ผู้เขียน หัวข้อ: คุฏบะฮฺวันศุกร์ มัสญิด อัร-ริฎวาน(นานา) นครราชสีมา 26 ส.ค. 54  (อ่าน 2498 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด



ช่วงสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน
26 สิงหาคม 2554 / 26 เราะมะฎอน 1432

        พี่น้องผู้ศรัทธาทั้งหลาย จงยำเกรงอัลลอฮฺด้วยการปฏิบัติความดีและละเว้นความชั่วอย่างจริงจัง และท่านทั้งหลายจงอย่าได้ตาย จนกว่าท่านจะเป็นผู้ยอมจำนนต่ออัลอิสลามโดยสิ้นเชิง
        พี่น้องครับ เดือนเราะมะฎอนผ่านไปแล้วยี่สิบกว่าวัน เหลืออีกไม่เกินห้าวันเดือนเราะมะฎอนก็จะจากเราไป หลายท่านอิ่มเอมที่ได้ทำความดีต่ออัลลอฮฺตะอาลา ได้ถือศีลอด ได้ละหมาดตะรอวีหฺและ/หรือละหมาดตะฮัจญุด เพิ่มเติมไปจากละหมาดห้าเวลาที่ทำเป็นประจำอยู่แล้ว บางท่านอ่านกุรฺอานจบไปแล้ว 1 จบหรือมากกว่า บางท่านก็พยายามอ่านอยู่ให้จบให้ได้ภายในเราะมะฎอน หลายท่านได้จัดเลี้ยงละศีลอดแก่ผู้ถือศีลอด บางท่านไม่ได้จัดเลี้ยงด้วยตัวเองก็มอบทรัพย์สินข้าวสารอาหารแห้งเพื่อสนับสนุนกิจกรรมดังกล่าว และความดีอื่น ๆ อีกมากมายที่เราได้สะสมตักตวงเอาไว้ในเดือนแห่งความเพิ่มพูนนี้
        ที่ถือว่าเป็นช่วงสำคัญอีกช่วงหนึ่งของเดือนนี้ก็คือ 10 วันสุดท้ายของเราะมะฎอน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืนที่มีโอกาสจะเป็นคืนอัลก็อดรฺ หลายคนจึงขะมักเขม้นทำความดี ด้วยการมาปลีกวิเวก สงบจิตใจอยู่ในมัสญิด เรียกว่าเอียะติกาฟ เพื่อหาค่ำคืนดังกล่าวที่ ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุกล่าวว่า

كَانَ النَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم يُجَاوِرُ فِى الْعَشْرِالْأَوَاخِرِ مِنْ رَمَضَانَ وَيَقُوْلُ:تَحَرَّوْالَيْلَةَالْقَدْرِفِى الْعَشْرِالْأَوَاخِرِ مِنْ رَمَضَأنَ
[/size]
   “ท่านนบียฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ทำการเอียะอฺติกาฟในสิบคืนสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน โดยท่านกล่าวว่า พวกท่านจงเฝ้าคอยค่ำคืนอัลก็อดริในสิบคืนสุดท้ายของเดือนเราะมะฎอน”                        บุคอรี มุสลิม ติรฺมิซียฺ
   และท่านหญิงอาอิชะฮฺ ยังได้รายงานอีกว่า
إِذَادَخَلَ الْعَشْرُ شَدَّمِئْزَرَهُ وَاَحْيَالَيْلَهُ وَاَيْقَظَ اَهْلَهُ
   “เมื่อเข้าสู่สิบวันสุดท้าย ท่านกระชับผ้าผูกเอวของท่าน (คือไม่ลุกไปจากที่ทำอิบาดะฮฺ/ไม่มีเพศสัมพันธ์) ท่านจะตื่นในตอนกลางคืนและปลุกครอบครัวของท่านให้ตื่นขึ้นด้วย”      5 คน
   เมื่อผ่านพ้นช่วงเข้มข้นของการทำความดี ก็เข้าสู่ช่วงของการเฉลิมฉลองความสำเร็จในการอิบาดะฮฺ คือวันอีดิลฟิฏริ 1 ใน 2 วันรื่นเริงของมุสลิม
   ในวันอีดนั้น สิ่งที่แนะนำให้ปฏิบัติกันก็คือ
   1. ให้มีการประดับประดาตบแต่งในวันอีดอย่างเหมาะสม สวยงามแต่ไม่แสดงถึงความฟุ้งเฟ้อ ฟุ่มเฟือย ในเรื่องนี้อยากพี่น้องได้ลองพิจารณาสถานการณ์ที่เป็นอยู่จริงในปัจจุบัน มุสลิมเราเข้าร่วมเฉลิมฉลองวันสำคัญของวัฒนธรรมอื่น ๆ กันอย่างเอิกเกริก ติดธง ชักและประดับโคมไฟกันอย่างสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นวันปีใหม่ วันสงกรานต์ วันคริสต์มาส วันตรุษจีน วันเฉลิมฯ แต่ในวันสำคัญของอิสลามนั้น มัสญิดดูเงียบเหงา เคยเก่าทรุดโทรมอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ขยะหน้ามัสญิดก็ยังรกเลอะเทอะเหมือนเดิม รอยน้ำหมากก็ยังเปรอะเหมือนเดิม ก้นบุหรี่ก็ยังทิ้งเกลื่อนกลาดเหมือนเดิม เป็นหน้าที่ที่มุสลิมจะได้แสดงออกให้ชัดเจนว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของศาสนาอิสลาม เป็นวันแห่งการเฉลิมฉลอง จึงควรจะต้องมีการประดับประดาอาคารสถานที่ ถ้าเป็นมัสญิดก็ประดับประดามัสญิด ถ้าเป็นทุ่งโล่งที่เตรียมไว้ละหมาดก็ทำให้เพื่อนร่วมโลกได้เป็นว่า นี้คือสถานที่ละหมาด สถานที่เฉลิมฉลองวันอีดอันยิ่งใหญ่ของมุสลิม รวมทั้งตัวบุคคลที่ควรแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงาม สะอาด และดีที่สุดที่มีอยู่ ถ้าผู้มีฐานะท่านใดเห็นพี่น้องร่วมศาสนาขาดแคลนเสื้อผ้าเครื่องนุ่งห่ม จะต้องให้การสนับสนุน ท่านหญิงอุมมุอะฏียะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา ได้เล่าว่า
   “ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัมได้ใช้พวกเราในวันอีดิลอัฎหาคือให้พวกเราอนุญาตให้หญิงวัยรุ่น หญิงที่มีประจำเดือนและหญิงที่มีผ้าคลุมหน้าออกไปยังที่ละหมาด แต่หญิงที่มีประจำเดือนต้องปลีกตัวออกจากการละหมาด เพื่อที่ผู้หญิงจะได้รับความดีและดุอาอุ์ของบรรดามุสลิม ฉันได้ถามว่า มีผู้หญิงในหมู่พวกเราที่ไม่มีเสื้อคลุม ท่านได้ตอบว่า

   “พี่น้องร่วมศาสนาของหล่อนจะต้องให้หล่อนสวมจากบรรดาเสื้อผ้าของพวกเธอ”
   ดังนั้นเมื่อถึงวันอีด ควรที่ผู้มีฐานะจะตอบได้มอบเสื้อผ้าเครื่งนุ่งห่มให้แก่คนยากไร้ที่ไม่มีเสื้อผ้าสภาพดี ๆ สวมใส่ หรือควรจะจัดหาเสื้อผ้าดี ๆ ให้ลูกหลานไว้ได้ใช้ในวันแห่งการเฉลิมฉลอง
   2. อนุญาตให้มีการละเล่นรื่นเริงในวันอีด แต่ต้องไม่เกินขอบเขตและหลีกเลี่ยงการปนเปใกล้ชิดระหว่างชายหญิง ท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮาเล่าว่า อะบูบักรบิดาของนางได้มาที่บ้านนางในวันอีด ในขณะที่มีทาสหญิงสองคนจากชาวอันศอรกำลังขับลำนำและตีกลองโดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับการปะทะคารมของชาวอันศอรในวันบุอาซ (วันในอดีตที่เผ่าเอาส์ปะทะเผ่าคอสร็อจญ์) อะบูบักรได้กล่าวตำหนิว่า เสียงขลุ่ยของชัยฏอนในบ้านของท่านเราะสูลุลลอฮฺหรือ ท่านเราะสูลุลลอฮฺได้กล่าวกับอะบูบักรฺว่า

يَاأَبَابَكْرٍ إِنَّ لِكُلِّ قَوْمٍ عِيْدًا وَهَذَاعِيْدُنَا
   “อะบูบักรเอ๋ย ทุก ๆ กลุ่มชนต้องมีวันเฉลิมฉลอง และนี่คือวันเฉลิมฉลองของพวกเรา”
   อย่างไรก็ตามความสนุกสนานจะต้องไม่เกินขอบเขต เช่น หาระบำหน้าท้องหรือโคโยตี้มาโชว์ ทางที่ดีควรเป็นการรื่นเริงที่ผู้ใหญ่จัดให้แก่เด็ก เช่น การแข่งขันตอบปัญหาชิงรางวัล การแข่งขันกีฬา เป็นต้น
   3. เมื่อทราบกำหนดอีดิลฟิฏริ ให้ทุกคนที่มีชีวิตในวันอีดและมีอาหารบริโภคเพียงพอและเหลือที่จะทำทานให้บริจาคซะกาตฟิฏเราะฮฺหนึ่งศออฺหรือประมาณ 2.5 กิโลกรัมก่อนการละหมาดอีด โดยอาจบริจาคก่อนหน้าวันอีด 2-3 วันก็ได้ เพื่อคนยากไร้จะได้มีอาหารไว้ฉลองวันอีด

عَنِ ابْنُ عَبَّاسٍ رضي الله عنه ما قَالَ: فَرَضَ رَسُوْلُ الله صلى الله عليه وسلم زَكَاةَالْفِطْرِ طُهْرَةًًلِلصَّائِمِ مِنَ اللَّغْوِ وَالرَّفَثِ وَطُعْمَةً لِلْمَسَامِيْنِ مَنْ أَدَّاهَاقَبْلَ الصَّلَاةِ فَهِيَ زَكَاةٌ مَقْبُوْلَةٌ وَمَنَ أَدَّهَابَعْدَالصَّلَاةِ فَهِيَ صَدَقَةٌ مِنَ الصَّدَقَاةِ
   “จากอิบนิอับบาส เราะฎิยัลลอฮุอันฮุ เล่าว่า ท่านเราะสูลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ได้กำฟนดซะกาตฟิตริเพื่อทำความสะอาดแก่ผู้ถือศีลอดจากความไร้สาระและความหยาบคาย และเพื่อเป็นอาหารแก่ผู้ยากไร้ ผู้ใดบริจาคก่อนละหมาดอีก มันคือซะกาตที่ถูกตอบรับ ผูใดบริจาคหลังละหมาดอีด ถือเป็นทานธรรมดาทานหนึ่งจากบรรดาทานทั้งหลาย”         อะบูดาวุด
   4. ก่อนการละหมาดอีดให้มีการรำลึกถึงอัลลอฮฺให้มาก ๆ ด้วยการกล่าวตักบีร ในอัลกุรฺอาน อัลลอฮฺดำรัสว่า
   
وَلِتُكْمِلُواالْعِدَّةَ وَلِتُكَبِّرُوااللهَ عَلَى مَاهَدَاكُمْ وَلَعَلَّكُمْ تَشْكُرُوْنَ
   “และเพื่อที่พวกเจ้าจะได้ให้ครบถ้วน ซึ่งจำนวนวัน (ของเดือนรอมฏอน) และเพื่อพวกเจ้าจะได้ให้ความเกรียงไกร (ตักบีรฺ) แด่อัลลอฮ์ในสิ่งที่พระองค์ทรงแนะนำแก่พวกเจ้าและเพื่อพวกเจ้าจะขอบคุณ”                  อัลบะเกาะเราะฮฺ 2:185
   สำนวนกล่าวตักบีรของอิบนิมัสอูดนั้นมีว่า อัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัร ลาอิลาฮะอิลลัลลอฮุ วัลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัรว่าลิลลาฮิลหัมดฺ ในอีกสายรายงานหนึ่งมีการกล่าวอัลลอฮุอักบัรสามครั้ง                         (อิบนิอะบีชัยบะฮฺ)

الله اكبر الله اكبر (الله اكبر) لااله إلا الله الله اكبر ولله الحمد
   ส่วนสำนวนการตักบีรของอิบนิอับบาสนั้นกล่าวว่า อัลลอฮุอักบะรุลลอฮุอักบัร อัลลอฮุอักบัรวะลิลลาฮิลหัมดฺ อัลลอฮุอักบะรุวะอะญัล อัลลอฮุอักบะรุ อะลามาฮะดานา    (บัยฮะกียฺ)
الله أكبر الله أكبر الله أكبر ولله الحمد  الله أكبر وأجل الله أكبر على ما هدانا
   ดังนั้นจะเห็นว่าการกล่าวตักบีรฺนั้นมีหลายสำนวน ไม่ควรที่จะมาถกเถียงว่าสำนวนใครผิดหรือถูก
   5. การละหมาดอีดิลฟิฏริ เป็นละหมาดสุนัตมุอักกะดะฮฺ หรือในบางรายงานถือเป็นละหมาดวาญิบ มีสองเราะกะอะฮฺ ไม่มีละหมาดก่อนและละหมาดหลัง นอกจากกรณีไปทำละหมาดในมัสญิดก็ให้ละหมาดตะหี้ยะตุลมัสญิด 2 เราะกะอะฮฺได้ การละหมาดอีดนั้นให้เพิ่มจำนวนตักบีรใรเราะกะอัตแรก 7 ตักบีรฺ และเราะกะอัตที่สอง 5 ตักบีรฺก่อนอ่านฟาติหะฮฺ หลังการละหมาดควรมีการคุฏบะฮฺตักเตือนผู้มาร่วมละหมาด นักวิชาการกลุ่มหนึ่งถือว่ามีคุฏบะฮฺเดียวแต่อีกกลุ่มหนึ่งให้คุฏบะฮฺเป็นสองช่วงโดยกิยาสมาจากคุฏบะฮฺวันศุกร์
   6. กิจกรรมอื่น ๆ ที่ส่งเสริมได้แก่การสานสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง จับมือขออภัยซึ่งกันและกัน เลี้ยงอาหารกันอย่างกว้างขวาง แสดงความเมตตาเอ็นดูแก่เด็ก คนในครอบครัวและผู้ด้อยโอกาส การเดินทางจากบ้านสู่สถานที่ละหมาดและกลับจากสถานที่ละหมาดไปบ้านโดยใช้คนละเส้นทางเพื่อได้มีโอกาสพบปะเพื่อนฝูงพี่น้องในแต่ละเส้นทาง
   ข้อกำหนดทางศาสนาจากอัลลอฮฺที่ขยายความโดยท่านเราะสูลของพระองค์ดังที่ยกมาข้างต้นนั้น ถือเป็นสิ่งที่บรรดามุสลิมจะต้องให้เกียรติและปฏิบัติตาม อัลลอฮฺดำรัสว่า

ذلِكَ وَمَنْ يُعَظِّمْ شَعَائِرَاللهِ فَـإِنَّهَا مِنْ تَقْوَى الْقُلُوْبِ
“ฉะนั้น ผู้ใดที่ให้เกียรติแก่พระบัญญัติของอัลลอฮฺ แท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งแห่งการยำเกรงของจิตใจ”                     อัลหัจญ์ 22:32
   เตรียมตัวเตรียมใจไว้ต้อนรับวันแห่งความสำเร็จในการถือศีลอด วันแห่งการรื่นเริง วันที่อัลลอฮฺบัญญัติให้เป็นวันฉลองของพวกเราในอีกไม่กี่วันข้างหน้า อินชาอัลลอฮฺ

 

GoogleTagged