เรียนจบหรือไม่จบไม่ใช่เป้าหมายหลักของการดำรงชีวิตครับ
แต่การดำรงชีวิตให้อยู่ในหลักการของศาสนาคือเป้าหมายหลัก
ชอบประโยคด้านบนนะคะ...
และโดยส่วนตัว...
ถ้าคิดว่ามันเสี่ยงต่อการทำซีนา...ก็เลือกที่จะแต่งงานดีกว่าค่ะ
แต่ถ้าคิดว่าไม่เสี่ยงต่อการซีนา...เรียนให้จบแล้วค่อยแต่งจะดีกว่า
เพราะว่า...เมื่อแต่งงาน เราต้องไม่ลืมว่าหลังจากนั้นอาจมีบุตรได้
(แม้จะพยายามป้องกันแล้วก็ตาม)
แล้วเราก็ต้องหันมาให้ความดูแลบุตรมากขึ้น ถ้าเราเรียนในมหาลัยปิด
เห็นจะลำบากสำหรับเรื่องนี้...ดังนั้น การอดทนอดกลั้น พยายามยับยั้งชั่งใจ
และหลีกห่างสื่อแห่งการซีนาระหว่างเรียน ย่อมดีกว่า...
แต่สำหรับคนที่ไม่อาจพาตัวเองหลีกห่างจากภาวะสุ่มเสี่ยงต่อซีนาได้
เลือกแต่งงานเถิดค่ะ...ส่วนเรื่องอื่น ปัญหาอื่น เอาไว้มาแก้ไขกันต่อจากนั้น
ค่อยๆแก้กันไปทีละเรื่อง ทีละขั้นตอน เรียงลำดับตามความสำคัญ...
เพราะถ้าตั้งใจศึกษาเพื่อให้ตนเองได้มีความรู้ เป็นผู้รู้
เพื่อจะได้นำความรู้นั้นไปใช้ให้เกิดประโยชน์ในชีวิตประจำวัน
ไม่ว่าจะในสถาบันหรือนอกสถาบัน ล้วนเป็นคลังแห่งความรู้ได้...
ทั้งนั้น...แม้แต่ในตลาดก็ให้ความรู้เราในการยังชีพได้ไม่น้อย
แต่ถ้าต้องการแค่ "ใบปริญญา" เพื่อเป็นเกียรติประวัติ
หรือสร้างค่าให้แก่ชีวิตหรือเพื่อให้สังคมยอมรับเท่านั้น
อย่าเอา "บาปจากการต้องทำซีนา" ไปแลกเลยค่ะ
มันไม่คุ้มกัน...
ไม่อยากให้บุรุษและสตรีได้ใบปริญญามาพร้อมกับ
สถานะเป็น 'ม่าย' โดยที่ไม่เคยได้เข้าพิธีนิกะฮฺเลยสักครั้ง...
เพราะใบปริญญาเมื่อได้มาจริงๆแล้ว
มันช่วยเราได้ไม่ตลอดรอดฝั่ง...หากว่าอัลลอฮฺนั้นทรงกริ้วเราอยู่
เพราะอัลลอฮฺ คือผู้ช่วยที่แท้จริง!
คนเรียนไม่จบที่ประสบความสำเร็จมีมากมาย
คนเรียนจบที่ประสบความสำเร็จก็มีมากมาย
ขึ้นอยู่กับว่า...เรามุ่งมั่นต่อสิ่งใด...
ก่อนที่เราจะคำนวนถึงสิ่งที่จะได้รับมา
เราต้องไม่ลืม...คำนวนด้วยว่า...
เราจะต้องสูญเสียอะไรไปบ้าง
ปล.ตอนที่ตัดสินใจไปเรียนต่อเมืองนอก ตอนนั้น
คิดหนักอยู่เรื่องเดียวว่า...เราจะพาตัวเองรอดพ้นจากซีนา
ระหว่างที่ไปศึกษาได้หรือไม่...และระหว่างที่เรียน สิ่งที่ทำให้
ผ่านบททดสอบหนักๆเกี่ยวกับการซีนามาได้ ก็คือ
ศรัทธาตัวเดียว...เพราะศรัทธาเราถึงต้องอดทน
และพยายามยับยั้งชั่งใจ...พยายามหลีกห่างจากสื่อที่จะนำเรา
ไปสู่เส้นทางสายนั้น...ปิดประตูมันทุกบานที่จะนำเราไป
แม้ประตูบางบานที่เปิดอ้าจะน่าก้าวเข้าไปหา น่าลิ้มลอง
แต่เมื่อเราคำนวนความเสียหายแล้วว่าสุ่มเสี่ยงต่อการซีนาด้วย
เราก็ต้องข่มใจปิดมันลง ไม่เฉียดเข้าไปใกล้...
...อัลลอฮฺจะช่วยเหลือผู้ที่พยายามที่จะต่อสู้อยู่บนหนทางของพระองค์...
ทุกวันนี้เพื่อนยังล้อเลยว่า...ถ้าแต่งไปซะตั้งแต่ตอนนั้น
ยอมไปเสียตั้งแต่นั้น คงได้สามีรวย หน้าตาดี มีลูกน่ารักไปแล้ว
ไม่ต้องมาอยู่บนคานแบบนี้...
แต่สำหรับตัวเอง...คิดว่า ณ สถานการณ์ตอนนั้น
ถ้าเลือกแต่งไปวันนั้น ยอมไปตั้งแต่ตอนนั้น
ก็อาจจะเรียนไม่จบ อาจจะต้องพับเสื่อกลับบ้านกลางคัน
ไม่ได้ความรู้อย่างที่ควรจะได้ ไม่ได้ใบปริญญามา
เพราะรู้ตัวเองดีว่า ไม่เก่งพอจะทำสองอย่างสำเร็จสวยงามได้
ในเวลาเดียวกัน...ซ้ำอาจจะไม่ได้อะไรติดมือมาด้วยซ้ำนอกจากบาปใหญ่...
และคงโทษตัวเองมาตลอดแน่ๆ
เพราะหน้าที่เราตอนนั้นจริงๆคือ เขาส่งให้ไปเรียน...
หลายคนฝากความหวังไว้กับเรา...โดยเฉพาะคนรักเราอย่างพ่อแม่
เลยต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง
และก็ไม่เคยเสียใจที่เลือกแบบนั้น...
ถ้าจะแต่งงานสักที...พ่อแม่ก็น่าจะได้รับรู้และยินดีไปกับเราด้วย
คิดว่านะคะ...
ปล.อีกที...เห็นสังคมทุกวันนี้แล้ว...
คนแต่งงานในวัยเรียนน้อยกว่าคนซีนาในวัยเรียน
ดังนั้น...เห็นชอบและสนับสนุนให้วัยรุ่นที่กำลังคึกคะนองอยู่
แต่งงานในวัยเรียนดีกว่า...อย่างน้อยถ้าต้องหย่าร้างในภายหลัง
มันก็ยังดีกว่าการเป็น "ม่าย" โดยที่ไม่ได้แต่งงานมาก่อน...
แต่ก็แอบสงสารพ่อแม่ไม่ได้อยู่ดี เงินส่งเสียให้ลูกเรียนหายากลำบากนัก
ถ้าต้องมาส่งเสียลูกเรียนไปด้วยเลี้ยงหลานไปด้วย เห็นจะหนักหนา
สาหัสในยุคเศรษฐกินเช่นนี้ ดังนั้น ก่อนจะทำอะไร คิดให้รอบคอบนะคะ
เพราะถ้าเรามีงานทำแล้ว (จะเรียนจบหรือไม่จบ)
เมื่อแต่งงานออกเรือนไปก็ไม่ตกเป็นภาระหนักของพ่อแม่...
ไม่อยากให้ทำเบากับเรื่องแบบนี้เลย...