ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 34 สูเราะฮฺ สะบะอ์  (อ่าน 3330 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ สะบะอ์ (سبإ - เป็นชื่อเมือง)
จาก
http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp

เป็นสูเราะฮฺ มักกียะฮฺ มี 54 อายะฮฺ
    ซูเราะฮฺสะบะอฺ เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺที่ให้ความสนใจในเรื่องของหลักการศรัทธาอิสลามที่เกี่ยวกับรากฐานของศาสนา เพื่อยืนยันถึงความเป็นเอกภาพ การแต่งตั้งนะบี การฟื้นคืนชีพและการตอบแทน
    ซูเราะฮฺนี้เริ่มด้วยการเทิดทูนถวายพระเกียรติแก่อัลลอฮฺ ญัลละวะอะลา ซึ่งพระองค์ทรงทำให้สิ่งที่ถูกบังเกิดทั้งหลายมีความสมบูรณ์ ทรงทำให้กิจการทั้งหลายของโลกเป็นไปอย่างรัดกุม ทรงจัดเตรียมจักรวาลด้วยความปรีชาญาณของพระองค์ ดังนั้น พระองค์คือ พระผู้สร้างที่ยอดเยี่ยม ปรีชาญาณ สรรพสิ่งทั้งหลายที่มีจำนวนแม้เท่าปรมาณูหนึ่งที่ปรากฏอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน จะไม่รอดพ้นไปจากความรอบรู้ของพระองค์ได้เลย นี่คือหลักฐานอันยิ่งใหญ่ในความเป็นเอกภาพของพระเจ้าแห่งสากลโลก
    ซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงเรื่องสำคัญยิ่งเรื่องหนึ่ง คือการปฏิเสธศรัทธาของพวกมุชริกีนต่อปรโลก ต่อการฟื้นคืนชีพหลังจากตายไปแล้ว พระองค์จึงบัญชาให้ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม สาบานด้วยพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ของเขาว่า ปรโลกนั้นจะมีขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากความพินาศของสังขารทั้งหลาย “บรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวว่า วันอวสานจะไม่มาถึงเราดอก จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด หามิได้ ขอสาบานด้วยรพระเจ้าของฉัน ผู้ทรงรอบรู้ ในสิ่งพ้นญาณวิสัย มันจะเกิดขึ้นแก่พวกท่านอย่างแน่นอน”
    ซูเราะฮฺนี้กล่าวถึงเรื่องราวต่าง ๆ ของบรรดารอซูล โดยกล่าวถึงนะบีดาวูดและ บุตรของท่าน คือนะบีสุลัยมาน อะลัยฮิมัสสลาม คือสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานความโปรดปรานนานาชนิดให้แก่ท่านทั้งสอง เช่น การทำให้ญินเป็นประโยชน์แก่สุลัยมาน การทำให้นกและภูเขากล่าวตัสบีหฺพร้อมกับนะบีดาวูด ทั้งนี้เป็นการแสดงให้เป็นที่ประจักษ์ถึงความโปรดปรานของอัลลอฮฺ ตะอาลา ที่ทรงประทานให้อย่างกว้างขวางแก่นะบีทั้งสอง
    นอกจากนั้นซูเราะฮฺนี้ยังได้กล่าวถึงความสงสัยบางประการของพวกมุชริกีน เกี่ยวกับสาสน์ของนะบีและรอซูลคนสุดท้าย โดยได้ตอบโต้ข้อสงสัยเหล่านั้นด้วยหลักฐานที่ปราศจากข้อขัดแย้งและชัดแจ้ง นอกจากนั้นยังได้นำหลักฐานมายืนยันถึงการมีและความเป็นเอกภาพของอัลลอฮฺ ตะอาลา อีกด้วย
    ซูเราะฮฺนี้จบลงด้วยการเรียกร้องพวกมุชริกีน ไปสู่การศรัทธาต่อพระผู้ทรงเอกะ พระผู้ทรงพิชิต โดยเด็ดขาด ซึ่งการจัดเตรียมกิจการต่าง ๆ ของสิ่งที่ถูกบังเกิดทั้งมวลนั้น อยู่ในเงื้อมพระหัตถ์ของพระองค์
ชื่อของซูเราะฮฺ
               ซูเราะฮฺนี้ถูกขนานนามว่า “สะบะอฺ” เพราะอัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงกล่าวถึงเรื่องราวของสะบะอฺ ซึ่งเป็นอาณาจักรหนึ่งของเยเมนโบราณ เป็นที่ปรากฏว่าชาวเมืองสะบะอฺเหล่านั้นอยู่ในสภาพที่ได้รับความโปรดปราน ร่มเย็นเป็นสุขและอุดมสมบูรณ์ ตลอดจนที่พักอาศัยของพวกเขาก็ห้อมล้อมไปด้วยเรือกสวนไร่นา ครั้นเมื่อพวกเขาเนรคุณต่อความโปรดปรานและความดีทั้งหลายที่อัลลอฮฺ ตะอาลา ทรงประทานให้แก่พวกเขา พระองค์จึงลงโทษพวกเขาด้วยการให้น้ำท่วมเขื่อนมะอฺริบ เพื่อให้พวกเขายึดถือเป็นบทเรียนและนิทัศน์อุทาหรณ์


----------------------------------------------------
เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 1 - 2




คำอ่าน
1. อัลหัมดุลิลลาฮิลละซี ละฮูมาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ วะละฮุลหัมดุฟิลอาคิเราะฮฺ วะฮุวัลหะกีมุลเคาะบีรฺ
2. ยะอฺละมุมายะลิญุ ฟิลอัรฎิ วะมายัครุญุมินฮา วะมายัน..ซิลุมินัสสะมา..อิ วะมายะอฺรุญุฟีฮา วะฮุวัรฺเราะหีมุลเฆาะฟูรฺ


คำแปล R1.
1. All the praises and thanks be to Allah, to whom belongs all that is in the heavens and all that is in the earth. His is all the praises and thanks in the Hereafter, and He is the All-Wise, the All-Aware.
2. He knows that which goes into the earth and that which comes forth from it and that which descend from the heaven and that which ascends to it. And He is the Most Merciful, the Oft-Forgiving.


คำแปล R2.
1. มวลการสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลเลาะฮฺ พระผู้ซึ่งทรงเป็นเจ้าของสรรพสิ่งในฟากฟ้าและสรรพสิ่งในแผ่นดิน และพระองค์ทรงสิทธิในการสรรเสริญในโลกหน้า และพระองค์ทรงยิ่งในความปรีชา ทรงยิ่งในความตระหนัก
2. ทรงรอบรู้ในสิ่งที่เข้าอยู่ในแผ่นดินและสิ่งที่ออกไปจากมัน และสิ่งที่ลงมาจากฟ้าและสิ่งที่ขึ้นไปสู่มัน และพระองค์ทรงยิ่งในความเมตตา ทรงยิ่งในการอภัย


คำแปล R3.
1. มวลการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺผู้ทรงเป็นเจ้าของทุกสิ่งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน และบรรดาการสรรเสริญเป็นของพระองค์แต่เพียงผู้เดียวในปรโลกด้วย พระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้
2. พระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งใดก็ตามที่เข้าไปในแผ่นดินและสิ่งใดก็ตามที่ออกมาจากมัน และสิ่งใดก็ตามที่ลงมาจากฟากฟ้าและสิ่งใดก็ตามที่ขึ้นไปในนั้น และพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงให้อภัย


คำแปล R4.
1. บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺซึ่งสิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่อยู่ในแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และบรรดาการสรรเสริญในปรโลกเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงปรีชาญาณ ผู้ทรงรอบรู้เชี่ยวชาญ
2. พระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่เข้าไปอยู่ในแผ่นดิน และสิ่งที่ออกมาจากมัน และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้า และสิ่งที่ขึ้นไปสู่ในนั้น และพระองค์เป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงอภัยเสมอ


คำแปล R5.
๑. มวลการสรรเสริญเป็นของอัลเลาะห์ ซึ่งเป็นสิทธิของพระองค์เพียงพระองค์เดียว สิ่งที่มีอยู่ในฟากฟ้าและสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดิน และการสรรเสริญย่อมเป็นสิทธิของพระองค์ในปรภพ เช่นที่ได้รับการสรรเสริญในโลกสากลนี้ และพระองค์ทรงปรีชาในกิจการของพระองค์ ทรงตระหนักยิ่ง
๒. ทรงรอบรู้สิ่งที่เข้าและซึมซาบอยู่ในแผ่นดิน เช่น น้ำ เป็นต้นและสิ่งที่ออกงอกเงยจากมัน เช่นพืชพันธุ์ต่าง ๆ และสิ่งที่ลงมาจากฟากฟ้า เช่น น้ำฝน และสิ่งที่ขึ้นไปสู่มัน เช่น ผลความประพฤติดีของบุคคล เป็นต้น พระองค์ทรงยิ่งในความเมตตา ทรงยิ่งในการอภัย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 3 - 6


คำอ่าน
3. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู ลาตะอ์ตีนัสสาอะฮฺ กุลบะลา วะร็อบบี ละตะอ์ติยัน..นะกุม อาลิมิลฆ็อยบิ ลายะอฺซุบุอันฮุ  มิษกอละวัรฺเราะติน..ฟิสสะมาลาติ วะลาฟิลอัรฺฎิ วะลาอัศเฆาะรุมิน..ซาลิกะ วะลาอักบะเราะ อิลลาฟีกิตาบิม..มุบีน
4. ลิยัจญซิยัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ อุลา...อิกะละฮุม..มัฆฟิเราะตู..วะริซกุน..กะรีม
5. วัลละซีนะ สะเอาฟีอายาตินา มุอาญิซีนะ อุลา...อิกะละฮุม อะซาบุม..มิรฺริจญซิน อะลีม
6. วะยะร็อลละซีนะอูตุลอิลมัลละซี..อุน..ซิละอิลัยกะ มิรฺร็อบบิกะ ฮุวัลหักเกาะ วะยะฮฺดี..อิลาศิรอฏิลอะซีซิลหะมีด


คำแปล R1.
3. Those who disbelieve say: "The Hour will not come to us." say: "Yes, by my Lord, it will come to you." (Allah, He is) the All-Knower of the unseen, not even the weight of an atom (or a small ant) or less than that or greater, escapes from his knowledge in the heavens or in the earth, but it is in a clear Book (Al-Lauh Al-Mahfuz).
4. That He may recompense those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and do righteous good deeds. Those, theirs is Forgiveness and Rizqun Karim (generous provision, i.e. Paradise).
5. But those who strive against Our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) to frustrate them, those, for them will be a severe painful torment.
6. And those who have been given knowledge see that what is revealed to you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) from your Lord is the truth, and guides to the Path of the Exalted in Might, Owner of all praise.


คำแปล R2.
3. และบรรดาจำพวกที่ไร้ศรัทธาได้กล่าวว่า “อันกาลอวสานแห่งโลกนี้จะไม่มาประสบแก่พวกเราหรอก” เจ้าจงประกาศเถิดว่า “ตรงกันข้าม ขอสาบานต่อองค์อภิบาลของฉันผู้ทรงรอบรู้ความเร้นลับทั้งมวล การลอวสานของโลกนี้จะต้องมาประสบแก่พวกท่านอย่างแน่นอน” ไม่มีสิ่งใดแม้จะมีน้ำหนักสักเพียงผงธุลีในฟากฟ้าและแผ่นดินสามารถรอดเร้นไปจากพระองค์ได้ และไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่เล้กกว่าหรือใหญ่กว่าสิ่งนั้นก็ตาม นอกจากมีปรากฏอยู่ในบันทึกอันชัดเจนอยู่แล้ว
4. (การอุบัติของกาลอวสานดังกล่าว)เพื่อพระองค์ทรงตอบสนอง(ผลกรรมของ)บรรดาผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดี พวกเหล่านั้น ย่อมได้รับการนิรโทษและได้รับโชคผลอันมีเกียรติยิ่ง
5. และบรรดาผู้พากเพียรใน(การคัดค้าน)บรรดาโองการของเรา ซึ่งพวกเขาคิดว่าจะหลบลี้จากเราไปได้นั้น พวกเหล่านั้นย่อมได้รับการลงโทษ จากการลงโทษที่ทรมานที่สุด
6. และบรรดาผู้ได้รับความรู้ย่อมมองเห็นว่า สาระที่ถูกลงมายังเจ้าจากองค์อภิบาลของเจ้านั้นเป็นเรื่องจริงที่สุด และเป็นเรื่องที่ชี้นำไปสู่หนทางแห่งองค์ผู้ทรงอำนาจยิ่ง ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญยิ่ง


คำแปล R3.
3. บรรดาผู้ปฏิเสธได้กล่าวว่า “ยามอวสานจะไม่มีวันมาถึงเรา” จงบอกพวกเขาว่า “ขอสาบานด้วยพระผู้อภิบาลของฉันผู้ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่มองไม่เห็น มันจะมายังพวกท่านอย่างแน่นอน ไม่มีสิ่งใดแม้แต่น้ำหนักเพียงน้อยนิดจะซ่อนเร้นไปจากพระองค์ได้ ไม่ว่าจะในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินหรือสิ่งที่เล็กหรือใหญ่ไปกว่านั้น ทุกสิ่งได้มีอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้งแล้ว
4. (การฟื้นคืนชีพจะเกิดขึ้น) เพื่อที่อัลลอฮฺจะได้ทรงตอบแทนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดี สำหรับพวกเขาเหล่านี้คือการให้อภัยและปัจจัยอันมีเกียรติ
5. ส่วนบรรดาผู้ดิ้นรนที่จะสร้างความเสื่อมเสียให้แก่อายะฮฺทั้งหลายของเรานั้น สำหรับพวกเขาคือการลงโทษอันเลวร้ายเจ็บปวดอย่างที่สุด
6. (โอ้ นบี) บรรดาผู้ได้รับความรู้นั้นรู้ดีว่า อะไรก็ตามที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากพระผู้อภิบาลของเจ้านั้นเป็นสัจธรรมและนำไปสู่หนทางของพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ


คำแปล R4.
3. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวว่า “วันอวสานนั้นจะไม่มาถึงเราดอก” จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “หามิได้ ขอสาบานด้วยพระเจ้าของฉัน ผู้ทรงรอบรู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัย มันจะเกิดขึ้นแก่พวกท่านอย่างแน่นอน ไม่มีแม้แต่น้ำหนักเพียงเท่าธุลีในชั้นฟ้าทั้งหลาย และในแผ่นดิน และที่เล็กยิ่งกว่านั้นและที่ใหญ่กว่านั้น จะรอดพ้นจากพระองค์ เว้นแต่จะอยู่ในบันทึกอันชัดแจ้งทั้งสิ้น
4. เพื่อที่พระองค์จะทรงตอบแทนแก่บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดีทั้งหลายชนเหล่านั้น สำหรับพวกเขาจะได้รับการอภัยโทษและปัจจัยยังชีพอันมีเกียรติ (คือสวนสวรรค์)
5. ชนเหล่านั้นสำหรับพวกเขาจะได้รับการลงโทษอันเลวร้ายอย่างเจ็บปวด
6. ตระหนักดีว่า สิ่งที่ได้ถูกประทานแก่เจ้าจากพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นสัจธรรม และจะชี้นำไปสู่แนวทางแห่งพระผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ


คำแปล R5.
๓. และบรรดาผู้เนรคุณได้กล่าวว่า กาลปรภพย่อมไม่มาประสบพวกเราหรอก โอ้ มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวตอบพวกนั้นเถิดว่า หามิได้ข้าแต่องค์อภิบาลของข้า กาลปรภพนั้นมันจะต้องมาประสบแก่พวกเจ้าอย่างแน่นอน พระผู้อภิบาลของข้านั้นพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ความเร้นลับ จะไม่มีสิ่งใดรอดเร้นจากพระองค์แม้เพียงเท่ามดตัวเล็ก ๆ ทั้งสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าและไม่ รอดเร้นจากพระองค์สิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดินและไม่ รอดเร้นจากพระองค์สิ่งที่เล็กกว่านั้น และไม่รอดเร้นจากพระองค์สิ่งที่ใหญ่กว่านั้น นอกจากทุกสิ่งทุกอย่างจะมีบันทึกไว้อย่างละเอียดสมบูรณ์ในคัมภีร์อันชัดแจ้ง นั่นคือเลาฮุลมัฮฟูซ
๔. กาลอุบัติของกาลปรภพนั้นเพื่อจะได้ตอบสนองบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีงามทั้งหลาย พวกเหล่านั้นย่อมมีสิทธิได้รับการอภัยโทษจากอัลเลาะห์และมีสิทธิได้รับโชคผลอันมีเกียรติยิ่งในสวรรค์
๕. และบรรดาผู้ที่พากเพียรในการบ่อนทำลายบรรดาโองการแห่งอัลกุรอานของเราโดยพวกเขาคิดว่าเป็นผู้สามารถยังความอ่อนแอแก่เราในการที่เราจะลงโทษพวกเขาก็สามารถเลี่ยงหลบจากเราพ้น เพราะพวกเขาไม่ยอมศรัทธาในการฟื้นจากสุสาน และการลงโทษในวันปรภพ พวกเหล่านั้นย่อมได้รับการลงโทษจากการลงโทษที่เลวยิ่งและทารุณยิ่ง
๖. และบรรดาผู้มีความรู้อันได้แก่ชาวคัมภีร์ทั้งหลายที่มีศรัทธา ย่อมรู้ถึงสิ่งที่ประทานลงมาให้แก่เจ้าจากผู้ทรงอภิบาลเจ้า ว่าสิ่งนั้นเป็นคัมภีร์อันสัจจริง เป็นคัมภีร์สุดท้ายซึ่งมีนามว่า “อัลกุรอาน” สิ่งนั้นเป็นสัจธรรมและเป็นสิ่งชี้นำมวลมนุษย์ไปสู่วิธีทางของพระองค์อัลเลาะห์ผู้ทรงยิ่งในอำนาจ ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญโดยทุกกรณี


----------------------------------------------------------------

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู ฮัลนะดุลลุกุม อะลาเราะญุลี..ยุนับบิอุกุม อิซามุซซิกตุม กุลลุมุมัซซะกิน อิน..นะกุมละฟีค็อลกิรญะดีด
8. อัฟตะรออะลัลลอฮิกะซิบัน อัม..บิฮีญิน..นะฮฺ บะลิลละซีนะลายุอ์มินูนะ บิลอาคิเราะติฟิลอะซาบิ วัฎเฎาะลาลิลบะอีด
9. อะฟะลัมยะร็อว อิลามาบัยนิอัยดีฮิม วะมาค็อลฟะฮุม มินัสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ อิน..นะชะอ์นัคสิฟ..บิฮิมุลอัรฺเฎาะ เอานุสกิฏ อะลัยฮิมกิสะฟัม..มินัสสะมาอิ์ อิน..นะฟีซาลิกะละอายาตัลลิกุลลิอับดิม..มุนีบ


คำแปล R1.
7. Those who disbelieve say: "Shall we direct you to a man (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) who will tell you (that) when you have become fully disintegrated into dust with full dispersion, then, you will be created (again) anew?"
8. Has he (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) invented a lie against Allah, or is there a madness in him? Nay, but those who disbelieve in the Hereafter are (themselves) in a torment, and in far error.
9. See they not what is before them and what is behind them, of the heaven and the earth? If we will, we shall sink the earth with them, or cause a piece of the heaven to fall upon them. Verily, in this is a sign for every faithful believer that [believes in the Oneness of Allah], and turns to Allah (in all affairs with humility and in repentance).


คำแปล R2.
7. และบรรดาผู้ไร้ศรัทธาได้พูด (กันในหมู่พวกเขา)ว่า “เอาไหม เราจะชี้ให้พวกท่านได้เห็นชายคนหนึ่ง ซึ่งมาแถลงแก่พวกท่านว่า เมื่อ(ร่างกายของ)พวกท่านถูกฉีกขาดจนป่นปี้ไปแล้ว แต่พวกท่านก็ยังจะได้เกิดขึ้นมาในกำเนิดใหม่อีก”
8. เขาได้กุความเท็จให้แก่อัลเลาะฮฺหรือเขาวิกลจริตกันแน่ ตรงกันข้าม บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า ย่อมตกอยู่ในการลงโทษและความหลงผิดอันห่างไกล
9. แล้วพวกเขาไม่สังเกตดอกหรือสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา และเบื้องหลังพวกเขาจากฟ้าและแผ่นดิน หากเราประสงค์เราก็จะหะรณีสูบพวกเขาเสีย (เช่น กอรูน) หรือมิฉะนั้นก็ให้มีสิ่งเป็นก้อนตกจากฟ้าลงมาทับพวกเขา แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์ (เตือนสติ)แก่บ่าวผู้มีจิตกลับคืนสู่พระองค์ทุก ๆ คน


คำแปล R3.
7. บรรดาผู้ปฏิเสธได้กล่าวแก่ผู้คนว่า “จะให้พวกเราชี้แก่พวกท่านไหมถึงคนที่บอกพวกท่านว่าเมื่อร่างกายของพวกท่านแยกสลายออกเป็นชิ้น ๆ แล้วพวกท่านจะถูกทำให้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ?
8. ไม่รู้ว่าเขาสร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับอัลลอฮฺขึ้นมาหรือว่าเป็นบ้าไปเสียแล้ว? เปล่าเลย บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาในวันโลกหน้าต่างหากที่จะถูกลงโทษและพวกเขาอยู่ในการหลงผิดอันไกลลิบ
9. พวกเขามิได้พิจารณษถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขาจากฟากฟ้าและแผ่นดิน ทั้งข้างหน้าและข้างหลังพวกเขากระนั้นหรือ? ถ้าหากเราประสงค์เราก็สามารถที่จะทำให้พวกเขาจมลงไปใต้แผ่นดินหรือทำให้บางส่วนของท้องฟ้าหล่นลงมาบนพวกเขาก็ได้ แท้จริงแล้วในนั้นมีสัญญาณหนึ่งสำหรับบ่าวผู้หันไปสู่อัลลอฮฺ


คำแปล R4.
7. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าว (เยาะเย้ย) ว่า “เราจะชี้แนะแก่พวกท่านไหมเล่าถึงชายคนหนึ่งที่เขาจะบอกเล่าแก่พวกท่านว่า เมื่อพวกท่านถูกทำให้แตกสลายกระจัดกระจายเป็นผุยผงแล้ว พวกท่านจะถูกบังเกิดขึ้นมาใหม่"
8. เขาได้ปั้นความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ หรือว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว? ” หามิได้! บรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อปรโลกนั้น จะอยู่ในการลงโทษและการหลงผิดอันไกลลิบ
9. พวกเขามิเห็นดอกหรือ ถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ที่มีอยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดิน หากเราประสงค์เราจะให้แผ่นดินสูบพวกเขาลงไปหรือเราจะให้ส่วนต่าง ๆ จากท้องฟ้าหล่นลงมาบนพวกเขา แท้จริง ในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอนแก่บ่าวทุกคนที่หันหน้าเข้าสู่อัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๗. และบรรดาผู้เนรคุณได้กล่าวด้วยความปรามาสและประสงค์จะแสดงความสนเท่ห์แก่คนอื่น ๆ ว่า เราจะชี้ให้พวกท่านได้ประจักษ์แจ้งถึงชายคนหนึ่งซึ่งมีนามว่ามุฮำมัด ท่านจะยินดีไหม เขาแจ้งข่าวแก่พวกท่านว่าเมื่อพวกท่านได้ถูกฉีกขาดจนหมดสิ้น ร่างกายทุกส่วนเน่าเปื่อยหาชิ้นส่วนใด ๆ ไม่ได้เลย แท้จริงพวกท่านก็ยังจะถูกบังเกิดขึ้นอีกในกำเนิดใหม่
๘. มุฮำมัดเขาได้กุเรื่องเท็จดังกล่าวแก่อัลเลาะห์โดยอ้างว่าเป็นโองการของพระองค์หรือเขาวิกลจริต จึงฟุ้งซ่านและเพ้อฝันในเรื่องมดเท็จดังกล่าวจนถึงกับนำมาประกาศให้พวกเราได้หลงเชื่อแต่ทว่าบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในกาลปรภพต่างตกอยู่ในการลงโทษ และความหลงผิดอันห่างไกล จากสัจธรรม
๙. แล้วเขาไม่สังเกตดอกหรือถึงสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและเบื้องหลังของพวกเขา ตลอดจนเบื้องบนและเบื้องใต้จากฟากฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งพวกเขาได้มองเห็นอยู่ทุกวัน หากเราประสงค์ที่จะทำลายพวกเขาเราก็ทรงอำนาจที่จะให้ธรณีสูบพวกเขา เช่นที่ได้บันดาลให้เกิดขึ้นแก่กอรูนเมื่ออดีต หรือให้มีเป็นก้อน ๆ จากฟ้าหล่นทับพวกเขาจนถึงแก่ความตาย แท้จริงในนั้นคือสัญลักษณ์สำหรับมวลข้าทาสผู้ย้อนกลับไปสู่อัลเลาะห์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 7 - 9


คำอ่าน
7. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู ฮัลนะดุลลุกุม อะลาเราะญุลี..ยุนับบิอุกุม อิซามุซซิกตุม กุลลุมุมัซซะกิน อิน..นะกุมละฟีค็อลกิรญะดีด
8. อัฟตะรออะลัลลอฮิกะซิบัน อัม..บิฮีญิน..นะฮฺ บะลิลละซีนะลายุอ์มินูนะ บิลอาคิเราะติฟิลอะซาบิ วัฎเฎาะลาลิลบะอีด
9. อะฟะลัมยะร็อว อิลามาบัยนิอัยดีฮิม วะมาค็อลฟะฮุม มินัสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ อิน..นะชะอ์นัคสิฟ..บิฮิมุลอัรฺเฎาะ เอานุสกิฏ อะลัยฮิมกิสะฟัม..มินัสสะมาอิ์ อิน..นะฟีซาลิกะละอายาตัลลิกุลลิอับดิม..มุนีบ


คำแปล R1.
7. Those who disbelieve say: "Shall we direct you to a man (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) who will tell you (that) when you have become fully disintegrated into dust with full dispersion, then, you will be created (again) anew?"
8. Has he (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) invented a lie against Allah, or is there a madness in him? Nay, but those who disbelieve in the Hereafter are (themselves) in a torment, and in far error.
9. See they not what is before them and what is behind them, of the heaven and the earth? If we will, we shall sink the earth with them, or cause a piece of the heaven to fall upon them. Verily, in this is a sign for every faithful believer that [believes in the Oneness of Allah], and turns to Allah (in all affairs with humility and in repentance).


คำแปล R2.
7. และบรรดาผู้ไร้ศรัทธาได้พูด (กันในหมู่พวกเขา)ว่า “เอาไหม เราจะชี้ให้พวกท่านได้เห็นชายคนหนึ่ง ซึ่งมาแถลงแก่พวกท่านว่า เมื่อ(ร่างกายของ)พวกท่านถูกฉีกขาดจนป่นปี้ไปแล้ว แต่พวกท่านก็ยังจะได้เกิดขึ้นมาในกำเนิดใหม่อีก”
8. เขาได้กุความเท็จให้แก่อัลเลาะฮฺหรือเขาวิกลจริตกันแน่ ตรงกันข้าม บรรดาผู้ไม่ศรัทธาในโลกหน้า ย่อมตกอยู่ในการลงโทษและความหลงผิดอันห่างไกล
9. แล้วพวกเขาไม่สังเกตดอกหรือสิ่งที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าพวกเขา และเบื้องหลังพวกเขาจากฟ้าและแผ่นดิน หากเราประสงค์เราก็จะหะรณีสูบพวกเขาเสีย (เช่น กอรูน) หรือมิฉะนั้นก็ให้มีสิ่งเป็นก้อนตกจากฟ้าลงมาทับพวกเขา แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์ (เตือนสติ)แก่บ่าวผู้มีจิตกลับคืนสู่พระองค์ทุก ๆ คน


คำแปล R3.
7. บรรดาผู้ปฏิเสธได้กล่าวแก่ผู้คนว่า “จะให้พวกเราชี้แก่พวกท่านไหมถึงคนที่บอกพวกท่านว่าเมื่อร่างกายของพวกท่านแยกสลายออกเป็นชิ้น ๆ แล้วพวกท่านจะถูกทำให้เกิดใหม่อีกครั้งหนึ่ง ?
8. ไม่รู้ว่าเขาสร้างเรื่องเท็จเกี่ยวกับอัลลอฮฺขึ้นมาหรือว่าเป็นบ้าไปเสียแล้ว? เปล่าเลย บรรดาผู้ที่ไม่ศรัทธาในวันโลกหน้าต่างหากที่จะถูกลงโทษและพวกเขาอยู่ในการหลงผิดอันไกลลิบ
9. พวกเขามิได้พิจารณษถึงสิ่งที่อยู่รอบตัวพวกเขาจากฟากฟ้าและแผ่นดิน ทั้งข้างหน้าและข้างหลังพวกเขากระนั้นหรือ? ถ้าหากเราประสงค์เราก็สามารถที่จะทำให้พวกเขาจมลงไปใต้แผ่นดินหรือทำให้บางส่วนของท้องฟ้าหล่นลงมาบนพวกเขาก็ได้ แท้จริงแล้วในนั้นมีสัญญาณหนึ่งสำหรับบ่าวผู้หันไปสู่อัลลอฮฺ


คำแปล R4.
7. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าว (เยาะเย้ย) ว่า “เราจะชี้แนะแก่พวกท่านไหมเล่าถึงชายคนหนึ่งที่เขาจะบอกเล่าแก่พวกท่านว่า เมื่อพวกท่านถูกทำให้แตกสลายกระจัดกระจายเป็นผุยผงแล้ว พวกท่านจะถูกบังเกิดขึ้นมาใหม่"
8. เขาได้ปั้นความเท็จให้แก่อัลลอฮฺ หรือว่าเขาเป็นบ้าไปแล้ว? ” หามิได้! บรรดาผู้ไม่ศรัทธาต่อปรโลกนั้น จะอยู่ในการลงโทษและการหลงผิดอันไกลลิบ
9. พวกเขามิเห็นดอกหรือ ถึงสิ่งที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขา และสิ่งที่อยู่เบื้องหลังพวกเขา ที่มีอยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดิน หากเราประสงค์เราจะให้แผ่นดินสูบพวกเขาลงไปหรือเราจะให้ส่วนต่าง ๆ จากท้องฟ้าหล่นลงมาบนพวกเขา แท้จริง ในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณหนึ่งอย่างแน่นอนแก่บ่าวทุกคนที่หันหน้าเข้าสู่อัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๗. และบรรดาผู้เนรคุณได้กล่าวด้วยความปรามาสและประสงค์จะแสดงความสนเท่ห์แก่คนอื่น ๆ ว่า เราจะชี้ให้พวกท่านได้ประจักษ์แจ้งถึงชายคนหนึ่งซึ่งมีนามว่ามุฮำมัด ท่านจะยินดีไหม เขาแจ้งข่าวแก่พวกท่านว่าเมื่อพวกท่านได้ถูกฉีกขาดจนหมดสิ้น ร่างกายทุกส่วนเน่าเปื่อยหาชิ้นส่วนใด ๆ ไม่ได้เลย แท้จริงพวกท่านก็ยังจะถูกบังเกิดขึ้นอีกในกำเนิดใหม่
๘. มุฮำมัดเขาได้กุเรื่องเท็จดังกล่าวแก่อัลเลาะห์โดยอ้างว่าเป็นโองการของพระองค์หรือเขาวิกลจริต จึงฟุ้งซ่านและเพ้อฝันในเรื่องมดเท็จดังกล่าวจนถึงกับนำมาประกาศให้พวกเราได้หลงเชื่อแต่ทว่าบรรดาผู้ไม่ศรัทธาในกาลปรภพต่างตกอยู่ในการลงโทษ และความหลงผิดอันห่างไกล จากสัจธรรม
๙. แล้วเขาไม่สังเกตดอกหรือถึงสิ่งที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาและเบื้องหลังของพวกเขา ตลอดจนเบื้องบนและเบื้องใต้จากฟากฟ้าและแผ่นดิน ซึ่งพวกเขาได้มองเห็นอยู่ทุกวัน หากเราประสงค์ที่จะทำลายพวกเขาเราก็ทรงอำนาจที่จะให้ธรณีสูบพวกเขา เช่นที่ได้บันดาลให้เกิดขึ้นแก่กอรูนเมื่ออดีต หรือให้มีเป็นก้อน ๆ จากฟ้าหล่นทับพวกเขาจนถึงแก่ความตาย แท้จริงในนั้นคือสัญลักษณ์สำหรับมวลข้าทาสผู้ย้อนกลับไปสู่อัลเลาะห์

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 02, 2011, 11:26 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 10 - 11


คำอ่าน
10. วะละก็อดอาตัยนาดาวูดะ มิน..นา ฟัฎลา ยาญิบาลุเอาวิบี มะอะฮูวัฏฏ็อยรฺ วะอะลัน..นาละฮุลหะดีด
11. อะนิอฺมัล สาบิฆอติว..วะก็อดดิรฺ ฟิสสัรฺดิ วะอฺมะลูศอลิหา อิน..นีบิมาตะอฺมะลูนะบะศีรฺ


คำแปล R1.
10. And indeed we bestowed grace on David from us (saying): "O you mountains. Glorify (Allah) with him! And you birds (also)! And we made the iron soft for him."
11. Saying: "Make you perfect coats of mail, balancing well the rings of chain armour, and work you (men) righteousness. Truly, I am All-Seer of what you do."


คำแปล R2.
10. ขอยืนยันแท้จริงเราได้ให้ความโปรดปรานจากเราดาวู๊ด(พร้อมกับเราได้รับสั่งแก่ภูเขาว่า) “โอ้ภูเขา เจ้าจงกล่าวตัสบีห์พร้อมกับเขา และโอ้นก(เจ้าจงกล่าวตัสบีห์ด้วย)” และเราได้บันดาลเหล็กให้อ่อนนุ่มสำหรับเขา(ได้ใช้ประดิษฐ์สิ่งของต่าง ๆ)
11. (พร้อมกับดลใจแก่เขาว่า) “เจ้าจงทำเสื้อเกราะกว้าง ๆ เถิด และเจ้าจงเพิ่มความแข็งแรงในสายร้อยของมัน และพวกเจ้าจงประพฤติแต่ความดี เพราะแท้จริงข้าย่อมมองเห็นในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติเสมอ”


คำแปล R3.
10. และเราได้ประทานความโปรดปรานจากเราเองแก่ดาวูด (เราได้บัญชาว่า): “โอ้ภูเขา จงร่วมกับเขาในการสดุดี” และ (เราได้บัญชาเช่นเดียวกันนี้แก่)นกด้วย เราได้ทำให้เหล็กอ่อนสำหรับเขา
11. (โดยกล่าวว่า) “จงทำเสื้อเกราะและสวมใส่ห่วงให้เหมาะสม” (โอ้ ผู้คนของดาวูด) “จงกระทำความดี แน่นอน ฉันเห็นทุกสิ่งที่สูเจ้ากระทำ


คำแปล R4.
10. และโดยแน่นอน เราได้ให้ความโปรดปรานจากเราแก่ดาวู๊ด โอ้ภูเขาเอ๋ย จงแซ่ซ้องสดุดีพร้อมกับเขาและนกด้วย และเราได้ทำให้เหล็กอ่อนสำหรับเขา
11. เจ้าจงทำเสื้อเกราะและทำห่วงของมันให้ได้สัดส่วน และพวกเจ้าจงทำความดีเถิดแท้จริง ข้านั้นรู้เห็นสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ


คำแปล R5.
๑๐. ขอสาบานแท้จริงเราได้ประทานแก่นบีดาวุดซึ่งความเป็นศาสดาและคัมภีร์อันเป็นความโปรดปรานจากเราและเราได้ประกาศิตแก่ภูเขาว่า โอ้บรรดาภูเขาเจ้าจงคืนกลับไปสู่อัลเลาะห์พร้อมกับเขาและนกโดยจะต้องกล่าวตัสบี๊ฮร่วมกัน ดังนั้นเมื่อนบีดาวุดกล่าวตัสบี๊ฮ ภูเขาและนกซึ่งได้ยินคำกล่าวนั้นก็จะกล่าวตามนบีดาวุดด้วย ถือเป็นปาฏิหาริย์อย่างหนึ่งของนบีดาวุด และเราได้ให้เหล็กซึ่งอยู่ในมือของนบีดาวุดอ่อนนุ่มสำหรับเขา ประดุจดังแป้งทำขนมกระนั้น
๑๑. และเราก็ดลโองการแก่เขาว่า เจ้าจงทำเสื้อเกราะเถิด โดยใช้เหล็กที่อ่อนนุ่มนั้นเองปั้นให้เป็นเสื้อเกราะตามรูปแบบที่พึงปรารถนา และเจ้าจงกะให้พอดีในแขนเสื้อเกราะอย่าให้อ่อนหรือแข็งกระด้างจนเกินไป และพวกเจ้าทั้งหลาย โอ้วงศ์วานแห่งนบีดาวุด จงประพฤติแต่ความดี แท้จริงข้าย่อมเห็นสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายประพฤติ แล้วข้าก็จักตอบสนองแก่พวกเจ้าโดยครบถ้วน



สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 12 - 14


คำอ่าน
12. วะลิสุลัยมานัรฺรีหะ ฆุดูวุฮาชะฮฺรู..วะเราะวาหุฮา ชะฮฺรู..วะอะสัลนาละฮู อัยนัลกิฏรฺ วะมินัลญิน..นิ มัย..ยะอฺมะลุบัยนะยะดัยฮิ บิอิซนิร็อบบิฮี วะมัย..ยะซิฆฺ มินฮุม อันอัมรินา นุซิกฮุ มินอะซาบิสสะอีรฺ
13. ยะอฺมะลูนะละฮู มายะชา...อุมิม..มะหารีบะ วะตะมาษีละ วะญิฟานิน..กัลญะวาบิ วะกุดูริรฺรอสิบาต อิอฺมะลู..อาละดาวูดะ ชุกรอ วะเกาะลีลุม..มินอิบาดิยัชชะกูรฺ
14. ฟะลัม..มาเกาะฎ็อยนา อะลัยฮิลเมาตะ มาดัลละฮุม อะลาเมาติฮี..อิลลาดา...บบะตุลอัรฺฎิ ตะอ์กุลุมิน..สะอะตะฮฺ ฟะลัม..มา ค็อรฺเราะตะบัยยะนะติลญิน..นุ อัลเลากานู ยะอฺละมูนัลฆ็อยบะ มาละบิษู ฟิลอะซาบิลมุฮีน


คำแปล R1.
12. And to Solomon (We subjected) the wind, its morning (stride from sunrise till midnoon) was a month's (journey), and its afternoon (stride from the midday decline of the sun to sunset) was a month's (journey i.e. in one day he could travel two months' journey). And we caused a fount of (molten) brass to flow for him, and there were jinns that worked in front of him, by the leave of his Lord, and whosoever of them turned aside from our Command, We shall cause him to taste of the torment of the blazing Fire.
13. They worked for him what he desired, (making) high rooms, images, basins as large as reservoirs, and (cooking) cauldrons fixed (in their places). "Work you, O family of Dawud (David), with thanks!" but few of my slaves are grateful.
14. Then when we decreed death for him [Sulaiman (Solomon)], nothing informed them (jinns) of his death except a little worm of the earth, which kept (slowly) gnawing away at his stick, so when he fell down, the jinns saw clearly that if they had known the unseen, they would not have stayed in the humiliating torment.


คำแปล R2.
12. และเราได้โปรดปรานให้สุลัยมานได้มีอำนาจควบคุมลม(เพื่อการเดินทาง) เพียงการเดินทางตอนเช้าของลมเท่ากับการเดินทางหนึ่งเดือน และการเดินทางตอนเย็นของมันก็เท่ากับการเดินทางหนึ่งเดือน และเราได้หลั่งแก่เขาซึ่งตาน้ำจากทองแดง และบางตนจากพวกญินเป็นผู้ที่อาสาทำงานต่อหน้าเขาโดยอนุมัติขององค์อภิบาลของเขา และมีบางตนจากพวกนั้นที่เฉไฉออกจากคำบัญชาของเรา เราก็จักให้มันได้ลิ้มรสจากการลงโทษของเปลวเพลิงนรก
13. พวกยินเหล่านั้นทำงานให้เขาตามแต่เขาปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นอาคารสูง ๆ และอนุสาวรีย์(ของพวกวีรชน) และชามถาดใหญ่เหมือนกับสระน้ำ และหม้อใหญ่ที่แน่นหนา (พร้อมกันนั้นเราได้รับสั่งว่า) “พวกเจ้าจงปฏิบัติ(ความดีงาม)เถิด โอ้วงศ์วานแห่งดาวู๊ด เพื่อขอบคุณ(อัลเลาะฮฺ)” และมีจำนวนน้อยจากบรรดาข้าทาสของข้าที่มีความกตัญญู
14. ครั้นเมื่อเราได้กำหนดความตายแก่เขา(สุลัยมาน) ก็ไม่มีผู้ใดชี้ให้เขารู้ถึงความตายของเขา นอกจากสัตว์ในแผ่นดิน (คือปลวก) ซึ่งมันกินไม้เท้าของเขา(จนผุกร่อน) จนเมื่อเขาล้มลง พวกญินจึงรู้ชัดว่า(เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว) แท้จริงหากพวกมันรู้ถึงความลี้ลับมันก็คงไม่ต้องอยู่ใน(การทำงานหนักประหนึ่ง)การลงโทษอันอัปยศ


คำแปล R3.
12. และสำหรับสุลัยมาน เราได้ทำให้เขามีอำนาจควบคุมกระแสลมที่พัดสำหรับการเดินทางหนึ่งเดือนในตอนเช้า และการเดินทางหนึ่งเดือนในตอนเย็น และเราได้ทำให้ตาน้ำทองแดงหลอมละลายไหลออกมาให้เขา และได้ทำให้มีอำนาจควบคุมญินที่ทำงานรับใช้เขาโดยพระบัญชาของพระผู้อภิบาลของเขา และใครก็ตามในหมู่พวกมันที่บ่ายเบี่ยงไปจากคำบัญชาของเรา เราจะทำให้มันได้ลิ้มรสไฟที่ลุกโชน
13. พวกมันได้ทำทุกอย่างให้แก่เขาตามที่เขาต้องการ เช่น หอสูงรูปจำลอง ถ้วยชามเหมือนอ่างน้ำ และหม้อหุงต้มขนาดใหญ่ที่เคลื่อนย้ายไม่ได้ ผู้คนของดาวูดเอ๋ย จงทำงานด้วยความกตัญญูรู้คุณเถิด เพราะบ่าวของฉันส่วนน้อยเท่านั้นที่กตัญญู
14. แล้วเมื่อเราได้กำหนดความตายแก่สุลัยมาน ไม่มีอะไรที่จะบอกให้พวกญินได้รู้ถึงการตายของเขานอกจากพวกตัวปลวกที่กัดกินไม้เท้าของเขา แล้วเมื่อเขาล้มลง มันก็เป็นที่ประจักษ์แก่พวกญินว่า ถ้าพวกมันรู้ถึงสิ่งที่มองไม่เห็นพวกมันก็จะไม่ต้องมาทรทนมานอย่างอดสูต่อไป


คำแปล R4.
12. และเราได้ให้มีลมพัดแก่สุลัยมาน ซึ่งมันจะพัดไปในยามเช้าเป็นเวลาหนึ่งเดือน และมันจะพัดกลับในยามเย็นเป็นเวลาหนึ่งเดือน และเราได้ให้ไหลมาแก่เขาซึ่งตาน้ำทองเหลือง (คือให้ทองเหลืองที่หลอมตัวเป็นตาน้ำไหลมาสำหรับสุลัยมาน) ในหมู่ญินนั้น มีผู้ทำงานอยู่เบื้องหน้าเขาด้วย อนุมัติแห่งพระเจ้าของเขาและผู้ใดในหมู่พวกเขาหันเหจากพระบัญชาของเรา เราจะให้เขาลิ้มรสการลงโทษที่มีไฟลุกโชติช่วง
13. พวกเขา (ญิน) ทำงานให้เขา (สุลัยมาน) ตามที่เขาต้องการ (เช่นสร้าง) ปราสาทหลายแห่งที่สูงตระหง่าน และบรรดาหุ่นจำลองและบรรดาโคมใส่อาหารมีขนาดเท่าบ่อน้ำและบรรดาหม้อสำหรับหุงอาหารตั้งอยู่กับที่ พวกเจ้าจงทำงานเถิด วงศ์วานของดาวู๊ดเอ๋ย! ด้วยการขอบคุณ และส่วนน้อยแห่งปวงบ่าวของเราที่เป็นผู้ขอบคุณ
14. ครั้นเมื่อเราได้กำหนดความตายแก่เขา มิได้มีสิ่งใดบ่งชี้แก่พวกเขาถึงความตายของเขา นอกจากปลวกใต้ดินแทะกินไม้เท้าของเขา ดังนั้น เมื่อเขาล้มลงพวกญินก็รู้อย่างชัดแจ้งว่า หากพวกเขารู้ในสิ่งพ้นญาณวิสัยแล้วพวกเขาจะไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานที่น่าอดสูเช่นนี้


คำแปล R5.
๑๒. และเราได้อำนวยแด่นบีสุไลมานให้มีอำนาจบังคับลมให้นำตัวของเขาไปไหนมาไหนได้ตามใจปรารถนา เพียงการเดินทางตอนเช้าของลมนั้นก็จะไปสู่เป้าหมายได้ ซึ่งปกติจะต้องใช้ระยะเวลาเดินทางธรรมดาถึงหนึ่งเดือน และการเดินทางตอนบ่ายของลมนั้นไปสู่เป้าหมายซึ่งใช้ระยะเวลาเดินทางธรรมดาถึงหนึ่งเดือน แต่ลมนั้นก็สามารถนำนบีสุไลมานไปสู่เป้าหมายเพียงแต่ขอบเขตหนึ่งแห่งการเดินทางเท่านั้น นั่นคือเดินทางตอนเช้าก็จะถึงเป้าหมายเที่ยง เดินทางตอนบ่ายจะถึงเป้าหมายตอนค่ำ ทั้ง ๆ ที่ระยะเวลาเดินทางธรรมดาโดยอูฐนั้นจะต้องใช้เวลาถึงหนึ่งเดือนเต็มและเราได้ให้ตาน้ำจากแร่ทองแดงใต้พื้นดินของเมืองยะมันละลายและไหลพุ่งออกมาสู่ผิวพื้นดินเป็นระยะเวลาถึงสามวันสามคืน เพื่อเป็นปาฏิหาริย์สำแดงถึงสัจจะแห่งท่านนบีสุไลมาน และมีจำนวนหนึ่งจากญิน เป็นผู้ที่อาสามาทำงานต่อหน้าเขาเพื่อรับใช้ตามคำสั่งของเขาทุกกรณี โดยอนุญาตแ ห่งองค์อภิบาลของเขาและผู้ใดจากพวกเขาโต้แย้งคำสั่งของเรา โดยไม่ยอมทำตามประสงค์ของนบีสุไลมานแน่นอนเราจักให้เขาได้รับการลิ้มรสแห่งการลงโทษของนรกในวันปรภพ
๑๓. บรรดาพวกญินเหล่านั้นเขาทำให้สุไลมานทุกอย่างตามแต่เขาปรารถนาจากบรรดาตึกรามและบรรดาอนุสาวรีย์ของศาสดาและผู้รู้ต่าง ๆ ซึ่งถูกนำไปประดิษฐานไว้ในมัสยิด และในสมัยของนบีสุไลมานนั้นยังไม่มีบทบัญญัติห้ามการทำรูปปั้นเพื่อเป็นอนุสาวรีย์ และบรรดาถาดเพื่อการใส่อาหารรับประทานเป็นคณะซึ่งมีขนาดใหญ่ประดุจดังบ่อน้ำ และบรรดาหม้ออันแข็งแกร่งซึ่งสกัดจากภูเขาและมีขนาดใหญ่และสูงมากจนต้องทำบันไดทอดไว้ พวกเจ้าจงประพฤติ การภักดีต่ออัลเลาะห์เถิด โอ้วงศ์วานแห่งดาวุดเพื่อขอบคุณพระองค์ที่ได้ประทานความโปรดปรานต่าง ๆ แก่พวกเจ้าอย่างพร้อมมูล แต่มีน้อยเหลือเกิน จากมวลบ่าวของข้าที่เป็นผู้ขอบคุณในความโปรดปรานเหล่านั้น
๑๔. ต่อมาเมื่อเราได้ตัดสินความตายแก่เขาและเขาก็ตายโดยยืนตรงถือไม้เท้าเหมือนกับที่เขาเคยยืนควบคุมพวกญินให้ทำงานเขายืนตายถึงหนึ่งปีแล้วพวกญินยังไม่ทราบ จนต่อมาฝูงปลวกได้เกาะกินไม้เท้าของเขาพังทำให้เขาล้มลง พวกนั้นจึงทราบว่าเขาได้เสียชีวิตแล้ว โดยนัยดังกล่าว อัลกุรอานได้โองการว่า มิได้ชี้แนะแก่พวกญินเหล่านั้นบนความตายของเขาเลยนอกจากโดยสัตว์แห่งแผ่นดินคือปลวกที่เกาะกินไม้เท้าของเขาดังกล่าวแล้ว ต่อมาเมื่อเขาทรุดล้มลงกับพื้น พวกญินก็ประจักษ์แจ้งว่ามาดแม้นพวกเขาทราบถึงความลี้ลับคือความตายของนบีสุไลมาน พวกเขาก็คงจะไม่อยู่ในการลงโทษอันต่ำต้อยดังที่ได้ประสบมาเป็นเวลาตั้งหนึ่งปี จากการที่พวกเขาต้องทำงานหนักเพราะความกลัวนบีสุไลมาน ทั้ง ๆ ที่นบีสุไลมานได้เสียชีวิตไปแล้ว



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 15 - 17


คำอ่าน
15. ละก็อดกานะลิสะบะอิน..ฟีมัสกะนิฮิม อายะฮฺ ฐัน..นะตานิ อัย..ยะมีนิว..วะชิมาล กุลู มิรฺริซกิ ร็อบบิกุม วัชกุรูละฮฺ บัลดะตัน..ฏ็อยยิบะตู วะร็อบบุนเฆาะฟูรฺ
16. ฟะอะอฺเราะฎู ฟะอัรฺสัลนาอะลัยฮิม สัยลัลอะลิมิ วะบัดดัลนาฮุม บิญัน..นะตัยฮิม ญัน..นะตัยนิซะวาตัย อุกุลิน ค็อมฏิว..วะชัยอิม..มิน..สิดริน..เกาะลีล
17. ซาลิกะญะซัยนาฮุม..บิมากะฟะรู วะฮัลนุจญซา..อิลลัลกะฟูรฺ


คำแปล R1.
15. Indeed there was for Saba' (Sheba) a sign in their dwelling place,  two เardens on the right hand and on the left (and it was said to them) "Eat of the provision of your Lord, and be grateful to him, a fair land and an Oft-Forgiving Lord.
16. But they turned away (from the obedience of Allah), so we sent against them sail Al-'Arim (flood released from the dam), and we converted their two gardens into gardens producing bitter bad fruit, and tamarisks, and some few lote-trees.
17. Like this we requited them because they were ungrateful disbelievers. And never do we requite in such a way except those who are ungrateful, (disbelievers).


คำแปล R2.
15. ขอยืนยัน แท้จริงได้มีสัญลักษณ์หนึ่งสำหรับชาวสะบะอ์ในที่อยู่อาศัยของพวกเขา นั่นคือ มีสวนอยู่สองสวน ซึ่งอยู่ด้านขวาและด้านซ้าย(ของเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่ แล้วมีผู้พูดกับพวกเขาว่า) “พวกท่านจงบริโภคเถิดจากโชคผลแห่งองค์อภิบาลของพวกท่าน และพวกท่านจงขอบคุณพระองค์ (อันเมืองของพวกท่านนั้น) เป็นเมืองที่ดี (อุดมสมบูรณ์) และ (พระเจ้าของพวกท่านก็เป็น) พระเจ้าที่ให้อภัยยิ่ง”
16. แต่พวกเขาหันหลังให้ (ไม่ยอมรับศรัทธา) ดังนั้นเราจึงส่งอุทกภัยทำลายล้างพวกเขา และเราเปลี่ยนแปลงแก่พวกเขากับสวนทั้งสองของพวกเขา ซึ่งส่วนอื่นสองสวนที่มีสิ่งบริโภคอันขมขื่น ต้นอะษัล(ที่ไร้ผล) และผลพุดซาที่มีเพียงเล็กน้อย
17. นั่น เราได้ตอบสนองพวกเขาเพราะความเนรคุณของพวกเขาเอง และเราจะไม่ตอบสนอง(เช่นนั้นแก่ผู้ใดทั้งสิ้น) นอกจากผู้เนรคุณอย่างยิ่งเท่านั้น


คำแปล R3.
15. สำหรับดินแดนสะบะอ์นั้นมีสัญญาณหนึ่งในที่อยู่อาศัยของพวกเขา นั่นคือสวนสองแห่งทางด้านขวาและทางด้านซ้าย จงกินจากที่พระผู้อภิบาลของสูเจ้าประทานมาและจงขอบคุณต่อพระองค์ แผ่นดินอันอุดมสมบูรณ์และพระผู้อภิบาลผผู้ทรงอภัย
16. แต่พวกเขากลับหันหลังให้ ดังนั้น เราจึงได้ทำให้น้ำจากเขื่อนไหลท่วมพวกเขา และเราได้เปลี่ยนสวนทั้งสองของพวกเขาด้วยสวนอีกสองแห่งที่ให้ผลไม้ขมและต้นไม้พุ่มเตี้ยและพุ่มไม้หนามอีกเล็กน้อย
17. นี่แหละคือการตอบแทนของเราสำหรับการที่พวกเขาปฏิเสธ และเราไม่ลงโทษเช่นนั้นแก่ผู้ใดนอกไปจากผู้เนรคุณ


คำแปล R4.
15. โดยแน่นอน สำหรับพวกสะบะอฺนั้นมีสัญญาณหนึ่งในที่อาศัยของพวกเขา มีสวนสองแห่งทางขวาและทางซ้าย พวกเจ้าจงบริโภคจากปัจจัยยังชีพของพระเจ้าของพวกเจ้า และจงขอบคุณต่อพระองค์ อันเป็นดินแดนที่อุดมสมบูรณ์ และมีพระเจ้าผู้ทรงอภัย
16. แต่พวกเขาได้ผินหลัง ดังนั้น เราจึงปล่อยน้ำจากเขื่อนให้ท่วมพวกเขา และเราได้เปลี่ยนให้พวกเขาสวนสองแห่งของพวกเขา แทนสวนอีกสองแห่ง มีผลไม้ขมและต้นไม้พุ่ม และต้นพุทราบ้างเล็กน้อย
17. เช่นนั้นแหละ เราได้ตอบแทนพวกเขา เนื่องจากพวกเขาเนรคุณ และเรามิได้ลงโทษผู้ใด (ด้วยการลงโทษอย่างรุนแรงเช่นนี้) นอกจากพวกเนรคุณ


คำแปล R5.
๑๕. ขอสาบาน แท้จริงได้ปรากฏแก่ชนกลุ่มหนึ่งซึ่งมีนามว่ากลุ่มสะบะอ์ซึ่งเป็นชื่อของบรรพบุรุษคนหนึ่งของพวกเขาและกลุ่มนั้นเชื้อชาติอาหรับ ในบรรดาสถานที่พักพิงของพวกเขามีสัญลักษณ์หนึ่งอันแสดงถึงอานุภาพแห่งอัลเลาะห์ สัญลักษณ์นั้นก็คือมีสวนอยู่สองสวนจากเบื้องขวาและซ้ายของเมืองที่พวกเขาอาศัยอยู่และมีผู้พูดแก่พวกเขาว่า พวกเจ้าจงบริโภคโชคผลขององค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิดและจงขอบคุณพระองค์ที่ได้โปรดปรานโชคผลเหล่านั้นในเมืองสะบะอ์อย่างอุดมสมบูรณ์มันเป็นเมืองที่ดี ไม่มีแม้แต่แมลงวัน ตัวหมัดงูและสัตว์อื่น ๆ ที่จะสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้สัญจรและอัลเลาะห์ทรงเป็นผู้อภิบาลที่ให้อภัยยิ่ง พระองค์ทรงส่งศาสดามีจำนวนถึง ๑๓ องค์เพื่อประกาศศาสนาในหมู่พวกนั้น
๑๖. แต่แล้วพวกเขาก็หันเหออกจากศาสดาไม่ยอมให้ความเชื่อถือ ดังนั้นเราจึงบันดาลอุทกภัยให้ประสบแก่พวกเขาทำลายล้างทำนบที่พวกเขาสร้างขึ้นเพื่อกันมิให้ไหลบ่าเข้าสู่เรือกสวนและบ้านเรือน ผลจากอุทกภัยดังกล่าวทำให้เรือกสวนและทรัพย์สินของพวกเขาถูกทำลายจนหมดสิ้น และเราได้เปลี่ยนสวนทั้งสองของพวกเขาที่เคยอุดมสมบูรณ์ด้วยพืชผลอันโอชะเป็นสองสวนที่มีสิ่งบริโภคคือผลไม้ต่าง ๆ ซึ่งมีรสขมและต้นอะซัลและบางอย่างจากพุดซาเพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่อาจจะนำไปรับประทานได้
๑๗. การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวนั้น เราได้ตอบแทนพวกเขาโดยเหตุแห่งการทรยศของพวกเขาเอง และเราจะไม่ตอบแทนด้วยการลงโทษดังกล่าว นอกจากแก่ผู้ทรยศเท่านั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 18 - 19


คำอ่าน
18. วะญะอัลนาบัยนะฮุม วะบัยนัลกุร็อลละตี บาร็อกนาฟีฮา กุร็อน..ซอฮิเราะเตา..วะก็อดดัรฺนาฟีฮัสสัยรฺ สีรูฟีฮา ละยาลิยะ วะอัยยามันอามินีน
19. ฟะกอลูร็อบบะนา บาอิดบัยนะ อัสฟารินา วะเซาะละมู..อัน..ฟุสะฮุม ฟะญะอัลนาฮุม อะหาดีษะ วะมัซซักนาฮุม กุลละมุมัซซัก อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติลลิกุลลิศ็อบบาริน..ชะกูรฺ


คำแปล R1.
18. And we placed between them and the towns which we had blessed, towns easy to be seen, and we made the stages (of journey) between them easy (saying): "Travel in them safely both by night and day."
19. But they said: "Our Lord! Make the stages between our journey longer," and they wronged themselves, so we made them as tales (in the land), and we dispersed them all, totally. Verily, in this are indeed signs for every steadfast grateful (person).


คำแปล R2.
18. และเราได้บันดาลไว้ระหว่างพวกเขาและระหว่างบรรดาเมืองต่าง ๆ ที่เราได้ให้ความเจริญรุ่งเรื่องให้มีเมืองอื่น ๆ ที่ติดต่อกัน และเราได้กำหนดเส้นทางเดินไว้ในนั้น (และมีผู้พูดว่า) “พวกท่านจงเดินทางในนั้นเถิดอย่างปลอดภัยทั้งเวลากลางคืนและเวลากลางวัน”
19. (ผลจากความเจริญรุ่งเรืองที่พวกเขาได้รับ แทนที่พวกเขาจะกตัญญู พวกเขากับทระนงตน) แล้วพวกเขาก็กล่าวว่า “โอ้องค์อภิบาลของเรา โปรดห่างไกลระหว่างเส้นทางเดินทางของเรา (ระหว่างเมืองต่อเมือง)เถิด” และพวกเขาได้ทุจริตต่อตัวของพวกเขาเอง ดังนั้นเราจึงทำให้(ประวัติเรื่องราวของ)พวกเขาเป็นเรื่องเล่าสืบต่อกัน(ในหมู่มนุษย์) และเราได้ทำความแตกแยกให้เกิดแก่พวกเขาอย่างถึงที่สุด แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์แก่ผู้ยิ่งในความอดทน อีกทั้งกตัญญูทุก ๆ คน


คำแปล R3.
18. และในระหว่างพวกเขาและระหว่างเมืองที่เราได้ประทานความจำเริญให้ในนั้น เราได้ทำให้มีเมืองอื่น ๆ อันโดดเด่นขึ้นมาและระหว่างเมืองนั้น เราได้กำหนดระยะการเดินทางของมันไว้ “จงเดินทางบนเส้นทางเหล่านี้ทั้งกลางคืนและกลางวันโดยปลอดภัยเถิด”
19. แต่พวกเขากล่าวว่า “ข้าแต่พระผู้อภิบาลของพวกเรา โปรดทรงให้การเดินทางของเรายาวกว่านี้เถิด” พวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง ดังนั้น เราจึงได้ทำให้พวกเขากลายเป็นตำนานและแตกกระสานซ่านเว็น แท้จริงแล้วในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับผู้อดทนและผู้กตัญญู


คำแปล R4.
18. ระหว่างพวกเขาและระหว่างหัวเมืองต่าง ๆ ซึ่งเราได้ให้ความจำเริญในนั้น เราได้ให้มีขึ้นซึ่งหัวเมืองที่เด่นชัด และเราได้กำหนดการเดินทางไว้ในนั้น พวกเจ้าจงเดินทางไปตามนั้นเถิด ทั้งกลางวันและกลางคืนอย่างปลอดภัย
19. แล้วพวกเขาได้พูดว่า “ข้าแต่พระเจ้าของเรา! ขอพระองค์ได้ทรงทำให้การเดินทางของเรายืดยาวขึ้น” และพวกเขาได้อธรรมต่อตัวพวกเขาเอง ดังนั้น เราจึงได้ทำให้พวกเขาเป็นเรื่องเล่าขานติดต่อกันมาและเราได้ทำให้พวกเขาแตกสลายกระจัดกระจายกันออกไป แท้จริงในการนี้ย่อมเป็นสัญญาณมากหลายอย่างแน่นอนแก่ทุกคนผู้อดทน ผู้กตัญญู


คำแปล R5.
๑๘. และเราได้บันดาลไว้ระหว่างพวกเขาชาวสะบะอ์ ณ ประเทศยะมัน และระหว่างเมืองต่าง ๆ แห่งประเทศชาม ซึ่งเราได้บันดาลความสิริมงคลในนั้น ให้มีน้ำและพืชผลอันสมบูรณ์ ซึ่งชาวสะบะอ์จะเดินทางไปเพื่อการค้าขายเป็นประจำ ให้มีเมืองอื่น ๆ ที่ต่อเนื่องกันจากยะมันจนถึงชามและเราได้กำหนดการเดินทางในนั้นจากสถานที่หนึ่งสู่อีกสถานที่หนึ่งโดยระยะทางที่ไม่ไกลจนเกินไป และผู้เดินทางไม่จำเป็นต้องเตรียสเสบียง และอัลเลาะห์ได้โองการว่า พวกเจ้าจงเดินทางในนั้นทั้งกลางคืนและกลางวันโดยความปลอดภัยไม่ต้องกลัวว่าจะประสบกับภยันตรายใด ๆ ทั้งสิ้น
๑๙. แต่แล้วพวกเขาชาวกาฟิรแห่งสะบ๊ะได้กล่าวว่าโอ้ผู้ทรงอภิบาลแห่งเราขอได้โปรดยังความห่างไกลในระหว่างการเดินทางของพวกเราเถิดจากตำบลหนึ่งสู่ตำบลหนึ่งให้มีระยะทางไกลกว่าที่อัลเลาะห์ได้กำหนดไว้ ทั้งนี้เพื่อพวกเขาจะได้แสดงออกถึงความมั่งมีเหนือคนจน ๆ ทั้งหลาย โดยการนำเสบียงและน้ำบรรทุกไปด้วยเป็นการข่มคนจน ๆ ที่ไม่สามารถจะทำเช่นนั้นได้และพวกเขาได้ฉ้อฉลตัวเองด้วยการเนรคุณต่ออัลเลาะห์ ดังนั้นเราจึงบันดาลประวัติพวกเขาให้เป็นเรื่องเล่าสำหรับคนรุ่นหลัง ๆ ต่อไปและเราได้แยกย้ายพวกเขาอย่างกระจัดกระจายให้อพยพไปอยู่ในเมืองต่าง ๆ บ้างไปอยู่ในเมืองมดีนะห์ บ้างไปอยู่ในเมืองชาม บ้างไปอยู่ในเมืองกะอ์มาน และบ้างก็ไปอยู่ในเมืองตุฮามะห์ แท้จริงในเรื่องราวที่กล่าวมานั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์เพื่อการใคร่ครวญสำหรับทุกผู้ที่มีความอดทน ไม่ยอมทำความผิด ผู้ที่ขอบคุณพระเจ้าในความสุขต่าง ๆ ที่ได้รับจากพระองค์


-----------------------------------------------------------

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 20 - 21


คำอ่าน
20. วะละก็อดศ็อดดะเกาะอะลัยฮิม อิบลีสุ ซ็อน..นะฮู ฟัตตะบะอูฮุ อิลลาฟะรีก็อม..มินัลมุอ์มินีน
21. วะมากานะละฮู อะลัยฮิม..มิน..สุลฏอนิน อิลลาลินะอฺละมะ มัย..ยุอ์มินุบิลอาคิเราะติ มิม..มันฮุวะ มินฮาฟีชักกฺ วะร็อบบุกะ อะลากุลลิชัยอินหะฟีซ


คำแปล R1.
20. And indeed Iblis (Satan) did prove true his thought about them, and they followed him, all except a group of true believers (in the Oneness of Allah).
21. And he (Iblis - Satan) had no authority over them, except that we might test him, who believes in the Hereafter from him who is in doubt about it. And your Lord is a Hafiz over everything. (All-Knower of everything i.e. He keeps record of each and every person as regards deeds, and then He will reward them accordingly).


คำแปล R2.
20. ขอยืนยัน แท้จริงอิบลีสได้ทำให้ความคิดของมันสัมฤทิ์ผลเหนือพวกเขา แล้วพวกเขาก็ประพฤติตามมัน ยกเว้นเพียงบางกลุ่มจากมวลศรัทธาชนเท่านั้น
21. และมันไม่มีอำนาจเหนือพวกเขา (ที่จะทำความหลงผิด)ได้ นอกจาก(การหลอกลวงของมันแก่บางคนจนหลงเชื่อนั้นเป็นเพียง)เพื่อเราจะได้(จำแนกให้)รู้ว่าใครบ้างที่มีศรัทธากับโลกหน้า(เป็นการแยกออก)จากผู้ที่มีความสงสัยในเรื่องนั้น และองค์อภิบาลของเจ้านั้น ทรงพิทักษ์เหนือทุกสิ่ง


คำแปล R3.
20. ในกรณีของเขานี้เองอิบลีสได้พบว่าการคาดคะเนของมันถูกต้องและพวกเขาก็ตามมัน นอกจากส่วนน้อยของผู้ศรัทธา
21. อิบลีสไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือพวกเขา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นก็เพราะว่าเราต้องการที่จะดูว่าใครเป็นผู้ศรัทธาในโลกหน้าและใครที่สงสัยเกี่ยวกับมัน และพระผู้อภิบาลของเจ้าทรงเฝ้าดูทุกสิ่ง


คำแปล R4.
20. และโดยแน่นอน อิบลีสได้ทำให้การนึกคิดของมันที่มีต่อพวกเขาเป็นจริง ดังนั้นพวกเขาจึงได้ปฏิบัติตามมัน เว้นแต่ส่วนน้อยของบรรดาผู้ศรัทธาเท่านั้น
21. และมันไม่มีอำนาจใด ๆ เหนือพวกเขา เว้นแต่เพื่อเราจะได้รู้ว่าผู้ใดศรัทธาต่อวันปรโลกจากผู้ที่เขามีความสงสัยในเรื่องนั้น และพระเจ้าของเจ้านั้นเป็นผู้ทรงดูแลคุ้มครองทุกสิ่งทุกอย่าง


คำแปล R5.
๒๐. ขอสาบาน แท้จริงมารร้ายอิบลีสได้รับรองความเข้าใจของมันเหนือพวกเขาโดยเล่ห์กระเท่ของมันจนพวกเขาหลงเชื่อว่าเป็นความเข้าใจอันถูกต้องและเป็นจริง แล้วพวกเขาก็ถือตามมัน ยกเว้นกลุ่มหนึ่งจากศรัทธาชนที่ไม่ยอมหลงเชื่อและถือตามมัน
๒๑. และความเป็นจริง มันไม่มีสิทธิเหนือพวกเขาที่จะบังคับให้เชื่อหรือตามเล่ห์กลของมันเลย นอกจากเพื่อเราจะได้รู้ว่าใครมีศรัทธากับวันปรภพ เป็นการจำแนกออกจากผู้ที่มีความสงสัยต่อมัน และผู้ทรงอภิบาลของเจ้าย่อมเป็นผู้พิทักษ์เหนือทุก ๆ สิ่งโดยไม่มีสิ่งใดเลยที่จะรอดเร้นไปจากความรับรู้ของพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 22 - 24


คำอ่าน
22. กุลิดอุลละซีนะ ซะอัมตุม..มิน..ดูนิลลาฮิ ลายัมลิกูนะมิษกอละ ซัรฺเราะติน..ฟิสสะมาวาติวะลาฟิลอัรฺฎิ วะมาละฮุม ฟีฮิมามิน..ชิรฺกิว..วะมาละฮูมินฮุม..มิน..เซาะฮีรฺ
23. วะลาตัน..ฟะอุชชะฟาอะตุ อิน..ดะฮู..อิลลาลิมันอะซินะละฮฺ หัตตา..อิซา ฟุซซิอะ อันกุลูบิฮิม กอลูมาซา กอละร็อบบุกุม กอลุลหักเกาะ วะฮุวัลอะลียุลกะบีร
24. กุลมัย..ยัรฺซุกุกุม..มินัสสะมาวาติ วัลอัรฺฎิ กุลิลลาฮุ วะอิน..นา..เอาอียากุม ละอะลาฮุดะน เอาฟีเฎาะลาลิม..มุบีน


คำแปล R1.
22. Say: (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam to those polytheists, pagans, etc.) "Call upon those whom you assert (to be associate gods) besides Allah, they possess not even the weight of an atom (or a small ant), either in the heavens or on the earth, nor have they any share in either, nor there is for him any supporter from among them.
23. Intercession with him profits not, except for him whom he permits. Until when fear is banished from their (angels') hearts, they (angels) say: "What is it that your Lord has said?" they say: "The truth. And He is the Most High, the Most Great."
24. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam to these polytheists, pagans, etc.) "Who gives you provision from the heavens and the earth?" say: "Allah, and verily, (either) we or you are rightly guided or in a plain error."


คำแปล R2.
22. จงประกาศเถิด(แก่พวกตั้งภาคี) “พวกท่านจงวิงวอนไปเถิดต่อบรรดา(พระเจ้าจอมปลอม)ที่พวกท่านคิดเอาเอง(ว่าเป็นพระเจ้า)อันนอกเหนือจากอัลเลาะฮฺ ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านั้นไม่มีอำนาจใด ๆ ในฟากฟ้าและแผ่นดินสักเพียงน้ำหนักเท่าธุลีก็ตาม และสิ่งเหล่านั้นไม่ได้ร่วมเป็นภาคีกับอัลเลาะฮฺใน(การสร้าง)มันทั้งสองเลย และสิ่งเหล่านั้นไม่มีเลยที่จะช่วยเหลือพระองค์(ในการงานต่าง ๆ ของพระองค์)
23. และการสงเคราะห์(ของผู้ใด)จะไม่อำนวยผล(แก่ผู้อื่น)ได้นอกจากเฉพาะแก่บุคคลที่พระองค์ทรงอนุมัติแก่เขา(ให้ทำการสงเคราะห์ เช่น บรรดารซูล นบี ฯลฯ) จนกระทั่งเมื่อความหวาดกลัวได้คลายไปจากหัวใจของพวกเขา (เพราะอนุมัติให้ทำการสงเคราะห์กันได้) พวกเขาก็กล่าวว่า “อะไรบ้างที่องค์อภิบาลของพวกท่านได้รับสั่ง” พวกเขาตอบ(กันเอง)ว่า “พระองค์ทรงรับสั่งสิ่งที่เป็น)สัจธรรม” และพระองค์ทรงสูงส่งยิ่ง ทรงยิ่งใหญ่นัก
24. จงประกาศเถิด “ใครเล่าที่ให้โชคผลแก่พวกท่าน จากฟากฟ้าและแผ่นดิน” จงตอบเถิดว่า “อัลเลาะฮฺ” และแท้จริงพวกเราหรือว่าพวกท่านกันแน่ที่จะอยู่บนทางชี้นำหรือในความหลงผิดอันชัดแจ้ง


คำแปล R3.
22. (โอ้ นบี) จงกล่าว (แก่พวกมุชริก) ว่า “จงวิงวอนต่อบรรดาที่พวกท่านเคารพสักการะเป็นพระเจ้าแทนอัลลอฮฺพวกมันมิได้เป็นเจ้าของสิ่งใด แม้แต่น้ำหนักเพียงอณูเดียวในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพวกมันมิได้มีส่วนใด ๆ ในทั้งสองนั้น และไม่มีผู้ใดจากพวกมันเป็นผู้ช่วยเหลือพระองค์
23. การขอไถ่โทษใด ๆ จากอัลลอฮฺจะไม่อำนวยประโยชน์แก่ผู้ใดนอกจากผู้ที่พระองค์ทรงอนุมัติ จนกระทั่งความตระหนกตกใจได้ผ่อนคลายจากหัวใจของพวกเขาแล้วผู้คนก็จะถาม(ผู้ขอไถ่โทษ)ว่า “พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ตอบว่าอย่างไร?” พวกเขาจะกล่าวว่า “คำตอบถูกต้อง และพระองค์เป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่”
24. (โอ้ นบี) จงถามพวกเขาว่า “ใครเป็นผู้ทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกท่านจากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน?” จงกล่าวเถิด “อัลลอฮฺ ไม่เราก็พวกท่านที่อยู่บนทางนำหรือในการหลงผิดอย่างชัด ๆ”


คำแปล R4.
22. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “พวกท่านจงวิงวอนต่อบรรดาที่พวกท่านจินตนาการ (ว่าเป็นพระเจ้า) อื่นจากอัลลอฮฺพวกมันมิได้ครอบครองแม้แต่น้ำหนักเพียงเท่าธุลีในชั้นฟ้าทั้งหลาย และแผ่นดินและพวกมันมิได้มีหุ้นส่วนในทั้งสองนั้น และสำหรับพระองค์นั้นมิได้มีผู้ช่วยเหลือมาจากพวกมัน
23. การชะฟาอะฮฺ จะไม่เกิดประโยชน์อันใด ณ ที่พระองค์ นอกจากผู้ที่พระองค์ทรงอนุญาตแก่เขาจนกระทั่งเมื่อความหวาดกลัวได้คลายจากจิตใจของพวกเขา พวกเขากล่าวว่า “พระเจ้าของพวกท่านได้ตรัสอะไรนะ ? “พวกเขากล่าวว่า "สัจธรรมและพระองค์เป็นผู้ทรงสูงสุด ผู้ทรงยิ่งใหญ่"
24. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “ใครเป็นผู้ประทานปัจจัยยังชีพแก่พวกท่านจากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน ?” จงกล่าวเถิดมุฮัมมัดว่า “อัลลอฮฺ”  และแท้จริงไม่เราก็พวกท่านแน่นอนที่อยู่บนแนวทางที่ถูกต้อง หรืออยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง


คำแปล R5.
๒๒. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดแก่บรรดากาฟิรทั้งหลายพวกเจ้าจงวอนขอเถิดต่อบรรดาผู้ที่พวกเจ้าถือมั่นว่าเป็นพระเจ้า อันนอกเหนือจากอัลเลาะห์เพื่อให้พวกนั้นยังประโยชน์แก่พวกเจ้าตามความถือมั่นดังกล่าวพวกเหล่านั้น ที่จริงแล้วมิได้ปกครองแม้เพียงน้ำหนักของธุลีใด ๆ ทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดินและพวกนั้นไม่มีสิทธิภาคีใดใด กับอัลเลาะห์ในการบันดาลมันทั้งสองโดยเด็ดขาด และไม่มีสิ่งใดจากพวกนั้นที่จะเป็นผู้ช่วยของพระองค์อัลเลาะห์ในกิจการต่าง ๆ
๒๓. และการสงเคราะห์ของผู้หนึ่งแก่อีกผู้หนึ่งย่อมไม่อำนวยผลแก่ผู้ใดทั้งสิ้น ณ พระองค์อัลเลาะห์ ดังเช่นที่พวกเหล่านั้นยึดมั่นว่า บรรดาพระเจ้าต่าง ๆ ที่พวกเขากราบไหว้นั้นสามารถสงเคราะห์พวกเขาได้ ยกเว้นบุคคลที่พระองค์ทรงอนุญาตแก่เขาในการสงเคราะห์ดังกล่าว เช่นบรรดารอซูล นบี วาลี อุลามาอ์ คนซอแลห์และพวกชุฮาดาอ์ จนเมื่อความเศร้าได้ได้คลายจากหัวใจของพวกเขาโดยอนุญาตให้มีการสงเคราะห์กันได้ พวกเขาก็กล่าวปรารภแก่กันและกันว่า พระเจ้าผู้ทรงอภิบาลพวกท่านได้โองการอะไรบ้าง พวกเขากล่าวว่า พระองค์ทรงโองการอันเป็นสัจธรรม นั่นคืออนุญาตให้มีการสงเคราะห์กันได้เฉพาะแก่บุคคลที่มีสิทธิอันชอบธรรมและพระองค์ทรงสูงส่ง ทรงยิ่งใหญ่ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนและเทียบเคียงได้
๒๔. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดว่า ใครเล่าที่ประทานโชคผลแก่พวกเจ้าจากฟากฟ้าและแผ่นดิน เช่นให้ฝนตกและให้มีพืชงอกเงยเป็นต้น เจ้าจงกล่าวเถิดว่าผู้ทรงประทานสิ่งเหล่านั้นคืออัลเลาะห์ และแท้จริง เราหรือพวกเจ้าที่ตั้งมั่นอยู่บนทางนำ หรือตกอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง ที่จริงพวกเจ้านั้นแหละที่ตกอยู่ในความหลงผิดอันงมงาย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 25 - 27


คำอ่าน
25. กุลลาตุสอะลูนะ อัม..มา..อัจญร็อมนา วะลาตุสอะลุ อัม..มาตะอฺมะลูน
26. กุลยัจญมะอุ บัยนะนา ร็อบบุนา ษุม..มะยัฟตะหุ บัยนะนาบิลหักกฺ วะฮุวัลฟัตาหุลอะลีม
27. กุลอะรูนิยัลละซีนะ อัลหักตุม..บิฮี ชุเราะกา..อะกัลป์ลา บัลฮุวัลลอฮุลอะซีซุ้ลหะกีม


คำแปล R1.
25. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam to these polytheists, pagans, etc.) "You will not be asked about our sins, nor shall we be asked of what you do."
26. Say: "Our Lord will assemble us all together (on the Day of Resurrection), then He will judge between us with truth. And He is the (most trustworthy) All-Knowing Judge."
27. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam to these polytheists and pagans): "Show me those whom you have joined to him as partners. Nay (there are not at all any partners with him)! But He is Allah (alone), the All-Mighty, the All-Wise."


คำแปล R2.
25. จงประกาศเถิด พวกท่านทั้งหลายไม่ถูกสอบถาม(คือไม่ต้องรับผิดชอบ)ถึงกรณีที่เราทำผิด และเราก็ไม่ถูกสอบถามถึงกรณีที่พวกท่านประพฤติ
26. จงประกาศเถิด องค์อภิบาลของเราทรงรวบรวมระหว่างเรา(ในกรณีที่เราพิพาท ด้วยการชี้ขาด)กับสิ่งที่เป็นจริง และพระองค์ทรงเปิดเผยยิ่งนัก พระองค์ทรงรอบรู้ยิ่ง
27. จงประกาศเถิด “ท่านทั้งหลายจงชี้ให้ฉันเห็น(คุณลักษณะของพระเจ้าของ)บรรดาสิ่งต่าง ๆ ที่พวกเจ้านำมาเกี่ยวข้องกับพระองค์ในฐานะภาคีของพระองค์ เป็นไปไม่ได้ (ที่จะมีสิ่งอื่นยืนอยู่ในฐานะเช่นนั้น) หากทว่าผู้ทรงคุณลักษณะพระเจ้าแท้จริงก็คือ อัลเลาะฮฺ ผู้ทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
25. จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พวกท่านจะไม่ถูกสอบถามถึงความผิดที่เราได้ทำไปและเราก็จะไม่ถูกสอบถามถึงสิ่งที่พวกท่านกระทำ”
26. จงกล่าวเถิด “พระผู้อภิบาลของเราจะรวมพวกเราเข้าด้วยกัน หลังจากนั้นพระองค์ก็จะทรงตัดสินระหว่างเราอย่างถูกต้อง และพระองค์เป็นผู้ทรงตัดสินโดยเด็ดขาด ผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง”
27. จงบอกพวกเขาว่า “จงนำสิ่งที่พวกท่านได้ตั้งเป็นภาคีกับพระองค์มาให้ฉันได้เห็นหน่อยซิ” ไม่เลย อัลลอฮฺเท่านั้นคือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R4.
25. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “พวกท่านจะไม่ถูกสอบสวนเกี่ยวกับที่เราทำผิด และเราก็จะไม่ถูกสอบสวนเกี่ยวกับที่พวกท่านกระทำ
26. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “พระเจ้าของเราจะทรงรวบรวมพวกเราทั้งหมด แล้วพระองค์จะทรงตัดสินระหว่างพวกเจ้าด้วยความจริงและพระองค์คือผู้ทรงตัดสิน ผู้ทรงรอบรู้”
27. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “พวกท่านจงแสดงให้ฉันเห็น บรรดาที่พวกท่านได้นำไปตั้งภาคีร่วมกับพระองค์ ไม่ดอก! พระองค์คืออัลลอฮฺ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ”


คำแปล R5.
๒๕. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวแก่พวกกาฟิรเถิดว่า พวกเจ้าจะไม่ถูกถามถึงสิ่งที่พวกเราทำบาปและเราก็จะไม่ถูกถามถึงสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติเนื่องเพราะทั้งเราและเจ้าไม่ได้เกี่ยวข้องกัน
๒๖. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิด ผู้ทรงอภิบาลของเราจะรวมระหว่างเราในวันปรภพ ณ สถานที่เดียวกันเพื่อการสอบสวนและตอบแทน หลังจากนั้นพระองค์จะทรงเปิดการพิพากษาในระหว่างพวกเราโดยสัจจะ และพระองค์ทรงเป็นผู้เปิดเผยยิ่ง ทรงรอบรู้ยิ่ง
๒๗. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิด พวกเจ้าจงให้ข้าได้เห็นบรรดาภาคีต่าง ๆ ที่พวกเจ้านำมาสัมพันธ์กับพระองค์อัลเลาะห์ หามิได้พวกเจ้ามิอาจทำได้เช่นนั้นหรอก หากทว่าพระองค์คืออัลเลาะห์ผู้ทรงอำนาจยิ่งเพียงพระองค์เดียว ทรงปรีชายิ่ง ดังนั้นจึงไม่มีภาคีใด ๆ ทั้งสิ้นสำหรับพระองค์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 28 - 30


คำอ่าน
28. วะมาอัรฺสัลนากะ อิลลากา..ฟฟะตัล ลิน..นาสิ บะชีร็อว..วะนะซีร็อว..วะลากิน..นัลอักษะร็อน..นาสิ ลายะอฺละมูน
29. วะยะกูลูนะมะตาฮาซัลวะอฺดุ อิน..กุน..ตุมศอดิกีน
30. กุลละกุม..มีอาดุ เยามิลลาตัสตะอ์คิรูนะ อันฮุสาอะเตา..วะลาตัสตักดิมูน


คำแปล R1.
28. And we have not sent you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) except as a giver of glad tidings and a Warner to all mankind, but most of men know not.
29. And they say: "When is this promise (i.e. the Day of Resurrection will be fulfilled) if you are truthful?"
30. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "The appointment to you is for a day, which you cannot put back for an hour (or a moment) nor put forward."


คำแปล R2.
28. และเรามิได้ส่งเจ้ามาเป็นศาสนทูต(เพื่อชุมชนใดโดยเฉพาะ) นอกจากเพื่อสังคมมนุษย์เป็นส่วนรวม เพื่อเป็นผู้แจ้งข่าวประเสริฐ และเป็นผู้ตักเตือน แต่มนุษย์ส่วนมากไม่รู้
29. และพวกเขา (ผู้คัดค้าน) กล่าว่า “เมื่อใดเล่าสัญญา(การลงโทษ)นี้(จะมาถึงเสียที) หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง
30. จงประกาศเถิด “พวกท่านมีนัดหมายกับวัน (ชาติหน้า) ซึ่งพวกท่านจะขอประวิงกับมันไว้ และขอให้ล่วงหน้ามาก่อน สักชั่วยามเดียวก็ไม่ได้


คำแปล R3.
28. และ (โอ้ นบี) เราได้ส่งเจ้ามายังมนุษยชาติทั้งหมดเพื่อเป็นผู้นำข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือน แต่มนุษย์ส่วนมากไม่รู้
29. พวกเขากล่าวว่า “เมื่อใดที่สัญญา(แห่งการฟื้นคืนชีพ)ของอัลลอฮฺจะเป็นจริงถ้าหากว่าท่านพูดจริง?”
30. จงกล่าวเถิดว่า “สำหรับพวกท่านนั้นวันนั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว ซึ่งพวกท่านไม่สามารถที่จะหน่วงเหนี่ยวมันไว้ หรือจะเร่งมันสักยามหนึ่งก็ไม่ได้”


คำแปล R4.
28. และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่ออื่นใด เว้นแต่เป็นผู้แจ้งข่าวดีและเป็นผู้ตักเตือนแก่มนุษย์ทั้งหลาย แต่ว่าส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้
29. และพวกเขากล่าวว่า “เมื่อใดเล่าสัญญานี้ (จะมาถึง)? หากพวกท่านเป็นผู้สัตย์จริง”
30. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “สำหรับพวกท่านมีกำหนดวันวันหนึ่ง ซึ่งพวกท่านจะขอผ่อนผันให้ล่าช้าสักระยะหนึ่งก็ไม่ได้และจะร่นเวลาให้เร็วเข้าก็ไม่ได้”

 
คำแปล R5.
๒๘. และเรามิได้ส่งเจ้ามาเพื่อประชาชาติใด ๆ โดยเฉพาะนอกจากแก่มนุษยชาติทั้งมวล เจ้าถูกส่งมาเป็นผู้แจ้งข่าวดีแก่มวลผู้ศรัทธาและเป็นผู้ตักเตือนบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย และแต่มนุษย์ส่วนมากไม่รู้ความจริงดังกล่าว
๒๙. และพวกเขาก็พูดกันว่า เมื่อใดเล่าสัญญาการลงโทษนี้จึงจะอุบัติขึ้นดังที่มุฮำมัดได้ประกาศไว้ แม้นพวกเจ้าเป็นผู้สัจจริง
๓๐. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวเถิดสำหรับพวกเจ้านั้นมีสัญญาแห่งวันอันแน่ชัดซึ่งจะต้องอุบัติขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งพวกเจ้าจะไม่ขอประวิงได้แม้เพียงหนึ่งยาม และพวกเจ้าไม่อาจเร่งเร้าได้แม้เพียงชั่วยามเดียวก็ตาม




ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 31 - 33


คำอ่าน
31. วะกอลัลละซีนะกะฟะรู ลัน..นุอ์มินะ บิฮาซัลกุรฺอานิ วะลาบิลละซี บัยนะยะดัยฮิ วะเลาตัรอ..อิซิซซอลิมูนะ เมากูฟูนะ อิน..ดะร็อบบิฮิม ยัรฺญิอุ บะอฺฎุฮุม อิลาบะอฺฎินิลก็อวลฺ ยะกูลุลละซีนัสตุฎอิฟู ลิลละซีนัสตักบะรู เลาลา..อัน..ตุม ละกุน..นามุอ์มินีน
32. กอลัลละซีนัสตักบะรู ลิลละซีนัสตุฎอิฟู..อะนะหฺนุเศาะดัดนากุม อะนิลฮุดา บะอฺดะ อิซญา...อะกุม..บัลกุน..ตุม..มุจญริมีน
33. วะกอลัลละซีนัสตุฎอิฟู ลิลละซีนัสตักบะรู บัลมักรุลลัยลิ วัน..นะฮาริ อิซตะอ์มุรูนะนา..อัน..นักฟุเราะบิลลาฮิ วะนัจญอะละละฮู..อัน..ดาดา วะอะสัรฺรุน..นะดามะตะ ลัม..มาเราะอะวุลอะซาบ วะญะอัลนัลอัฆลาละ ฟี..อัฆนากิลละซีนะกะฟะรู ฮัลยุจญเซานะ อิลลามากานูยะอฺมะลูน


คำแปล R1.
31. And those who disbelieve say: "We believe not in this Qur'an nor in that which was before it," But if you could see when the Zalimun (polytheists and wrong-doers, etc.) will be made to stand before their Lord, how they will cast the (blaming) word one to another! Those who were deemed weak will say to those who were arrogant: "Had it not been for you, we should certainly have been believers!"
32. And those who were arrogant will say to those who were deemed weak: "Did we keep you back from guidance after it had come to you? Nay, but you were Mujrimun (polytheists, sinners, criminals, disobedient to Allah, etc.).
33. Those who were deemed weak will say to those who were arrogant: "Nay, but it was your plotting by night and day, when you ordered us to disbelieve in Allah and set up rivals to him!" and each of them (parties) will conceal their own regrets (for disobeying Allah during this worldly life), when they behold the torment. And we shall put iron collars round the necks of those who disbelieved. Are they requited aught except what they used to do?


คำแปล R2.
31. และบรรดาพวกไร้ศรัทธากล่าวว่า “เราจะไม่ศรัทธากับอัลกุรอานนี้ และไม่ศรัทธากับคัมภีร์ที่มีมาก่อนอัลกุรอาน” และมาดแม้นเจ้าเห็นในยามที่พวกทุจริตชนยืนอยู่ ณ องค์อภิบาลของพวกเขา พวกเขาต่างก็ซัดทอดซึ่งกันและกัน บรรดาผู้อ่อนแอจะกล่าวกับบรรดาผู้ทระนงตน(ในฐานะหัวหน้า)ว่า “หากแม้นไม่เป็นเพราะพวกท่านแล้วไซร้ แน่นอนพวกเราก็ต้องเป็นผู้ศรัทธา”
32. บรรดาผู้ทระนงตนก็กล่าวแก่ผู้อ่อนแอว่า “เราน่ะหรือที่ขัดขวางพวกท่านไว้จากทางชี้นำ ภายหลังจากสิ่งนั้นได้มาสู่พวกท่านแล้ว ตรงกันข้าม พวกท่านเป็นผู้ทำบาปเองต่างหาก”
33. และบรรดาผู้อ่อนแอได้กล่าวซัดทอดบรรดาผู้ทระนงตนอีกว่า “ไม่ใช่หรอก(ที่พวกเราหลงทางก็เป็นเพราะ)แผนการ(ของพวกท่าน)ทั้งกลางคืนและกลางวัน เมื่อพวกท่านใช้ให้เราปฏิเสธอัลเลาะฮฺและให้เราอุปโลกน์สิ่งภาคีขึ้นกับพระองค์และพวกเขา(ทั้งฝ่ายอ่อนแอและฝ่ายทระนงตน) ต่างก็ปิดเร้นความเสียใจไว้เมื่อพวกเขาได้มองเห็นการลงโทษ (กำลังอุบัติขึ้นแล้ว) และเรา(อัลเลาะฮฺ)ได้ใส่โซ่ตรวนไว้ในต้นคอของบรรดาผู้ไร้ศรัทธา พวกเขามิได้ถูกตอบสนองนอกจากเท่าที่พวกเขาได้ประพฤติไว้เท่านั้น


คำแปล R3.
31. และบรรดาผู้ปฏิเสธกล่าวว่า “เราจะไม่ศรัทธาในกุรอานนี้และจะไม่ศรัทธาในคัมภีร์อื่นใดก่อนหน้านี้ด้วย” ถ้าเจ้าได้เห็นคนชั่วพวกนี้ในตอนที่พวกเขายืนอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา พวกเขาต่างคนต่างตำหนิกันเองบรรดาผู้ที่ถูกกดขี่จะกล่าวบรรดาผู้ที่ทำตัวเป็นใหญ่ว่า “ถ้ามิใช่เพราะพวกเจ้า เราก็คงเป็นผู้ศรัทธาแล้ว”
32. บรรดาผู้ทำตัวเป็นใหญ่ก็จะกล่าวแก่ผู้ถูกกดขี่ว่า “เราขัดขวางพวกเจ้าจากทางนำกระนั้นหรือเมื่อมันได้มายังพวกเจ้า? เปล่าเลย พวกเจ้าเองต่างหากที่เป็นคนผิด”
33. บรรดาผู้ถูกกดขี่จะกล่าวแก่บรรดาผู้ทำตัวเป็นใหญ่ว่า “ไม่ใช่เช่นนั้น แต่เพราะแผนการของพวกท่านทั้งกลางคืนและกลางวัน เมื่อพวกท่านสั่งให้พวกเราปฏิเสธอัลลอฮฺและตั้งสิ่งอื่นเทียบเทียมพระองค์” ในที่สุด เมื่อพวกเขาเห็นการลงโทษ พวกเขาจะสำนึกผิดในหัวใจของพวกเขาและเราจะคล้องคอบรรดาผู้ปฏิเสธไว้ พวกเขาจะถูกลงโทษนอกเหนือไปจากที่พวกเขาได้กระทำไว้กระนั้นหรือ


คำแปล R4.
31. และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธากล่าวว่า “เราจะไม่ศรัทธาต่ออัลกุรอานนี้ และต่อสิ่งที่มีมาก่อนอัลกุรอาน” และหากเจ้า (มุฮัมมัด) ได้เห็น เมื่อบรรดาผู้อธรรมจะถูกให้หยุดยืนต่อหน้าพระเจ้าของพวกเขา บางคนในพวกเขาจะกล่าวซัดถ้อยคำแก่อีกคนหนึ่ง บรรดาผู้อ่อนแอกว่า (ลูกน้อง) กล่าวแก่บรรดาผู้หยิ่งยโส (หัวหน้า) ว่า “หากมิใช่พวกท่านแล้ว แน่นอน พวกเราคงได้เป็นผู้ศรัทธากันแล้ว”
32. บรรดาผู้หยิ่งยโส (หัวหน้า) ก็กล่าวแก่บรรดาผู้อ่อนแอ (ลูกน้อง) ว่า “พวกเรานะหรือที่ได้หน่วงเหนี่ยวพวกท่านจากแนวทางที่ถูกต้องหลังจากที่มันได้มีมายังพวกท่าน มิใช่เช่นนั้น แต่พวกท่านเองเป็นผู้กระทำผิด”
33. บรรดาผู้อ่อนแอ (ลูกน้อง) กล่าวแก่บรรดาผู้หยิ่งยโส (หัวหน้า) ว่า “มิใช่เช่นนั้นดอก ! แต่มันเป็นแผนการทั้งกลางคืนและกลางวัน เมื่อพวกท่านใช้ให้พวกเราปฏิเสธศรัทธาต่ออัลลอฮฺ และให้เราตั้งภาคีคู่เคียงกับพระองค์”และพวกเขาจะซ่อนความสำนึกผิดเมื่อพวกเขาได้เห็นการลงโทษ และเราได้คล้องพันธนาการที่คอของบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธา พวกเขาจะไม่ได้รับการตอบแทนใด ๆ นอกจากที่พวกเขาได้กระทำไว้


คำแปล R5.
๓๑. และบรรดาชาวมักกะห์ผู้เนรคุณกล่าวว่า พวกเราจะไม่ศรัทธากับคัมภีร์อัลกุรอานนี้ และไม่ศรัทธากับคัมภีร์ซึ่งมีมาก่อนหน้านั้น เช่นคัมภีร์เตารอตและอินยีลเป็นต้น ซึ่งคัมภีร์ทั้งสองก็ได้ชี้ถึงเรื่องการฟื้นจากสุสานเช่นเดียวกัน โอ้มุฮำมัด และหากแม้นเจ้าเห็นขณะที่บรรดาผู้อธรรมทั้งหลายที่มีแต่ความเนรคุณได้ยืนอยู่ต่อหน้าพระผู้อภิบาลของพวกเขา โดยพวกเขาทบทวนคำพูดแก่กันและกัน ต่างคนต่างก็ซัดทอดความผิดแก่กันและกัน บรรดาที่ถูกถือว่าอ่อนแอก็จะกล่าวกับบรรดาที่ถือตัวว่ายิ่งใหญ่ว่า หากแม้นพวกท่านไม่มี พวกเราก็คงศรัทธาต่อศาสนทูตอย่างแน่นอน แต่เพราะพวกท่านคอยห้ามปรามไว้ พวกเราจึงต้องเป็นคนเนรคุณจนต้องรับโทษอันสาหัส
๓๒. บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ก็กล่าวกับบรรดาที่อ่อนแอว่า เรานะหรือที่ปรามพวกเจ้าจากการนับถือศาสนาอิสลามอันเป็นสิ่งนำทางหลังจากสิ่งนั้นได้มาปรากฏแก่พวกเจ้าแล้ว ความจริงเราไม่เคยห้ามปรามพวกเจ้าเลย แต่พวกเจ้าเองที่ทำผิด
๓๓. และบรรดาผู้อ่อนแอได้กล่าวซัดทอดแก่บรรดาผู้ยิ่งใหญ่ต่อไปอีกว่าแต่ทว่าความเป็นจริงเป็นเล่ห์กลของพวกท่านที่มีต่อเราทั้งกลางคืนและกลางวันเมื่อพวกท่านใช้พวกเราให้เนรคุณต่ออัลเลาะห์ และให้พวกเราตั้งคู่ภาคีขึ้นสำหรับพระองค์ ด้วยการยุยงให้พวกเรากราบไหว้บูชาสรรพสิ่งต่าง ๆ นอกจากพระองค์ และพวกเขาทั้งสองกลุ่มต่างปิดบังความเศร้าโศกของตนเองไว้อย่างมิดชิด เมื่อได้มองเห็นการลงโทษจากอัลเลาะห์ว่าจะต้องประสบแก่พวกเขาอย่างแน่นอน ทั้งนี้เพราะว่าพวกเขาอายและกลัวจะเกิดเป็นปมด้อยแก่ตนเองและเราได้บันดาลโซ่ตรวนไว้ในต้นคอของบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย ในขุมนรกพวกเขามิได้รับการตอบแทนด้วยการถูกลงโทษนั้นเนื่องเพราะเหตุอื่นใดทั้งสิ้น นอกจากสิ่งที่พวกเขาได้เคยประพฤติไว้แต่กาลอดีตนั้นเองที่เป็นเหตุอันสำคัญยิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 34 - 36


คำอ่าน
34. วะมาอัรฺสัลนาฟีก็อรฺยะติม..มิน..นะซีริน อิลลากอละมุตเราะฟูฮา..อิน..นาบิมา..อุรฺสิลตุม..บิฮี กาฟิรูน
35. วะกอลู นะหฺนุ อักษะรุ อัมวาเลา..วะเอาลาดา วะมานะหฺนุบิมุอัซซะบีน
36. กุลอิน..นะร็อบบี ยับสุฏุรฺริซเกาะ ลิมัย..ยะชา...อุ วะยัดิรุ วะลากิน..นะอักษะร็อน..นาสิ ลายะอฺละมูน


คำแปล R1.
34. And we did not send a Warner to a township, but those who were given the worldly wealth and luxuries among them said: "We believe not in the (message) with which you have been sent."
35. And they say: "We are more in wealth and in children, and we are not going to be punished."
36. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "Verily, my Lord enlarges and restricts the provision to whom he pleases, but most men know not."


คำแปล R2.
34. และเรามิได้ส่งศาสนทูตผู้ตักเตือนคนใดมาในเมืองหนึ่ง ๆ นอกจากผู้มั่งคั่งของเมืองนั้นจะพูดว่า “ที่จริงพวกเราขอปฏิเสธสิ้นเชิงในสิ่งที่พวกท่านนำมาเผยแพร่”
35. และพวกเขากล่าวอีกว่า “พวกเรามากด้วยทรัพย์สมบัติและลูก และพวกเราจะไม่ถูกลงโทษอย่างแน่นอน”
36. จงประกาศเถิด แท้จริงองค์อภิบาลของฉันทรงเผื่อแผ่โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงจำกัด(โชคผลนั้นแก่ผู้ที่ทรงประสงค์เช่นเดียวกัน) และแต่ทว่าส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้


คำแปล R3.
34. ไม่เคยปรากฏเลยที่เราได้ส่งผู้ตักเตือนคนใดมายังเมืองหนึ่งและคนที่มีอันจะกินในเมืองนั้นไม่ได้กล่าวว่า “เราไม่เชื่อในสาส์นที่ท่านนำมา”
35. พวกเขามักจะกล่าวว่า “พวกเรามีทรัพย์สินและลูกหลานมากกว่า และเราจะไม่มีวันถูกลงโทษ”
36. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “พระผู้อภิบาลของฉันทรงประทานปัจจัยอย่างมากมายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงประทานเพียงเล็กน้อยแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ แต่ผู้คนส่วนใหญ่ไม่ตระหนักถึงงเรื่องนี้”


คำแปล R4.
34. และเรามิได้ส่งผู้ตักเตือนคนใดไปยังเมืองใด นอกจากบรรดาผู้ฟุ่มเฟือยของมันจะกล่าวว่า “แท้จริงเราเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาในสิ่งที่พวกท่านถูกส่งมา”
35. และพวกเขาได้กล่าวอีกว่า “พวกเรามีทรัพย์สินและลูกหลานมากกว่า และพวกเราจะไม่ถูกลงโทษ”
36. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงให้คับแคบ แต่ว่าส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้”


คำแปล R5.
๓๔. และเรามิได้ส่งผู้ตักเตือนคนใดในหมู่ชนแห่งเมืองหนึ่ง ๆ  ให้ประกาศหลักธรรมของเราแก่พวกเขา นอกจากผู้มั่งมีของพวกนั้นจะต้องพูดว่า แท้จริงพวกเราขอทรยศต่อหลักธรรม ทีพวกเจ้าถูกส่งมาเพื่อประกาศหลักธรรมนั้น
๓๕. และพวกเขากล่าวอีกว่า พวกเรามีทรัพย์สินและบุตรมากมายยิ่งกว่าบรรดาผู้ศรัทธาต่อศาสนทูต และพวกเราจะไม่ถูกลงโทษอย่างเด็ดขาด แม้พวกเราจะไม่ศรัทธาในคำประกาศของศาสนทูตก็ตาม
๓๖. โอ้มุฮำมัด แท้จริงอัลเลาะห์ทรงกระจายโชคผลอันกว้างขวางแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงจำกัดโชคผลแก่ผู้ทรงประสงค์เช่นเดียวกัน แต่ทว่าส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 37 - 39


คำอ่าน
37. วะมา..อัมวาลุกุม วะลา..เอาลาดุกุม บิลละตี ตุก็อรฺริบุกุม อิน..ดะนาซุลฟา..อิลลามันอามะนะ วะอะมิละ ศอลิหัน..ฟะอุลา...อิกะละฮุม ญะซา...อุฎฎิอฺฟิ บิมาอะมิลู วะฮุม ฟิลฆุเราะฟาติอามินูน
38. วัลละซีนะ ยัสเอานะ ฟี..อายาตินา มุอาญิซีนะ อุลา...อิกะฟิลอะซาบิ มุหฺเฎาะรูน
39. กุลอิน..นะร็อบบี ยับสุฏุรฺริซเกาะ ลิมัย..ยะชา...อุ มินอิบาดิฮี วะยักดิรุละฮฺ วะมา..อัน..ฟักตุม..มิน..ชัยอิน ฟะฮุวะยุคลิฟุฮู วะฮุวะค็อยรุรฺรอซิกีน


คำแปล R1.
37. And it is not your wealth, nor your children that bring you nearer to us (i.e. pleases Allah), but only He (will please us) who believes (in the Islamic Monotheism), and does righteous deeds; as for such, there will be twofold reward for what they did, and they will reside in the high dwellings (Paradise) in peace and security.
38. And those who strive against our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), to frustrate them, will be brought to the torment.
39. Say: "Truly, my Lord enlarges the provision for whom He wills of his slaves, and (also) restricts (it) for him, and whatsoever you spend of anything (in Allah's Cause), He will replace it. And He is the best of providers."


คำแปล R2.
37. และทรัพย์สมบัติของพวกเจ้าและลูก ๆ ของพวกเจ้าใช่ว่าจะเป็นสื่อนำความใกล้ชิดมายังเรายิ่งขึ้นก็หาไม่ นอกจากบุคคลที่มีศรัทธา และประพฤติแต่ความดีเท่านั้น แน่นอนพวกเหล่านั้นย่อมได้รับการตอบสนองอย่างทับทวี เพราความประพฤติของพวกเขาเอง และพวกเขามีความปลอดภัยอยูในประสาท(แห่งสวรรค์)
38. และบรรดาผู้พากเพียรใน(การทำลาย)โองการต่าง ๆ ของเรา โดยพวกเขาคิดว่าคงจะหลบเร้น(จากการลงโทษของเรา)ได้ พวกเหล่านั้นจะต้องถูกนำตัวมาสู่การลงโทษอย่างแน่นอน
39. จงประกาศเถิด “แท้จริงองค์อภิบาลของฉันทรงเผื่อแผ่โชคผลและทรงจำกัดโชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากมวลข้าทาสของพระองค์ และสิ่งใดก็ตามที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายออกไป พระองค์ย่อมทดแทนให้เสมอ และพระองค์ทรงประเสริฐสุดแห่งบรรดาผู้ให้โชคผลทั้งมวล”


คำแปล R3.
37. ไม่ใช่ทรัพย์สินของสูเจ้าและลูกหลานของสูเจ้าที่นำสูเจ้าเข้ามาใกล้เรา นอกจากผู้ศรัทธาและกระทำความดี เหล่านี้คือผู้ที่จะได้รับรางวัลเป็นสองเท่าสำหรับสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ และพวกเขาจะอยู่ในวิมานสูงอันสงบ
38. ส่วนบรรดาผู้พยายามจะทำลายอายะฮฺทั้งหลายของเรานั้น พวกเขาจะถูกลงโทษอย่างหนัก
39. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “พระผู้อภิบาลของฉันทรงประทานปัจจัยอย่างมากมายจากหลายทางแก่ปวงบ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงประทานมันอย่างนอ้ยนิดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และอะไรก็ตามที่พวกท่านใช้จ่ายไป พระองค์ก็จะทดแทนให้ และพระองค์ทรงเป็นเลิศที่สุดในบรรดาผู้ประทานปัจจัย”


คำแปล R4.
37. และมิใช่ทรัพย์สินของพวกเจ้าและมิใช่ลูกหลานของพวกเจ้า ที่จะทำให้พวกเจ้าใกล้ชิดสนิทกับเรา นอกจากผู้ศรัทธาและกระทำความดี ดังนั้นชนเหล่านั้นสำหรับพวกเขาจะได้รับการตอบแทนเป็นสองเท่าตามที่พวกเขาได้กระทำไว้ และพวกเขาจะพำนักอยู่ในสวนสวรรค์อย่างผู้ปลอดภัย
38. และบรรดาผู้มุ่งมั่นเพื่อทำลายล้างสัญญาณทั้งหลายของเรา ชนเหล่านี้จะถูกนำมาอยู่ต่อหน้า(เรา) ในการลงโทษ
39. จงกล่าวเถิด “แท้จริงพระเจ้าของฉันทรงแผ่ปัจจัยยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากปวงบ่าวของพระองค์ และทรงให้คับแคบแก่เขา และอันใดที่พวกเจ้าบริจาคจากสิ่งใดก็ดีพระองค์จะทรงทดแทนมัน และพระองค์นั้นทรงเป็นผู้ดีเลิศแห่งบรรดาผู้ประทานปัจจัยยังชีพ


คำแปล R5.
๓๗. และหาใช่ว่าทรัพย์สินและบรรดาบุตรของพวกเจ้าจะเป็นสิ่งที่ทำให้พวกเจ้าใกล้ชิดกับเราไม่ นอกจากผู้ที่ศรัทธาและปฏิบัติแต่ความดีเท่านั้น แน่นอนพวกเหล่านั้นจะได้รับผลตอบแทนเป็นทวีคูณ โดยความประพฤติของพวกเขาเอง อย่างน้อยสิบเท่า และพวกเขาจะได้อยู่ในปราสาทต่าง ๆของสวรรค์โดยสวัสดิภาพ
๓๘.และบรรดาผู้พากเพียรในการทำลายล้างโองการทั้งหลายของเราโดยพวกเขาคิดว่าเราไร้อานุภาพที่จะลงโทษพวกเขาพวกเหล่านั้นจะต้องถูกนำตัวมาในการลงโทษ
๓๙. โอ้มุฮำมัดเจ้าจงกล่าวเถิด แท้จริงผู้ทรงอภิบาลของข้าทรงแผ่โชคผลอันกว้างขวางแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์จากมวลบ่าวของพระองค์และทรงจำกัดโชคผลแก่เขาสำหรับบุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และสิ่งใด ๆ ที่พวกเจ้าได้ใช้จ่ายในการกุศลและความดี แน่นอนพระองค์จักทดแทนมันแก่พวกเจ้าเป็นทวีคูณ และพระองค์ทรงเป็นผู้ประเสริฐยิ่งแห่งบรรดาผู้ให้โชคผลทั้งหลาย



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 40 -42


คำอ่าน
40. วะเยามะยะหฺชุรุฮุมญะมีอัน..ษุม..มะยะกูลุลิลมะลา...อิกะติ อะฮา..อุลา...อิ อียากุมกานูยะอฺบุดูน
41. กอลูสุบหานะกะ อัน..ตะวะลียุนา มิน..ดูนิฮิม บัลกานูยะอฺบุดูนัลญินน..นะ อักษะรุฮุม..บิฮิม..มุอ์มินูน
42. ฟัลเยามะลายัมลิกุ บะอฺฎุกุมลิบะอฺฎิน..นัฟเอา..วะล็อรฺรอ วะนะกูลุ ลิลละซีนะเซาะละมู ซูกูอะซาบัน..นาริลละตี กุน..ตุม..บิฮาตุกัซซิบูน

 
คำแปล R1.
40. And (remember) the Day when He will gather them all together, and then will say to the angels: "Was it you that these people used to worship?"
41. They (angels) will say: "Glorified be you! You are our [/i]wali[/i](Lord) instead of them. Nay, but they used to worship the jinns; Most of them were believers in them."
42. So today (i.e. the Day of Resurrection), none of you can profit or harm one another. And We shall say to those who did wrong [i.e. worshipped others (like angels, jinns, Prophets, saints, righteous persons, etc.) along with Allah]: "Taste the torment of the Fire which you used to belie.


คำแปล R2.
40. และในวันที่พระองค์ทรงรวบรวมพวกเขาพร้อมเพรียงกัน (ให้ไปชุมนุม ณ สถานชุมนุมเดียวกัน) หลังจากนั้นทรงตรัสแก่มวลมลาอิกะฮฺว่า “พวกเหล่านี้หรือที่เคยนมัสการพวกเจ้ามาก่อน”
41. เหล่ามลาอิกะฮฺตอบว่า พระองค์มหาบริสุทธิ์ยิ่งนัก พระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองเรา(หาใช่พวกเขาไม่) แต่ทว่าพวกเขาได้ทำการนมัสการญิน(มารร้าย)ซึ่งพวกเขาส่วนมากนั้นเป็นผู้ศรัทธาในพวกมัน
42. แท้จริงในวันนี้ พวกเจ้าทั้งหลายไม่มีอำนาจให้คุณและให้โทษแก่กันและกัน และเราจะรับสั่งแก่บรรดาจำพวกทุจริตทั้งมวลว่า “พวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษของไฟนรก ซึ่งพวกเจ้าเคยว่ามันเป็นเรื่องเท็จเถิด”


คำแปล R3.
40. และในวันที่พระองค์จะทรงรวมมนุษยชาติทั้งหมดไว้ด้วยกันนั้น พระองค์จะทรงถามมลาอิกะห์ว่า “พวกเขาเหล่านี้หรือที่เคารพสักการะพวกเจ้า?”
41. พวกเขาจะตอบว่า “มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ พระองค์คือผู้ทรงคุ้มครองเรา เราไม่ได้เกี่ยงข้องอะไรกับพวกเขา ความจริงแล้วพวกเขาเคารพสักการะพวกญินในพวกมันนั่นแหละที่ส่วนมากของพวกเขาศรัทธา”
42. (ในตอนนั้น เราจะกล่าวว่า) “วันนี้ สูเจ้าไม่สามารถที่จะยังคุณและให้โทษแก่กันและกันได้” และเราจะกล่าวแก่บรรดาผู้ทำผิดว่า “ตอนนี้ จงลิ้มรสการลงโทษที่สูเจ้าเคยปฏิเสธ”


คำแปล R4.
40. และวันที่พระองค์จะทรงรวบรวมพวกเขาทั้งหมด แล้วพระองค์จะตรัสแก่มะลาอิกะฮฺว่า “พวกเขาเหล่านั้นนะหรือที่เคารพภักดีต่อพวกเจ้า?”
41. พวกเขา (มะลาอิกะฮฺ) กล่าวว่า “มหาบริสุทธิ์แห่งพระองค์ท่าน พระองค์ทรงเป็นผู้คุ้มครองพวกข้าพระองค์ มิใช่พวกเขา แต่พวกเขาเคารพภักดีญิน (ชัยฏอน) ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ศรัทธาต่อพวกมัน (ชัยฏอน)”
42. ดังนั้น วันนี้บางคนในพวกเจ้าไม่มีอำนาจที่จะให้คุณและให้โทษซึ่งกันและกัน และเราจะกล่าวแก่บรรดาผู้กระทำผิดเหล่านั้นว่า “พวกเจ้าจงลิ้มรสการลงโทษของไฟนรกซึ่งพวกเจ้าได้ปฏิเสธมัน”


คำแปล R5.
๔๐. และเจ้าจงระลึกถึงวันซึ่งเราจะรวมพวกเขาทั้งสิ้นในสถานที่เดียวกันคือ “มัฮชัร” หลังจากนั้นเราจะตรัสแก่มลาอิกะห์ว่า พวกเหล่านี้มิใช่หรือที่กราบไหว้พวกเจ้า
๔๑. บรรดาพวกเขาทูลตอบว่า มหาบพิตร์แห่งพระองค์ พระองค์ไม่มีคู่ภาคีใด ๆ ทั้งสิ้น พระองค์เป็นผู้ปกครองเรา มิใช่พวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงมิได้มาเกี่ยวข้องกับพวกเราในการกราบไหว้ด้วยประการใด ๆ แต่ความเป็นจริงพวกเขากราบไหว้ญินที่เป็นมารร้ายผู้คอยยุยงและเสี้ยมสอนให้พวกนั้นกราบไหว้พวกเรา ซึ่งส่วนมากของพวกเขามีศรัทธาต่อพวกนั้นอย่างเหนียวแน่น
๔๒. อัลเลาะห์ทรงโองการว่าแท้จริงวันนี้พวกเจ้าไม่มีสิทธิปกครองคุณและโทษที่จะพึงอำนวยแก่กันและกันและเราโองการแก่ผู้อธรรมทั้งหลายว่า พวกเจ้าจงลิ้มรสแห่งการลงโทษของนรกซึ่งพวกเจ้าเคยยกโกหกไว้แต่กาลอดีตเถิด



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ สะบะอ์ อายะฮฺที่ 43 - 45


คำอ่าน
43. วะอิซาตุตลาอะลัยฮิม อายาตุนา บัยยินาติน..กอลูมาฮาซา..อิลลา เราะญุลุย..ยุรีดุ อัย..ยะศุดดะกุม อัม..มากานะ ยะอฺบุดุอาบา...อุกุม วะกอลูมาฮาซา..อิลลา..อิฟกุม..มุฟตะรอ วะกอลัลละซีนะกะฟะรู ลิลหักกิลัม..มาญา...อะกุม อินฮาซา..อิลลาสิหฺรุม..มุบีน
44. วะมาอาตัยนาฮุม..มิน..กุตุบี..ยัดรุสูนะฮษ วะมาอัรฺสัลนา..อิลัยฮิม ก็อบละกะมิน..นะซีรฺ
45. วะกัซซะบัลละซีนะ มิน..ก็อบลิฮิม วะมาบะละฆู มิอฺชาเราะ มา..อาตัยนาฮุม ฟะกัซซะบูรุสุลี ฟะกัยฟะกานะนะกีรฺ


คำแปล R1.
43. And when our clear Verses are recited to them, they say: "This (Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) is naught but a man who wishes to hinder you from that which your fathers used to worship." and they say: "This is nothing but an invented lie." and those who disbelieve say of the Truth when it has come to them (i.e. Prophet Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam when Allah sent him as a Messenger with proofs, evidences, verses, lessons, signs, etc.): "This is nothing but evident magic!"
44. And we had not given them Scriptures which they could study, nor sent to them before you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) any Warner (Messenger).
45. And those before them belied; these have not received one tenth (1/10th) of what we had granted to those (of old), yet they belied my Messengers, then how (terrible) was my denial (punishment)!


คำแปล R2.
43. และเมื่อมีผู้อัญเชิญบรรดาโองการของเราอันชัดแจ้งให้พวกเขาฟัง พวกเขาก็กล่าว่า “ผู้นี้หาใช่คาไม่นอกจากเป็นเพียงบุรุษหนึ่งที่มุ่งหวังจะขัดขวางพวกท่านให้ออกพ้นจากสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกท่านเคยนมัสการมาก่อน” และพวกเขากล่าวอีกว่า “อัลกุรอานนี้หาใช่อะไรไม่นอกจากเป็นเพียงความเท็จที่ถูกเสกสรรขึ้นเท่านั้นเอง” และบรรดาพวกไร้ศรัทธาต่อสัจธรรมเมื่อสัจธรรมได้มายังพวกเขาได้กล่าวว่า “อัลกุรอานนี้มิใช่สิ่งอื่นใดเลยนอกจากเป็นเพียงมายากลอันชัดแจ้งเท่านั้น”
44. และเราไม่ได้คัมภีร์ต่าง ๆ แก่พวกเขาที่พวกเขาจะศึกษาคัมภีร์นั้น ๆ และเรามิได้ส่งศาสนทูตผู้ตักเตือนมายังพวกเขาก่อนหน้าเจ้าเลย (เขาจึงไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่จะมายืนยันทรรศนะเขาได้)
45. และ(เจ้าพึงทราบเถิดว่า) บรรดาประชาชาติในยุคก่อนพวกเขาก็ได้ว่า(สษสนทูตของตนเอง)เป็นผู้มุสา  (เหมือนกับที่พวกไร้ศรัทธาในยุคของเจ้าว่าเจ้านี้แหละ) ทั้ง ๆ ที่พวกนี้มิได้มีอะไรถึงเศษหนึ่งส่วนสิบจากสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกในยุคก่อนเลย(ไม่ว่าความรวบ ความลำบาก หรือความแข็งแรงก็ตาม) แต่แล้วพวกเขาก็ยังว่าศาสนทูตของข้าเป็นผู้มุสา แล้วการคัดค้านของข้า(ในโทษทัณฑ์ของพวกนั้น)จะมีขึ้นได้อย่างไรเล่า


คำแปล R3.
43. และพวกเขากล่าวว่า “นี่(กุรอาน)มิใช่อะไรนอกไปจากเรื่องเท็จที่กุขึ้นมา” เมื่อสัจธรรมมาปรากฏต่อหน้าบรรดาผู้ปฏิเสธเหล่านี้ พวกเขาก็กล่าวว่า “นี่มิใช่อะไรนอกไปจากมายากลอย่างชัดเจน”
44. เราไม่ได้ประทานคัมภีร์แก่พวกเขาก่อนหน้านี้ที่พวกเขาจะได้เรียน และเราก็มิได้ส่งผู้ตักเตือนคนใดมาก่อนหน้าเจ้า
45. และบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาก็ได้ปฏิเสธในทำนองนี้ คนเหล่านี้ไม่ได้รับแม้แต่หนึ่งในสิบของสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา แต่เมื่อพวกเขาถือว่าบรรดารอซูลของเราเป็นผู้โกหก ดังนั้นก็จงดูเถิดว่า การลงโทษของฉันจะเป็นอย่างไร


คำแปล R4.
43. และเมื่อบรรดาอายาตอันชัดแจ้งของเราถูกอ่านแก่พวกเขา (มุชริกีน) แล้วพวกเขากล่าวว่า”นี่มิใช่ใครอื่นนอกจากชายคนหนึ่งที่ปรารถนาจะยับยั้งพวกท่าน จากการที่บรรพบุรุษของพวกท่านได้เคารพภักดีมาก่อน”และพวกเขากล่าวว่า “นี่มิใช่อะไรอื่น นอกจากเรื่องเท็จที่ถูกอุปโลกน์ขึ้น” และบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาได้กล่าวในเรื่องของสัจธรรม เมื่อมันได้มีมายังพวกเขาว่า “นี่มิใช่อื่นใดเลยนอกจากเล่ห์กลอย่างชัดแจ้ง”
44. และเรามิได้ประทานบรรดาคัมภีร์ให้แก่พวกเขา (เพื่อให้) พวกเขาศึกษาค้นคว้ากันและเราก็มิได้ส่ง (บรรดารอซูล)ไปยังพวกเขาก่อนหน้าเจ้า (ในฐานะ) เป็นผู้ตักเตือน
45. และบรรดาผู้มาก่อนหน้าพวกเขาก็ได้ปฏิเสธ (สัจธรรมมาแล้ว) และพวกเขา (กุเรชมักกะฮฺ) มิได้มีถึงหนึ่งในสิบของที่เราได้ให้(ความมั่งคั่ง) แก่พวกเขา  กระนั้นก็ดีพวกเขาก็ได้ปฏิเสธบรรดารอซูลของข้า ดังนั้นการปฏิเสธ(ต่อข้าจะมีผล) เป็นอย่างไร (ต่อพวกเขา) !


คำแปล R5.
๔๓. และเมื่อบรรดาโองการอันชัดแจ้งจากอัลกุรอานของเราถูกอ่านแก่พวกเขาพวกเขาก็กล่าวว่ามุฮำมัดนี้มิใช่อื่นเลยนอกจากเป็นเพียงบุรุษหนึ่งที่มุ่งหวังจะขัดขวางพวกเจ้าให้พ้นจากสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเจ้าเคยกราบไหว้มาก่อนอันได้แก่บรรดาเจว็ดต่าง ๆ และพวกเขากล่าวว่าอัลกุรอานนี้มิใช่อื่นใดนอกจากเป็นมุสาวาทะที่ถูกกุขึ้นแล้วหลอกลวงว่าเป็นโองการจากพระองค์อัลเลาะห์ และบรรดาผู้เนรคุณได้กล่าวเกี่ยวกับสัจธรรมแห่งอัลกุรอานว่าสิ่งนี้หาใช่อื่นใดไม่นอกจากเป็นมายากลอันชัดแจ้ง
๔๔. และเรามิได้ประทานแก่พวกเขาซึ่งคัมภีร์ใด ๆ ที่พวกเขาอ่านมันมาแต่กาลก่อนและเรามิได้ส่งมายังพวกเขาก่อนหน้าเจ้าซึ่งศาสนทูตผู้ตักเตือนคนใดทั้งสิ้นที่ประกาศเชิญชวนให้ตั้งภาคีแก่อัลเลาะห์แล้วพวกเขาได้ยกโกหกเจ้าโดยเปรียบเทียบและอ้างอิงมาจากไหนกัน
๔๕. และบรรดาประชาชาติในสมัยก่อนหน้าพวกเขาก็กล่าวว่าเป็นเท็จเช่นเดียวกันและพวกเขา(ชาวกาฟิรมักกะห์) มิได้บรรลุสู่เศษหนึ่งส่วนสิบของสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกนั้นเมื่อสมัยอดีตเลย ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งทางร่างกาย ความมั่งคั่งทางทรัพย์สินและมีอายุอันยาวนาน แม้กระทั่งก็ไม่อาจป้องกันพวกเขาให้พ้นจากการลงโทษในวันปรภพได้ แต่แล้วพวกเหล่านั้นได้กล่าวว่าบรรดาศาสนทูตของข้าเป็นผู้มุสาในคำประกาศของเขา แล้วการคัดค้านของข้าด้วยการลงโทษพวกเขาจะมีได้อย่างไร


 

GoogleTagged