ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 37 สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต  (อ่าน 4476 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 99 - 102


คำอ่าน
99. วะกอละอิน..นีซาฮิบุน อิลาร็อบบิสะยะฮฺดีน
100. ร็อบบิฮับลีมินัศศอลิหีน
101. ฟะบัชชัรฺนาฮุบิฆุลามินหะลีม
102. ฟะลัม..มาบะละเฆาะมะอะฮุสสะอฺยา กอละยาบุนัยยะ อิน..นี..อะรอฟิลมะนามิ อัน..นั..อัซบะหุกะ ฟัน..ซุรฺมาซาตะรอ กอละ ยาอะบะติฟอัลมาตุอ์มัรฺ สะตะญิดุนี..อิน..ชา..อัลลอฮุ มินัศศอบิรีน


คำแปล R1.
99. And he said (after his rescue from the fire): "Verily, I am going to my Lord. He will Guide Me!"
100. "My Lord! Grant me (offspring) from the righteous."
101. So we gave him the glad tidings of a forbearing boy.
102. And, when he (his son) was old enough to walk with him, He said: "O my son! I have seen in a dream that I am slaughtering you (offer you in sacrifice to Allah), so look what you think!" He said: "O my father! Do that which you are commanded, Insha' Allah (if Allah Will), you shall find me of As-Sabirin (the patient ones, etc.)."


คำแปล R2.
99. และเชากล่าวว่า “แท้จริงตัวฉันต้องไป(จากพวกท่าน)เข้าหาองคือภิบาลของฉัน แล้วพระองค์ก็จะทรงชี้นำแก่ฉัน(สู่แนวทางที่ถูกต้อง)”
100. โอ้องค์อภิบาล โปรดประทานลูกคนหนึ่งแก่ฉันซึ่งเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาคนดีทั้งหลาย
101. ดังนั้นเราจึงทำความปีติแก่เขาด้วย(การให้เขาได้)ลูกที่มีความสุขุมยิ่ง(คือนบีอิสมาอีล)
102. ต่อมาเมื่อลูกของเขาได้บรรลุสู่วัยทำงานร่วมกับเขาได้ เขาก็กล่าวว่า “โอ้ลูกรัก! แท้จริงฉันเห็นในความฝันของฉันว่า ฉันทำการเชือดเจ้า เจ้าจงพิจารณาเถิดว่าเจ้าเห็นเป็นอย่างไร?” เขาตอบบิดาว่า “โอ้บิดาที่รัก! ท่านจงทำเถิดตามที่รับบัญชามา (ในความฝันดังกล่าวนั้น!) แล้วท่านจะได้ประจักษ์ว่าฉันเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้อดทนทั้งหลาย อินชาอัลเลาะฮฺ”


คำแปล R3.
99. อิบรอฮีมได้กล่าวว่า “ฉันจะไปหาพระผู้อภิบาลของฉัน พระองค์จะทรงนำทางฉัน
100. โอ้พระผู้อภิบาลของฉันโปรดทรงประทานบุตรที่จะเป็นคนดีแก่ข้าพระองค์ด้วยเถิด”
101. (ในการตอบรับคำวิงวอน)ดังนั้นเราได้แจ้งข่าวดีแก่เขาถึงเรื่องลูกชายที่มีความขันติคนหนึ่ง
102. เมื่อลูกชายของเขาเติบโตขึ้นถึงวัยที่จะทำงานกับเขา (วันหนึ่ง)อิบรอฮีมได้กล่าวแก่เขาว่า “ลูกรักพ่อได้ฝันเห็นว่าพ่อกำลังเชือดเจ้า บอกพ่อหน่อยซิว่า เจ้าคิดอย่างไร?” เขากล่าวว่า “พ่อครับ พ่อจงทำตามที่ได้ถูกบัญชาเถิด หากอัลลอฮฺทรงประสงค์แล้ว พ่อจะพบว่าฉันเป็นหนึ่งในบรรดาผู้อดทน”


คำแปล R4.
99. และอิบรอฮีมกล่าวว่า “ฉันจะไปหาพระเจ้าของฉัน แน่นอนพระองค์จะทรงแนะทางให้แก่ฉัน
100. “ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงประทานบุตรที่มาจากหมู่คนดีให้แก่ข้าพระองค์ด้วย
101. ดังนั้น เราจึงแจ้งข่าวดีแก่เขา (ว่าจะได้) ลูกคนหนึ่ง ที่มีความอดทนขันติ (คือ อิสมาอีล)
102. ครั้นเมื่อเขา (อิสมาอีล) เติบโตขึ้นไปไหนมาไหนกับเขา (อิบรอฮีม) ได้แล้ว อิบรอฮีมได้กล่าวขึ้นว่า “โอ้ลูกเอ๋ย! แท้จริงพ่อได้เห็นในขณะฝันว่า พ่อได้เชือดเจ้า จงคิดดูซิว่าเจ้าจะเห็นเป็นอย่างไร?” เขากล่าวว่า “โอ้พ่อจ๋า! พ่อจงปฏิบัติตามที่พ่อได้ถูกบัญชามาเถิด หากอัลลอฮฺทรงประสงค์ พ่อจะเห็นฉันว่า ฉันอยู่ในหมู่ผู้มีความอดทน”


คำแปล R5.
๙๙. และเขาได้กล่าวว่า แท้จริงตัวข้าจะไปสู่พระผู้ทรงอภิบาลของข้า ด้วยการอพยพจากเมืองของผู้เนรคุณไปสู่เมืองอื่นที่ไม่มีการแสดงความเนรคุณ พระองค์จะทรงชี้นำข้าเองว่าจะให้ไปสู่เมืองใด ก็ปรากฏว่า อัลเลาะห์ได้ชี้นำไปสู่เมืองชาม
๑๐๐. และเมื่อท่านนบีอิบรอฮีมถึงแผ่นดินชามอันบริสุทธิ์แล้วท่านก็กล่าวขึ้นว่า โอ้พระผู้ทรงอภิบาลโปรดประทานแก่ข้าบุตรคนหนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติดี นั้นคือนบีอิสมาอีล
๑๐๑. ดังนั้นเราจึงยังความปีติแก่เขาด้วยการประทานเด็กชายคนหนึ่งที่มีความสุขุมแก่เขาตามที่เขาขอไว้
๑๐๒. ต่อมาเมื่อเด็กน้อยผู้เป็นบุตรของนบีอิบรอฮีมเขาบรรลุสู่วัยซึ่งได้เดินพร้อมกับเขา และช่วยเหลือในกิจกรรมต่าง ๆ ซึ่งบางนักปราชญ์ว่าในวัยประมาณเจ็ดปี บางนักปราชญ์ว่าสิบสามปี เขาก็กล่าวกับบุตรของเขาว่า โอ้ลูกรักแท้จริงข้าได้ฝันเห็นในยามหลับว่า ข้าทำการเชือดเจ้า ดังนั้นเจ้าจงพิจารณาเถิดว่าเจ้ามีความเห็นเช่นไร เขาจึงกล่าวตอบผู้เป็นบิดาว่า โอ้คุณพ่อโปรดทำไปตามที่รับคำสั่งเถิด แล้วท่านจะพบว่าฉันเป็นหนึ่งจากมวลผู้อดทนทั้งหลายอย่างแน่นอนหากอัลเลาะห์ทรงประสงค์


สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 103 - 113


คำอ่าน
103. ฟะลัม..มา..อัสละมาวะตัลละฮูลิลญะบีน
104. วะนาดัยนาฮุ อัย..ยาอิบรอฮีม
105. ก็อดศ๊อดดักตัรฺรุอ์ยา อิน..นากะซาลิกะนัจญซิลมุหฺสินีน
106. อิน..นะฮาซาละฮุวัลบะลา..อุลมุบีน
107. วะฟะดัยนาฮุบิซิบหินอะซีม
108. วะตะร็อกนาอะลัยฮิฟิลอาคิรีน
109. สะลามุนอะลา..อิบรอฮีม
110. กะซาลิกะนัจญซิลมุหฺสินีน
111. อิน..นะฮุมินอิบาดินัลมุอ์มินีน
112. วะบัชชัรฺนาฮุ บิอิสหาเกาะ นะบียฺยัม..มินัศศอลิหีน
113. วะบาร็อกนาอะลัยฮิ วะอะลาอิสหาเกาะ วะมิน..ซุรรียะติฮิมา มุหฺสินู..วะซอลิมุล ลินัฟสิฮีมุบีน


คำแปล R1.
103. Then, when they had both submitted themselves (to the will of Allah), and he had laid Him prostrate on his forehead (or on the side of his forehead for slaughtering);
104. And we called out to him: "O Abraham!
105. You have fulfilled the dream (vision)!" Verily! Thus do we reward the Muhsinun (good-doers - see V.2:112).
106. Verily, that indeed was a manifest trial
107. And we ransomed him with a great sacrifice (i.e. a ram);
108. And we left for him (a goodly remembrance) among generations (to come) in later times.
109. Salamun (peace) be upon Ibrahim (Abraham)!"
110. Thus indeed do we reward the Muhsinun (good-doers - see V.2:112).
111. Verily, he was one of our believing slaves.
112. And we gave him the glad tidings of Ishaque (Isaac) a Prophet from the righteous.
113. We blessed Him and Ishaque (Isaac), and of their progeny are (some) that do right, and some that plainly wrong themselves.


คำแปล R2.
103. แล้วทั้งสองก็มอบตน(ต่อคำบัญชานั้น)และอิบรอฮีมได้จับตัวของบุตรชายให้ตะแคงแนบหน้ากับพื้น(เพื่อจัดการเชือด)
104. และเรา(อัลเลาะฮฺ)ได้เรียกเขาว่า “อิยรอฮีมเอ๋ย!”
105. “เจ้าได้ทำตามความฝันอย่างแท้จริงแล้ว” เช่นนั้น! เราทำการตอบสนองแก่บรรดาผู้ประพฤติคุณความดี
106. แท้จริงสิ่งนี้เป็นการทดสอบที่แน่ชัดที่สุด
107. และเราได้นำสัตว์เชือดตัวใหญ่มาไถ่ตัวเขาไว้
108. และเราได้คง(เกียรติประวัติ)แก่เขาไว้ในมวลชนรุ่นหลัง ๆ (ได้กล่าวขวัญต่อเนื่องกันตลอดไป)
109. “สันติสุข จงประสบแก่อิบรอฮีมเถิด!”
110. เช่นนั้น! เราตอบแทนบรรดาผู้ประพฤติคุณความดี
111. แท้จริงเขาเป็นผู้หนึ่งจากมวลข้าทาสผู้มีศรัทธาของเรา
112. และเราได้ยังความปีติแก่เขา(อีกครั้งหนึ่ง)ด้วย(การได้ลูกชื่อ)อิสหากซึ่งจะได้เป็นศาสดาอีกทั้งเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาคนดีทั้งหลาย
113. และเราได้ให้ความเจริญแก่เขาและอิสหาก(ลูกของเขา)และเผ่าพันธุ์ของทั้งสองนั้น)มีทั้งประพฤติตัวดี และมีทั้งที่ทุจริตแก่ตัวเองอย่างชัดแจ้ง


คำแปล R3.
103. ดังนั้นเมื่อทั้งสองยอมจำนน(ต่ออัลลอฮฺ)แล้ว อิบรอฮีมก็ได้ให้ลูกชายของเขานั่งก้มหัวลงกับพื้น
104. และเราได้เรียกเขา “อิบรอฮีม
105. เจ้าได้ปฏิบัติตามความฝันแล้ว เช่นนั้นที่เราตอบแทนบรรดาผู้ทำความดี
106. แท้จริงแล้ว นี่คือการทดสอบอันชัดเจน”
107. และเราได้ไถ่ลูกชายของเขาสำหรับการพลีอันยิ่งใหญ่
108. และเราได้ทิ้ง(การสรรเสริญ)ไว้ให้เขาในหมู่ชนรุ่นหลัง
109. ศานติแด่อิบรอฮีม
110. เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนผู้ทำความดี
111. แท้จริงเขาเป็นบ่าวผู้ศรัทธาของเราคนหนึ่ง
112. และเราได้แจ้งข่าวดีแก่เขาถึงเรื่องอิสฮากซึ่งเป็นนบีคนหนึ่งในบรรดาผู้ทรงคุณธรรม
113. และเราได้ประทานความจำเริญแก่เขา เช่นเดียวกับอิสฮาก และในหมู่ลูกหลานของพวกเขานั้นมีบางคนที่มีคุณธรรมความดี และบางคนเป็นผู้อธรรมต่อตัวเองอย่างชัดเจน


คำแปล R4.
103. ครั้นเมื่อทั้งสอง (พ่อและลูก) ได้ยอมมอบตน (แด่อัลลอฮฺ) อิบรอฮีมได้ให้อีสมาอีลคว่ำหน้าลงกับพื้น
104. และเราได้เรียกเขาว่า “โอ้ อิบรอฮีม” เอ๋ย!
105. “แน่นอน เจ้าได้ปฏิบัติถูกต้องตามฝันแล้ว” แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
106. แท้จริง นั่นคือ การทดสอบที่ชัดแจ้งแน่นอน
107. และเราได้ให้ค่าไถ่ตัวเขาด้วยสัตว์เชือดพลีอันใหญ่หลวง
108. และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ) แก่เขาในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ
109. ศานติจงมีแต่อิบรอฮีม
110. เช่นนั้นแหละ เราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
111. แท้จริง เขา (อิบรอฮีม) เป็นคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา
112. เราได้แจ้งข่าวดีแก่เขาว่า จะได้ (ลูกคนหนึ่ง) อิสฮาก เป็นนะบี (จะเป็นหนึ่ง) ในหมู่คนดีทั้งหลาย
113. และเราได้ให้ความจำเริญแก่เขาและแก่อิสฮาก และในหมู่ลูกหลานของเขาทั้งสองนั้นมีผู้ทำความดีและมีผู้อธรรมแก่ตัวของเขาเองอย่างชัดแจ้ง


คำแปล R5.
๑๐๓. ต่อมาเมื่อทั้งสองได้สวามิภักดิ์ต่อคำสั่งของอัลเลาะห์โดยนบีอิบรอฮีมจพทำการเชือดบุตรชายสุดที่รักของตนเองและเขาได้จับบุตรชายให้ล้มลงนอนตะแคงเพื่อความสะดวกในการเชือด จากนั้นนบีอิบรอฮีมก็ใช้มีดเชือดบุตรชายของตนเองแต่ไม่เข้า ด้วยอำนาจแห่งอัลเลาะห์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่ตำบลมินา
๑๐๔. และเราได้เรียกเขาว่า โอ้ อิบรอฮีม
๑๐๕. ความจริงเจ้าได้ทำจริงตามความฝันของเจ้าแล้วแท้จริงเราจะตอบแทนบรรดาผู้ทำความดีเช่นที่เราได้ตอบแทนแก่เจ้าดังที่กล่าวมานั้น
๑๐๖. แท้จริงการเชือดครั้งนี้เป็นเพียงการทดสอบอันชัดแจ้งที่เรากระทำต่อเจ้าเพื่อพิสูจน์ว่าเจ้าและบุตรน้อยมีความยึดมั่นในคำสั่งของข้าหรือไม่
๑๐๗. และเราได้ไถ่ตัวเขาแล้วด้วยสัตว์เชือดคือแกะตัวใหญ่ที่มาจากสวรรค์ ซึ่งเป็นแกะตัวที่ฮาบิลได้เคยเชือดทำกุรบาน ยิบรออีลได้นำมันมามอบให้นบีอิบรอฮีมแล้วท่านก็จัดการเชือดแกะนั้น โดยท่านกล่าวตักบีรด้วย
๑๐๘. และเราได้คงเขาไว้ให้อยู่ในประวัติศาสตร์แห่งความระลึกถึงและกล่าวขวัญถึงในบรรรดาชนรุ่นหลัง
๑๐๙. ความสันติสุขจากเราจงประสบแก่อิบรอฮีมเถิด
๑๑๐. ดั่งเช่นที่เราได้ตอบแทนแก่นบีอิบรอฮีมนั่นแหละ เราก็จะตอบแทนแก่บรรดาผู้ทำความดีทั้งหลาย
๑๑๑. แท้จริงเขาเป็นหนึ่งจากมวลข้าทาสผู้มีศรัทธาของเรา
๑๑๒. และเราได้ยังความปิติแก่เขาด้วยการประทานอิสฮ๊ากบุตรอีกคนหนึ่งให้เป็นศาสดาและเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งหลาย
๑๑๓. และเราได้ยังความจำเริญแก่เขาและแก่อิสฮ๊ากและบางส่วนจากเผ่าพันธุ์ของทั้งสองนั้น เป็นคนดีที่มีศรัทธา และเป็นคนที่อธรรมต่อตัวเองอย่างชัดแจ้งอันได้แก่ผู้เนรคุณที่ไม่ยอมรับในสัจธรรมของอัลเลาะห์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 114 - 122


คำอ่าน
114. วะละก็อดมะนัน..นาอะลามูสาวะฮารูน
115. วะนัจญัยนาฮุมา วะก็อวมะฮุมานินัลกัรฺบิลอะซีม
116. วะนะศ็อรฺนาฮุม ฟะกานูฮุมุลฆอลิบีน
117. วะอาตัยนาฮุมัลกิตาบัลมุสตะบีน
118. วะฮะดัยนาฮุมัศศิรอฏ็อลมุสตะกีม
119. วะตะร็อกนาอะลัยฮิมาฟิลอาคิรีน
120. สะลามุนอะลามูสาวะฮารูน
121. อิน..นากะซาลิกะนัจญซิลมุหฺสินีน
122. อิน..นะฮุมามินัลอิบาดินัลมุอ์มินีน


คำแปล R1.
114. And, indeed we gave our grace to Musa (Moses) and Harun (Aaron).
115. And we saved them and their people from the great distress;
116. And helped them, so that they became the victors;
117. And we gave them the clear Scripture;
118. And guided them to the right path;
119. And we left for them (a goodly remembrance) among generations (to come) in later times;
120. Salamun (peace) be upon Musa (Moses) and Harun (Aaron)!"
121. Verily, thus do we reward the Muhsinun (good-doers - see V.2:112).
122. Verily! They were two of our believing slaves.


คำแปล R2.
114. ขอยืนยัน เราได้โปรดปรานแก่มูซาและฮารูน
115. และเราได้บันดาลความปลอดภัยแก่เขาทั้งสองและกลุ่มชนของเขาทั้งสองให้พ้นไปจากภัยอันยิ่งใหญ่
116. และเราได้ช่วยเหลือพวกเขาจนพวกเขาได้รับชัยชนะในที่สุด
117. และเราได้มอบคัมภีร์อันแจ้งชัดที่สุดแก่คนทั้งสอง(คือคัมภีร์เตาร็อต)
118. และเราได้ชี้นำเขาทั้งสองสู่หนทางอันเที่ยงตรงที่สุด
119. และเราได้คง(เกียรติประวัติของ)เขาทั้งสองไว้ในมวลชนยุคหลัง(ได้กล่าวขวัญถึงตลอดไป)
120. “สันติสุข จงประสบแก่มูซาและฮารูนเถิด!”
121. แท้จริงเช่นนั้น! เราทำการตอบสนองแก่มวลผู้ประพฤติคุณงามความดีทั้งปวง
122. แท้จริงเขาทั้งสอง เป็นผู้หนึ่งจากมวลข้าทาสผู้มีศรัทธาของเรา


คำแปล R3.
114. และเราได้ประทานความโปรดปรานแก่มูซาและฮารูน
115. เราได้ช่วยเหลือเขาทั้งสองและคนของพวกเขาให้พ้นจากทุกขภัยอันยิ่งใหญ่
116. เราได้ช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้ได้รับชัยชนะ
117. และเราได้ประทานคัมภีร์ที่ชัดเจนแก่เขาทั้งสอง
118. และได้นำเขาทั้งสองไปสู่ทางที่เที่ยงตรง
119. และเราได้ทิ้ง(คำสรรเสริญ)ไว้แก่เขาทั้งสองในหมู่ชนรุ่นหลัง
120. ศานติแด่มูซาและฮารูน
121. เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนบรรดาผู้ทำความดี
122. แท้จริงแล้ว เขาทั้งสองเป็นบ่าวผู้ศรัทธาของเรา


คำแปล R4.
114. และโดยแน่นอน เราได้ให้ความโปรดปรานแก่มูซาและฮารูน
115. และเราได้ช่วยเขาทั้งสองและหมู่ชนของเขาทั้งสอง ให้พ้นจากความเคราะห์ร้ายอันใหญ่หลวง
116. และเราได้ช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้น พวกเขาจึงเป็นผู้มีชัยชนะ
117. และเราได้ประทานคัมภีร์แก่เขาทั้งสองซึ่งสมบูรณ์ชัดเจน (เตารอฮฺ)
118. และเราได้แนะนำเขาทั้งสองสู่แนวทางที่เที่ยงตรง
119. และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ) แก่เขาทั้งสองในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ
120. ศานติจงมีแด่มูซาและฮารูน
121. แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
122. แท้จริง เขาทั้งสองเป็นปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๑๑๔. และแท้จริงเราได้โปรดปรานแก่มูซาและฮารูนให้เป็นนบีทั้งสองคน
๑๑๕. และเราได้ยังความปลอดภัยแก่ทั้งสองและแก่พวกพ้องของทั้งสองให้พ้นจากความทุกข์อันยิ่งใหญ่ที่คนเหล่านั้นประสบ นั่นคือที่ฟิรเอาน์จับพวกเขามาเป็นทาส
๑๑๖. และเราได้ช่วยเหลือพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงเป็นผู้พิชิตฝ่ายฟิรเอาน์ซึ่งพ่ายแพ้ด้วยอำนาจอภินิหารของอัลเลาะห์ที่บันดาลผ่านนบีมูซาโดยให้ฝ่ายนบีมูซาเดินทางพ้นทะเลแดง แต่พวกเขาที่เดินทัพตามมาถูกทะเลประกบกลับ ทำให้จมน้ำตายจนหมดสิ้น
๑๑๗. และเราได้ประทานคัมภีร์อันแจ่มแจ้งแก่เขาทั้งสองซึ่งในคัมภีร์นั้นมีกำหนดกฎหมายต่าง ๆ อย่างครบถ้วน คัมภีร์อังกล่าวได้แก้คัมภีร์เตาร๊อต
๑๑๘. และเราได้ชี้นำแนวทางอันเที่ยงธรรมแก่เขาทั้งสอง (นบีมูซาและฮารูน)
๑๑๙. และเราได้คงกิตติคุณอันทรงเกียรติแก่เขาทั้งสองในชนรุ่นหลังปรากฏเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการกล่าวขวัญถึงทั้งสองตลอดไป
๑๒๐. ความสันติสุขจากเราจงประสบแก่มูซาและฮารูนเถิด
๑๒๑. แท้จริงเราจักตอบสนองบรรดาผู้ประกอบคุณงามความดีเช่น เดียวกับที่ตอบสนองแก่พวกเขาเหล่านั้น
๑๒๒. แท้จริงเขาทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งจากข้าทาสผู้มีศรัทธาของเราทั้งหลาย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 123 - 132


คำอ่าน
123. วะอิน..นะอิลยาสะละมินัลมุรฺสะลีน
124. อิซกอละลิก็อวมิฮี..อะลาตัตตะกูน
125. อะตัดอูนะบะอฺเลา..วะตะซะรูนะอะหฺสะนัลคอลิกีน
126. อัลลฮะร็อบบะกุม วะร็อบบะอาบา..อิกุมุลเอาวะลีน
127. ฟะกัซซะบูฮุ ฟะอิน..นะฮุม ละมุหฺเฎาะรูน
128. อิลลาอิบาดัลลอฮิลมุคละศีน
129. วะตะร็อกนาอะลัยฮิฟิลอาคิรีน
130. สะลามุนอะลา..อิลยาสีน
131. อิน..นากะซาลิกะนัจญซิลมุหฺสินีน
132. อิน..นะฮูมินอิบาดินัลมุอ์มินีน


คำแปล R1.
123. And verily, Iliyas (Elias) was one of the Messengers.
124. When he said to his people: "Will you not fear Allah?
125. "Will you call upon Ba'l (a well- known idol of his nation whom they used to worship) and forsake the best of creators,
126. "Allah, your Lord and the Lord of your forefathers?"
127. But they denied him [Iliyas (Elias)], so they will certainly be brought forth (to the punishment),
128. Except the chosen slaves of Allah.
129. And we left for him (a goodly remembrance) among generations (to come) in later times;
130. Salamun (peace) be upon Ilyasin (Elias)!"
131. Verily, thus do we reward the Muhsinun (good-doers, who perform good deeds totally for Allah's sake only - see V.2:112).
132. Verily, he was one of our believing slaves.


คำแปล R2.
123. และแท้จริงอิลยาสเขาเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาที่ถูกส่งตัวมาเป็นศาสนทูต
124. เมื่อเขาได้กล่าวแก่กลุ่มชนของเขาว่า “พวกท่านทั้งหลายไม่ยำเกรง(อัลเลาะฮฺ)บ้างหรือไร?”
125. “พวกท่านจะวอนนมัสการเทวรูปบะอ์ลาและทอดทิ้ง(การนมัสการอัลเลาะฮฺ)ผู้ทรงดีเยี่ยมแห่งบรรดาผู้สร้างทั้งปวง?”
126. อัลเลาะฮฺผู้ทรงเป็นองค์อภิบาลของพวกท่านและเป็นองค์อภิบาลบรรพบุรุษของพวกท่านในยุคดั้งเดิม
127. แต่แล้วพวกเขากลับหาว่าอิลยาสมุสา ดังนั้นพวกเขาจึงต้องถูกนำตัวมา(เพื่อรับการลงโทษ)
128. ยกเว้นบรรดาข้าทาสผู้บริสุทธิ์แห่งอัลเลาะฮฺเท่านั้น
129. และเราได้คง(เกียรติประวัติของ)เขาไว้ในมวลชนรุ่นหลัง
130. สันติสุขจงประสบแก่อิลยาสเถิด
131. แท้จริงเช่นนั้น! เราทำการตอบสนองแก่บรรดาผู้ประพฤติดี
132. แท้จริงเขาเป็นผู้หนึ่งจากมวลข้าทาสผู้มีศรัทธาของเรา


คำแปล R3.
123. และอิลยาสนั้นเป็นหนึ่งในบรรดารอซูล
124. จงนึกถึงเมื่อตอนที่เขากล่าวแก่คนของเขาว่า “พวกท่านไม่เกรงกลัวหรือ?
125. พวกท่านวิงวอนต่อบะอฺลาและทอดทิ้งผู้ที่ดีที่สุดแห่งบรรดาผู้สร้าง
126. นั่นคืออัลลอฮิพระผู้อภิบาลของพวกท่านและพระผู้อภิบาลของบรรดาพระบุรุษของพวกเจ้ากระนั้นหรือ?
127. แต่พวกเขาถือว่าเขาเป็นคนโกหก ดังนั้น พวกเขาจะต้องถูกลงโทษอย่างแน่นอน
128. ยกเว้นบรรดาบ่าวผู้บริสุทธิ์ใจของอัลลอฮฺ
129. และเราได้ทิ้งเกียรติยศไว้ให้สำหรับอิลยาสในหมู่คนรุ่นหลัง
130. ศานติจงมีแด่อิลยาส
131. เช่นนั้นแหละที่เราตอบแทนผู้ทำความดี
132. แท้จริงเขาเป็นบ่าวคนหนึ่งในบรรดาผู้ศรัทธาของเรา


คำแปล R4.
123. และแท้จริง อิลยาสนั้นเป็นคนหนึ่งในบรรดาร่อซูล
124. เมื่อเขากล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า “พวกท่านไม่ยำเกรงอัลลอฮฺหรือ?
125. “พวกท่านเคารพสักการะบะอฺลฺ (เจว็ด)
126. “อัลลอฮฺคือพระเจ้าของพวกท่านและพระเจ้าของบรรพบุรุษของพวกท่านแต่เก่าก่อน”
127. ดังนั้น พวกเขาจะถูกนำมาลงโทษอย่างแน่นอน
128. นอกจากปวงบ่าวของอัลลอฮฺผู้บริสุทธิ์ใจ
129. และเราได้ปล่อยทิ้งไว้ (เกียรติคุณ) แก่เขาในกลุ่มชนรุ่นหลัง ๆ
130. ศานติจงมีแด่วงศ์วานของยาซีน
131. แท้จริง เช่นนั้นแหละเราจะตอบแทนผู้กระทำความดีทั้งหลาย
132. แท้จริง เขาเป็นคนหนึ่งในปวงบ่าวของเราผู้ศรัทธา


คำแปล R5.
๑๒๓. และแท้จริงอิลย๊าสก็เป็นคนหนึ่งจากบรรดาศาสนทูตที่นำสัจธรรมมาประกาศแก่ชาวโลกเหมือนกัน
๑๒๔. เมื่อเขาได้กล่าวกับพรรคพวกของเขาเองว่า พวกท่านไม่ยำเกรงอัลเลาะห์ดอกหรือ
๑๒๕. พวกท่านจะวอนนมัสการ เทวรูปบะอ์ลัลซึ่งถูกหลอมมาจากทองคำและชื่อนี้ก็กลายมาเป็นชื่อเมืองซึ่งนำมาต่อกับบั๊ก เป็นคำเต็มว่าเมือง บ๊ะละบั๊ก และพวกท่านกลับทอดทิ้งการนมัสการต่ออัลเลาะห์ผู้ทรงเป็นผู้สร้างที่ดีที่สุด
๑๒๖. อัลเลาะห์ทรงอภิบาลพวกท่านและอภิบาลบรรดาบรรพบุรุษของพวกท่าน
๑๒๗.แต่แล้วพวกนั้น กลับว่าเขา(นบีอิลย๊าส) มุสาในคำประกาศนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงต้องถูกนำตัวมาลงโทษในนรกอย่างแน่นอน
๑๒๘. นอกจากมวลข้าทาสของอัลเลาะห์ผู้มีความบริสุทธิ์ใจเท่านั้นที่จะไม่ถูกนำตัวมาลงโทษ
๑๒๙. และเราได้คงกิตติคุณไว้แก่เขาเป็นประวัติศาสตร์ที่มีการกล่าวขวัญถึงเขาในบรรดาชนรุ่นหลัง
๑๓๐. ความสันติสุขจากเราจงประสบแก่อิลยาซีนหรืออิลยาสเถิด
๑๓๑. แท้จริงเราจะตอบสนองแก่บรรดาผู้ประพฤติความดีงามเช่นที่เราได้ตอบสนองแก่อิลยาสนั้น
๑๓๒. แท้จริงเขาเป็นหนึ่งจากมวลข้าทาสผู้มีศรัทธาของเรา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 133 - 138



คำอ่าน
133. วะอิน..นะลูฏ็อลละมินัลมุรฺสะลีน
134. อิซนัจญัยนาฮุ วะอะฮฺละฮู..อัจญมะอีน
135. อิลลาอะญูซัน..ฟิลฆอบิรีน
136. ษุม..มะดัม..มัรฺนัลอาเคาะรีน
137. วะอิน..นะกุมละตะมุรฺรูนะ อะลัยฮิม..มุศบิหีน
138. วะบิลลัยลิ อะฟะลาตะอฺกิลูน


คำแปล R1.
133. And verily, Lout (Lot) was one of the Messengers.
134. When we saved him and his family, all,
135. Except an old woman (his wife) who was among those who remained behind.
136. Then we destroyed the rest [i.e. the towns of Sodom at the place of the dead sea (now) in Palestine]. [See the "Book of History" by Ibn Kathir].
137. Verily, you pass by them in the morning.
138. And at night; will you not then reflect?


คำแปล R2.
133. และแท้จริงลู๊ฏก็เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ถูกส่งตัวมาเป็นศาสนทูต
134. เมื่อเราได้ยังความปลอดภัยแก่เขาและแก่วงศ์ญาติของเขาทั้งหมด
135. นอกจากหญิงชราคนหนึ่ง(ซึ่งเป็นภริยาของเขา)นางอยู่ในกลุ่มผู้คงอยู่(เพื่อรับการลงโทษ)
136. หลังจากนั้นเราได้จัดการทำลายล้างบรรดาพวกอื่น (ที่ไม่ยอมตามนบีลู๊ฏ)
137. และแท้จริงพวกเจ้าทั้งหลาย (ที่ขัดขวางนบีมุฮัมมัด) ก็เดินทางผ่าน(ซากปรักหักพังของบ้านเรือนของคน)พวกนั้นทั้งในยามเช้า
138. และในยามกลางคืน แล้วพวกเจ้าไม่ใช้ปัญญาตริตรองดอกหรือ


คำแปล R3.
133. และลูฏก็เป็นหนึ่งในบรรดารอซูล
134. จงนึกถึงเมื่อตอนที่เราได้ช่วยเขาและคนของเขาให้รอดชีวิต
135. ยกเว้นหญิงแก่คนหนึ่งที่อยู่ร่วมกับผู้ที่ยังคงอยู่ข้างหลัง
136. หลังจากนั้นเราได้ทำลายคนอื่น ๆ จนหมดสิ้น
137. ตอนนี้พวกเจ้าเดินผ่านซากปรักหักพังของพวกเขาทั้งยามเช้า
138. และยามค่ำ แล้วพวกเจ้ายังไม่คิดอีกหรือ?


คำแปล R4.
133. และแท้จริง ลูฏนั้นเป็นคนหนึ่งในบรรดาร่อซูล
134. เมื่อเราได้ช่วยเขาและพรรคพวกของเขาทั้งหมดให้รอดพ้น
135. นอกจากหญิงแก่คนหนึ่งเหลืออยู่ในหมู่ผู้รั้งท้าย
136. แล้วเราได้ทำลายล้างคนอื่น ๆ ทั้งหมด
137. และแท้จริง พวกเจ้าจะต้องเดินผ่าน (ไปมา) สถานที่ของพวกเขาในยามเช้า
138. และยามค่ำคืน ดังนั้น แล้วพวกเจ้าจะไม่พิจารณาดูดอกหรือ?


คำแปล R5.
๑๓๓. และแท้จริงลู๊ตก็เป็นหนึ่งจากบรรดาศาสนทูตที่ถูกส่งมาประกาศสัจธรรมแก่ปวงชน
๑๓๔. เมื่อเราได้ยังความปลอดภัยแก่เขาและครอบครัวทั้งหมดให้พ้นวินาศภัยอันเกิดแก่ปวงชนในสมัยของเขา
๑๓๕. ยกเว้นภรรยาของเขาซึ่งเป็นหญิงชรานางหนึ่งซึ่งอยู่ในกลุ่มบุคคลซึ่งคงอยู่ในการรับโทษทัณฑ์จากอัลเลาะห์ เพราะไม่ยอมศรัทธาในคำประกาศของนบีลู๊ต
๑๓๖. หลังจากนั้นเราได้ยังความพินาศแก่บรรดาปวงชนกลุ่มอื่นอันได้แก่พวกที่เนรคุณอัลเลาะห์ ไม่ยอมรับนับถือในคำประกาศของนบีลู๊ต
๑๓๗. และแท้จริงพวกเจ้านั้น โอ้ชาวมักกะห์ทั้งหลายก็สัญจรผ่านร่องรอยแห่งอดีตและที่อยู่ของพวกเขาทั้งในยามเช้า
๑๓๘. และในยามค่ำ แล้วไฉนพวกเจ้าจึงไม่ใช้ปัญญาพิเคราะห์ใคร่ครวญถึงประวัติของพวกนั้น เพื่อจะได้เป็นอนุสติสำหรับพวกเจ้าเอง




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 139 - 148


คำอ่าน
139. วะอิน..นะยูนุสะ ละมินัลมุรฺสะลีน
140. อิซอะบะเกาะอิลัลฟุลกิลมัชหูน
141. ฟะสาฮะมะ ฟะกานะมินัลมุดหะฎีน
142. ฟัลตะเกาะมะฮุลหูตุ วะฮุวะมุลีม
143. ฟะเลาลาอัน..นะฮูกานะมินัลมุสับบิหีน
144. ละละบิสะฟีบัฏนิฮี..อิลาเยามิยุบอะษูน
145. ฟะนะบัซนาฮุ บิลอะรอ...อิวะฮุวะสะกีม
146. วะอัม..บัตนาอะลัยฮิ ชะญะเราะตัม..มี..ยักฏีน
147. วะอัรฺสัลนาฮุอิลามิอะติอัลฟิน เอายะซีดูน
148. ฟะอามะนู ฟะมัตตะอฺนาฮุม อิลาหีน

 
คำแปล R1.
139. And, verily, Yunus (Jonah) was one of the Messengers.
140. When he ran to the laden ship,
141. He (agreed to) cast lots, and he was among the losers,
142. Then a (big) fish swallowed him and he had done an act worthy of blame.
143. Had he not been of them who glorify Allah,
144. He would have indeed remained inside its belly (the fish) till the Day of Resurrection.
145. But we cast him forth on the naked shore while he was sick,
146. And we caused a plant of gourd to grow over him.
147. And we sent him to a hundred thousand (people) or even more.
148. And they believed; so we gave them enjoyment for a while.


คำแปล R2.
139. และแท้จริงยูนุสก็เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ถูกส่งตัวมาเป็นศาสนทูต
140. เมื่อเขาได้หลบหนี(กลุ่มชอของเขาที่ไม่ยอมรับฟังคำประกาศของเขาโดยอัลเละฮฺยัใอนุญาตให้)ไปยังเรือที่บรรทุกเต็มเพียบ
141. แล้วเขาก็จับฉลาก(ร่วมกับทุก ๆ คนในเรือลำนั้น)ก็ปรากฏว่าเขาเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาที่พ่ายแพ้ในการจับฉลาก
142. (เขาจึงถูกโยนลงทะเล)แล้วปลาก็กลืนเขาไว้ โดยเขาถูกประณาม(จากเจ้าของเรือเพราะหลบหนีอยู่ในเรือโดยไม่ได้รับอนุญาต)
143. ดังนั้นหากแม้นว่าเขามิใช่เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้กล่าวถวายสดุดีพระบริสุทธิคุณแด่อัลเลาะฮฺแล้วไซร้
144. แน่นอนเขาก็คงต้องค้างอยู่ในท้องปลาจวบจนวันที่มนุษย์ถูกฟื้นขึ้นจากสุสาน
145. จากนั้นเราได้ปลดปล่อยตัวเขา(ให้พ้นไปจากท้องปลา)สู่แผ่นดินอันโล่งกว้าง(อยู่ติดชายฝั่งทะเล)โดยที่เขากำลังเจ็บป่วย
146. และเราได้ให้มีต้นไม้ต้นหนึ่งที่มีใบหนางอกขึ้นปกคลุม(ความร้อน)แก่เขา
147. และเราได้ส่งตัวเขาไปยังผู้คนจำนวนหนึ่งแสนหรือมากกว่านั้น
148. ต่อมาพวกเหล่านั้นได้ศรัทธา(ในคำประกาศของเขา)ดังนั้นเราจึงให้เขามีความสุขสบายตราบเพียงระยะเวลาหนึ่ง


คำแปล R3.
139. แท้จริงยูนุสก็เป็นคนหนึ่งในบรรดารอซูล
140. จงนึกถึงเมื่อตอนที่เขาหนีไปยังเรือที่บรรทุกจนเต็มเพียบ
141. แล้วเขาได้ร่วมเสี่ยงทายและก็แพ้
142. ในที่สุดปลาตัวใหญ่ก็ได้กลืนเขาลงไป เพราะเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ
143. ถ้าหากเขามิได้เป็นหนึ่งในบรรดาผู้สดุดี(เรา)
144. แน่นอนเขาก็จะต้องอยู่ในท้องปลาตัวนั้นไปจนกระทั่งวันแห่งการฟื้นคืนชีพ
145. แต่ต่อมาเราก็ได้โยนเขาไปบนชายฝั่งที่โล่งในสภาพทมี่ป่วย
146. และเราได้ทำให้มีไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมตัวเขา
147. หลังจากนั้นเราได้ส่งเขาไปยังหมู่คนจำนวนแสนหรือมากกว่านั้น
148. แล้วคนเหล่านั้นก็ศรัทธาในเขา และเราได้ปล่อยพวกเขาให้มีชีวิตจนกระทั่งถึงเวลาหนึ่ง


คำแปล R4.
139. และแท้จริง ยูนุสนั้นอยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นรอซูล
140. จงรำลึก ขณะที่เขาได้หนีไปยังเรือที่บรรทุกผู้คนเต็มเพียบ
141. ดังนั้น ยูนุสได้เข้าร่วมจับฉลาก แล้วเขาจึงอยู่ในหมู่ผู้ถูกพิชิต (แพ้ในการจับฉลาก)
142. แล้วปลาตัวใหญ่ได้กลืนเขา และเขาสมควรที่จะถูกตำหนิ
143. หากว่าเขามิได้เป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้แซ่ซ้องสดุดีแล้ว
144. แน่นอน เขาจะอยู่ในท้องปลาจวบจนกระทั่งวันฟื้นคืนชีพ
145. แล้วเราได้เหวี่ยงเขาขึ้นบนที่โล่งริมฝั่ง ในสภาพที่ป่วย
146. และเราได้ให้มีต้นไม้ (พันธ์ไม้เลื้อย) น้ำเต้างอกเงยขึ้น ปกคลุมตัวเขา
147. และเราได้ส่งเขาไปยัง (หมู่บ้านของเขา) มีจำนวนหนึ่งแสนคนหรือเกินกว่านั้น
148. แล้วพวกเขาก็ศรัทธา ดังนั้น เราจึงปล่อยให้พวกเขามีความสุขสำราญชั่วระยะเวลาหนึ่ง


คำแปล R5.
๑๓๙. และแท้จริงยูนุสก็เป็นหนึ่งจากบรรดาศาสนทูตที่ถูกส่งตัวมาเพื่อทำการประกาศสัจธรรม
๑๔๐. เมื่อเขาได้หลบหนีลงไปอยู่ในท้องเรือซึ่งเพียบแปร้เพราะเขาโกรธปวงชนของเขาที่พวกนั้นไม่มีความเชื่อถือในคำประกาศ เขาจึงคาดโทษแก่พวกนั้นว่าจะเกิดวินาศภัยในเวลาอันใกล้นี้ แต่วินาศภัยดังกล่าวก็ไม่เกิดตามที่คาดไว้ เขาจึงโกรธและหลบแอบไปกับเรือดังกล่าว พวกกลาสีเห็นเขาแอบอยู่ในเรืออย่างนั้นจึงคิดว่าเป็นทาสที่หลบหนีจากนาย ซึ่งโดยธรรมเนียมปฏิบัติของชาวเรือ ถ้าในเรือมีทาสหรือผู้ร้ายทำผิด เรือจะออกวิ่งไม่ได้ แต่เรือดังกล่าวได้ออกวิ่งมาจนถึงกลางทะเลแล้ว
๑๔๑. ดังนั้นนบียูนุสเขาจึงทำการแข่งขันการยิงธนูกับชาวเรือก็ปรากฏว่าเขาเป็นฝ่ายแพ้ ดังนั้นพวกเหล่านั้นจึงจับเขาโยนลงทะเล
๑๔๒. ทันใดนั้นเองปลาตัวหนึ่งได้กลืนเขาเข้าไว้ในท้องของมันโดยที่เขาได้รับการประณามจากสาเหตุที่หนีออกทะเลและหลบอยู่ในเรือโดยไม่ขออนุญาตจากเจ้าของ
๑๔๓. อันที่จริงหากแม้นเขามิใช่เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้กล่าวสดุดีพระบพิทธิคุณของอัลเลาะห์แล้วไซร้
๑๔๔. แน่นอนที่สุดเขาก็ต้องอยู่ในท้องของปลานั้นเรื่อยไปจนกระทั่งถึงวัน ปรภพซึ่งพวกเขาถูกให้ฟื้นขึ้น แต่ปรากฏว่านบียูนุสได้กล่าวตัสบีห์เป็นประจำขณะอยู่ในท้องปลา ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องตายอยู่ในท้องปลานั้น
๑๔๕. ดังนั้นเราจึงให้เขาหลุดพ้นออกจากท้องปลา ชายฝั่งแผ่นดินอันแห้งแล้งแห่งหนึ่ง หลังจากต้องอยู่ในนั้นหนึ่งวัน หรือสาม หรือเจ็ดวัน หรือยี่สิบวัน หรือสี่สิบวัน ตามความเห็นของนักวิชาการที่แตกต่างกันโดยที่ตัวเขากำลังป่วย
๑๔๖. และเราได้บันดาลให้ต้นบวบงอกขึ้นเพื่อเขาใช้หลบแสงแดดใต้ใบของมัน และเวลาเช้าและเวลาเย็นจะมีกวางตัวหนึ่งวนมาหาเขาให้เขาได้ดื่มนมของมัน จนกระทั่งเขาแข็งแรงและหายป่วยเป็นปกติ
๑๔๗. และเราได้ตัวเขาไปยังเมืองมีนะวา ซึ่งมีปวงชนจำนวนหนึ่งแสนคน หรือเกินกว่านั้นอีก คือ หนึ่งแสนเจ็ดหมื่นคน
๑๔๘. แล้วพวกนั้นก็มีศรัทธาต่อคำประกาศของนบียูนุสเป็นอันดี อันเกี่ยวกับวินาศภัยที่จะอุบัติขึ้น ต่อมาเราก็ยังความภิรมย์แก่พวกเขาชั่วระยะหนึ่งให้พวกเขาได้รับความสุขสมจากทรัพย์ศฤงคารที่พวกเขามีอยู่



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 149 - 153


คำอ่าน
149. ฟัสตัฟติฮิม อะลิร็อบบิกัลบะนาตุ วะละฮุมุลบะนูน
150. อัมเคาะลักนัลมะลา...อิกะตะอินาเษา..วะฮุม๙ฮิดูน
151. อะลา..อิน..นะฮุม..มินอิฟกิฮิม ละยะกูลูน
152. วะละดัลลอฮุ วะอิน..ฮุมละกาซิบูน
153. อัศเฏาะฟัลบะนาติอะลัลบะนีน


คำแปล R1.
149. Now ask them (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "Are there (only) daughters for your Lord and sons for them?"
150. Or did we create the angels females while they were witnesses?
151. Verily, it is of their falsehood that they (Quraish pagans) say:
152. "Allah has begotten off spring or children (i.e. angels are the daughters of Allah)?" and, verily, they are liars!
153. Has he (then) chosen daughters rather than sons?


คำแปล R2.
149. (โดยเหตุที่มีกลุ่มมุชริกีนชาวอาหรับ)บางกลุ่มอ้างว่ามลาอิกะฮฺเป็นบุตรหญิงของอัลเลาะฮฺ) ดังนั้นเจ้าจงถามพวกเขาเถิดว่า “ยุติธรรมหรือที่(พวกเขาให้)องค์อภิบาลของเจ้ามีบุตรหญิง แต่พวกเขาเอง(กลับชอบที่จะ)มีบุตรชาย?”
150. หรือว่าพวกเขาปรากฏตัวเป็นพยานได้ว่าเราได้บันดาลมลาอิกะฮฺเป็นผู้หญิง?
151. พึงสังวร! แท้จริง พวกเขาพูดมาจากความมุสาของพวกเขาเอง
152. ว่า “อัลเลาะฮฺมีบุตร!” แท้จริงพวกนั้นเป็นผู้มุสา (หามูลความจริงในคำพุดมิได้เลย)
153. (สมควรหรือที่พวกเขาจะอ้างว่าอัลเลาะห์มีบุตร และบุตรนั้นเป็นผู้หญิงซึ่งพวกเขาไม่ชอบ?) พระองค์ทรงเลือกบุตรหญิงเหนือกว่าบุตรชายกระนั้นหรือ? (เมื่อทั้งสองเพศนั้นพระองค์ทรงบันดาลมาทั้งสิ้น)


คำแปล R3.
149. ดังนั้นจงถามผู้คนซิว่า พระผู้อภิบาลของเจ้าน่าจะมีลูกสาวหลายคนและพวกเขาน่าจะมีลูกชายหลายคนกระนั้นหรือ?
150. เราได้สร้างมลาอิกะฮฺเป็นเพศหญิงและพวกเขารู้เห็นการสร้าง กระนั้นหรือ?
151. จงจำไว้ให้ดีว่า ความจริงแล้วพวกเขาต่างหากที่สร้างเรื่องเท็จขึ้นมาเมื่อพวกเขากล่าวว่า
152. “อัลลอฮฺทรงมีบุตร” ความจริงแล้ว พวกเขากล่าวเท็จทั้งสิ้น
153. อัลลอฮฺจะทรงเลือกบุตรสาวแทนบุครชายกระนั้นหรือ


คำแปล R4.
149. ดังนั้น (มุฮัมมัด) จงถามพวกเขาซิว่า พระเจ้าของเจ้ามีบุตรหญิงหลายคน และพวกเขามีบุตรชายหลายคนกระนั้นหรือ?
150. หรือว่าเราได้สร้างมะลาอิกะฮฺเป็นเพศหญิง โดยที่พวกเขารู้เห็นเป็นพยาน
151. พึงทราบเถิด แท้จริงพวกเขานั้นเนื่องจากการกล่าวเท็จของพวกเขาพวกเขาจึงกล่าวว่า
152. “อัลลอฮฺทรงให้กำเนิดบุตรชาย!” และแท้จริงพวกเขานั้นเป็นผู้กล่าวเท็จอย่างแน่นอน
153. อัลลอฮฺทรงเลือกบุตรหญิงแทนบุตรชายกระนั้นหรือ?


คำแปล R5.
๑๔๙. ดังนั้นเจ้าจงขอคำชี้แจงต่อพวกเขาชาวมักกะห์เถิด โอ้นบีมุฮำมัด ว่าองค์พระผู้ทรงอภิบาลของเจ้านั้นจะมีบุตรหญิงหรือโดยสาเหตุที่ชาวมักกะห์เชื่อถือว่ามลาอิกะฮ์เป็นบุตรหญิงของอัลเลาะห์ และพวกเขาเองมีบุตรชาย แล้วพวกเขานั้นรักบุตรชายมากกว่าบุตรหญิงจะสมเหตุผลหรือกับความเชื่อถือแบบนั้น
๑๕๐. หรือเราได้บันดาลมลาอิกะห์เป็นผู้หญิงโดยพวกเขาเห็นการบันดาลนั้น ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้
๑๕๑. อันที่จริงความเชื่อมั่นและคำพูดที่พวกเขาได้แสดงออกนั้นมิใช่อื่นใดเลยนอกจากพวกเขาได้กล่าวจากความเท็จของพวกเขาเองว่า
๑๕๒. อัลเลาะห์มีบุตรหญิง คือมลาอิกะห์และแท้จริงพวกเขาเป็นผู้มดเท็จในคำกล่าวเช่นนี้
๑๕๓. ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงพระองค์จะทรงเลือกบุตรหญิงเหนือบุตรชายกระนั้นหรือ เพราะตามความเชื่อของพวกเขาบุตรชายจะต้องเหนือกว่าบุตรหญิง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 154 - 163


คำอ่าน
154. มาละกุมกัยฟะตะหฺกุมูน
155. อะฟะลาตะซักกะรูน
156. อัมละกุมสุลฏอนุม..มุบีน
157. ฟะอ์ตูบิกิตาบิกุมอิน..กุน..ตุมศอดิกีน
158. วะญะอะลูบัยนะฮู วะบัยนัลญิน..นะตินะสะบา วะละก็อดอะลิมะติลญิน..นะตุ อิน..นะฮุมละมุหฺเฎาะรูน
159. สุบหานัลลอฮิอัม..มายะศิฟูน
160. อิลลาอิบาดัลลอฮิลมุคละศีน
161. ฟะอิน..นะกุม วะมาตะอฺบุดูน
162. มา..อัน..ตุมอะลัยฮิบิฟาตินีน
163. อิลลามันฮุวะ ศอลิลญะหีม


คำแปล R1.
154. What is the matter with you? How do you decide?
155. Will you not then remember?
156. Or is there for you a plain authority?
157. Then bring your book if you are truthful!
158. And they have invented a kinship between him and the jinns, but the jinns know well that they have indeed to appear (before him) (i.e. they will be brought for accounts).
159. Glorified is Allah! (He is free) from what they attribute unto him!
160. Except the slaves of Allah, whom He chooses (for his Mercy i.e. true believers of Islamic Monotheism who do not attribute false things unto Allah).
161. So, verily you (pagans) and those whom you worship (idols).
162. Cannot lead astray [turn away from Him (Allah) anyone of the believers],
163. Except those who are predestined to burn in Hell!


คำแปล R2.
154. อะไรเป็นเหตุสำหรับพวกเจ้า? พวกเจ้าชี้ขาด(ในสิ่งที่ผิด)ได้อย่างไรกัน?
155. แล้วพวกเจ้าไม่สำนึกบ้างหรือ?
156. หรือว่าพวกเจ้ามีหลักฐานอันชัดแจ้ง(ที่แสดงว่ามลาอิกะฮฺเป็นบุตรหญิงของอัลเลาะฮฺ?)
157. ดังนั้นพวกเจ้าก็จงนำคัมภีร์ของพวกเจ้ามาอ้างอิงสิ! หากพวกเจ้าเป็นผู้สัตย์จริง
158. และพวกเจ้าได้อุปโลกน์ระหว่างพระองค์และระหว่างมลาอิกะฮฺให้มีสัมพันธ์ทางเชื้อสายกัน ทั้ง ๆ ที่มลาอิกะฮฺรู้ดีว่าพวกเขา(ที่อุปโลกน์เช่นนั้น)จะต้องถูกนำตัวมา(ลงโทษในวันชาติหน้า)
159. อัลเลาะฮฺทรงบริสุทธิ์พ้นไปจากคุณลักษณะที่พวกเขาบรรยายไว้
160. นอกจากบรรดาข้าทาสผู้บริสุทธิ์ของอัลเลาะฮฺเท่านั้น
161. แท้จริงพวกเจ้าพร้อมกับสิ่งที่พวกเจ้านมัสการนั้น
162. หาใช่พวกเจ้าจะทำลาย(ผู้ใดผู้หนึ่งให้ขาดสะบั้น)กับพระองค์ไม่
163. ยกเว้นผู้ที่ต้องเข้าไปถูกเผาในเปลวเพลิงนรก


คำแปล R3.
154. สูเจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมสูเจ้าจึงตัดสินเช่นนั้น?
155. สูเจ้าไม่คิดบ้างเลยกระนั้นหรือ?
156. หรือถ้าสูเจ้ามีหลักฐานที่ชัดแจ้งอันใดในเรื่องนี้
157. สูเจ้าก็จงนำคัมภีร์ของสูเจ้ามาถ้าสูเจ้าสัตยฺจริง
158. พวกเขาได้สร้างความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างอัลลอฮิกับญินทั้ง ๆ ที่พวกญินรู้ดีว่า คนเหล่านี้ถูกนำตัวมาในฐานะผู้ทำผิด
159. (และพวกเขากล่าวว่า) “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ ผู้ทรงปลอดภัยจากสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้างถึงพระองค์
160. นอกเหนือไปจากบ่าวผู้บริสุทธิ์ใจของพระองค์
161. ดังนั้นสูเจ้า และสิ่งที่สูเจ้าเคารพสักการะ
162. ไม่สามารถที่จะหันผู้ใดไปจากอัลลอฮฺได้
163. นอกจากผู้ที่จะถูกเผาในไฟอันลุกโชน


คำแปล R4.
154. เกิดอะไรขึ้นแก่พวกเจ้า! ทำไมพวกเจ้าจึงตัดสินเช่นนั้น
155. พวกเจ้ามิได้ใคร่ครวญดูบ้างหรือ?
156. หรือว่าพวกเจ้ามีหลักฐานอันชัดแจ้ง?
157. ดังนั้น พวกเจ้าจงนำคัมภีร์ของพวกเจ้ามาแสดง หากพวกเจ้าเป็นผู้สัตย์จริง
158. และพวกเขากล่าวอ้างความสัมพันธ์ (ทางเครือญาติ) ระหว่างพระองค์กับพวกญินและโดยแน่นอนพวกญินรู้ดีว่าแท้จริงพวกมันจะถูกนำตัวมาปรากฏต่อหน้าอัลลอฮฺ (เพื่อการลงโทษ)
159. มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ จากสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้าง
160. เว้นแต่ปวงบ่าวของอัลลอฮฺผู้ซื่อสัตย์
161. แน่นอน พวกเจ้าและสิ่งที่พวกเจ้าเคารพบูชานั้น
162. พวกเจ้าไม่สามารถทำให้ผู้ใดหลงทางไปได้
163. นอกจากผู้ที่จะเข้าไปอยู่ในไฟอันลุกโชติช่วง


คำแปล R5.
๑๕๔. อะไรเล่าเหตุผลของพวกเจ้าที่จะยืนยันว่าอัลเลาะห์มีบุตรหญิง พวกเจ้าจะตัดสินอย่างไรต่อปัญญาที่ขัดแย้งกันเองในความเชื่อของพวกเจ้าดังกล่าวแล้ว ซึ่งแน่นอนเป็นการตัดสินที่ใช้ไม่ได้
๑๕๕. แล้วพวกเจ้ามิได้สำนึกดอกหรือว่าที่จริงแล้วอัลเลาะห์ทรงคุณลักษณะอันบริสุทธิ์ พระองค์ไม่มีบุตรอย่างแน่นอน
๑๕๖. หรือพวกเจ้ามีเหตุผลอันแจ่มชัดที่ยืนยันว่าอัลเลาะห์มีบุตร
๑๕๗. พวกเจ้าก็จงนำคัมภีร์เตารอตของพวกเจ้ามาแสดงประกอบสิหากพวกเจ้ามีความสัจจริงในคำพูดของพวกเจ้าดังกล่าวนั้น
๑๕๘. และบรรดาพวกมุชริกีนเขาได้อุปโลกน์สายตระกูลไว้ระหว่างพระองค์ อัลเลาะห์ และญินนะห์คือมลาอิกะห์ โดยพูดว่าอัลเลาะห์มีบุตรดังได้กล่าวแล้วแล้วพวกญินนะห์คือมลาอิกะห์เองรู้ดีว่าพวกเขาจะต้องถูกนำตัวมาลงโทษในนรกอย่างแน่นอน
๑๕๙. อัลเลาะห์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนัก ทรงพ้นไปจากสิ่งที่พวกเขาบรรยายลักษณะของพระองค์ว่ามีบุตรดังที่กล่าว
๑๖๐. ยกเว้นมวลข้าทาสแห่งอัลเลาะห์ผู้มีจิตอันบริสุทธิ์และศรัทธามั่นเท่านั้นที่ยึดถือในความบริสุทธิ์ของอัลเลาะห์ว่าพระองค์ทรงปราศจากบุตร
๑๖๑. แท้จริงพวกเจ้าและสิ่งที่พวกเจ้าทำการนมัสการอันได้แก่เจว็ดทั้งหลายทั้งปวงนั้น
๑๖๒. พวกเจ้ามิสามารถจะให้โทษแก่ผู้ใดเพราะสิ่งนั้นเลย
๑๖๓. ยกเว้นแก่บุคคลที่ถูกลิขิตไว้แต่เดิมมาแล้วว่าเมื่อถึงวันปรภพจะต้องเข้านรกเท่านั้น พวกเขาจึงจะให้โทษด้วยการชักจูงเขาให้หันมาทำการกราบไหว้เจว็ดเหล่านั้นในภพนี้ได้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 164 - 166


คำอ่าน
164. วะมานิน..นา..อิลลาละฮูละกอลุม..มะอฺลูม
165. วะอิน..นาละนะหฺนุศศอ..ฟฟูน
166. วะอิน..นาละนะหฺนุลมุสับบิหูน


คำแปล R1.
164. There is not one of us (angels) but has his known place (or position);
165. Verily, we (angels), we stand in rows for the prayers (as you Muslims stand in rows for your prayers);
166. Verily, we (angels), we are they who glorify (Allah's praises i.e. perform prayers).


คำแปล R2.
164. (มลาอิกะฮฺกล่าวว่า) “และไม่มีใครจากพวกเรา(ได้อยู่ในตำแหน่งบุตรพระเจ้าเลย) นอกจากตำแหน่ง(ข้าทาสที่ต้องประพฤติตามบัญชาของอัลเลาะฮฺ)ที่แน่นอนอยู่แล้ว
165. และแท้จริงพวกเราต่างก็อยู่ในแถวอย่างมีระเบียบ(ในการทำนมัสการต่ออัลเลาะฮฺ)
166. “และแท้จริงพวกเราต่างก็กล่าวถวายสดุดีพระบริสุทธิคุณ(แด่อัลเลาะฮฺอย่างสม่ำเสมอ)”


คำแปล R3.
164. สำหรับพวกเราเองแล้ว แต่ละคนมีสถานะที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
165. และเราเป็นบ่าวที่อยู่ในแถว
166. และเราเป็นผู้สดุดี (อัลลอฮฺ)


คำแปล R4.
164. และไม่มีผู้ใดในหมู่พวกเรา เว้นแต่เขาได้มีตำแหน่งที่ได้กำหนดไว้แล้ว
165. และแท้จริง เรานั้นเป็นผู้ที่ยืนเข้าแถวอยู่แล้ว
166. และแท้จริง เรานั้นเป็นผู้แซ่ซ้องสดุดีอัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๑๖๔. ยิบรออีลได้กล่าวกับนบีมุฮำมัดว่า และไม่มี มลาอิกะห์ใด ๆ จากพวกเรานอกจากเขามีตำแหน่งอันรู้ชัดประจำอยู่ในชั้นฟ้าต่าง ๆ ซึ่งเขาทำการนมัสการอัลเลาะห์โดยไม่ฝ่าฝืน
๑๖๕. และแท้จริงพวกเรานี้ต้องเข้าแถวเป็นแนวเดียวกันในพิธีละหมาด
๑๖๖. และแท้จริงพวกเรานี้ต้องทำการสดุดีพระบพิทธิคุณแห่งอัลเลาะห์




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 167 - 175


คำอ่าน
167. วะอิน..กานูละยะกูลูน
168. เลาอัน..นะอิน..ดะนาซิร็อม..มินัลเอาวะลีน
169. ละกุน..นาอิบาดัลลอฮิลมุคละศีน
170. ฟะกะฟะรูบิฮีฟะเสาฟะยะอฺละมูน
171. วะละก็อดสะบะก็อตกะลิมะตุนา ลิอิบาดินัลมุรฺสะลีน
172. อิน..นะฮุมละฮุมุลมัน..ศูรูน
173. วะอิน..นะญุน..ดะนา ละฮุมุลฆอลิบูน
174. ฟะตะวัลละอันฮุม หัตตาหีน
175. วะอับศิรฺฮุม ฟะเสาฟะยุบศิรูน


คำแปล R1.
167. And indeed they (Arab pagans) used to say;
168. "If we had a reminder as had the men of old (before the coming of Prophet Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam as a Messenger of Allah).
169. "We would have indeed been the chosen slaves of Allah (true believers of Islamic Monotheism)!"
170. But (now that the Qur'an has come) they disbelieve therein (i.e. in the Qur'an and in Prophet Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam , and all that which he brought, the Divine Revelation), so they will come to know!
171. And, verily, our word has gone forth of old for our slaves, the Messengers,
172. That they verily would be made triumphant.
173. And that our hosts, they verily would be the victors.
174. So turn away (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) from them for a while,
175. And watch them and they shall see (the punishment)!


คำแปล R2.
167. และแท้จริงพวกเขา(มุชริกีนชาวมักกะฮฺ)ได้กล่าวว่า
168. “มาดแม้นเรามี(คัมภีร์ที่เป็น)คำเตือนอันได้มาจาก(ศาสนทูต)บรรพชนในอดีต
169. แน่นอนพวกเราก็เป็นข้าทาสที่บริสุทธิ์ต่ออัลเลาะฮฺเป็นแน่”
170. แต่แล้ว(เมื่อมีคัมภีร์ลงมาจริง นั่นคือกุรอาน) พวกเขาก็คัดค้านคัมภีรืนั้น แล้วต่อไปพวกเขาก็จะได้รู้ (ว่าเขาจะประสบการตอบแทนอย่างไร)
171. ขอยืนยัน! แท้จริงประกาศิตของเราได้ล่วงพ้นมาแล้วแต่ปวงบ่าวของเราผู้ถูกส่งตัวมาเป็นศาสนทูต
172. ว่าแท้ที่จริงพวกเขานั้นเป็นผู้ที่ได้รับความช่วยเหลือ
173. และแท้จริงกองทัพของเรานั้น(ผู้ประพฤติตามนบีต่าง ๆ )สำหรับพวกเขาจะต้องเป็นผู้ชนะ (ศึกจากฝ่ายศัตรู) อย่างแน่นอน
174. ดังนั้นเจ้าจงหันเหออกจากพวกเขา(ชาวกาฟิร)จนกว่าจะถึงวาระหนึ่ง
175. และเจ้าจงมองดูพวกเขาเถิด(ว่าต่อไปพวกเขาจะประสบผลเช่นใด) แน่นอนพวกเขาจะมองเห็นเอง(ว่าชัยชนะจะต้องตกเป็นของเจ้า)


คำแปล R3.
167. ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยกล่าวว่า
168. “ถ้าหากเรามีข้อตักเตือนที่ผู้คนก่อนหน้านี้เคยได้รับ
169. เราก็จะได้เป็นบ่าวผู้บริสุทธิ์ใจของอัลลอฮฺ”
170. แต่(เมื่อมีข้อตักเตือนนั้นมา)พวกเขาก็ปฏิเสธ แล้วไม่ช้าพวกเขาก็จะได้รู้ (ถึงผลของท่าทีเช่นนี้)
171. เราได้สัญญาไว้กับบ่าวของเราที่ถูกส่งมา
172. ว่าพวกเขาจะได้รับความช่วยเหลืออย่างแน่นอน
173. และกองทัพของเราเท่านั้นจะเป็นผู้รับชัยชนะ
174. ดังนั้น (โอ้นบี) จงปล่อยพวกเขาไว้ชั่วขณะหนึ่ง
175. และจงเฝ้ามองพวกเขา ไม่ช้าพวกเขาก็จะเห็นด้วยตัวเอง


คำแปล R4.
167. และพวกเขาเหล่านั้น (กุฟฟารมักกะฮฺ) เคยกล่าวไว้ว่า
168. “หากว่าเรามีข้อตักเตือน (คัมภีร์) อยู่กับเรา เช่นเดียวกับหมู่ชนในสมัยก่อน ๆ”
169. “แน่นอน เราก็จะเป็นบ่าวของอัลลอฮฺผู้ซื่อสัตย์”
170. แต่พวกเขาปฏิเสธ ไม่ศรัทธาต่ออัลกุรอาน แล้วพวกเขาก็จะได้รู้เห็น
171. และโดยแน่นอน ลิขิตของเราได้บันทึกไว้ก่อนแล้ว แก่ปวงบ่าวของเราที่เป็นรอซูล
172. ว่า แน่นอน พวกเขาจะได้รับความช่วยเหลือ
173. และแท้จริง ไพร่พลของเรานั้น สำหรับพวกเขาจะเป็นผู้มีชัยชนะ
174. ดังนั้น เจ้าจงหันเหออกจากพวกเขาชั่วระยะหนึ่ง
175. และจงเฝ้าคอยดูพวกเขาเถิด แล้วพวกเขาก็จะเห็นมันเอง


คำแปล R5.
๑๖๗. และแท้จริงบรรดาชาวเนรคุณแห่งนครมักกะห์พวกเขาต่างพูดกันว่า
๑๖๘. หากพวกเรามีคัมภีร์ที่ให้การเตือนอันถ่ายทอดมาจากอดีตชน
๑๖๙. แน่นอนพวกเราก็จักเป็นข้าทาสแห่งอัลเลาะห์ผู้มีความบริสุทธิ์ใจในการนมัสการต่อพระองค์และพวกเราก็คงไม่ทำการกราบไหว้สิ่งอื่นใดอีกทั้งสิ้น
๑๗๐. อัลเลาะห์ได้ทรงโองการเกี่ยวกับพวกนั้นว่า แต่แล้วพวกเขากลับทรยศต่อสิ่งนั้นคือคัมภีร์ที่สืบทอดมาจากบรรดาคัมภีร์ของชนรุ่นอดีตตามที่เขาอ้างไว้นั่นเอง
๑๗๑. และแท้จริงประกาศิตของเราย่อมล่วงนำแก่มวลข้าทาสผู้เป็นศาสนทูตของเราโดยเราจะให้ชัยชนะในการประกาศของศาสนทูตเหล่านั้น
๑๗๒. แท้จริงสำหรับพวกเขาล้วนได้รับความช่วยเหลือ
๑๗๓. และแท้จริงไพร่พลของเราอันได้แก่มวลผู้ศรัทธาทั้งหลายสำหรับพวกเขาย่อมเป็นผู้พิชิตชาวมักกะห์ที่เนรคุณ
๑๗๔. ดังนั้นเจ้าจงหันจากพวกเขาไม่ต้องสนใจใด ๆ ทั้งสิ้น จนกว่าจะถึงกาละหนึ่งซึ่งจะมีคำสั่งให้ตอบโต้กับพวกนั้นโดยมาตรการรุนแรง
๑๗๕. เจ้าจงมองพวกนั้นไว้ให้ดี เมื่อถึงวาระที่มีการลงโทษพวกเขา แล้วพวกเขาจะต้องมองเห็นอย่างแน่นอนกับการลงโทษนั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัศศอฟฟาต อายะฮฺที่ 176 - 182


คำอ่าน
176. อะฟะบิอะซาบินายัสตะอฺญิลูน
177. ฟะอิซานะซะละ บิสาหะติฮิม ฟะสา..อะเสาะบาหุลมุน..ซะรีน
178. วะตะวัลละอันฮุม หัตตาหีน
179. วะอับศิรฺฟะเสาฟะยุบศิรูน
180. สุบหานะร็อบบิกะ ร็อบบิลอิซซะติอัม..มายะศิฟูน
181. วะสะลามุนอะลัลมุรฺสะลีน
182. วัลหัมดุลิลลาฮิ ร็อบบิลอาละมีน


คำแปล R1.
176. Do they seek to hasten on our Torment?
177. Then, when it descends into their courtyard (i.e. near to them), evil will be the morning for those who had been warned!
178. So turn (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) away from them for a while,
179. And watch and they shall see (the torment)!
180. Glorified be your Lord, the Lord of honour and Power! (He is Free) from what they attribute unto him!
181. And peace be on the Messengers!
182. And all the praise and thanks be to Allah, Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists).


คำแปล R2.
176. แล้วพวกเขายังจะ(ประชดเย้ยหยันโดยแสร้ง)เร่งเร้าการลงโทษของเรา(ให้ประสบแก่พวกเขาเร็ว ๆ ) กระนั้นหรือ?
177. ดังนั้นเมื่อการลงโทษดังกล่าวได้ลง ณ อาณาบริเวณของพวกเขา ก็เป็นที่แน่นอนว่าเวลาเช้าของพวกเขาที่ถูกตักเตือน(ที่ไม่ยอมรับศรัทธานั้น)เป็นความชั่วร้ายยิ่ง
178. และเจ้าจงหันเหมาจากพวกเขาเถิดตราบชั่วระยะเวลาหนึ่ง(อย่าสนใจในความก้าวร้าวของพวกนั้นเลย)
179. และเจ้าจงสังเกต(ให้ดีว่าพวกเขาจะประสบผลเช่นใด) แล้วต่อไปพวกเขาเองที่จะมองเห็น
180. องค์อภิบาลของเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งอำนาจ ทรงบริสุทธิ์เกินไปจากคุณลักษณะที่พวกเขาบรรยายไว้
181.และสันติภาพจงประสบแก่บรรดาผู้เป็นศาสนทูตทั้งปวง
182. และมวลการสรรเสริญย่อมเป็นของอัลเลาะฮฺผู้ทรงอภิบาลแห่งโลกทั้งมวล


คำแปล R3.
176. พวกเขาอยากจะได้รับการลงโทษจากเรากระนั้นหรือ?
177. แล้วเมื่อใดที่มันลงมาที่ลานหน้าบ้านของพวกเขา มันก็จะเป็นช่วงเวลาอันน่าสะพรึงกลัวสำหรับผู้ที่ถูกตักเตือน
178. ดังนั้น เจ้าจงปล่อยเขาไว้ตามลำพังชั่วขณะหนึ่ง
179. และจงเฝ้าดูพวกเขา ไม่ช้าพวกเขาก็จะได้เห็นมันเอง
180. มหาบริสุทธิ์ยิ่งแห่งพระผู้อภิบาลของสูเจ้า พระผู้อภิบาลผู้ทรงเกียรติสูงส่ง และปลอดพ้นจากสิ่งที่พวกเขากล่าวหา
181. และศาสนติจงมีแดบรรดารอซูล
182. และบรรดาการสรรเสริญทั้งหลายนั้นเป็นของอัลลอฮฺ พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก


คำแปล R4.
176. พวกเขาเร่งรีบต่อการลงโทษของเรากระนั้นหรือ?
177. ครั้นเมื่อการลงโทษได้ลงมาที่หน้าบ้านพักของพวกเขา ยามเช้าของบรรดาผู้ถูกตักเตือนนั้นมันช่างชั่วช้าเสียนี่กระไร
178. และเจ้าจงหันเหออกจากพวกเขาระยะหนึ่ง
179. และจงเฝ้าคอยดูเถิด แล้วพวกเขาก็จะเห็นมันเอง
180. มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระเจ้าของเจ้าพระเจ้าแห่งอำนาจจากสิ่งที่พวกเขากล่าวอ้าง
181. ศานติจงมีแด่บรรดารอซูลทั้งหลาย
182. และบรรดาการสรรเสริญทั้งมวลเป็นของอัลลอฮฺ พระเจ้าแห่งสากลโลก


คำแปล R5.
๑๗๖. อัลเลาะห์ทรงโองการว่า แล้วพวกเขายังจะเร่งเร้าการลงโทษของเราให้อุบัติขึ้นโดยเร็วอีกกระนั้นหรือ
๑๗๗. ต่อมาเมื่อการลงโทษของเรามันได้ลง ณ สนามหน้าบ้านของพวกเขาพลันยามเช้าของผู้ถูกตักเตือนซึ่งไม่ยอมรับฟังคำเตือนนั้นก็เป็นยามเช้าอันแสนเลวสำหรับพวกเขา
๑๗๘. และเจ้าจงหันออกจากพวกเขาจนกว่าจะถึงกาละหนึ่ง
๑๗๙. และเจ้าจงมองเถิด แล้วพวกเจ้าก็จะมองเห็น
๑๘๐. ทรงบพิธยิ่งนัก องค์อภิบาลของเจ้าผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งอำนาจพระองค์ทรงพ้นจากสิ่งที่พวกเขาบรรยายคุณลักษณะไว้โดยสิ้นเชิง
๑๘๑. และสันติสุขจะประสบแก่บรรดา ศาสนทูตผู้ถูกส่งตัวมาทำการประกาศสัจธรรมสู่ปวงชน
๑๘๒. และมวลการสดุดีย่อมเป็นเอกสิทธิ์แห่งอัลเลาะห์ผู้ทรงอภิบาลโลกทั้งหลาย




ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ทรงยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 37 อัศศอฟฟาต
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ต.ค. 28, 2011, 07:00 PM โดย Bangmud »

 

GoogleTagged