
ปัจจุบัน คนมีความรู้ศาสนาแต่ขาดมารยาทนั้น มีให้เห็นกันเกลื่อนในสังคม ก่อนที่ผมจะยกตัวบทของอัลฮะดีษซอฮิหฺที่ระบุว่าคนมีความรู้แต่แพ้นัฟซูตนเองเป็นชาวนรกนั้น ผมขอหยิบยกคำกล่าวของสะลัฟมาให้พี่น้องได้ทราบถึงความสำคัญของเรื่องนี้ก่อนล่ะกันครับ
ท่านอิบนุก็อยยิม กล่าวว่า
يقول بعض السلف: نحن إلى قليل من الأدَب أحوجُ منا إلى كثيرٍ من العلم
“สะลัฟบางส่วนกล่าวว่า มารยาทเพียงเล็กน้อยเป็นที่ต้องการสำหรับเรายิ่งกว่าความรู้ที่มาก” หนังสือมะดารุจญฺ อัสสาลิกีน เล่ม 2 หน้า 376
ท่านอิบนุวะฮ์บิน ได้กล่าวว่า
ما تعلَّمنا من أدبِ مالكٍ أكثرُ مما تعلّمنا من علمه
“เราได้ร่ำเรียนมารยาทของท่านอิหม่ามมาลิกมากกว่าร่ำเรียนจากความรู้ของท่าน” หนังสือซิยัร อะลาม อันนุบะลาอฺ เล่ม 8 หน้า 113
ท่านอิบนุ อัลมุบาร็อก กล่าวว่า
طلبت الأدب ثلاثين سنة , وطلبت العلم عشرين سنة , وكانوا يطلبون الأدب قبل العلم
“ฉันได้ศึกษาเรื่องมารยาท 30 ปี และศึกษาความรู้ 20 ปี และพวกเขาเหล่านั้น(ปราชญ์สะลัฟ)จะทำการศึกษามารยาทก่อนศึกษาวิชาความรู้” หนังสือฆอยุลนิฮายะฮ์ ฟี เฏาะบะก็อต อัลกุรรออฺ เล่ม 1 หน้า 198
และท่านอิบนุ อัลมุบาร็อก กล่าวเช่นกันว่า
كاد الأدب يكون ثلثي العلم
“เรื่องมารยาทนั้นเกือบเท่ากับเศษสองส่วนสามของวิชาความรู้” หนังสือศิฟะตุศศ็อฟวะฮ์ เล่ม 4 หน้า 145
ดังนั้นการศึกษาความรู้โดยไม่ศึกษาหรือไม่มารยาทนั้น จะชักนำให้เขาหลงตนเอง คิดสำคัญกับตนเอง ยกย่องตนเอง มีความลำพองตน มีความตะกั๊บบุร โอ้อวด ต้องการชื่อเสียง ซึ่งมิใช่มารยาทของผู้มีความรู้ และชักนำเขาไปสู่ไฟนรกในที่สุด วัลอิยาซุบิลลาฮ์