และสิ่งเหล่านั้นคือมรดกทางวิชาการที่ล้ำค่า ซึ่งอัลลอฮฺ (ซ.บ.) ทรงประทานให้แก่บรรดาอุละมาอฺเหล่านั้นที่เป็นธรรมทายาทของท่านรสูล (ศ็อลลัลลอฮฺอะลัยฮิวะซัลลัม) และกลายเป็นความประเสริฐของประชาชาตินี้ที่บรรดาอุละมาอฺของประชาชาติคือผู้ที่ดีที่สุดในหมู่พวกเขา ลองคิดสักนิด หากว่าเราไม่ถ่ายทอดมรดกทางวิชาการเหล่านั้น ไม่นานข้อมูลทางวิชาการเหล่านี้ก็จะสูญหายไปในที่สุดด้วยเหตุผลที่เราอ้างว่า ไม่จำเป็นต้องอาศัยพวกเขาอีกแล้ว
ต่อไปตำราต่างๆ ที่เป็นมรดกทางวิชาการอันล้ำค่า(อัตตุร็อษ)ของอุลามาอฺผู้เปี่ยมคุณธรรม ก็จะหายไปด้วยน้ำมือของพวกที่บอกกับคนอื่นว่าตามอัลกุรอานและซุนนะฮ์ แม้ว่าในความเป็นจริงพวกเขายังต้องอาศัยอัตตุร็อษตำราเชิงวิชาการของอุลามาอฺรุ่นก่อนๆ ในการอธิบายอัลกุรอาน อธิบายหะดีษ และอธิบายฟิกห์นิติศาสตร์อิสลาม
เราจะสังเกตได้ว่า เว็บวะฮาบีทั้งหลายไม่ค่อยเน้นค้นคว้าจากตำราอัตตุร็อษของอุลามาอฺยุคก่อนๆ กันแล้ว จะตอบปัญหาศาสนา ก็"มุ่งเน้น"จะเอาฟัตวาของคณะกรรมการถาวรของซาอุฯ มาเป็นบรรทัดฐาน เอาฟัตวาเชคมุนัจญิด เชคอุษมัยมีน เชคบินบาซ เชคเฟาซาน มาเป็นบรรทัดฐานในการปิดศักยภาพของตนเองในเรื่องการค้นคว้าไปแล้ว ส่วนจะวิเคราะห์ค้นคว้าจากมรดกเชิงวิชาการอันล้ำค่า(อัตตุร็อษ) ก็จะถูกละเลย
ที่เป็นอย่างนี้ เพราะไม่ต้องการมีมัซฮับแต่เอาคำว่ายึดอัลกุรอานและซุนนะฮ์มาแทนที่มัซฮับ เพื่อจะได้ดูดีและมีทางออกให้กับตนเอง ด้วยเหตุนี้ จึงไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ที่จะไปอ้างอิงจากตำรามัซฮับนั้นมัซฮับนี้ เพราะอาจจะถูกโต้กลับไปว่า "ใหนบอกไม่เอามัซฮับไม่ใช่หรือ" เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เที่ยวแอบเอาการอธิบายของอุลามาอฺมัซฮับนั้น มัซฮับนี้ แล้วนำมาพูดโดยบอกว่านี่แหละ ตามหลักของอัลกุรอานและซุนนะฮ์นบี หากไม่ตามสิ่งที่ฉันนำมาพูด ก็จะไม่ตามซุนนะฮ์นบี คนเอาวามทั่วไปก็ตกหลมพรางเชื่อกันไป ด้วยหลักการยกยอทัศนะของตนเองว่าเป็นซุนนะฮ์นบี
ด้วยเหตุนี้ จะสังเกตว่าอาจารย์อะลี จะเน้นค้นคว้าจากตำราตุร็อษโดยตรงเพื่อนำมาเข้าใจและอธิบายอัลกุรอานและซุนนะฮ์ โดยมีการอ้างอิงตามหลักวิชาการ และบรรดาผู้รู้เว็บนี้หลายคนก็มีแนวทางอย่างนั้นด้วยเช่นกัน