บิดา มารดาของทานนบีของเราเสียชีวิตในอิสลามมั้ย? ครับ جزاك الله خيرا

[hamdee]

Tweet

 บิดา มารดาของทานนบีของเราเสียชีวิตในอิสลามมั้ย? ครับ جزاك الله خيرا

[taufik]

ถ้าอ่านมลายูได้ นี้ก็เป็นคำตอบที่ดีอันหนึ่งครับ

Soalan:
Assalamualaikum Ustaz. Soalan saya berkaitan kekeliruan yang timbul mengenai ibu dan bapa nabi kita Nabi Muhammad (sallallahu ‘alaihi wasallam). Saya ada terbaca beberapa kenyataan mendakwa ibu Nabi (Aminah) dan bapa Nabi (Abdullah) mati dalam keadaan kafir atau syirik bukan dalam Islam dan kedua-duanya akan masuk api neraka dan diazab. Apakah jawapan terbaik bagi yang bertanya adakah ibu-bapa Nabi Muhammad masuk neraka?

Jawapan:
Wa’alaikumsalam. Orang yang mendakwa ibu dan bapa nabi Muhammad masuk neraka adalah orang yang jahil walaupun dia mendakwa dia alim dalam hal itu. Sangat dilaknat sesiapa sahaja yang menyakiti Rasulullah dan sesiapa yang mendakwa ibu bapa Nabi masuk neraka maka dia dianggap menyakiti Rasulullah. Imam Al-Qadhi Abu Bakar Ibn Al-‘Araby Al-Maliky pensyarah kitab Sunan At-Tirmizi apabila ditanya mengenai seorang lelaki yang mendakwa bapa Nabi masuk neraka maka beliau menjawab bahawa orang tersebut adalah MAL’UN akan dilaknat oleh Allah kerana Allah berfirman yang bermaksud: “ Sesungguhnya orang yang menyakiti Allah dan RasulNya akan dilaknat oleh Allah didunia dan di akhirat dan disediakan untuknya azab yang amat pedih” Al-Isra’ 57. Allah juga berfirman: “ Dan mereka yang menyakiti Rasulullah maka keatas mereka azab yang pedih”. At-Taubah 61. Dan beliau (Imam Ibnul ‘Araby) menyatakan “Dan tiada yang paling menyakiti Rasulullah melainkan dakwaan bahawa kononnya bapa Nabi Muhammad (iaitu Abdullah) masuk neraka”. Rujuk Ar-Rasail At-Tis’ nukilan Imam As-Sayuti.
Ini bererti bahawa kenyataan kononnya bapa nabi (iaitu Abdullah) masuk neraka adalah terbitan dari orang yang dilaknat Allah. Hendaklah kita menjahui dari kenyataan tersebut.

Yang sebenarnya ibu baginda (Aminah) dan bapa nabi kita ini (Abdullah) adalah mati tidak diazab dan tidak dimasukkan dalam neraka kerana Allah berfirman: “ Dan kami tidak akan mengazab seseorang pun kecuali telah sampai padanya utusan dan dia enggan menerima”. Al-Isra; 16. Atau kita katakana bahawa kedua ibu bapa Nabi Muhammad iaitu Aminah dan Abdullah mati dalam keimanan atau ahli fatrah (yang tidak sampai dakwah&tidak diazab). Kedua-dua pandangan ini (iaitu mati dalam iman atau sebagai ahli fatrah) adalah pandangan yang boleh diterima, berbeza dengan pandangan tadi yang mendakwa kononnya ibu bapa nabi masuk api neraka dan ini adalah pandangan yang menyakiti Rasulullah. Rujuk Fatwa Mantan Mufti Mesir Asy-Syeikh Muhammad Bakhit al-Muti’iy dalam Al-Fatawa Al-Islamiyyah dan Mufti Mesir Tuan Guru saya Dr. Syeikh Ali Jum’ah dalam Al-Bayan m/s 170. Tetapi pandangan yang lebih sahih adalah kedua ibu bapa Nabi Muhammad iaitu Aminah dan Abdullah adalah mati dalam keimanan yang sahih.

Berkaitan dengan Hadith yang menyatakan: “Sesungguhnya bapaku dan bapamu dalam neraka”. Walaupun ia riwayat Muslim tetapi apabila mengkaji kita dapati antara perawi dalam hadith tersebut seorang bernama Hammad Bin Salmah merupakan perawi yang selalu dan kerap diingkari oleh ulama hadith. Dia juga (Hammad bin Salmah) merupaka seorang yang tidak menghafal serta banyak Awham (tidak benar). Berkata Al-Hafiz Az-Zahaby mengenai Hammad tadi: ”baginya (hammad) terlalu banyak keingkaran keatasnya dan padanya Waham serta dia tidak menghafal dan dikatakan kitab-kitabnya banyak ditokok tambah”. Berkata Imam Ibnu Al-Jauzi mengenai Hammad Bin Salmah juga: ”Sesungguhny perkara yang dingkari dalam periwayatan dari Hammad Bin Salmah terlalu banyak”. Rujuk Al-Maudu’aat. Ini bererti bahawa riwayat Hadith tersebut adalah ma’lul (dipertikai) walaupun ia diriwayatkan dalam Sohih Muslim. Berkata Imam Al-Hakim: ” Sesungguhnya Imam Muslim tidak meriwayatkan satu hadith pun dari Hammad Bin Salmah dari Thabit kecuali hadith ini”. Ini bererti juga Imam muslim tidak i’timad membiasakan riwayat hadith yang ada perawinya Hammad bin Salmah kecuali pada hadith tadi. Berkata Imam As-Sayuti: ”Imam Al-Bukhary tidak pernah memasukkan Hammad Bin Salmah dalam periwayatan hadith Sohih Al-Bukhary beliau”.

Hadith tersebut juga boleh ditafsirkan dari maksud Nabi ”bapaku” adalah ayah saudaraku bukan Abdullah yang merupakan bapa nabi Muhammad. Ini kerana dalam bahasa arab perkata bapa juga boleh datang dengan makna bapa saudara atau pakcik.


Wallahu’alam.

[hiddenmin]

ลองค้นหาดูครับมีเยอะพอควร

พ่อแม่ นบี นรก

[tholeeb]

 
งั้นขอเสริมละกันนะครับ

بسم  الرحمن الرحيم                                                 
الحمدلله رب العالمين والصلاة والسلام علي سيدنا محمد وعلي اله وصحبه ومن سلك سلوكهم إلي يوم الدين
   ในหมู่มนุษย์นั้นมีทั้งผู้ทีศาสนทูตได้ถูกส่งมายังพวกเขา และผู้ที่ไม่ถูกส่งมายังพวกเขา ซึ่งกลุ่มหลังนี้เรียกว่า
”อะลุ้ลฟัตเราะฮ์”และ หนึ่งในนั้นคือ บิดา มรดาของท่านศาสดา (ซล.)           
อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์ คือ :-  กลุ่มชนที่ดำรงชีวิตอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ปราศจากศาสนทูต
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า:-
    -พวกเขาอยู่ระหว่างสองช่วงเวลา(ช่วงก่อนและหลังพวกเขา)ที่มีศาสนทูตถูกส่งมา
หรือไม่ – พวกเขาก็อยู่ในช่วงที่ศาสนทูตถูกส่งมา แต่มิใช่(ถูกส่ง)มายังพวกเขา.
   ฉะนั้น ชนชาติอาหรับในสมัยของ ท่านนาบีอีซา (อ.ล.) ก็ถูกนับว่าเป็น “อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์” ตามทัศนะที่ถูกยึดถือ
(มุอฺตามัด) เนื่องจากว่า นาบีอีซามิได้ถูกส่งมายังพวกเขา แต่ทว่าท่านถูกส่งมายัง”บานี อิสรออีล”.
   กระนั้นก็ตาม แท้จริง ”อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์”นั้นคือผู้ที่รอดปลอดภัย(จากการลงโทษในวันกียามะฮ์).
แต่(หากมีผู้กลาวว่า) :-
มีหลักฐานรายงานจากท่านรอซู้ล(ซล.)ที่บอกว่า”กลุ่มชาว อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์ นั้น จะอยู่ในนรก ทว่าท่านรอซู้ลถึงกับเจาะจง ส่วนหนึ่งจากพวกเขา เฉกเช่น  امرئ القيس  ، حاتم الطائي และบางส่วนจากบรรดาบิดาของบรรดาอัครสาวก ดังนั้นเราจะมีท่าทีอย่างไรในจุดยืนของเราที่ว่า ”แท้จริง อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์ นั้นเป็นผู้รอดพ้นฯ” ต่อหลักฐานดังกล่าว? ”
   เราขอตอบว่า:-
1.แท้จริงหะดีษดังกล่าวเป็น”ฮาดีษอาห๊าด”ไม่สามารถลบล้างตัวบทหลักฐานที่(มีข้อบ่งชี้ที่)เด็ดขาดอย่างอัลกุรอ่านเช่นในพระดำรัสของอัลลอฮ์(ซบ.)ที่ว่า :-
 ##invalid input##  {سورة الإسراء: الاية: 15}       
             ความว่า “และเรา (อัลลอฮ์) ไม่เคยลงโทษ (กลุ่มชนใด) จนกว่าเราจะแต่งตั้งศาสนทูต(ให้มาประกาศศาสนาแก่กลุ่มชนนั้น แล้วเขาไม่ยอมรับฟัง เราจึงจะจัดการลงโทษพวกเขา) ”.
2.เพราะการลงโทษพวกเขาเป็นเรื่องฉพาะเจาะจงแต่เฉพาะพวกเขา ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์(ซบ.)และ ศาสนทูตของพระองค์(ซล.)เท่านั้นเป็นผู้มีความรู้เรื่องนี้.

ดังนั้น “เมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์” นั้นเป็นผู้รอดพ้นฯ ฉะนั้น บรรดาบรรพบุรุษของท่านรอซูล (ซล.) - ซึ่งก็อาศัยอยู่ในช่วงนั้นด้วย-  ก็สมควรยิ่งกว่าคนอื่นๆในเรื่องนี้(การรอดปลอดภัยจากการลงโทษในวันกียามะฮ์) ”.
والله أعلم بالصواب                                   

(ดู =เดาอุ้ล ญะดี้ด อะลาชัรห์ เญาฮะรอฮ์ อัตเตาฮี้ด  หน้า 96-97
โดย : ศาสตราจารย์ ดร. มูหัมหมัด รอฉาด อับดุลอะซีซ ดะฮ์มัช
คณบดี ศึกษาศาสตร์อิสลาม และ ภาษาอาหรับ วิทยาเขต ดุสุก
มหาวิทยา อัลอัซฮัร )
 

[tholeeb]

 อายะฮ์อัลกุรอ่านหายไป
وَمَا كُنَّا مُعَذِّبِينَ حَتَّى نَبْعَثَ رَسُولًا

[muzaheh]

งั้นขอเสริมละกันนะครับ

بسم  الرحمن الرحيم                                                 
الحمدلله رب العالمين والصلاة والسلام علي سيدنا محمد وعلي اله وصحبه ومن سلك سلوكهم إلي يوم الدين
   ในหมู่มนุษย์นั้นมีทั้งผู้ทีศาสนทูตได้ถูกส่งมายังพวกเขา และผู้ที่ไม่ถูกส่งมายังพวกเขา ซึ่งกลุ่มหลังนี้เรียกว่า
”อะลุ้ลฟัตเราะฮ์”และ หนึ่งในนั้นคือ บิดา มรดาของท่านศาสดา (ซล.)           
อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์ คือ :-  กลุ่มชนที่ดำรงชีวิตอยู่ในช่วงระยะเวลาหนึ่งที่ปราศจากศาสนทูต
ซึ่งอาจเป็นไปได้ว่า:-
    -พวกเขาอยู่ระหว่างสองช่วงเวลา(ช่วงก่อนและหลังพวกเขา)ที่มีศาสนทูตถูกส่งมา
หรือไม่ – พวกเขาก็อยู่ในช่วงที่ศาสนทูตถูกส่งมา แต่มิใช่(ถูกส่ง)มายังพวกเขา.
   ฉะนั้น ชนชาติอาหรับในสมัยของ ท่านนาบีอีซา (อ.ล.) ก็ถูกนับว่าเป็น “อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์” ตามทัศนะที่ถูกยึดถือ
(มุอฺตามัด) เนื่องจากว่า นาบีอีซามิได้ถูกส่งมายังพวกเขา แต่ทว่าท่านถูกส่งมายัง”บานี อิสรออีล”.
   กระนั้นก็ตาม แท้จริง ”อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์”นั้นคือผู้ที่รอดปลอดภัย(จากการลงโทษในวันกียามะฮ์).
แต่(หากมีผู้กลาวว่า) :-
มีหลักฐานรายงานจากท่านรอซู้ล(ซล.)ที่บอกว่า”กลุ่มชาว อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์ นั้น จะอยู่ในนรก ทว่าท่านรอซู้ลถึงกับเจาะจง ส่วนหนึ่งจากพวกเขา เฉกเช่น  امرئ القيس  ، حاتم الطائي และบางส่วนจากบรรดาบิดาของบรรดาอัครสาวก ดังนั้นเราจะมีท่าทีอย่างไรในจุดยืนของเราที่ว่า ”แท้จริง อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์ นั้นเป็นผู้รอดพ้นฯ” ต่อหลักฐานดังกล่าว? ”
   เราขอตอบว่า:-
1.แท้จริงหะดีษดังกล่าวเป็น”ฮาดีษอาห๊าด”ไม่สามารถลบล้างตัวบทหลักฐานที่(มีข้อบ่งชี้ที่)เด็ดขาดอย่างอัลกุรอ่านเช่นในพระดำรัสของอัลลอฮ์(ซบ.)ที่ว่า :-
 ##invalid input##  {سورة الإسراء: الاية: 15}       
             ความว่า “และเรา (อัลลอฮ์) ไม่เคยลงโทษ (กลุ่มชนใด) จนกว่าเราจะแต่งตั้งศาสนทูต(ให้มาประกาศศาสนาแก่กลุ่มชนนั้น แล้วเขาไม่ยอมรับฟัง เราจึงจะจัดการลงโทษพวกเขา) ”.
2.เพราะการลงโทษพวกเขาเป็นเรื่องฉพาะเจาะจงแต่เฉพาะพวกเขา ซึ่งพระองค์อัลลอฮ์(ซบ.)และ ศาสนทูตของพระองค์(ซล.)เท่านั้นเป็นผู้มีความรู้เรื่องนี้.

ดังนั้น “เมื่อเป็นที่ชัดเจนแล้วว่า “อะฮ์ลุ้ลฟัตเราะฮ์” นั้นเป็นผู้รอดพ้นฯ ฉะนั้น บรรดาบรรพบุรุษของท่านรอซูล (ซล.) - ซึ่งก็อาศัยอยู่ในช่วงนั้นด้วย-  ก็สมควรยิ่งกว่าคนอื่นๆในเรื่องนี้(การรอดปลอดภัยจากการลงโทษในวันกียามะฮ์) ”.
والله أعلم بالصواب                                   

(ดู =เดาอุ้ล ญะดี้ด อะลาชัรห์ เญาฮะรอฮ์ อัตเตาฮี้ด  หน้า 96-97
โดย : ศาสตราจารย์ ดร. มูหัมหมัด รอฉาด อับดุลอะซีซ ดะฮ์มัช
คณบดี ศึกษาศาสตร์อิสลาม และ ภาษาอาหรับ วิทยาเขต ดุสุก
มหาวิทยา อัลอัซฮัร )
 

อัลฮัมดุลิลละฮฺ
เท่าที่ทราบมา...ก็เป็นลักษณะนี้เช่นกันครับ...

วัสลาม

[Al Fatoni]

ถ้าอ่านมลายูได้ นี้ก็เป็นคำตอบที่ดีอันหนึ่งครับ

Soalan:
Assalamualaikum Ustaz. Soalan saya berkaitan kekeliruan yang timbul mengenai ibu dan bapa nabi kita Nabi Muhammad (sallallahu ‘alaihi wasallam). Saya ada terbaca beberapa kenyataan mendakwa ibu Nabi (Aminah) dan bapa Nabi (Abdullah) mati dalam keadaan kafir atau syirik bukan dalam Islam dan kedua-duanya akan masuk api neraka dan diazab. Apakah jawapan terbaik bagi yang bertanya adakah ibu-bapa Nabi Muhammad masuk neraka?

Jawapan:
Wa’alaikumsalam. Orang yang mendakwa ibu dan bapa nabi Muhammad masuk neraka adalah orang yang jahil walaupun dia mendakwa dia alim dalam hal itu. Sangat dilaknat sesiapa sahaja yang menyakiti Rasulullah dan sesiapa yang mendakwa ibu bapa Nabi masuk neraka maka dia dianggap menyakiti Rasulullah. Imam Al-Qadhi Abu Bakar Ibn Al-‘Araby Al-Maliky pensyarah kitab Sunan At-Tirmizi apabila ditanya mengenai seorang lelaki yang mendakwa bapa Nabi masuk neraka maka beliau menjawab bahawa orang tersebut adalah MAL’UN akan dilaknat oleh Allah kerana Allah berfirman yang bermaksud: “ Sesungguhnya orang yang menyakiti Allah dan RasulNya akan dilaknat oleh Allah didunia dan di akhirat dan disediakan untuknya azab yang amat pedih” Al-Isra’ 57. Allah juga berfirman: “ Dan mereka yang menyakiti Rasulullah maka keatas mereka azab yang pedih”. At-Taubah 61. Dan beliau (Imam Ibnul ‘Araby) menyatakan “Dan tiada yang paling menyakiti Rasulullah melainkan dakwaan bahawa kononnya bapa Nabi Muhammad (iaitu Abdullah) masuk neraka”. Rujuk Ar-Rasail At-Tis’ nukilan Imam As-Sayuti.
Ini bererti bahawa kenyataan kononnya bapa nabi (iaitu Abdullah) masuk neraka adalah terbitan dari orang yang dilaknat Allah. Hendaklah kita menjahui dari kenyataan tersebut.

Yang sebenarnya ibu baginda (Aminah) dan bapa nabi kita ini (Abdullah) adalah mati tidak diazab dan tidak dimasukkan dalam neraka kerana Allah berfirman: “ Dan kami tidak akan mengazab seseorang pun kecuali telah sampai padanya utusan dan dia enggan menerima”. Al-Isra; 16. Atau kita katakana bahawa kedua ibu bapa Nabi Muhammad iaitu Aminah dan Abdullah mati dalam keimanan atau ahli fatrah (yang tidak sampai dakwah&tidak diazab). Kedua-dua pandangan ini (iaitu mati dalam iman atau sebagai ahli fatrah) adalah pandangan yang boleh diterima, berbeza dengan pandangan tadi yang mendakwa kononnya ibu bapa nabi masuk api neraka dan ini adalah pandangan yang menyakiti Rasulullah. Rujuk Fatwa Mantan Mufti Mesir Asy-Syeikh Muhammad Bakhit al-Muti’iy dalam Al-Fatawa Al-Islamiyyah dan Mufti Mesir Tuan Guru saya Dr. Syeikh Ali Jum’ah dalam Al-Bayan m/s 170. Tetapi pandangan yang lebih sahih adalah kedua ibu bapa Nabi Muhammad iaitu Aminah dan Abdullah adalah mati dalam keimanan yang sahih.

Berkaitan dengan Hadith yang menyatakan: “Sesungguhnya bapaku dan bapamu dalam neraka”. Walaupun ia riwayat Muslim tetapi apabila mengkaji kita dapati antara perawi dalam hadith tersebut seorang bernama Hammad Bin Salmah merupakan perawi yang selalu dan kerap diingkari oleh ulama hadith. Dia juga (Hammad bin Salmah) merupaka seorang yang tidak menghafal serta banyak Awham (tidak benar). Berkata Al-Hafiz Az-Zahaby mengenai Hammad tadi: ”baginya (hammad) terlalu banyak keingkaran keatasnya dan padanya Waham serta dia tidak menghafal dan dikatakan kitab-kitabnya banyak ditokok tambah”. Berkata Imam Ibnu Al-Jauzi mengenai Hammad Bin Salmah juga: ”Sesungguhny perkara yang dingkari dalam periwayatan dari Hammad Bin Salmah terlalu banyak”. Rujuk Al-Maudu’aat. Ini bererti bahawa riwayat Hadith tersebut adalah ma’lul (dipertikai) walaupun ia diriwayatkan dalam Sohih Muslim. Berkata Imam Al-Hakim: ” Sesungguhnya Imam Muslim tidak meriwayatkan satu hadith pun dari Hammad Bin Salmah dari Thabit kecuali hadith ini”. Ini bererti juga Imam muslim tidak i’timad membiasakan riwayat hadith yang ada perawinya Hammad bin Salmah kecuali pada hadith tadi. Berkata Imam As-Sayuti: ”Imam Al-Bukhary tidak pernah memasukkan Hammad Bin Salmah dalam periwayatan hadith Sohih Al-Bukhary beliau”.

Hadith tersebut juga boleh ditafsirkan dari maksud Nabi ”bapaku” adalah ayah saudaraku bukan Abdullah yang merupakan bapa nabi Muhammad. Ini kerana dalam bahasa arab perkata bapa juga boleh datang dengan makna bapa saudara atau pakcik.


Wallahu’alam.

            แปลด้วย