ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อฮิญาบกลายเป็นแฟชั่น>>>>>>ไม่อยากให้มุสลิมมะฮ์เป็นแบบนี้เลย  (อ่าน 10612 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ ILHAM

  • เพื่อนตาย T_T
  • *****
  • กระทู้: 11348
  • เพศ: ชาย
  • Sherlock Holmes
  • Respect: +273
    • ดูรายละเอียด
    • ILHAM
ใช่แล้วก๊ะ เหลียวมองดูว่าใช่คนที่เรารู้จักหรือเปล่าหนอ มากับใคร ไปกันกี่คน หน้าตาก็ใช้ได้นี่ ทางสะดวก... 5555
إن شاءالله ติด ENT'?everybody

Sherlock Holmes said "How often have I said to you that when you have eliminated the impossible, whatever remains, however improbable, must be the truth?"
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

ออฟไลน์ hohales

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
ว่า..อัสสลามมุอะลัมกุวะเราะมะตุลลอฮฮิวาบารอกาตุ
พี่น้องระวังดุอาส่งผลกลับของผู้ที่โดนอะทำนะคะ
 ข้อความบรรยายภาพเป็นถ้อยคำที่ไส่ร้าย นะที่นี้ไม่มีไครไส่เลกกิ้ง สักคน ไม่มีไครไว้เล็บทาเล็บทั้นนั้น ไม่ได้แต่งหน้าจัด ไม่ได้ืำทำตัวเกินงาม
อัสเตาฟิลุลลอฮ มีคะด้วยความที่ตอนนั้นวัยรุ่นเลยไม่ได้เรียบร้อยเท่าไหร่ แต่คำบรรยายไต้ภาพนั้นแหละที่ทำไห้รูป มันรู็สึกแรง บวกกับการฟิตนะ และนินทา ท่านผู้ลงโพสนี้ละหมาดครบ5เวลาหรือป่าวคะ ถ้าคคำตอบคือไช่ส่วนหวึ่งรักษาลิ้นด้วยคะ ลิ้นของคุนเนี่ย
 "ไครก็ตามที่ทำหัวใจของพี่น้องมุสลิมเกิดความทุกใจ เขาจะได้ประสพกับความหายน
ะ คุนลองดูภาพแต่ไม่ได้ มองดูที่เขียนบรรยาย คนแรกไส้เสื้อสีชมพูดยาวเกือบถึงตาตุ่ม บ่ได้ไส่เลกกิ้ง ไส่ถุงเท้า ผ้าคลุมด้านน่ายาวปิดหน้าอก ด้านหลังยาวปิดสะโก ชุดไม่รัดนะคะ ดูไห้ดีๆๆ มีคนที่3ที่อาจจะไม่ได้ไส่เสื้อปิดก้นแต่ไม่ได้ไส่เลกกิ้งไม่ได้แต่งหน้าจักคนอื่นเเสื้อปิดสะโพก
สรุปว่าไม่อยากพูดมาก แต่ขอฝากถ้อยคำกรุอ่านไว้เตือนใจ
"โอ้ศรัททาชนทั้งหลายหากคนชั่วนำข่าวใดๆมาแจ้งแก่พวกเจ้าก็จงสอบสวนไห้แน่ชัด หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าก็จะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่เจ้าได้กระทำไป"
คุนตรวจสอบแน่ชัดรึยังว่าจริง อย่าทำเหมือนเห็นเองนะคะ แล้วติ๋ต่างเอามาลงประจานมาไส่ร้าย เนี่ยแหละกานนินทาชัดๆๆและไส่ร้าย
 "โอ้ศรัททาชนทั้งหลาย ชนกลุ่มหนึ่งอย่าได้เยาะเย้ยชนอีกกลุ่มหนึ่งบางทีชนกลุ่มนั้นที่ถูกเยาะเย้ยนั้นจะดีกว่าชนกลุ่มที่เยาะเย้ยและสตรีกลุ่มหนึ่งอย่าได้เยาะเย้ยสตรีอีกกลุ่มหนึ่งที่ถูกเยาะเย้ยจะดีกว่ากลุ่มที่เยาะเย้ย และพวกเจ้าอย่าได้ตำหนิตัวของพวกเจ้าเองและอย่าได้เรียกด้วยฉายาที่ไม่ชอบช่างเลวทรามจริงๆที่บรรดาผู้ศรัททาจะเรียกกันว่าเป็นผู้ฝ่าฝืนภายหลังจากที่ได้มีการศรัททากันแล้ว และผู้ไดไม่สำนึกผิดชนเหล่านั้นคือบรรดาผู้อธรรม"
 ฉายาก็คือ มุสลิมสก็อย คำนี้แรงมาก เมื่อเห็นว่าไปนั่งซ้อนมอไส รอคะ เอคำนี้มา ดูแรงเกินภาพ แล้วพวกคุนแต่งตัวกันยังไงคะหะ คุนเห็นเรา4คนมีความเละแทะไนด้านศาสนอย่างนั้นหรอ รู้ได้ไง๋แต่งตัวแรงขนาดนั้น เราไม่ได้ควรมุสลิมีนไปด้วย เราไม่ได้ไส่เสื้อแขนสั้นแล้วคลุมฮิญาบ
คุนเอารูปลงมาไนเว็บนี้ทำเหมือนจะเตือนมุสลิมคนอื่น แต่ที่ไหนไดด้ นั้นคือการนินทาลับหลัง มีไส่ร้ายด้วย ไม่ไช้สติปัญญาไคร่ครวญจากสิ่งที่เราไม่ได้เห็น น่าเศร้าใจจริงๆคะ บอกว่าเป็นพี่น้องมุสลิมด้วยกันเรือนร่างเดียวกัน ไม่คิดบ้างหรอว่าสิ่งที่ทำถูกหรือปล่าว นะคะ ฝากเอาไว้ อยากไห้ลบรูปออกโพสออก ก่อนที่ดุอาของผู้ที่ถูกอทรรมจะถูกตอบรับ ติดต่อมานะคะที่เมลนี้คะ stamp_zoo@hotmail  วะอะลัยกุมมุสสลาม
(ปล. ถ้าเป็นดิฉันเองเจอแบบนี้คงไม่เอามาลงโพสประจานทำร้ายพี่น้องมุสลิมหรอกคะ ไม่ไช่เรื่องเห็นก็ไม่ได้เห็น)

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
 :salam:

ขออนุญาตชี้แจงเพราะเห็นว่า ผู้ร้องเรียนกระทู้นี้ (คุณ hohales ) ได้อ่านสาระสำคัญของกระทู้นี้ผิดไป...

วันนี้เพื่อนต่างศาสนิกที่ม.เล่าให้ฟังว่าไปอนุเสาวรีย์มา
เจอกลุ่มมุสลิมมะฮ์แต่งตัวแรงมาก
ใส่เลกกิ้ง(กางเกงแนบเนื้อคล้ายถุงน่อง)
เอาที่คาดผมแบบโบฮีเมียนมารัดผ้าคลุมผมแทน
ผ้าพันนี้รัดเป็นโหนกอูฐ
ใส่เสื้อรัดๆ
แต่งหน้าจัดๆ
ไว้เล็บทาเล็บ
ทำกริยาพูดจาที่ดูไม่ดี
เพื่อนบอกว่า"เนียะ..เราถ่ายรูปมุสลิมสก๊อยมาให้แกดู...แถวบ้านแกเป็นงี้ป่ะ"
อัลลอห์ฮุอักบัร....ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน
อยากเตือนสาวๆทุกคนนะค่ะ
แต่งได้แต่อย่าให้เกินงามเลยค่ะ...การคลุมฮิญาบคือการปกปิด
ไม่ใช่แต่งมาเดินแฟชั่นเดินแคตว็อค
อย่าแสดงออกมากจนกลายเป็นทอปปิกให้คนนอกศาสนานินทาเลยค่ะ

จะแนวก็แนวได้ค่ะแต่ก็ควรให้สุภาพ

ที่สำคัญอย่าลืมแนวทางของมุสลิมมะฮ์เลยนะค่ะ



น้องเจ้าของกระทู้ไม่ได้เป็นคนพูดเอง  แต่เป็นเพื่อนต่างศาสนิกของน้องเค้าค่ะ  
คุณ hohales ลองกลับไปอ่านใหม่อีกครั้งนะคะ  ^^
และการที่เราจะห้ามไม่ให้เพื่อนต่างศาสนิกพูดนั้น  คงทำลำบาก
ที่สำคัญ น้องเจ้าของกระทู้ยังได้แสดงความคิดเห็นในลักษณะที่เป็นห่วงมุสลิมะฮ์ด้วยกัน
การตักเตือนซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่อิสลามเราส่งเสริม loveit:

และขออนุญาตลบรูปเจ้าปัญหาออกไป เพื่อลดฟิตนะฮ์ต่างๆ
หากล่วงเกินใดๆต่อเจ้าของรูป  รวมทั้งการแสดงความคิดเห็นต่างๆที่ไม่เป็นที่พอใจ  
ขอมะอัฟแทนเพื่อนๆ และพี่น้องในที่นี้ด้วยค่ะ  
ขออัลเลาะฮ์ทรงอภัย และชี้นำเราทุกคนสู่ความดีงาม อามีน  



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 08, 2011, 10:49 AM โดย al-firdaus~* »

ออฟไลน์ خيرالاخوان

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • بيار فوتيه تولڠ جاڠن فوتيه مات
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
เจ้าตัวมาเอง เดาไม่ผิดแน่
ปรับความเข้าใจให้ตรงกัน ด้วยดีนะ
เห็นใจน้องเค้าเหมือนกัน
เรื่องรูป อาจจะไม่ได้ร้ายแรงแต่ถูกทำให้ดูร้ายแรง ก็เป็นได้
+ปลื้มข้อความไหน หรือคิดว่าข้อความไหนเป็นประโยชน์แก่ท่านและสาธารณะ กดไลค์ด้วยนะครับ มุมขวาบน+

ออฟไลน์ hohales

  • เพื่อนแรกพบ (^^)/
  • *
  • กระทู้: 2
  • Respect: 0
    • ดูรายละเอียด
جزا كم الله خيرا
ยันขอ ย้ำใน คำดำรัสของออัลลอฮที่ว่า 
"โอ้ศรัททาชนทั้งหลายหากคนชั่วนำข่าวใดๆมาแจ้งแก่พวกเจ้าก็จงสอบสวนไห้แน่ชัด(5) หาไม่แล้วพวกเจ้าก็จะก่อเคราะห์กรรมแก่พวกหนึ่งโดยไม่รู้ตัว แล้วพวกเจ้าก็จะกลายเป็นผู้เสียใจในสิ่งที่เจ้าได้กระทำไป"

5.คือเมื่อคนชั่วช้า(ฟาซิก) คือคนที่ไม่เป็นที่ไว้วางใจในความซื่อสัตย์ และความยุติธรรม นำข่าวมาแจ้งแก่ท่าน ก็จงสอบสวนไห้เป็นไห้เป็นที่แน่นอนเสียก่อน หาไม่แล้วอาจจะก่อไห้เกิดโศกนาตกรรมในเรื่องนั้นๆ อายะนี้ถูกประทานลงมาในเรื่องราวของอัลวะลีด อิบนุ อุกบะฮ อิบนุอะบีมุอีต เมื่อท่านรอซูล ไช้ไห้เขาไปรวบรวมซะกาตจากบะนีมุศต้อลิก เมื่ออัลวะลีดได้เดินทางไปถึงหมู่บ้านดังกล่าวชาวบ้านออกมาต้อนรับ แต่อัลวะลีดเข้าใจผิดคิดว่าชาวบ้านออกมาทำร้ายเขา จึงรีบเดินทางกลับเพื่อแจ้งท่านรอซูล   ท่านนบีได้ไช้วิจารณญาน โดยส่งคอลิด อิบนุวะลีด ไปสอบสวนของเท็จจริง ปรากดว่าเหตุการหาได้เป็นอย่างนั้นไม่

อยากบอกกับพี่
al-firdaus
ว่า ดิฉันเข้าใจแล้วคะ ว่าศาสนิกพูด ตั้งแต่แรก แต่คนที่พิมลงโพส ไม่ไช่พี่น้องมุสลิมเราหรอคะ หรือว่าคนสาสนิกคนนั้นพิมพ์ อายาะดังกล่าวข้างต้นอยากไห้ไตร่ตรองคะ ขอไห้รู้แน่ๆว่าเป็นเรื่องจริงแบบนั้นเสียก่อน
ส่วนที่คุน
al-firdausบอกว่า   การตักเตือนซึ่งกันและกัน เป็นสิ่งที่อิสลามเราส่งเสริม  ไช่เลยถูกตรง เพราะอิสลามคือการตักเตือน แต่ก็มีบรรทัดฐานของมัน คุนลองดูแล้วผลที่มันสรุปออกมาในผลลัพที่มมันมากกว่า ว่า ตักเตือน หรือ นินทาประจาน เพราะในสิ่งที่ตักเตือนนี้ ยังมีข้อกล่าวเท็จ อย่างรุนแรง ด้วยที่ทำไห้พี่น้องมุสลิม ดูไปในที่แง้ลบอย่างเต็มเอี๊ยด  นะค๋ะ ตักเตือนได้ แต่ปรับไห้ถูกต้อง   

ไม่เคยเห็นท่านรอซูล ตักเตือนกันในเรื่องที่มันเท็จ นะคะ
ลองไตร่ตรอง ไห้ดีๆๆ นะคะ
ในเมื่อกระทู้นี้ยังมีความ เท็จติดอยุ่แล้ว ก็ยังยืนยันคำเดิม ด้วยดุอาของผู้ที่ถูกอธรรม

วะอะลัยกุมมสสลามวะเราะมะตุลลอฮฮวาบารอกาตุ






ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
:salam:

จริงๆแล้วเรื่องก็น่าจะจบลงด้วยดีนะคะ   แต่ไม่เป็นไรค่ะ  หากน้องยังคงบาดหมางอยู่ในใจ
พี่จำเป็นต้องชี้แจงบ้างอะไรบ้าง เท่าที่จะมีความสามารถ... loveit:
เนื่องจากน้องเจ้าของกระทู้  เค้าได้ยินเพื่อนต่างศาสนิกบรรยายมาแบบนั้น 
และเท่าที่อ่านมา ลักษณะการแต่งตัวดังกล่าว  เชื่อว่า  เพื่อนๆก็คงปฎิเสธไม่ได้ว่าแฟชั่นมุสลิมะฮ์เดี๋ยวนี้ เป็นอย่างที่เขาว่าจริงๆ sad:
น้อง  tatcha_jah ~♪ เค้ามีเจตนาที่จะให้พวกเราได้ฟังเสียงสะท้อนจากคนต่างศาสนิกเท่านั้นเองค่ะ
ลงท้าย น้องเค้ายังแสดงความเป็นห่วงเป็นใยในเรื่องการแต่งตัวของมุสลิมะฮ์เอาไว้อย่างชัดเจนด้วยซ้ำไป  ซึ่งได้แสดงความคิดเห็นแบบกว้างๆเอาไว้

พี่คิดว่า  เีิรื่องของเรื่องเป็นเพียงความหวังดี ไม่ได้มีเจตนาประจานเรียงบุคคล  แค่ต้องการสื่อให้พวกเราได้รับรู้ถึงปัญหาต่างๆเหล่านี้เองนะคะ
หากจะมีผิดพลาด ก็คงเป็นลิงค์รูปภาพ (ไม่เห็นหน้า )  ซึ่งพี่ได้ลบไปแล้ว
หากน้อง hohales ยังคงคิดว่าตัวเองนั้นถูกอธรรม  รบกวนแจ้งความประสงค์ที่จะให้ทางเราดำเนินการ
พี่จัดการให้ค่ะ  อินชาอัลเลาะฮ์








ออฟไลน์ tatcha_jah ~♪

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 341
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
อัสลามมุอาลัยกุมคะคุณ hohales

ดิฉันขอมอัพด้วยนะคะ...ขอโทษจริงๆคะ
ไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินใครจริงๆ
ที่คุณว่าดิฉันนินทา  ดิฉันประจาน..ดิฉันอยากจะบอกคุณว่า
“อย่าพยายามมองดิฉันในแง่ร้ายเลยคะ...ดิฉันไม่ได้ประสงค์ร้ายกับใครจริงๆ”
ดิฉันแค่รู้สึกว่ามันเป็นเสียงสะท้อนจากสังคม...และอยากให้มุสลิมมะฮ์ตระหนักถึงเรื่องการแต่งกายเท่านั้น
และเรื่องนี้ดิฉันไม่ได้เป็นนั่งเทียนเขียนขึ้นมาเองนะคะ
เพื่อนในเอกดิฉันที่เป็นกาเฟรพูดมาจริงๆ
และถ้าผู้หญิงคนนั้นแต่งตัวเรียบร้อยสุภาพจริงๆแล้วทำไมเพื่อนดิฉันถึงพูดเป็นประเด็นและถ่ายรูปไว้ละคะ

ดิฉันไม่รู้ว่าคุณจะฟิตนะฉันว่าอย่างไร
อย่างไรก็ตาม..ดิฉันขอมอัพคุณและกันหากดิฉันทำให้คุณโกรธแค้น...และดิฉันก็ขอให้เรื่องนี้จบซะ
ที่เหลือคุณควรปล่อยให้เป็นเรื่องระหว่างดิฉันกับพระองค์
ซึ่งดิฉันก็เชื่อและมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าดิฉันไม่ได้มีความคิดต่ำๆแบบนั้น...
ดิฉันบริสุทธิ์ใจ
ดิฉันไม่กลัวสิ่งใด..เพราะดิฉันคิดดี...และพระองค์รู้...
ดิฉันเชื่อว่าพระองค์จะรักและเมตตาดิฉัน

^^
ผู้ศรัทธาต่ออัลลอห์...ท้ายสุดจะได้ชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ในวันอาคิเราะห์

ออฟไลน์ خيرالاخوان

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 168
  • เพศ: ชาย
  • بيار فوتيه تولڠ جاڠن فوتيه مات
  • Respect: +7
    • ดูรายละเอียด
สรุปว่า คนนึงไม่ได้ประสงค์ร้าย อีกคนคิดว่าตัวเองถูกประสงค์ร้าย
งั้นก็แปลว่าเข้าใจผิดสินะ  โอเคๆๆ เคลียร์กัน อย่าให้ความรู้สึกไม่
ดี
จากเรื่องที่เกิดขึ้น มาช่วยตัดสินเรื่องนี้ happy2: happy2: myGreat:
+ปลื้มข้อความไหน หรือคิดว่าข้อความไหนเป็นประโยชน์แก่ท่านและสาธารณะ กดไลค์ด้วยนะครับ มุมขวาบน+

ออฟไลน์ มาลิกกุ๊กกิ๊ก

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 451
  • เพศ: ชาย
  • คนความรู้น้อย
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
มาไม่ทัรูปเลยอ่ะ

ออฟไลน์ มาลิกกุ๊กกิ๊ก

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 451
  • เพศ: ชาย
  • คนความรู้น้อย
  • Respect: +4
    • ดูรายละเอียด
ผมก็เป็นคนนึงที่เห็นเเล้วแบบว่า@$$#%^$%^มากๆ คนที่คลุมหัวเเล้วใส่เล๊กกิ้งอ่ะ เเล้วยิ่งคนอ้วนๆเเล้วใส่ด้วยนะ ไม่รุจะบรรยายยังไงดี สวยเค้าหละ มั่นใจ!!!?? ไม่ได้ดูเบ้าตัวเองเลยอ่ะ คิดจะใส่ก็ใส่ นี่ไม่พูดรวมถุงเรื่องความเหมาะสมนะครับ เพราะมันก็ไม่ควรอยู่เเล้วถาใส่เเล้วมีชุดคลุมว่าไปอย่าง

ออฟไลน์ al-firdaus~*

  • ทีมงานหลังบอร์ด (-_-''')
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 5015
  • เพศ: หญิง
  • 可爱
  • Respect: +161
    • ดูรายละเอียด
เป็นคนหนึ่งที่ชอบใส่กางเกงแบบสกินนี้ คือกางเกงแนบเนื้อ หรือที่รู้จักในชื่อแล็กกิ้ง ชอบใส่ เพราะมันสบาย เนื้อผ้ายืดตามตัว แต่วิธีที่ falaora ใส่คือจะใส่กางเกงไว้ด้านในแล้วก็สวมเดรสยาวทับอีกครั้ง ที่สำคัญใส่กับฮีญาบ ส่วนตัวคิดว่าแฟชั่นกับการคลุมฮีญาบสามารถไปด้วยกันได้ค่ะ เราสามารถแต่งตัวในแบบที่เราชอบ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานแบบอิสลาม

ใส่เลกกิ้ง เหมือนใส่เป็นกางเกงซับใน แล้วใส่เดรสยาวทับอีกที ทำให้การแต่งตัวดูมิดชิดขึ้นกว่าเดิม   แบบนี้สนับสนุนค่ะ party:

ออฟไลน์ WIND

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 220
  • เพศ: ชาย
  • MKM
  • Respect: +30
    • ดูรายละเอียด
Dua.....The weapon of believer

ออฟไลน์ ItQan

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 177
  • Reflection
  • Respect: +50
    • ดูรายละเอียด
ใส่เลกกิ้ง เหมือนใส่เป็นกางเกงซับใน แล้วใส่เดรสยาวทับอีกที ทำให้การแต่งตัวดูมิดชิดขึ้นกว่าเดิม   แบบนี้สนับสนุนค่ะ party:


สนับสนุนอีกคนค่ะ เคยประสบเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นความสำคัญ (อย่างมาก) ของการใส่กางเกงซับในสำหรับมุสลิมะห์ เคยเห็นน้องมุสลิมะห์คนหนึ่งจักรยานล้ม กระโปรงขาดเป็นทางยาวเหนือหัวเข่าขึ้นไป... บางทีกระโปรงเกี่ยวลวดหนามบ้างอะไรบ้าง  อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยที่เราไม่คาดคิดอาจทำให้เอาเราะห์ของเราเปิดเผยได้โดยไม่เจตนา ถึงเราจะไม่บาป แต่ก็อับอายไปนาน ฉะนั้นสมควรป้องกันไว้ก่อนเป็นดีที่สุด

ฝากข้อคิดเล็กๆ น้อยเกี่ยวกับเรื่อง เสื้อผ้าอาภรณ์ค่ะ (ทั้งมุสลิมและมุสลิมะห์)

ประการแรก  เสื้อผ้าอาภรณ์นั้น เป็นหนึ่งในเนียะมัตอันคณานับมิได้ที่อัลเลาะฮ์ได้ทรงประทานลงมาให้แก่บ่าวของพระองค์ พระองค์ทรงตรัสว่า
  

“โอ้ลูกหลานอาดัมเอ๋ย  แท้จริงเราได้ให้ลงมาแก่พวกเจ้าแล้วซึ่งอาภรณ์ที่ปกปิดสิ่งอันน่าละอายของพวกเจ้า และอาภรณ์ที่ให้ความสวยงาม และอาภรณ์แห่งความยำเกรง นั่นคือสิ่งที่ดียิ่ง นั่นแหละคือส่วนหนึ่งจากบรรดาสัญญาณต่างๆ ของอัลเลาะฮ์ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึก” (ซูเราะห์อัลอะอฺรอฟ อายะห์ 26)

ดังนั้น ในฐานะบ่าวของอัลเลาะฮ์  ควรจะสำนึกชุโกรในเนียะมัตดังกล่าว ด้วยการใช้ประโยชน์จากมันไปในหนทางที่พระองค์พึงพอพระทัย

ประการที่สองคือ นอกจากเสื้อผ้าอาภรณ์ที่เราใช้สวมใส่ร่างกายแล้ว ในอายะห์ดังกล่าวยังเน้นย้ำถึง "อาภรณ์แห่งความยำเกรง" ซึ่งก็คือ “การมีความเกรงกลัวต่ออัลเลาะอ์  การอีหม่านต่อพระองค์ หรือความประพฤติที่ดีงาม” (อิบนุอะญีบะห์, บะห์รุลมะดีด) ดังกล่าวนี้คือ อาภรณ์ที่เราสมควรสวมใส่ให้แก่หัวใจของเราเป็นอันดับแรก  เพราะอาภรณ์ที่เราใช้สวมใส่ในดุนยานั้น มันย่อมสลายไปกับดุนยา แต่อาภรณ์แห่งเความยำเกรงนั้น มันจะมีผลส่งไปถึงอาคิเราะห์ของเราด้วย

และเมื่อไหร่ที่หัวใจของเราถูกสวมใส่ด้วยอาภรณ์แห่งความยำเกรงแล้ว ทุกส่วนของร่างกายก็จะตอบรับไปในทิศทางเดียวกับหัวใจโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น ความคิด พฤติกรรม  และความรู้สึก
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: มิ.ย. 14, 2011, 01:17 PM โดย ItQan »
أللهم اخرجنا من ظلمات الوهم وأكرمنا بنور الفهم ... آمين يارب العالمين
โอ้อัลเลาะฮ์ ขอพระองค์ทรงให้เราออกห่างจากความมืดมนแห่งความคิดคลุมเครือ  และให้เกียรติเราได้วยรัศมีแห่งความเข้าใจ... อามีน ยาร็อบ

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
อัสสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุฮฺ

เป็นคนนึงที่เมื่อก่อนไม่เคยได้คลุมฮิญาบ ตอนไปญี่ปุ่นก็ไม่คลุม และแม้จะไม่คลุมผ้าคลุม
แต่เสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายก็เรียบร้อย อาจมีแต่งแบบแนวๆ แต่ก็ยึดคอนเซปว่าต้องยาวๆไว้ก่อน ไม่โป๊
และไม่ใช่ว่าพ่อกับแม่ไม่ห้ามปราม ท่านห้าม แต่เรานั้นดื้อ และรู้ตัวมาตลอดว่า การคลุมฮิญาบนั้นประเสริฐกว่าไม่คลุม
แต่เพราะความดื้อรั้นที่จะไม่คลุมทั้งที่รู้ดีว่าน่ันคือเครื่องประดับที่มีเกียรติ....
และตอนอยู่ญี่ปุน มีเพื่อนต่างศาสนิกที่เป็นคนไทยถามว่าทำไมไม่คลุมหัวเหมือนอีกคน(ตอนนั้นเพื่อนมุสลิมะฮฺ)ที่ไปด้วยกัน
เขาคลุมค่ะ...แต่ข้าน้อยไม่คลุม...แล้วเพื่อนยังถามว่า ไม่คลุมก็ได้หรือ (ซึ่งคนถาม ถามเพราะไม่แน่ใจจริงๆว่าคลุมก็ได้ไม่คลุมก็ได้ใช่หร่อไม่)
ข้าน้อยก็ตอบเขาไปตามความจริงว่า

"ไม่คลุมไม่ได้" เขาเลยตกใจแล้วอุทานว่า

"อ้าว...แล้วทำไมเธอถึงไม่คลุมล่ะ...อย่างนี้มันก็ไม่ถูกอ่ะสิ..."ข้าน้อยก็ตอบเพื่อนไปตามตรงเช่นกันค่ะว่า

"ถูกของเธอ...ฉันนั้นทำไม่ถูก...และฉันคือมุสลิมที่ยังมีบาป..."  แน่นอนค่ะว่าตอนที่พูดตำหนิตัวเองออกไปเช่นนั้นมันทำให้รู้สึกขม
เพิ่งรู้ ณ ตอนนั้นเองว่า ความจริงเป็นสิ่งที่ขมเหลือเกิน...แต่มันก็มีประโยชน์ ทำให้เราได้ตระหนักถึงอะไรบางอย่างขึ้นมา
เพราะหากไม่พูดความจริงออกไป คนอื่นๆที่เขาไม่เข้าใจอิสลามก็จะเข้าใจแบบผิดๆไปอีก...
เลยไม่่ได้พูดแก้ตัวหรือพยามหาเหตุผลเพื่อลบล้างความผิดของตัวเอง...เพราะเมื่อเรารู้ว่าเราทำไม่ถูกตามหลักการ
และรู้ว่าหลักการที่แท้จริงเป็นอย่างไร แม้เราจะไม่กระทำตามหลักการนั้น แต่เราก็ต้องพูดในสิ่งที่เป็นความจริง
ผู้อื่นจะได้ไม่เข้าใจผิดๆ...แม้การพูดความจริง จะทำให้เราเป็นผู้กระทำผิดก็ตามที...

เราจึงต้องพูดความจริงออกไปอย่างตรงไปตรงมา...แม้ความจริงนั้นกำลังทำให้เรากลายเป็นผู้ถูกตำหนิในเวลาต่อมาก็ตาม...

ซ้ำเพื่อนๆคนญี่ปุ่นก็ยังถามคำถามแบบนั้นด้วยอีกค่ะ...

ซึ่งต่อมาก็ยังคงดื้อต่อไปอยู่พักใหญ่...จนอัลลอฮฺเมตตานำเราให้เข้าใจคุณค่าแห่งอาภรณ์ที่พระองค์ส่งมาให้
เป็นอาภรณ์ที่คอยห่มทั้งกายและใจของเรา ทำให้ชีวิตที่แสนจะวุ่นวายมาตลอดสงบลงได้อย่างไม่น่าเชื่อ...
อัลฮัมดุลิลลาฮฺ...ตั้งแต่วันที่ตัดสินใจคลุมฮิญาบแล้ว ก็ไม่มีสักวันที่อยากจะปลดมันออกไปเพื่อจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม...
แล้วเมื่อเราเปลี่ยนแปลงตัวเอง ชีวิตเราก็เปลี่ยนไป...และรู้สึกว่ามันเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
ตามความพยายามที่จะทำให้อิสลามในตัวเราค่อยๆสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆนั่นเองค่ะ...
มันไม่ง่ายก็จริง แต่เราก็พยายามที่จะค่อยๆทำมัน...อินชาอัลลอฮฺ...มันจะต้องดีขึ้นๆค่ะ

ทุกวันนี้ ก็อดยอมรับไม่ได้ว่า เรานั้นยังปฏิบัติสิ่งต่างๆได้ไม่สมบูรณ์ แต่ก็ยอมรับว่าดีกว่าแต่ก่อนมาก...
และตั้งใจจะทำให้ดีขึ้นเรื่อยๆ...


ดังนั้น...ข้าน้อยจึงเป็นคนนึงที่ค่อนข้างจะเข้าใจผู้หญิงที่ยังคงไม่คลุมฮิญาบแต่ปฏิบัติศาสนกิจอย่างอื่นได้ดีอยู่
และค่อนข้างเคร่งครัดด้วย...และเข้าใจผู้ที่ยังคลุมฮิญาบได้ไม่มสบูรณ์แบบ แต่ก็มีการทำอาม้าลอิบาดะฮฺอื่นได้ดี...

และหากจะตัดสินอะไร...เราก็ต้องแยกแยะแต่บละข้อย่อยออกจากกัน...
แต่ก็อีกนั่นแหล่ะค่ะ...ตราบใดที่เรายังไม่รู้แจ้งเห็นจริง การตัดสินอะไรลงไป ย่อมผิดพลาดได้ง่าย...

แต่การแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ วิเคราะห์สิ่งที่พบเห็นมันก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล...
หากมันไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ก็คงไม่เป็นปัญหาแน่ๆค่ะ...

เพราะ...สิ่งหนึ่งที่สำคัญเลยก็คือ...บางคนเน้นไปที่ทางปฏิบัติ แต่ไม่ได้พยายามขัดเกลาจิตใจ
และก็มีอีกเช่นกันที่ เน้นการขัดเกลาจิตใจ แต่ไม่ได้มุ่งเน้นภาคปฏิบัติ...

ซึ่งการจะทำให้อิสลามในตัวคนๆนึงสมบูรณ์ได้นั้น...เราต้องเน้นทั้งด้านขัดเกลาจิตใจไปพร้อมๆกับภาคปฏิบัติ
ทุกอย่างจึงจะสอดคล้องต้องกันอย่างสวยงามและน่ามอง...

และแน่นอนว่า...มันไม่ได้ง่ายดาย...แล้วเราจำเป็นที่จะต้องพยายามฝึกมัน
เหมือนการพยายามขัดบ้านที่ต้องทำทุกๆวัน หากว่างเว้นไปสักวันนึง ฝุ่นก็จะเริ่มเกาะ
แล้วปกติ มนุษย์เราก็ไม่ได้จะทำการขัดบ้านกันทุกวัน เราไม่ค่อยขยันกันขนาดนั้น...
ซึ่งผู้ที่ขยันนั้นมี...แต่มันไม่ได้จะมีกันเกลื่อนกลาด...

ดังนั้น...เมื่อพบเจอพี่น้องเรากำลังบกพร่อง...ไม่อยากให้เรารังเกียจหรือแสดงท่าทีหรือคำพูด
ที่จะทำให้เขารู้สึกไม่ดี...ให้เราให้กำลังใจกันและกัน...เชื่อว่า...ตัวผู้บกพร่องย่อมต้องการกำลังใจมากกว่าสายตาตำหนิ...
เพราะไม่แน่ว่า หนึ่งคำพูดที่เราหวังจะตักเตือน มันอาจจะกลายเป็นการทำให้คนๆนึงที่กำลังตั้งใจจะทำสิ่งดีๆ
สิ้นหวังที่จะทำความดีนั้นขึ้นมาได้...เพราะเรามนุษย์ต้องพยายามฉุดผู้ที่กำลังสิ้นหวังให้มีกำลังใจ...
จะด้วยกลยุทธไหนก็ได้...หากมันจะทำให้คนๆนึงที่แทบไม่อยากจะทำสิ่งดีๆแล้วลุกขึ้นมาปฏิวัติตัวเอง
ด้วยจิตใจที่มีความหวัง...

และที่เราต้องตระหนักมากกว่าปกติเลยก็คือ...ระหว่างการตักเตือนกับการประจาน มันเป็นอะไรที่ห่างกันแค่ไม่กี่คืบเองค่ะ...
และแน่นอนว่า ขอบเขตของมันย่อมมี...หากเราทำเลยขอบเขต จะโดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ
จากความตั้งใจดีอาจถูกทำให้กลายเป็นอีกแบบได้ค่ะ...


ปล.หากที่พิมพ์ไปทั้งหมด มันไม่ดีตรงไหนอย่างไร ติติงได้เสมอค่ะ พร้อมน้อมรับและนำมาปรับปรุงค่ะ...  loveit:

วัสลามค่ะ






"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

 

GoogleTagged