ผู้รู้เพียงที่ลมปากเป็นพวกมุนาฟิกและเป็นอันตรายต่อสังคม

[al-azhary]

Tweet

คุฏบะฮ์เชคอะลีย์ ญุมุอะฮ์ (17/12/1432)

ด็อกเตอร์อะลีย์ญุมุอะฮ์  มุฟตีแห่งสาธารณรัฐอียิปต์  ได้กล่าวว่า  แท้จริงอัลลอฮ์ได้สอนท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า  ศาสนานั้นถูกวางบนพื้นฐานของวิชาความรู้  และไม่ใช่ว่าทุกศาสนาจะถูกวางพื้นฐานบนความรู้  ดังนั้นความรู้  คือจุดเริ่มต้น  ความรู้คือเป้าหมายสิ้นสุด  และความรู้คือสื่อกลาง  เพราะฉะนั้นประชาชาติอิสลามที่ปราศจากความรู้  ย่อมเป็นประชาชาติที่อ่อนแอและประสบความหายนะ  ลมพัดปลิวว่อนอย่างไร้ค่ากระจัดกระจายไปทางตะวันออก  ตะวันตก  ทางทิศเหนือ  และทิศใต้  สำหรับประชาชาติที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้  ย่อมเป็นประชาชาติที่มีความเข็มแข็ง  มีส่วนร่วมในการสร้างอารยะธรรม  และทำการเรียนรู้ก่อนที่จะลงมือทำ

และมุฟตีแห่งสาธารณะรัฐอียิปต์กล่าวเสริมในคุฏบะฮ์วันศุกร์ของวันนี้ ณ ที่มัสยิด ฟาฎิล  ที่เมืองอัซซาดิษ อ็อกเทอเบอร์ว่า  อัลเลาะฮ์ได้ทรงบอกให้เราทราบถึงวิชาทางโลกว่า  มนุษย์ถูกสร้างมาอย่างไร  และทรงบอกเกี่ยวกับวิชาศาสนา  ว่าเราจะยึดมั่นกับวะห์ยูของพระเจ้าผู้ทรงเมตตาอย่างไร  ดังนั้นพระเจ้าของเราได้วางรากฐานให้เราขวนขวายวิชาความรู้และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ก็ได้วางรากฐานให้เรากระทำสิ่งดังกล่าว  และเราไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินนี้ได้นอกจากด้วยกับทั้งสอง 

ท่านมุฟตีกล่าวเสริมต่อไปว่า  แท้จริงยังมีผู้ที่ประดับประดาตนเองด้วยวิชาความรู้แต่เขามิใช่เป็นผู้รู้   ดังนั้นเขาจึงมิได้จับริมขอบของวิชาความรู้เลย  แต่เขาอ้างว่ามีความรู้เหมือนกับผู้ที่อ้างว่าสามารถเยียวยารักษาด้วยสมุนไพรทำนายความฝันได้  และพวกเขาออกฟัตวาในศาสนาของอัลเลาะฮ์ได้  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ชำนาญในวิชาทางโลก  วิชาทางกายภาพ  และวิชาการศาสนา  ฉะนั้นพวกเขาเหล่านั้น  เป็นอันตรายต่อประชาชาติ   

ท่านมุฟตีกล่าวต่อไปว่า  นี้เป็นเรื่องที่อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ไม่ยินดี  และพระองค์ทรงพรรณนาว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นพวกมุนาฟิกีน  ที่ประกาศตนออกมาก่อนที่จะร่ำเรียน  และเป็นพวกที่กลายเป็นผู้รู้ก่อนที่จะทำให้พื้นฐานสมบูรณ์  ซึ่งบ่งถึงว่าคนมุนาฟิกนี้  คือตัวอันตรายที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์หวั่นกลัวว่าจะเกิดกับพวกเรา  เพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้กล่าวว่า   แท้จริงฉันหวั่นกลัวแก่พวกท่านซึ่งคนที่ลิ้นของเขามีความรู้  แต่หัวใจโง่เขลา  โดยที่พวกเขาจะพูดสิ่งที่พวกท่านรู้กันดี  แต่พวกเขาจะปฏิบัติในสิ่งที่พวกท่านตำหนิ  และท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้ทรงส่งเสริมให้ตามผู้รู้ที่สัจจริงและเตือนให้ห่างไกลจากผู้รู้แค่ลมปากและผู้ที่ชอบมีจุดเด่นที่เสียงพูดแต่ไม่ชอบแสวงหาวิชาความรู้และรับใช้มนุษย์ทั้งหลาย  

[iqwan]

คุฏบะฮ์เชคอะลีย์ ญุมุอะฮ์ (17/12/1432)

ด็อกเตอร์อะลีย์ญุมุอะฮ์  มุฟตีแห่งสาธารณรัฐอียิปต์  ได้กล่าวว่า  แท้จริงอัลลอฮ์ได้สอนท่านนบีศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัมว่า  ศาสนานั้นถูกวางบนพื้นฐานของวิชาความรู้  และไม่ใช่ว่าทุกศาสนาจะถูกวางพื้นฐานบนความรู้  ดังนั้นความรู้  คือจุดเริ่มต้น  ความรู้คือเป้าหมายสิ้นสุด  และความรู้คือสื่อกลาง  เพราะฉะนั้นประชาชาติอิสลามที่ปราศจากความรู้  ย่อมเป็นประชาชาติที่อ่อนแอและประสบความหายนะ  ลมพัดปลิวว่อนอย่างไร้ค่ากระจัดกระจายไปทางตะวันออก  ตะวันตก  ทางทิศเหนือ  และทิศใต้  สำหรับประชาชาติที่อยู่บนพื้นฐานของความรู้  ย่อมเป็นประชาชาติที่มีความเข็มแข็ง  มีส่วนร่วมในการสร้างอารยะธรรม  และทำการเรียนรู้ก่อนที่จะลงมือทำ

และมุฟตีแห่งสาธารณะรัฐอียิปต์กล่าวเสริมในคุฏบะฮ์วันศุกร์ของวันนี้ ณ ที่มัสยิด ฟาฎิล  ที่เมืองอัซซาดิษ อ็อกเทอเบอร์ว่า  อัลเลาะฮ์ได้ทรงบอกให้เราทราบถึงวิชาทางโลกว่า  มนุษย์ถูกสร้างมาอย่างไร  และทรงบอกเกี่ยวกับวิชาศาสนา  ว่าเราจะยึดมั่นกับวะห์ยูของพระเจ้าผู้ทรงเมตตาอย่างไร  ดังนั้นพระเจ้าของเราได้วางรากฐานให้เราขวนขวายวิชาความรู้และท่านร่อซูลุลลอฮ์ ก็ได้วางรากฐานให้เรากระทำสิ่งดังกล่าว  และเราไม่สามารถอยู่บนแผ่นดินนี้ได้นอกจากด้วยกับทั้งสอง 

ท่านมุฟตีกล่าวเสริมต่อไปว่า  แท้จริงยังมีผู้ที่ประดับประดาตนเองด้วยวิชาความรู้แต่เขามิใช่เป็นผู้รู้   ดังนั้นเขาจึงมิได้จับริมขอบของวิชาความรู้เลย  แต่เขาอ้างว่ามีความรู้เหมือนกับผู้ที่อ้างว่าสามารถเยียวยารักษาด้วยสมุนไพรทำนายความฝันได้  และพวกเขาออกฟัตวาในศาสนาของอัลเลาะฮ์ได้  ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ชำนาญในวิชาทางโลก  วิชาทางกายภาพ  และวิชาการศาสนา  ฉะนั้นพวกเขาเหล่านั้น  เป็นอันตรายต่อประชาชาติ   

ท่านมุฟตีกล่าวต่อไปว่า  นี้เป็นเรื่องที่อัลลอฮ์และร่อซูลของพระองค์ไม่ยินดี  และพระองค์ทรงพรรณนาว่าพวกเขาเหล่านั้นเป็นพวกมุนาฟิกีน  ที่ประกาศตนออกมาก่อนที่จะร่ำเรียน  และเป็นพวกที่กลายเป็นผู้รู้ก่อนที่จะทำให้พื้นฐานสมบูรณ์  ซึ่งบ่งถึงว่าคนมุนาฟิกนี้  คือตัวอันตรายที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์หวั่นกลัวว่าจะเกิดกับพวกเรา  เพราะท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้กล่าวว่า   แท้จริงฉันหวั่นกลัวแก่พวกท่านซึ่งคนที่ลิ้นของเขามีความรู้  แต่หัวใจโง่เขลา  โดยที่พวกเขาจะพูดสิ่งที่พวกท่านรู้กันดี  แต่พวกเขาจะปฏิบัติในสิ่งที่พวกท่านตำหนิ  และท่านร่อซูลุลลอฮ์ได้ทรงส่งเสริมให้ตามผู้รู้ที่สัจจริงและเตือนให้ห่างไกลจากผู้รู้แค่ลมปากและผู้ที่ชอบมีจุดเด่นที่เสียงพูดแต่ไม่ชอบแสวงหาวิชาความรู้และรับใช้มนุษย์ทั้งหลาย  

ชัดเจนเป็นที่สุด ย่ะซากั้ลลอฮุคอยรอน ครับท่านอาจารย์

[al-azhary]

 

บาร่อกัลลอฮุฟี๊ก...

[เด็กท่าเรือ]

 :salam:ย่ะซากั้ลลอฮุคอยรอน เช่นกันครับ

[Beechern]

ชัดเจนเป็นที่สุด ย่ะซากั้ลลอฮุคอยรอน ครับท่านอาจารย์

[nada-yoru]

เป็นถ้อยคำที่ทั้ง คม ชัด และลึกซึ้งมากเลยค่ะ...

ขอขุดนะคะ...^^

วิชาทางโลกนั้นเป็นประโยชน์ต่อเราขณะที่เราต้องดำเนินชีวิตอยู่ในโลกนี้
หากไม่รู้ไว้ เราก็จะดำเนินชีวิตแบบติดๆขัดๆ...

ส่วนวิชาทางศาสนา เป็นวิชาที่จะช่วยสอนให้เราขัดเกลาตัวเราหัวใจเราให้สะอาด...
ให้รู้สัจธรรมของชีวิตว่าอะไรที่เราควรทำ อะไรไม่ควรทำ...
แล้วที่สำคัญ เป็นเหมือนเข็มทิศให้กับเรา...ให้เราได้รู้ว่าเราควรจะเดินไปบนหนทางใด...
เพื่อจะได้พบกับความผาสุขทั้งในโลกนี้และโลกหน้า...
ที่สำคัญ คือ ทำให้เรารู้จักผู้สร้างเราและทุกสรรพสิ่ง...

และเป็นความมหัศจรรย์ที่อัลกุรอ่านได้รวบรวมความรู้ท้ังสองอย่างเอาไว้แล้ว...
เหลือแค่เรา ที่จะต้องศึกษาหาความรู้ที่มีอยู่ในนั้น...