ดูนิฮี กุลอิน..นัลคอสิรีนัลละซีนะ เคาะสิรูอัน..ฟุสะฮุม วะอะฮฺลีฮิม เยามัลกิยามะฮฺ อะลา ซาลิกะฮุวัลคุสรอนุลมุบีน
16. ละฮุม..มิน..เฟากิฮิม ซุละลุม..มินัน..นาริ วะมินตะฮฺติฮิมซุลัล ซาลิกะยุค็อววิฟุลลอฮุบิฮีอิบาดะฮฺ ยาอิบาดิ ฟัตตะกูน


คำแปล R1.
13. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "Verily, if I disobey my Lord, I am afraid of the torment of a great Day."
14. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) "Allah alone I worship by doing religious deeds sincerely for his sake only and not to show-off, and not to set up rivals with Him in worship."
15. So worship what you like besides Him. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "The losers are those who will lose themselves and their families on the Day of Resurrection. Verily, that will be a manifest loss!"
16. They shall have coverings of Fire, above them and covering (of fire) beneath them; with this Allah does frighten his slaves: "O my slaves, therefore fear Me!"


คำแปล R2.
13. จงประกาศเถิด! “แท้จริงฉันกลัวการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่ หากฉันได้ทรยศต่อองค์อภิบาลของฉัน”
14. จงประกาศเถิด! “เฉพาะอัลเลาะฮฺเท่านั้น ฉันขอนมัสการโดยบริสุทธิ์ ในนมัสการนั้นเพื่อพระองค์
15. ดังนั้นท่านทั้งหลายจงนมัสการสิ่งอื่น ๆ นอกจากพระองค์ตามแต่พวกท่านปรารถนาเถิด! แท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนก็ได้แก่บรรดาผู้ที่ทำการขาดทุนแก่ตัวพวกเขาเอง และครอบครัวของพวกเขาในวันชาติหน้า พึงสังวร! นั้นเป็นความขาดทุนที่ชัดแจ้งที่สุด”
16. ด้านบนของพวกเขามีความมืดทะมึนจากเพลิงนรก และจากทางด้านใต้ของพวกเขาก็มีเพลิงนรกอันมืดทะมึน นั้นเป็นสิ่งที่อัลเลาะฮฺนำมาขู่มวลข้าทาสของพระองค์ให้รู้สึกกลัว โอ้ข้าทาสแห่งข้า! ดังนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงข้าเถิด


คำแปล R3.
13. จงกล่าวเถิด “แท้จริงฉันกลัวการลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่ถ้าหากฉันฝ่าฝืนพระผู้อภิบาลของฉัน”
14. จงกล่าวเถิด “ฉันเคารพภักดีอัลลอฮฺเท่านั้นโดยการทำให้ศาสนาเป็นของพระองค์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
15. ส่วนพวกท่านจะเคารพบูชาใครอื่นนอกไปจากพระองค์ก็ตามใจ” จงกล่าวเถิดว่า “ผู้ขาดทุนที่แท้จริงนั้นคือผู้ทำตัวเองและครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ” พึงรู้ไว้เถิดว่านั่นเป็นการล้มละลายอย่างชัดเจน
16. พวกเขาจะมีชั้นเปลวไฟคลุมพวกเขาจากทั้งข้างบนและข้างล่าง นั่นเป็นสิ่งที่อัลลอฮฺทรงใช้ทำให้บ่าวของพระองค์เกรงกลัว ดังนั้น ปวงบ่าวของฉันเอ๋ย จงเกรงกลัวฉัน”


คำแปล R4.
13. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด แท้จริงฉันกลัวการลงโทษแห่งวันอันยิ่งใหญ่ หากฉันฝ่าฝืนพระเจ้าของฉัน
14. จงกล่าวเถิด เฉพาะอัลลอฮฺเท่านั้นที่ฉันเคารพภักดีโดยเป็นผู้มีความบริสุทธิ์ใจในศาสนาของฉันต่อพระองค์
15. ดังนั้นพวกท่านจงสักการะ บูชาตามที่พวกท่านประสงค์อื่นจากพระองค์เถิด จงกล่าวเถิดว่า แท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนนั้นคือ บรรดาผู้ที่ทำตัวของพวกเขาเอง และครอบครัวของพวกเขาให้ขาดทุนในวันกิยามะฮฺ พึงรู้เถิดว่านั่นคือ การขาดทุนอย่างชัดแจ้ง
16. สำหรับพวกเขานั้นมีชั้นของเปลวไฟนรกปกคลุมเหนือพวกเขา และเบื้องล่างของพวกเขาก็มีชั้นของเปลวไฟนรกอยู่ด้วย สิ่งนั้นแหละที่อัลลอฮฺทรงทำให้ปวงบ่าวของพระองค์กลัว โอ้ปวงบ่าวของข้าเอ๋ย ! จงยำเกรงต่อข้าเถิด


คำแปล R5.
๑๓. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิด แท้จริงข้ากลัวว่า หากข้าฝ่าฝืนต่อองค์อภิบาลของข้า ข้าต้องได้รับการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่ นั้นคือวันปรภพ
๑๔. โอ้ มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิด ข้านมัสการต่ออัลเลาะห์โดยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ในการนมัสการของข้านั้น
๑๕. ดังนั้น พวกเจ้าจงนมัสการสิ่งที่พวกเจ้าประสงค์เถิด จากสิ่งอื่นอันนอกจากพระองค์ โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิด แท้จริงบรรดาผู้ขาดทุนนั้น ได้แก่บรรดาผู้ทำความขาดทุนแก่ตัวของพวกเขา และครอบครัวของพวกเขา ในวันปรภพ พึงสังวรเถิด นั้นเป็นความขาดทุนอันชัดแจ้งที่สุด ไม่มีอะไรเทียบได้อีก
๑๖. พวกเขาเหล่านั้นจะมีนรกหลายชั้นอยู่เหนือพวกเขาและมีอีกหลายชั้นอยู่เบื้องใต้ของพวกเขา นั่นคือสิ่งที่อัลเลาะห์ทรงนำมาย้ำความกลัวแก่มวลบ่าวของพระองค์ โอ้ผู้เป็นบ่าวของข้า ดังนั้นพวกเจ้าจงยำเกรงข้าเถิด



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 17 - 20


คำอ่าน
17. วัลละซีนัจญตะนะบุฏฏอฆูตะ อัย..ยะอฺบุดูฮาวะอะนาบู..อิลัลลอฮิละฮุมุลบุชรอ ฟะบัชชิรฺอิบาด
18. อัลละซีนะยัสตะมิอูนัลก็อวละ ฟะยัตตะบิอูนะอะหฺสะนะฮฺ อุลา...อิกัลป์ละซีนะฮะดาฮุมุลลอฮุ วะอุลา..อิกะฮุม อุลุลอัลบาบ
19. อะฟะมันหักเกาะอะลัยฮิ กะลิมะตุลอะซาบ อะฟะอัน..ตะ ตุน..กิซุ มัน..ฟิน..นารฺ
20. ลากินิลละซีนัตตะก็อว ร็อบบะฮุม ละฮุมฆุเราะฟุม..มิน..เฟากิฮา ฆุเราะฟุม..มับนียะตุน..ตัจญรีมิน..ตะหฺติฮัลอันฮารุ วะอฺดัลลอฮฺ ลายุคลิฟุลลอฮุลมีอาด


คำแปล R1.
17. Those who avoid At-Taghut (false deities) by not worshipping them and turn to Allah in repentance, for them are glad tidings; so announce the good news to my slaves,
18. Those who listen to the word [good advice La ilaha ill-Allah (none has the right to be worshipped but Allah) and Islamic Monotheism, etc.] and follow the best thereof (i.e. Worship Allah alone, repent to Him and avoid Taghut, etc.) those are (the ones) whom Allah has guided and those are men of understanding (like Zaid bin 'Amr bin Nufail, Salman Al-Farisi and Abu Dhar Al-GHifari) [Tafsir Al-Qurtubi, Vol. 12, P. 244]
19. Is, then one against whom the word of punishment justified (equal to the one who avoids evil). Will you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) rescue him who is in the Fire?
20. But those who fear Allah and keep their duty to their Lord (Allah), for them are built lofty rooms; one above another under which rivers flow (i.e. Paradise). (This is) the Promise of Allah: and Allah does not fail in (His) Promise.


คำแปล R2.
17. และบรรดาผู้ห่างไกลที่จะนมัสการต่อมารร้ายและกลับคืนสู่อัลเลาะฮฺ พวกเขาย่อมได้รับข่าวดีเป็นแน่ ดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่มวลข้าทาสของข้าเถิด
18. ซึ่งรับฟังถ้อยคำ(ที่มาถึงเขา)แล้วพวกเขาก็ถือตามในสิ่งที่ดีของถ้อยคำนั้น ๆ พวกเขาเหล่านั้น เป็นพวกที่อัลเลาะฮฺได้ทรงชี้นำ และพวกเหล่านั้นเป็นพวกที่มีวิจารณญาณโดยแท้
19. แล้วใครบ้างเล่าที่ประกาศิตแห่งการลงโทษได้ปรากฏจริงแก่เขาแล้ว(เพราะความไร้ศรัทธาจะเสมอเหมือนกับบุคคลที่รับข่าวดีว่าจะได้รับการตอบแทนแห่งศรัทธา? แน่นอน คนทั้งสองพวกนั้นไม่เสมอเหมือนกัน)! โดยเหตุนั้นแล้วเจ้าเองจะฉุดเอาคนที่อยู่ในนรกออกมาได้หรือ?
20. แต่บรรดาผู้ยำเกรงองค์อภิบาลของพวกเขานั้น พวกเขาจะได้รับปราสาทหลายหลัง ซึ่งมีปราสาทอีกหลายหลังที่ถูกก่อสร้างไว้ด้านบนของมัน มีธารน้ำไหลอยู่จากเบื้องใต้ของมันเป็นสัญญาแห่งอัลเลาะฮฺ! อัลเลาะฮฺย่อมไม่ผิดคำสัญญา


คำแปล R3.
17. ส่วนบรรดาผู้หลีกห่างจากการเคารพภักดีฏอฆูตและหันไปยังอัลลอฮฺนั้น สำหรับพวกเขามีข่าวดี ดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของฉัน
18. ผู้สดับถ้อยคำนั้นแล้วปฏิบัติตามสิ่งที่ดีที่สุดของมัน เหล่านี้แหละคือผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงชี้ทางนำที่ถูกต้องให้และเขาเหล่านี้คือผู้มีความเข้าใจ
19. (โอ้ นบี) มีใครสามารถคุ้มครองคนที่ถูกตัดสินลงโทษไว้แล้วได้กระนั้นหรือ?  เจ้าสามารถช่วยคนที่ตกลงไปในไฟนรกได้กระนั้นหรือ?
20. แน่นอน บรรดาผู้เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขานั้น สำหรับพวกเขามีคฤหาสน์โอ่โถงหลายหลังซึ่งถูกสร้างไว้เป็นชั้น ๆ และใต้นั้นก็มีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน นี่คือสัญญาของอัลลอฮฺ อัลลอฮิไม่ทรงบิดพลิ้วสัญญาของพระองค์


คำแปล R4.
17. และบรรดาผู้ที่หลีกหนีให้ห่างจากพวกเจว็ดเพื่อที่จะไม่สักการบูชามัน และหันไปจงรักภักดีต่ออัลลอฮฺ สำหรับพวกเขานั้นมีข่าวดีดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแก่ปวงบ่าวของข้า
18. บรรดาผู้ที่สดับฟังคำกล่าว แล้วปฏิบัติตามที่ดีที่สุดของมัน ชนเหล่านี้คือบรรดาผู้ที่อัลลอฮฺทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่พวกเขาและชน เหล่านี้พวกเขาคือผู้ที่มีสติปัญญาใคร่ครวญ
19. ดังนั้นผู้ที่คำมั่นสัญญาแห่งการลงโทษได้คู่ควรแก่เขาแล้ว (เจ้าสามารถจะฮิดายะฮฺให้แก่เขา) กระนั้นหรือ? และเจ้าจะช่วยผู้ที่อยู่ในนรกให้รอดพ้นได้หรือ ?
20. แต่บรรดาผู้ยำเกรงพระเจ้าของพวกเขานั้น สำหรับพวกเขาจะมีคฤหาสน์สง่าโอ่โถงเหนือขึ้นไปอีกก็มีคฤหาสน์สง่าโอ่โถง สร้างไว้ ณ เบื้องล่างของมันมีลำน้ำหลายสายไหลผ่าน (มันเป็น) ข้อสัญญาของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺนั้นจะไม่ทรงบิดพลิ้วสัญญา


คำแปล R5.
๑๗. และบรรดาผู้ห่างไกลจากเจว็ด ต่อการที่พวกเขาจะกราบไหว้มัน และพวกเขาได้กลับคืนสู่อัลเลาะห์อย่างแท้จริงนั้นพวกเขาย่อมได้รับข่าวดี ดังนั้นเจ้าจงแจ้งข่าวดีแกข้าทาสของข้าเถิดว่าพวกเขาจะต้องได้สวรรค์เป็นสิ่งตอบแทนอย่างแน่นอน
๑๘. ผู้ซึ่งรับฟังคำพูดของผู้คนทั้งหลายแล้วพวกเขาก็เลือกตามคำพูดที่ดีงามที่สุด พวกเหล่านั้นแหละเป็นพวกที่อัลเลาะห์ได้ชี้นำและพวกเหล่านั้นเป็นผู้มีวิจารณญาณโดยแท้จริง
๑๙. แล้วใครกันเล่าที่ต้องได้รับประกาศิตแห่งการลงโทษตามที่กล่าวมาแล้ว ตัวเจ้ากระนั้นหรือที่สามารถคัดผู้ที่อยู่ในนรกให้ออกจากนั้นได้ ดังนั้นเมื่อคนเหล่านั้นได้มีพฤติกรรมอันต้องตัดสินให้เข้านรกแล้ว เจ้าก็ไม่สามารถที่จะชี้นำพวกเขาให้เห็นชอบอันทำให้พวกเขาได้พ้นจากนรกได้เลย
๒๐. แต่บรรดาผู้มีความยำเกรงต่อองค์อภิบาลของพวกเขา โดยภักดีต่อพระองค์อย่างซื่อสัตย์ พวกนั้นย่อมได้รับการตอบแทนด้วยการดลบันดาลให้เข้าสวรรค์ซึ่งเป็นปราสาท อันมีปราสาทต่าง ๆ อยู่เบื้องบนซึ่งถูกสร้างไว้ โดยมีสายธาราหลากหลายไหลอยู่เบื้องใต้ของมัน เป็นสัญญาแห่งอัลเลาะห์ อัลเลาะห์ย่อมไม่ผิดสัญญา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 21 - 24


คำอ่าน
21. อะลัมตะเราะอัน..นัลลอฮะ อัน..ซะละมินัสสะมา...อิ มา..อัน..ฟะสะละกะฮู ยะนาบีอะ ฟิลอัรฺฎิ ษุม..มะยุคริญุบิฮี ซัรฺอัม..มุคตะลิฟันอัลวานุฮู ษุม..มะญะฮีญุ ฟะตะรอฮุ มุศฟัรฺร็อน..ษุม..มะยัจญอะลุฮูหุฏอมา อิน..นะฟีซาลิกะ ละซิกรอลิอุลิลอัลบาบ
22. อะฟะมัน..ชะเราะหัลลอฮุ ส็อดเราะฮูลิลอิสลามิ ฟะฮุวะอะลานูริม..มิรฺร็อบบิฮฺ ฟะวัยลุลลิลกอสิยะติ กุลูบุฮุม..มิน..ซิกริลลาฮฺ อุลา...อิกะฟีเฎาะลาลิม..มุบีน
23. อัลลอฮุ นัซซะละ อะหฺสะนัลหะดีษิ กิตาบัม..มุตะชาบิฮัม..มะษานี ตักชะอิรฺรุมินฮุ ยูลูดุลละซีนะ ยัคเชานะร็อบบะฮุม ษุม..มะตะลีนุ ญุลูดุฮุม วะกุลูบุฮุม อิลาซิกริลลาฮฺ ซาลิกะฮุดัลลอฮิ ยะฮฺดีบิฮี มัย..ยะชา...อ์ วะมัย..ยุฎลิลิลลาฮุ ฟะมาละฮูมินฮาด
24. อะฟะมัย..ยัตตะกี บิวัจญฮิฮี สู...อัลอะซาบิ เยามัลกิยามะฮฺ วะกีละลิซซอลิมีนะ ซูกูมากุน..ตุมตักซิบูน


คำแปล R1.
21. See you not, that Allah sends down water (rain) from the sky, and causes it to penetrate the earth, (and then makes it to spring up) as water-springs and afterward thereby produces crops of different colours, and afterward they wither and you see them turn yellow, then He makes them dry and broken pieces. Verily, in this, is a reminder for men of understanding.
22. Is he whose breast Allah has opened to Islam, so that he is in light from his Lord (as he who is non-Muslim)? So, woe to those whose hearts are hardened against remembrance of Allah! They are in plain error!
23. Allah has sent down the best statement, a Book (this Qur'an), its parts resembling each other in goodness and truth, oft-repeated. The skins of those who fear their Lord shiver from it (when they recite it or hear it). Then their skin and their heart soften to the remembrance of Allah. That is the guidance of Allah. He guides therewith whom He pleases and whomever Allah sends astray, for him there is no guide.
24. Is he then, who will confront with his face the awful torment on the Day of Resurrection (as he who enters peacefully in Paradise)? And it will be said to the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.): "Taste what you used to earn!"


คำแปล R2.
21. เจ้าไม่สังเกตบ้างหรือ? แท้จริงอัลเลาะฮฺได้ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาจากฟากฟ้าแล้วทรงให้มันไหลเป็นตาน้ำกระจายอยู่ในแผ่นดิน หลังจากนั้นทรงทำให้พืชผลผลิออกมาจากน้ำนั้น มีสีสันแตกต่างกัน หลังจากนั้นพืชผลก็เกิดการกระทบกระเทือน(เพราะมีเหตุผิดปกติทางธรรมชาติ)จนเจ้าเห็นมันเป็นสีเหลือง(ด้วยความแห้งแล้ง) หลังจากนั้นทรงบันดาลให้มันเป็นเศษไม้ แท้จริงนั้นย่อมเป็นข้อเตือนใจแก่บรรดาผู้มีวิจารณญาณทั้งมวล
22. แล้วใครบ้างเล่าที่อัลเลาะฮฺทรงเปิดจิตใจของเขาเพื่อรับอิสลาม แล้วเขาก็อยู่บนแสงสว่างแห่งองค์อภิบาลของเขา ดังนั้นความวิบัติจึงประสบแก่บรรดาผู้ที่มีหัวใจอันแข็งกระด้างต่อการระลึกถึงอัลเลาะฮฺ พวกเหล่านั้นเป็นพวกที่ตกอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง
23. อัลเลาะฮฺทรงประทานพระคัมภีร์ที่งดงามที่สุดให้ลงมา นั่นคือคัมภีร์ที่มีความสอดคล้องต้องกันในเนื้อหาถูกประทานซ้ำ ผิวหนังของบรรดาพวกที่เกรงกลัวองค์อภิบาลของพวกเขาสั่นสะท้าน หลังจากนั้นผิวหนังและหัวใจของพวกเขาก็อ่อนนุ่มสู่การระลึกถึงอัลเลาะห์ นั่นเป็นสิ่งชี้นำของอัลเลาะฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงชี้นำกับสิ่งนั้นแก่พวกที่พระองค์ทรงประสงค์ และผู้ใดที่อัลเลาะฮฺปล่อยให้เขาหลงผิด แน่นอนเขาก็จะไม่มีผู้ใดชี้นำเขาได้
24. แล้วผู้ใดบ้างหรือที่ป้องกันใบหน้าของเขาให้พ้นโทษทัณฑ์ในวันชาติหน้า และได้มีผู้กล่าวแก่บรรดาทุจริตชนทั้งหลายว่า “พวกเจ้าจงลิ้มรส(ผลตอบแทนจาก)สิ่งที่พวกเจ้าได้พากเพียรไว้เถิด!”


คำแปล R3.
21. เจ้ามิเห็นหรือว่าอัลลอฮฺได้ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาจากท้องฟ้าแล้วก็ทรงให้มันไหลในแผ่นดินเป็นตาน้ำและแม่น้ำ หลังจากนั้นด้วยน้ำดังกล่าวพระองค์ได้ทรงให้พืชพันธุ์นานาชนิดงอกเงยออกมา หลังจากนั้นมันก็จะสุกและเหี่ยวแห้ง แล้วเจ้าจะได้เห็นมันเปลี่ยนเป็นสีเหลือง แล้วในที่สุดพระองค์ได้ได้ทำให้มันกลายเป็นเศษแห้ง? แท้จริงในนั้นมีบทเรียนสำหรับผู้มีความเข้าใจ
22. ผู้ใดที่อัลลอฮฺได้ทรงเปิดหัวอกของพวกเขาเพื่ออิสลาม แล้วเขาอยู่ในแสงสว่างที่พระผู้อภิบาลของเขาได้แสดงให้เขาเห็น (จะเหมือนกับคนที่ไม่ได้รับบทเรียนจากสิ่งเหล่านี้กระนั้นหรือ) ความวิบัติจงมีต่อบรรดาผู้ที่หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้าง จากการตักเตือนของอัลลอฮฺ พวกเขาเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดเจน
23. อัลลอฮฺได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดีที่สุดลงมาเป็นคัมภีร์เล่มหนึ่งซึ่งทุกส่วนของมันสอดคล้องกัน และเรื่องสำคัญของมันได้ถูกกล่าวซ้ำแล้วซ้ำอีก คนที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขาจะเกิดความหวั่นกลัวเมื่อพวกเขาได้ยินมัน และหลังจากนั้นร่างกายและหัวใจของพวกเขาก็จะสงบลงและหันไปสู่การระลึกถึงอัลลอฮฺ นี่คือการนำทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงนำทางผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง และผู้ที่อัลลอฮฺทรงทำให้เขาหลงทางนั้นจะไม่มีผู้ใดนำทางสำหรับเขา
24. ดังนั้น เป็นไปได้อย่างไรที่สูเจ้าจะคิดถึงชะตากรรมบนหน้าของคนที่จะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรงในวันกิยามะฮฺ? และคนที่ทำผิดเช่นนั้นจะถูกกล่าวว่า “ตอนนี้ จงลิ้มรส(ผลของ)สิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้”


คำแปล R4.
21. เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า แล้วทรงให้มันไหลซึมลงไปในแผ่นดินเป็นตาน้ำด้วยน้ำนั้นทรงให้พืชงอกออกมา หลายสี แล้วมันก็จะเหี่ยวแห้ง ดังนั้น เจ้าจะเห็นมันกลายเป็นสีเหลือง แล้วพระองค์ทรงทำให้มันเป็นเศษเป็นชิ้น แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นข้อเตือนสติแก่ผู้มีสติปัญญาทั้งหลาย
22. ผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงเปิดทรวงอกของเขาเพื่ออิสลาม และเขาอยู่บนแสงสว่างจากพระเจ้าของเขา (จะเหมือนกับผู้ที่หัวใจบอดกระนั้นหรือ?) ดังนั้นความวิบัติจงประสบแด่ผู้ที่หัวใจของพวกเขาแข็งกระด้างต่อการรำลึกถึง อัลลอฮฺ ชนเหล่านี้อยู่ในการหลงผิดอันชัดแจ้ง
23. อัลลอฮฺได้ทรงประทานคำกล่าวที่ดียิ่งลงมาเป็นคัมภีร์คล้องจองกันกล่าวซ้ำกัน ผิวหนังของบรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาจะลุกชันขึ้น แล้วผิวหนังของพวกเขาและหัวใจของพวกเขาจะสงบลงเพื่อรำลึกถึงอัลลอฮฺ นั่นคือการชี้นำทางของอัลลอฮฺ พระองค์จะทรงชี้นำทางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้ เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง
24. ดังนั้นผู้ใดที่ป้องกันใบหน้าของเขาให้พ้นจากการลงโทษอันชั่วช้าในวันกิยามะฮฺ (จะเหมือนกับผู้ที่ปลอดภัยจากการลงโทษกระนั้นหรือ?) และจะมีเสียงกล่าวแก่บรรดาผู้อธรรมว่า จงลิ้มรสสิ่งที่พวกเจ้าแสวงหาไว้เถิด


คำแปล R5.
๒๑. โอ้มุฮำมัด เจ้าไม่รู้หรือว่า อัลเลาะห์ได้หลั่งน้ำฝนให้ลงมาจากฟากฟ้า แล้วพระองค์ได้ดลให้มันซึมซาบอยู่ในต้นกำเนิดของน้ำที่มีปรากฏในแผ่นดิน หลังจากนั้นพระองค์ทรงให้ผลิพืชโดยมีสีแตกต่างกันจากน้ำนั้น หลังจากนั้นพืชเหล่านั้นก็แห้งเหี่ยวเฉา ดังนั้นเจ้าจึงเห็นมันมีสีเหลือง หลังจากนั้นพระองค์ทรงบันดาลให้มันแตกกระจายผุพังไปในที่สุดแท้จริงสภาพการณ์ดังที่พรรณนาไว้นั้น ย่อมเป็นข้อเตือนใจแก่ผู้มีวิจารณญาณอย่างแน่นอน
๒๒. แล้วใครเล่าที่อัลเลาะห์เปิดจิตใจของเขาเพื่อการยอมรับนับถืออิสลาม ดังนั้น เขาจึงตั้งมั่นอยู่บนรัศมีอันมาจากองค์อภิบาลของเขา แต่ความหายนะอันได้แก่การลงโทษจักประสบแก่ผู้มีจิตใจอันแข็งกระด้างต่อการรำลึกถึงอัลเลาะห์โดยการปฏิเสธอัลกุรอาน พวกเหล่านั้นย่อมตกอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง
๒๓. อัลเลาะห์ได้ประทานพจนารถคือคัมภีร์อัลกุรอานที่ไพจิตรยิ่งนักถ้อยโวหารและความลึกล้ำในแต่ละโองการมีความสอดคล้องกันตลอดทั้งเล่มถูกประทานซ้ำเพื่อย้ำบทบัญญัติและคำตักเตือนทั้งหลายอันผิวหนังของบรรดาผู้ยำกลัวองค์อภิบาลจะสั่นสะท้านเพราะคัมภีร์นั้น ยามเมื่อพวกเขาได้ยินข้อสัญญาในคัมภีร์ดังกล่าวหลังจากนั้นผิวหนังและหัวใจของพวกเขาจะสงบนิ่งสูการรำลึกถึงอัลเลาะห์ยามเมื่อมีการระบุถึงข้อสัญญาของพระองค์นั้นเป็นสิ่งนำทางของอัลเลาะห์ ซึ่งพระองค์จะทรงชี้นำโดยสิ่งนั้นแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์และผู้ใดที่อัลเลาะห์ให้หลงผิด เขาก็จะไม่มีผู้ใดชี้นำอย่างแน่นอน
๒๔. แล้วผู้ใดเล่าที่ใช้ใบหน้าของตนป้องกันการลงโทษอันเลวร้าย ขณะที่มือของเขาถูกล่ามไว้กับต้นคอในวันปรภพ แน่นอนใบหน้าของเขาไม่สามารถป้องกันการลงโทษจากไฟนรกได้อย่างเด็ดขาด แม้สมมติว่ามือสองข้างของเขาเป็นอิสระก็ไม่สามารถป้องกันได้เช่นเดียวกัน และมีผู้กล่าวกับมวลผู้อธรรมว่า พวกเจ้าจงลิ้มรสแห่งการลงโทษของไฟนรกเป็นการตอบแทนอย่างสาสมตามที่พวกเจ้าทั้งหลายได้เคยพากเพียรไว้เมื่ออยู่ในสากลโลก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 25 - 27


คำอ่าน
25. กัซซะบัลละซีนะมิน..ก็อบลิฮิม ฟะอะตาฮุมุลอะซาบุ มินหัยษุ ลายัชอุรูน
26. ฟะอะซาเกาะฮุมุลลอฮุลคิซยะ ฟิลหะยาติดดุนยา วะละอะซาบุลอาคิเราะติอักบัรฺ เลากานูยะอฺละมูน
27. วะละก็อดเฎาะร็อบนาลิน..นาสิ ฟีฮาซัลกุรอานิมิน..กุลลิมะษะลิล ละอัลละฮุมยะตะซักกะรูน


คำแปล R1.
25. Those before them belied, and so the torment came on them from directions they perceived not.
26. So Allah made them to taste the disgrace in the present life, but greater is the torment of the Hereafter if they only knew!
27. And indeed we have put forth for men, In This Qur'an every kind of similitude in order that they may remember.


คำแปล R2.
25. บรรดาจำพวกในยุคก่อนหน้าพวกเขาก็เคยว่าศาสนทูตมุสามาก่อนแล้วเหมือนกัน ต่อมาการลงโทษก็มาประสบแก่พวกเขาโดยพวกเขาไม่รู้สึกตัวเลย
26. แล้วอัลเลาะฮฺก็บันดาลให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตทางโลกนี้ แต่ที่จริงแล้ว การลงโทษในโลกหน้าย่อมใหญ่หลวงยิ่งกว่า แม้นพวกเขารู้
27. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้ยกอุทาหรณ์แก่มวลมนุษย์ไว้ในกุรอานนี้ทุก ๆ ด้าน เพื่อพวกเขาจะได้สำนึกตน


คำแปล R3.
25.   หลายคนก่อนหน้าพวกเขาก็ได้เคยปฏิเสธเช่นนี้มาแล้ว ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับการลงโทษโดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
26.   ดังนั้นอัลลอฮฺได้ทรงทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความอัปยศแม้กระทั่งในชีวิตแห่งโลกนี้ แต่การลงโทษของโลกหน้านั้นรุนแรงกว่ามากนัก ถ้าหากพวกเขาได้รู้
27.   และเราได้ยกข้อเปรียบเทียบทุกอย่างในกุรอานนี้สำหรับมนุษย์ ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้คิด


คำแปล R4.
25. บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้ปฏิเสธมาแล้ว ดังนั้นการลงโทษได้มีมายังพวกเขา โดยที่พวกเขาไม่รู้สึกตัว
26. ดังนั้น อัลลอฮฺทรงให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตของโลกนี้ และแน่นอนการลงโทษในปรโลกนั้นยิ่งใหญ่กว่า หากพวกเขาได้รู้
27. และโดยแน่นอน เราได้ยกไว้ในทุก ๆ อุทาหรณ์ในอัลกุรอานนี้สำหรับมนุษย์เพื่อพวกเขาจะได้ใคร่ครวญ


คำแปล R5.
๒๕. บรรดาผู้อยู่ในยุคก่อนหน้าพวกเขาได้เคยกล่าวหาศาสนทูตว่าพูดเท็จมาแล้วเหมือนกันแล้วการลงโทษก็ได้มาประสบแก่พวกเขาโดยเขาไม่รู้สึกตัวเลยแม้แต่น้อย
๒๖. ดังนั้น อัลเลาะห์ได้ให้พวกเขาลิ้มรสความอัปยศในชีวิตแห่งสากลโลกโดยพวกเขาถูกฆ่าตายเป็นต้นและการลงโทษในปรภพย่อมยิ่งใหญ่กว่าอย่างแน่นอน หากพวกเหล่านั้นรู้
๒๗. ขอสาบาน เราได้ยกอุทาหรณ์ไว้ในอัลกุรอานนี้ ทุกอย่างสำหรับมวลมนุษยชาติ เพื่อพวกเขาจักได้สำนึกในบทเรียนที่ชนชาติในยุคอดีตได้รับ แล้วเขาจะได้สำนึกตัวได้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 28 - 31


คำอ่าน
28. กุรฺอานัน อะเราะบียัน ฆ็อยเราะซีอิวาญิล ละอัลละฮุมยัตตะกูน
29. เฎาะเราะบัลลอฮุมะษะลัรฺ เราะญุลัน..ฟีฮิ ชุเราะกา..อุ มุตะชากิสูนะ วะเราะญุลัน..สะละมัล ลิเราะญุลิน ฮัลยัสตะวิยานิมะษะลา อัลหัมดุลิลลาฮฺ บัลอักษะรุฮุม ลายะอฺละมูน
30. อิน..นะกะมัยยิตุน วะอินนะฮุม..มัยยิตูน
31. ษุม..มะอิน..นะกุม เยามัลกิยามะติ อิน..ดะร็อบบิกุม ตัคตะศิมูน


คำแปล R1.
28. An Arabic Qur'an, without any crookedness (therein) in order that they may avoid all evil which Allah has ordered them to avoid, fear him and keep their duty to him.
29. Allah puts forth a similitude: a (slave) man belonging to many partners (like those who worship others along with Allah) disputing with one another, and a (slave) man belonging entirely to one master, (like those who worship Allah alone). Are those two equal in comparison? All the praises and thanks be to Allah! But most of them know not.
30. Verily, you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) will die and verily, they (too) will die.
31. Then, on the Day of Resurrection, you will be disputing before your Lord.


คำแปล R2.
28. นั่นคือกุรฺอานที่เป็นภาษาอาหรับ ซึ่งไม่มีข้อพิพาท เพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรง
29. อัลเลาะฮฺได้ทรงยกอุทาหรณ์หนึ่งคือ มีชายคนหนึ่ง(เป็นทาส)ของนายที่ร่วมสิทธิหลายคน ที่มีนิสัยขัดแย้งกัน และชายอีกคนหนึ่งที่มีนายปกครองเพียงคนเดียว ชายทั้งสองคนนั้นจะมีสภาพเท่าเทียมกันหรือ? (แน่นอนย่อมไม่เทียมกัน) “อัลฮัมดุลิลลาฮฺ!” ทว่า! คนพวกนั้นส่วนมากไม่รู้
30. แท้จริงเจ้านั้นจะต้องตาย และพวกเขาเหล่านั้นก็จะต้องตายเหมือนกัน
31. ภายหลังจากนั้น แท้จริงพวกเจ้ายังจะต้องโต้เถียงกันในวันกิยามะฮฺ ณ องค์อภิบาลของพวกเจ้า


คำแปล R3.
28. กุรอานเป็นภาษาอาหรับ ที่ไม่มีการคดเคี้ยวใด ๆ ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ปกป้องตัวเองจากบั้นปลายอันชั่วร้าย
29. อัลลอฮฺได้ทรงยกอุปมาอย่างหนึ่งขึ้นมาดังนี้: มีชายคนหนึ่งตกเป็นส่วนแบ่งของนายหลายคน แต่ละคนต่างก็ดึงเขาไปหาตัวเอง และมีชายอีกคนหนึ่งซึ่งเป็นของนายเพียงคนเดียว ข้อเปรียบเทียบทั้งสองนี้จะเหมือนกันกระนั้นหรือ? การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้
30. (โอ้ นบี) แท้จริงเจ้าต้องตาย และพวกเขาก็ต้องตายด้วยเช่นกัน
31. แล้วในวันฟื้นคืนชีพ สูเจ้าทั้งหมดจะนำข้อถกเถียงของเจ้ามาแสดงต่อหน้าพระผู้อภิบาลของสูเจ้า


คำแปล R4.
28. กุรอานเป็นภาษาอาหรับ ไม่มีการคดเคี้ยวเพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรง
29. อัลลอฮฺทรงยกอุทาหรณ์ชายคนหนึ่งเป็นของหุ้นส่วนหลายคน พวกเขาขัดแย้งไม่ลงรอยกัน และชายอีกคนหนึ่งเป็นของชายคนหนึ่งโดยเฉพาะ ทั้งสองนี้จะเป็นอุทาหรณ์ที่เท่าเทียมกันหรือ? การสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
30. แท้จริงเจ้าจะต้องตาย และแท้จริงพวกเขาจะต้องตาย
31. แล้วแท้จริงพวกเจ้าในวันกิยามะฮฺจะถกเถียงกันต่อหน้าพระเจ้าของพวกเจ้า


คำแปล R5.
๒๘. คัมภีร์นี้คือกุรอานที่เป็นภาษาอาหรับโดยปราศจากความเคลือบแฝงใด ๆ เพื่อพวกเขาจะได้ยำเกรงต่อการที่จะเนรคุณและปฏิเสธ
๒๙. อัลเลาะห์ได้ยกอุทาหรณ์หนึ่ง คือมีชายคนหนึ่ง ซึ่งเขามีหุ้นส่วนหลายคนที่มีบุคลิกภาพอันทรามแตกต่างกัน และมีชายคนหนึ่งที่มีจิตบริสุทธิแท้เที่ยงต่อชายอีกคนหนึ่ง คนทั้งสองนั้นจะเท่าเทียมกันหรือ เป็นอุทาหรณ์ที่แสดงให้เห็นว่าย่อมไม่เท่าเทียมกันอย่างแน่นอน เปรียบดังบ่าวคนหนึ่งที่มีนายหลายคนกับบ่าวที่มีนายเพียงคนเดียว ย่อมจะแตกต่างกัน อุทาหรณ์นี้เป็นข้อเปรียบเทียบกับผู้ตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์ และผู้มีจิตยอมรับในเอกานุภาพของพระองค์ อันการสรรเสริญย่อมเป็นของอัลเลาะห์ หากทว่าพวกเขาส่วนมากไม่รู้เลยว่าพวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างไรในวันปรภพ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งสิ่งอื่นขึ้นเป็นภาคีคู่เคียงกับอัลเลาะห์
๓๐. โอ้มุฮำมัด แท้จริงเจ้านั้นต้องตาย และพวกเขาก็ต้องตายเหมือนกัน ดังนั้นการที่คนหนึ่งต้องตายนั้นหาใช่เป็นเรื่องอันควรสมน้ำหน้าไม่ ได้ประทานโองการนี้เมื่อพวกชาวมักกะห์รู้สึกว่า ท่านศาสดามุฮำมัด ตายช้าเหลือเกิน
๓๑. ต่อจากนั้น แท้จริงพวกเจ้าทั้งหลายจะต้องโต้เถียงกันในวันปรภพต่อองค์อภิบาลของพวกเจ้าในการฉ้อฉลซึ่งกันและกันที่ได้กระทำต่อกันในโลกปัจจุบัน



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 32 - 35


คำอ่าน
32. ฟะมันอัซละมุมิม..มัน..กะซะบะ อะลัลลอฮิ วะกัซซะบะบิศศิดกิ อิซญา...อะฮฺ อะลัยสะฟีญะฮัน..นะมะ มัษวัลลิลกาฟิรีน
33. วัลละซี ญา...อะบิศศิดกิ วะศ็อดดะเกาะบิฮี อุลา...อิกะฮุมุลมุตตะกูน
34. ละฮุม..มายะชา...อูนะ อิน..ดะร็อบบิฮิม ซาลิกะญะซา...อุลมุหฺสินีน
35. ลุยุกัฟฟิร็อลลอฮุ อันฮุม อัสวะอัลละซี อะมิลู วะยัจญซิยะฮุม อัจญเราะฮุม บิอะหฺสะนิลละซี กานูยะอฺมะลูน


คำแปล R1.
32. Then, who does more wrong than one who utters a lie against Allah, and denies the truth [This Qur'an, the Prophet (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), the Islamic Monotheism, the Resurrection and the reward or punishment according to good or evil deeds] when it comes to him! Is there not in Hell an abode for the disbelievers?
33. And he (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) who has brought the truth (this Qur'an and Islamic Monotheism) and (those who) believed therein (i.e. the true believers of Islamic Monotheism), those are Al- Muttaqun (the pious and righteous persons - see V.2:2).
34. They shall have all that they will desire with their Lord. That is the reward of Muhsinun (good-doers - see V.2:112).
35. So that Allah may remit from them the evil of what they did and give them the reward, according to the best of what they used to do.


คำแปล R2.
32. ผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าบุคคลที่มุสาต่ออัลเลาะฮฺ และว่าสัจธรรมเป็นความเท็จเมื่อสัจธรรมนั้นได้มาสู่เขา ก็ในนรกญะฮันนัมมิใช่หรือ ที่เป็นที่พำนักของเหล่าชนที่ไร้ศรัทธา
33. และผู้ที่นำมาซึ่งสัจธรรม และเขาได้รับรองในสัจธรรมนั้น (ด้วยการปฏิบัติตามข้อบัญญัติเป็นอันดี) พวกเหล่านั้นย่อมเป็นผู้ยำเกรงอันแท้จริง
34. พวกเขาย่อมได้รับสิ่งที่พวกเขาปรารถนา ณ องค์อภิบาลของพวกเขา นั้นเป็นการตอบแทนแก่มวลผู้ประพฤติดีทั้งมวล
35. เพื่ออัลเลาะฮฺจะได้นิรโทษแก่พวกเขาในความเลวที่พวกเขาประพฤติไว้ และทรงตอบแทนแก่พวกเขาซึ่งกุศลรางวัลของพวกเขา ที่ดียิ่งไปกว่าสิ่งที่พวกเขาได้เคยประพฤติไว้เสียอีก


คำแปล R3.
32. ดังนั้น ใครเล่าจะชั่วร้ายยิ่งไปกว่าคนที่สร้างความเท็จต่ออัลลอฮฺและปฏิเสธสัจธรรมเมื่อมันได้มายังเขา? มิใช่ในนรกดอกหรือที่เป็นสถานที่สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธเหล่านั้น?
33. ส่วนคนที่มาพร้อมกับสัจธรรม และผู้ยืนยันสัจธรรม แท้จริงพวกเขาเป็นผู้ได้รับความปลอดภัยจากการลงโทษ
34. พวกเขาจะได้รับสิ่งที่พวกเขาต้องการจากพระผู้อภิบาลของพวกเขา นี่คือการตอบแทนของบรรดาผู้ทำความดี
35. เพื่อที่อัลลอฮฺจะได้ทรงลบล้างความชั่วที่พวกเขาได้ทำไว้ออกจากบัญชีของพวกเขา และทรงตอบแทนพวกเขาตามความดีที่พวกเขาได้ทำไว้


คำแปล R4.
32. ดังนั้น ผู้ใดเล่าที่จะอธรรมยิ่งไปกว่าผู้กล่าวเท็จต่ออัลลอฮฺ และปฏิเสธความจริงเมื่อมันได้มีมายังเขา มิใช่ในนรกดอกหรือที่เป็นที่พำนักสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา
33. ส่วนผู้ที่นำความจริงมา และเขาได้เชื่อมั่นความจริงนั้น ชนเหล่านี้ พวกเขาคือบรรดาผู้ยำเกรง
34. สำหรับพวกเขานั้น จะได้สิ่งที่พวกเขาต้องการ ณ ที่พระเจ้าของพวกเขา นั่นคือการตอบแทนของบรรดาผู้กระทำความดี
35. เพื่อที่อัลลอฮฺจะทรงลบล้างความชั่วที่พวกเขากระทำไว้ออกจากพวกเขา และจะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขาแก่พวกเขาด้วยสิ่งที่ดียิ่งตามที่พวกเขาได้ กระทำไว้


คำแปล R5.
๓๒. ใครกันเล่าที่จะทุจริตยิ่งไปกว่าบุคคลที่กล่าวเท็จแก่อัลเลาะห์ และกล่าวหาสัจธรรมเป็นเรื่องเท็จ เมื่อสัจธรรมนั้นได้มาสู่เขา ก็ในนรกยะฮันนำมิใช่หรือเป็นที่พำนักของมวลผู้ทรยศทั้งหลาย
๓๓. และผู้ที่นำสัจธรรมมาเพื่อการเชื่อถือประพฤติ และเผยแพร่สู่มวลมนุษยชาติและเขามีความเลื่อมใสในสัจธรรมนั้นแน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นผู้สังวรตนโดยแท้จริง
๓๔. พวกเขามีสิทธิได้รับสิ่งที่พวกเขาปรารถนา จากองค์อภิบาลของพวกเขา สิ่งนั้นเป็นการตอบแทนแก่บรรดาผู้ประพฤติธรรมทั้งหลาย
๓๕. เพื่ออัลเลาะห์ทรงนิรโทษแก่พวกเขาในความประพฤติอันเลวทรามยิ่งของพวกเขา และพระองค์ทรงตอบสนองพวกเขาซึ่งรางวัลของพวกเขา เพราะความประพฤติอันดีงามยิ่งของพวกเขาที่ได้กระทำผ่านพ้นมาในสากลโลก


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 36 - 37


คำอ่าน
36. อะลัยสัลลอฮุ บิกาฟินอับดะฮฺ วะยุค็อววิฟูนะกะ บิลละซีนะมิน..ดูนิฮฺ วะมัย..ยุฎลิลลาฮุ ฟะมาละฮูมินฮาด
37. วะมัย..ยะฮฺดิลลาฮุ ฟะมาละฮูมิม..มุฎิลลฺ อะลัยสัลลอฮุ บิอะซีซิน..ซิน..ติกอม


คำแปล R1.
36. Is not Allah Sufficient for his slave? Yet they try to frighten you with those (whom they worship) besides him! And whom Allah sends astray, for him there will be no guide.
37. And whomsoever Allah guides, for him there will be no misleader. Is not Allah All-Mighty, Possessor of Retribution?


คำแปล R2.
36. ก็อัลเลาะฮฺมิใช่หรือที่ทรงปกป้องบ่าวของพระองค์ และพวกเขานำเอาสิ่ง(ที่พวกเขาสร้างขึ้นมากราบไหว้บูชา)อื่นจากพระองค์มาขมขู่เจ้า และใครก็ตามที่อัลเลาะฮปล่อยให้เขาหลงผิด แน่นอนจะไม่มีผู้ใดชี้นำเขาได้
37. และใครที่อัลเลาะฮฺทรงชี้นำ ก็จะไม่มีผู้ใดทำให้เขาหลงผิดได้ อัลเลาะฮฺมิใช่หรือที่ทรงอำนาจยิ่ง อีกทั้งทรงตอบแทนโทษ?


คำแปล R3.
36. (โอ้ นบี) อัลลอฮฺไม่เพียงพอกระนั้นหรือสำหรับบ่าวของพระองค์? คนเหล่านี้ข่มขู่เจ้าด้วยสิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ และใครที่อัลลอฮฺได้ทรงทำให้เขาหลงทาง ก็จะไม่มีใครนำทางเขา
37. และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงชี้ทางให้ ก็ไม่มีใครที่สามารถจะทำให้เขาหลงทางได้ อัลลอฮฺมิใช่ผู้ทรงอำนาจและผู้ทรงสามารถตอบโต้ได้กระนั้นหรือ?


คำแปล R4.
36. อัลลอฮฺจะมิทรงเป็นผู้พอเพียงแก่บ่าวของพระองค์ดอกหรือ และพวกเขายังขู่เจ้าให้กลัวด้วยเจว็ดต่าง ๆ อื่นจากพระองค์และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงให้เขาหลงทาง ดังนั้นสำหรับเขาจะไม่มีผู้ชี้นำทาง
37. และผู้ใดที่อัลลอฮฺทรงชี้นำทาง ดังนั้นก็ไม่มีผู้ใดจะทำให้เขาหลงทางได้ อัลลอฮฺมิใช่เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงตอบโต้อย่างเด็ดขาดดอกหรือ


คำแปล R5.
๓๖. ก็อัลเลาะห์มิใช่หรือที่ทรงยังความพอเพียงแก่บ่าวของพระองค์ และพวกเขา ชาวมักกะห์ นำสิ่งสักการะอื่น ๆ อันนอกเหนือจากอัลเลาะห์มาขู่เข็ญเจ้าให้รู้สึกกลัว และบุคคลใดก็ตามที่อัลเลาะห์ทรงดลความหลงผิดแก่เขา แน่นอนจะไม่มีผู้ใดนำทางแก่เขาได้
๓๗. และบุคคลใดที่อัลเลาะห์ทรงชี้นำ ก็จะไม่มีผู้ใดยังความหลงผิดแก่เขาได้ ก็อัลเลาะห์มิใช่หรือ ผู้ทรงไว้ซึ่งอำนาจยิ่งผู้ทรงทำการลงโทษแก่มวลผู้เนรคุณที่ตั้งตนเป็นศัตรูต่อแนวทางของพระองค์


-------------------------------------------------------------------

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 38 - 40


คำอ่าน
38. วะละอิน..สะอัลตะฮุม..มันเคาะละก็อสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะ ละยะกูลุน..นัลลอฮฺ กุลอะฟะเราะอัยตุม..มาตัดอูนะมิน..ดูนิลลาฮิ อินอะรอดะนิยัลลอฮุ บิฎุรฺริน ฮัลฮุน..นะกาชิฟาตุฏุรฺริฮี เอาอะรอดะนี บิเราะหฺมะติน ฮัลฮุน..นะมุมสิกาตุเราะหฺมะติฮฺ กุลหัสบิยัลลอฮฺ อะลัยฮิ ยะตะวักกะลุลมุตะวักกิลูน
39. กุลยาก็อวมิอฺมะลู อะลามะกานะติกุม อิน..นีอามิล ฟะเสาฟะตะอฺละมูน
40. มัย..ยะอ์ตีฮิอะซาบุย..ยุคซีฮิ วะยะหิลลุอะลัยฮิ อะซาบุม..มุกีม


คำแปล R1.
38. And verily, if you ask them: "Who created the heavens and the earth?" surely, they will say: "Allah (has created them)." say: "Tell me then, the things that you invoke besides Allah, if Allah intended some harm for me, could they remove his harm, or if He (Allah) intended some Mercy for me, could they withhold his Mercy?" Say: "Sufficient for me is Allah; in Him those who trust (i.e. believers) must put their trust."
39. Say: (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) "O my people! Work according to your way, I am working (according to my way). Then you will come to know,
40. "To whom comes a disgracing torment and on whom descends an everlasting torment."


คำแปล R2.
38. ขอยืนยัน! มาดแม้นเจ้าถามพวกเขาว่าใครกันที่บันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน แน่นอนพวกเขาก็จะตอบว่า “อัลเลาะฮฺ!” จงประกาศเถิด! “พวกเจ้ามิได้สังเกตดอกหรือในสิ่งที่พวกเจ้าวอนนมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ มาดแม้นอัลเลาะฮฺทรงปรารถนาให้มีเภทภัยมาประสบแก่ฉัน สิ่งเหล่านั้นสามารถคลี่คลายภัยนั้นได้หรือ? หรือหากพระองค์ทรงประสงค์จะประทานความเมตตาแก่ฉันแล้ว สิ่งเหล่านั้นจะสามารถยับยั้งความเมตตาของพระองค์ได้หรือ?” จงประกาศเถิด! อัลเลาะฮฺเป็นที่เพียงพอแก่ฉันแล้ว! บรรดาผู้มอบหมายต่างก็มอบหมายต่อพระองค์
39. จงประกาศเถิด! “โอ้กลุ่มชนของฉัน! พวกท่านพึงประพฤติตามฐานะของพวกท่าน และฉันเองก็ต้องประพฤติ(ตามฐานะของฉัน) และพวกท่านก็จะได้รู้ (ถึงผลตอบแทนในการประพฤติของพวกท่านเอง)”
40. “ใครหนอที่การลงโทษอันอัปยศมาประสบแก่เขา พร้อมกับการลงโทษอันยั่งยืนอุบัติแก่เขา?”


คำแปล R3.
38. ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน?” พวกเขาจะกล่าวว่า “อัลลอฮฺ” จงถามพวกเขาว่า “ก็ในเมื่อความจริงเป็นเช่นนี้แล้ว พวกท่านคิดหรือว่าถ้าหากอัลลอฮฺทรงประสงค์ให้ฉันได้รับความทุกข์ยากเดือดร้อนแล้ว สิ่งทั้งหลายที่พวกท่านวิงวอนแทนอัลลอฮฺจะปลดเปลื้องความทุกข์ยากเดือดร้อนของพระองค์ไปจากฉันได้?” ดังนั้น จงบอกพวกเขาไปว่า “อัลลอฮฺทรงเพียงพอแล้วสำหรับฉัน พระองค์เท่านั้นที่ผู้มอบหมายความไว้วางใจได้ให้ความไว้วางใจ”
39. จงบอกพวกเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย พวกท่านจงทำตามที่พวกท่านสามารถ ฉันก็จะทำงานของฉัน แล้วพวกท่านจะได้รู้
40. ใครที่ได้รับการลงโทษก็จะได้รับความอัปยศ และเขาจะได้รับการลงโทษอันยาวนาน”


คำแปล R4.
38. และถ้าเจ้าถามพวกเขาว่า ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่าอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดพวกท่านไม่เห็นดอกหรือว่า สิ่งที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺนั้น หากอัลลอฮฺทรงประสงค์จะให้มีความทุกข์ยากแก่ฉันแล้วพวกมันจะปลดเปลื้องความ ทุกข์ยากของพระองค์ได้ไหม? หรือหากพระองค์ประสงค์จะให้ความเมตตาแก่ฉันพวกมันจะยับยั้งความเมตตาของ พระองค์ได้ไหม? จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด อัลลอฮฺทรงพอเพียงแก่ฉันแล้ว แต่พระองค์เท่านั้น บรรดาผู้มอบความไว้วางใจจะให้ความไว้วางใจ
39. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด โอ้หมู่ชนของฉันเอ๋ย! จงทำงานตามสภาพของพวกท่าน แท้จริงฉันก็เป็นผู้ทำงาน แล้วพวกท่านจะได้รู้
40. ผู้ที่การลงโทษจะมีมายังเขาก็จะทำให้เขาอัปยศ และการลงโทษตลอดกาลจะประสบแก่เขา


คำแปล R5.
๓๘. ขอสาบาน หากแม้นเจ้าซักถามพวกเขาว่า ใครกันที่สร้างชั้นฟ้าและแผ่นดิน แน่นอนพวกเขาก็จะตอบว่าอัลเลาะห์เป็นผู้สร้างสิ่งดังกล่าว โอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิด พวกท่านทั้งหลายเห็นเป็นประการใดจงแจ้งให้ฉันทราบเถิดอันสิ่งที่พวกท่านวอนขอนอกเหนือจากอัลเลาะห์ หากแม้นอัลเลาะห์ทรงประสงค์จะให้เกิดอันตรายแก่ฉัน พวกสิ่งต่าง ๆ ที่ถูกวอนขอและสักการะเหล่านั้นจะคลี่คลายอันตรายของพระองค์ได้หรือ หรือพระองค์ทรงประสงค์ที่จะประทานความเมตตาแก่ฉัน แล้วพวกเหล่านั้นจะระงับความเมตตาของพระองค์ไว้ได้หรือโอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิด อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวก็เป็นการเพียงพอแล้วแก่ฉันโดยไม่ต้องมีสิ่งอื่นใดทั้งสิ้นบรรดาผู้มอบหมายทั้งหลายต่างก็มอบหมายชีวิต เลือดเนื้อ ร่างกาย และจิตวิญญาณแด่พระองค์เพียงพระองค์เดียว
๓๙. โอ้มุฮำมัด จงประกาศเถิด โอ้พวกพ้องของฉันจงประพฤติตามหน้าที่ของพวกท่านเถิด เพราะตัวฉันเองก็ต้องประพฤติตามหน้าที่ของฉันประดุจเดียวกัน หาใช่ว่าหน้าที่ต่าง ๆ ที่ฉันประกาศออกไปนั้นจะบังคับเฉพาะพวกท่านโดยยกเว้นตัวฉันก็หาไม่แล้วต่อไปพวกท่านก็จะรู้
๔๐. บุคคลใดก็ตามที่การลงโทษทัณฑ์มาประสบแก่เขา โทษนั้นก็จะทำให้เขาอัปยศและเขาจะต้องได้รับโทษนั้นอย่างถาวรตลอดไป ไม่มีใครสามารถช่วยเหลือเขาได้


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 26, 2011, 10:10 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 41 - 45


คำอ่าน
41. อิน..นา..อัน..ซัลนาอะลัยกัลกิตาบะ ลิน..นาสิ บิลหักกฺ ฟะมะนิฮฺตะดา ฟะลินัฟสิฮฺ วะมัน..ฎ็อลละ ฟะอิน..นะมายะฎิลลุอะลัยฮา วะมา..อัน..ตะอะลับฮิม..บิวะกีล
42. อัลลอฮุ ยะตะวัฟฟัลอัน..ฟุสะ หีนะเมาติฮา วัลละตี ลัมตะมุต ฟีมะนามิฮา ฟะยุมสิกุลละตี เกาะฎออะลัยฮัลเมาตะ วะยุรฺสิลุอุครอ..อิลา..อะญะลิม..มุสัม..มา อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติล ลิก็อวมี..ยะตะฟักกะรูน
43. อะมิตตะเคาะซู มิน..ดูนิลลาฮิ ชุฟะอา...อ์ กุลอะวะเลากานู ลายัมลิกูนะ ชัยเอา..วะลายะอฺกิลูน
44. กุลลิลลาฮิชะฟาอะตุ ญะมีอา ละฮูมุลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ ษุม..มะอิลัยฮิตุรฺญะอูน
45. วะอิซาซุกิร็อลลอฮุ วะหฺดะฮุชมะอัซซัต กุลูบุลละซีนะ ลายุอ์มินูนะ บิลอาคิเราะฮฺ วะอิซาซุกิร็อลละซีนะ มิน..ดูนิฮี..อิซาฮุม ยัสตับชิรูน


คำแปล R1.
41. Verily, we have sent down to you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) the Book (this Qur'an) for mankind in truth. So whosoever accepts the guidance, it is only for his own self, and whosoever goes astray, he goes astray only for his (own) loss. And you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) are not a Wakil (trustee or disposer of affairs, or keeper) over them.
42. It is Allah who takes away the souls at the time of their death, and those that die not during their sleep. He keeps those (souls) for which He has ordained death and sends the rest for a term appointed. Verily, in this are signs for a people who think deeply.
43. Have they taken others as intercessors besides Allah? Say: "Even if they have power over nothing whatever and have no intelligence?"
44. Say: "To Allah belongs all intercession. His is the sovereignty of the heavens and the earth, then to Him you shall be brought back."
45. And when Allah alone is mentioned, the hearts of those who believe not in the Hereafter are filled with disgust (from the Oneness of Allah and when those (whom they obey or worship) besides Him [like all false deities other than Allah, it may be a Messenger like 'Iesa (Jesus) - son of Maryam (Mary), 'Uzair (Ezra), an angel, a pious man, a jinn, or any other creature even idols, graves of religious people, saints, priests, monks, etc.] are mentioned, behold, they rejoice!


คำแปล R2.
41. แท้จริงเราได้ลงคัมภีร์(อัลกุรอาน)มายังเจ้าเพื่อมวลมนุษย์โดยสัจจะ ดังนั้นผู้ใดได้รับการชี้นำทาง สิ่งนั้นก็เป็นคุณแก่ตัวเขาเอง และผู้ใดหลงทาง ความจริงแล้วเขาก็หลงแก่ตัวเอง ส่วนเจ้านั้นไม่มีหน้าที่รับมอบหมายแทนตัวเขาเลย
42. อัลเลาะฮฺทรงเก็บชีวิตทั้งหลายเมื่อครบกำหนดตายของเขาและ(ทรงเก็บ)ชีวิตที่ไม่ตายในขณะนอนหลับ ดังนั้นพระองค์ก็จะทรงยืดชีวิตของผู้ที่ทรงกำหนดความตายแก่เขาและทรงปล่อยชีวิตอื่น ๆ (ใหมีชีวิตต่อไป) ตราบถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้ แท้จริงในนั้นย่อมมีสัญลักษณ์ต่าง ๆ สำหรับกลุ่มชนที่มีการตริตรอง
43. สมควรหรือที่พวกเขาอุปโลกน์สิ่งอื่น ๆ นอกจากอัลเลาะฮฺขึ้นมาเป็นผู้สงเคราะห์ จงประกาสฌถิด! “แม้ว่าพวกเหล่านั้นจะไม่มีอำนาจปกครองสักกรณีเดียวก็ตาม(พวกเจ้าก็ยังยึดมาเป็นผู้สงเคราะห์อีก)กระนั้นหรือ? และพวกเหล่านั้นไม่ใช้ปัญญาเลย
44. จงประกาศเถิด! การสงเคราะห์ทั้งมวลนั้นเป็นของอัลเลาะฮฺองค์เดียว พระองค์ทรงอกนาจปกครองฟากฟ้าและแผ่นดิน หลังจากนั้นพวกเจ้าก็ต้องถูกนำตัวไปยังพระองค์ (เพื่อรอรับการพิพากษา)
45. และในเมื่อมีการกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะฮฺเพียงพระองค์เดียว จิตใจของมวลผู้ไม่ศรัทธาในวันชาติหน้าก็จะหน่ายแหนง และเมื่อบรรดา(สิ่งกราบไหว้อื่น ๆ )นอกเหนือจากอัลเลาะฮฺถูกกล่าวถึง พวกนั้นก็จะแสดงความปีติยินดีโดยพลัน


คำแปล R3.
41. (โอ้ นบี) เราได้ประทานคัมภีร์นี้แก่เจ้าเพื่อมนุษยชาติทั้งมวลด้วยความจริง ดังนั้นใครก็ตามที่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง ก็จะได้แก่ตัวเขาเอง และใครก็ตามที่หลงผิด เขาก็จะต้องแบกภาระการหลงผิดของเขาเอง เจ้าไม่ต้องรับผิดชอบต่อพวกเขา
42. อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเอาชีวิตในตอนที่ตาย และชีวิตของคนที่ยังไม่ตายในระหว่างการนอนหลับ หลังจากนั้นพระองค์ก็จะทรงเอาชีวิตของผู้ที่พระองค์ได้ทรงกำหนดความตายไว้แล้ว และทรงปล่อยชีวิตอื่นกลับไปจนกระทั่งถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้ แท้จริง ในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับหมู่ชนที่ใคร่ครวญ
43. แล้วเขายังจะเอาสิ่งอื่นนอกไปจากอัลลอฮฺเป็นผู้ช่วยขอไถ่โทษกระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาเหล่านั้นไม่มีอำนาจใดและไม่มีความเข้าใจ?”
44. จงกล่าวเถิด “การขอไถ่โทษนั้นอยู่ในอำนาจของอัลลอฮฺทั้งหมด อำนาจแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของพระองค์ หลังจากนั้น สูเจ้าก็จะถูกนำกลับไปยังพระองค์”
45. และเมื่ออัลลอฮฺองค์เดียวได้ถูกเอ่ยขึ้น หัวใจของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในวันโลกหน้าก็จะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่เมื่อสิ่งอื่น ๆ นอกไปจากพระองค์ได้ถูกเอ่ยขึ้นมา พวกเขาก็รู้สึกดีใจขึ้นมาทันที


คำแปล R4.
41. แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้าเพื่อมนุษยชาติด้วยสัจธรรม ดังนั้นผู้ใดปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้องก็จะได้แก่ตัวของเขาเองและผู้ใดหลง ทางเขาก็จะหลงอยู่บนทางที่ผิดและเจ้ามิได้เป็นผู้รับผิดชอบต่อพวกเขา
42. อัลลอฮฺทรงปลิดชีวิตในยามตายของมัน และมัน(ชีวิต)จะยังไม่ตายในยามนอนหลับของมัน พระองค์จะทรงปลิดชีวิตที่พระองค์ทรงกำหนดความตายให้แก่มันและพระองค์ทรงยืดชีวิตอื่นไปจนถึงเวลาที่กำหนดไว้แท้จริงในการนั้น แน่นอนย่อมเป็นสัญญาสำหรับหมู่ชนผู้ใคร่ครวญ
43. หรือว่าพวกเจ้าได้ยึดเอาบรรดาผู้ช่วยเหลืออื่นจากอัลลอฮฺ จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดทั้ง ๆ ที่พวกมันมิได้มีอำนาจใด ๆ และพวกมันก็ไม่มีสติปัญญากระนั้นหรือ?
44. แล้วพวกท่านจะถูกนำกลับไปยังพระองค์
45. และเมื่อ (พระนาม) อัลลอฮฺถูกกล่าวเพียงพระองค์เดียว จิตใจของบรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อวันอาคิเราะฮฺก็รังเกียจแต่เมื่อบรรดาเจว็ดถูกกล่าวนอกจากพระองค์ เมื่อนั้นพวกเขาก็ดีใจ


คำแปล R5.
๔๑. แท้จริงเราได้ประทานคัมภีร์แก่เจ้าเพื่อมวลมนุษยชาติโดยสัจจะ ดังนั้นผู้ใดสนองคำชี้นำ แน่นอนก็จะเป็นมรรคผลสำหรับตัวของเขาเอง และผู้ใดหลงผิดงมงายไม่รับศรัทธาในคัมภีร์แต่ยังดื้อดึงที่จะประพฤติตามแบบเดิมที่เคยมาแต่บรรพบุรุษแน่นอนที่สุด เขาก็ทำความหลงผิดแก่ตัวของเขาเองซึ่งเขาต้องรับผิดชอบและถูกลงโทษในที่สุดและเจ้านั้นมิใช่ผู้รับมอบหมายในการที่จะรับผิดชอบแก่พวกเขาในทุกกรณี จนแม้แต่ความเชื่อถือของพวกนั้น
๔๒. อัลเลาะห์ทรงให้ชีวิตทั้งหลายสิ้นอายุขัยเมื่อถึงวาระตายที่พระองค์ได้ทรงกำหนดไว้ และทรงให้สิ้นอายุขัยแก่ชีวิตที่ยังไม่ตายในยามหลับนอนโดยดลให้หมดความรู้สึกประหนึ่งเสียชีวิตไป แล้วพระองค์ก็ทรงกักชีวิตที่พระองค์ทรงกำหนดความตายแก่เขาแล้ว ไว้ไม่ส่งคืนเข้าสู่ร่างทำให้เขาเสียชีวิตไปเลย ไม่มีการฟื้นขึ้นมาอีก จนกว่าจะถึงวันปรภพ และพระองค์ทรงส่งชีวิตอื่น ๆ ที่ไม่ได้กำหนดความตายไว้ให้เข้ากลับสู่ร่าง ภายหลังความรู้สึกได้โบยบินออกไปจากเขาในยามหลับจนถึงกำหนดที่แน่ชัด เขาก็ตื่นขึ้นมาจากความหลับนั้นมีชีวิตเป็นปกติต่อไป แท้จริงสิ่งนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์สำหรับกลุ่มชนที่ตรึกตรองจะได้พิสูจน์ถึงอานุภาพแห่งเอกองค์อัลเลาะห์เจ้าได้เป็นอันดี
๔๓. หรือว่าพวกเขาได้ยึดเอาบรรดาสิ่งอื่นนอกจากอัลเลาะห์ไว้เป็นที่สงเคราะห์ตัวเขาเพื่อปลอดพ้นไปจากการลงโทษที่อัลเลาะห์จะทรงบันดาลให้อุบัติขึ้น โอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิด พวกเหล่านั้นสามารถสงเคราะห์ได้กระนั้นหรือทั้ง ๆ ที่ถึงแม้นพวกนั้นไม่มีสิทธิปกครองสิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย ไม่ว่าจะเป็นการสงเคราะห์หรืออย่างอื่นก็ตามและพวกนั้นไม่มีสติรู้เลยว่าพวกท่านได้ทำการกราบไหว้นมัสการมันเพราะที่จริงสิ่งเหล่านั้นก็เป็นเพียงวัตถุที่ถูกสร้างขึ้นโดยฝีมือของพวกท่านเอง หาได้มีความรู้สึกนึกคิดแต่อย่างใด ๆ ไม่ แล้วมันจะสงเคราะห์พวกท่านได้อย่างไร
๔๔. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงประกาศเถิด การสงเคราะห์ทั้งมวลย่อมเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะอัลเลาะห์เท่านั้นหามีผู้ใดร่วมสิทธินั้นกับพระองค์แต่อย่างใด ๆ ไม่ พระองค์ทรงสิทธิ์ปกครองชั้นฟ้าและแผ่นดิน หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะถูกส่งคืนกลับไปสู่พระองค์เพื่อรอรับการพิจารณาโทษและตัดสินต่อไป
๔๕. และเมื่อมีการกล่าวรำลึกถึงอัลเลาะห์แต่เพียงพระองค์เดียวโดยไม่นำพาพระเจ้าจอมปลอมทั้งหลายเข้ามาร่วมเป็นภาคด้วยแน่นอนดวงใจของมวลผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้าก็คงหน่ายแหนงไม่รู้สึกสนิทสนมหรือชื่นชมแต่อย่างใด ๆ และเมื่อบรรดาพระเจ้าจอมปลอมอันนอกเหนือไปจากพระองค์ถูกกล่าวรำลึกถึง พลันพวกไม่ศรัทธานั้นก็มีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด


สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 46 - 48


คำอ่าน
46. กุลิลลาฮุม..มะ ฟาฏิริสสะมาวาติ วัลอัรฺฎิอาลิมัลฆ็อยบิ วัชชะฮาดะติ อัน..ตะตะหฺกุมุ บัยนะอิบาดิกะ ฟีมากานู ฟีฮิยัคตะลิฟูน
47. วะเลาอัน..นะลิลละซีนะ เซาะละมู มาฟิลอัรฺฎิ ญะมีเอา..วะมิษละฮูมะอะฮุ ลัฟตะเดาบิฮี มิน..สู...อิลอะซาบิ เยามัลกิยามะฮฺ วะบะดาละฮุม..มินัลลอฮิ มาลัมยะกูนูยะหฺตะสิบูน
48. วะบะดาละฮุม สัยยิอาตุ มากะสะบู วะหาเกาะบิฮิม..มากานูบิฮี ยัสตะฮฺซิอูน


คำแปล R1.
46. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "O Allah! Creator of the heavens and the earth! All-Knower of the Ghaib (unseen) and the seen. You will judge between your slaves about that wherein they used to differ."
47. And those who did wrong (the polytheists and disbelievers In the Oneness of Allah), if they had all that is in earth and therewith as much again, they verily, would offer it to ransom themselves therewith on the Day of Resurrection from the evil torment, and there will become apparent to them from Allah, what they had not been reckoning.
48. And the evils of that which they earned will become apparent to them, and they will be encircled by that which they used to mock at!


คำแปล R2.
46. จงกล่าวเถิด! “โอ้ อัลเลาะฮฺ! ผู้ทรงเนรมิตฟากฟ้าและแผ่นดิน ผู้ทรงรอบรู้ความเร้นลับและสิ่งเปิดเผยทั้งปวง พระองค์ทรงตัดสินระหว่างมวลข้าทาสของพระองค์ในกรณีที่พวกเขาเคยพิพาทกันมาก่อน”
47. และมาดแม้นพวกทุตริตจะมีสรรพสิ่งในพื้นพิภพทั้งหมดและอีกเท่าตัวที่เหมือนกับมัน แน่นอนพวกเขาก็ต้องนำมันมาไถ่ตัวให้พ้นจากความเลวร้ายแห่งโทษทัณฑ์ในวันชาติหน้า (แต่ก็ไม่สามารถไถ่ได้) และได้ประจักษ์แก่พวกเขาแล้วจากอัลเลาะฮฺ สิ่งที่พวกเขาไม่เคยได้คิดมาก่อนเลย
48. และได้ประจักษ์แก่พวกเขา ความชั่วร้ายจากสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้และ(การลงโทษ)ที่พวกเขาได้เคยนำมันมาเย้ยหยันก็อุบัติแก่พวกเขา


คำแปล R3.
46.   จงกล่าวเถิดว่า “โอ้อัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับและสิ่งที่เปิดเผย พระองค์เท่านั้นที่จะทรงตัดสินระหว่างบ่าวของพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกัน
47.   และถ้าหากบรรดาคนชั่วมีทุกสิ่งทั้งในโลกนี้ทั้งหมดและมีมากเช่นนั้นอีก พวกเขาก็พร้อมที่จะนำทั้งหมดมาเสนอเป็นค่าไถ่เพื่อให้รอดพ้นจาการถูกลงโทษอย่างน่ากลัวในวันแห่งการฟื้นคืนชีพ แต่ถึงกระนั้น สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนจากอัลลอฮฺก็จะ ปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา
48.   ผลกรรมอันเลวร้ายในการทำความชั่วของพวกเขาจะปรากฏต่อหน้าพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาเคยหัวเราะเยาะนั้นก็จะออกมารายรอบพวกเขา


คำแปล R4.
46. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด ข้าแต่อัลลอฮฺพระผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับ และสิ่งเปิดเผย พระองค์ท่านจะทรงตัดสินระหว่างปวงบ่าวของพระองค์ในสิ่งที่พวกเขาขัดแย้งกันอยู่
47. และหากว่าบรรดาผู้อธรรมมีสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินนี้ทั้งหมด และมีเยี่ยงนั้นอีกด้วยแน่นอนพวกเขาจะขอไถ่ด้วยสิ่งนั้นให้พ้นจากการลงโทษ ที่ชั่วร้ายในวันกิยามะฮฺ แต่สิ่งที่พวกเขาไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่าสิ่งที่มาจากอัลลอฮฺนั้นจะปรากฏ ขึ้นแก่พวกเขา
48. และความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา และสิ่งที่พวกเขาได้เคยเยาะเย้ยไว้นั้นก็ห้อมล้อมพวกเขา


คำแปล R5.
๔๖. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศเถิดว่า โอ้อัลเลาะห์องค์ผู้ทรงบันดาลฟากฟ้าแลพแผ่นดิน พระองค์ทรงรอบรู้ทั้งสิ่งลี้ลับและเปิดเผย พระองค์ทรงพิพากษาระหว่างมวลข้าทาสของพระองค์ในกรณีที่พวกนั้นเคยพิพาทกันมาก่อนในสากลโลก ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็ยึดถือความคิดของตนว่าถูกต้อง และโยนความผิดแก่ฝ่ายอื่น ไม่ว่าจะเป็นการพิพาทในด้านใดก็ตาม เมื่อถึงวันปรภพอัลเลาะห์จะทรงพิพากษาด้วยพระองค์เอง
๔๗. และหากแม้นพวกอธรรมทั้งหลายมีสิทธิครอบครองสรรพสิ่งในแผ่นดินทั้งสิ้น และที่เหมือนกันนั้นด้วย แน่นอนพวกเขาก็คงนำมันมาไถ่ถอนตัวเองใฝห้พ้นจากการลงโทษอันร้ายแรงในวันปรภพและเป็นที่ประจักษ์ชัดสำหรับพวกเขาจากอัลเลาะห์สิ่งที่พวกเขาไม่เคยครุ่นคิดมาก่อนเลยว่าจะต้องมาประสบแก่ตัวเขา
๔๘. และความเลวร้ายจากความประพฤติของพวกเขาและการลงโทษซึ่งพวกเขาได้เคยล้อเลียนเมื่อมีชีวิตอยู่ในสากลโลกว่าจะไม่บังเกิดแก่พวกเขาก็ได้อุบัติแก่พวกเขาอย่างรุนแรง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัซซุมัรฺ อายะฮฺที่ 49 - 52


คำอ่าน
49. ฟะอิซามัสสัลอิน..สานะ ฎุรฺรุน..ดะอานา ษุม..มะอิซาค็อววัลนาฮุ นิอฺมะตัม..มิน..นา กอละอิน..นะมา..อูตีตุฮู อะลาอิลมฺ บัลฮิยะฟิตนะตู..วะลากิน..นะอักษะเราะฮุม ลายะอฺละมูน
50. ก็อดกอละฮัลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม ฟะมา..อัฆนาอันฮุม..มากานูยักสิบูน
51. ฟะอะศอบะฮุม สัยยิอาตุ มากะสะบู วัลละซีนะเซาะละมูมิน ฮา..อุลา...อิ สะยุศีบุฮุม สัยยิอาตุมากะสะบู วะมาฮุม..บิมุอฺญิซีน
52. อะวะลัมยะอฺละมู..อัน..นัลลอฮะ ยับสุฏุรฺริซเกาะ ลิมัย..ยะชา...อุวะยักดิรฺ อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติล ลิก็อวมี..ยุอ์มินูน


คำแปล R1.
49. When harm touches man, he calls to us (for help), then when we have (rescued him from that harm and) changed it into a favour from us, he says: "Only because of knowledge (that I possess) I obtained it." Nay, it is only a trial, but most of them know not!
50. Verily, those before them said it, yet (all) that they had earned availed them not.
51. So, the evil results of that which they earned overtook them. And those who did wrong of these [people to whom you (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) have been sent], will also be overtaken by the evil results (torment) for that which they earned, and they will never be able to escape.
52. Do they not know that Allah enlarges the provision for whom He wills, and straitens it (for whom He wills). Verily,in this are signs for the folk who believe!


คำแปล R2.
49. แท้จริงเมื่อเภทภัยได้สัมผัสแก่มนุษย์คนหนึ่ง เขาก็จักวอนขอต่อเรา หลังจากนั้นเมื่อเราได้มอบความโปรดปรานจากเราแก่เขา เขาก็กล่าวว่า “ความเป็นจริงที่ฉันได้รับสิ่งนั้นก็เพราะความรู้(และความชำนาญของฉันเอง)” ทว่า! มันเป็นการทดสอบ(ว่าเขาจะกตัญญูหรือไม่) แต่ทว่าพวกเขาส่วนมากไม่รู้
50. ที่จริงแล้วบรรดาประชาชาติในยุคก่อน พวกเขาก็กล่าวเช่นนี้เหมือนกัน แต่แล้วสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ก็หาได้ป้องกันพวกเขาไว้ได้ไม่
51. จากนั้นความเลวร้ายจากที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ก็มาประสบแก่พวกเขาและบรรดาพวกที่ทุจริตจากพวกเหล่านี้ก็จะมีความเลวร้ายจากสิ่งที่พวกเขาได้พากเพียรไว้มาประสบแก่พวกเขาเช่นเดียวกัน โดยพวกเขาไม่อาจเอาชนะ(โดยหลบหนี)ได้
52. และพวกเขาไม่รู้หรือว่า อันที่จริงอัลเลาะฮฺทรงเผื่อแผ่โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และพระองค์ทรงจำกัด(แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์) แท้จริงในนั้นมีสัญลักษณ์ต่าง ๆ สำหรับกลุ่มชนที่มีศรัทธา


คำแปล R3.
49.   มนุษย์นั้น เมื่อทุกข์ภัยใด ๆ เกิดขึ้นแก่เขา เขาก็วิงวอนต่อเรา และเมื่อเราด็ประทานความโปรดปรานแก่เขาแล้ว เขาก็กล่าวว่า “ฉันได้รับสิ่งนี้เพราะความรู้ของฉัน” เปล่าเลย นั่นคือการทดสอบอย่างหนึ่งต่างหาก แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้
50.   ผู้คนก่อนหน้าพวกเขาก็เคยพูดเช่นนี้เหมือนกัน แต่สิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้นั้นไม่ได้อำนวยประโยชน์อะไรให้แก่พวกเขาทั้งสิ้น
51.   ดังนั้นพวกเขาจึงได้พบกับผลแห่งความชั่วร้ายที่พวกเขาได้ทำไว้ และพวกคนชั่วในหมู่คนเหล่านี้ก็เช่นกัน พวกเขาจได้พบกับผลแห่งความชั่วร้ายที่พวกเขาได้ทำไว้ พวกเขาไม่สามารถที่จะรอดพ้นไปจากเราได้
52.   และพวกเขาไม่รู้หรือว่า อัลลอฮฺทรงจัดหาปัจจัยยังชีพอย่างเหลือเฟือให้แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงยับยั้งสำหรับผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์? แท้จริงในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับบรรดาผู้ศรัทธา


คำแปล R4.
49. ครั้นเมื่อทุกขภัยใดประสบแก่มนุษย์เขาก็จะวิงวอนขอเรา ต่อมาเมื่อเราได้ประทานความโปรดปรานจากเราแก่เขา เขาก็กล่าวว่าแท้จริงสิ่งที่ฉันได้รับมานั้นเนื่องจากความรอบรู้ของฉันต่าง หาก แต่ (เขาหารู้ไม่ว่า) มันคือการทดสอบ แต่ว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้
50. โดยแน่นอน บรรดาหมู่ชนก่อนหน้าพวกเขาได้กล่าวมันไว้ เช่นนี้ ดังนั้นสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้นั้นหาได้อำนวยประโยชน์แก่พวกเขาไม่
51. ฉะนั้นความชั่วทั้งหลายที่เขาได้กระทำไว้ จึงประสบแก่พวกเขา และบรรดาผู้อธรรมจากหมู่ชนเหล่านั้น ความชั่วทั้งหลายที่พวกเขาได้กระทำไว้ก็จะประสบแก่พวกเขาเช่นกันและพวกเขา ไม่สามารถจะหนีรอดพ้นไปได้
52. พวกเขาไม่รู้ดอกหรือว่า อัลลอฮฺทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงให้คับแคบ แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณมากหลายสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๔๙. อันที่จริงเมื่ออันตรายใด ๆ ได้ประสบแก่มนุษย์เขาก็วอนขอต่อเราเพื่อให้เราช่วยเหลือและคลี่คลายอันตรายนั้นจากตัวเขาแต่หลังจากนั้นเมื่อเราได้ประทานความบรมสุขจากเราแก่เขา เขาก็กล่าวว่า แท้จริงเท่าที่ฉันได้รับสิ่งนี้ก็เป็นไปโดยความรอบรู้ของอัลเลาะห์ที่ทรงกำหนดไว้แต่เดิมแล้วว่าจะประทานสิ่งดังกล่าวแก่ฉันเพราะความดีของฉันเอง และเพราะอัลเลาะห์รัก ส่งเสริมฉันหากทว่าคำพูดดังกล่าวนั้นมันเป็นข้อทดสอบที่ข้าทาสแห่งอัลเลาะห์จะได้รับเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเขาจะมั่นคงในศรัทธาต่ออัลเลาะห์หรือไม่ และทว่าพวกเขาส่วนมากไม่รู้ถึงความเป็นจริงในการทดสอบนั้น
๕๐. แท้จริงคำพูดนั้นได้มีผู้ล่วงพ้นมาในยุคก่อนจากพวกเขาเคยพูดไว้ เช่น กอรูน เป็นต้น แต่แล้วสิ่งที่พวกเหล่านั้นได้พากเพียรไว้ก็หาป้องกันพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะห์ได้ไม่
๕๑. ดังนั้น ความประพฤติอันเลวร้ายของพวกเขาก็ส่งผลลัพธ์เป็นการลงโทษอันร้ายแรงประสบแก่พวกเขาอย่างสาหัสสากรรจ์และบรรดาผู้อธรรมแห่งพวกเหล่านี้ผลลัพธ์แห่งความประพฤติอันเลวร้ายของพวกเขาจะต้องประสบแก่พวกเขา โดยพวกเขามิอาจจะเอาชนะได้เพราะภัยพิบัติแห่งการลงทัณฑ์ของอัลเลาะห์ร้ายแรงเหนือกว่าความสมารถที่พวกเขาจะเปลื้องปลดให้พ้นไปได้ และการลงโทษในครั้งนี้ได้แก่พวกเขาต้องประสบกับความแห้งแล้งติดต่อกันเจ็ดปี หลังจากนั้นจึงหลุดพ้นจากสภาพนั้น
๕๒. พวกเขาไม่รู้หรือว่าแท้จริงอัลเลาะห์ทรงเผื่อแผ่โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงจำกัดโชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงในนั้นเป็นสัญลักษณ์สำหรับกลุ่มชนที่มีศรัทธา ได้ตรึกตรองจนยอมรับในอานุภาพแห่งอัลเลาะห์



 

GoogleTagged