ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 31 สูเราะฮฺ ลุกมาน  (อ่าน 5660 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำอธิบายประกอบสูเราะฮฺ ลุกมาน (ชื่อปราชญ์ในอดีต)
http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp

เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 34 อายะฮฺ
    ซูเราะฮฺลุกมาน เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ มีเป้าหมายในการเยียวยาเกี่ยวกับหลักการศรัทธาโดยเน้นถึงหลักการสำคัญ ๆ 3 ประการของการศรัทธา นั่นก็คือ การให้ความเป็นเอกภาพการเป็นนะบี การฟื้นคืนชีพและการตอบแทน เช่นเดียวกับสภาพของซูเราะฮฺมักกียะฮฺอื่น ๆ
    ซูเราะฮฺนี้เริ่มด้วยการกล่าวถึงคัมภีร์แห่งปรัชญา ซึ่งเป็นปาฏิหาริย์ที่ยั่งยืนของมุฮัมมัด โดยได้นำหลักฐานยืนยันให้ประจักษ์ถึงความเป็นเอกะของพระเจ้าแห่งสากลโลก กล่าวถึงหลักฐานแห่งเดชานุภาพอันยิ่งใหญ่ ความสวยงามอันน่าประหลาดในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไพศาล ที่มีระบบอันรัดกุมสอดคล้องแห่งการสร้างในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ในดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ ในกลางวันและกลางคืน ในขุนเขาและน่านน้ำ ในคลื่นลมและสายฝน ในพืชผล และต้นไม้ และในทุกสิ่งที่มนุษย์ได้พบเห็นจากหลักฐานแห่งเดชานุภาพ และความเป็นเอกภาพของพระเจ้าแห่งสากลโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้จิตใจและสติปัญญายอมรับ และยอมจำนนต่อหลักฐานที่ปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา โดยมิต้องสงสัยหรือลังเลแต่อย่างใด
    นอกจากนี้ ยังเป็นการเตือนพวกมุชริกีนให้ตระหนักถึงหลักฐานแห่งเดชานุภาพและความเป็นเอกภาพ ที่ปรากฏออกมาในจักรวาลอันกว้างใหญ่และสวยงาม และสร้างความสั่นสะเทือนให้แก่พวกเขาอีกด้วย “นี่คือการสร้างของอัลลอฮฺ ดังนั้นพวกเจ้าจงแสดงให้ข้า (อัลลอฮฺ) เห็นซิว่า อันใดเล่าที่เขาเหล่านั้นได้สร้างมันขึ้นมาอื่นจากพระองค์ แต่ว่าบรรดาผู้อธรรมต่างหากที่อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง”
    ซูเราะฮฺนี้จบลงด้วยการเตือนให้รำลึกถึงวันอันน่าหวาดกลัว ที่ทรัพย์สินและบุตรหลานจะไม่อำนวยประโยชน์อันใดเลย “โอ้มนุษย์เอ๋ย จงยำเกรงพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด และจงกลัววันหนึ่งที่พ่อไม่อาจจะช่วยลูกของเขาได้”
ชื่อของซูเราะฮฺ
    ซูเราะฮฺลุกมานถูกเรียกชื่อนี้เพราะได้กล่าวถึงเรื่องของ “ลุกมานอัลฮะกีม” หรือ “ลุกมานนักปรัชญา” ที่ประมวลไว้ด้วยคุณค่าแห่งปรัชญา เคล็ดลับของการรู้จักอัลลอฮฺและคุณลักษณะของพระองค์ ประณามการชิริก ใช้ให้มีมรรยาทที่ดีงาม และห้ามปรามให้ละเว้นการกระทำที่น่ารังเกียจไม่เป็นที่ยอมรับ อีกทั้งยังประมวลไว้ด้วยการสั่งเสียที่มีคุณค่า ซึ่งอัลลอฮฺทรงสอนให้เขาพูดออกมา และนั่นคือปรัชญาและความเฉลียวฉลาดที่ลุกมานได้รับจากพระเจ้าของเขา


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

 

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 1 – 5




คำอ่าน
1. อะลิฟ ลาม มีม
2. ติลกะอายาตุลกิตาบิลหะกีม
3. ฮุเดา..วะเราะหฺมะตัลลิลมุหฺสินีน
4. อัลละซีนะยุกีมูนัศเศาะลาตะ วะยุอ์ตูนัซซะกาตะ วะฮุม..บิลอาคิเราะติฮุมยูกินูน
5. อุลา...อิกะอะลาฮุดัม..มิรฺร็อบบอฮิม วะอุลา...อิกะฮุมุลมุฟลิหูน


คำแปล R1.
1. Alif-Lam-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (alone) knows their meanings.]
2. These are Verses of the wise Book (the Qur'an).
3. A guide and a mercy for the Muhsinun (good-doers)
4. Those who perform As-Salat (Iqamat-as- Salat) and give Zakat and they have faith in the Hereafter with certainty.
5. Such are on guidance from their Lord, and such are the successful.


คำแปล R2.
1. อลิฟ ลาม มีม
2. เหล่านี้คือบรรดาโองการแห่งคัมภีร์อันมีวิทยญาณล้ำเลิศ
3. เป็นคัมภีร์ที่ชี้นำและเมตตาธรรม แก่มวลผู้ประพฤติชอบทั้งหลาย
4. พวกเขาเป็นผู้ที่ดำรงละหมาด บริจาคทานซะกาต และพวกเขามีความเชื่อมั่นในโลกหน้า
5. พวกเหล่านั้นได้อยู่บนสิ่งชี้นำทางจากองค์อภิบาลของพวกเขา และพวกเหล่านั้นเป็นผู้สมหวังโดยแท้จริง


คำแปล R3.
1. อะลีฟ ลาม มีม
2. นี่คืออายะฮฺของคัมภีร์แห่งวิทยปัญญา
3. เป็นทางนำและเป็นความเมตตาสำหรับบรรดาผู้มีคุณธรรมความดี
4. บรรดาผู้ดำรงนมาซและจ่ายซะกาตและเชื่อมั่นอย่างเต็มที่ในเรื่องโลกหน้า
5. พวกเขาคือบรรดาผู้ที่อยู่บนแนวทางที่ถูกต้องจากพระผู้อภิบาลของพวกเขาและพวกเขาคือผุ้ที่ได้รับความสำเร็จที่แท้จริง


คำแปล R4.
1. อะลิฟ ลาม มีม
2. เหล่านั้นคือบรรดาอายาตแห่งคัมภีร์ที่ชัดแจ้ง
3. (เพื่อ) เป็นแนวทางที่ถูกต้องและเป็นการเมตตาแก่บรรดาผู้กระทำความดี
4. (คือ) บรรดาผู้ดำรงการละหมาด และบริจาคซะกาต และพวกเขาเชื่อมั่นต่อวันปรโลก
5. ชนเหล่านั้นอยู่บนแนวทางที่ถูกต้องจากพระเจ้าของพวกเขา และชนเหล่านั้นพวกเขาเป็นผู้ประสบความสำเร็จ

 
คำแปล R5.
๑. อาลิฟ ลาม มีม อัลเลาะห์ทรงรอบรู้ความมุ่งหมายเพียงพระองค์เดียว
๒. บรรดาโองการเหล่านี้เป็นโองการแห่งคัมภีร์อัลกุรอานที่ยิ่งด้วยวิทยปัญญา
๓. เป็นสิ่งชี้นำและเมตตาธรรมสำหรับมวลผู้ประพฤติดีทั้งหลาย
๔. ซึ่งเป็นผู้ดำรงการละหมาดเป็นนิจเนืองและบริจาคทานซะกาตโดยครบถ้วนและพวกเขามีความเชื่อมั่นในวันปรภพ
๕. พวกเหล่านั้นตั้งมั่นอยู่บนสิ่งนำทางจากองค์อภิบาลของพวกเขาและพวกเหล่านั้นเป็นผู้สมหวังและได้รับชัยชนะโดยแท้จริง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
 
สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 6 - 9


คำอ่าน
6. วะมินัน..นาสิ มัย..ยัชตะรีละหฺวัลหะดีษิ ลิยุฎิลละ อัน..สะบีลิลลาฮิ บิฆ็อยริอิลมิว..วะยัตตะคิซุฮาฮุซุวา อุลา...อิกะละฮุม อะซาบุม..มุฮีน
7. วะอิซาตุตลาอะลัยฮิ อายาตุนา วัลลามุสตักบิร็อน..กะอัลลัมยัสมะอฺฮา กะอัน..นะฟี..อุซุนัยฮิวักรอ ฟะบัชชิรฺฮุบิอะซาบินอะลีม
8. อิน..นัลละซีนะอามะนูวะอะมิลุศศอลิหาติ ละฮุมญัน..นาตุน..นะอีม
9. คอลิดีนะฟีฮา วะอฺดัลลอฮิหักกอ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม


คำแปล R1.
6. And of mankind is he who purchases idle talks (i.e.music, singing, etc.) to mislead (men) from the Path of Allah without knowledge, and takes it (the Path of Allah, the Verses of the Qur'an) by way of mockery. For such there will be a humiliating torment (in the Hell-fire).
7. And when Our Verses (of the Qur'an) are recited to such a one, he turns awayi pride, as if he heard them not, as if there were deafness in his ear. So announce to him a painful torment.
8. Verily, those who believe (in Islamic Monotheism) and do righteous good deeds, for them are Gardens of delight (Paradise).
9. To abide therein. It is a Promise of Allah in truth. And He is the All-Mighty, the All-Wise.


คำแปล R2.
6.และมนุษย์บางคนเป็นผู้ที่แลกเอาเรื่องราวที่เพลิดเพลิน (มาเป็นสาระจนลืมเรื่องศาสนา) เพื่อเขาทำให้หลงจากแนวทางของอัลเลาะฮฺ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ และเขาถือเอาแนวทางดังกล่าวมาเป็นที่เย้ยหยัน พวกเหล่านั้นย่อมได้รับการลงโทษอันอัปยศที่สุด
7. และเมื่อโองการทั้งหลายของเราได้ถูกอ่านให้เขาฟัง เขาก็หันหลังให้อย่างยโสคล้ายกับว่าเขาไม่ได้ยินมัน ประหนึ่งในหูทั้งสองของเขามีความหนวก ดังนั้นเจ้าจงแจ้งให้เขาทราบถึงการลงโทษอันทรมานยิ่งเถิด
8. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและประพฤติดีทั้งหลายเขาย่อมได้รับสวรรค์อันบรมสุขเป็นสิ่งตอบแทน
9. พวกเขาได้เข้าประจำเป็นการถาวรในนั้น เป็นสัญญาณแห่งอัลเลาะฮฺที่เป็นจริง และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง


คำแปล R3.
6. และในหมู่มนุษย์นั้นก็มีผู้ซื้อเรื่องไร้สาระเพื่อที่จะนำผู้คนให้หลงไปจากทางของอัลลอฮฺโดยไม่มีความรู้ และถือว่าการเชิญชวนไปสู่มันเป็นเรื่องขบขันสำหรับคนพวกนี้จะถูกลงโทษอย่างอัปยศ
7. และเมื่ออายะฮฺทั้งหลายของเราถูกอ่านให้แก่เขา เขาก็หันหน้าหนีโดยไม่ใยดีเหมือนกับว่าเขาไม่ได้ยินมัน เหมือนกับว่าหูของเขาหนวก ดังนั้นจงบอกเขาถึงเรื่องการลงโทษอันเจ็บปวด
8. สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีนั้น สำหรับพวกเขาคือสวนสวรรค์แห่งความโปรดปราน
9. พวกเขาจะเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดไป สัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริง พระองค์คือผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ


คำแปล R4.
6. และในหมู่มนุษย์มีผู้ซื้อเอาเรื่องไร้สาระ เพื่อทำให้เขาหลงไปจากทางของอัลลอฮฺ โดยปราศจากความรู้ และถือเอามันเป็นเรื่องขบขัน ชนเหล่านี้พวกเขาจะได้รับการลงโทษอันอัปยศ
7. และเมื่ออายาตทั้งหลายของเราถูกอ่านให้แก่เขา เขาก็ผินหลังให้อย่างจองหอง ประหนึ่งว่าเขาไม่ได้ยินอายาตนั้นๆ ประหนึ่งว่าในหูของเขานั้นหนวก ดังนั้น จงแจ้งข่าวแก่เขาถึงการลงโทษอันเจ็บปวด
8. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย พวกเขาจะได้รับสวนสวรรค์หลากหลายอย่างสุขสำราญ
9. พวกเขาเป็นผู้พำนักอยู่ในนั้นตลอดกาล สัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นจริง และพระองค์คือผู้ทรงอำนาจผู้ทรงปรีชาญาณ

 
คำแปล R5.
๖. และมีคนบางคนที่เขาแลกเปลี่ยนเอาเรื่องเล่าที่ทำให้เพลิดเพลิน เช่น เล่านิทาน การตลกโปกฮา การร้องรำทำเพลงจนลืมสำนึกถึงหน้าที่ต่าง ๆ ของตนเองและลืมนึกถึงพระผู้เป็นเจ้า เพื่อเขาจะได้ยังความหลงผิดจากแนวทางของอัลเลาะห์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์และเขายึดเอามันเป็นเครื่องเยาะเย้ยหมิ่นแคลนต่าง ๆ นานา พวกเหล่านั้นย่อมได้รับการลงโทษอันต่ำต้อย
๗. และเมื่อโองการของเราได้ถูกอ่านแด่เขาเพื่อให้เขาได้รับฟังเขาก็ผินหลังให้ในอาการของผู้ยโสคล้ายกับเขาไม่ได้ยินมัน ประหนึ่งในสองหูของเขามีความหนวก ดังนั้น โอ้มุฮำมัด เจ้าจงแจ้งแก่เขาว่า เขาจะต้องประสบกับการลงโทษอันทรมานยิ่ง
๘. แท้จริงบรรดาผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดี พวกเขาย่อมได้สวรรค์อันนะอีมเป็นเครื่องตอบแทน
๙. พวกเขาเป็นผู้คงนิรันดร์อยู่ในนั้นตลอดไป เป็นสัญญาอันสัจจะยิ่งแห่งอัลเลาะห์ และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชายิ่ง



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 10 - 11


คำอ่าน
10. เคาะละก็อสสะมาวาติบิฆ็อยริอะมะดิน..ตะร็อวนะฮา วะอัลกอฟิลอัรฺฎิ เราะวาสิยะ อัน..ตะมีดะบิกุม วะบัษษะฟีฮา มิน..กุลลิดา...บบะฮฺ วะอัน..ซัลนามินัสสะมา...อิมา..อัน..ฟะอัมบัตนามิน..กุลลิเซาญิน..กะรีม
11. ฮาซาค็อลกุลลอฮฺ ฟะอะรูนีมาซาเคาะละก็อลละซีนะมิน..ดูนิฮฺ บะลิซซอลิมูนะฟีเฎาะลาลิม..มุบีน


คำแปล R1.
10. He has created the heavens without any pillars, that you see and has set on the earth firm mountains, lest it should shake with you. And He has scattered therein moving (living) creatures of all kinds. And we send down water (rain) from the sky, and we cause (plants) of every goodly kind to grow therein.
11. This is the creation of Allah. So show me that which those (whom you worship), besides Him have created. Nay, the Zalimun (polytheists, wrong-doers and those who do not believe in the Oneness of Allah) are In plain error.


คำแปล R2.
10. พระองค์ทรงสร้างฟ้าโดยปราศจากเสาตามที่เจ้าทั้งหลายก็มองเห็น(ด้วยสายตา)และพระองค์ทรงปักเทือกเขาไว้ในพื้นดินเพื่อมันทำให้พวกเจ้าแน่นแฟ้น(ไม่สั่นสะเทือน) และทรงให้มีสัตว์ทุกชนิดกระจายอยู่ในนั้น และเราได้หลั่งน้ำฝนให้ลงมาจากฟากฟ้า แล้วเราก็งอกเงยไว้ในนั้น จากพืชพันธุ์ทุกชนิดที่ให้ประโยชน์มหาศาล
11. นี้คือการบันดาลของอัลเลาะฮฺ ดังนั้นพวกเจ้าจง(ทดลอง)ทำให้ฉันเห็นประจักษ์แจ้งเถิดว่า “สิ่งใดบ้างที่บรรดา(พระเจ้าจอมปลอม)ผู้นอกเหนือจากพระองค์สามารถสร้างขึ้นได้” แต่ทว่าบรรดาผู้ฉ้อฉลตกอยู่ในความหลงทางอันชัดแจ้ง


คำแปล R3.
10. พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายโดยไม่มีเสาที่สูเจ้ามามารถเห็นได้ และทรงปักภูเขาไว้ในแผ่นดินอย่างมั่นคง เพื่อมิให้มันเคลื่อนไปกับสูเจ้า และพระองค์ทรงทำให้สัตว์หลากหลายชนิดแพร่กระจายในแผ่นดินและได้ส่งน้ำฝนลงมาจากฟากฟ้าและทำให้พืชพันธุ์หลากชนิดเจริญงอกงามในนั้น
11. นี่คือการสร้างของอัลลอฮฺ ดังนั้น แสดงให้ฉันเห็นหน่อยสิว่า อะไรบ้างที่สิ่งอื่นนอกไปจากพระองค์ได้สร้างขึ้นมา ? เปล่าเลย แท้จริงแล้วพวกคนชั่วเหล่านี้กำลังหลงผิดอย่างชัดเจน


คำแปล R4.
10. พระองค์ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายโดยปราศจากเสาที่พวกเจ้าจะมองเห็นมันได้ และทรงปักเทือกเขาไว้อย่างมั่นคงในแผ่นดินเพื่อมิให้มันสั่นคลอนไปกับพวกเจ้า และทรงให้สัตว์ทุกชนิดแพร่หลายในมัน (แผ่นดิน) และเราได้ให้น้ำ (ฝน) หลั่งลงมาจากฟากฟ้าและเราได้ให้พืชทุกชนิดงอกเงยออกมาเป็นคู่ ๆ อย่างดีงาม
11. นี่คือการสร้างของอัลลอฮฺ ดังนั้น พวกเจ้าจงแสดงให้ข้า (อัลลอฮฺ) เห็นซิว่า อันใดเล่าที่เขาเหล่านั้นได้สร้างมันขึ้นมาอื่นจากพระองค์ แต่ว่าบรรดาผู้อธรรมต่างหากที่อยู่ในการหลงผิดอย่างชัดแจ้ง


คำแปล R5.
๑๐. พระองค์ทรงบันดาลฟากฟ้าโดยปราศจากเสาที่พวกเจ้าจะเห็นมัน และพระองค์ทรงประดิษฐานไว้ในแผ่นดินซึ่งขุนเขาต่าง ๆ เพื่อมันจะได้ไม่เคลื่อนไหวกับพวกเจ้าและทรงแพร่กระจายในมันจากสัตว์ทุกชนิด และเราได้หลั่งน้ำฝนจากฟากฟ้าแล้วเราก็ให้การงอกเงยในแผ่นดินนั้น จากทุก ๆ ประเภทแห่งพืชพันธุ์อันงดงาม
๑๑. นี้เป็นการบันดาลของอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว ซึ่งไม่มีผู้ใดสามารถบันดาลได้ ดังนั้นพวกเจ้าจงแจ้งแก่ข้าเถิด โอ้ชาวมักกะห์ทั้งหลายว่า บรรดาสิ่งที่พวกเจ้าทั้งหลายกราบไหว้บูชา อันนอกจากพระองค์อัลเลาะห์นั้นได้บันดาลสิ่งใดบ้าง แต่ว่าบรรดาทรชนที่ตั้งภาคีขึ้นเทียบเทียมอัลเลาะห์ ซึ่งพวกเขาเป็นผู้อธรรมนั้น ย่อมตกอยู่ในความหลงผิดอันแจ้งชัด



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 12 - 15


คำอ่าน
12. วะละก็อดอาตัยนาลุกมานัลหิกมะตะ อะนิชกุรฺลิลลาฮฺ วะมัย..ยัชกุรฺ ฟะอิน..นะมายัชกุรุลินัฟสิฮฺ วะมัน..กะฟะเราะฟะอิน..นัลลอฮะ เฆาะนียุนหะมีด
13. วะอิซกอละลุกมานุลิบนิฮี วะฮะวะยะอิซุฮู ยาบุนัยยั ลาตุชริกบิลลาฮฺ อิน..นัชชิรฺกะ ละซุลมุนอะซีม
14. วะวัศศ็อยนัลอิน..สานะบิวาลิดัยฮิ หะมะลัตฮุ อุม..มุฮู วะฮฺนันอะลาวะฮฺนิว..วะฟิศอลุฮูฟีอามัยนฺ อะนิชกุรฺลี วะลิวาลิดัยยะ อิลัยยัลมะศีรฺ
15. วะอิน..ญาฮะดากะ อะลา..อัน..ตุชริกะบีมาลัยสะละกะบิฮีอิลมฺ ฟะลาตุฏิอฺอูมา วะศอหิบฮุมา ฟิดดุนยา มะอฺรูฟา วัตตะบิอฺสะบัละมันอะนาบะอิลัยยะ ษุม..มะอิลัยยะมัรฺญิอุกุม ฟะอุนับบิอุกุม..บิมากุน..ตุมตะอฺมะลูน

 
คำแปล R1.
12. And indeed we bestowed upon Luqman Al-Hikmah (wisdom and religious understanding, etc.) saying: "Give thanks to Allah," and whoever gives thanks, he gives thanks for (the good of) his own self. And whoever is unthankful, then verily, Allah is All-Rich (Free of all wants), worthy of all praise.
13. And (remember) when Luqman said to his son when he was advising him: "O my son! Join not in worship others with Allah. Verily! Joining others in worship with Allah is a great Zulm (wrong) indeed.
14. And we have enjoined on man (to be dutiful and good) to his parents. His mother bore him in weakness and hardship upon weakness and hardship, and his weaning is in two years give thanks to Me and to your parents, unto Me is the final destination.
15. But if they (both) strive with you to make you join in worship with Me others that of which you have no knowledge, then obey them not, but behave with them in the world kindly, and follow the path of him who turns to Me in repentance and in obedience. Then to Me will be your return, and I shall tell you what you used to do.


คำแปล R2.
12. ขอยืนยัน แท้จริงเราได้มอบวิทยญาณแก่ลุกมาน (พร้อมบัญชาแก่เขาว่า) “เจ้าจงกตัญญูต่ออัลเลาะฮฺเถิด” และผู้ใดก็ตามที่กตัญญู ที่จริงแล้วผลแห่งกตัญญูก็จะอำนวยคุณแก่เขาเอง แต่ผู้ใดอกตัญญู (ความจริงก็ไม่ระคายเคืองต่ออัลเลาะฮฺแต่ประการใด) เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงร่ำรวยยิ่ง ทรงถูกสรรเสริญยิ่ง(จากทุก ๆ สิ่ง)
13. และเมื่อลุกมานได้กล่าวแกบุตรชายของตนขณะทำการอบรมว่า “โอ้ลูกรักของฉัน เธออย่าตั้งภาคีต่ออัลเลาะฮฺ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้น เป็นความอธรรมอันใหญ่หลวงยิ่ง”
14. และเราได้มีคำสั่งแก่มวลมนุษย์(ให้กระทำดี)กับผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเขา(โดยเฉพาะอย่างยิ่ง) มารดาของเขาได้ตั้งครรภ์เขา(มาเป็นระยะเวลาประมาณ 9 เดือน) ด้วยความทุกข์ทรมานเป็นที่สุด และได้เลิกการให้นมเขาในสองปี (โดยเหตุนั้น) เจ้าจงกตัญญูต่อข้าและต่อผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเจ้าเถิด และ (จงระลึกตลอดเวลาเถิดว่าเจ้าจะต้อง)กลับคืนมายังข้า(เพื่อรับการตอบแทน)
15. แต่ถ้าเขาทั้งสองได้บังคับเจ้าให้ตั้งภาคีกับข้าในสิ่งที่เจ้าไม่รู้(มาเลยว่ามันจะเป็นภาคีได้) เจ้าก็อย่าเชื่อฟังทั้งสอง และเจ้าจงปรนนิบัติคนทั้งสองในโลกนี้อย่างมีคุณธรรม และเจ้าจงประพฤติตามแนวทางของผู้ที่กลับคืนมายังข้าเถิด หลังจากนั้นพวกเจ้าก็ต้องกลับคืนมายังข้า(เหมือนกัน) แล้วข้าก็จะแจ้งให้พวกเจ้าทราบ(ถึงผลตอบแทน)ตามที่พวกเจ้าได้เคยประพฤติไว้


คำแปล R3.
12. เราได้ประทานวิทยปัญญาแก่ลุกมานว่าเขาจะต้องขอบคุณอัลลอฮฺ และใครก็ตามที่ขอบคุณ การขอบคุณนั้นก็สนองคุณตัวเขาเอง และใครก็ตามที่เนรคุณอัลลอฮฺก็เป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย เป็นผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
13. จงนึกถึงเมื่อตอนที่ลุกมานได้ตักเตือนบุตรของเขาว่า “ลูกเอ๋ยจงอย่านำสิ่งอื่นใดมาเป็นพระเจ้าร่วมกับอัลลอฮฺ แท้จริงการตั้งภาคีนั้นเป็นความอธรรมอย่างมหันต์”
14. และความจริงก็คือเราได้กำชับมนุษย์ในเรื่องพ่อแม่ของเขา แม่ของเขาอุ้มเขาอยู่ในครรภ์ด้วยความเพลียแล้วเพลียเล่าและการดื่มนมจนกระทั่งหย่านมของเขาก็กินเวลาสองปี (นั่นคือเหตุผลที่เราได้เตือนเขาว่า) “จงขอบคุณฉันและพ่อแม่ของสูเจ้า ยังฉันที่สูเจ้าจะต้องกลับมา
15. แต่ถ้าหากเขาทั้งสองบังคับให้สูเจ้านำสิ่งอื่นที่สูเจ้าไม่รู้มาเป็นภาคีร่วมกับฉัน ก็จงอย่าเชื่อฟังเขาทั้งสอง แต่จงปฏิบัติต่อเขาทั้งสองด้วยดีในโลกนี้ และจงปฏิบัติตามแนวทางของผู้ที่ได้หันมาสู่ฉัน ดังนั้น ยังฉันที่สูเจ้าทั้งหมดจะกลับมา แล้วฉันจะบอกสูเจ้าในสิ่งที่สูเจ้าได้ทำไป”


คำแปล R4.
12. และโดยแน่นอน เราได้ให้ฮิกมะฮฺ แก่ลุกมานว่า “จงขอบพระคุณต่ออัลลอฮฺ” และผู้ใดขอบคุณ แท้จริงเขาก็ขอบคุณตัวของเขาเอง และผู้ใดปฏิเสธ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงพอเพียงและทรงได้รับการสรรเสริญ
13. และจงรำลึกเมื่อลุกมานได้กล่าวแก่บุตรของเขา โดยสั่งสอนเขาว่า “โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าอย่าได้ตั้งภาคีใด ๆ ต่ออัลลอฮฺ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้นเป็นความผิดอย่างมหันต์ โดยแน่นอน
14. และเราได้สั่งการแก่มนุษย์เกี่ยวกับบิดา มารดาของเขา โดยที่มารดาของเขาได้อุ้มครรภ์เขาอ่อนเพลียลงครั้งแล้วครั้งเล่า และการหย่านมของเขาในระยะเวลาสองปี เจ้าจงขอบคุณข้า และบิดามารดาของเจ้า ยังเรานั้น คือการกลับไป
15. และถ้าเขาทั้งสองบังคับเจ้าให้ตั้งภาคีต่อข้า โดยที่เจ้าไม่มีความรู้ในเรื่องนั้น เจ้าอย่าได้เชื่อฟังปฏิบัติตามเขาทั้งสอง และจงอดทนอยู่กับเขาทั้งสองในโลกนี้ด้วยการทำความดี และจงปฏิบัติตามทางของผู้ที่กลับไปสู่ข้า และยังเรานั้นถือทางกลับของพวกเจ้า ดังนั้น ข้าจะบอกแก่พวกเจ้าในสิ่งที่พวกเจ้าได้กระทำไว้


คำแปล R5.
ประวัติของลุกมาน
๑๒. ขอสาบานแท้จริงเราได้ประทานวิทยญาณแก่ลุกมาน บุตรของฟาฆูซ บุตรนาคูณ บุตรตาริค คืออาซัร ซึ่งเป็นบุตรของพี่น้องของนบีอิบรอฮีม... เขาเป็นผู้มีสติปัญญาเฉียบแหลม มีความรอบรู้ทางโลกและทางธรรมเป็นอันดี เขาเป็นผู้ชี้แนะแก่ปวงชนในช่วงเวลาที่นบีดาวุดยังมิได้ประกาศตัวเป็นศาสนทูต จนเมื่อนบีดาวุดมีการประกาศศาสนา เขาก็หันมารับคำประกาศของนบีดาวุดต่อไป...โอ้ลุกมาน เจ้าจงขอบคุณอัลเลาะห์เถิด ที่พระองค์ทรงประทานความรู้แก่เจ้านั้น และผู้ใดที่ขอบคุณเนื่องในความโปรดปรานของอัลเลาะห์แน่นอนเขาย่อมได้รับผลแห่งการขอบคุณเพื่อตัวของเขาเองโดยอัลเลาะห์จะทรงประทานผลานิสงส์แก่เขาอย่างมากมายและผู้ใดเนรคุณต่ออัลเลาะห์ แน่นอนที่สุดอัลเลาะห์เป็นผู้ทรงร่ำรวยไม่ต้องพึ่งพาอาศัยสิ่งใดทั้งสิ้น ทรงได้รับการสรรเสริญ ดังนั้นการเนรคุณของเขาจึงไม่ระคายเคืองต่อพระเกียรติและพระเดชานุภาพของพระองค์เลยแม้แต่น้อย
๑๓. และโอ้มุฮำมัดเจ้าจงระลึกเถิดเมื่อลุกมานได้กล่าวแก่บุตรของเขา โดยเขาทำการอบรมบุตรนั้นว่า โอ้ลูกรักของข้า เจ้าจงอย่าตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์ เพราะแท้จริงการตั้งภาคีนั้นเป็นอธรรมอันใหญ่ยิ่ง
๑๔. และเราได้สั่งเสียแก่มนุษยชาติให้ปฏิบัติความดีงามกับผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเขาซึ่งมารดาของเขาได้แบกท้องเขาไว้ด้วยความอ่อนเปลี้ยและทรมานที่เหนือกว่าความอ่อนเปลี้ยใด ๆ ทั้งขณะที่ตั้งครรภ์ ขณะเจ็บท้อง และขณะคลอด และมารดาได้ หย่านมเขาในสองปี ซึ่งตลอดเวลานางต้องประสบความทรมานและเดือดร้อนอันแสนสาหัส และเราได้กล่าวแก่เขา(ลุกมาน)ว่า เจ้าจงขอบคุณข้าและผู้ให้กำเนิดทั้งสองของเจ้า อันที่กลับคืนเพื่อการสอบสวนความประพฤติของเจ้านั้นคือต้องกลับคืนมายังข้า
๑๕. และถ้าแม้นผู้ให้กำเนิดของเจ้าทั้งสองได้รบเร้าเจ้าให้เจ้าตั้งภาคีกับข้าแก่สิ่งที่เจ้ามิมีความรู้กับมันมาก่อนว่ามันจะมีลักษณะเป็นพระเจ้าได้อย่างไร สิ่งเหล่านั้นได้แก่ บรรดาเจว็ดและวัตถุบูชาทั้งหลาย ดังนั้น เจ้าจงได้อย่าภักดีต่อทั้งสองในการรบเร้าดังกล่าวนั้นเป็นอันขาด และเจ้าจงสังคมกับเขาทั้งสองในโลกนี้อย่างดีงามด้วยการปรนนิบัติและแสดงความกตัญญูกตเวทิคุณต่อทั้งสอง และเจ้าจงเจริญรอยตามวิถีทางของผู้ที่มีจิตใจน้อมกลับมายังข้า ด้วยการประกอบการภักดีต่าง ๆ อย่างครบถ้วนและเคร่งครัด หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะต้องกลับมาสู่ข้าเพื่อการพิจารณา แล้วข้าจักแจ้งให้พวกเจ้าได้ทราบถึงสิ่งที่พวกเจ้าได้เคยประพฤติมาเมื่ออดีต แล้วข้าจักตอบสนองความประพฤติเหล่านั้นอย่างยุติธรรมที่สุด บุตรของลุกมานได้กล่าวกับเขาว่า “โอ้ บิดา.. หากข้าพเจ้าแอบประกอบกรรมชั่วโดยไม่มีผู้ใดเห็นเลยนั้น อัลเลาะห์จะทรงรู้หรือ” ลุกมานจึงกล่าวตอบบุตรชายของตนว่า


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 16 - 17


คำอ่าน
16. ยาบุนัยยะ อิน..นะฮา..อิน..ตะกุมิษกอละหับบะติม..มินค็อรฺดะลิน..ฟะตะกุน..ฟีศ็อคเราะติน เอาฟิสสะมาวาติ เอาฟิลอัรฺฎิ ยะอ์ติบิฮัลลอฮฺ อิน..นัลลอฮะ ละฏีฟุนเคาะบีร.
17. ยาบุนัยยะ อะกิศเสาะลาตะ วะอ์มุรฺบิลมะอฺรูฟิ วันฮะอะนิลมุน..กะริ วัศบิรฺอะลามา..อะศอบัก อิน..นะซาลิกะมินอัซมิลอุมูร


คำแปล R1.
16. "O my son! If it be (anything) equal to the weight of a grain of mustard seed, and though it be in a rock, or in the heavens or in the earth, Allah will bring it forth. Verily, Allah is subtle (in bringing out that grain), Well-Aware (of its place).
17. "O my son! Aqim-is-Salat (perform As-Saat), enjoin (people) for Al-Ma'ruf (Islamic Monotheism and all that is good), and forbid (people) from Al-Munkar (i.e. disbelief in the Oneness of Allah, polytheism of all kinds and all that is evil and bad), and bear with patience whatever befall you. Verily! These are some of the important commandments ordered by Allah with no exemption.


คำแปล R2.
16. โอ้ลูกรัก แท้จริงแม้นสิ่งนั้น(ความดีหรือชั่วที่กระทำ) จะมีน้ำหนักเพียงเท่าเมล็ดผักกาด แล้วมันก็ซ่อนตัวอยู่ในก้อนหิน หรือในชั้นฟ้าหรือในแผ่นดินก็ดี แน่นอนอัลเลาะฮฺย่อมนำมันมา(ตอบแทน)เสมอ เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอ่อนโยนยิ่ง ทรงตระหนักยิ่งใน(ข้าทาสของพระองค์)
17. โอ้ลูกรัก เจ้าจงดำรงการละหมาดไว้ เจ้าจงใช้ให้กระทำความดี เจ้าจงห้ามปรามการกระทำสิ่งต้องห้าม และเจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่มาประสบแก่เจ้าเถิด เพราะแท้จริงสิ่งนั้น เป็นส่วนหนึ่งจากกิจกรรมอันเด็ดเดี่ยว


คำแปล R3.
16. (และลุกมานได้กล่าวว่า) ลูกเอ๋ยถึงแม้สิ่งใดจะหนักเท่ากับเมล็ดผักเมล็ดหนึ่งและถูกซ่อนไว้ในหินหรือในชั้นฟ้าและในแผ่นดิน อัลลอฮฺก็จะทรงนำมันออกมา อัลลอฮฺทรงรอบรู้ถึงสิ่งละเอียดอ่อน และทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
17. ลูกเอ๋ย จงดำรงนมาซ จงกำชับกันในเรื่องความดีและห้ามปรามความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่เกิดขึ้นแก่เจ้า นี่คือสิ่งที่ได้ถูกกำชับไว้อย่างเข้มงวด


คำแปล R4.
16. “โอ้ลูกเอ๋ย แท้จริง (หากว่าความผิดนั้น) มันจะหนักเท่าเมล็ดผักสักเมล็ดหนึ่ง มันจะซ่อนอยู่ในหิน หรืออยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลาย หรืออยู่ในแผ่นดิน อัลลอฮฺก็จะทรงนำมันออกมา แท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงเมตตา ผู้ทรงรอบรู้ยิ่ง”
17. “โอ้ลูกเอ๋ย เจ้าจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด และจงใช้กันให้กระทำความดี และจงห้ามปรามกันให้ละเว้นการทำความชั่ว และจงอดทนต่อสิ่งที่ประสบกับเจ้า แท้จริง นั่นคือส่วนหนึ่งจากกิจการที่หนักแน่น มั่นคง”


คำแปล R5.
๑๖. โอ้ลูกรักของข้าอันที่จริงมัน (ความชั่วนั้น) แม้นจะมีน้ำหนักเพียงเท่าเมล็ดผักกาดแล้วมันก็อยู่ในก้อนหินหรืออยู่ในฟากฟ้า หรืออยู่ในแผ่นดินก็ตาม แน่นอนอัลเลาะห์จะนำมันมาเพื่อพิจารณาพิพากษาไปตามเกณฑ์และอัตราแห่งความชั่วนั้น แท้จริงอัลเลาะห์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงห่วงใยยิ่งต่อผลประพฤตินานาประการของมวลบ่าวด้วยการนำความชั่วของบ่าวที่กระทำนั้นออกมาให้ปรากฏเพื่อการตัดสิน ผู้ทรงตระหนักยิ่งต่อ สถานที่ของความชั่วนั้น ไม่ว่ามันจะปรากฏอยู่ ณ สถานที่ใด ๆ ก็ตาม พระองค์ก็ทรงรอบรู้อย่างละเอียด ไม่มีสิ่งใดรอดเร้นจากความรอบรู้ของพระองค์ได้เลย
๑๗. โอ้ลูกรักของข้า เจ้าจงดำรงการละหมาดและจงใช้ให้กระทำแต่ความดี และจงห้ามมิให้กระทำสิ่งต้องห้าม และเจ้าจงอดทนต่อสิ่งที่ประสบแก่เจ้า อันเนื่องมาจากที่เจ้าต้องรับคำสั่งใช้และห้ามนั้น มาดแม้นเจ้าจะรู้สึกขื่นขมหรือไม่พึงพอใจก็ตาม แท้จริงความอดทนต่อสิ่งที่กล่าวไว้นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากการงานอันเด็ดขาด ที่เจ้าจะพึงปฏิเสธหรือละเลยต่อมันไม่ได้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 18 – 19


คำอ่าน
18. วะลาตุศ็ออฺ-อิรฺ ค็อดดะกะลิน..นาสิ วะลาตัมชิฟิลอัรฺฎิ มะเราะหา อิน..นัลลอฮะ ลายุหิบบุ กุลลุมุคตาลิน..ฟะคูรฺ
19. วักศิด ฟีมัชยิกะ วัฆฎุฎ มิน..ศ็อวติก อิน..นะอัน..กะร็อลอัศวาติ ละศ็อวตุลหะมีรฺ


คำแปล R1.
18. "And turn not your face away from men with pride, nor walk in insolence through the earth. Verily, Allah likes not each arrogant boaster.
19. "And be moderate (or show no insolence) in your walking, and lower your voice. Verily, the harshest of all voices is the voice (braying) of the ass."


คำแปล R2.
18. และเจ้าอย่า(เมินหน้า)แก่มวลมนุษย์ และอย่าเดินบนพื้นแผ่นดินด้วยความผยอง เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺไม่ทรงปราณีแก่ผู้ผยอง อีกทั้งทระนงทุกคน
19. และเจ้าจงถือความปานกลางเป็นเกณฑ์ในการเดินของเจ้า เจ้าจงลดเสียงของเจ้าให้เบา เพราะที่จริง เสียงที่น่าตำหนิที่สุดก็คือเสียง(ที่พูดดังประหนึ่งเสียง)ของลา


คำแปล R3.
18. และจงอย่าพูดกับผู้คนโดยหันหน้าออกไปจากเขาอย่างยโส และจงอย่าเดินบนแผ่นดินอย่างทะนงตน เพราะอัลลอฮฺไม่ทรงรักผู้โอหังและผู้คุยโวทุกคน
19. และจงสงบเสงี่ยมในท่าทางของเจ้า และจงลดเสียงของเจ้าให้เบาลง เพราะที่น่าเกลียดที่สุดในบรรดาเสียงทั้งหมดก็คือเสียงร้องของลา


คำแปล R4.
18. “และเจ้าอย่าหันแก้ม (ใบหน้า) ของเจ้าให้แก่ผู้คนอย่างยโส และอย่าเดินไปตามแผ่นดินอย่างไร้มรรยาท แท้จริง อัลลอฮฺ มิทรงชอบทุกผู้หยิ่งจองหอง และผู้คุยโวโอ้อวด”
19. “และเจ้าจงก้าวเท้าของเจ้าพอประมาณ และจงลดเสียงของเจ้าลง แท้จริง เสียงที่น่าเกลียดยิ่งคือเสียง (ร้อง) ของลา”


คำแปล R5.
๑๘. และเจ้าจงอย่าได้เมินหน้าจากมนุษย์ด้วยความยโสโอหัง และเจ้าจงอย่าเดินบนแผ่นดินด้วยอาการหยิ่งผยอง แท้จริงอัลเลาะห์ไม่รักทุกคนที่หยิ่งผยองที่มีแต่ความทระนงต่อผู้อื่น
๑๙. และเจ้าจงเดินอย่างปานกลาง ไม่ช้าหรือเร็วเกินไป แต่จะต้องเดินด้วยอาการสำรวมและมั่นคง และเจ้าจงลดเสียงของเจ้าให้เบา อย่าพูดดังจนเกินไป เพราะแท้จริงเสียงที่น่ารังเกียจที่สุด คือเสียงที่ดังประดุจเสียงของลา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 20 – 22


คำอ่าน
20. อะลัมตะเราะอัน..นัลลอฮะ สัคเคาะเราะละกุม..มาฟิสสะมาวาติวะมาฟิลอัรฺฎิ วะอัสบะเฆาะอะลัยกุม นิอะมะฮูซอฮิเราะเตา..วะบาฏินะฮฺ วะมินัน..นาสิ มัย..ยุญาดิลุฟิลลาฮิ บิฆ็อยริอิลมิว..วะลาฮุเดา..วะลากิตาบิม..มุนีรฺ
21. วะอิซากีละละฮุมุตตะบิอู มา..อัน..ซะลัลลอฮุ กอลูบัลนัตตะบิอุมาวะญัดนาอะลัยฮิอาบา..อะนา อะวะเลากานัชชัยฏอนุ ยัดอูฮุม อิลาอะซาบิสสะอีรฺ
22. วัมัย..ยุสลิมวัจญฮะฮู..อิลัลลอฮิ มุหฺสินุน..ฟะเกาะดิสตัมสะกะ บิลอุรฺวะติลวุษกอ วะอิลัลลอฮฺ อากิบะตุลอุมูรฺ


คำแปล R1.        
20. See you not (O men) that Allah has subjected for you whatsoever is in the heavens and whatsoever is in the earth, and has completed and perfected his graces upon you, (both) apparent (i.e Islamic Monotheism, and the lawful pleasures of this world, including health, good looks, etc.) and hidden [i.e. one's faith in Allah (of Islamic Monotheism) knowledge, wisdom, guidance for doing righteous deeds, and also the pleasures and delights of the Hereafter in Paradise, etc.]? Yet of mankind is he who disputes about Allah without knowledge or guidance or a Book giving Light!
21. And when it is said to them: "Follow that which Allah has sent down", they say: "Nay, we shall follow that which we found our fathers (following)." (Would they do so) even if Shaitan (Satan) invites them to the torment of the Fire.
22. And Whosoever submits his face (himself) to Allah [i.e.(follows Allah's Religion of Islamic Monotheism), worships Allah (alone) with sincere faith in the (1) Oneness of his Lordship,(2) Oneness of his worship, and (3) Oneness of his names and Qualities], while he is a Muhsin (good-doer i.e. performs good deeds totally for Allah's sake without any show-off or to gain praise or fame etc. and does them in accordance with the Sunnah of Allah's Messenger Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam), then he has grasped the most trustworthy hand-hold [La ilaha ill-Allah (none has the right to be worshipped but Allah)]. And to Allah return all matters for decision.

 
คำแปล R2.
20. เจ้าทั้งหลายไม่รู้หรือว่า ที่จริงอัลเลาะฮฺอำนวยประโยชน์แก่พวกเจ้า สิ่งที่มีอยู่ในฟากฟ้าและสิ่งที่มีอยู่ในพื้นดิน และพระองค์ประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่พวกเจ้าอย่างสมบูรณ์ทั้งสิ่งที่ประจักษ์ชัดและสิ่งที่เร้นลับ และมนุษย์บางคนเป็นผู้ที่โต้เถียงในเรื่องของอัลเลาะฮฺโดยไม่รู้จริง โดยไม่มีสิ่งชี้นำและโดยไม่มีคัมภีร์อันส่องไสว
21. และเมื่อมีผู้พูดแก่พวกเขาว่า “พวกท่านทั้งหลายจงประพฤติตามสิ่งที่อัลเลาะฮฺได้ประทานลงมาเถิด พวกเขาก็กล่าวว่า “แต่เราจะประพฤติตามสิ่งที่เราได้พบบรรพบุรุษของเราตั้งมั่นอยู่เท่านั้น” (พวกเขายังจะถือตามบรรพบุรุษ) แม้กระทั่งมารร้ายได้เรียกร้องพวกเขาไปสู่การลงโทษ ของเปลวเพลิงนรกกระนั้นหรือ ?
22. และผู้ใดยอมมอบตัวของเขาต่ออัลเลาะฮฺ โดยที่เขาเป็นผู้ประพฤติความดี แน่นอนเขาได้ยึดมั่นอยู่บนสายเชือกอันมั่นคง (คือศาสนา) และ (จงนึกเถิดว่า) ผลบั้นปลายของบรรดากิจกรรมทั้งหลายย่อมกลับไปสู่อัลเลาะฮฺ


คำแปล R3.
20. สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าอัลลอฮฺได้ทรงทำให้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นประโยชน์แก่สูเจ้าและพระองค์ได้ประทานความโปรดปรานของพระองค์แก่สูเจ้าทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น? แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีมนุษย์บางคนที่โต้เถียงเกี่ยวกับอัลลอฮฺโดยไม่มีความรู้และทางนำและคัมภีร์ที่เป็นแสงสว่าง
21. และเมื่อพวกเขาได้ถูกบอกว่า “จงปฏิบัติตามที่อัลลอฮฺได้ประทานมา” พวกเขาก็กล่าวว่าเราจะปฏิบัติตามก็เพียงที่เราได้เห็นที่พ่อของเราได้ปฏิบัติกันมา” อะไรกันทั้ง ๆ ที่ชัยฏอนได้ชักชวนพวกเขาไปสู่การลงโทษในไฟอันโชติช่วงกระนั้นหรือ
22. ใครก็ตามที่นอบน้อมยอมตนต่ออัลลอฮฺ และเป็นผู้กระทำความดี ดังนั้นเขาก็ได้ยึดหลักมั่นเอาไว้แล้ว และผลสุดท้ายของกิจการทั้งหลายนั้นอยู่ที่อัลลอฮฺ


คำแปล R4.
20. พวกเจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงอำนวยความสะดวกให้แก่พวกเจ้า สิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและสิ่งที่มีอยู่ในแผ่นดิน และพระองค์ได้ทรงประทานความโปรดปรานมากมายของพระองค์อย่างครบครันแก่พวกเจ้า ทั้งที่เปิดเผยและที่ซ่อนเร้นและในหมู่มนุษย์มีผู้โต้เถียงในเรื่องของอัลลอฮฺโดยปราศจากความรู้และปราศจากแนวทางที่ถูกต้องและปราศจากคัมภีร์ที่ให้ความสว่าง (แก่พวกเขา)
21. และได้เมื่อมีการกล่าวแก่พวกเขาว่า “จงปฏิบัติตามสิ่งที่อัลลอฮฺทรงประทานลงมา” พวกเขากล่าวว่า “แต่เราจะปฏิบัติตามสิ่งที่เราพบบรรพบุรุษของเราปฏิบัติในเรื่องนั้น” อะไรกัน ถึงแม้ว่าชัยฏอนจะเรียกร้องพวกเขาสู่การลงโทษที่มีไฟลุกโชนอยู่กระนั้นหรือ?
22. และผู้ใดยอมนอบน้อมใบหน้าของเขายังอัลลอฮฺ โดยที่เขาเป็นผู้กระทำดี แน่นอนเขาได้ยึดห่วงอันมั่นคงไว้แล้ว และบั้นปลายของกิจการทั้งหลายย่อมกลับไปหาอัลลอฮฺ


คำแปล R5.
๒๑. และเมื่อมีผู้กล่าวแก่พวกเขาว่า พวกท่านจงเจริญรอยตามพระโองการต่าง ๆ ที่อัลเลาะห์ได้ประทานลงมาให้แก่ศาสดาของพระองค์ พวกเขากลับกล่าวว่า เราจะไม่ตามโองการเหล่านั้น แต่เราจะตามสิ่งที่เราพบบรรพบุรุษของเราตั้งมั่นอยู่บนมัน อันได้แก่ศรัทธาและการกราบไหว้บูชาเจว็ดต่าง ๆ อัลเลาะห์ได้โองการแก่พวกเขาว่า พวกเขายังจะเจริญรอยตามสิ่งนั้นอีกกระนั้นหรือ และมาดแม้นมารร้ายได้เรียกร้องพวกนั้นไปสู่การลงโทษแห่งนรก ด้วยการชักจูงให้กราบไหว้บูชาสิ่งดังกล่าว ความจริงแล้วไม่เป็นการบังควรที่จะเจริญรอยตามเลย
๒๒. และใครสวามิภักดิ์กายของเขาและจิตใจของเขาต่ออัลเลาะห์ โดยเขาเป็นผู้ทำความดีงาม แน่นอนที่สุดเขาได้ยึดไว้แล้วซึ่งเชือกอันมั่นคง เขาไม่ต้องกลัวว่าเชือกนั้นจะขาด และย่อมกลับสู่อัลเลาะห์ ที่สุดแห่งบรรดาการงาน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 23 - 25


คำอ่าน
23. วะมัน..กะฟะเราะฟะลายะหฺซุน..กะกุฟรุฮู อิลัยนามัรฺญิอุฮุม ฟะนุนับบิอุฮุม..บิมาอะมิลู อิน..นัลลอฮะอะลีมุม..บิซาติศศุดูร
24. นุมัตติอุฮุมเกาะลีลัน..ษุม..มะนัฏฏ็อรฺรุฮุมอิลาอะซาบินเฆาะลีซ
25. วะละอิน..สะอัลตะฮุม..มันเคาะละก็อสสะมาวาติวัลอัรฺเฎาะละยะกูลุน..นัลลอฮฺ กุลิลหัมดุลิลลาฮิ บัลอักษะรุฮุมลายะอฺละมูน


คำแปล R1.
23. And whoever disbelieved, let not his disbelief grieve you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam),. To us is their return, and we shall inform them what they have done. Verily, Allah is the All-Knower of what is in the breasts (of men).
24. We let them enjoy for a little while, then in the end we shall oblige them to (enter) a great torment.
25. And if you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) ask them: "Who has created the heavens and the earth," they will certainly say: "Allah." say: "All the praises and thanks be to Allah!" but most of them know not.


คำแปล R2.
23. และผู้ใดปฏิเสธที่จริงเจ้าจงอย่าให้การปฏิเสธของเขาทำความเศร้าโศกแก่เจ้า และ (จงนึกเสมอว่า) พวกเขาต้องกลับคืนมายังเรา แล้วเราจะแจ้งให้พวกเขาทราบถึงสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้แล้ว แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในหัวใจ
24. เราจะปล่อยให้พวกเขามีความสุขแต่เพียงเล็กน้อย (ชั่วคราวในโลกนี้) แต่หลังจากนั้นเราก็จะบังคับพวกเขาไปยังการลงโทษอันมหันต์ยิ่ง
25. ขอยืนยัน หากแม้นเจ้าถามพวกเขาว่า “ใครกันที่บันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน” แน่นอนพวกเขาก็จะพากันตอบว่า “อัลเลาะฮฺ” จงประกาศเถิด “การสรรเสริญเป็นสิทธิแห่งอัลเลาะฮฺ” แต่พวกเขาส่วนมากไม่รู้


คำแปล R3.
23. สำหรับบรรดาผู้ปฏิเสธนั้น จงอย่าให้การปฏิเสธของเขาทำให้เจ้าต้องเสียใจ ยังเราที่พวกเขาต้องคืนกลับแล้วเราจะบอกพวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ทำไว้ แน่นอนอัลลอฮฺทรงรู้ความลับที่ซ่อนเร้นอยู่ในหัวอก
24. เรากำลังปล่อยพวกเขาให้สนุกสนานชั่วขณะในโลก หลังจากนั้นเราจะต้อนพวกเขาไปสู่การลงโทษอย่างร้ายแรง
25. ถ้าหากเจ้าถามพวกเขาว่า “ผู้ใดสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน?” แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า “อัลลอฮฺ” จงกล่าวเถิด “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ” แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้


คำแปล R4.
23. และผู้ใดปฏิเสธศรัทธา ก็อย่าให้การปฏิเสธศรัทธาของเขาทำให้เจ้าเศร้าโศกเสียใจ และยังเรานั้นคือทางกลับของพวกเขา ดังนั้น เราจะบอกแก่พวกเขาในสิ่งที่พวกเขาได้กระทำไว้ แท้จริง อัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในทรวงอก
24. เราจะให้เวลาพวกเขาสนุกสนานกันเพียงเล็กน้อย แล้วเราจะไล่ต้อนพวกเขาสู่การลงโทษที่รุนแรง
25. และถ้าเจ้าถามพวกเขา “ใครเป็นผู้สร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน” แน่นอนพวกเขาจะกล่าวว่า “อัลลอฮฺ” จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) “บรรดาการสรรเสริญเป็นของอัลลอฮฺ” แต่ทว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้


คำแปล R5.
๒๓. และผู้ใดเนรคุณต่ออัลเลาะห์ โอ้มุฮำมัด ความเนรคุณของเขาก็อย่าได้ทำความเศร้าโศกแก่เจ้าเป็นอันขาด เจ้าจงเผชิญกับบุคคลดังกล่าวด้วยความอดทนและด้วยพลังใจอันมั่นคง เพราะพวกเขาย่อมกลับมายังเรา แล้วเราก็จะแจ้งแก่พวกเขาถึงสิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้แต่อดีต แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่งกับผู้ที่มีจิตใจ ไม่ว่าเขาจะนึกคิดในเรื่องใด ๆ ก้ตาม
๒๔. เรายังความสุขแก่พวกเขาเพียงเวลาอันเล็กน้อย ชั่วที่เขามีชีวิตอยู่ในโลกนี้เท่านั้น หลังจากนั้นเมื่อถึงปรภพ เราก็จักยังอันตรายแก่พวกเขาสู่การลงโทษอันรุนแรง นั่นคือการลงโทษในขุมนรก
๒๕. โอ้มุฮำมัด ขอสาบานมาดแม้นเจ้าถามพวกเขาว่า ใครบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน แน่นอนพวกเขาก็จะกล่าวตอบคำถามนั้นว่า ผู้บันดาลสิ่งดังกล่าวคืออัลเลาะห์ เพราะมีหลักฐานเหตุผลยืนยันจนต้องยอมรับเช่นนั้น เจ้าจงกล่าวเถิดว่า การสรรเสริญเป็นของอัลเลาะห์ ที่พระองค์ทรงบันดาลหลักฐานเหตุผลต่าง ๆ เพื่อพิสูจน์ในความมีอยู่ของพระองค์ จนไม่มีผู้ใดบังอาจปฏิเสธได้ แต่ส่วนมากของพวกนั้นไม่รู้เลยว่า หน้าที่ของพวกเขาคือจะต้องยอมรับศรัทธาในเอกภาพของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 26 - 28


คำอ่าน
26. ลิลลาฮิมาฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ อิน..นัลลอฮะ ฮุวัลเฆาะนียุลหะมีด
27. วะเลาอัน..นะมาฟิลอัรฺฎิ มิน..ชะญะเราะติน อักลามู..วัลบะหฺรุยะมุดดุฮู มิม..บะอฺดิฮี สับอะตุอับหุริม..มานะฟิดัตกะลิมาตุลลอฮฺ อิน..นัลลอฮะอะซีวุนหะกีม
28. มาค็อลกุกุม วะลาบะอฺษุกุม อิลลากะนัฟสิว..วาหิดะฮฺ อิน..นัลลอฮะสะมีอุม..บะศีรฺ

 
คำแปล R1.
26. To Allah belongs whatsoever is in the heavens and the earth. Verily, Allah, He is Al-Ghani (rich, free of all wants), worthy of all praise.
27. And if all the trees on the earth were pens and the sea (were ink wherewith to write), with seven seas behind it to add to its (supply), yet the Words of Allah would not be exhausted. Verily, Allah is All-Mighty, All-Wise.
28. The creation of you all and the resurrection of you all are only as (the creation and resurrection of) a single person. Verily, Allah is All-Hearer, All-Seer.


คำแปล R2.
26. เป็นสิทธิแห่งอัลเลาะฮฺ สรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้ร่ำรวยอีกทั้งได้รับการสดุดี
27. และแม้นว่าต้นไม้ที่มีอยู่ในแผ่นดินนี้เป็นปากกาและท้องทะเลที่ยืดมันออกไปเป็นเจ้ดทะเลภายหลังจากนั้น(ก็เอามาทำน้ำหมึก) แน่นอนถ้อยคำแห่งอัลเลาะฮฺก็ยังไม่หมดสิ้น เพราะแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
28. มิใช่ว่าการบังเกิดพวกเจ้า และการฟื้นคืนชีพของพวกเจ้า(ในวันชาติหน้านั้น จะใช้เวลานานเลย) นอกจากเพียงเท่ากับลมหายใจครั้งเดียวเท่านั้น แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงได้ยินอีกทั้งทรงมองเห็นยิ่ง


คำแปล R3.
26. อะไรก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงมีอย่างเหลือหลาย ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
27. ถ้าหากจะเอาต้นไม้ทั้งหมดในโลกนี้มาเป็นปากกาและมหาสมุทร(เป็นขวดหมึก)ที่มีอีกเจ็ดมหาสมุทรมาเติมให้เต็ม(การเขียน)วจนะของอัลลอฮฺก็ยังไม่หมด แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจและผู้ทรงปรีชาญาณ
28. การสร้างสูเจ้าและการทำให้สูเจ้าฟื้นขึ้นมาเป็นเรื่องง่ายสำหรับพระองค์เหมือนกับ(การสร้างและการฟื้นขึ้น)ของชีวิตเดียว แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินทุกสิ่งและทรงเห็นทุกสิ่ง


คำแปล R4.
26. สิ่งที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นสิทธิของอัลลอฮฺ แท้จริงอัลลอฮฺนั้นคือ ผู้ทรงพอเพียงจากสิ่งทั้งหลาย ผู้ทรงได้รับการสรรเสริญ
27. และหากว่าต้นไม้ทั้งหมดที่มีอยู่ในแผ่นดินเป็นปากกาหลาย ๆ ด้าม และมหาสมุทร (เป็นน้ำหมึก) มีสำรองไว้อีกเจ็ดมหาสมุทรพจนารถของอัลลอฮฺก็จะยังไม่หมดสิ้นไป แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
28. การบังเกิดของพวกเจ้าและการฟื้นคืนชีพของพวกเจ้า มิใช่อื่นใดนอกจากเสมือนชีวิตเดียวแท้จริง อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงเห็น


คำแปล R5.
๒๖. ย่อมเป็นเอกสิทธิ์ของอัลเลาะห์สิ่งที่มีอยู่ในฟากฟ้าและแผ่นดิน แท้จริงอัลเลาะห์นั้นพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้รวยกว่าสิ่งบันดาลของพระองค์ พระองค์ไม่พึ่งพาสิ่งใด ๆ ทั้งสิ้น ผู้ได้รับการสรรเสริญในทุกกรณี
๒๗. และมาดแม้นจะนำสรรพสิ่งในพื้นพิภพอันได้แก่ ต้นไม้มาทำเป็นปากกาและน้ำทะเลมาเป็นหมึก โดยยืดมันออกให้ยาวภายหลังจากนั้นอีกเจ็ดทะเลเพื่อบันทึกพระคำแห่งอัลเลาะห์ แน่นอน บรรดาถ้อยคำแห่งอัลเลาะห์ก็ไม่หมดสิ้น นอกจากท้องทะเลเหล่านั้นจะต้องเหือดแห้งเสียก่อน แท้จริงอัลเลาะห์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชายิ่ง
๒๘. มิใช่ว่าการบังเกิดของพวกเจ้า และมิใช่ว่าการฟื้นฟูของพวกเจ้าจากสุสานนั้นจะใช้เวลาอันยาวนานเลย นอกจากใช้เวลาเพียงเล็กน้อย ประหนึ่งลมหายใจเดียวกระนั้น แท้จริงอัลเลาะห์ทรงได้ยิน ทรงมองเห็น

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 29 - 30


คำอ่าน
29. อะลัมตะเราะอัน..นัลลอฮะยูลิญุลลัยละฟิน..นะฮาริ วะยูลิญุน..นะฮาเราะฟิลลัยลิ วะชัคเคาะร็อชชัมสะวัลเกาะมัรฺ กุลลุย..ยัจญรี..อิลาอัจญริม..มุสัม..มา วะอัน..นัลลอฮะบิมาตะอฺมะลูนะเคาะบีรฺ
30. ซาลิกะบิอัน..นัลลอฮะฮุวัลหักกุ วะอัน..นะมายัดอูนะนิน..ดูนิฮิลบาฏิล วะอัน..นัลลอฮะฮุวัลอะลียยุลกะบีรฺ


คำแปล R1.
29. See you not (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) that Allah merges the night into the day (i.e. the decrease in the hours of the night are added in the hours of the day), and merges the day into the night (i.e. the decrease in the hours of day are added in the hours of night), and has subjected the sun and the moon, each running its course for a term appointed; and that Allah is All-Aware of what you do.
30.  That is because Allah, He is the truth, and that which they invoke besides Him is Al-Batil (falsehood, satan and all other false deities), and that Allah, He is the Most High, the Most Great.


คำแปล R2.
29. เจ้าไม่สังเกตดอกหรือ แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงล้ำกลางคืนเข้าในกลางวัน และทรงล้ำกลางวันเข้าในกลางคืน และพระองค์ทรงอำนวยประโยชน์ดวงตะวันและดวงเดือน(แก่พวกเจ้า)ทั้งหมดนั้นจะโคจรไปตามกำหนดการที่ถูกระบุไว้ และแท้จริงอัลเลาะฮฺทรงตระหนักยิ่งในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ
30. นั้นเป็นเพราะว่าอัลเลาะฮฺพระองค์ทรงเป็นสัจจะ และแท้จริงสิ่งที่พวกเขาวอนนมัสการนอกจากพระองค์เป็นสิ่งโมฆะ และแท้จริงอัลเลาะฮฺพระองค์ทรงสูงส่งอีกทั้งทรงยิ่งใหญ่


คำแปล R3.
29. สูเจ้าไม่เห็นหรือว่าอัลลอฮฺได้ทรงทำให้กลางคืนผ่านเข้าไปในกลางวันและทรงทำให้กลางวันผ่านเข้าไปในกลางคืน ? พระองค์ทรงควบคุมดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ไว้ในอำนาจ ทุกสิ่งโคจรไป(ในวิถีของมัน)จนกระทั่งถึงวาระที่ถูกกำหนดไว้ และ(สูเจ้าไม่รู้หรือว่า)อัลลอฮฺทรงรู้ถึงสิ่งที่สูเจ้ากระทำ ?
30. นั่นเป็นเพราะว่าอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสัจจะ และสิ่งอื่นที่พวกเขาวิงวอนแทนอัลลอฮฺนั้นเป็นสิ่งเท็จและ(นั่นเพราะว่า)อัลลอฮฺเป็นผู้ทรงสูงส่ง ผู้ทรงยิ่งใหญ่


คำแปล R4.
29. เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า แท้จริงอัลลอฮฺทรงให้กลางคืนคาบเกี่ยวเข้าไปในเวลากลางวัน และทรงให้กลางวันคาบเกี่ยวเข้าไปในเวลากลางคืน และทรงสร้างให้ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ (เป็นประโยชน์แก่มนุษย์) ทุกสิ่งโคจรไปตามวาระที่กำหนดไว้ และแท้จริงอัลลอฮฺนั้นทรงรู้ดียิ่งในสิ่งที่พวกเจ้ากระทำ
30. นั่นเพราะว่าอัลลอฮฺนั้น พระองค์คือผู้ทรงสัจจะ และเพราะว่าสิ่งที่พวกเขาวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้นเป็นเท็จ


คำแปล R5.
๒๙. โอ้ผู้รับฟัง เจ้าไม่รู้ดอกหรือ แท้จริงอัลเลาะห์ทรงให้กลางคืนล้ำเข้าในกลางวัน และทรงให้กลางวันล้ำเข้าในกลางคืน และพระองค์ทรงอำนวยดวงตะวันและดวงเดือนให้ยังประโยชน์แก่พวกเจ้า โดยเจ้าไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ แก่ทั้งสองเลย ทุกสิ่งไม่ว่าตะวันหรือเดือนก็ตามต่างโคจรในจักราศีของมัน จวบถึงอายุไขที่ถูกกำหนดไว้นั่นคือวันปรภพและเจ้าไม่รู้หรือว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรับรู้ในสิ่งที่พวกเจ้าประพฤติ ไม่ว่าจะเป็นความดีหรือความเลวก็ตาม
๓๐. ดังที่กล่าวไว้นั้น โดยเหตุที่อัลเลาะห์ทรงเป็นสัจจะ และสิ่งที่พวกเขาวอนขอและกราบไหว้อันนอกจากพระองค์นั้นเป็นโมฆะ ซึ่งจะต้องเลื่อมสลายในที่สุด และแท้จริงอัลเลาะห์นั้นพระองค์ทรงสูงส่ง ทรงยิ่งใหญ่ ด้วยอำนาจอันอสงไขยของพระองค์เหนือมวลสรรพสิ่งทั้งหลาย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 31 - 32


คำอ่าน
31. อะลัมตะเราะอัน..นัลฟุลกะตัจญรีฟิลบะหฺริ บินิอฺมะติลลาฮิ ลิยุริยะกุม..มินอายาติฮฺ อิน..นะฟีซาลิกะละอายาติลลิกุลลิศ็อบบาริน..ชะกูร
32. วะอิซาเฆาะชิยะฮุม..เมาญุน..กัซซุละลิดะอะวุลลอฮุ มุคลิศีนะละฮุดดีน ฟะลัม..มานัจญาฮุม อิลัลบัรฺริ ฟะมินฮุม..มุกตะศิด วะมายัจญหะดุ บิอายาตินา อิลลากุลลุค็อตตาริน..กะฟูรฺ


คำแปล R1.
31. See you not that the ships sail through the sea by Allah's Grace? That He may show you of His signs? Verily, in this are signs for every patient, grateful (person).
32. And when a wave covers them like shades (i.e. like clouds or the mountains of sea-water), they invoke Allah, making their invocations for Him only. But when He brings them safe to land, there are among them those that stop in the middle, between (belief and disbelief). But none denies our signs except every perfidious ungrateful.


คำแปล R2.
31. เจ้าไม่สังเกตดอกหรือว่าเรือมันวิ่งอยู่ในท้องทเลโดยความโปรดปรานของอัลเลาะฮฺ เพื่อพระองค์จะได้ให้พวกเจ้ามองเห็นบางสัญลักษณ์ของพระองค์ แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์สำหรับผู้ยิ่งในความอดทนอีกทั้งยิ่งในความกตัญญูทุกคน
32. และเมื่อมีคลื่นมหึมาประดุจขุนเขาทะมึนถาโถมเข้าปิดล้อมพวกเขาไว้ พวกเขาก็วอนขอต่ออัลเลาะฮฺโดยบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงให้พวกเขาได้ปลอดภัยขึ้นมายังภาคพื้นดินก็มีบางคนจากพวกเขาเป็นผู้มีความรู้สึกก้ำกึ่ง(ระหว่างศรัทธาและไม่ศรัทธา) และไม่ปฏิเสธบรรดาโองการของเรา(โดยผู้ใดเลย)นอกจากผู้มากด้วยความบิดพลิ้ว และมากด้วยความอกตัญญูทุกคน


คำแปล R3.
31. สูเจ้าไม่เห็นหรือว่า เรือล่องลอยอยู่ในทะเลด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺเพื่อที่พระองค์จะได้แสดงสัญญาณบางอย่างของพระองค์ให้สูเจ้าได้เห็น ? แท้จริงในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับทุกคนที่อดทนและกตัญญู
32. และเมื่อคลื่น(ในทะเล)โถมใส่พวกเขาดุจภูเขา พวกเขาก็วิงวอนอัลลอฮฺโดยทำตัวเป็นผู้บริสุทธิ์ใจต่อศาสนาของพระองค์ หลังจากนั้นเมื่อเราได้ทำให้พวกเขาถึงบกโดยปลอดภัย พวกเขาบางคนก็ปฏิบัติตามสายกลางและไม่ปฏิเสธสัญญาณทั้งหลายของเรา ยกเว้นคนที่ทรยศและเนรคุณทุกคน


คำแปล R4.
31. เจ้ามิเห็นดอกหรือว่า เรือนั้นแล่นไปตามท้องทะเลเนื่องด้วยความโปรดปรานของอัลลอฮฺ เพื่อพระองค์จะให้พวกเจ้าได้เห็นสัญญาณต่าง ๆ ของพระองค์ แท้จริงในการนั้นย่อมเป็นสัญญาณแก่ผู้อดทนผู้ขอบคุณทุกคน
32. และเมื่อลูกคลื่นซัดมาท่วมมิดตัวพวกเขาคล้ายฝาที่ครอบคลุม พวกเขาก็วิงวอนขอต่ออัลลอฮฺด้วยความบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ได้ช่วยให้พวกเขาได้ขึ้นบกในหมู่พวกเขามีผู้อยู่ในสายกลาง และไม่มีผู้ปฏิเสธสัญญาณต่าง ๆ ของเรา นอกจากทุกผู้ทรยศผู้เนรคุณ


คำแปล R5.
๓๑. เจ้าไม่รู้ดอกหรือแท้จริงเรือวิ่งในทะเลโดยความโปรดปรานของอัลเลาะห์ เพื่อพระองค์ทรงให้พวกเจ้าได้เห็นบางสัญลักษณ์ของพระองค์อันแสดงถึงอานุภาพและเอกภาพของพระองค์ แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์แด่ทุก ๆ ผู้ที่ยิ่งในความอดทน ไม่ปฏิบัติความชั่วร้ายต่าง ๆ ผู้ยิ่งในการขอบคุณต่อพระกรุณาธิคุณของอัลเลาะห์
๓๒. และเมื่อคลื่นมหึมาประดุจขุนเขาอันทะมึน ได้ห้อมล้อมพวกเขา(ผู้เนรคุณทั้งหลาย) ไว้ พวกเขาก็วอนขออัลเลาะห์โดยบริสุทธิ์ใจต่อพระองค์ และมิได้นึกถึงสิ่งอื่นใดทั้งสิ้น แต่แล้วเมื่อพระองค์ยังความปลอดภัยแก่พวกเขาและเมื่อพวกเขาได้ขึ้นมาสู่ภาคพื้นดิน ก็มีบางคนจากพวกเขาเป็นผู้อยู่กึ่งกลางระหว่างความเนรคุณและความศรัทธา และบางคนก็คงสภาพเนรคุณประดุจเดิมไม่เปลี่ยนแปลง และมิได้ปฏิเสธบรรดาโองการของเราเลย ยกเว้นผู้มากด้วยเล่ห์กระเท่ ผู้มีแต่ความเนรคุณทุกคน



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺลุกมาน อายะฮฺที่ 33 - 34


คำอ่าน
33. ยา..อัยยุฮัน..นาสุตตะกูร็อบบะกุม วัคเชาเยามัลลาตัจญซี วาลิดุนเอาวะละดิฮฺ วะลาเมาลูดุนฮุวะญาซินเอา..วาลิดิฮีชัยอา อิน..นะวะอฺดัลลอฮิหักกฺ ฟะลาตะฆุรฺณ้ฮน..นะกุมุลหะยาตุดดุนยา วะลายะฆุรฺร็อน..นะกุม บิลลาฮิลเฆาะรูรฺ
34. อิน..นัลลอฮะอิน..ดะฮู อิลมุสสาอะฮฺ วะยุนัซซิลุลฆ็อยษะวะยะอฺละมุมาฟิลอัรฺหาม วะมาตัดรีนัฟสุม..มาซาตะกสิบุเฆาะดา วะมาตัดรีนัฟสุม..บิอัยยิอัรฺฎิน..ตะมูด อิน..นัลลอฮะอะลีมุนเคาะบีรฺ


คำแปล R1.
33. O mankind! Be afraid of your Lord (by keeping your duty to Him and avoiding all evil), and fear a Day when no father can avail aught for his son, nor a son avail aught for his father. Verily, the Promise of Allah is true, let not then this (worldly) present life deceive you, nor let the chief deceiver (satan) deceive you about Allah.
34. Verily, Allah! With Him (alone) is the knowledge of the Hour, He sends down the rain, and knows that which is in the wombs. No person knows what He will earn tomorrow, and no person knows in what land he will die. Verily, Allah is All-Knower, All-Aware (of things).


คำแปล R2.
33. โฮ้มวลมนุษย์ทั้งหลายจงยำเกรงองค์อภิบาลของพวกเจ้าเถิด และจงหวั่นกลัววันหนึ่งซึ่งผู้ให้กำเนิดไม่อาจป้องกันบุตรของตนเอง(ให้พ้นจากการลงโทษของอัลเลาะฮฺ)ได้  และผู้ถูกกำเนิดก็หาป้องกันผู้ให้กำเนิดของเขาเองได้แม้สักกรณีหนึ่งไม่ แท้จริงสัญญาของอัลเลาะฮฺย่อมเป็นความจริง ดังนั้นพวกเจ้าจงอย่าให้ชีวิตทางโลกนี้หลอกลวงพวกเจ้าและอย่าให้ (มารร้าย) หลอกลวงพวกเจ้า (ให้กล้าขัดขืน) กับ (คำบัญชาของ)อัลเลาะฮฺอย่างเด็ดขาด
34. แท้จริงอัลเลาะฮฺ ณ พระองค์คือความรู้ในเรื่องกาลปวสานของโลกนี้ และพระองค์ทรงหลั่งน้ำฝนให้ลงมา พระองค์ทรงรอบรู้ถึงสิ่งที่มีอยู่ในมดลูก และแต่ละชีวิตจะไม่รู้เลยว่า อะไรที่เขาจะกระทำในวันพรุ่ง และแต่ละชีวิตย่อมไม่รู้ว่า ณ แผ่นดินใดที่เขาจะตาย แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงตระหนักยิ่ง


คำแปล R3.
33. มนุษย์เอ๋ยจงสังวรตนต่อพระผู้อภิบาลของสูเจ้าและจงเกรงกลัวต่อวันที่พ่อไม่สามารถจะช่วยลูกและลูกไม่สามารถช่วยพ่อตัวเองได้ แน่นอนสัญญาณของอัลลอฮฺนั้นเป็นความจริง ดังนั้นจงอย่าให้ชีวิตโลกนี้ล่อลวงสูเจ้า และจงอย่าให้พวกล่อลวงมาหลอกล่อสูเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺ
34. อัลลอฮฺเท่านั้นที่ทรงรู้เรื่องยามอวสาน และพระองค์ทรงให้ฝนตกลงมาและพระองค์ทรงรู้ถึงสิ่งที่กำลังก่อตัวในมดลูก และไม่มีชีวิตใดที่รู้ว่าตัวเองจะได้อะไรใรวันรุ่งขึ้น และไม่มีชีวิตใดที่รู้ว่าแผ่นดินไหนที่ตัวเองจะตาย แท้จริงอัลลอฮฺเป็นผู้ทรงรอบรู้และผู้ทรงตระหนักอยู่เสมอ


คำแปล R4.
33. โอ้มนุษย์เอ๋ย พวกเจ้าจงยำเกรงพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด และจงกลัววันหนึ่งที่พ่อไม่อาจจะช่วยลูกของเขาได้ และลูกก็ไม่อาจจะช่วยพ่อของเขาได้แต่อย่างใด แท้จริงสัญญาของอัลลอฮฺนั้นเป็นความจริง ดังนั้นอย่าให้การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ล่อลวงพวกเจ้า และอย่าให้หัวหน้าพวกล่อลวง (ชัยฏอน) มาหลอกลวงพวกเจ้าเกี่ยวกับอัลลอฮฺเป็นอันขาด
34. แท้จริงอัลลอฮฺนั้น ความรู้แห่งวันอวสานมีอยู่ ณ ที่พระองค์ และพระองค์ทรงประทานฝนลงมาและพระองค์ทรงรอบรู้สิ่งที่อยู่ในมดลูก และไม่มีชีวิตใดรู้ว่า ณ แผ่นดินใดมันจะตาย แท้จริงอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงรอบรู้อย่างละเอียดถี่ถ้วน


คำแปล R5.
๓๓. โอ้มนุษย์ทั้งหลาย (ชาวมักกะห์) พวกเจ้าจงยำเกรงพระผู้ทรงอภิบาลของพวกเจ้าเถิด และจงกลัววันหนึ่งซึ่งผู้ให้กำเนิดไม่อาจคุ้มครองผู้ถูกกำเนิดของตนเอง และผู้ถูกกำเนิดก็ไม่อาจคุ้มครองผู้ให้กำเนิดของตนเองได้แม้เพียงสิ่งเดียวก็ตาม แท้จริงสัญญาของอัลเลาะห์ในเรื่องฟื้นจากสุสานนั้น เป็นสัจจะ ซึ่งไม่มีใครสามารถปฏิเสธได้ ดังนั้นจงอย่าให้ชีวิตทางโลกนี้หลอกลวงพวกเจ้าเป็นอันขาด เจ้าเพลินหลงกับมันจนหันหลังให้สัจธรรมอิสลามและอย่าให้มารร้ายผู้หลอกลวงทำการหลอกลวงเจ้าต่ออัลเลาะห์ โดยเมื่อพวกเจ้าได้รับความเมตตาของอัลเลาะห์และพระองค์ไม่รีบด่วนลงโทษพวกเจ้า พวกเจ้าก็หลงระเริงความชั่วไม่หยุดยั้ง แทนที่จะหวนคิดเพื่อการสารภาพผิด
๓๔. แท้จริงอัลเลาะห์ ณ พระองค์นั้นคือความรอบรู้แห่งปรภพ ว่ามันจะอุบัติขึ้นเมื่อใด และพระองค์ทรงหลั่งฝนจากฟากฟ้าตามเวลาที่พระองค์ทรงกำหนดไว้ และทรงรอบรู้สิ่งที่มีอยู่ในมดลูกว่าเป็นชายหรือหญิง ซึ่งสิ่งเหล่านั้นไม่มีผู้ใดทราบได้เลยนอกจากอัลเลาะห์เพียงองค์เดียว และบุคคลหนึ่งย่อมไม่รู้ว่าอะไรบ้างที่เขาจะกระทำในวันพรุ่ง จะดีหรือเลวแต่ที่ทรงรอบรู้อย่างละเอียดก็คืออัลเลาะห์เท่านั้น และบุคคลหนึ่งย่อมไม่รู้ว่า ณ แผ่นดินใดที่เขาจะเสียชีวิต แต่อัลเลาะห์ทรงรอบรู้เป็นอันดี แท้จริงอัลเลาะห์ทรงรอบรู้ยิ่ง ทรงตระหนักยิ่ง ในทุก ๆ สิ่งทั้งภายนอกและภายใน

-----------------------------------------------------

ดำรัสแห่งอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นสัจจะ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 31 ลุกมาน 
السلا م عليكم ورحمة الله وبركاته


 

GoogleTagged