ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 35 สูเราะฮฺ ฟาฏิรฺ  (อ่าน 3062 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺฟาฏิรฺ (ผู้ทรงสร้าง)

เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 45 อายะฮฺ

บทนำ (R3.)

   ชื่อ: ชื่อของซูเราะฮฺนี้ได้มาจากคำว่า “ฟาฏิรฺ” (فاطر) ในอายะฮฺแรกของซูเราะฮฺ อีกชื่อหนึ่งของซูเราะฮฺนี้ก็คือ “อัล-มลาอิกะฮฺ” ซึ่งปรากฏอยู่ในอายะฮฺแรกนี้เช่นกัน
   ระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺ : หลักฐานภายในซูเราะฮฺนี้แสดงให้เห็นว่าระยะเวลาของการประทานซูเราะฮฺนี้ บางทีอาจอยู่ในช่วงกลางเวลาแห่งการปฏิบัติภารกิจของท่านนบีมุฮัมมัดในมักกะฮฺ ซึ่งเป็นช่วงที่ท่านนบีถูกต่อต้านอย่างหนัก และศัตรูได้พยายามใช้วิธีการทุกอย่างในอันที่จะทำลายภารกิจของท่าน
   เนื้อหาสาระสำคัญ : สาระของซูเราะฮฺนี้ต้องการที่จะเตือนและตำหนิชาวมักกะฮฺ และบรรดาผู้นำชาวเมืองที่แสดงความเป็นศัตรูต่อคำสอนของท่านนบีมุฮัมมัด เหมือนกับจะกล่าวว่า “พวกคนโง่เอ๋ย สิ่งที่นบีคนนี้กำลังเรียกร้องพวกเจ้านั้น ล้วนเป็นประโยชน์ต่อพวกเจ้าทั้งสิ้น ดังนั้นการที่พวกเจ้ามาโกรธและวางแผนการต่าง ๆ ที่จะทำลายเขานั้น ไม่ได้ทำให้เขาได้รับความเสียหายแต่ประการใด พวกเจ้าเองต่างหากที่จะได้รับความเสียหายจากแผนการของพวกเจ้าเอง ถ้าพวกเจ้าไม่เชื่อฟังเขา พวกเจ้าเองต่างหากที่จะได้รับอันตราย มิใช่เขา จงพิจารณาถึงสิ่งที่เขาพูดให้รอบคอบ คำพูดของเขาไม่มีอะไรผิด การปฏิเสธการชิริก ถ้าหากพวกเจ้ามองดูรอบ ๆ ตัว พวกเจ้าเองจะตระหนกได้ว่าในโลกนี้ไม่มีตรงไหนเลยที่ใครจะมาเป็นพระเจ้าควบคู่กับอัลลอฮฺ เขานำหลักความเชื่อในพระเจ้าองค์เดียวมาบอกพวกเจ้า ถ้าหากพวกเจ้ามีสามัญสำนึก พวกเจ้าก็สามารถสรุปได้ว่าไม่มีสิ่งใดนอกไปจากอัลลอฮิที่เป็นผู้ทรงสร้างจักรวาล และเป็นผู้ทรงมีคุณสมบัติแห่งความเป็นพระเจ้า เขาบอกพวกเจ้าว่าพวกเจ้ามิได้ถูกสร้างมาโดยไร้ความรับผิดชอบในโลกนี้ แต่พวกเจ้าจะต้องรับผิดชอบต่อผลกรรมของพวกเจ้าที่ได้ทำไว้ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเจ้า แล้วหลังจากชีวิตจากโลกนี้แล้ว จะมีอีกโลกหนึ่งซึ่งพวกเจ้าจะได้พบกับผลกรรมที่ตัวเองได้ทำไว้ ถ้าหากพวกเจ้าคิดสักนิดหนึ่ง พวกเจ้าจะเห็นว่าข้อสงสัยหรือความแปลกใจของพวกเจ้านั้นไม่มีเหตุผลเลยโดยสิ้นเชิง พวกเจ้าไม่เห็นปรากฏการณ์กลางวันและกลางคืนที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่ากระนั้นหรือ? เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว ทำไมจะเป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้าผู้ทรงสร้างพวกเจ้ามาจากเชื้ออสุจิอันไร้ค่า สติปัญญาของพวกเจ้าเองมิได้ยืนยันหรือว่า ความดีและความชั่วนั้นไม่อาจเหมือนกันได้? ดังนั้น จงคิดและตัดสินใจว่า อะไรที่เป็นเหตุผล ความดีและความชั่วจะมีจุดจบที่เหมือนกันในดินกระนั้นหรือ? หรือว่าความดีควรจะได้รับสิ่งดีเป็นการตอบแทน และความชั่วจะต้องได้รับสิ่งเลวเป็นการตอบแทน? ทีนี้ ถ้าหากพวกเจ้าไม่ยอมรับสิ่งที่มีเหตุผลเหล่านี้และไม่ทิ้งพระเจ้าจอมปลอมของพวกเจ้า และอยากจะใช้ชีวิตอย่างคนไม่ต้องรับผิดชอบในโลก นบีก็ไม่ได้สูญเสียสิ่งใด พวกเจ้าเองต่างหากที่จะต้องได้รับผลร้ายที่จะติดตามมา ความรับผิดชอบของนบีเพียงอย่างเดียวก็คือ อธิบายความจริงให้แก่พวกเจ้าได้เข้าใจ ซึ่งเขาได้ทำแล้ว”
   เกี่ยวกับเรื่องนี้ ท่านรอซูลุลลอฮฺได้ถูกปลอบใจครั้งแล้วครั้งเล่า เหมือนกับจะกล่าวว่า : “เมื่อเจ้าปฏิบัติภารกิจเผยแผ่สัจธรรมอย่างเต็มที่แล้ว เจ้าก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไรต่อคนที่ยังคงดึงดันทำความผิดและไม่ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง” นอกจากนั้นแล้ว ท่านยังได้ถูกปลอบใจอีกว่า : “เจ้าไม่ต้องเศร้าโศกเสียใจกับคนที่ไม่ต้องการที่จะศรัทธาและหมกมุ่นครุ่นคิดว่าจะนำคนเหล่านี้มาสู่หนทางที่ถูกต้องได้อย่างไร? แต่เจ้าควรจะเอาใจใส่คนที่ตั้งใจฟังเจ้าจะดีกว่า”
   เกี่ยวกับเรื่องนี้ บรรดาผู้ศรัทธายังได้ถูกแจ้งให้ทราบถึงข่าวดีในภายภาคหน้าด้วย ทั้งนี้เพื่อที่พวกเจ้าจะได้มีความเข้มแข็ง และมั่นคงอยู่ในหนทางแห่งสัจธรรมด้วยความเชื่อมั่นในสัญญาที่อัลลอฮฺได้ทรงให้ไว้


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

--------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 1 - 3



 

คำอ่าน
1. อัลหัมดุลิลลาฮิฟาฏิริสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ ญาอิลิลมะลา...อิกะติ รุสุลัน อุลี..อัจญนิหะติม..มัษนา วะษุลาษะ วะรุบาอฺ ยะซีดุฟิลค็อลกิมายะชา...อุ์ อิน..นัลลอฮะอะลากุลลิชัยอิน..เกาะดีรฺ
2. มายัฟตะหิลลาฮุ ลิน..นาสิมิรฺเราะหฺมะติน..ฟะลามุมสิกะละฮา วะมายุมสิก ฟะลามุรฺสิละละฮู มิม..บะอฺดิฮฺ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม
3. ยา..อัยยุฮัน..นาสุซกุรู นิอิมะตัลลอฮิอะลัยกุม ฮัลมินคอลิกิน ฆ็อยรุลลอฮิ ยัรฺซุกุกุม..มินัสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ ลา..อิลาฮะอิลลาฮู ฟะอัน..นาตุอ์ฟะกูน


คำแปล R1.
1. All the praises and thanks be to Allah, the (only) Originator [or the (only) Creator] of the heavens and the earth, who made the angels Messengers with wings, - two or three or four. He increases in creation what He wills. Verily, Allah is able to do all things.
2. Whatever of Mercy (i.e.of good), Allah may grant to mankind, none can withhold it, and whatever He may withhold, none can grant it thereafter. And He is the All-Mighty, the All-Wise.
3. O mankind! Remember the Grace of Allah upon you! Is there any creator other than Allah who provides for you from the sky (rain) and the earth? La ilaha illa Huwa (none has the right to be worshipped but He). How then are you turning away (from Him)?


คำแปล R2.
1. มวลการสรรเสริญเป็นของอัลเลาะฮฺผู้ทรงเนรมิตฟากฟ้าและแผ่นดิน ทรงบันดาลมลาอิกะฮฺให้เป็นทูต ซึ่งมีปีกหลายปีก คือสอง และสาม และสี่ พระองค์ทรงเพิ่มพูนในการบันดาล(ของพระองค์)แก่สิ่งที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเดชานุภาพเหนือทุก ๆ สิ่ง
2. ความเมตตาใดที่อัลเลาะฮฺทรงเปิดไว้แก่มวลมนุษย์ก็จะไม่มีผู้ใดยึดกุมมันไว้ได้ และสิ่งใดที่พระองค์ทรงยึดกุมมันไว้(ไม่ทรงประทานแก่ใคร) ก็จะไม่มีผู้ใดปล่อยมันออกไปได้ภายหลังจากพระองค์(ได้ทรงยึดไว้นั้น) และพระองค์ทรงอำนาจยิ่งอีกทั้งทรงปรีชาญาณยิ่ง
3. โอ้มวลมนุษย์ทั้งหลาย พวกเจ้าจงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺที่ทรงประทานแก่พวกเจ้าเถิด มีผู้บันดาลอื่นใดนอกจากอัลเลาะฮฺอีกหรือ ที่จะให้โชคผลแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าและจากแผ่นดิน ไม่มีพระเจ้าใด ๆ อีกแล้วนอกจากพระองค์เท่านั้น แล้วไฉนพวกเจ้าจึงถูกผันแปร(จากการศรัทธาและกราบไหว้พระองค์)


คำแปล R3.
บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและผู้ทรงแต่งตั้งมลาอิกะฮฺที่มีสองปีกและสามปีกและสี่ปีกให้เป็นผู้นำสาส์นของพระองค์ พระองค์ทรงเพิ่มในสิ่งที่พระองค์สร้างตามพระประสงค์ของพระองค์ แน่นอนอัลลอฮิทรงมีพลานุภาพเหนือทุกสิ่ง
2. อะไรก็ตามจากความเมตตาที่อัลลอฮิทรงเปิดให้แก่มนุษย์ไม่มีผู้ใดสามารถยับยั้งได้ และอะไรก็ตามที่พระองค์ทรงยับยั้งไว้ก็ไม่มีผู้ใดสามารถให้มันได้หลังจากพระองค์ พระองค์เป็นผู้ทรงยิ่งใหญ่ ผู้ทรงปรีชาญาณ
3. มนุษย์เอ๋ยจงระลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่ทรงมีต่อสูเจ้า มีผู้สร้างอื่นใดนอกไปจากอัลลอฮิอีกกระนั้นหรือที่ประทานปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้าจากฟากฟ้าและแผ่นดิน? ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์แล้วทำไมสูเจ้าจึงยังถูกหลอกให้หลงอีก


คำแปล R4.
1. บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ผู้ทรงแต่งตั้งมะลาอิกะฮฺให้เป็นผู้นำข่าว ผู้มีปีกสอง สาม และสี่ ทรงเพิ่มในการสร้างตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริง อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
2. สิ่งใดที่อัลลอฮฺทรงประทานให้จากความเมตตาแก่มนุษย์ชาติ ไม่มีผู้ยับยั้งมันได้ และสิ่งใดที่พระองค์ทรงยับยั้งไว้ ก็ไม่มีผู้ใดให้มันได้หลังจาก (การยับยั้ง) ของพระองค์และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
3. โอ้มนุษย์เอ๋ย! พวกเจ้าจงรำลึกถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺที่มีต่อพวกเจ้า จะมีพระผู้สร้างอื่นใดจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือ ที่จะประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าและแผ่นดิน ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ดังนั้น ทำไมเล่าพวกเจ้าจึงถูกหลอกลวงให้หันห่างออกไป (จากความจริง)


คำแปล R5.
๑. มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิเฉพาะอัลเลาะห์ ผู้ทรงบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน โดยไม่มีแบบมาก่อน ทรงแต่งตั้งมวลมลาอิกะห์เป็นทูตสู่ศาสดาต่าง ๆ ผู้มีปีกสองและสามและสี่ พระองค์ทรงเพิ่มพูนในการบันดาลแก่มลาอิกะห์นั้นตามที่พระองค์ทรงประสงค์ แท้จริงอัลเลาะห์ย่อมทรงอานุภาพเหนือทุกสิ่ง
๒. อันใดที่อัลเลาะห์ ได้ทรงเปิดให้มนุษย์ชาติจากความเมตตา เช่น โชคผลต่าง ๆ และฝนเป็นต้น ที่จริงก็จักไม่มีผู้ยึดกุมมันไว้ มิให้ประสบแก่มวลมนุษย์เหล่านั้น และอันใดที่พระองค์ทรงยึดกุมมันไว้โดยมิประสงค์จะประทานแก่มวลมนุษย์ ที่จริงก็จักไม่มีผู้จัดส่งมันให้แก่พวกเขาได้เลย หลังจากที่พระองค์ได้ยึดกุมมัน และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชายิ่ง
๓. โอ้มนุษย์ทั้งหลาย เจ้าจงระลึกถึงความโปรดปรานของอัลเลาะห์ที่ทรงประทานแก่พวกเจ้าเถิด จะมีผู้บันดาลอันนอกเหนือจากอัลเลาะห์อีกหรือ แน่นอน ย่อมไม่มี พระองค์ทรงประทานโชคผลแก่พวกเจ้า คือน้ำฝนให้หลั่งจากฟากฟ้า และให้งอกเงยหรือซึมขึ้นจากแผ่นดิน ย่อมไม่มีพระเจ้าใด ๆ ทั้งสิ้นนอกจากพระองค์ แล้วไฉนเล่าพวกเจ้าจึงถูกบิดผันจากความยึดมั่นในเอกภาพของพระองค์ ทั้ง ๆ ที่พวกเจ้าก็ยอมรับว่าพระองค์เป็นผู้บันดาลและเป็นผู้ประทานโชคผล


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 26, 2011, 02:44 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 4 - 6


คำอ่าน
4. วะอี..ยุกัซซิบูกะ ฟะก็อดกุซซิบัตรุสุลัม..มิน..ก็อบลิก วะอิลัลลอฮิ ตุรฺญะอุลอุมูรฺ
5. ยา..อัยยุฮัน..นาสุ อิน..นะวะอฺดัลลอฮิ หักกุน..ฟะลาตะฆุรฺร็อน..นะกุมุลหะยาตุดดุนยา วะลายะฆุรฺร็อน..นะกุม..บิลลาฮิลฆุรูรฺ
6. อิน..นัชชัยฏอนะละกุมอะดูวุน..ฟัตตะคิซูฮุอะดูวา อิน..นะมายัดอูหิซบะฮู ลิยะกูลู มินอัศหาบิสสะอีรฺ


คำแปล R1.
4. And if they belie you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), so were Messengers belied before you. And to Allah return all matters (for decision).
5. O mankind! Verily, the Promise of Allah is true. So let not these present lives deceive you, and let not the chief deceiver (Satan) deceive you about Allah.
6. Surely, Shaitan (Satan) is an enemy to you, so take (treat) him as an enemy. He only invites his Hizb (followers) that they may become the dwellers of the blazing Fire.


คำแปล R2.
4. และหากพวกเขาว่าเจ้ามุสา (เจ้าก็ไม่ต้องเศร้าโศกหรอก)เพราะแท้จริงบรรดาศาสนทูตก่อนหน้าเจ้าก็ถุกกล่าวหาว่ามุสา(เหมือนกัน) และการงานทั้งหลายย่อมถูกส่งกลับไปสู่(การตัดสินของ)อัลเลาะฮฺ
5. โอ้มวลมนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงสัญญาของอัลเลาะฮฺย่อมเป็นสัจจะเสมอ ดังนั้นเจ้าจงอย่าปล่อยให้ชีวิตทางโลกนี้หลอกลวงเจ้าได้ และอย่าให้สิ่งล่อลวงทำการล่อลวงเจ้าด้วย(ความโปรดปรานของ)อัลเลาะฮฺได้
6. แท้จริงมารร้ายนั้นเป็นศัตรูของพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงยึดถือมันเป็นศัตรูเถิด (อย่าถือมันเป็นมิตร) อันที่จริงมันจะเชิญชวนสมาชิกของมัน (ให้คล้อยตามมายาการของมัน) เพื่อพวกเขาจะได้เป็นเจ้าของแห่งเปลวเพลิงนรกเป็นที่สุด


คำแปล R3.
4. (โอ้ นบี) ถ้าหากคนเหล่านี้ถือว่าเจ้าเป็นคนโกหก (นั่นก็มิใช่เรื่องใหม่)รอซูลต่าง ๆ ก่อนหน้าเจ้าก็เคยถูกหาว่าเป็นคนโกหกมาแล้วเช่นกัน และในที่สุดแล้วการงานทั้งหลายก็จะถูกนำกลับไปยังอัลลอฮฺ
5. มนุษย์เอ๋ย แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺเป็นจริงเสมอ ดังนั้นจงอย่าให้ชีวิตหนึ่งแห่งโลกนี้มาหลอกลวงสูเจ้า และจงอย่าให้ผู้หลอกลวงนั่นมาหลอกลวงสูเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺ
6. แท้จริงมารร้ายชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูของสูเจ้า ดังนั้นสูเจ้าก็จงถือว่ามันเป็นศัตรูของสูเจ้าด้วยเช่นกัน แท้จริงมันกำลังเรียกร้องพวกพ้องของมันไปสู่หนทางของมัน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาเหล่านั้นจะได้เป็นผู้อาศัยอยู่ในนรก


คำแปล R4.
4. และหากพวกเขาปฏิเสธเจ้าแน่นอนบรรดารอซูลก่อนหน้าเจ้าก็ได้ถูกปฏิเสธมาก่อนแล้ว และการงานทั้งหลายย่อมถูกนำกลับไปหาอัลลอฮฺ
5. โอ้มนุษย์เอ๋ย ! แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริงเสมอ ดังนั้น อย่าให้การดำรงชีวิตอยู่ในโลกนี้ล่อลวงพวกเจ้า และอย่าให้การหลอกล่อ (ชัยฏอน) มาล่อลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺเป็นอันขาด
6. แท้จริง มารชัยฏอนนั้นเป็นศัตรูกับพวกเจ้า ดังนั้น พวกเจ้าจงถือว่ามันเป็นศัตรู แท้จริง มันเรียกร้องพลพรรคของมัน เพื่อให้พวกมันเป็นสหายแห่งไฟลุกโชติช่วง

 
คำแปล R5.
๔. โอ้มุฮำมัดและหากแม้นพวกเขาหาว่าเจ้ามุสาในการนำสัจธรรมมาประกาศเจ้าก็ไม่ต้องหวั่นวิตกหรือท้อแท้เพราะแท้จริงบรรดาศาสนทูตเมื่อก่อนหน้าเจ้าในสมัยก่อน ๆ ก็ถูกกล่าวหาว่ามุสาเช่นเดียวกัน ดังนั้นเจ้าจงอดทนเหมือนเช่นพวกศาสนทูตเหล่านั้น และบรรดากิจการต่าง ๆ ย่อมถูกส่งคืนไปยังอัลเลาะห์ทั้งสิ้น เพื่อพิจารณาและพิพากษา
๕. โอ้มนุษย์ทั้งหลาย แท้จริงสัญญาแห่งอัลเลาะห์ที่ให้ไว้ เช่น จะมีการฟื้นขึ้นจากสุสานเป็นอาทิ ย่อมเป็นสัจจะเสมอ ดังนั้นพวกเจ้าอย่าให้ชีวิตแห่งสากลโลกนี้หลอกลวงพวกเจ้า จนทอดทิ้งความยึดมั่นในสิ่งเหล่านั้น และอย่าให้มารร้ายผู้หลอกลวงทำการหลอกลวงพวกเจ้า เพราะเห็นว่าอัลเลาะห์ได้ลงโทษไปตามสัญญาที่ทรงให้ไว้
๖. แท้จริงอันมารร้ายไซตอนนั้นเป็นศัตรูสำหรับพวกเจ้า ดังนั้นพวกเจ้าจงยึดมันเป็นศัตรูเถิด อย่าเป็นมิตรกับมันและอย่าเชื่อฟังมัน แต่จะต้องต่อสู้กับมันจนตลอด แท้จริงมารร้ายมันชักชวนบริวารของมัน เพื่อให้พวกนั้นเป็นหนึ่งจากสมาชิกของนรก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. อัลละซีนะกะฟะรู ละฮุมอะซาบุน..ชะดีด วัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ละฮุม..มัฆฟิเราตู..วะอัจญรุน..กะบีรฺ
8. อะฟะมัน..ซุยยินะละฮู สู...อุ ฟะเราะอาฮุหะสะนา ฟะอิน..นัลลอฮะ ยุฎิลลุมัย..ยะชา...อุ วะยะฮฺดีมัย..ยะชา...อ์ ฟะลาตัซฮับ นัฟสุกะอะลัยฮิมหะสะรอต อิน..นัลลอฮะอะลีมุม..บิมายัศนะอูน
9. วัลลอฮุลละซี..อัรสะลัรฺริยาหุ ฟะตุสีรุสะหาบัน..ฟะสุกนาฮุ อิลาบะละดิม..ม้ยยิติน..ฟะอะหฺยัยนาบิฮิลอัรฺเฎาะ บะอฺดะเมาติฮา กะซาลิกัน..นุชูรฺ


คำแปล R1.
7. Those who disbelieve, theirs will be a severe torment; and those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and do righteous good deeds, theirs will be forgiveness and a great reward (i.e. Paradise).
8. Is he, then, to whom the evil of his deeds made fair-seeming, so that he considers it as good (equal to one who is rightly guided)? Verily, Allah sends astray whom He wills, and guides whom He wills. So destroy not yourself (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) in sorrow for them. Truly, Allah is the All-Knower of what they do!
9. And it is Allah who sends the winds, so that they raise up the clouds, and we drive them to a dead land, and revive therewith the earth after its death. As such (will be) the Resurrection!


คำแปล R2.
7. บรรดาจำพวกไร้ศรัทธาพวกเขาย่อมได้รับการลงโทษอันร้ายแรงที่สุด และบรรดาผู้มีศรัทธาและปกิบัติแต่ความดีพวกเขาย่อมได้รับการนิรโทษ และได้รับรางวัลอันยิ่งใหญ่
8. แล้วผู้ใดบ้างเล่าที่ความประพฤติอันเลวทรามของเขาได้ถูกประดับแก่เขาจนเขาเห็นมันเป็นความดีงาม แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงปล่อยให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์หลงทาง และทรงชี้นำแก่ผุ้ที่ทรงประสงค์ ดังนั้นเจ้าจงอย่าทำลายตัวของเจ้าเองเพราะความทุกข์ระทมใน(ความเนรคุณของ)พวกเขา เพราะอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง ในสิ่งที่พวกเขากระทำไว้
9. และอัลเลาะฮฺทรงส่งลมให้พัดมาแล้วมันก็กระจายก้อนเมฆออก จากนั้นเราได้หลั่งมันลงมา ยังบ้านเมืองที่แห้งแล้ง(ตายไปแล้ว) แล้วเราก็นำมันมาชุบชีวิตแก่แผ่นดิน ภายหลังที่มันได้ตายไปแล้ว(ให้อุดมสมบูรณ์) ก็เช่นนั้นเหมือนกัน การฟื้นขึ้น(ของมนุษย์จากความตายในวันชาติหน้า)


คำแปล R3.
7. บรรดาผู้ปฏิเสธจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีนั้นจะได้รับการให้อภัยและรางวัลอันยิ่งใหญ่
8. (เราสามารถที่จะจินตนาการถึงการหลงผิดของ) คนที่คิดว่าการทำความชั่วของตัวเองดูสวยหรูแล้วเขายังเห็นว่ามันเป็นสิ่งดีกระนั้นหรือ? แท้จริงอัลลอฮฺจะทรงทำให้คนที่พระองค์ทรงประสงค์หลงผิดและจะทรงนำผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ไปสู่แนวทางที่ถูกต้อง ดังนั้น (โอ้ นบี) จงอย่าปล่อยให้ตัวเจ้าเองต้องมาเศร้าโศกเสียใจ เพราะคนเหล่านี้อัลลอฮฺทรงรู้ดีถึงสิ่งที่พวกเขากำลังกระทำอยู่
9. อัลลอฮฺคือผู้ที่ทรงส่งลมทั้งหลายให้พัดไป หลังจากนั้นมันก็จะหอบเอาก้อนเมฆขึ้นมาแล้วเราได้ให้มันพัดพาไปยังดินแดนที่แห้งแล้งแล้วทำให้มันมีชีวิตขึ้นมาหลังจากที่มันได้ตายไป การฟื้นคืนชีพของคนตายก็เช่นเดียวกันนี้แหละ


คำแปล R4.
7. บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธานั้น สำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันสาหัส ส่วนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย สำหรับพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและรางวัลอันยิ่งใหญ่
8. ดังนั้น ผู้ที่ความชั่วแห่งการงานของเขาได้ถูกนำให้เพริศแพร้วแก่เขา แล้วเขาเห็นว่ามันเป็นสิ่งดีกระนั้นหรือ ? แท้จริง อัลลอฮฺจะทรงทำให้หลงผิดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และจะทรงชี้แนะแนวทางที่ถูกต้องแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังนั้น เจ้าอย่าทำให้จิตใจของเจ้ากลับกลายเป็นระทมทุกข์ เนื่องเพราะพวกเขา แท้จริง อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่พวกเขากระทำ
9. และอัลลอฮฺซึ่งทรงส่งลมทั้งหลายออกไป และมันได้หอบเป็นเมฆขึ้น แล้วเราได้ให้มันพัดพาไปยังดินแดนที่แห้งแล้ง แล้วเราได้ให้แผ่นดินนั้นมีชีวิต (ชุ่มชื้นด้วยน้ำฝน) หลังจาการแห้งแล้งของมัน เช่นนั้นแหละการฟื้นคืนชีพ


คำแปล R5.
๗. บรรดาผู้เนรคุณทั้งหลายนั้นพวกเขาย่อมประสบการลงโทษอันร้ายแรงและบรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามพวกเขาย่อมได้รับการอภัยและรางวัลอันยิ่งใหญ่จากอัลเลาะห์
   โองการต่อไปนี้ประทานเกี่ยวกับอะบูยะฮัลและพวก
๘. ผู้ซึ่งพฤติกรรมอันเลวทรามของเขาถูกประดับไว้แก่เขาจนเขามองเห็นพฤติกรรมนั้นเป็นความดีงาม จะเหมือนกับผู้ได้รับการชี้นำจากอัลเลาะห์กระนั้นหรือ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงยังความหลงผิดแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงชี้นำแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ ดังนั้นเจ้าอย่าทำลายตัวของเจ้าเองโดยความโศกเศร้าเพียงเพราะพวกเขาไม่ยอมศรัทธา เพราะ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่พวกเขากระทำไว้ แล้วพระองค์จะตอบแทนพวกเขา เพราะการกระทำนั้น
๙. และอัลเลาะห์ทรงส่งลมแล้วมันก็จะพัดพาเมฆไปสู่ทิศต่าง ๆ แล้วเราก็ให้มันหลั่งลงมายังภูมิประเทศที่แห้งแล้ง ต่อมาเราได้ยังชีวิตแก่พื้นดิน ให้มีความชุ่มชื้นและเขียวชอุ่มเพราะมัน หลังจากแผ่นดินนั้นได้เคยแห้งแล้งมาก่อน เช่นนั้นแหละ การฟื้นคืนชีพของมนุษย์ทั้งหลายซึ่งเมื่อตายไปแล้วก็จะได้รับการดลบันดาลให้ฟื้นขึ้นมาอีกคำรบหนึ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 10 - 12


คำอ่าน
10. มัน..กานะ ยุรีดุลอิซซะตะ ฟะลิลลาฮิลอิซซะตุญะมีอา อิลัยฮิ ยัศอะดุลกะลิมะตุฏฏ็อยยิบุ วัลอะมะลุศศอลิหุ ยัรฺฟะอุฮู วัลละซีนะ ยัมกุรูนัสสัยยิอาติ ละฮุมอะซาบุน..ชะดีด วะมักรุ อุลา..อิกะ ฮุวะยะบูรฺ
11. วัลลอฮุ เคาะละเกาะกุม..มิน..ฏุรอบิน..ษุม..มะมิน..นุฏฟะติน..ษุม..มะญะอะละกุมอัซวาญา วะมาตะหฺมิลุมินอุน..ษา วะลาตะเฎาะอุอิลลาบิอิลมิฮฺ วะมายุอัม..มะรุ มิม..มุอัม..มะริว..วะลายุน..เกาะศุ มินอุมุริฮี..อิลลาฟีกิตาบ อิน..นะซาลิกะ อะลัลลอฮิยะสีรฺ
12. วะมายัสตะวิลบะหฺรอนิ ฮาซาอัซบุน..ฟุรอตุน..สาบิฆุน..ชะรอบุฮู วะฮาซามิลหุนอุญาจญฺ วะมิน..กุลลิ ตะอ์กุลูนะ ละหฺมัน..เฏาะรียัน วะตัสตัคริญูนะ หิลยะตัน..ตัลบะสูนะฮา วะตะร็อลฟุลกะ ฟีฮิมะวาคิเราะ ลิตับตะฆูมิน..ฟัฎลิฮี วะละอัลละกุมตัชกุรูน


คำแปล R1.
10. Whosoever desires honour, power and Glory then to Allah belong all honour, power and glory [and one can get honour, power and glory only by obeying and worshipping Allah (Alone)]. To Him ascend (all) the goodly words, and the righteous deeds exalt it (the goodly words i.e. the goodly words are not accepted by Allah unless and until they are followed by good deeds), but those who plot evils, theirs will be severe torment. And the plotting of such will perish.
11. And Allah did create you (Adam) from dust, Then from Nutfah (male and female discharge semen drops i.e. Adam's offspring), then He made you pairs (male and female). And no female conceives or gives birth, but with his knowledge. And no aged man is granted a length of life, nor is a part cut off from his life (or another man's life), but is in a Book (Al-Lauh Al-Mahfuz) surely, that is easy for Allah.
12. And the two seas (kinds of water) are not alike, this fresh sweet, and pleasant to drink, and that saltish and bitter. And from them both you eat fresh tender meat (fish), and derive the ornaments that you wear. And you see the ships cleaving (the seaญwater as they sail through it), that you may seek of his Bounty, and that you may give thanks.


คำแปล R2.
10. ผู้ใดมุ่งมาดในเกียรติยศ(ก็จงรู้เถิดว่า) อันเกียรติทั้งมวลนั้นเป็นของอัลเลาะฮฺผู้เดียวเท่านั้น ถ้อยคำที่ดีจะขึ้นตรงไปยังพระองค์ ลัความประพฤติอันดีงามพระองค์ก็ทรงยกมันไว้ และบรรดาผู้วางแผนการเลวร้ายต่าง ๆ พวกเขาย่อมได้รับโทษทัณฑ์อันร้ายแรงยิ่ง และแผนการของพวกเหล่านั้นเป็นสิ่งสูญสลาย
11. และอัลเลาะฮฺทรงบันดาลพวกเจ้ามาจากดิน หลังจากนั้น(ทรงบันดาล)มาจากหยดอสุจิ หลังจากนั้นทรงบันดาลพวกเจ้าให้มีคู่ครอง และหญิงใดก็ตามจะไม่ตั้งครรภ์และไม่คลอดลูก นอกจากจะต้องเป็นไปโดยความรอบรู้ของพระองค์ และไม่ว่าผู้ใดก็ตามที่มีอายุยืนนาน และไม่ว่าผู้ใดที่ถูกทอนอาวุธให้สั้นลง นอกจากจะมีปรากฏอยู่ในบันทึก(ของอัลเลาะฮฺ) แท้จริงสิ่งนั้นเป็นเรื่องง่ายดายที่สุดสำหรับอัลเลาะฮฺ
12. และทะเลสองสาย ย่อมไม่ทัดเทียมกัน(แม้จะเป็นทะเลเหมือนกันก็ตาม) ทะเลนี้เป็นทะเลน้ำจืดสนิท ซึ่งขจัดความกระหายจากการดื่มนั้น และอีกทะเลหนึ่งเป็นน้ำเค็มจัด และจากทุกทะเลนั้น พวกเจ้าจะได้บริโภคเนื้ออันนุ่มนวลและพวกเจ้าได้นำเอาเครื่องประดับออกมาจากมันเพื่อสวมใส่มัน และเจ้ามองเห็นเรือที่วิ่งอยู่ในนั้นฝ่าสายน้ำมา เพื่อพวกเจ้าจะได้บรรลุความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺและเพื่อพวกเจ้าจะได้กตัญญู


คำแปล R3.
10. ใครก็ตามที่แสวงหาเกียรติยศ จงรู้เถิดว่าเกียรติยศนั้นเป็นของอัลลอฮฺ เฉพาะถ้อยคำที่บริสุทธิ์เท่านั้นที่จะขึ้นไปถึงพระองค์ และการทำดีต่างหากที่จะทำให้มันสูงส่ง ส่วนผู้ที่วางแผนชั่วร้ายนั้นพวกเขาจะได้รับการลงโทษอย่างรุนแรง และแผนการของของพวกเขาจะย่อยยับ
11. อัลลอฮฺทรงสร้างสูเจ้ามาจากฝุนดิน หลังจากนั้นก็จากเชื้ออสุจิ หลังจากนั้นก็ได้ทรงทำให้สูเจ้าเป็นคู่ (นั่นคือเพศชายและเพศหญิง) ไม่มีผู้หญิงคนใดที่ตั้งครรภ์และคลอดโดยพ้นไปจากความรอบรู้ของพระองค์ และไม่มีผู้สูงอายุคนใดจะถูกยืดอายุให้ยาวออกไป และไม่มีสิ่งใดที่จะมาลดอายุของเขาเว้นแต่ตามบันทึก นี่เป็นสิ่งง่ายดายสำหรับอัลลอฮฺ
12. และน้ำจากทะเลทั้งสองนั้นไม่เหมือนกัน น้ำจากแห่งหนึ่งนั้นจืดสนิทและดับกระหายเป็นที่น่าดื่ม ในขณะที่อีกแห่งหนึ่งเค็มจัด แต่จากทั้งสองนั้นสูเจ้าก็จะได้กินเนื้อสดและได้เครื่องประดับจากมันมาสวมใส่ และในแหล่งน้ำเดียวกันนี้เองที่สูเจ้าเห็นเรือมากมายที่แล่นฝ่าผิวน้ำไป ทั้งนี้เพื่อที่สูเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานและเพื่อสูเจ้าจะได้กตัญญูต่อพระองค์


คำแปล R4.
10. ผู้ใดต้องการอำนาจ ดังนั้น อำนาจทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ คำกล่าวที่ดีย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์ และการงานที่ดีนั้นพระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมัน และบรรดาผู้วางแผนชั่วร้ายทั้งหลายนั้น พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเจ็บแสบ และแผนการของชนเหล่านั้นย่อมจะพินาศ
11. และอัลลอฮฺทรงบังเกิดพวกเจ้ามาจากฝุ่นดิน แล้วก็มาจากเชื้ออสุจิ แล้วทรงทำให้พวกเจ้าเป็นคู่สามีภริยา และจะไม่มีหญิงใดตั้งครรภ์และนางจะไม่คลอด เว้นแต่ด้วยความรอบรู้ของพระองค์ และไม่มีผู้สูงอายุคนใดจะถูกยืดอายุออกไป และอายุของเขาก็จะไม่ถูกตัดทอน เว้นแต่อยู่ในบันทึก (ของพระองค์) แท้จริง นั่นเป็นการง่ายดายสำหรับอัลลอฮฺ
12. และทะเลทั้งสองนั้นไม่เหมือนกัน อันนี้จืดสนิทอร่อยน่าดื่ม พอใจในเครื่องดื่มของมัน และอันนี้เค็มจัด และจากแต่ละทุกแห่งนั้น พวกเจ้าจะได้กินเนื้ออันอ่อนนุ่ม และพวกเจ้า เอาออกมาจาก (ทะเลทั้งสอง) เครื่องประดับ เพื่อใช้มันเป็นอาภรณ์ และเจ้าเห็นเรือแล่น ฝ่าผิวน้ำไป เพื่อพวกเจ้าจะได้แสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ และเพื่อพวกเจ้าจะได้ขอบคุณ


คำแปล R5.
๑๐. ผู้ใดมุ่งมาดในเกียรติยศ ที่จริงอันเกียรติยศทั้งมวลย่อมเป็นของอัลเลาะห์แต่เพียงพระองค์เดียว ไม่ว่าจะในโลกนี้หรือโลกหน้าก็ตาม ดังนั้นผู้ใดประสงค์จะได้เกียรตินั้น เขาจะต้องภักดีต่ออัลเลาะห์โดยเคร่งครัด บรรดาถ้อยคำอันดีงามย่อมขึ้นไปยังพระองค์ เช่นการกล่าวซิกิรต่าง ๆ และความประพฤติอันดีงามพระองค์ก็ทรงยกย่องมัน และทรงตอบแทนมันอย่างสมบูรณ์ทั้งสองประการ และบรรดาผู้ใช้เล่กระเท่อันเลวเพื่อการประหัตประหารหรือขับไล่นบีมุฮำมัด ซ.ล. พวกเขาย่อมได้รับการลงโทษอันร้ายแรง และเล่ห์กลของพวกนั้นก็จะทำลายพวกนั้นเองโดยพวกเขาถูกฆ่าตายที่ทุ่งบะดัรฺ
๑๑. และอัลเลาะห์ได้บันดาลนบีอาดัมผู้เป็นปฐมบิดาของพวกเจ้าจากดิน หลังจากนั้น ทรงบันดาลพวกเจ้าจากอสุจิ หลังจากนั้นได้บันดาลพวกเจ้าให้เป็นคู่ครองกัน มีเป็นเพศชายและเพศหญิง และหญิงใดจะไม่ตั้งครรภ์และจะไม่คลอดบุตรนอกจากเป็นไปโดยความรอบรู้ของพระองค์ และผู้มีอายุคนใด จะไม่ถูกให้มีอายุยืนนานและจะไม่ได้รับการลดจากอายุของเขา นอกจากต้องมีปรากฏในบันทึก คือเลาหุลมะหิฟูซ แท้จริงสิ่งนั้นย่อมเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับอัลเลาะห์
๑๒. และสองทะเลซึ่งแตกต่างลักษณะกันย่อมไม่เท่าเทียมกัน ทะเลนี้จืดสนิท ซึ่งผู้ดื่มมันจะได้รับความกระชุ่มกระชวย และอีกทะเลหนึ่งนี้เค็มจัดไม่มีใครดื่มมันได้ และพวกเจ้าได้บริโภคปลาซึ่งมีเนื้อนุ่มลมุนจากทุกทะเลไม่ว่าจะเป็นทะเลน้ำจืดหรือน้ำเค็มก็ตาม และพวกเจ้าได้นำไข่มุกและอัญมณีจากท้องทะเลมาทำเป็นเครื่องประดับซึ่งพวกเจ้าสวมใส่มัน และเจ้าเห็นเรือแหวกสายน้ำในนั้น เพื่อพวกเจ้าจักได้แสวงหาจากความโปรดปรานของพระองค์ อัลเลาะห์ด้วยการบรรทุกสินค้านำไปขายยังเมืองต่าง ๆ และเพื่อพวกเจ้าจักขอบคุณอัลเลาะห์ที่ทรงบันดาลสิ่งเหล่านั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 13 - 14


คำอ่าน
13. ยูลิญุลลัยละ ฟิน..นะฮาริ วะยูลิญุน..นะฮาเราะฟิลลัยลิ วะชัคเคาะร็อชชัมสะ วัลเกาะมัรฺ กุลลุย..ยัจญรี ลิอะญะลิม..มุสัม..มา ซาลิกุมุลลอฮุร็อบบุกุม ละฮุลมุลกุ วัลละซีนะตัดอูนะมิน..ดูนิฮี มายัมลิกูนะ มิน..กิฏมีรฺ
14. อิน..ตัดอูฮุม ลายัสมะอูดุอา...อะกุม วะเลาสะมิอู มัสตะญาบูละกุม วะเยามัลกิยามะติ ยักฟุรูนะบิชิรฺกิกุม วะลายุนับบิอุกะ มิษลุเคาะบีรฺ


คำแปล R1.
13. He merges the night into the day (i.e. the decrease in the hours of the night are added to the hours of the day), and He merges the day into the night (i.e. the decrease in the hours of the day are added to the hours of the night). And He has subjected the sun and the moon, each runs its course for a term appointed. Such is Allah your Lord; his is the kingdom. And those, whom you invoke or call upon instead of him, own not even a Qitmir (the thin membrane over the date-stone).
14. If you invoke (or call upon) them, they hear not your call, and if (in case) they were to hear, they could not grant it (your request) to you. And on the Day of Resurrection, they will disown your worshipping them. And none can inform you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) like Him who is the All-Knower (of each and everything).


คำแปล R2.
13. ทรงล้ำกลางคืนเข้าในกลางวัน และทรงล้ำกลางวันเข้าในกลางคืน และทรงอำนวยประโยชน์แก่ดวงตะวันและดวงเดือนโดยทุกสิ่งโคจรไปตามกำหนดที่ตายตัว นั่น(เป็นข้อยืนยันว่า)อัลเลาะฮฺทรงเป็นองค์อภิบาลของพวกเจ้า พระองค์ทรงอำนาจปกครอง และบรรดาสิ่งที่พวกเจ้าวอนนมัสการนอกจากพระองค์นั้น มันหาได้มีอำนาจปกครองสักเพียงเท่าเปลือกเมล็ดอินทผลัมไม่
14. หากเจ้าวอนขอต่อสิ่งเหล่านั้น พวกมันก็ไม่ได้ยินคำขอของพวกเจ้าและถ้า(สมมติว่า)มันได้ยิน พวกมันก็ไม่ตอบสนองพวกเจ้า และในวันชาติหน้าพวกมันจะคัดค้านการตั้งภาคีของพวกเจ้า และไม่ได้แจ้งให้แก่เจ้าโดยผู้(อื่นใดที่จะมีคุณลักษณะ)อุปมาแห่ง(องค์อัลเลาะห์)ผู้ทรงตระหนักยิ่ง


คำแปล R3.
13. พระองค์ได้ทรงทำให้กลางคืนผ่านเข้าไปในกลางวันและกลางวันผ่านเข้าไปในกลางคืน และพระองค์ได้ทรงทำให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์โคจรไปจนกระทั่งถึงเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้ อัลลอฮฺองค์เดียวกันนี้แหละที่เป็นพระผู้อภิบาลของสูเจ้า อำนาจสูงสุดเป็นของพระองค์สิ่งทั้งหลายที่สูเจ้าวิงวอนอนกไปจากพระองค์นั้นมิได้เป็นเจ้าของแม้แต่หญ้าเพียงใบหนึ่ง
14. ถ้าหากสูเจ้าวิงวอนพวกมัน พวกมันก็ไม่อาจได้ยินการวิงวอนของสูเจ้า และถ้าหากว่าพวกมันยินพวกมันก็ไม่สามารถตอบสูเจ้าได้ และในวันแห่งการฟื้นคืนชีพพวกมันจะปฏิเสธการที่สูเจ้าตั้งพวกมันเป็นพระเจ้า ไม่มีใครบอกให้สูเจ้ารู้ถึงเรื่องนี้ได้นอกไปจากผู้ทรงรอบรู้


คำแปล R4.
13. พระองค์ทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในกลางคืน และทรงให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์เป็นประโยชน์ (แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่ได้กำหนดไว้ นั่นคือ อัลลอฮฺพระเจ้าของพวกเจ้า อำนาจการปกครองทั้งมวลเป็นสิทธิ์ของพระองค์ และสิ่งที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้นพวกมันมิได้ครอบครองสิ่งใดแม้แต่เยื่อบางหุ้มเมล็ดอินทผลัม
14. หากพวกเจ้าวิงวอนขอพวกมัน พวกมันจะไม่ได้ยินการวิงวอนขอ ของพวกเจ้า ถึงแม้พวกมันได้ยินพวกมันก็จะไม่ตอบรับพวกเจ้า และในวันกิยามะฮฺพวกมันจะปฏิเสธการตั้งภาคีของพวกเจ้า และไม่มีผู้ใดแจ้งแก่เจ้าได้นอกจากพระผู้ทรงรอบรู้ ตระหนักยิ่ง

 
คำแปล R5.
๑๓. พระองค์ทรงให้กลางคืนล้ำเข้าสู่กลางวันในบางฤดูและให้กลางวันล้ำเข้าสู่กลางคืนในบางฤดูและพระองค์ทรงบังคับดวงตะวันและดวงเดือนมันทั้งสองจะโคจรจวบถึงอายุขัยอันถูกกำหนดไว้นั่นคือวันปรภพ บรรดาที่กล่าวมาแล้วนั้นอัลเลาะห์เป็นผู้อภิบาลพวกเจ้า พระองค์ทรงสิทธิครอบครองในทุกสิ่งทุกอย่าง และบรรดาผู้วอนกราบนมัสการนอกเหนือจากพระองค์ต่อสิ่งที่ไม่ครอบครองแม้เพียงเท่าเปลือกขั้วผลไม้ สิ่งนั้นคือบรรดาเจว็ดและรูปสมมติต่าง ๆ ที่พวกเขาปั้นขึ้นเพื่อบูชา
๑๔. แม้นเจ้าจะวอนขอพวกสิ่งสมมติเหล่านั้น พวกนั้นก็หาได้ยินคำวอนของพวกเจ้า มาดแม้นสมมติว่าพวกนั้นได้ยินพวกนั้นก็ไม่อาจสนองตอบพวกเจ้าได้เลยและในวันปรภพพวกสิ่งสมมติดังกล่าวนั้นจะทรยศกับการตั้งภาคีของพวกเจ้า ที่พวกเจ้าเคยยกมันขึ้นเป็นพระเจ้าคู่เคียงกับอัลเลาะห์ เมื่อถึงวันปรภพพวกเหล่านั้นก็จะปลีกตัวไม่ยอมสนใจผู้กราบไหว้มันด้วยประการใด ๆ ทั้งสิ้น โอ้มุฮำมัด และจะไม่มีผู้ใดแจ้งข่าวอันเป็นสัจจะเกี่ยวกับโลกทั้งสองนั้นแก่เจ้าเหมือนกับ องค์พระผู้เป็นเจ้า ผู้ทรงรอบรู้หรอก พระองค์เพียงองค์เดียวที่รอบรู้เกี่ยวกับมันทั้งสอง


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 29, 2011, 08:03 PM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 15 - 21


คำอ่าน
15. ยาอัยยุฮัน..นาสุ อัน..ตุมุลฟุเกาะรอ...อะ อิลัลลอฮฺ วัลลอฮุ ฮุวัลเฆาะนียุลหะมีด
16. อี..ยะชะอ์ยุซฮิบกุม วะยะอ์ติบิค็อลกิน..ญะดีด
17. วะมาซาลิกะ อะลัลลอฮิบิอะซีซ
18. วะลาตะซิรุวาซิเราะตู..วิซเราะอุครอ วะอิน..ตัดอุ มุษเกาะละตัน อิลาหิมลิฮา ลายุหฺมัลมินฮุชัยอู..วะเลากานะซากุรฺบา อิน..นะมาตุน..ซิรุลละซีนะยัคเชานะร็อบบะฮุมบิลฆ็อยบิ วะอะกอมุศเศาะลาตะ วะมัน..ตะซักกา ฟะอิน..นะมา ยะตะซักกาลินะฟสิฮฺ วะอิลัลลอฮิอลมะศีรฺ
19. วะมายัศตะวิลอะอฺมาวัลบะศีรฺ
20. วะลัซซุลุมาตุ วัน..นูรฺ
21. วะลัซซิลลุ วะลัลหะรูรฺ


คำแปล R1.
15. O mankind! It is you who stand in need of Allah, but Allah is rich (free of all wants and needs), worthy of all praise.
16. If He will, He could destroy you and bring about a new creation.
17. And that is not hard for Allah.
18. And no bearer of burdens shall bear another's burden, and if one heavily laden calls another to (bear) his load, nothing of it will be lifted even though he be near of kin. You (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) can warn only those who fear their Lord unseen, and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat). And he who purifies himself (from all kinds of sins), then He purifies only for the benefit of his ownself. And to Allah is the (final) return (of all).
19. Not alike are the blind (disbelievers in Islamic Monotheism) and the seeing (believers in Islamic Monotheism).
20. Nor are (alike) the darkness (disbelief) and the light (belief in Islamic Monotheism).
21. Nor are (alike) the shade and the sun's heat.


คำแปล R2.
15. โอ้มนุษย์ทั้งหลายพวกเจ้าเป็นผู้ที่ต้องพึ่งพิงยังอัลเลาะฮฺ และอัลเลาะฮิพระองค์ทรงรวยยิ่งอีกทั้งถูกสรรเสริญ
16. แม้นพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงทำลายพวกเจ้า และทรงนำมาซึ่งสิ่งถูกสร้างกลุ่มใหม่(แทนพวกเจ้า)
17. และการนั้นมิเป็นเรื่องยากสำหรับอัลเลาะฮฺเลย
18. และผู้ทำความผิดหนึ่งย่อมไม่ต้องรับผิดชอบความผิดของผู้อื่น และหากผู้รับน้ำหนักความผิดจะเรียกผู้อื่นมาช่วยรับผิดชอบด้วยก็จะไม่มีสักสิ่งเดียวจากเขาที่จะถูกรับผิดชอบ(ให้พ้นตัวเขา)และแม้บุคคลผู้นั้นจะเป็นญาติสนิทก็ตาม ความจริงแล้วจักตักเตือนบรรดาผู้เกรงกลัวองค์อภิบาลของพวกเขาในความเร้นลับ และพวกเขาดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และผู้ใดชำระมลทินจนสะอาด แน่นอนเขาก็ชำระเพื่อเป็นคุณแก่ตัวเขาเอง และยังอัลเลาะฮฺเท่านั้นคือที่กลับคืน(ของทุกสิ่ง)
19.  และผู้ตาบอดกับผู้ตาดีย่อมไม่เทียมทันกัน
20. และความมืดกับความสว่างก็ไม่เทียมทันกัน
21. และความร่มเย็นกับความร้อน ก็ไม่เทียมทันกัน


คำแปล R3.
15. มนุษย์เอ๋ยสูเจ้าเองต่างหากที่ต้องการอัลลอฮฺ ส่วนอัลลอฮฺนั้นทรงมีอย่างเหลือหลายและทรงได้รับการสรรเสริญ
16. หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์สามารถที่จะขจัดสูเจ้าออกไปและนำชนรุ่นใหม่มาแทนสูเจ้าไ
17. และนั่นไม่ได้เป็นการยากสำหรับอัลลอฮฺแต่ประการใดเลย
18.  ไม่มีผู้แบกภาระคนใดจะแบกภาระของอีกคนหนึ่งได้ และถ้าหากชีวิตที่แบกภาระอยู่แล้วจะร้องขอความช่วยเหลือก็ไม่มีใครออกมาช่วยแบกภาระของเขาได้ ถึงแม้ว่าจะเป็นญาติสนิทก็ตาม (โอ้ นบี) เจ้าสามารถเตือนได้ก็แต่บรรดาผู้ที่เกรงกลัวพระผู้อภิบาลของพวกเขา ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็นพระองค์ และพวกเขาดำรงนมาซและใครก็ตามที่ขัดเกลาตนเอง เขาก็ขัดเกลาเพื่อตัวเขาเอง และยังอัลลอฮฺที่ทุกสิ่งจะกลับไป
19. คนตาบอดกับคนตาดีนั้นย่อมไม่เหมือนกัน
20. และความมืดกับความสว่างนั้นก็ย่อมไม่เหมือนกัน
21. และที่ร่มเย็นกับที่ร้อนนั้นก็ย่อมไม่เหมือนกัน

 
คำแปล R4.
15. โอ้มนุษย์เอ๋ย ! พวกเจ้าเป็นผู้ขัดสนต้องการพึ่งอัลลอฮฺ แต่อัลลอฮฺนั้น พระองค์ทรงมั่งมีอย่างล้นเหลือ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
16. หากพระองค์ทรงประสงค์ พระองค์ก็จะทรงให้พวกเจ้าสูญสิ้นไป และจะทรงนำมาซึ่งกลุ่มชนรุ่นใหม่
17. และในการณ์นั้นมิใช่เป็นการยากแก่อัลลอฮฺ เลย
18. และไม่มีผู้แบกภาระคนใดที่จะแบกภาระของผู้อื่นได้ และ ถ้าผู้ที่แบกภาระหนักอยู่แล้วขอร้อง (ผู้อื่น) ให้ช่วยแบกมัน ก็จะไม่มีสิ่งใดถูกแบกออกจากเขา ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นญาติสนิทก็ตาม แท้จริงเจ้าเป็นเพียงผู้ตักเตือนบรรดาผู้เกรงกลัวพระเจ้าของพวกเขาในสิ่งเร้นลับ และพวกเขาดำรงไว้ซึ่งการละหมาดและผู้ใดขัดเกลาตนเอง แท้จริง เขาก็ขัดเกลาเพื่อตัวของเขาเอง และยังอัลลอฮฺเท่านั้นคือการกลับไป
19. และคนตาบอดกับคนตาดีนั้น ย่อมไม่เหมือนกัน
20. และความมืดทึบกับแสงสว่าง ก็ไม่เหมือนกัน
21. และที่เงาร่มกับที่ร้อนแดด ก็ไม่เหมือนกัน


คำแปล R5.
๑๕. โอ้มวลมนุษย์พวกเจ้าเป็นผู้พึ่งพาต่ออัลเลาะห์ในทุกสภาวะ และอัลเลาะห์ทรงรวยต่อการพึ่งพาอาศัยสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น ทรงเป็นผู้ได้รับการสดุดีในผลงานของพระองค์
๑๖. มาดแม้นพระองค์ทรงประสงค์ แน่นอนพระองค์ก็จักทรงทำลายพวกเจ้าให้สูญสิ้นไปจากพื้นพิภพและนำมาซึ่งสิ่งบันดาลกลุ่มใหม่ขึ้นมาแทนที่พวกเจ้า
๑๗. และสิ่งนั้นสำหรับอัลเลาะห์หาใช่เป็นความยากลำบากไม่
๑๘. และผู้ทำบาปคนหนึ่ง ย่อมไม่แบกรับบาปของคนอื่น และหากแม้นผู้รับบาปคนใด เรียกร้องสู่การแบกสิ่งนั้นอันเป็นบาปของผู้อื่น แน่นอนจะไม่มีสิ่งใดถูกแบกไว้จากเขาเลย และแม้ว่าผู้ที่ถูกเรียกร้องนั้น เขาจะเป็นญาติใกล้ชิดก็ตาม เช่น บิดา บุตร เป็นต้น แท้จริง โอ้มุฮำมัด เจ้าตักเตือนได้ก็ได้เฉพาะแก่บรรดาผู้ที่ยำกลัวผู้อภิบาลของพวกเขา โดยความลี้ลับ ทั้ง ๆ ที่พวกเขาไม่มีโอกาสได้มองเห็นพระองค์ในโลกนี้ และพวกเขาดำรงการละหมาดเป็นนิจเนือง และผู้ใดชำระตัวเองให้สะอาดบริสุทธิ์จากความเลวร้ายทั้งหลาย ที่จริงเขาผู้นั้นก็ชำระเพื่อตัวของเขาเอง ความสมหวังจะเป็นของเขาอย่างแน่นอน และยังอัลเลาะห์เท่านั้นคือที่กลับคืนของเขา แล้วเขาก็จะได้รับการตอบสนองจากพระองค์อย่างครบถ้วน
๑๙. และคนตาบอดกับคนตาดีย่อมไม่เท่าเทียมกัน ในทำนองเดียวกันผู้เนรคุณกับผู้ศรัทธาก็ย่อมไม่เท่าเทียมกัน
๒๐. และความมืดมนแห่งการเนรคุณย่อมไม่เท่าเทียมความสว่างไสวแห่งการศรัทธา
๒๑. และความร่มเย็นแห่งสวรรค์ย่อมไม่เท่าเทียมความร้อนแห่งนรก



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 22 - 24


คำอ่าน
22. วะมายัสตะวิลอะหฺยา...อุ วะลัลอัมวาต อิน..นัลลอฮะ ยุสมิอุ มัย..ยะชา...อ์ วะมา..อัน..ตะบิมุสมิอิม..มัน..ฟิลกุบูรฺ
23. อินอัน..ตะอิลลานะซีรฺ
24. อิน..นา..อัรฺสัลนากะ บิลหักกิ บะชีร็อว..วะนะซีรอ วะอินมิมอุม..มะติน อิลลาเคาะลาฟีฮานะซีรฺ


คำแปล R1.
22. Nor are (alike) the living (believers) and the dead (disbelievers). Verily, Allah makes whom He will hear, but you cannot make hear those who are in graves.
23. You (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) are only a Warner (i.e. your duty is to convey Allah's message to mankind but the guidance is in Allah's Hand).
24. Verily! We have sent you with the truth, a bearer of glad tidings, and a Warner. And there never was a nation but a Warner had passed among them.


คำแปล R2.
22. และบรรดาผู้มีชีวิตกับผู้ไร้ชีวิตย่อมไม่เทียมทันกัน แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงทำให้ได้ยินแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และเจ้าหาได้ทำให้ผู้อยู่ในหลุมศพได้ยินไม่
23. เจ้าไม่มีหน้าที่ใด นอกจากเป็นผู้ตักเตือนเท่านั้น
24. แท้จริงเราได้แต่งตั้งเจ้าเป็นศาสนทูตโดยสัจจะ เจ้ามีหน้าที่เป็นผู้แพร่ข่าวประเสริฐและเป็นผู้ตักเตือน และไม่มีประชาชาติใดทั้งสิ้น นอกจากจะต้องมีศาสนทูตผู้ตักเตือนล่วงพ้นมาแล้วในหมู่พวกเขา


คำแปล R3.
22. และคนเป็นกับคนตายนั้นก็ย่อมไม่เหมือนกัน อัลลอฮฺทรงทำให้ผู้ที่พระองค์ประสงค์ได้ยินแต่ (โอ้ นบี) เจ้าไม่สามารถที่จะทำให้ผู้ที่ถูกฝังอยู่ในสุสานได้ยินเจ้าได้
23. แท้จริงเจ้าเป็นแต่เพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น
24. เราได้ส่งเจ้ามาพร้อมกับสัจธรรมในฐานะเป็นผู้บอกข่าวดีและผู้ตักเตือนและไม่มีประชาชาติใดที่ไม่มีผู้ตักเตือนถูกส่งมา


คำแปล R4.
22. และคนเป็นกับคนตายนั้น ย่อมไม่เหมือนกัน แท้จริง อัลลอฮฺทรงให้ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ได้ยิน และเจ้าไม่สามารถที่จะให้ผู้ที่อยู่ในหลุมฝังศพได้ยินได้
23. เจ้ามิใช่อื่นใดนอกจากเป็นผู้ตักเตือนเท่านั้น
24. แท้จริงเราได้ส่งเจ้ามาด้วยสัจธรรม เป็นผู้แจ้งข่าวดีและผู้ตักเตือน และไม่มีประชาชาติใด (ในอดีต) เว้นแต่จะต้องมีผู้ตักเตือน (ถูกส่งมา) ยังพวกเขา


คำแปล R5.
๒๒. และคนเป็นย่อมไม่เท่าเทียมคนตาย แท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้ได้ยินแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และเจ้าย่อมไม่สามารถทำให้พวกเนรคุณซึ่งเปรียบประดุจดังคนตายที่อยู่ในสุสานได้ยินได้
๒๓. เจ้านั้นมิใช่อื่นใด นอกจากเป็นเพียงผู้ตักเตือนเท่านั้น
๒๔. แท้จริงเราได้ส่งเจ้าให้เป็นศาสนทูตโดยสัจจะ โดยเจ้ามีหน้าที่เป็นผู้ปลอบขวัญ ผู้ศรัทธาให้ใฝ่หาสวรรค์และตักเตือนผู้เนรคุณให้ตระหนักถึงไฟนรกและไม่ว่าจะเป็นประชาชาติใด ๆ ก็ตาม นอกจากจะต้องมีผู้ตักเตือนล่วงพ้นในพวกนั้นมาก่อนแล้วทั้งสิ้น


-----------------------------------------------


สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 25 - 27


คำอ่าน
25. วะอี..ยุกัซซิบูกะ ฟะก็อดกัซซะบัลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม ญา...อัตฮุมรุสุลุฮุม..บิลบัยยินาติ วะบิซซุบุริ วะบิลกิตาบิลมุนีรฺ
26. ษุม..มะอะค็อซตุลละซีนะกะฟะรู ฟะกัยฟะกานะ นะกีรฺ
27. อะลัมตะเราะอัน..นัลลอฮะ อัน..ซะละมินัสสะมา...อิมา...อา ฟะอัคร็อจญนาบิฮี ษะมะรอติน มุคตะลิฟัน อัลวานุฮา วะมินัลญิบาลิ ญุดะดุม..บัยฎู..วะหุมรุม..มุคตะลิฟุน อัลวานุฮา วะเฆาะรอบีบุสูด


คำแปล R1.
25. And if they belie you, those before them also belied. Their Messengers came to them with clear signs, and with the Scriptures, and the Book giving light.
26. Then I took hold of those who disbelieved, and how terrible was My denial (punishment)!
27. See you not that Allah sends down water (rain) from the sky, and we produce therewith fruits of varying colours, and among the mountains are streaks white and red, of varying colours and (others) very black.


คำแปล R2.
25. และหากพวกเขาว่าเจ้ามุสา (เจ้าก็อย่าเสียใจ เพราะ)แท้จริงบรรดาผู้อยู่ในสมัยก่อนหน้าพวกเจ้าเขาก็ว่า(ศาสนทูต)มุสา(เหมือนกัน) เมื่อบรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขา พร้อมด้วยหลักฐานอันชัดเจน ด้วยคัมภีร์ต่าง ๆ (ที่มีคำเตือน)และด้วยคัมภีร์ที่จรัสแสง (ซึ่งมีบทบัญญัติต่าง ๆ)
26. หลังจากนั้นข้าไดลงโทษบรรดาพวกไร้ศรัทธา แล้วการคัดค้านของข้า(ด้วยการลงโทษพวกนั้น)เป็นอย่างไรเล่า
27. เจ้าไม่เห็นหรือ อัลเลาะฮฺได้หลั่งน้ำฝนลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราก็บันดาลให้มีผลไม้ที่มีสีแตกต่างกันผลิออกมาเพราะน้ำฝนนั้น และจากภูเขาทั้งหลายให้มีสายทางต่างสี บ้างก็สีขาวและสีแดง บ้างก็เป็นสีดำสนิท


คำแปล R3.
25. ทีนี้ถ้าหากพวกเขาถือว่าเจ้าเป็นผู้โกหก คนที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าพวกเขาก็เคยถือว่า (รอซูลของพวกเขา) โกหกเช่นกัน รอซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขาเหมือนกับข้อพิสูจน์อันชัดแจ้ง และบันทึกต่าง ๆ และคัมภีร์ที่เป็นแสงสว่าง
26. หลังจากนั้นฉันก็ได้ลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธ ดังนั้นจงจำไว้ว่าการลงโทษของฉันนั้นสาหัสเพียงใด
27.  สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าอัลลอฮฺได้ทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า และเราได้ทำให้พืชผลชนืดต่าง ๆ หลากสีสันงอกเงยออกมาด้วยน้ำนั้น ? และภูเขาก็เช่นเดียวกันที่มีลวดลายสีสันต่าง ๆ กัน เช่น สีขาว สีแดง และสีดำ


คำแปล R4.
25. และหากพวกเขาปฏิเสธเจ้า แน่นอนบรรดาผู้ที่มีมาก่อนพวกเขาก็ได้ปฏิเสธ (มาก่อน) แล้ว บรรดาร่อซูลของพวกเขาได้นำหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขา และด้วยคัมภีร์ต่าง ๆและคัมภีร์อันแจ่มจรัส
26. และข้าได้ลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธ ศรัทธา ดังนั้น การปฏิเสธต่อเราจะ (มีผล) เป็นอย่างไร (ต่อพวกเขา) ?
27. เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราได้ให้พืชผลงอกเงยออกมาด้วยกัน (จากน้ำ) สีสรรของมันแตกต่างกันไป และในหมู่ภูเขาทั้งหลายมีชนิดต่าง ๆ ขาวและแดง หลากหลายสี และสีดำสนิท


คำแปล R5.
๒๕. และหากพวกเขาว่าเจ้าเป็นผู้มุสาในคำประกาศของเจ้าเจ้าก็ไม่ต้องท้อแท้เศร้าโศกเสียใจหรอก เพราะความจริงบรรดาประชาชาติที่มีมาก่อนหน้าพวกเขาก็เคยว่าศาสนทูตของพวกเขาเองเป็นผู้มุสา ทั้ง ๆ ที่บรรดาศาสนทูตพวกนั้นมาสู่พวกเขาด้วยมหัศจรรย์อันชัดแจ้งและด้วยข้อบัญญัติ เช่น ข้อบัญญัติของนบีอิบรอฮีม และด้วยคัมภีร์อันสว่างไสว คือคัมภีร์เตารอตและอินยีล ดังนั้นเจ้าจงอดทนเหมือนกับบรรดาศาสนทูตเหล่านั้นเถิด
๒๖. หลังจากนั้นข้าได้เอาโทษบรรดาผู้เนรคุณเพราะเหตุที่พวกเขาไม่เชื่อศาสนทูตแล้วการคัดค้านของข้าด้วยการลงโทษพวกนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หากมิใช่พวกนั้นเป็นผู้เนรคุณ
๒๗. โอ้มุฮำมัดเจ้าไม่รู้ดอกหรือว่าแท้จริงอัลเลาะห์ได้หลั่งน้ำฝนจากฟากฟ้าและเราก็ให้ผลิออกมาเพราะมัน ซึ่งผลไม้อันมีสีแตกต่างกัน และบางลูกจากภูเขาก็มีสายทางสีขาวและสีแดงซึ่งมีสีสันแตกต่างกัน และมีหินสีดำ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 25 - 27


คำอ่าน
25. วะอี..ยุกัซซิบูกะ ฟะก็อดกัซซะบัลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม ญา...อัตฮุมรุสุลุฮุม..บิลบัยยินาติ วะบิซซุบุริ วะบิลกิตาบิลมุนีรฺ
26. ษุม..มะอะค็อซตุลละซีนะกะฟะรู ฟะกัยฟะกานะ นะกีรฺ
27. อะลัมตะเราะอัน..นัลลอฮะ อัน..ซะละมินัสสะมา...อิมา...อา ฟะอัคร็อจญนาบิฮี ษะมะรอติน มุคตะลิฟัน อัลวานุฮา วะมินัลญิบาลิ ญุดะดุม..บัยฎู..วะหุมรุม..มุคตะลิฟุน อัลวานุฮา วะเฆาะรอบีบุสูด


คำแปล R1.
25. And if they belie you, those before them also belied. Their Messengers came to them with clear signs, and with the Scriptures, and the Book giving light.
26. Then I took hold of those who disbelieved, and how terrible was My denial (punishment)!
27. See you not that Allah sends down water (rain) from the sky, and we produce therewith fruits of varying colours, and among the mountains are streaks white and red, of varying colours and (others) very black.


คำแปล R2.
25. และหากพวกเขาว่าเจ้ามุสา (เจ้าก็อย่าเสียใจ เพราะ)แท้จริงบรรดาผู้อยู่ในสมัยก่อนหน้าพวกเจ้าเขาก็ว่า(ศาสนทูต)มุสา(เหมือนกัน) เมื่อบรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้มายังพวกเขา พร้อมด้วยหลักฐานอันชัดเจน ด้วยคัมภีร์ต่าง ๆ (ที่มีคำเตือน)และด้วยคัมภีร์ที่จรัสแสง (ซึ่งมีบทบัญญัติต่าง ๆ)
26. หลังจากนั้นข้าไดลงโทษบรรดาพวกไร้ศรัทธา แล้วการคัดค้านของข้า(ด้วยการลงโทษพวกนั้น)เป็นอย่างไรเล่า
27. เจ้าไม่เห็นหรือ อัลเลาะฮฺได้หลั่งน้ำฝนลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราก็บันดาลให้มีผลไม้ที่มีสีแตกต่างกันผลิออกมาเพราะน้ำฝนนั้น และจากภูเขาทั้งหลายให้มีสายทางต่างสี บ้างก็สีขาวและสีแดง บ้างก็เป็นสีดำสนิท


คำแปล R3.
25. ทีนี้ถ้าหากพวกเขาถือว่าเจ้าเป็นผู้โกหก คนที่มีชีวิตอยู่ก่อนหน้าพวกเขาก็เคยถือว่า (รอซูลของพวกเขา) โกหกเช่นกัน รอซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขาเหมือนกับข้อพิสูจน์อันชัดแจ้ง และบันทึกต่าง ๆ และคัมภีร์ที่เป็นแสงสว่าง
26. หลังจากนั้นฉันก็ได้ลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธ ดังนั้นจงจำไว้ว่าการลงโทษของฉันนั้นสาหัสเพียงใด
27.  สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าอัลลอฮฺได้ทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า และเราได้ทำให้พืชผลชนืดต่าง ๆ หลากสีสันงอกเงยออกมาด้วยน้ำนั้น ? และภูเขาก็เช่นเดียวกันที่มีลวดลายสีสันต่าง ๆ กัน เช่น สีขาว สีแดง และสีดำ


คำแปล R4.
25. และหากพวกเขาปฏิเสธเจ้า แน่นอนบรรดาผู้ที่มีมาก่อนพวกเขาก็ได้ปฏิเสธ (มาก่อน) แล้ว บรรดาร่อซูลของพวกเขาได้นำหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขา และด้วยคัมภีร์ต่าง ๆและคัมภีร์อันแจ่มจรัส
26. และข้าได้ลงโทษบรรดาผู้ปฏิเสธ ศรัทธา ดังนั้น การปฏิเสธต่อเราจะ (มีผล) เป็นอย่างไร (ต่อพวกเขา) ?
27. เจ้ามิได้พิจารณาดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงให้น้ำหลั่งลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราได้ให้พืชผลงอกเงยออกมาด้วยกัน (จากน้ำ) สีสรรของมันแตกต่างกันไป และในหมู่ภูเขาทั้งหลายมีชนิดต่าง ๆ ขาวและแดง หลากหลายสี และสีดำสนิท


คำแปล R5.
๒๕. และหากพวกเขาว่าเจ้าเป็นผู้มุสาในคำประกาศของเจ้าเจ้าก็ไม่ต้องท้อแท้เศร้าโศกเสียใจหรอก เพราะความจริงบรรดาประชาชาติที่มีมาก่อนหน้าพวกเขาก็เคยว่าศาสนทูตของพวกเขาเองเป็นผู้มุสา ทั้ง ๆ ที่บรรดาศาสนทูตพวกนั้นมาสู่พวกเขาด้วยมหัศจรรย์อันชัดแจ้งและด้วยข้อบัญญัติ เช่น ข้อบัญญัติของนบีอิบรอฮีม และด้วยคัมภีร์อันสว่างไสว คือคัมภีร์เตารอตและอินยีล ดังนั้นเจ้าจงอดทนเหมือนกับบรรดาศาสนทูตเหล่านั้นเถิด
๒๖. หลังจากนั้นข้าได้เอาโทษบรรดาผู้เนรคุณเพราะเหตุที่พวกเขาไม่เชื่อศาสนทูตแล้วการคัดค้านของข้าด้วยการลงโทษพวกนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร หากมิใช่พวกนั้นเป็นผู้เนรคุณ
๒๗. โอ้มุฮำมัดเจ้าไม่รู้ดอกหรือว่าแท้จริงอัลเลาะห์ได้หลั่งน้ำฝนจากฟากฟ้าและเราก็ให้ผลิออกมาเพราะมัน ซึ่งผลไม้อันมีสีแตกต่างกัน และบางลูกจากภูเขาก็มีสายทางสีขาวและสีแดงซึ่งมีสีสันแตกต่างกัน และมีหินสีดำ


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 28-30

 


คำอ่าน
28. วะมินัน..นาสิ วัดดะวา..บบิ วันอันอามิ มุคตะลิฟุนอัลวานุฮูกะซาลิก อิน..นะมายัคชัลลอฮิ มินอิบาดิฮิลอุละมา..อ์ อินนัลลอฮะอะซีซุนเฆาะฟูรฺ
29. อิน..นัลละซีนะ ยัตลูนะ กิตาบัลลอฮิ วะอะกอมุศเสาะลาตะ วะอัน..ฟะกูมิม..มาเราะซักนาฮุม สิรฺร็อว..วะอะลานิยะตัย..ยัรฺญูนะติญาเราะตัลลัน..ตะบูรฺ
30. ลิยุวัฟฟิยะฮุม อุญูเราะฮุม วะยะซีดะฮุม..มิน..ฟัฎลิฮฺ อิน..นะฮู เฆาะฟูรุร..ชะกู
รฺ

คำแปล R1.
28. And of men and Ad-Dawab (moving living creatures, beasts, etc.), and cattle, in like manner of various colours. It is only those who have knowledge among his slaves that fear Allah. Verily, Allโh is AllญMighty, OftญForgiving.
29. Verily, those who recite the Book of Allah (this Qur'an), and perform As-Salat (iqamat-as-Salat), and spend (in charity) out of what we have provided for them, secretly and openly, hope for a (sure) trade-gain that will never perish.
30. That He may pay them their wages in full, and give them (Even) more, out of his Grace. Verily! He is Oft-Forgiving, Most ready to appreciate (good deeds and to recompense).


คำแปล R2.
28. และบางส่วนของมนุษย์, สัตว์ป่าและปศุสัตว์นั้นมีสีผิวอันแตกต่างกันเช่นนั้นเหมือนกัน อันที่จริงจากบรรดาข้าทาสของพระองค์บรรดาผู้มีความรู้เท่านั้นที่เกรงกลัวอัลเลาะฮฺ แท้จริง อัลเลาะฮฺทรงอำนาจยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง
29. และจริงบรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของอัลเลาะฮฺและดำรงละหมาดและใช้จ่ายทรัพย์สินบางส่วนที่เราได้ให้เป็นโชคผลแก่พวกเขาทั้งในที่ลับและในที่เปิดเผย โดยพวกเขามุ่งหวังการค้าที่ไม่มีวันสูญสลาย
30. เพื่อพระองค์ทรงประทานรางวัลแก่พวกเขาอย่างครบถ้วนและทรงเพิ่มพูนแก่พวกเขา ความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงให้อภัย อีกทั้งทรงตอบแทนการกตัญญู


คำแปล R3.
28. และในทำนองเดียวกัน ทั้งมนุษย์สัตว์ต่าง ๆ และปศุสัตว์ก็มีสีสันแตกต่างกัน แท้จริงแล้วบรรดาผู้มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้นที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงให้อภัยเสมอ
29. บรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของอัลลอฮฺและดำรงนมาซและใช้จ่ายจากสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขาทั้งโดยลับและโดยเปิดเผยนั้น พวกเขาหวังการแลกเปลี่ยนที่ไม่มีการขาดทุนได้เลย
30. (พวกเขาลงทุนทุกสิ่งที่เขามีอยู่ในการแลกเปลี่ยนนี้) เพื่อที่พระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขาโดยครบถ้วน และเพิ่มพูนความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเขา แท้จริงอัลลอฮฺทรงเป็นผู้ให้อภัยและทรงเป็นผู้ทรงชื่นชม


คำแปล R4.
28. และในหมู่มนุษย์ และสัตว์ และปศุสัตว์ ก็มีหลากหลายสีเช่นเดียวกัน แท้จริง บรรดาผู้ที่มีความรู้จากปวงบ่าวของพระองค์เท่านั้นที่เกรงกลัวอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺ นั้นเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงอภัยเสมอ
29. แท้จริง บรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของอัลลอฮฺ และดำรงการละหมาด และบริจาคสิ่งที่เราได้ให้เป็นปัจจัยยังชีพแก่พวกเขา โดยซ่อนเร้นและเปิดเผย  เพื่อหวังการค้าที่ไม่ซบเซา (ขาดทุน)
30. เพื่อพระองค์จะทรงตอบแทนรางวัลของพวกเขา ให้แก่พวกเขาอย่างครบถ้วนและจะทรงเพิ่มให้แก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริง พระองค์นั้นเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงชื่นชม(เพราะการภักดีของพวกเขา)


คำแปล R5.
๒๘. และมนุษย์บางจำพวกและสัตว์และปศุสัตว์ก็มีสีผิวอันแตกต่างกันเช่นนั้นเหมือนกัน แท้จริงที่ยำกลัวอัลเลาะห์จากมวลข้าทาสของพระองค์คือบรรดาผู้รู้ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง
๒๙. ที่จริงบรรดาผู้อ่านคัมภีร์ของอัลเลาะห์และดำรงการละหมาดและใช้จ่ายบางส่วนจากที่เราได้ประทานแก่พวกเขาทั้งโดยลับและเปิดเผย พวกเขามีความมุ่งหวังการค้าอันไม่เสื่อมสลายในวันปรภพ
๓๐. เพื่อพระองค์จักทรงประทานรางวัลแก่พวกเขาโดยครบถ้วนและทรงเพิ่มพูนแก่พวกเขาจากความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงอภัยยิ่งทรงขอบคุณยิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 31 - 33


คำอ่าน
31. วัลละซี..เอาหัยนา..อิลัยกะมินัลกิตาบิ ฮุวัลหักกุ มุศ็อดดิก็อลลิมาบัยนะยะดัยฮิ อิน..นัลลอฮะบิอิบาดิฮี ละเคาะบีรุม..บะศีรฺ
32. ษุม..มะเอาร็อษนัลกิตาบัลละซีนัศเฏาะฟัยนามินอิบาดินา ฟะมินฮุมซอลิมุลลินัฟสิฮฺ วะมินฮุม..มุกตะศิด วะมินฮุมษาบิกุม..บิลค็อยรอติบิอิซนิลลาฮฺ ซาลิกะฮุวัลฟัฏลุลกะบีรฺ
33. ญัน..นาตุอัดนี..ยัดคุลูนะฮา ยุหัลเลานะฟีฮามินอะสาวิเราะ มิน..ซะฮะบิว..วะลุอ์ลุอา วะลิบาสุฮุม ฟีฮาหะรีรฺ


คำแปล R1.
31. And what we have inspired in you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), of the Book (the Qur'an), it is the (very) truth [that you (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) and your followers must act on its instructions], confirming that which was (revealed) before it. Verily! Allฟh is indeed All-Aware, and All-Seer of his slaves.
32. Then we gave the Book the Qur'an) for inheritance to such of our slaves whom we chose (the followers of Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam). Then of them are some who wrong their own selves, and of them are some who follow a middle course, and of them are some who are, by Allah's Leave, foremost in good deeds. That (inheritance of the Qur'an), that is indeed a great Grace.
33. 'Adn (Eden) Paradise (everlasting gardens) wills they enter, therein will they be adorned with bracelets of gold and pearls, and their garments there will be of silk (i.e.in Paradise).


คำแปล R2.
31. และคัมภีร์(อัลกุรอาน) ซึ่งเราได้ดลมายังเจ้า สิ่งนั้นเป็นสัจธรรม ซุ่งมารับรองคัมภีร์ที่มีมาก่อนหน้า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่ง อีกทั้งทรงมองเห็นยิ่งกับมวลข้าทาวของพระองค์
32. หลังจากนั้นเราได้สืบทอดคัมภีร์ให้แก่บรรดาผู้ที่เราได้เลือกสรรไว้แล้วจากมวลข้าทาสของเรา แต่แล้วก็มีบางคนของพวกเขาเป็นผู้ทุจริตแก่ตัวเอง และบางคนก็มีความเท่าเทียมกัน(ทั้งความดีและความชั่ว) และบางคนของพวกเขาก็ชนะคนอื่นในการทำความดี โดยอนุมัติของอัลเลาะฮฺ นั้นเป็นความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่
33. (การตอบแทนพวกเขา คือ) สวรรค์อันนิรันดร ซึ่งพวกเขาจะเข้าอยู่ในนั้น พวกเขาได้รับการประดับ ขณะอยู่ในนั้นด้วยกำไลต่าง ๆ ที่ทำมาจากทองและไข่มุก และเครื่องนุ่งห่มในนั้นของพวกเขาเป็นไหม


คำแปล R3.
31. (โอ้ นบี) คัมภีร์ที่เราได้วะฮียฺแก่เจ้านั้นคือสัจธรรมที่ยืนยันบรรดาคัมภีร์ก่อนหน้านี้ แท้จริงอัลลอฮฺทรงรู้ดีทุกอย่างถึงปวงบ่าวของพระองค์และทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง
32. หลังจากนั้นเราได้ทำให้ผู้ที่เราเลือกจากปวงบ่าวของเราเป็นผู้สืบทอดคัมภีร์นี้แล้วบางคนในหมู่พวกเขาก็อธรรมต่อตัวเขาเอง บางคนก็เดินสายกลางและบางคนก็ดียิ่ง ในการทำความดีด้วยการอนุมัติของอัลลอฮฺนั่นคือความโปรดปรานอันยิ่งใหญ่
33. มีสวรรค์หลากหลายที่พวกเขาจะได้พำนักอยู่อย่างถาวร พวกเขาจะได้รับการประดับด้วยกำไลทองและไข่มุก และเสื้อผ้าของพวกเขาในนั้นจะเป็นผ้าไหม


คำแปล R4.
31. และคัมภีร์ที่เราได้ให้แก่เจ้านั้นมันคือสัจธรรม เป็นการยืนยันในสิ่งที่ได้มีมาก่อนมัน แท้จริง อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงตระหนัก ผู้ทรงเห็น ต่อปวงบ่าวของพระองค์
32. และเราได้ให้คัมภีร์ เป็นมรดกสืบทอดมา แก่บรรดาผู้ที่เราคัดเลือกแล้วจากปวงบ่าวของเรา บางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้อธรรมแก่ตัวเอง และบางคนในหมู่พวกเป็นผู้เดินสายกลางและบางคนในหมู่พวกเขาเป็นผู้รุดหน้าในการทำความดีทั้งหลาย ด้วยอนุมัติของอัลลอฮฺ นั่นคือความโปรดปรานอันใหญ่หลวง
33. สวนสวรรค์หลากหลายเป็นที่พำนักอันสถาพร พวกเขาจะเข้าไปอยู่ในนั้น ในสวนสวรรค์พวกเขาจะได้ประดับด้วยกำไลทองและไข่มุก และอาภรณ์ของพวกเขาในนั้นคือผ้าไหม


คำแปล R5.
๓๑. และสิ่งที่เราได้ดลโองการแก่เจ้า จากคัมภีร์อัลกุรอานนั้น สิ่งนั้นเป็นสัจธรรมที่ไม่อาจปฏิเสธได้ เพื่อเป็นสิ่งยืนยันแก่คัมภีร์ที่ล่วงพ้นมาก่อนหน้านั้น แท้จริงอัลเลาะห์ทรงตระหนักยิ่ง ทรงเห็นยิ่งต่อมวลข้าทาสของพระองค์
๓๒. หลังจากนั้นเราได้สืบทอดคัมภีร์อัลกุรอานแก่บรรดาผู้ที่เราได้เลือกเฟ้นไว้จากข้าทาสของเรา นั่นคือประชาชาติของเจ้าในยุคสุดท้ายซึ่งบางคนจากพวกนั้นก็เป็นผู้อธรรมแก่ตัวเองโดยประพฤติตนเสเพล และบางคนจากพวกนั้นก็เป็นผู้ประพฤติตนสายกลาง หมั่นประพฤติความดีงามต่าง ๆ ตามกำหนดเวลาอย่างเคร่งครัด และบางคนจากพวกนั้นเป็นผู้ยึดความดีไว้ก่อนการทำประโยชน์ส่วนตัว เขาปฏิบัติความดีและสละเวลาสอน ชี้นำผู้อื่น หมั่นปฏิบัติในกิจกรรมอาสาสมัครทั่ว ๆ ไปโดยอนุญาตและเจตจำนงของอัลเลาะห์ การที่พระองค์ทรงประทานคัมภีร์ดังที่กล่าวนั้น เป็นความโปรดปรานอันใหญ่หลวงนัก
๓๓. ผลอันพึงได้รับจากพระองค์คือสวรรค์แห่งการพักพิง ซึ่งพวกเขาจะได้เข้าอยู่ในนั้น พวกเขาจะได้รับการประดับประดาในนั้นด้วยกำไลที่ทำจากทองและไข่มุก และอาภรณ์ของพวกเขาในนั้นเป็นไหม


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 34 - 36


คำอ่าน
34. วะกอลุลหัมดุลิลลาฮิลละซี..อัซฮะบะ อัน..นัลหะซัน อิน..นะร็อบบะนาละเฆาะฟูรุน..ชะกูรฺ
35. อัลละซี อะหัลละนาดาร็อลมุกอมะติมิน..ฟัฏลิฮฺ ลายะมัสสุนาฟีฮานะเศาะบุนู..วะลายะมัสสุนาฟีฮาลุฆูบ
36. วัลละซีนะกะฟะรูละฮุมนารุญะฮัน..นะมะ ลายุกฎออะลัยฮิม ฟะยะมูตู วะลายุค็อฟฟะฟุ อันฮุม..มินอะซาบิฮา กะซาลิกะนัจญซี กุลละกะฟูรฺ


คำแปล R1.
34. And they will say: "All the praises and thanks be to Allah, who has removed from us (all) grief. Verily, our Lord is indeed Oft-Forgiving, Most ready to appreciate (good deeds and to recompense).
35. Who, out of his Grace, has lodged us in a home that will last forever; there, toil will touch us not, nor will weariness touch us."
36. But those who disbelieve, (in the Oneness of Allah - Islamic Monotheism) for them will be the Fire of Hell. Neither it will have a complete killing effect on them so that they die, nor shall its torment be lightened for them. Thus do we requite every disbeliever!


คำแปล R2.
34. และพวกเขากล่าวว่า “อันการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลเลาะฮฺ ซึ่งทรงขจัดความเศร้าไปจากเรา แท้จริงองค์อภิบาลของเราย่อมทรงไว้ซึ่งการให้อภัย อีกทั้งตอบแทนการกตัญญู
35. ซึ่งพระองค์ทรงจัดถิ่นฐานแก่เราในที่อยู่อันถาวร โดยความโปรดปรานของพระองค์ ภายในนั้นความเหนื่อยเหน็ดจะไม่สัมผัสกับเรา และภายในนั้นอาหารหอบจะไม่สัมผัสกับเรา
36. และบรรดาจำพวกไร้ศรัทธาพวกเขาย่อมได้นรกยะฮันนัม(เป็นเครื่องตอบแทน) ซึ่งพวกเขามิถูกพิพากษาให้ตายไปเลย(แต่จะให้ชีวิตอยู่ถาวรเพื่อรับโทษทรมาน)และพวกเขามิถูกผ่อนปรนในการลงโทษของนรกเลย เช่นนั้น เราตอบแทนผู้ไร้ศรัทธาทุก ๆ คน


คำแปล R3.
34. พวกเขาจะกล่าวว่า “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงขจัดความทุกข์โศกไปจากเรา แท้จริง พระผู้อภิบาลของเราเป็นผู้ทรงให้อภัยและผู้ทรงชื่นชม
35. ผู้ทรงให้เราได้พักในที่พำนักอันถาวรด้วยความโปรดปรานของพระองค์ ในนั้นเราไม่พบการทดสอบและความเบื่อหน่ายใด ๆ”
36. และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น พวกเขาจะได้รับนรกที่จะไม่มีการกำหนดโทษให้พวกเขาตาย และพวกเขาก็จะไม่ได้รับการลดหย่อนผ่อนโทษ


คำแปล R4.
34. และพวกเขากล่าวว่า "บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงขจัดความระทมทุกข์ออกจากเรา แท้จริงพระเจ้าของเราเป็นผู้ทรงอภัย ผู้ทรงชื่นชม (ต่อผู้จงรักภักดีต่อพระองค์)
35. ซึ่งพระองค์ทรงให้เราได้พำนักในสถานที่พำนักอันสถาพร ด้วยความโปรดปรานของพระองค์ ความเหน็ดเหนื่อยจะไม่ประสบแก่เราในนั้น และความเบื่อหน่าย ก็จะไม่ประสบแก่เราในนั้น
36. ส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะได้รับไฟนรกญะฮันนัม (เป็นการตอบแทน) จะไม่ถูกตัดสินลงโทษให้พวกเขาตายเพื่อที่พวกเขาจะได้ตาย และการลงโทษของมันก็จะไม่ถูกลดหย่อนแก่พวกเขา เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนแก่ทุกผู้เนรคุณ (ปฏิเสธศรัทธา)


คำแปล R5.
๓๔. และพวกเขาวิงวอนต่อพระองค์อัลเลาะห์ว่ามวลการสรรเสริญย่อมเป็นสิทธิของพระองค์ พระผู้ทรงขจัดความโศกเศร้าให้พ้นไปจากเรา แท้จริงผู้อภิบาลแห่งเราทรงอภัยยิ่ง ทรงขอบคุณยิ่ง
๓๕. พระผู้ซึ่งให้เราได้พักพิง ณ บ้านอยู่อาศัยจากความโปรดปรานของพระองค์ซึ่งความเหน็ดเหนื่อยไม่สัมผัสกับเราในนั้น และความเมื่อยขบก็ไม่สัมผัสแก่เรา
๓๖. และบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลายพวกเขาจะได้รับนรกยะฮันนัมเป็นสิ่งตอบแทน ซึ่งพวกเขาไม่ถูกกำหนดให้ตายขณะอยู่ในนั้น แล้วพวกเขาจะได้ตายเป็นการพักผ่อนไม่ต้องทรมานกับการลงโทษอีกต่อไป และมิได้รับการลดหย่อนจากพวกเขา จากการลงโทษของไฟนรกแม้เพียงพริบตาเดียว เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนผู้เนรคุณทุกคน



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 37 - 39


คำอ่าน
37. วะฮุม ยัศเฏาะริคูนะฟีฮา ร็อบบะนา..อัคริจญนา นะอฺมัลศอลิหัน ฆ็อยร็อลละซีกุน..นา นะอฺมัล อะวะลัมนุอัม..มิรฺกุม..มายะตะซักกะรุฟีฮิ มัน..ตะซักกะเราะ วะญา..อะกุมุน..นะซีรฺ ฟะซูกู ฟะมาลิซซอลิมีนะ มิน..นะศีรฺ
38. อิน..นัลลอฮะ อาลิมุ ฆอยบิสสะมาวาติ วัลอัรฺฎิ อิน..นะฮู อะลีมุม..บิซาดิศศุดูรฺ
39. ฮุวัลละซีญะอะละกุมเคาะลา..อิฟะฟิลอัรฺฎิ ฟะมัน..กะฟะเราะ ฟะอะลัยฮิกุฟรุฮู วะลายะซีดุลกาฟิรีนะ กุฟรุฮุม อิน..ดะร็อบบิฮิม อิลลสมักตา วะลายะซีดุลกาฟิรีนะ กุฟรุฮุม อิลลาเคาะสารอ


คำแปล R1.
37. Therein they will cry: "Our Lord! Bring us out; we shall do righteous good deeds, not (the evil deeds) that we used to do." (Allah will reply): "Did we not give you lives long enough, so that whosoever would receive admonition, - could receive it? And the Warner came to you. So taste you (the evil of your deeds). For the Zalimun (polytheists and wrongญdoers, etc.) there is no helper."
38. Verily, Allah is the AllญKnower of the unseen of the heavens and the earth. Verily! He is the All-Knower of that is in the breasts.
39. He it is who has made you successors generations after generations in the earth, so whosoever disbelieves (in Islamic Monotheism) on Him will be his disbelief. And the disbelief of the disbelievers adds nothing but hatred with their Lord. And the disbelief of the disbelievers adds nothing but loss.


คำแปล R2.
37. และพวกเขาหวีดร้องภายในนรกพร้อมกับโอดครวญว่า “โอ้องค์อภิบาลของเราโปรดให้เราได้ออก (ไปจากนรก)เถิด เราจะได้ปฏิบัติแต่ความดีอันมิใช่สิ่งที่เราได้เคยปฏิบัติมาก่อน” ก็เรา(อัลเลาะฮฺ)มิได้ยืดอายุของพวกเจ้าให้ยาวนานดอกหรือ(ขณะอยู่ในโลก) และให้มีช่วงเวลาที่ผู้มีจิตสำนึกจะได้สำนึก และได้มี(ศาสดา)ผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้า (แต่พวกเจ้าก็หาได้เชื่อฟังไม่) ดังนั้นพวกเจ้าจงลิ้มรส(การลงโทษ)เถิด แท้จริงไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับเหล่าชนผู้ทุจริต
38. แท้จริงอัลลอฮฺทรงรอบรู้ความเร้นลับแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่ซ่อนเร้นอยู่ในจิตใจ
39. พระองค์เป็นผู้ทรงแต่งตั้งพวกเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดอำนาจในแผ่นดิน ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่อกตัญญู ความอกตัญญูของเขาก็จักตอบสนองเขาเอง และความอกตัญญูของเหล่าชนที่ไร้ศรัทธามิได้เพิ่มพูน ณ องค์อภิบาลของพวกเขาเลย นอกจากความกริ้วของพระองค์เท่านั้น และความอกตัญญูของเหล่าผู้ไร้ศรัทธาจะไม่เพิ่มพูนแก่พวกเขาใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากความขาดทุนเท่านั้น


คำแปล R3.
37. ในที่นั้นพวกเขาจะร้องตะโกนว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเราโปรดทรงนำเราออกไปจากที่นี่ด้วยเถิด เพื่อที่เราจะได้ทำดีนอกเหนือไปจากที่เราได้เคยทำไปแล้ว” (แต่คำตอบก็คือ) “เรามิได้ให้สูเจ้ามีชีวิตยืนยาวพอที่จะนึกถึงข้อตักเตือนกระนั้นหรือ ? และผู้ตักเตือนก็ได้มายังสูเจ้าแล้ว ดังนั้นตอนนี้สูเจ้าจงลิ้มรส(การลงโทษ)เถิด สำหรับผู้อธรรมนั้นไม่มีผู้ช่วยเหลือที่นี่”
38. แน่นอนอัลลอฮฺทรงรอบรู้ถึงสิ่งเร้นลับทุกอย่างทั้งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงรู้แม้กระทั่งความลับที่ถูกปิดบังไว้ในหัวอก
39. พระองค์เป็นผู้ทรงทำให้สูเจ้าเป็นตัวแทนของพระองค์ในโลกนี้ ดังนั้นใครก็ตามที่ปฏิเสธ เขาผู้นั้นจะต้องแบกรับภาระแห่งการปฏิเสธของเขาไว้ และสำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น การปฏิเสธของเขาไม่ได้เพิ่มพูนสิ่งใดที่พระผู้อภิบาลของพวกเขานอกไปจากความกริ้ว และบรรดาผู้ปฏิเสธจะไม่ได้รับสิ่งใดจากการปฏิเสธของพวกเขานอกไปจากการขาดทุน”


คำแปล R4.
37. และพวกเขาจะตะโกนอยู่ในนรกนั้นว่า “ข้าแต่พระเจ้าของเรา ขอพระองค์ได้ทรงโปรดนำเราออกไป (จากนรก) เพื่อเราจะได้ปฏิบัติการงานที่ดี อื่นจากที่เราได้ปฏิบัติไปแล้ว” และเรามิได้ให้อายุของพวกเจ้ายืนนานพอดอกหรือเพื่อผู้ที่ใคร่ครวญจะได้รำลึกถึงข้อตักเตือนและ (ยิ่งกว่านั้น) ได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเจ้าแล้ว ดังนั้น พวกเจ้าจงลิ้มรส(การลงโทษ) เถิด เพราะสำหรับบรรดาผู้อธรรมนั้นจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ
38. แท้จริง อัลลอฮฺนั้นทรงรอบรู้ในสิ่งเร้นลับแห่งชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
39. พระองค์คือผู้ทรงแต่งตั้งพวกเจ้าให้เป็นตัวแทนรับช่วงในแผ่นดิน ดังนั้น ผู้ใดปฏิเสธศรัทธา การปฏิเสธของเขาก็จะตกอยู่แก่เขา และการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขาจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่พวกปฏิเสธศรัทธา ณ ที่พระเจ้าของพวกเขาเลย นอกจากความอัปยศอดสู และการปฏิเสธศรัทธาของพวกเขาจะไม่เพิ่มสิ่งใดให้แก่พวกปฏิเสธศรัทธา นอกจากความหายนะ


คำแปล R5.
๓๗. และพวกเขาจะแผดร้องเพื่อขอความช่วยเหลือในนั้น พร้อมกับพร่ำกล่าวว่า โอ้องค์อภิบาลแห่งเราได้โปรดให้เราออกจากนรกนี้เสียเถิด เราจะได้ประพฤติความดี อันนอกเหนือจากสิ่งที่เราเคยประพฤติมาก่อนในอดีตกาล พวกเขาได้รับคำตอบว่าหรือเรามิได้ยืดอายุของพวกเจ้าให้บรรลุสู่วัยที่ผู้สำนึกโดยทั่วไปจักสำนึกในวัยนั้น และศาสนทูตผู้ตักเตือนก็มาสู่พวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้ามิได้ตอบสนองเอง ดังนั้นพวกเจ้าจงลิ้มรสแห่งความทรมานของการลงโทษเถิด ที่จริงจะไม่มีผู้ช่วยเหลือใด ๆ สำหรับผู้ทุจริตทั้งหลาย
๓๘. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ความลี้ลับแห่งฟากฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่งในสิ่งที่มีอยู่ในหัวใจของทุกคน
๓๙. พระองค์เป็นผู้ทรงบันดาลพวกเจ้าให้เป็นผู้สืบทอดการบริหารในแผ่นดิน ดังนั้น ผู้ใดเนรคุณ ที่จริงการเนรคุณของเขาก็จะประสบแก่ตัวเขาเอง และความเนรคุณของพวกเนรคุณจะไม่เพิ่มพูนสิ่งใด ๆ แก่พวกเขา ณ อัลเลาะห์นอกจากความพิโรธของพระองค์ที่จะทรงมีต่อพวกเขาเท่านั้น และความเนรคุณของพวกเนรคุณจะไม่เพิ่มพูนสิ่งใด ๆ แก่พวกเขานอกจากความขาดทุนในวันปรภพ



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 40 - 42


คำอ่าน
40. กุลอะเราะอัยตุม ชุเราะกา...อะกุมุลละซีนะ ตัดอูนะ มิน..ดูนิลลาฮิ อะรูนีมาซาเคาะละกู มินัลอัรฺฎิ อัมละฮุมชิรกุน..ฟิสสะมาวาติ อัมอาตัยนาฮุมกิตาบัน..ฟะฮุมอะลาบัยยินะติม..มินฮุ บัลอี..ยะอิดุซซอลิมูนะ บะอฺฎุฮุมบะอฺฎ็อน อิลลาฆุรูรอ
41. อิน..นัลลอฮะ ยัมสิกุสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะ อัน..ตะซูลา วะละอิน..ซาละตา..อินอัมสะกะฮุมา มินอะหะดิม..มิม..บะอฺดิฮฺ อิน..นะฮูกานะหะลีมัน เฆาะฟูรอ
42. วะอักสะมูบิลลาฮิ ญะฮฺดะอัยมานิฮิม ละอิน..ญา...ฮุมนะซีรุล ละยะกูนุน..นะอะฮฺดา มินอิหฺดัลอุมะมิ ฟะลัม..มาญา...อะฮุมนะซีรุม..มาซาดะฮุม อิลลานุฟูรอ


คำแปล R1.
40. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "Tell me or inform me (what) do you think about your (so-called) partner-gods to whom you call upon besides Allah, show me, what they have created of the earth? Or have they any share in the heavens? Or have we given them a Book, so that they act on clear proof there from? Nay, the Zalimun, (polytheists and wrongญdoers, etc.) Promise one another nothing but delusions."
41. Verily! Allah grasps the heavens and the earth lest they move away from their places, and if they were to move away from their places, there is not one that could grasp them after Him. Truly, He is ever Most forbearing, Oft-Forgiving.
42. And they swore by Allah their Most binding oath, that if a warner came to them, they would be more guided than any of the nations (before them), yet when a Warner (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) came to them, it increased In them nothing but flight (from the truth),


คำแปล R2.
40. จงประกาศเถิด “พวกท่านเห็นไหม บรรดาภาคีของพวกท่าน ซึ่งพวกท่านวิงวอนนมัสการนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ พวกท่านจงทำให้ฉันเห็นประจักษ์สิว่า สิ่งใดบ้างจากแผ่นดินที่พวกท่านสร้างขึ้นหรือพวกเขามีส่วนร่วมในการสร้างฟ้า(กับอัลเลาะฮฺ) หรือว่าเราได้เคยมอบคัมภีร์เล่มใดแก่พวกเขา(เพื่อนำมาเป็นหลักฐานยืนยัน) แล้วพวกเขาก็ตั้งมั่นอยู่บนหลักฐานแจ่มชัดจากคัมภีร์นั้น” เป็นไปไม่ได้ บรรดาพวกฉ้อฉลจะไม่ทำสัญญาระหว่างกันและกัน นอกจากการหลอกลวงเท่านั้น
41. แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรักษาฟากฟ้าและแผ่นดินไว้(มิให้)มันผิดพลาด(จากระบบที่ตายตัว) ขอยืนยัน หากแม้นมันทั้งสองผิดพลาด(ไปจากระบบ) ก็จะไม่มีผู้ใดรักษามันทั้งสองไว้ได้อีกแล้วหลังจากพระองค์ แท้จริงพระองค์ทรงสุขุมยิ่ง ทรงให้อภัยยิ่ง
42. และพวกเขาสาบานตนกับอัลเลาะฮฺอย่างจริงจังว่า หากมีศาสดาผู้ตักเตือนมาสู่พวกเขา พวกเขาจะต้องเป็นประชาชาติที่ได้รับการชี้นำทางยิ่งกว่าประชาชาติทั้งมวล แต่แล้วเมื่อมีศาสดาผู้ตักเตือนมาสู่พวกเขาจริง ก็ไม่ได้เพิ่มพูนแก่พวกเขาเลยนอกจากความหน่ายแหนง


คำแปล R3.
40. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พวกท่านเห็นบรรดาภาคีของพวกท่านซึ่งพวกท่านวิงวอนนอกไปจากอัลลอฮฺบ้างไหม ? ชี้ให้ฉันเห็นหน่อยซิว่า พวกมันสร้างอะไรขึ้นมาบ้างในแผ่นดินนี้ หรือมันมีหุ้นส่วนอะไรในชั้นฟ้าทั้งหลาย ?” (ถ้าหากพวกเขาไม่สามารถบอกได้ จงถามพวกเขาว่า) “เราได้ประทานคัมภีร์ที่มีข้อกำหนดอันชัดเจน (สำหรับเรื่องการชิริกของพวกเขา) แก่พวกเขาแล้วใช่ไหม ?” แต่แล้วพวกคนชั่วต่างก็ไม่มีอะไรต่อกันนอกไปจากการหลอกลวงซึ่งกันและกันเท่านั้น
41. ความจริงแล้วอัลลอฮฺเท่านั้นผู้ทรงค้ำจุนชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินมิให้มันหล่นลงมาและถ้ามันหล่นลงมาก็ไม่มีใครสามารถค้ำจุนมันได้นอกไปจากอัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงขันติผู้ทรงให้อภัย
42. และพวกเขาได้สาบานต่ออัลลอฮฺอย่างหนักแน่นว่าถ้าหากมีผู้ตักเตือนคนใดมายังพวกเขา พวกเขาก็จะเป็นประชาชาติที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องยิ่งกว่าประชาชาติอื่นอย่างแน่นอน แต่เมื่อผู้ตักเตือนได้มายังพวกเขาแล้ว มันก็มิได้เพิ่มสิ่งใดให้กับพวกเขานอกไปจากการหันหลังให้สัจธรรม


คำแปล R4.
40. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด "พวกท่านไม่เห็นดอกหรือ ? บรรดาภาคี (เจว็ด) ของพวกท่านที่พวกท่านวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺ จงแสดงให้ฉันเห็นซิว่าพวกมันได้สร้างอะไรในแผ่นดินนี้ ? หรือว่าพวกมันมีส่วนร่วมในชั้นฟ้าทั้งหลาย ? " หรือว่าเราได้ให้คัมภีร์แก่พวกมัน พวกมันจึงยึดมั่นอยู่บนหลักฐานจากมัน เปล่าดอก ! บรรดาผู้อธรรมนั้นต่างก็มิได้มีสัญญาอะไรต่อกัน นอกจากการหลอกลวงเท่านั้น
41. แท้จริง อัลลอฮฺทรงค้ำจุนชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเอาไว้ มิให้มันหล่นลงมา และหากมันทั้งสองหล่นลงมา ก็ไม่มีผู้ใดค้ำจุนมันทั้งสองไว้ได้ นอกจากพระองค์ แท้จริงพระองค์นั้นเป็นผู้ทรงขันติ ผู้ทรงอภัยเสมอ
42. และพวกเขาได้สาบานต่ออัลลอฮฺด้วยการสาบานอย่างแข็งขันของพวกเขาว่า หากมีผู้ตักเตือนมายังพวกเขา แน่นอนพวกเขาก็จะเป็นประชาชาติหนึ่งที่อยู่ในแนวทางที่ถูกต้องยิ่ง(กว่าประชาชาติอื่นๆ) ครั้นเมื่อได้มีผู้ตักเตือนมายังพวกเขามันมิได้เพิ่มสิ่งใดแก่พวกเขานอกจากการเตลิดหนี


คำแปล R5.
๔๐. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงกล่าวเถิดพวกเจ้าเห็นบรรดาหุ้นส่วนของพวกเจ้าหรือซึ่งพวกเจ้าได้วอนกราบไหว้พวกนั้นนอกเหนือจากอัลเลาะห์สิ่งเหล่านั้นคือเจว็ดต่าง ๆ ที่พวกเขาประดิษฐ์ขึ้น พวกเจ้าจงแจ้งแก่ข้าเถิด อะไรบ้างที่พวกเจว็ดเหล่านั้นบันดาลจากแผ่นดินหรือว่าพวกเหล่านั้นเป็นหุ้นส่วนกับอัลเลาะห์ในการบันดาลฟากฟ้า หรือเราได้ประทานแก่พวกเขาซึ่งคัมภีร์ใด ๆ ดังนั้นพวกเขาจึงตั้งอยู่บนเหตุผลยืนยันแห่งความชัดแจ้งจากมันว่าอัลเลาะห์มีหุ้นส่วน ที่จริงแล้วทั้งหมดที่กล่าวมาแล้วนั้นไม่มีสิ่งใดเลยที่จะเป็นไปตามความยึดถือของพวกเจ้า แต่ว่าบรรดาผู้ฉ้อฉลผู้เนรคุณต่างมิได้สัญญาแก่กันและกันในกรณีใด ๆ นอกจากเป็นเพียงมายาการอันไร้สาระและโมฆะโดยแท้จริง นั่นคือที่พวกนั้นกล่าวว่าบรรดาเจว็ดสามารถสงเคราะห์พวกเขาได้
๔๑. แท้จริงอัลเลาะห์ทรงยึดฟ้าและแผ่นดินไว้มิให้มันสูญสลาย หากทรงพิทักษ์ให้มั่นคงจนตลอด ขอสาบานมาดแม้นมันทั้งสองสูญสลาย แน่นอนก็ไม่มีผู้ใดทั้งสิ้นที่จะยึดมันทั้งสองไว้ได้นอกจากพระองค์อัลเลาะห์ แท้จริงพระองค์ทรงสุขุมยิ่ง ทรงอภัยยิ่ง
๔๒. และพวกเขาได้สาบานตนต่ออัลเลาะห์อย่างจริงจัง หากมี ศาสนทูตผู้ตักเตือนคนหนึ่งมายังพวกเขา พวกเขาจักเป็นผู้ได้รับการชี้นำยิ่งกว่าประชาชาติใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นพวกยะฮูดีหรือนัสรอนีก็ตาม แท้จริงเมื่อ นบีมุฮำมัดผู้ตักเตือนได้มาสู่พวกเขา การมาของพวกเขานั้นก็มิได้เพิ่มพูนแก่พวกเหล่านั้นเลย นอกจากความหน่ายแหนง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺฟาฏิรฺ อายะฮฺที่ 43 - 45


คำอ่าน
43. อิสติกบาร็อน..ฟิลอัรฺฎิ วะมักร็อสสัยยิอ์ วะลายะหีกุลมักรุสสัยยิอุ อิลลาบิอะฮฺลิฮฺ ฟะฮัลยันซุรูนะ อิลลาสุน..นะตัลเอาวะลีน ฟะลัน..ตะญิดะลิสุน..นะติลลาฮิ ตับดีลา วะลัน..ตะญิดะลิสุน..นะติลลาฮิ ตะหฺวีลา
44. อะวะลัมยะสีรูฟิลอัรฺฎิ กัยฟะกานะอากิบะตุลละซีนะมิน..ก็อบลิฮิม วะกานู..อะชัดดุมินฮุมกูวะฮฺ วะมากานัลลอฮุ ลิยุอฺญิซะฮู มิน..ชัยอิน..ฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ อิน..นะฮูกานะ อะลีมัน..เกาะดีรอ
45. วะเลายุอาคิซุลลอฮุน..นาสะ บิมากะสะบู มาตะเราะกะอะลาเซาะฮฺริฮา มิน..ดาบะติว..วะลากี..ยุอัคคิรุฮุม อิลา..อะญะลิม..มุสัม..มา ฟะอิซาญา..อะอะญะลุฮุม ฟะอิน..นัลลอฮะกานะ บิอิบาดิฮี บะศีรอ


คำแปล R1.
43. (They took to flight because of their) arrogance in the land and their plotting of evil. But the evil plot encompasses only Him who makes it. Then, can they expect anything (else), but the Sunnah (way of dealing) of the peoples of old? so no change will you find in Allah's Sunnah (way of dealing), and no turning off will you find รn Allah's Sunnah (way of dealing).
44. Have they not traveled in the land, and seen what was the end of those before them, and they were superior to them in power? Allฟh is not such that anything in the heavens or in the earth escapes Him. Verily, He is All-Knowing, All-Omnipotent.
45. And if Allah were to punish men for that which they earned, He would not leave a moving (living) creature on the surface of the earth, but He gives them respite to an appointed term, and when their term comes, then verily, Allah is ever all-Seer of his slaves.


คำแปล R2.
43. เพราะความทระนงในแผ่นดินและแผนการอันเลวร้าย และแผนการอันเลวร้ายจะไม่ประสบ(แก่ผู้อื่นหรอก)นอกจาก(ต้องประสบ)แก่ผู้วางแผนนั้นเอง แท้จริงพวกเขามิได้รอคอย(สิ่งใดทั้งสิ้น)นอกจาก(รอคอยการลงโทษตาม)แบบฉบับของบรรพชน แล้วเจ้าจะไม่พบสำหรับแบบฉบับแห่งอัลเลาะฮฺว่า มีการเปลี่ยนแปลง และเจ้าจะไม่พบแบบฉบับแห่งอัลเลาะฮฺว่ามีการผันแปร
44. และพวกเขามิได้จาริกไปในแผ่นดินดอกหรือ แล้วพวกเขาจะได้พิจารณาดูว่า จุดจบของบรรดาปวงชนก่อนหน้าของพวกเขานั้นเป็นอย่างไรบ้าง ทั้ง ๆ ที่พวกเหล่านั้นเป็นผู้ที่มีพลังเข้มแข็งกว่าพวกเขาเสียอีก และอัลเลาะฮฺนั้นย่อมไม่มีสิ่งใดในฟากฟ้าและแผ่นดินเอาชนะพระองค์ได้ แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงเดชานุภาพยิ่ง
45. และหากอัลเลาะฮฺทรงเอาผิดมนุษย์ทั้งหลาย ตามที่พวกเขาพากเพียรไว้ (อย่างละเอียดทุกประการ) แน่นอนพระองค์จะไม่เว้นสัตว์สักตัวไว้บนหน้าแผ่นดิน แต่ทว่าพระองค์ทรงประวิงพวกเขาไว้จนถึงกำหนดอันแน่นอน ดังนั้นเมื่อถึงกำหนดของพวกเขาแล้ว (พระองค์ก็จักตอบสนองเขาอย่างยุติธรรมยิ่ง) เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงมองเห็นในมวลข้าทาสของพระองค์


คำแปล R3.
43. พวกเขาเริ่มทำตัวหยิ่งยโสเพิ่มมากขึ้นในแผ่นดิน และวางแผนร้าย แต่แผนร้ายนั้นมิได้เป็นภัยต่อผู้ใดนอกไปจากพวกที่วางแผนนั่นเอง แล้วพวกเขายังจะเฝ้าคอยอะไรอีกนอกไปจากสิ่งเดียวกับที่คนก่อนหน้านี้ได้รับ ? เจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ในแนวทางของอัลลอฮฺ และจะไม่พบว่าอำนาจอะไรสามารถที่จะเปลี่ยนแนวทางของอัลลอฮิให้เป็นอย่างอื่นได้
44. พวกเขาไม่เคยท่องไปในแผ่นดินแล้วดูว่าวาระสุดท้ายของคนก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นอย่างไรบ้างหรือ ทั้ง ๆ ที่คนเหล่านั้นมีอำนาจเข้มแข็งยิ่งกว่าพวกเขาเสียด้วยซ้ำ? ไม่มีสิ่งใดที่สามารถจะทำให้อัลลอฮฺหมดความสามารถไปได้ ไม่ว่าจะในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน พระองค์ทรงรอบรู้ทุกสิ่งและทรงมีอำนาจเหนือทุกสิ่ง
45. ถ้าหากอัลลอฮฺจะทรงลงโทษมนุษย์ในความผิดที่พวกเขาได้ทำไว้ พระองค์ก็จะไม่ทรงปล่อยให้สิ่งมีชีวิตใด ๆ หลงเหลือไว้บนหน้าแผ่นดินนี้ แต่พระองค์ทรงผ่อนผันเวลาให้พวกเขาจนถึงเวลาที่กำหนดไว้ ดังนั้นเมื่อเวลาที่ได้ถูกกำหนดไว้สำหรับพวกเขามาถึงอัลลอฮฺจะทรงเห็นบรรดาบ่าวของพระองค์เอง


คำแปล R4.
43. ด้วยการหยิ่งยโสในแผ่นดิน และการวางแผนชั่ว แต่แผนชั่วนั้นจะไม่ห้อมล้อมผู้ใด นอกจากเจ้าของของมันเท่านั้น พวกเขาจะคอยอะไรอีกเล่า นอกจากแนวทางของบรรพชน ดังนั้น เจ้าจะไม่พบการเปลี่ยนแปลงในแนวทางของอัลลอฮฺ และเจ้าจะไม่พบการบิดเบือนในแนวทางของอัลลอฮฺแต่ประการใด
44. พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่า บั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขานั้นเป็นเช่นใด ? เป็นที่ปรากฏว่าพวกเหล่านั้นมีพลังเข้มเข็งกว่าพวกเขา  และอัลลอฮฺนั้น ไม่มีสิ่งใดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินจะทำให้พระองค์หมดความสามารถไปได้ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ ผู้ทรงอานุภาพเสมอ
45. และหากอัลลอฮฺจะทรงเอาโทษมนุษย์ตามที่พวกเขาได้ขวนขวายเอาไว้แล้ว พระองค์จะไม่ทรงให้เหลือไว้บนหน้าแผ่นดินซึ่งสัตว์โลกต่าง ๆ แต่ว่าพระองค์ทรงประวิงเวลาให้พวกเขาจนถึงเวลาที่ถูกกำหนดไว้ ครั้นเมื่อวาระกำหนดของพวกเขาได้มาถึง เมื่อนั้นแหละ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเห็นปวงบ่าวของพระองค์เสมอ


คำแปล R5.
๔๓. เพราะความยโสในแผ่นดิน และเพราะเล่ห์กลแห่งความประพฤติอันเลวร้ายอันได้แก่การตั้งภาคีและอื่น ๆ และเล่ห์กลอันเลวร้ายย่อมไม่ทำลายผู้ใดทั้งสิ้น นอกจากกับสมาชิกของมันเท่านั้น นั่นคือผู้ที่แสดงเล่ห์กลนั้นออกมา ที่จริงพวกเขามิถูกให้รอคอยสิ่งใดทั้งสิ้นนอกจากแบบอย่างของบรรพชนเมื่ออดีตที่เคยประสบมาก่อนแล้ว นั่นคือการถูกลงโทษอย่างรุนแรง โอ้มุฮำมัด ดังนั้นเจ้าจะไม่พบสำหรับแบบอย่างแห่งอัลเลาะห์ว่าได้รับการเปลี่ยนแปลง และเจ้าจะไม่พบแบบอย่างแห่งอัลเลาะห์ว่าได้รับการบิดผันให้ประสบแก่ผู้อื่นที่ไม่ได้ทำผิด
๔๔. พวกเขามิได้จาริกไปในแผ่นดินดอกหรือ แล้วพวกเขาก็จะได้พินิจดูว่าจุดจบของบรรดาประชาชาติก่อนพวกเขานั้นเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่พวกเหล่านั้นมีพลังเข้มแข็งยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก และอัลเลาะห์หาได้มีสิ่งใดทำให้พระองค์อ่อนแอไม่ ไม่ว่าสิ่งนั้นจะอยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดินก็ตาม แท้จริงพระองค์ทรงรอบรู้ ทรงอานุภาพยิ่ง
๔๕. และหากอัลเลาะห์จะเอาโทษกับมนุษย์ตามที่พวกเขาได้พากเพียรไว้ นั่นคือการตั้งภาคีและการประกอบกรรมชั่วอื่น ๆ แน่นอนที่สุดจะไม่เหลือไว้บนหลังของมัน(หน้าแผ่นดิน) แม้สัตว์ใดก็ตาม และแต่ทว่าพระองค์ทรงเนิ่นพวกเขาไว้จนลุสู่อายุขัยอันถูกกำหนดไว้ ซึ่งเมื่ออายุขัยแห่งการลงโทษของพวกเขามาถึงแล้ว แท้จริงอัลเลาะห์ทรงเล็งเห็นต่อข้าทาสของพระองค์ทั้งมวล โดยไม่มีผู้ใดรอดเร้นไปได้ ดังนั้นพวกเขาก็จะต้องได้รับโทษที่พระองค์ทรงประสงค์โดยทั่วถ้วน

 
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 35 ฟาฏิรฺ
السلام عليكم ورحمة الله وبركاته

 

GoogleTagged