อยากถามท่านผู้รู้...ว่า..จากหลักฐานของท่านอีัหม่ามซาฟีอี..กับหลักฐานที่มาจาก..ท่านรอซูล.และบักทึกในศอเฮียะห์มุสลิม หลักฐานไหนที่เราควรจะยึด..ถือตามและให้ความน่าเชื่อถือมากกว่ากันครับ..
เป็นคำถามที่อธรรมต่ออิหม่ามอัชชาฟิอีย์(และอิหม่ามอะหฺหมัด)มาก โดยทำให้คิดไปว่า อิหม่ามชาฟิอีย์(และอิหม่ามอะหฺมัด)นั้นขัดกับนะบีย์และขัดกับฮะดีษศอฮิห์มุสลิม ทั้งที่จริงๆ แล้วมิใช่เป็นเช่นนั้นเลย ดังนั้นคำถามนี้ถือว่าไม่ถูกต้องครับเนื่องจากแยกแยะประเด็นไม่ถูกต้อง
ได้กล่าวระบุไว้ใน อัลฟะตาวา อัลฮินดียะฮ์ ว่า “เมื่อมัยยิดถูกฝังเรียบร้อยแล้ว สุนัตให้บรรดามุสลิมทำการนั่งที่กุโบรสักช่วงเวลาหนึ่งหลังจากฝังเสร็จ ด้วยขนาดเวลาที่อูฐถูกเชือดและเนื้อของมันได้แจกจ่ายไป โดยให้พวกเขาทำการอ่านอัลกุรอานและขอดุอาอ์ให้แก่มัยยิด...”ได้ยึดเอาทัศนะคำกล่าวของเขา" ดู เล่ม 1/166
ดังนั้นหลักฐานจากฮะดีษของนะบีย์ที่บันทึกในศอฮิห์มุสลิมให้มุสลิมนั่งที่กุบโรสักช่วงเวลาหนึ่ง(ประมาณหนึ่งชั่วโมง)นั้น ทัศนะที่อ่านอัลกุรอานที่กุบูรให้แก่มัยยิดได้นั้น เขาก็ทำเช่นนั้นกันอยู่แล้ว ไม่ได้ขัดกับซุนนะฮ์นะบีย์เลย
แต่ประเด็นมันอยู่ที่ว่า “ให้บรรดามุสลิมทำการนั่งที่กุบูรสักช่วงเวลาหนึ่งหลังจากฝังเสร็จตามขนาดเวลาที่อูฐถูกเชือดและเนื้อของมันได้แจกจ่ายไป” ซึ่งดังกล่าวใช้เวลาเป็นชั่วโมง เพราะไหนจะต้องเชือดอูฐตัวใหญ่ ต้องแล่เนื้อให้หมดทั้งตัว และแจกจ่าย กว่าจะเสร็จเป็นชั่วโมง แต่บางที บางกลุ่มฝังเสร็จก็รีบออกไปเลย ซึ่งไม่ตรงกับตัวบทในฮะดีษมุสลิม
ประเด็นมันอยู่ที่ว่า เมื่อนั่งอยู่ที่กุบูรในช่วงเวลาเชือดอูฐเสร็จ แล่เนื้อ แล้วนำไปแจกจ่ายนั้น จะนั่งเฉยๆ หรือว่านั่งอ่านอัลกุรอานแล้วขอดุอาให้มัยยิด แต่การอ่านอัลกุรอานแล้วดุอาให้มัยยิด ย่อมดีกว่า อยู่เฉยๆ แค่สิบนาทีแล้วรีบไป เพราะไม่ตรงกับตัวบทบันทึกของมุสลิม
...............
ลองขึ้นไปอ่านไหมนะครับว่า..ผมไม่ได้มีเจตนากล่าวหาว่า..การยึดถือในทัศนะนักวิชาการนั้นไม่ได้...แต่..ในทางกลับกัน.ผมกลับส่งเสริมให้ยึดถือตามทัศนะ..อุลมาหรือมัซฮับต่างๆมากกว่านะครับ..ถ้ามัซฮับต่างๆเหล่านั้น..มีหลักฐานการสนับสนุนจากอัลกรุอ่านและอัลฮาดิีษ...
เท่าที่ผม..อ่านความคิดของท่านดูนะครับ...คืออย่างนี้..บางสิ่ง..ท่านอย่าเพิ่งเอาความคิดของตัวเองเข้าไปตัดสินหรือว่า.ตีความ...ในสิ่งที่เราจะเอา..ถามว่าการอ่านกรุอ่านดีไหม...ไม่มีมุสลิมหรือผู้ศรัทธาคนไหนหรอกครับที่บอกว่าการอ่านกรุอ่านไม่ดี..จริงไ-หมครับ..แต่..ว่าสถานที่..ที่จะอ่านนั้น..มันมีจำกัดของมัน..เช่น..การอ่านกรุอ่านในห้องน้ำ..ไม่สามารถอ่านได้ใช่ไหมครับ...แล้วอีำกอย่าง...คือ..ที่ท่านรอซูลส่งเสริมแบบนี้.เพื่อที่ให้มุสลิมนั้นได้ยืนขอดุอาอ์ให้กับผุ้ที่ล่วงลับไปแล้ว..
ไม่ได้คุณเอามาทำการเปรียบเทียบ..ให้ทำอย่างอื่นในสิงที่ท่านรอซูลไม่ได้กระทำมาก่อน....เพราะ..ถ้าแบบอย่างหรือตัวบทมี..เราจะต้องทิ้งแนวความคิดของเรา..และใ่้ห้เรานั้นยึดถือตามตัวบท..ถ้าเราตีความกันตามความคิด...ผมว่า..ไม่จบหรอกครับ..เพราะความคิดของทุกคนนั้น..ย่อมแตกต่างและแตกแยก...แต่เนื้อหาตัวบทมีบ่งบอกไว้ถึงการกระทำของท่านรอซูล..อย่างชัดเจน..เราคงไม่อาจหาญไปตีความสิ่งอื่นนอกเหนือจาก..สิ่งที่ท่านรอซูลทำ..
และในสังคมทุกวันนี้...ได้นำเอาอัลกรุอ่านแล้ว.ประกอบขึ้นเป็นพิธีกรรมทางศาสนา...ในรูปแบบของอาจารย์เชิงพานิชย์ผมสนับสนุนให้มีการอ่านกรุอ่านถ้าหากว่าเป็นทาญาติของผู้เสียชีวิต..หลังละหมาดหรือก่อนละหมาด.หรือในสถานที่ที่อนุญาติให้อ่านกรุอ่านได้...โดยไม่มีการคลุมเคลือในสถานที่นั้นๆ..และพิธีกรรมต่างๆที่เกิดขึ้น..ถึงแม้ว่าจะมีตัวบทอัลกรุอ่านในพิธีกรรมนั้นๆ...ผมว่าไม่ควรกระทำอย่างยิ่ง.เพราะเป็นสิงที่.คลุมเคลือ...ไม่สอดคล้องกับการกระทำของท่านรอซูล(ซ.ล)
สิ่งที่ผมขอสนับสนุนอย่างแท้จริงคือให้ลูกนั้น..หมั่นขอดุอาอ์ให้พ่อกัีบแม่้..และหมั่นอ่านกรุอ่านเพื่อผลกุศล..ในการอ่านนั้นจะส่งผลถึงบิดาหรือมารดาที่ล่วงลับไปแล้ว..ผมเคยถามคำถามหนึ่ง..กับ..ผู้สูงอายุคนหนึ่ง..ในการทำ..สิ่งที่ยังไม่มีหลักฐานในการกระทำนั้นๆอย่างชัดแจ้ง...เขาตอบกลับมาว่า..ทำแล้วมันเกิดความสบายใจ..ทำแล้ว..รู้สึกสบายใจ....ถ้าคนบางคนหรือว่าบางกลุ่้ม..คิดเพียงแค่ว่า..ทำในสิ่งที่ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด..มาเป็นสิ่งยืนยัน.ทำให้พวกเขาสบายใจ..ถ้าอย่างนั้น..ศาสนาอิสลาม..เป็นศาสนาที่พิจรณาตามอารมณ์อย่างนัุ้้นหรือ....

..ทั้งที่หลักการและหลักคำสอนของศาสนาอิสลามชัดแจ้ง..ตลอดกาลสมัย.....