ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 7 สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ  (อ่าน 9502 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 59 - 64


คำอ่าน
59. ละก็อดอัรฺสัลนานูหัน อิลาก็อวมิฮี ฟะกอละ ยาก็อวมิอฺบุดุลลอฮะ มาละกุม..มินอิลาฮินฆ็อยรุฮฺ อิน..นี..อะคอฟุละลัยกุม อะซาบะเยามินอะซีม
60. กอลัลมะละอุ มิน..ก็อวมิฮี..อิน..นาละนะรอกะ ฟีเฎาะลาลิม..มุบีน
61. กอละยาก็อวมิ ลัยสะบีเฎาะลาละตู..วะลากิน..นีเราะสูลุม..มิรฺร็อบบิลอาละมีน
62. อับัลลิฆุกุม ริสาลาติร็อบบี วะอัน..เศาะหุละกุม วะอะอฺละมุมินัลลอฮิ มาลาตะอฺละมูน
63. อะวะอะญิบตุม อัน..ญา...อะกุมซิกรุม..มิรฺร็อบบิกุม อะลาเราะญุลิม..มินกุม ลิยุน..ซิเราะกุม วะลิตัตตะกู ละอัลละกุมตุรฺหะมูน
64. วะกัซซะบูฮุ ฟะอัน..ญัยนาฮุ วัลละซีนะมะอะฮู ฟิลฟุลกิ วะอัฆร็อกนัลละซีนะ กัซซะบูบิอายาตินา อิน..นะฮุมกานูก็อวมันอะมีน


คำแปล R1.
59. Indeed, we sent Nuh (Noah) to his people and he said: "O my people! Worship Allah! You have no other Ilah (God) but Him. (La ilaha ill-Allah: none has the right to be worshipped but Allah). Certainly, I fear for you the torment of a great Day!"
60. The leaders of his people said: "Verily, we see you in plain error."
61. [Nuh (Noah)] said: "O my people! There is no error in me, but I am a Messenger from the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists)!
62. "I convey unto you the Messages of my Lord and give sincere advice to you. And I know from Allah what you know not.
63. "Do You wonder that there has come to you a reminder from your Lord through a man from amongst you, that he may warn you, so that you may fear Allah and that you may receive (His) Mercy?"
64. But they belied him, so We saved him and those along with him In the ship, and We drowned those who belied our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.). They were indeed a blind people.


คำแปล R2.
59. ขอยืนยัน! แท้จริงเราได้ส่งนูห์มาเป็นศาสนทูตยังพวกพ้องของเขา แล้วเขาก็ประกาศว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน พวกท่านจงนมัสการอัลเลาะฮฺ พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดหรอกนอกจากพระองค์ แท้จริงฉันหวั่นกลัวว่าพวกท่นจะต้องพบกับการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่”
60. ชนชั้นผู้นำจากพวกพ้องของเขาได้กล่าวว่า “แท้จริงพวกเราเห็นว่าท่านทั้งหลายกำลังหลงผิดอย่างชัดแจ้ง”
61. เขากล่าวว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน ฉันไม่มีความหลงผิดหรอก หากแต่ฉันเป็นทูตคนหนึ่งจากองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย
62. ฉันมาเผยแพร่แก่พวกท่านซึ่งสารธรรมขององค์อภิบาลของฉัน และฉัน(มีเจตนาดีในการ)แนะนำพวกท่าน และฉันรู้(เกี่ยวกับโองการต่าง ๆ )จากอัลเลาะฮฺในสิ่งที่พวกท่านไม่รู้
63.  พวกท่านยังมีความฉงนอีกหรือ? การที่มีคำเตือนจากองค์อภิบาลของพวกท่านโดยผ่านทางบุรุษหนึ่งจากพวกท่านเอง เพื่อเขาทำการตักเตือนพวกท่านและเพื่อพวกท่านจะได้ยำเกรงพระองค์ และเพื่อพวกท่านจะได้รับความเมตตา(โดยทั่วถึงกัน)
64. ครั้นแล้ว! พวกเขาก็กล่าวหาว่านูห์เป็นผู้มุสา(และพวกเขาก็ทำการรุกราน) แล้วเราก็ยังความปลอดภัยแก่เขา และบรรดาผู้ร่วมอุดมการณ์ของเขา(ให้รอดพ้นอันตรายจาการจมน้ำตาย)ในเรือ และเราได้ให้บรรดาผู้ที่กล่าวหาโองการต่าง ๆ ของเราเป็นความเท็จ จมน้ำตาย(จนหมดสิ้น) แท้จริงพวกเขาเป็นกลุ่มชนที่มืดบอด(ทางจิตใจ)


คำแปล R3.
59. แน่นอน เราได้ส่งนูฮฺมายังหมู่ชนของเขา แล้วเขากล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพภักดีอัลลอฮฺ พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ฉันกลัวแทนพวกท่านถึงการลงโทษที่จะมีต่อพวกท่านในวันอันน่าสะพรึงกลัว”
60. หัวหน้าหมู่ชนของเขากล่าวว่า “พวกเราเห็นท่านอย่างชัดแจ้งว่าท่านเป็นผู้ที่อยู่ในความหลงผิดชัด ๆ”
61. เขากล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันไม่ได้อยู่ในการหลงผิดแต่ประการใด ในทางตรงข้ามฉันเป็นรอซูลคนหนึ่งจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกต่างหาก”
62. “ฉันได้นำสารของพระผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่าน และฉันแนะนำสิ่งดีแก่พวกท่านเพราะฉันรู้จากอัลลอฮฺในสิ่งที่ท่านไม่รู้
63. พวกท่านคิดว่ามันแปลกหรือที่การตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านโดยผ่านชายคนหนึ่งจากในหมู่พวกท่านเพื่อที่เขาจะได้ตักเตือนพวกท่านและเพื่อที่พวกท่านจะได้ปกป้องตัวเองจากความชั่วและเพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตา?”
64. แต่ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังถือว่าเขาโกหก ดังนั้นเราจึงได้ช่วยนูฮฺและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาในเรือและเราได้ให้บรรดาผู้ที่ถือว่าอายะฮฺทั้งหลายของเราเป็นเท็จจมน้ำตาย แท้จริงพวกเขาเป็นหมู่คนตาบอด


คำแปล R4.
59. และแท้จริงเราได้ส่งนูฮฺไปยังประชาชาติของเขา แล้วเขาได้กล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉันจงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิดไม่มีผู้ได้รับการเคารพสักการะใด ๆ สำหรับพวกท่านอีกแล้วอื่นจากพระองค์ แท้จริงฉันกลัวการลงโทษในวันอันยิ่งใหญ่จะประสบแก่พวกท่าน
60. บรรดาชนชั้นนำในหมู่ประชาชนของเขาได้กล่าวว่า แท้จริงเขาเห็นท่านอยู่ในความหลงผิดอันชัดแจ้ง
61. เขากล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน! ไม่มีความหลงผิดใด ๆ อยู่ที่ฉัน แต่ทว่าฉัน คือทูตคนหนึ่ง ซึ่งมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
62. โดยที่ฉันจะประกาศแก่พวกท่าน ซึ่งบรรดาสารแห่งพระเจ้าของฉัน และฉันจะชี้แจงและนำให้แก่พวกท่าน และฉันรู้จากอัลลอฮฺสิ่งที่พวกท่านไม่รู้
63. และพวกท่านแปลกใจกระนั้นหรือ? การที่ได้มีข้อตักเตือนจากพระเจ้าของพวกท่านมายังพวกท่านโดยผ่านชายคนหนึ่งในหมู่พวกท่านเพื่อเขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน และเพื่อที่พวกท่านจะได้ยำเกรง และเพื่อว่าพวกท่านจะได้รับการเอ็นดูเมตตา
64. แล้วพวกเขาได้ปฏิเสธนูฮฺ ภายหลังเรา ได้ช่วยเขา และบรรดาผู้ที่อยู่กับเขาในเรือให้รอดนั้น และเราได้ให้บรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเราจมน้ำ แท้จริงพวกเขานั้นเป็นกลุ่มชนที่มืดบอด


คำแปล R5.
อธิบายต่อไปนี้คือประวัติของศาสดานูห์ นูห์มีชื่อว่าอับดุลฆ็อฟฟาร เป็นบุตรลามัก ลามักเป็นบุตรมุตะวัชลัค มุตะวัชลัคบุตรอุคนู๊ค พระศาสดานูห์ได้รับแต่งตั้งเป็นพระศาสนทูตเมื่ออายุ ๔๐ เป็นผู้ใช้เวลาทำการประกาศศาสนธรรมนาน ๙๕๐ ปี และยังมีชีวิตยืนนานนับต่แต่เกิดอุทกภัยครั้งยิ่งใหญ่ได้อีก ๒๕๐ ปี รวมอายุทั้งสิ้น ๑,๒๔๐ ปี นับจากพระนบีอาดำถึงแก่กรรมมาจนถึงเวลาเกิดอุทกภัยสมัยนูห์เป็นเวลา ๒,๒๔๐ ปี นูห์เป็นช่างไม้ที่ตัวเองสามารถต่อเรือขึ้นได้ลำหนึ่งในระยะเพียงสองปี เหตที่ได้ชื่อว่านูห์ก็เพราะเขาเป็นผู้ได้รับภาวะที่โศกสลดอยู่มากครั้ง ด้วยเหตุว่านูห์แปลว่า “โศกสลด”
๕๙. เราขอให้สัตย์ปฏิญาณว่าความเป็นจริงเรา(อัลเลาะห์) ได้แต่งตั้งนูห์เป็นพระศาสนทูตไปยังประชากรของเขา เขา(นูห์) กล่าวแก่ประชากรของเขาว่า โอ้ประชากรของฉัน พวกท่านจงถือเอกภาพในอัลเลาะห์เถิด สำหรับพวกท่านนั้นหามีพระเจ้าอื่นใดที่นอกจากพระองค์ไม่ แท้จริงฉันกลัวว่าพวกท่านจะต้องโทษทรมานในวันปรภพอันยิ่งใหญ่ หากพวกท่านเคารพบูชาผู้นอกจากพระองค์
๖๐. ผู้มีเกียรติส่วนหนึ่งจากประชากรของเขา(นูห์) กล่าวว่า แท้จริงพวกเราเห็นท่านตกอยู่ในความงมงายอย่างชัดแจ้งทีเดียว
๖๑. เขา(นูห์) กล่าวแก่ปวงชนของเขาว่า โอ้ประชากรของฉัน ความงมงายหามีที่ตัวฉันไม่ หากแต่ฉันนั้นเป็นพระศาสนทูตมาแต่องค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
๖๒. ฉันนำภาระจากองค์อภิบาลของฉันที่ทรงใช้และทรงห้ามมาถึงพวกท่านและฉันยังมีเจตนาดีต่อพวกท่าน ทั้งฉันยังรู้สิ่งต่าง ๆ จากอัลเลาะห์ซึ่งพวกท่านไม่รู้
๖๓. ไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกท่านจะหาว่าเท็จและฉงน ในประการที่ได้มีคำเตือนจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านผ่านบุรุษหฯงที่มีชาติพันธุ์เดียวกับพวกท่านมายังพวกท่าน เพื่อที่ผู้นั้นจะได้เตือนพวกท่านให้ยำเกรงการลงโทษทรมานในกรณีที่พวกท่านไม่ศรัทธาและเพื่อว่าพวกท่านจะได้ยำเกรงอัลเลาะห์เพื่อว่าพวกท่านจะได้รับความโปรดปราณีด้วยเหตุได้รับคำเตือนดังกล่าว
๖๔. แต่แล้วพวกเหล่านั้นกลับหาว่าเขา(นูห์) เท็จ เรา(อัลเลาะห์) จึงให้เขา(นูห์)กับบรรดาที่อยู่ร่วมกับเขา(นูห์) ในสำเภา เป็นชายสี่สิบและหญิงอีกสี่สิบได้ปลอดภัยพ้นจากการจมน้ำตาย และเรา(อัลเลาะห์) ได้ให้บรรดาผู้ที่ว่าโองการต่าง ๆ ของเราเท็จ จมน้ำตายเพราะอุทกภัยครั้งนั้น ด้วยเหตุว่าพวกเหล่านั้นเป็นผู้มืดมน มองไม่เห็นซึ่งความจริงแท้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 65 - 72


คำอ่าน
65. วะอิซาอาดินอะคอฮุมฮูดา กอละยาก็อวมิอฺบุดุลลอฮะ มาละกุม..มินอิลาฮินฆ็อยรุฮฺ อะฟะลาตัตตะกูน
66. กอลัลมะละอุลละซีนะกะฟะรูมิน..ก็อวมิฮี อิน..นาละนะรอกะฟีสะฟาฮะติว..วะอิน..นาละนะซุน..นุกะมินัลกาซิบีน
67. กอละยาก็อวมิลัยสะบีสะฟาฮะคู..วะลากิน..นี เราะสูลุม..มิรฺณ้อบบิลอาละมีน
68. อุบัลลิฆุกุม ริสาลาติร็อบบี วะอะนะละกุม นาศิหุนอะมีน
69. อะวะอะญิบตุม อัน..ญา...อะกุม ซิกรุม..มิรฺร็อบบิกุม อะลาเราะญุลิม..มิน..กุม ลิยุน..ซิเราะกุม วัซกุรู..อิซญะอะละกุม คุละฟา..อะมิม..บะอฺดิก็อวมินูหิว..วะซาดะกุมฟิลค็อลกิมัสเฏาะฮฺ ฟัซกุรู..อาลา..อัลลอฮฺ ละอัลละกุมตุฟลิหูน
70. กอลู..อะญิอ์ตะนา ลินะอฺบุดัลลอฮะ วะหฺดะฮู วะนะซะเราะ มากานะยะอฺบุดุอาบา..อุนา ฟะอ์ตินา บิมาตะอิดุนา..อิน..กุน..ตะมินัศศอดิกีน
71. กอละก็อดวะเกาะอะอะลัยกุม มิรฺร็อบบิกุมริจญสู..วะเฆาะฎ็อบ อะตุญาดิลูนะนี ฟี..อัสมา..อิน..สัม..มัยตุมูฮา..อัน..ตุม วะอาบาอุกุม มานัซซะลัลลอฮุบิฮามิน..สุลฏอน ฟัน..ตะซิรู..อิน..นี มะอะกุม..มินัลมุน..ตะซิรีน
72. ฟะอัน..ญัยนาฮุ วัลละซีนะมะอะฮูบิเราะหฺมะติม..มิน..นา วะเกาะเกาะอฺนาดาบิร็อลละซีนะกัซซะบูบิอายาตินา วะมากานูมุอ์มินีน


คำแปล R1.
65. And to 'Ad (people, we sent) their brother Hud. He said: "O my people! Worship Allah! You have no other Ilah (God) but Him. (La ilaha ill-Allah: none has the right to be worshipped but Allah). Will you not fear (Allah)?"
66. The leaders of those who disbelieved among his people said: "Verily, we see you In foolishness, and verily, we think you are one of the liars."
67. (Hud) said: "O my people! There is no foolishness in me, but (I am) a Messenger from the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists)!
68. "I convey unto you the Messages of my Lord, and I am a trustworthy adviser (or well-wisher) for you.
69. "Do you wonder that there has come to you a reminder (and an advice) from your Lord through a man from amongst you that he may warn you? And remember that He made you successors after the people of Nuh (Noah), and increased you amply in stature. So remember the graces (bestowed upon you) from Allah, so that you may be successful."
70. They said: "You have come to us that we should worship Allah alone and forsake that which our fathers used to worship. So bring us that wherewith you have threatened us if you are of the truthful."
71. (Hud) said: "Torment and wrath have already fallen on you from your Lord. Dispute you with me over names which you have named - you and your fathers, with no authority from Allah? Then wait, I am with you among those who wait."
72. So We saved him and those who were with him by a Mercy from us, and we cut the roots of those who belied our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.), and they were not believers.


คำแปล R2.
65. และ(เราได้ส่ง)มายังพวกอ๊าด ซึ่ง(นบีคนหนึ่งซึ่งเป็น)พี่น้องของพวกเขาเอง คือนบีฮู๊ด เขาประกาศว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน! พวกท่านจงนมัสการอัลเลาะฮฺเถิด พวกท่านหามีพระเจ้าอื่นใดไม่นอกจากพระองค์ แล้วไฉนเล่าพวกท่านจึงไม่ยำเกรงพระองค์
66. บรรดาชนชั้นผู้นำผู้ปฏิเสธจากมวลพวกพ้องของเขาได้กล่าวว่า “แท้จริงพวกเราเห็นว่าท่านนั้นกำลังโง่เขลาอย่างยิ่ง และแท้จริงพวกเราคิดว่าท่านนั้นเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้มุสานั่นเอง
67. เขากล่าว(ตอบ)ว่า “ฉันมิได้โง่เขลา แต่ฉันเป็นศาสนทูตคนหนึ่งจากองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย
68. ฉันทำการเผยแพร่ต่อพวกท่านทั้งหลายซึ่งสารธรรมแห่งองค์อภิบาลของฉันและฉันเป็นผู้แนะนำที่ซื่อสัตย์ต่อพวกท่าน
69. หรือว่าพวกท่านมีความฉงนในการที่มีคำเตือนจากองค์อภิบาลของพวกท่านได้มาสู่พวกท่านโดยผ่านบุรุษหนึ่งจากพวกท่าน เพื่อเขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน และท่านทั้งหลายจงระลึกเถิด เมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงแต่งตั้งพวกท่านให้เป็นผู้สืบทอดการปกครอง ภายหลังจากกลุ่มชนของนูห์และพระองค์ได้ทรงเพิ่มพูนความแข็งแกร่งในกำเนิด(ของพวกท่าน) ดังนั้นท่านทั้หลายจงระลึกถึงความโปรดปรานต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ เพื่อพวกท่านจะได้ประสบความสมหวังโดยแท้จริง
70. พวกเขา(ผู้ปฏิเสธ)กล่าวว่า “ท่านจะมาหาเราเพียงเพื่อให้เราทำการนมัสการอัลเลาะฮฺเพียงพระองค์เดียว และให้พวกเราทอดทิ้งสิ่งที่บรรพบุรุษของเราได้เคยนมัสการกันมาก่อนกระนั้นหรือ? ดังนั้นท่านจงนำมายังเราเถิด สิ่งที่ท่านสัญญา(ไว้ว่าจะอุบัติ)แก่เรา(การลงโทษ)หากท่านเป็นผู้หนึ่งจากมวลผู้สัตย์จริงทั้งหลาย
71. เขากล่าวว่า “แท้จริงได้ปรสบแก่พวกท่านจากองค์อภิบาลของพวกท่าน ซึ่งการลงโทษและความพิโรธ ท่านทั้งหลายจะโต้เถียงฉันในบรรดารายชื่อ(ของเทวรูป)ที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านได้ตั้งชื่อมันไว้กระนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่อัลเลาะฮฺมิได้ประทานหลักฐานใด ๆ ให้ลงมาเกี่ยวกับชื่อเหล่านั้นเลย? ดังนั้น ท่านทั้งหลายจงรอคอยไปก่อนเถิด! แท้จริงตัวฉันเองก็เป็นผู้หนึ่งจากบรรดาที่เฝ้ารอพร้อม ๆ กับพวกท่านนั่นเอง
72. ครั้นต่อมา เราก็ยังความปลอดภัยแก่เขาและบรรดาผู้ร่วมกับเขาโดยความเมตตาจากเราและเราได้ตัดขาด(ด้วยการลงโทษ)ผู้สืบตระกูลจากบรรดาผู้กล่าวหาโองการทั้งหลายของเราว่าเป็นความเท็จ และพวกเขาหาใช่ผู้ศรัทธาไม่


คำแปล R3.
65. และยังพวกอ๊าด เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือฮูด เขากล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพภักดีอัลลอฮฺ พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ แล้วพวกท่านยังไม่ละเว้นจากหนทางที่ผิดอีกกระนั้นหรือ?
66. บรรดาหัวหน้าหมู่ชนของเขาที่ปฏิเสธสารของเขากล่าวว่า “เราเห็นอย่างชัดเจนว่าท่านเป็นผู้มีความคิดวิปลาสและเราคิดว่าท่านเป็นผู้โกหก”
67. ฮูดจึงตอบว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันไม่ได้มีความคิดวิปลาสดอก แต่ความจริงแล้วฉันเป็นรอซูลจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
68. ฉันได้นำสารของพระผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่าน และฉันเป็นผู้ปรารถนาดีที่เชื่อถือได้ของพวกท่าน
69. พวกท่านคิดว่ามันแปลกหรือที่การตักเตือนจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านโดยผ่านชายคนหนึ่งจากในหมู่คนของพวกท่านเพื่อที่ว่าเขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน? จงอย่าลืมว่าหลังจากหมู่ชนของนูฮฺ พระผู้อภิบาลของพวกท่านได้ตั้งให้พวกท่านเป็นผู้มีอำนาจเข้มแข็งสืบต่อจากเขา และได้ทรงทำให้พวกท่านมีพลังร่างกายกำยำ ดังนั้นจงรำลึกถึงปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งอำนาจของอัลลอฮฺ เพื่อที่พวกท่านจะได้ประสบผลสำเร็จ
70. พวกเขาตอบว่า “ท่านมายังพวกเราเพื่อต้องการให้พวกเราเคารพภักดีอัลลอฮฺองค์เดียวเท่านั้นและละทิ้งสิ่งที่บรรพบุรุษของพวกเราได้เคยเคารพบูชากระนั้นหรือ? ถ้าเช่นนั้นจงนำการลงโทษที่ท่านขู่สำทับเรามาให้เราได้เห็น ถ้าหากท่านเป็นผู้สัตย์จริง”
71. ฮูดกล่าวว่า “พวกท่านได้รับการสาปแช่งและความกริ้วจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านแล้ว พวกท่านโต้เถียงฉันเกี่ยวกับนามต่าง ๆ ที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านได้ประดิษฐ์ขึ้น โดยที่อัลลอฮฺมิได้ทรงประทานหลักฐานอันใดในเรื่องนี้กระนั้นหรือ? ดังนั้นจงคอยดูเถิด และฉันจะคอยดูอยู่กับพวกท่านด้วย”
72. ดังนั้นเราได้ช่วยฮูดและผู้ที่อยู่ร่วมกับเขาให้ปลอดภัยด้วยความเมตตาของเรา และเราได้ตัดรากของบรรดาผู้ที่ถือว่าอายะฮฺทั้งหลายของเราเป็นเท็จและไม่คิดที่จะศรัทธา”


คำแปล R4.
65. “และยังประชาชาติอ๊าดนั้น เราได้ส่งฮูด ซึ่งเป็นพี่น้องของพวกเขาไปเขากล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน! จงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด ไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ สำหรับพวกท่านอีกแล้วอื่นจากพระองค์ พวกท่านไม่ยำเกรงดอกหรือ?”
66. “บรรดาชนชั้นนำที่ปฏิเสธการศรัทธาในหมู่ประชาชาติของเขาได้กล่าวว่า แท้จริงเราเห็นท่านอยู่ในความโฉดเขลา และแท้จริงพวกเราแน่ใจว่าท่านนั้นเป็นคนหนึ่งในหมู่ผู้มุสา”
67. “เขากล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน! ไม่มีความโฉดเขลาใด ๆ อยู่ที่ฉัน แต่ทว่าฉันคือรอซูลคนหนึ่ง ซึ่งมาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก”
68. “โดยที่ฉันจะประกาศแก่พวกท่าน ซึ่งบรรดาสารแห่งพระเจ้าของฉัน และฉันนั้นเป็นผู้แนะนำที่ซื่อตรงแก่พวกท่าน”
69. “และพวกท่านแปลกใจกระนั้นหรือ? การที่ได้มีข้อตักเตือนจากพระเจ้าของพวกเจ้ามายังพวกเจ้าโดยผ่านชายคนหนึ่งในหมู่พวกท่าน เพื่อเขาจะได้ตักเตือนพวกท่าน และพวกท่านจงรำลึกเถิด ขณะที่พระองค์ได้ทรงให้พวกท่านเป็นผู้สืบช่วงแทนมาหลังจากประชาชาติของนูฮฺ และได้ทรงเพิ่มพละกำลังแก่พวกท่านในการบังเกิด ดังนั้นพวกท่านถึงรำลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮฺเถิดเพื่อว่าพวกท่านจะได้รับความสำเร็จ”
70. “พวกเขากล่าวว่า ที่ท่านมาหาพวกเรานั้น เพื่อว่าเราจะได้เคารพสักการะอัลลอฮฺแต่เพียงองค์เดียว และละทิ้งสิ่งที่บรรดาบรรพบุรุษของพวกเราเคยเคารพสักการะมากระนั้นหรือ? จงนำสิ่งที่ท่านได้สัญญาแก่พวกเรามายังพวกเราเถิดหากท่านอยู่ในหมู่ผู้พูดจริง
71. “เขากล่าวว่า แน่นอนได้เกิดขึ้นแล้วแก่พวกท่าน ซึ่งการลงโทษ และความกริ้วโกรธจากพระเจ้าของพวกท่าน พวกท่านจะโต้เถียงฉันในบรรดาชื่อที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านได้ตั้งมันขึ้นมาเอง โดยที่อัลลอฮฺมิได้ทรงประทานหลักฐานใด ๆ มาสำหรับชื่อเหล่านั้น กระนั้นหรือ? ดังนั้นพวกท่านจงรอคอยเถิดแท้จริงฉันร่วมกับพวกท่านด้วยในหมู่ผู้รอคอย”
72. “แล้วเราได้ช่วยเขา และบรรดาผู้ที่ร่วมอยู่กับเขาให้รอดพ้น ด้วยความเอ็นดูเมตตาจากเรา และเราได้ตัดขาด ซึ่งคนสุดท้ายของบรรดาผู้ที่ปฏิเสธโองการทั้งหลายของเรา และมิเคยปรากฏว่าพวกเขาเป็นผู้ศรัทธา”


คำแปล R5.
๖๕. ฝ่ายพวกอ๊าดก็มีฮู๊ดผู้เป็นญาติพี่น้องกันถูกเราแต่งตั้งเป็นพระศาสนทูตไปถึงนำข้อบัญญัติใช้และข้อบัญญัติห้ามไปยังอ๊าดเผ่าแรก เขา(ฮู๊ด) กล่าวแก่ประชากรของเขาว่า โอ้ปวงประชากรของฉัน พวกท่านจงถือเอกภาพในอัลเลาะห์เถิด สำหรับพวกท่านนั้นหามีพระเจ้าอื่นใดที่นอกจากพระองค์ไม่ จึงไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกท่านไม่ยำเกรงการลงโทษหลังจากที่พวกท่านก็รู้อยู่แล้วว่าการลงโทษทรมานเคยตกแก่ประชากรของนูห์แล้วพวกท่านจะได้เกิดศรัทธา
๖๖. ผู้มีเกียรติที่เป็นชนการฟิรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งจากประชากรของเขา(ฮู๊ด) กล่าวว่า แท้จริงพวกเราเห็นท่านตกอยู่ในความโง่งม และพวกเราคิดเห็นว่าท่านเป็นผู้หนึ่งจากพวกที่โกหก ในเรื่องหน้าที่เผยแพร่ของท่านเกี่ยวกับข้อบัญญัติใช้และข้อบัญญัติห้าม
๖๗. เขา(ฮู๊ด) กล่าวแก่ปวงประชากรของเขาว่า โอ้ปวงประชากรของฉัน ความโง่งมหามีที่ฉันไม่ หากแต่ฉันนั้นเป็นพระศาสนทูตมาแต่องค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
๖๘. ฉันนำภาระจากองค์พระผู้อภิบาลของฉันที่ทรงใช้และทรงห้ามมาถึงพวกท่านโดยทั่วถึงกัน และฉันยังเป็นผู้มีเจตนาดีที่วางใจได้สำหรับพวกท่านในด้านการเผยแพร่ข้อบัญญัติใช้และข้อบัญญัติห้ามอีกด้วย
๖๙. ไม่เป็นการสมควรเลยที่พวกท่านจะหาว่าเป็นเท็จและฉงนในประการที่ได้มีคำเตือนจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านผ่านบุรุษหฯงที่มีชาติพันธุ์เดียวกับพวกท่านมายังพวกท่าน เพื่อที่พวกนั้นจะได้แสดงคำขู่ตักเตือนพวกท่านให้มีความยำเกรงในการลงโทษทรมานจากอัลเลาะห์ หากพวกท่านไม่ศรัทธา ทั้งพวกท่านจงรำลึกในตอนที่พระองค์ได้ทรงตั้งพวกท่านเป็นผู้แทน ณ หน้าแผ่นดินถัดจากปวงประชากรของนูห์ ซึ่งได้ถูกล้างชาติพันธุ์มาแล้ว และได้ทรงให้พวกท่านมีคว่ามยิ่งในรูปโครงร่างสูงใหญ่ แข็งแรง และยิ่งในทรัพย์สิน ในจำนวนคนเหล่านั้น คนที่สูงก็สูงถึงหนึ่งร้อยศอก ส่วนคนที่ต่ำก็เพียงหกสิบศอก ฉะนั้นพวกท่านจงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ เพื่อว่าพวกท่านจักได้มีชัยชนะ โดยได้เข้าสู่สรวงสวรรค์ พ้นจากการคงอยู่ในขุมนรก และปราศจากภยันตรายต่าง ๆ ในภพดุนยา
๗๐. พวกประชากรเหล่านั้นพูดว่า ท่านไม่น่าจะมายังพวกเรา เพื่อให้พวกเราเคารพสักการะอัลเลาะห์เพียงองค์เดียว และให้พวกเราต้องละทิ้งจากการเคารพบูชาเทวรูปที่บรรพบุรุษของพวกเราเคารพบูชาเลย ขอท่านจงนำเอาโทษมาตามที่ท่านได้สัญญาไว้แก่พวกเราเถิด หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งจากพวกสัจจริงในถ้อยคำ
๗๑. เขา(ฮู๊ด) กล่าวว่า การลงโทษกับความกริ้วจากองคือภิบาลของพวกท่านนั้นได้เผชิญพวกท่านแล้วแน่นอน ไม่สมควรเลยที่พวกท่านจะมาถกเถียงกับฉันในเรื่องของนามชื่อเทวรูปที่พวกท่านและบรรพบุรุษของพวกท่านริอ่านตั้งชื่อให้ว่าเป็นเทวรูปนั้นและเทวรูปนี้ เทวรูปหนึ่งชื่อว่าซ่อมู๊ด ที่สองชื่อซ่อมัด และที่สามชื่อว่าฮับ โดยที่อัลเลาะห์มิได้ทรงลงหลักฐานเรื่องนี้มาเลย พวกท่านจงรอดูการลงโทษกันเถิด แน่นอนฉัน(ฮู๊ด) ย่อมเป็นคนหนึ่งที่รอการลงโทษร่วมกับพวกท่านที่ชอบหาว่าฉันเท็จด้วย ฉันจะให้เกิดกระแสลมชนิดหนึ่งชื่อว่าอะกีมทำลายพวกนั้น กล่าวคือ เป็นกระแสลมหนาวมีเสียงดังแรงมาก แต่ไม่มีฝนมากับลมนั้น กระแสลมพัดทำลายพวกเหล่านั้น เกิดขึ้นปลายฤดูหนาว เริ่มมีตอนเช้ามืดของวันพุธที่ยี่สิบสอง เดือนเชาวาล และได้พัดอยู่นานถึงเจ็ดคืนกับแปดวัน ผู้ได้รับความเสียหายเพราะลมนี้มีทั้งเป็นชาย หญิง ลูกเด้กเล็กแดงและทรัพย์สินเป็นอันมาก เหยื่อวาตภัยเหล่านี้ถูกพัดม้วนเคว้งคว้างขึ้นสูงอย่างแหลกละเอียด
๗๒. แล้วเรา(อัลเลาะห์) ก็ได้ให้เขา(ฮู๊ด) กับบรรดาผู้เป็นศรัทธาชนร่วมกับเขาได้ความปลอดภัยด้วยความโปรดปราณีจากเรา และเรา(อัลเลาะห์) ได้ล้างชาติพันธุ์ของบรรดาผู้ที่หาว่าโองการต่าง ๆ ของเราเท็จ และพวกเหล่านั้นก็มิใช่ผู้ศรัทธาอีกด้วย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 73 - 79


คำอ่าน
73. วะอิลาษะมูดะ อะคอฮุมศอลิหา กอละ ยาก็อวมิอฺบุดุลลอฮะ มาละกุม..มินอิลาฮินฆ็อยรุฮฺ ก็อดญา..อัตกุม บัยยินะตุม..มิรฺร็อบบิกุม ฮาซิฮีนาเกาตุลลอฮิ ละกุมอายะตัน..ฟะซะรูฮาตะอ์กุลุ ฟีอัรฺฎิลลาฮิ วะลาตะมัสสูฮา บิสู...อิน..ฟะยะอ์คุซะกุมอะซาบุนอะลีม
74. วัซกุรู..อิซญะอะกุมคุละฟา...อะมิม..บะอฺดิอาดิว..วะเบาวะอะกุม ฟิลอัรฺฎิ ตัตตะคิซูนะมิน..สุฮูลิฮา กุศูร็อว..วะตันหิตูนัลญิบาละบุยูตา วัซกุรู..อาลา..อัลลอฮิ วะลาตะอฺเษาฟิลอัรฺฎิ มุฟสิดีน
75. กอลัลมะละอุลละซีนัสตักบะรูมิน..ก็อวมิฮี ลิลละซีนัสตุฎอิฟู ลิมันอามะนะมินฮุม อะตะอฺละมูนะอัน..นะศอลิหัม..มุร์สะลุม..มิรฺร็อบบิฮฺ กอลู..อิน..นาบิมา..อุรฺสิละบิฮีมุอ์มินูน
76. กอลัลละซีนัสตักบะรู  อิน..นาบิลละซี..อามัน..ตุม..บิฮีกาฟิรูน
77. ฟะอะเกาะรุน..นาเกาะตะ วะอะเตาอันอัมริ ร็อบบิฮิม วะกอลูยาศอลิหุอ์ตินา บิมาตะอิดุนา..อิน..กุน..ตะมินัลมุรฺสะลีน
78. ฟะอะเคาะซัตฮุมุรฺร็อจญฟะตุ ฟะอัศบะหูฟีดาริฮิมญาษิมีน
79. ฟะตะวัลลาอันฮุม วะกอละ ยาก็อวมิ ละก็อดอับลัฆตุกุม ริสาละตะร็อบบี วะนะเศาะหฺตุละกุม วะลากิลลาตุหิบบูนัน..นาศิหีน


คำแปล R1.
73. And to Thamud (people, we sent) their brother Salih (Saleh). He said: "O my people! Worship Allah! You have no other Ilah (God) but Him. (La ilaha ill-Allah: none has the right to be worshipped but Allah). Indeed there has come to you a clear sign (the miracle of the coming out of a huge she-camel from the midst of a rock) from your Lord. This she-camel of Allah is a sign unto you; so you leave her to graze in Allah's earth, and touch her not with harm, lest a painful torment should seize you.
74. "And remember when He made you successors after 'Ad (people) and gave you habitations in the land, you build for yourselves palaces in plains, and carve out homes in the mountains. So remember the graces (bestowed upon you) from Allah, and do not go about making mischief on the earth."
75. The leaders of those who were arrogant among his people said to those who were counted weak - to such of them as believed: "Know you that Salih (Saleh) is one sent from his Lord." they said: "We indeed believe in that with which He has been sent."
76. Those who were arrogant said: "Verily, we disbelieve in that which you believe in."
77. So they killed the she-camel and insolently defied the commandment of their Lord, and said: "O Salih (Saleh)! Bring about your threats if you are indeed one of the Messengers (of Allah)."
78. So the earthquake seized them, and they lay (dead), prostrate in their homes.
79. Then he [Salih (Saleh)] turned from them, and said: "O my people! I have indeed conveyed to you the message of my Lord, and have given you good advice but you like not good advisers."


คำแปล R2.
73. และ(เราได้ส่ง)มายังพวกสะมู๊ดซึ่งพี่น้องของพวกเขาเองคือซอลิหฺ เขาประกาศว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน! ท่านทั้งหลายจงนมัสการอัลเลาะฮฺเถิด พวกท่านหาได้มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ไม่ แท้จริงได้มีสัญลักษณ์อันชัดแจ้ง(ความมหัศจรรย์)จากองค์อภิบาลของพวกท่านมาสู่พวกท่านแล้วคือสิ่งนี้! ได้แก่อูฐตัวเมียของอัลเลาะฮฺ เป็นสัญลักษณ์หนึ่งสำหรับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงปล่อยให้มันหากินในแผ่นดินของอัลเลาะห์เถิด และพวกท่านอย่าให้มันสัมผัสกับความเลวร้าย (การรังแก) ใด ๆ มิฉะนั้นการลงโทษอันทรมานยิ่งก็จะประสบแก่พวกท่านอย่างแน่นอน
74. และท่านทั้งหลายจงระลึกเถิด เมื่อครั้งพระองค์ทรงบันดาลพวกท่านให้เป็นผู้สืบทอดการปกครองภายหลังประชาชาติอ๊าด และทรงให้พวกเจ้ามีถิ่นฐานอยู่ในแผ่นดินพวกท่านก็จัดสร้างปราสาทอาศัยในที่ราบของมัน และพวกท่านสกัดภูเขาทำบ้านเรือน ดังนั้นท่านทั้งหลายจงระลึกถึงความโปรดปรานต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺ และพวกท่านอย่าได้ก่อกวนโดยเป็นผู้บ่อนทำลายในแผ่นดิน
75. ชนชั้นผู้นำซึ่งเป็นผู้ทระนงตนจากกลุ่มชนของเขาได้กล่าวกับบรรดาผู้อ่อนแอที่มีศรัทธาว่า “พวกเจ้ารู้หรือว่า ซอลิหฺนั้นถูกส่งตัวมาจขากพระเจ้าของเขา?” พวกเขา(ผู้ศรัทธา)กล่าวตอบว่า “ความจริงพวกเราศรัทธาในสิ่งที่เขาได้ถูกส่งตัวมา” (คำสอนทั้งหมด)
76. บรรดาผู้ทระนงตนกล่าวว่า “แต่พวกเราคัดค้านทุกสิ่งที่พวกเจ้าศรัทธา”
77. ดังนั้นพวกนั้นจึงจัดการตัดขาฆ่าอูฐตัวนั้น(ผู้กระทำชื่อ ก็อดดาร์ บินซาลิม) และขัดขืนคำบัญชาขององค์อภิบาลของพวกเขา และพวกเขากล่าวว่า “โอ้ซอลิหฺ! ท่านจงนำมาสู่พวกเราซิ(การลงโทษ)ที่ท่านได้ให้สัญญษ(ไว้ว่าจะประสบ)แก่เรา(หากเราคัดค้าน) หากท่านเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ที่ถูกส่งตัวมาจริง”
78. ดังนั้นธรณีจึงถล่มทลายคร่า(ชีวิตของ)พวกนั้น แล้วพวกนั้นก็พังพาบ(นอนตายไม่ไหวติงอยู่)ในบ้านเรือนของพวกเขาเอง
79. จากนั้นเขา(นบีซอลิหฺ)ก็หันออกมาจากพวกนั้น พร้อมกับกล่าวว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน! ขอสาบานว่าฉันได้แพร่สารธรรมแห่งองค์อภิบาลของฉันแก่พวกท่าน และฉันได้แนะนำพวกท่าน แต่ทว่าพวกท่านไม่ชอบผู้แนะนำ(โดยหวังดี)ทั้งหลาย
 
คำแปล R3.
73. และแก่หมู่ชนษะมูด เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขาคือซอลิฮฺ เขากล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพภักดีอัลลอฮฺ เพราะพวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกไปจากพระองค์ ข้อพิสูจฯอันชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านได้มายังพวกท่านแล้ว นี่คืออุฐตัวเมียของอัลลอฮิเป็นสัญญาณสำหรับพวกท่าน จงปล่อยให้มันหากินตามลำพังในแผ่นดินของอัลลอฮฺ จงอย่าแตะต้องมันด้วยเจตนาชั่วร้ายใด ๆ มิฉะนั้นการลงโทษอันเจ็บปวดจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านจะคร่าพวกท่าน
74. และจงนึกถึงเมื่อครั้งที่พระองค์ได้ทรงทำให้พวกท่านเป้นผู้สืบทอดการปกครองต่อจากพวกอาดและได้ทรงตั้งหลักแหล่งพวกท่านในแผ่นดินอย่างมีเก๊ยรติและได้ทรงทำให้พวกท่านสามารถสร้างปราสาทบนที่ราบและสะกัดภูเขาเป็นบ้าน ดังนั้นจงนึกถึงการแสดงอำนาจของอัลลอฮฺและจงอย่าแพร่กระจายความเสียหายขึ้นบนแผ่นดิน”
75. บรรดาหัวหน้าผู้โอหังของหมู่ชนได้กล่าวแก่บรรดาผู้ศรัทธาจากหมู่ชนที่ถูกกดขี่ว่า “พวกท่านรู้แน่หรือว่าซอลิฮฺเป็นรอซูลจากพระผู้อภิบาลของเขา?” พวกเขาตอบว่า “แท้จริง เราศรัทธาในสารที่ถูกส่งมากับเขา”
76. แต่บรรดาผู้โอหังกล่าวว่า “เราปฏิเสธสิ่งที่พวกท่านศรัทธา”
77. แล้วพวกเขาก็ได้ฆ่าอูฐตัวเมียนั้นและขัดขืนต่อบัญญัติของพระผู้อภิบาลของพวกเขาและกล่าวท้าทายว่า “ซอลิฮ์เอ๋ย จงนำการลงโทษที่ท่านขู่สำทับเรามาซิ ถ้าหากว่าท่านเป็นหนึ่งในบรรดารอซูล”
78. ดังนั้นความหายนะอันรุนแรงฉับพลันจึงได้คร่าชีวิตพวกเขา ยังผลให้พวกเขานอนคว่ำหน้าตายอยู่ในบ้านของพวกเขาเอง
79. ดังนั้น ซอลิฮฺ จึงหันห่างไปจากพวกเขาและกล่าวกับพวกเขาว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันได้นำสารของพระผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่าน และฉันได้ทำอย่างดีที่สุดแล้วเพื่อผลดีของพวกท่านเอง แต่ฉันก็ช่วยอะไรไม่ได้เพราะพวกท่านไม่ชอบผู้แนะนำสิ่งที่ดี”

 
คำแปล R4.
73. และยังประชาชาติซะมูตนั้น เราได้ส่งซอและฮ์ซึ่งเป็นพี่น้องของพวกเขาไป เขากล่าวว่าโอ้ประชาชาติของฉัน! จงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด ไม่มีผู้ที่ควรได้รับการเคารพสักการะใด ๆ สำหรับพวกท่านอีกแล้วอื่นจากพระองค์ แน่นอนได้มีหลักฐานอันชัดเจนจากพระเจ้าของพวกท่านมายังพวกท่านแล้วนี้คืออูฐตัวเมียของอัลลอฮฺในฐานะเป็นสัญญาณหนึ่งสำหรับพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจงปล่อยมันกินในแผ่นดินของอัลลอฮฺเถิด และจงอย่าแตะต้องมันด้วยการทำร้ายใด ๆ เลยจะเป็นเหตุให้การลงโทษอันเจ็บแสบคร่าพวกท่านเสีย
74. และพวกท่านจงรำลึกขณะที่พระองค์ได้ทรงให้พวกท่านเป็นผู้สืบช่วงแทนมาหลังจากชาวอ๊าด และได้ทรงให้พวกท่านตั้งหลักแหล่งอยู่ในแผ่นดินส่วนนั้น โดยยึดเอาจากที่ราบของมันเป็นวัง และสกัดภูเขาเป็นบ้าน พวกท่านพึงรำลึกถึงความกรุณาของอัลลอฮฺเถิด และจงอย่าก่อกวนในแผ่นดินในฐานะผู้บ่อนทำลาย
75. บรรดาชนชั้นนำที่แสดงโอหังจากประชาชาติของเขาได้กล่าวแก่บรรดาผู้ที่ถูกนับว่าอ่อนแอ(กล่าวคือ) แก่บรรดาผู้ศรัทธาในหมู่พวกเขากล่าวว่าพวกท่านรู้กระนั้นหรือว่า แท้จริงซอและฮฺนั้นเป็นผู้ถูกส่งมาจากพระเจ้าของเขา พวกเขากล่าวว่าแท้จริงพวกเราเป็นผู้ศรัทธาต่อสิ่งที่เขาถูกส่งให้นำสิ่งนั้นมา
76. บรรดาผู้ที่แสดงโอหังกล่าวว่า แท้จริงเราเป็นผู้ปฏิเสธศรัทธา ต่อสิ่งที่พวกท่านได้ศรัทธากัน
77.  และพวกเขาก็ตัดขาอูฐตัวเมียตัวนั้นและได้ละเมิดคำสั่งแห่งพระเจ้าของพวกเจ้า และได้กล่าวว่าโอ้ซอและฮฺ จงนำสิ่งที่ท่านได้สัญญาแก่พวกเราไว้มาให้แก่พวกเราเถิด ถ้าหากท่านอยู่ในหมู่ผู้ที่ถูกส่งมาเป็นรอซูล
78. แล้วความไหวอย่างแรงของแผ่นดินก็ได้คร่าพวกเขา แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้นั่งคุกเข่าตายในบ้านของพวกเขา
79. แล้วเขาก็หันออกไปจากพวกนั้น และกล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน แท้จริงฉันได้ประกาศแก่พวกท่านแล้ว ซึ่งสารแห่งพระเจ้าของฉัน และฉันก็ได้ชี้แจงแนะนำแก่พวกท่านด้วย แต่ทว่าพวกท่านไม่ชอบบรรดาผู้ชี้แจงแนะนำ


คำแปล R5.
อธิบายต่อไปนี้เป็นประวัติของพระศาสดาซอลิห์กับซะมู๊ด กล่าวได้ว่าซอลิห์เป็นบุตรของอุไบด์ อุไบด์เป็นบุตรของอาซิฟ อาซิฟบุตรของมาซะห์ มาซะห์บุตรของอุไบด์ อุไบด์บุตรของฮาซิร ฮาซิรบุตรของซะมู๊ด ซะมู๊ดบุตรของฆอฟิร ฆอฟิรบุตรของซาม ซามบุตรของนูห์ ซอลิห์กับฮู๊ดห่างกันถึงหนึ่งร้อยปี พระศาสดาซอลิห์มีอายุยืนนานอยู่ได้ ๒๘๐ ปี
๗๓. และยังพวกซะมู๊ด ก็มีซอลิห์ผู้เป็นญาติพี่น้องกันถูกเราแต่งเป็นพระศาสนทูตส่งไปถึง นำข้อบัญญัติใช้และข้อห้ามไปยังพวกซะมู๊ด เขา(ซอลิห์) กล่าวแก่ประชากรของเขาว่า โอ้ประชากรของฉันพวกท่านจงถือเอกภาพในอัลเลาะห์เถิด แหละว่าพวกท่านหาได้มีพระเจ้าอื่นใดที่นอกจากพระองค์ไม่ แท้จริงได้มีอภินิหารแต่ไม่ใช่วิทยากลมาจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านแล้ว อภินิหารนี้ชี้ว่าคำพูดของฉันเป็นสัจ อภินิหารนี้คือแม่อูฐกับลูกของมัน เป็นของอัลเลาะห์ เป็นสัญญาณไว้สำหรับพวกท่าน ตามที่พวกท่านขอร้องให้มีอูฐตัวเมียกับลูกของมันคลอดออกจากหินก้อนใหญ่ที่พวกนั้นกำหนดให้ ฉะนั้นพวกท่านจงปล่อยมันไปหากิน ณ ผืนแผ่นดินของอัลเลาะห์เถิด และมิให้พวกท่านเอาสิ่งไม่ดีงามไปกระทบมัน จะเป็นเหตุให้เกิดโทษที่ใหญ่หลวงประสบกับพวกท่าน
๗๔. และพวกท่านจงรำลึกในตอนที่พระองค์ได้ทรงตั้งพวกท่านเป็นผู้แทน ณ หน้าแผ่นดิน ถัดจากพวกอ๊าดที่ได้ถูกล้างชาติพันธุ์มาแล้ว และได้ทรงให้พวกท่านพักอาศัยอยู่ในผืนแผ่นดิน หิยัร ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างเมืองหิยาซกับซีเรีย(ชาม) โดยที่พวกท่านก็ยึดเอาพื้นที่ราบเป็นแหล่งอาศัยในฤดูร้อน และพวกท่านเจาะทะลวงภูเขาเป็นถ้ำอาศัยในฤดูหนาว ฉะนั้น พวกท่านจงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของอัลเลาะห์ทั้งพวกท่านอย่าได้กระทำความเสื่อมเสีย ด้วยการถือภาคีเทียบเทียมอัลเลาะห์ในหน้าแผ่นดินที่มีศาสนทูตถูกแต่งตั้งมาให้ความเจริญเลย
๗๕. บรรดาผู้มีเกียรติซึ่งยโสส่วนหนึ่งจากประชากรของเขา(ซอลิห์)ที่ไม่ยอมเชื่อถือตามเขา(ซอลิห์) ได้กล่าวแก่ผู้ศรัทธาจากพวกเหล่านั้น(ของซอลิห์) ที่ด้อยกว่าว่า พวกท่านรู้ไหมว่า ซอลิห์เป็นผู้ได้รับแต่งตั้งเป็นศาสนทูตจากพระผู้อภิบาลของเขามายังพวกท่าน พวกนั้นตอบว่า “ขอรับ” แท้จริงเท่าที่เขา(ซอลิห์) ได้รับแต่งตั้งให้เป็นศาสนทูตนั้นพวกเราเชื่อ
๗๖. บรรดาผู้หยิ่งยโสที่ไม่ยอมเชื่อกล่าวว่า แท้จริงพวกเรามิได้เชื่อถือ (ซอลิห์) ผู้ที่พวกท่านเชื่อถือเลย
๗๗. แม้อูฐที่พระศาสดาซอลิห์ได้ให้มีขึ้นโดยอภินิหารนั้นใช้น้ำร่วมบ่อเดียวกันแต่ผลัดเวรกันคนละวัน กสารทำเป็นเวรเช่นนี้ทำให้พวกนั้นเกิดความเบื่อหน่าย พวกเหล่านั้นมีอยู่ผู้หนึ่งชื่อก็ดาร บุตรซาลิบ ได้ฆ่าแม่อูฐด้วยดาบ ตามคำสั่งใช้ของพวกเดียวกัน โดยขาดความนอบน้อมในคำบัญชาใช้และห้าม จากองค์พระผู้อภิบาลแห่งพวกตน ทั้งพวกเหล่านั้นยังเอ่ยว่า โอ้ซอลิห์ท่านจงนำโทษมาลงแก่พวกเราตามที่ท่านได้สัญญาไว้เถิดว่าถ้าใครฆ่าอูฐแล้วจะถูกลงโทษ ถ้าแม้ว่าท่านเป็นผู้หนึ่งจากพวกที่ถูกแต่งตั้งเป็นศาสนทูต จงนำโทษนั้นมาเถอะ
๗๘. ครั้นแล้วแผ่นดินไหวและเสียงดังกัมปนาทจากเบื้องฟ้าก็เกิดขึ้นประสบกับพวกนั้น พวกนั้นจึงล้มฟุบลงตายในท่าคุกเข่า ณ ที่อยู่อาศัยของพวกตนเอง
๗๙. เขา(ซอลิห์) ได้เหห่างเสียจากพวกนั้นแล้ว (ซอลิห์) กล่าวขึ้นว่า โอ้ประชาชนของฉัน ฉันนำภาระจากองค์พระผู้อภิบาลของฉันที่ทรงใช้และทรงห้ามมาถึงพวกท่านแล้วแน่นอน และฉันได้มีเจตนาดีต่อพวกท่าน แต่ทว่าพวกท่านมิได้รักบรรดาผู้มีเจตนาดีเลย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 80 - 84


คำอ่าน
80. วะลูฏ็อน อิซกอละลิก็อวมิฮี อะตะอ์ตูนัลฟาหิชะตะมาสะบะเกาะกุม..บิฮามินอะหะดิม..มินัลอาละมีน
81. อิน..นะกุมละตะอ์ตูนัรฺริญาละ ชะฮฺวะตัม..มิน..ดูนิน..นิสา...อิ บัลอัน..ตุมก็อวมุม..มุสริฟูน
82. วะมากานะญะวาบะก็อวมิฮี..อิลลา..อัน..กอลู..อัคริญูฮุม..มิน..ก็อรฺยะติกุม อิน..นะฮุม อุนาสุย..ยะตะเฏาะฮฺฮะรูน
83. ฟะอัน..ญัยนาฮุ ฟะอะฮฺละฮู..อิลลัมเราะอะตะฮู กานัตมินัลฆอบิรีน
84. วะอัมฏ็อรฺนาอะลัยฮา มะเฏาะรอ ฟัน..ซุรฺกัยฟะกานะอากิบะตุลมุจญริมีน


คำแปล R1.
80. And (remember) Lout (Lot), when he said to his people: "Do you commit the worst sin such as none preceding you has committed in the 'Alamin (mankind and jinns)?
81. "Verily, you practise your lusts on men instead of women. Nay, but you are a people transgressing beyond bounds (by committing great sins)."
82. And the answer of his people was only that they said: "Drive them out of your town; these are indeed men who want to be pure (from sins)!"
83. Then We saved him and his family, except his wife; she was of those who remained behind (in the torment).
84. And We rained down on them a rain (of stones). Then see what was the end of the Mujrimun (criminals, polytheists, sinners, etc.).


คำแปล R2.
80. และ(อัลเลาะฮฺได้ส่งนบี)ลู๊ฏ เมื่อเขาประกาศแก่ชุมชนของเขาว่า “พวกท่านยังจะประพฤติการอันลามก ซึ่งไม่มีผู้ใดจากชาวโลกได้กระทำการนั้นมาก่อนพวกท่านเลยอีกหรือ?”
81. แท้จริงท่านทั้งหลายได้สมสู่ผู้ชายด้วยกันโดยความกำหนดแทนการสมสู่กับผู้หญิง ความจริงท่านทั้งหลายเป็นผู้ล่วงละเมิด(บทบัญญัติของอัลเลาะฮฺ)
82. และไม่มีคำตอบจากชุมชนของเขานอกจากพวกเขากล่าวว่า “จงขับไล่พวกมัน(นบีลู๊ฏและพวกที่ศรัทธา)ออกจากเมืองของพวกท่านเถิด เพราะแท้จริงพวกเขาเป็นมนุษยชนที่(อ้างตนเองว่า)มีความบริสุทธิ์ (ไม่แตะต้องในลามกกรรมนั้น)
83. แล้วเรา(อัลเลาะฮฺ)ได้ให้เขา(ลู๊ฏ)กับ(บุตรสาวคนหนึ่งใน)ครอบครัวของเขาได้รับความปลอดภัย ยกเว้นภรรยาของเขาเท่านั้น นางเป็นผู้หนึ่งจากพวกที่ต้องโทษ(ตลอดไป)
84. และเราได้ให้ฝน(หิน)ตกลงมา(ลงโทษ)แก่พวกเขา ดังนั้น เจ้าจงพิจารณษเถิดว่า ผลสุดท้ายของพวกทรชนนั้นเป็นเช่นใดบ้าง


คำแปล R3.
80. และเราได้ส่งลูฏมา(เป็นนบีอีกคนหนึ่ง)จงจดจำที่เขาได้กล่าวแก่หมู่ชนของเขาว่า “พวกท่านชั่วช้าลามกจนถึงกับทำสิ่งน่ารังเกียจที่ไม่มีใครในโลกกระทำมาก่อนกระนั้นหรือ?
81. พวกท่านตอบสนองความใคร่ของพวกท่านด้วยผู้ชายแทนผู้หญิง แท้จริงแล้วพวกท่านคือหมู่ชนผู้ฝ่าฝืนขอบเขตทุกอย่าง”
82. แต่คำตอบเพียงอย่างเดียวของหมู่ชนของเขาก็มิใช่อื่นใดนอกไปจากการกล่าวว่า “จงเอาคนพวกนี้ออกไปจากเมืองของพวกท่านเสีย เพราะพวกเขาอยากจะทำตนเป้นผู้บริสุทธิ์”
83. ในที่สุดเราจึงได้ช่วยลูฏและสมาชิกในครอบครัวของเขาให้ปลอดภัย ยกเว้นภรรยาของเขาซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในหมู่ผู้รั้งอยู่ข้างหลัง
84. และเราได้ให้ห่าฝนตกลงมาบนหมู่ชนของเขา แล้วจงดูเถิดว่าผลสุดท้ายของผู้ทำผิดนั้นเป็นอย่างไร


คำแปล R4.
80. และจงรำลึกถึงลูฏขณะที่เขาได้กล่าวแก่ประชาชาติของเขาว่า ท่านทั้งหลายจะประกอบสิ่งชั่วช้าน่ารังเกียจ ซึ่งไม่มีคนใดในหมู่ประชาชาติทั้งหลายได้ประกอบมันมาก่อนพวกท่านกระนั้นหรือ?
81. แท้จริงพวกท่านจะสมสู่เพศชายด้วยตัณหาราคะอื่นจากเพศหญิงยิ่งกว่านั้นพวกท่านยังเป็นพวกที่ละเมิดขอบเขตด้วย
82. และคำตอบแห่งประชาชาติของเขานั้นมิปรากฏเป็นอื่นใด นอกจากการที่พวกเขากล่าวว่า ท่านทั้งหลายจงขับไล่พวกเขาออกไปจากเมืองของพวกท่านเสีย แท้จริงพวกเขาเป็นพวกที่บริสุทธิ์
83. และเราได้ช่วยเขาและครอบครัวของเขาให้รอดพ้น นอกจากภรรยาของเขาเท่านั้น ซึ่งนางปรากฏอยู่ในหมู่ที่คงอยู่(เพื่อรับการลงโทษ)
84.  และเราได้ให้ฝนตกลงมาบนพวกเขาแล้วเจ้าจงดูเถิดว่า ผลสุดท้ายของบรรดาผู้กระทำผิดนั้นเป็นอย่างไร?


คำแปล R5.
อธิบายต่อไปนี้คือประวัติของพระศาสดาลู๊ตผู้เป็นบุตรของฮารอน ฮารอนเป็นบุตรของตาริค ตาริคบุตรของอาซัร กาลเวลาระหว่างพระศาสดามูซา กับพระศาสดาลู๊ตนับได้ ๖๐๐ ปี ลู๊ตเป็นลูกเรียงพี่เรียงน้องกับพระศาสดาอิบรอฮีม จึงเป็นบุคคลในสมัยเดียวกัน
๘๐. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงรำลึกถึงสมัยของลู๊ตเพื่อจักได้เกิดมีมานะอดทนต่อสภาวะที่เกิดขึ้นในตอนนั้น นั่นคือในตอนที่เขา(ลู๊ต) ได้กล่าวแก่ประชากรของเขาว่า ไม่สมควรเลยที่พวกท่านจะประพฤติวิตถารในเรื่องกามโดยการเล่นเพื่อน ซึ่งการพรรค์นี้ก่อนหน้าพวกท่านยังไม่เคยมีใครไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือยินในสากลโลกกระทำกันเลย นอกเสียจากพวกท่านเท่านั้น
๘๑. แท้จริงย่อมเป็นที่น่าตำหนิยิ่งนักที่พวกท่านกระทำบาปด้วยการร่วมกามารมณ์กับผู้ชายแทนที่จะเป็นหญิง พวกท่านจึงเป็นพวกละเมิดฝ่าฝืน จากสิ่งที่ไม่บาปไปสู่การบาป
๘๒. คำตอบของประชากรของเขา(ลู๊ต) จะมีอยู่เพียงแต่กล่าวว่า พวกท่านจงขับไล่ ลู๊ตกับพวกเหล่านั้นที่เจริญรอยตามลู๊ตออกจากเมือง(ซะดูม) ของพวกท่านเสียซิ เพราะแท้จริงลู๊ตก็ดี และพวกเหล่านั้นที่เป็นผู้เจริญรอยตามลู๊ตก็ดี เป็นปวงชนผู้บริสุทธิ์ ไร้ซึ่งมลทินเรื่องบาปการเล่นเพื่อนดังกล่าว
๘๓. แล้วเรา(อัลเลาะห์) ได้ให้เขา(ลู๊ต) กับบุตรสาวคนหนึ่งในครอบครัวของเขาได้รับความปลอดภัย ยกเว้นภรรยาของเขาชื่อวาหิละห์เท่านั้น เธอเป็นผู้หนึ่งจากพวกที่ต้องโทษตลอดไป
๘๔. และเรา(อัลเลาะห์) ก็ได้เทฝนเป็นก้อนหินจากขุมนรกลงมาทำลายพวกนั้นเป็นการลงโทษล้างชาติพันธุ์พวกเหล่านั้นเสียเลย โอ้มุฮำมัด จงพิจารณาดูเถิดว่า ผลที่สุดของผู้มีบาปหนาเป็นอย่างไร


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 85 - 87



คำอ่าน
85. วะอิลามัดยะนะอะคอฮุมชุอัยบา กอละยาก็อวมิอฺบุดุลลอฮะ มาละกุม..มินอิลาฮินฆ็อยรุฮฺ ก็อดญา..อัตกุม..บัยยินะตุม..มิรฺร็อบบิกุม ฟะเอาฟุลกัยละ วัลมีซานะ วะลาตับเคาะสุน..นาสะ อัชยา..อะฮุม วะลาตุฟสิดูฟิลอัรฺฎิ บะอฺดะอิศลาหิฮา ซาลิกุมค็อยรุลละกุม อิน..กุนตุม..มุอ์มินีน
86. วะลาตักอุดู บิกุลลิ ศิรอฏิน..ดูอิดูนะ วะตะศุดดูนะ อัน..สะบีลิลลาฮิ มันอามะนะบิฮี วะตับฆูนะฮา อิวะญา วัซกุณุ..อิซกุน..ตุมเกาะลีลัน..ฟะกัษษะเราะกุม วัน..ซุรฺกัยฟะกานะอากิบะตุลมุฟสิดีน
87. วะอิน..กานะ ฏอ..อิฟะตุม..มิน..กุม อามะนูบิลละซี..อุรฺสิลตุบิฮี วะฏอ..อิฟะตุลลัมยุอ์มินู ฟัศบิรู หัตตา ยะหฺกุมัลลอฮุ บัยนะนา วะฮุวะค็อยรุลหากิมีน


คำแปล R1.
85. And to (the people of) Madyan (Midian), (We sent) their brother Shu'aib. He said: "O my people! Worship Allah  you have no other Ilah (God) but Him. [La ilaha ill-Allah (none has the right to be worshipped but Allah)]." Verily, a clear proof (sign) from your Lord has come unto you; so give full measure and full weight and wrong not men in their things, and do not mischief on the earth after it has been set in order, that will be better for you, if You are believers.
86. "And sit not on every road, threatening, and hindering from the Path of Allah those who believe in Him. And seeking to make it crooked. And remember when you were but few, and He multiplied you. And see what was the end of the Mufsidun (mischief-makers, corrupts, liars).
87. "And if there is a party of you who believes in that with which I have been sent and a party who do not believe, so be patient until Allah judges between us, and He is the best of judges."


คำแปล R2.
85. และ(อัลเลาะฮฺได้ส่ง)มายังชาวมัดยันซึ่งพี่น้องของเขาเอง คือ ชุอัยบ์ เขาประกาศว่า “โอ้พวกพ้องของฉัน! พวกท่านจงนมัสการอัลเลาะฮฺเถิด พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดอีกแล้วนอกจากพระองค์ แท้จริงหลักฐานอันชัดแจ้งจากองค์อภิบาลของพวกท่านได้มาสู่พวกท่านแล้ว ดังนั้นพวกท่านจงทำการวัด และชั่งให้ครบถ้วนตามพิกัด และท่านทั้งหลายอย่าบกพร่องแก่บรรดาสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นสิทธิของผู้คนทั้งหลาย และท่านทั้งหลายอย่าบ่อนทำลายในแผ่นดิน ภายหลังจากปรับปรุงมันแล้ว นั้น(การปฏิบัติตามบทบัญญัติดังกล่าว)ย่อมเป็นความดีเยี่ยมสำหรับพวกท่าน หากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา
86. และท่านทั้งหลายอย่านั่ง(ขวางทาง) ณ ทางเดินต่าง ๆ เพื่อขู่เข็ญและขัดขวางบุคคลที่มีศรัทธาในอัลเลาะฮฺ(ให้ออก)จากแนวทางของพระองค์ และเพื่อแสวงหาวิธีบิดเบือนแก่แนวทางนั้น และท่านทั้งหลายจงระลึกเถิด เมื่อพวกท่านเป็นกลุ่มชนที่มีจำนวนน้อย แล้วพระองค์ได้บันดาลให้พวกเจ้าเพิ่มจำนวนมากขึ้น และพวกท่านจงพิจารณาเถิดว่า ผลสุดท้ายของบรรดาผู้บ่อนทำลายนั้นเป็นอย่างไรบ้าง
87. และหากมีกลุ่มหนึ่งจากท่านทั้งหลายได้ศรัทธากับสิ่งที่ฉันได้ถูกส่งตัวมา(เผยแพร่)และอีกกลุ่มหนึ่งไม่ศรัทธา พวกเจ้าก็จงอดทนเถิด จนกว่าอัลเลาะฮฺจะทรงตัดสินระหว่างพวกเรา และพระองค์ทรงเป็นผู้ประเสริฐยิ่งกว่าบรรดาผู้ตัดสินทั้งหลาย


คำแปล R3.
85. และยังชาวมัดยัน เราได้ส่งพี่น้องคนหนึ่งของพวกเขามา นั่นคือชุอัยบ์ เขาได้กล่าว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย จงเคารพภักดีอัลลอฮฺ พวกท่านไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากพระองค์ ได้มีหลักฐานอันแจ้งชัดจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว ดังนั้นจงให้เต็มซึ่งการตวงและการชั่งและจงอย่าโกงสิ่งของของผู้คน และจงอย่าแพร่ความเสียหายขึ้นบนผืนแผ่นดินหลังจากที่มันได้ถูกฟื้นฟูแล้ว นั่นเป็นการดีกว่าสำหรับพวกท่านถ้าหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา
86. และจงอย่านั่งคอยซุ่มบนทุกเส้นทาง(แห่งชีวิต)เหมือนดังโจรเพื่อทำให้ผู้คนตกใจและขัดขวางผู้คนที่ศรัทธาในหนทางของอัลลอฮฺจากทางของพระองค์และหาทางที่จะบิดเบือนมัน จงนึกถึงเมื่อตอนที่ท่านเป็นชนหมู่น้อยแล้วพระองค์ได้ทรงทวีจำนวนพวกท่านและจงดูว่าผลสุดท้ายของผู้ก่อการเสียหายเป็นเช่นใด?
87. และถ้าหากในหมู่พวกท่านมีบางคนที่ศรัทธาในคำสอนที่ฉันได้ถูกส่งมาพร้อมกับมันและมีบางคนที่ไม่ศรัทธา ดังนั้นจงอดทนคอยดูจนกระทั่งอัลลอฮฺได้ตัดสินระหว่างเรา เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งบรรดาผู้ตัดสินทั้งปวง”


คำแปล R4.
85. “และยังประชาชาติมัดยันนั้น เราได้ส่งชุอัยบฺ ซึ่งเป็นพี่น้องของพวกเขาไป เขากล่าวว่าโอ้ประชาชาติของฉัน จงเคารพสักการะอัลลอฮฺเถิด ไม่มีสิ่งใดที่ควรได้รับการเคารพสักการะสำหรับพวกท่านอีกแล้วอื่นจากพระองค์ แท้จริงหลักฐานอันชัดเจนจากพระเจ้าของพวกท่านนั้นได้มายังพวกท่านแล้ว ดังนั้นจงให้ครบเต็มซึ่งเครื่องตวงและเครื่องชั่งเถิด และจงอย่าให้ขาดแก่เพื่อนมนุษย์ซึ่งบรรดาสิ่งของของพวกเขา หลังจากที่มีการแก้ไขมันแล้ว นั่นแหละเป็นสิ่งที่ดียิ่งแก่พวกท่านหากพวกท่านเป็นผู้ศรัทธา”
86. และพวกท่านอย่านั่งในทุกหนทาง โดยทำการขู่และสกัดกั้นให้ออกจากทางของอัลลอฮฺผู้ซึ่งศรัทธาต่อพระองค์ และพวกท่านยังปรารถนาให้ทางของอัลลอฮฺคดและจงรำลึกถึงขณะที่พวกท่านมีจำนวนน้อย แล้วพระองค์ได้ทรงให้พวกท่านมีจำนวนมากขึ้น และพวกท่านจงดูเถิดว่าผลสุดท้ายของบรรดาผู้ก่อความเสียหายนั้นเป็นอย่างไร?
87. และถ้าหากว่ามีกลุ่มหนึ่งในหมู่พวกท่านศรัทธาต่อสิ่งที่ฉันถูกส่งให้นำสิ่งนั้นมา และอีกกลุ่มหนึ่งมิได้ศรัทธาแล้วก็จงอดทนไปเถิดจนกว่าอัลลอฮฺจะทรงชี้ขาดระหว่างเรา และพระองค์นั้นคือผู้ที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ชี้ขาดทั้งหลาย


คำแปล R5.
อธิบายนี้เป็นประวัติของพระศาสดาชุไอบ์ ชุไอบ์คือบุตรของมีกาอีล มีกาอีลคือบุตรของยัชยัร ยัชยัรบุตรของมัดยัน มัดยันเป็นบุตรของพระศาสดาอิบรอฮีม ชุไอบ์กับพระศาสดาลู๊ตมีสมัยห่างกัน ๖๐๐ ปี
๘๕. และพวกมัดยันก็มีชุไอบ์ผู้เป็นญาติพี่น้องกัน ถูกเราแต่งเป็นพระศาสนทูตส่งไปถึงนำข้อบัญญัติใช้และข้อบัญญัติห้ามไปยังพวกมัดยัน เขา(ชุไอบ์) กล่าวแก่ประชากรของเขาว่า โอ้ประชากรของฉัน พวกท่านจงถือเอกภาพในอัลเลาะห์เถิด แหละว่าพวกท่านนั้นหามีพระเจ้าอื่นใดที่นอกจากพระองค์ไม่ แท้จริงได้มีอภินิหารเป็นสักขีแสดงรองรับว่าฉันเป็นผู้พูดมีสัจจริงจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่านแล้ว ฉะนั้นให้พวกท่านจงตวงและชั่งด้วยเต็มบริบูรณ์ อย่าให้เกิดมีบกพร่องแก่มวลมนุษย์ในสิ่งต่าง ๆ ของพวกเขา และอย่าได้ก่อความพินาศ ณ หน้าแผ่นดินด้วยความไม่ศรัทธาและบาปสถานหนักอื่น ๆ หลังจากผืนแผ่นดินมีความเจริญแล้วด้วยการมีพระศาสนทูตถูกแต่งตั้งมาเลย การให้มีความครบถ้วนบริบูรณ์ในการตวงและชั่งก็ดี มิให้เกิดบกพร่องแก่มวลมนุษย์ก็ดี และมิให้ก่อความพินาศ ณ หน้าแผ่นดินก็ดี นี้แหละเป็นการดียิ่งสำหรับพวกท่าน หากว่าพวกท่านมุ่งหมายจะเป็นผู้มีศรัทธา
๘๖. และพวกท่านอย่าได้นั่งดักหนทางคอยขู่เข็ญปวงชนแล้วก็ยื้อแย่งชิงเอาเครื่องแต่งกายของปวงชนหรือเก็บภาษีจากพวกนั้น และกีดกันผู้ที่มีศรัทธาต่อเขา(ชุไอบ์) ให้เหห่างจากวิถีแห่งศาสนาของอัลเลาะห์ด้วยการขู่ว่า จะฆ่าเขาเสีย ทั้งมุ่งหมายจะให้ศาสนาของอัลเลาะห์ดังกล่าวนั้นเฉไป และพวกท่านจงรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ที่มีต่อพวกท่าน ในตอนที่พวกท่านยังน้อยอยู่ ทั้งสมัครพรรคพวกในด้านทรัพย์สินและในด้านกำลังแรง แล้วพระองค์ก็ได้ทรงให้พวกท่านเพิ่มมากขึ้นในทุก ๆ ด้านดังกล่าว พวกท่านจงพิจารณาดูเถิดว่าผลที่สุดของผู้ที่ก่อความพินาศที่หน้าแผ่นดินในสมัยก่อนจากพวกท่านโดยกล่าวหาว่าพระศาสนทูตของพวกตนเป็นคนเท็จจะเป็นอย่างไร นั่นก็คือพวกในยุคก่อนจากพวกท่านถูกล้างชาติพันธุ์
๘๗. และถ้าหากว่ากลุ่มหนึ่งจากพวกท่านได้ศรัทธาต่อข้อบัญญัติของอัลเลาะห์ซึ่งฉันได้ถูกให้นำมาประกาศเผยแพร่แต่อีกกลุ่มหนึ่งกลับมิได้ศรัทธาแล้วไซร้ พวกท่านจงอดกลั้นไว้เถิดจนกว่าอัลเลาะห์จะทรงตัดสินท่ามกลางพวกเราและพวกท่านโดยให้มีแต่ความสัจจริง พ้นภัยทรมานและให้ผู้ก่อความพินาศ ณ หน้าแผ่นดินได้รับความหายนะ ด้วยพระองค์นั้นทรงเป็นองค์ตัดสินที่เลิศยิ่งกว่าบรรดาผู้ตัดสินทั้งหลาย


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 88 - 93


คำอ่าน
88. กอลัลมะละอุลละซีนัสตักบะรู มิน..ก็อวมิฮี ละนุคริญัน..นะกะยาชุอัยบุ วัลละซีนะอามะนูมะอะกะ มิน..ก็อรฺยะตินา..เอาละตะอูดุน..นะ ฟีมิลละตินา กอละ อะวะเลากุน..นาการิฮีน
89. เกาะดิฟตะร็อยนา อะลัลลอฮิกะซิบัน อินอุดนาฟีมิลละติกุม..บะอฺดะ อิซนัจญานัลลอฮุมินฮา วะมายะกูนุละนา..อัน..นะอูดะฟีฮา..อิลลา..อัย..ยะชา...อัลลอฮุ ร็อบบุนา วะสิอะร็อบบุนากุลละชัยอิน อิลมา อะลัลลอฮิตะวักกัลนา ร็อบบะนัฟตะหฺบัยนะนา วะก็อวมินาบิลหักกิ วะอัน..ตะค็อยรุลฟาติหีน
90. วะกอลัลมะละอุลละซีนะกะฟะรู มิน..ก็อวมิฮี ละอินิตตะบะอฺตุม ชุอัยบัน อิน..นะกุม อิซัลละคอสิรูน
91. ฟะอะเคาะซัตฮุมุรฺร็อจญฟะตุ ฟะอัศบะหู ฟีดาริฮิมญาษิมีน
92. อัลละซีนะกัซซะบูชุอัยบัน..กะอัลลัมยัฆเนาฟีฮา อัลละซีนะกัซซะบูชุอัยบัน..กานูฮุมุลคอสิรีน
93. ฟะตะวัลลาอันฮุม วะกอละยาก็อวมิ ละก็อดอับลัฆตุกุม ริสาลาติร็อบบี วะนะเศาะหฺตุละกุม ฟะกัยฟะอาสา อะลาก็อวมิน..กาฟิรีน


คำแปล R1.
88. The chiefs of those who were arrogant among his people said: "We shall certainly drive you out, O Shu'aib, and those who have believed with you from our town, or else you (all) shall return to our religion." He said: "Even though we hate it!
89. "We should have invented a lie against Allah if we returned to your religion, after Allah has rescued us from it. And it is not for us to return to it unless Allah, our Lord, should will. Our Lord comprehends all things in his knowledge. In Allah (alone) we put our trust. Our Lord! Judge between us and our people in truth, for you are the best of those who give judgment."
90. The chiefs of those who disbelieved among his people said (to their people): "If you follow Shu'aib, be sure then you will be the losers!"
91. So the earthquake seized them and they lay (dead), prostrate in their homes.
92. Those who belied Shu'aib, became as if they had never dwelt there (in their homes). Those who belied Shu'aib, they were the losers.
93. Then he (Shu'aib) turned from them and said: "O my people! I have indeed conveyed my Lord's Messages unto you and I have given you good advice. Then how can I sorrow for the disbelieving people's (destruction)."


คำแปล R2.
88. ชนชั้นผู้นำจากพวกพ้องของเขาซึ่งมีความทระนงตนกล่าวว่า “ขอสาบาน! เราจะต้องขับไล่เจ้าอย่างแน่นอน โอ้ชุอัยบ์! และบรรดาผู้เชื่อถือพร้อมกับเจ้า (เราก็จะขับไล่ด้วยให้ออกพ้นไป)จากเมืองของเรา หรือมิฉะนั้นพวกเจ้าก็กลับคืนเข้ามาในศาสนาของเรา(ดังเดิม)” เขา(ชุอัยบ์)กล่าวว่า “แม้แต่จะปรากฏว่าพวกเราเป็นผู้เกลียดชัง(พวกท่านก็จะให้เรานับถือ)กระนั้นหรือ?”
89. แท้จริงหากพวกเรากลับคืนสู่ศาสนาของพวกท่าน (ก็เท่ากับว่า) เราได้กุความเท็จแก่อัลเลาะฮฺ (จากการประกาศของเรา) ภายหลังจากอัลเลาะฮฺ ได้ยังความหลุดพ้นแก่เราแล้วจากมัน(ศาสนานั้น) และไม่มีเหตุผลใด ๆ เลยสำหรับเรา ที่เราจะกลับเข้าสู่ศาสนานั้น ยกเว้นหากอัลเลาะฮฺผู้ทรงอภิบาลของเราทรงประสงค์ องค์อภิบาลของเราทรงความรู้ครอบคลุมทุก ๆ สิ่ง เราได้มอบหมายต่อองค์อภิบาลของเรา โอ้องค์อภิบาบลของเรา! โปรดตัดสินระหว่างเราและระหว่างพวกพ้องของเราโดยสัจธรรม เพราะพระองค์นั้นทรงประเสริฐสุดแห่งบรรดาผู้ตัดสิน
90. และชนชั้นผู้นำจากพวกพ้องของเขาซึ่งเป็นผู้เนรคุณได้กล่าวว่า “ขอสาบาน! หากพวกตามคำประกาศ(ของชุอัยบ์) แน่นอนพวกเจ้าก็เป็นผู้ขาดทุนทันที
91. แล้วแผ่นดินถล่มก็ได้คร่าชีวิตพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงพังพาบ(นอนตายไม่ไหวติงอยู่)ในบ้านเรือนของพวกเขาเอง
92. บรรดาผู้กล่าวหาว่าชุอัยบ์มุสานั้น (ได้ถูกทำลายล้างสูญพันธุ์ไปแล้ว จนดู)ประหนึ่งพวกเขาไม่มีอยู่ในเมืองนั้นเลย บรรดาผู้กล่าวหาชุอัยบ์ว่ามุสานั้น พวกเขาเป็นผู้ขาดทุนอย่างยิ่ง
93. ครั้นแล้วเขาก็หันออกจากพวกนั้น และเขากล่าวว่า โอ้พวกพ้องของฉัน แท้จริงฉันได้เผยแพร่แก่พวกท่านแล้ว แล้วไฉนเล่าฉันจึงต้องสลดใจแก่กลุ่มชนผู้เนรคุณ(ด้วย)


คำแปล R3.
88. บรรดาหัวหน้าผู้โอหังแห่งหมู่ชนของเขากล่าวว่า “ชุอัยบ์เอ๋ย เราจะขับไล่ท่านและบรรดาผู้ศรัทธาร่วมกับท่านออกไปจากเมืองของเรา หรือมิฉะนั้นพวกท่านก็ต้องกลับมายังลัทธิของเรา” ชุอัยบ์กล่าวตอบว่า “พวกท่านจะให้เรากลับไปหามัน ทั้ง ๆ ที่เราเกลียดมันกระนั้นหรือ?
89. เราจะมีความผิดที่โกหกต่ออัลลอฮฺถ้าหากเราหันไปยังลัทธิของพวกท่านหลังจากที่อัลลอฮฺได้ให้เราพ้นจากมันมาแล้ว และเราจะยังไม่กลับไปยังลัทธิของพวกท่านอีก เว้นเสียแต่ว่า อัลลอฮฺพระผู้อภิบาลของเราทรงประสงค์ ความรู้ของพระผู้อภิบาลของเรานั้นครอบคลุมทุกสิ่ง พวกเราวางใจในอัลลอฮฺ ฎโอ้พระผู้อภิบาลของเรา ได้ทรงโปรดตัดสินด้วยความจริงระหว่างพวกเราและหมู่ชนของเราด้วยเถิด เพราะพระองค์ทรงเป็นเลิศแห่งผู้ตัดสินทั้งปวง”
90. บรรดาหัวหน้าหมู่ชนของเขาที่ปฏิเสธสารของเขาได้กล่าวต่อกันและกันว่า “ถ้าหากพวกท่านปฏิบัติตามชุอัยบ์ พวกท่านก็จะได้รับความหายนะแน่”
91. อย่างไรก็ตาม แผ่นดินไหวร้ายแรงก็ได้คร่าชีวิตพวกเขาจนพวกเขานอนคว่ำหน้าตายอยู่ภายในที่พักอาศัยของพวกเขา
92. บรรดาผู้ที่ถือว่าชุอัยบ์เป็นผู้โกหกนั้นได้ถูกทำลายล้างเสียจนเหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยอาศัยอยู่ในที่อยู่อาศัยของพวกเขาเลย ท้ายที่สุดผู้ที่ถือว่าชุอัยบ์เป็นผู้โกหกต่างหากที่เป็นผู้ได้รับความหายนะ
93. แล้วชุอัยบ์ก็ได้จากสถานที่ของเขาไปและกล่าวว่า “หมู่ชนของฉันเอ๋ย ฉันได้นำสารของพระผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่านแล้ว และฉันได้ทำอย่างดีที่สุดแล้วในฐานะผู้ที่ปรารถนาดีต่อพวกท่าน แล้วเรื่องอะไรที่ฉันจะมาสลดใจต่อคนที่ปฏิเสธสัจธรรม”


คำแปล R4.
88. บรรดาชนชั้นนำที่แสดงโอหังจากประชาชาติของเขาได้กล่าวว่า แน่นอนเราจะขับไล่ท่านออกไปโอ้ชุอัยบฺ และบรรดาผู้ที่ศรัทธากับท่านด้วยจากเมืองของเรา หรือไม่ก็แน่นอนท่านจะต้องกลับมาในลัทธิของเรา เขากล่าวว่า แม้ว่าพวกเราจะเกลียดก็ตามกระนั้นหรือ?
89. แน่นอนพวกเราก็ได้อุปโลกน์ความเท็จให้แก่อัลลอฮฺหากพวกเรากลับไปในลัทธิของพวกท่านหลังจากที่อัลลอฮฺได้ทรงช่วยพวกเราให้พ้นจากลัทธินั้นมาแล้ว และไม่บังควรแก่พวกเราที่จะกลับไปในลัทธินั้นอีก นอกจากอัลลอฮฺผู้เป็นพระเจ้าของพวกเราจะทรงประสงค์เท่านั้น พระเจ้าของพวกเรานั้นทรงมีความรู้กว้างขวางทั่วทุกสิ่งทุกอย่าง แด่อัลลอฮฺเท่านั้นที่พวกเราได้มอบหมายโอ้พระเจ้าของเราโปรดชี้ขาดระหว่างพวกเราและประชาชาติของเราด้วยความจริงเถิด และพระองค์นั้นคือผู้ที่ดีเยี่ยมในหมู่ผู้ชี้ขาดทั้งหลาย
90. และบรรดาบุคคลชั้นนำที่ปฏิเสธศรัทธา จากหมู่ประชาชาติของเขาได้กล่าวว่า แน่นอนถ้าหากพวกเจ้าปฏิบัติตามชุอัยบฺแล้ว แน่นอนพวกท่านก็เป็นผู้ขาดทุนในทันที
91. แล้วความไหวอย่างแรงของแผ่นดินก็ได้คร่าพวกเขา แล้วพวกเขาก็กลายเป็นผู้นั่งคุกเข่าตายในบ้านของพวกเขา
92. บรรดาผู้ที่ปฏิเสธชุอัยบฺประหนึ่งว่าพวกเขาไม่เคยอยู่ในหมู่บ้านนั้น บรรดาผู้ที่ปฏิเสธชุอัยบฺนั้น พวกเขาเป็นผู้ขาดทุน
93. แล้วเขาก็หันออกไปจากพวกเขา และกล่าวว่า โอ้ประชาชาติของฉัน แท้จริงฉันได้ประกาศแก่พวกท่านแล้ว ซึ่งบรรดาสารแห่งพระเจ้าของฉัน และฉันก็ได้ชี้แจงแนะนำแก่พวกท่านแล้วแล้วฉันจะเสียใจต่อกลุ่มชนที่ปฏิเสธศรัทธาอย่างไร?


คำแปล R5.
๘๘. บรรดาชนชั้นสูงส่วนหนึ่งจากปวงชนของเขา(ชุไอบ์) ซึ่งหยิ่งผยองมิยอมเชื่อฟังพระศาสดาชุไอบ์ ได้เอ่ยขู่ชุไอบ์ว่า เราขอปฏิญาณว่า โอ้ชุไอบ์ เราจะขับไล่ท่านและบรรดาผู้ศรัทธาให้ออกไปร่วมกับท่านจากตำบลของเรา ชื่อว่ามัดยัน ซึ่งอยู่ไกลไปจากประเทศอียิปต์เป็นระยะทางแปดมัรหะละห์ (๑ มัรหะละห์คือระยะทางที่อุฐเดินเท้าปานกลางเพียง ๒๔ ชั่วโมง) หรือเราขอปฏิญาณว่าท่านกับพรรคพวกของท่านจะต้องกลับคืนมาสู่ศาสนาของเรา เขา(ชุไอบ์)กล่าวตอบ ถึงแม้ว่าเราจะเกลียดหรือไม่เกลียดชังในการที่จะกลับไปสู่ศาสนาของพวกท่านก็ตาม เราก็จะไม่กลับคืนไปสู่ศาสนาของพวกท่าน
๘๙. ย่อมถือได้ว่าพวกเรานี้อ้างเท็จต่ออัลเลาะห์แน่แน่ๆ ถ้าในบัดนี้พวกเราคิดจะกลับคืนสู่ศาสนาของพวกท่านหลังจากที่อัลเลาะห์ได้ทรงให้พวกเราหลุดพ้นจากการกลับเข้าสู่ศาสนาของพวกท่านดังกล่าวนั้นแล้ว ไม่สมควรที่พวกเราจะไม่คืนกลับไปสู่ศาสนาของพวกท่านที่กล่าวนั้นอีกแล้ว เว้นแต่ว่าอัลเลาะห์องค์พระผู้อภิบาลของเราจะทรงมุ่งประสงค์ให้เราคืนกลับไปเท่านั้นเอง ก็ย่อมหมายความว่าพระองค์ย่อมไม่ทรงกรุณาต่อพวกเราแล้ว องค์พระผู้อภิบาลของเรานั้นทรงความรอบรู้ครอบงำทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กิริยาอาการของฉันกับของพวกท่านเองก็นับว่าเป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งที่พระองค์ทรงรู้ ต่ออัลเลาะห์เท่านั้นที่พวกเราพึงมอบหมาย โอ้องค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้ทรงโปรดตัดสินท่ามกลางบรรดาข้าพระองค์และปวงชนแห่งข้าพระองค์ที่เป็นกาฟิรโดยเที่ยงธรรม ด้วยพระองค์นั้นทรงยุติธรรมเลิศยิ่งกว่าบรรดาผู้ตัดสินทั้งหลาย
๙๐. และบรรดาชนในตระกูลสูงบางคนจากปวงชนของเขา(ชุไอบ์) ซึ่งเป็นกาฟิรกล่าวแก่บางคนในพวกเดียวกันว่า แท้จริงเราขอปฏิญาณ หากพวกท่านเจริญตามชุไอบ์ พวกท่านย่อมเป็นพวกที่ขาดทุนในทางศาสนาหรือต้องสูญเสียในทางครองชีพที่พึงได้แก่พวกท่านอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยการโกงกันเอง ด้วยการหย่อนมาตรฐานชั่ง ตวง และวัด และเบียดบังจำนวนทรัพย์ให้หย่อนไป ตลอดทั้งการปลอมแปลงและอื่น ๆ บัดนั้นเอง แน่นอน
๙๑. ครั้นแล้วพระองค์ก็ได้ทรงให้แผ่นดินไหวอย่างหนัก ทำลายล้างชาติพันธุ์พวกเหล่านั้น พวกเหล่านั้นจึงทรุดเข่าล้มลงตายหมดในบ้านช่องของพวกตน
๙๒. บรรดาผู้ที่หาว่าชุไอบ์เท็จนั้นได้ถูกล้างชาติพันธุ์ไปจนหมดแล้ว เหมือนกับว่าพวกนั้นมิได้เคยมีอยู่ในตำบลของพวกเขาเลย นี้เป็นการสนองตรงกันข้ามกับถ้อยคำที่พวกนั้นเคยบอกว่าจะเนรเทศพระศาสดาชุไอบ์กับพรรคพวกให้พ้นจากตำบลมัดยัน บรรดาผู้ที่หาว่าชุไอบ์เท็จพวกนั้นย่อมขาดทุนในทางศาสนาหรือต้องสูญเสียในทางครองชีพที่พึงมีพึงได้แก่พวกนั้นอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย โดยการโกงกันเอง ด้วยการหย่อนมาตรฐานชั่ง ตวง และวัด และเบียดบังจำนวนทรัพย์ให้หย่อนไป ตลอดทั้งการปลอมแปลงและอื่น ๆ นี้เป็นการตัดถ้อยคำของพวกนั้นที่ว่า ถ้าพวกท่านเจริญตามชุไอบ์ พวกท่านย่อมขาดทุนในทางศาสนา
๙๓. เขา(ชุไอบ์) จึงได้ผละห่างจากพวกนั้นก่อนที่พวกเหล่านั้นจะถูกลงโทษ แล้วกล่าวว่าโอ้ปวงชนของฉัน ฉันได้ให้สัจปฏิญาณว่า แท้จริงฉันนี้ได้นำโองการสั่งใช้และสั่งห้ามจากพระผู้อภิบาลของฉันมายังพวกท่านแล้ว และฉันยังปรารถนาแต่ความดีแก่พวกท่านอีกด้วย แต่พวกท่านหาได้มีศรัทธากันไม่ ฉันจึงไม่สลดใจอะไรแก่ปวงชนกาฟิรอีกแล้ว

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 94 - 99


คำอ่าน
94. วะมา..อัรฺสัลนาฟีก็อรฺยะติม..มิน..นะบียิน อิลลา..อะค็อซนา..อะฮละฮาบิลบะอ์สา..อิ วัฎฎ็อรฺรอ...อิ ละอัลละฮุม ยัฎฎ็อรฺเราะอูน
95. ษุม..มะบัดดัลนา มะกานัสสัยยิอะติลหะสะนะตะ หัตตาอะเฟา วะกอลูก็อดมัสสะ อาบา...อะนัฎฎ็อรฺรอ...อุ วัสสัรฺรอ...อุ ฟะอะค็อซนาฮุม..บัฆตะเตา..วะฮุมลายัชอุรูน
96. วะเลาอัน..นะ อะฮฺลัลกุรอ..อามะนูวัตตะก็อว วะฟะตะหฺนาอะลัยฮิม..บะเราะกาติม..มินัสสะมา...อิ วัลอัรฺฎิ วะลากิน..กัซซะบู ฟะอะค็อซนาฮุม..บิมากานูยักสิบูน
97. อะฟะอะมินะอะฮฺลุลกุรอ..อัย..ยะอ์ติยะฮุม..บะอ์สุนา บะยาเตา..วะฮุมนา...อิมูน
98. อะฟะอะมินะอะฮฺลุลกุรอ..อัย..ยะอ์ติยะฮุม..บะอ์สุนา ฎุเหา..วะฮุมยัลอะบูน
99. อะฟะอะมินูมักร็อลลอฮิ ฟะลายะอ์มะนุมักร็อลลอฮิ อิลลัลก็อวมุลคอสิรูน


คำแปล R1.
94. And we sent no Prophet unto any town (and they denied him), but we seized its people with suffering from extreme poverty (or loss in wealth) and loss of health and calamities, so that they might humiliate themselves (and repent to Allah).
95. Then we changed the evil for the good, until they increased in number and in wealth, and said: "Our fathers were touched with evil (loss of health and calamities) and with good (prosperity, etc.)." So we seized them of a sudden while they were unaware.
96. And if the people of the towns had believed and had the Taqwa (piety), certainly, we should have opened for them blessings from the heaven and the earth, but they belied (the Messengers). so we took them (with punishment) for what they used to earn (polytheism and crimes, etc.).
97. Did the people of the towns then feel secure against the coming of our punishment by night while they are asleep?
98. Or, did the people of the towns then feel secure against the coming of our punishment in the forenoon while they play?
99. Did they then feel secure against the Plan of Allah? None feels secure from the plan of Allah except the people who are the losers.


คำแปล R2.
94. และเราไม่ส่งนบีคนใดมาในเมืองหนึ่ง ๆ (แล้วชาวเมืองนั้นได้คัดค้าน) นอกจากเราได้ลงโทษแก่ชาวเมืองนั้น ด้วยความยากแค้นและความเจ็บป่วย เพื่อพวกเขาจะได้มีความนอบน้อม(ไม่หยิ่งยโสอีกต่อไป)
95. หลังจากนั้นได้แทนที่ความเลว(ความยากแค้น)นั้นด้วยความดี(ความสุข) จนกระทั่งพวกเขามีความรุ่งเรืองและพวกเขาได้กล่าว(ด้วยความอวดดีและดื้อรั้น)ว่า “ความยากแค้นและความสุขสบายได้เคยประสบแก่บรรพบุรุษของเรามาแล้ว (เราจะต้องกลัวอะไร) ดังนั้นเรา(อัลเลาะฮฺ)จึงได้ลงโทษแก่พวกเขาโดยฉับพลัน โดยพวกนั้นไม่รู้สึกตัวเลย
96. ลัมาตรแม้นชาวมืองนั้นมีศรัทธาและมีความยำเกรง แน่นอนเราก็จะเปิดแก่พวกเขาซึ่ง(ประตูแห่ง)ความจำเริญต่าง ๆ จากฟากฟฟ้าและแผ่นดิน และแต่ทว่าพวกเขาได้กล่าวหา(ศาสนทูต)ว่ามุสา ดังนั้นเราจึงลงโทษพวกเขา เพราะสิ่งที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้
97. แล้วชาวเมืองนั้นปลอดภัยกระนั้นหรือ เมื่อการลงโทษของเราได้มาประสบแก่พวกเขาในยามกลางคืน โดยขณะนั้นพวกเขากำลังหลับใหล?
98. และชาวเมืองนั้นปลอดภัยกระนั้นหรือเมื่อการลงโทษของเราได้ประสบแก่พวกเขาในยามบ่าย ในขณะที่พวกเขากำลังสนุกสนาน?
99. แล้วพวกเขาปลอดภัยจากแผนการ(ลงโทษ)ของอัลเลาะฮฺกระนั้นหรือ? ที่จริงแล้ว ไม่มีผู้ใด(รู้สึก)รอดพ้นแผนการของอัลเลาะฮฺได้เลย นอกจากกลุ่มชนที่ขาดทุนเท่านั้น


คำแปล R3.
94. เมื่อใดก็ตามที่เราได้ส่งนบีคนใดไปยังเมืองใด เราจะยังความทุกข์ยากและความลำเค็ยแก่ชาวเมืองนั้นก่อน ทั้งนี้เพื่อที่พวกเขาจะได้ถ่อมตน
95. แล้วเราก็ได้เปลี่ยนความทุกข์ยากลำเค็ญนั้นเป็นความดีจนกระทั่งพวกเขามั่งคั่งแล้วพวกเขากล่าวว่า “บรรพบุรุษของเราก็เคยประสบความทุกข์ยากและความสุขเช่นนี้ด้วยเช่นกัน” ในที่สุดเราก็ลงโทษพวกเขาโดยฉับพลันในตอนที่พวกเขาไม่รู้
96. ถ้าหากว่าชาวเมืองได้ศรัทธาและสำรวมตนจากความชั่ว เราก็จะเปิดประตูแห่งความจำเริญจากชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินให้แก่พวกเขาอย่างแน่นอน แต่ทว่าพวกเขาปฏิเสธสัจธรรม ดังนั้นเราจึงได้ลงโทษพวกเขาเพราะความชั่วที่พวกเขาได้ขวนขวายไว้
97. ชาวเมืองรู้สึกปลอดภัยจากการลงโทษของเราที่จะมายังพวกเขาในตอนกลางคืนขณะที่พวกเขากำลังหลับอยู่กระนั้นหรือ?
98. ชาวเมืองรูสึกปลอดภัยจากการลงโทษของเราที่มายังพวกเขาในตอนกลางวันขณะที่พวกเขากำลังสนุกสนานอยู่กับการเล่นกระนั้นหรือ?
99. คนเหล่านี้จะปลอดภัยจากแผนการลับของอัลลอฮฺกระนั้นหรือ? อันที่จริงแล้ว ไม่มีใครที่จะปลอดภัยจากแผนการของอัลลอฮฺได้เว้นแต่ผู้ที่เกรงกลัวแผนการของอัลลอฮฺ


คำแปล R4.
94. และเรามิได้ส่งนบีคนใดไปในเมืองหนึ่งเมืองใด นอกจากเราได้ลงโทษชาวเมืองนั้น ด้วยความแร้นแค้น และการเจ็บป่วยเพื่อว่าพวกเขาจะได้นอบน้อม”
95. ภายหลังเราได้เปลี่ยนความดีแทนที่ความชั่วจนกระทั่งพวกเขามีมากและพวกเขากล่าวว่า แท้จริงได้ประสบบรรพบุรุษของเรามาแล้วซึ่งความเดือดร้อน และความสุขสบาย แล้วเราจึงได้ลงโทษพวกเขาโดยกระทันหันขณะที่พวกเขาไม่รู้ตัว
96. และหากว่าชาวเมืองนั้นได้ศรัทธากันและมีความยำเกรงแล้วไซร้ แน่นอนเราก็เปิดให้แก่พวกเขาแล้ว ซึ่งบรรดาความเพิ่มพูนจากฟากฟ้าและแผ่นดินแต่ทว่าพวกเขาปฏิเสธ ดังนั้นเราจึงได้ลงโทษพวกเขา เนื่องด้วยสิ่งที่พวกเขาขวนขวายไว้
97. แล้วชาวเมืองนั้นปลอดภัยกระนั้นหรือ? ในการที่การลงโทษของเราจะมายังพวกเขาในเวลากลางคืน ขณะที่พวกเขานอนหลับอยู่
98. และชาวเมืองนั้นปลอดภัยกระนั้นหรือ? ในการที่การลงโทษของเราจะมายังพวกเขาในเวลาสายขณะที่พวกเขากำลังเล่นสนุกสนานกันอยู่”
99. แล้วพวกเขาปลอดภัยจากอุบายของอัลลอฮฺกระนั้นหรือ ไม่มีใครมั่นใจว่าจะปลอดภัยจากอุบายของอัลลอฮฺ นอกจากกลุ่มชนที่ขาดทุนเท่านั้น

 
คำแปล R5.
๙๔. เรา(อัลเลาะห์) จะไม่ส่งศาสดาใดลงมายังแว่นแคว้นหนึ่ง ให้พวกนั้นหาว่าเขาเป็นคนเท็จ เว้นแต่เราจะลงโทษให้ชาวชนแห่งแว่นแคว้นนั้นได้รับเคราะห์ด้วยความอัตคัดอย่างหนักและโรคภัยไข้เจ็บ เพื่อที่พวกนั้นจะได้นบนอบเสียบ้าง แล้วจะได้หันกลับมาเป็นพวกผู้ศรัทธา
๙๕. ลำดับต่อมา เรา(อัลเลาะห์) จึงได้ให้สถานการณ์เลว เช่นความอัตคัดอับจนและความป่วยไข้กลับกลายเป็นดี คือมีฐานะร่ำรวยและความสุขสบายจนกระทั่งพวกเหล่านั้นแผ่ขยายมากขึ้นทั้งพลเมืองและปัจจัยการครองชีพต่าง ๆ แต่แล้วพวกนั้นก็เอ่ยเนรคุณในความร่ำรวยและความผาสุกที่ได้รับให้พวกเดียวกันฟังว่า อันที่จริงทุกข์ทรมานก็ดี ความผาสุกก็ดี ได้เคยพานพบแก่บรรพบุรุษของเรามาแล้วแต่อดีต เหมือนกับที่ทั้งสองอย่างนี้กำลังประสบแก่พวกเราอยู่ขณะนี้ ซึ่งเป็นภาวะธรรมดาอยู่แล้วที่ความร่ำรวย ความยากจน ความผาสุกและความป่วยไข้ต้องเปลี่ยนเวียนสลับกันไป สลับกันมาแต่ละยุคแต่ละสมัย หาได้เป็นการบันดาลจากอัลเลาะห์แต่อย่างใดไม่ ฉะนั้นพวกเจ้าจงยืนยงอยู่ในศาสนาแห่งบรรพบุรุษของพวกเจ้าที่พวกเจ้ากำลังยืนยงอยู่นี้เถิด หลังจากนั้น อัลเลาะห์ตรัสว่า เราจึงได้เอาโทษพวกนั้นทันทีโดยที่พวกนั้นไม่รู้ตัวกันมาแต่แรกเลยว่าเวลาแห่งการลงโทษได้มาถึง
๙๖. แหละถ้าแม้นว่าชนแห่งบรรดาแว่นแคว้นนั้นที่หาว่าอัลเลาะห์และบรรดาพระศาสนทูตของพวกตนเป็นเท็จ จะศรัทธาต่ออัลเลาะห์และศรัทธาต่อบรรดาพระศาสนทูตของพระองค์และมีความหวั่นเกรงและระมัดระวังต่อความไม่ศรัทธาและความชั่วร้ายและความทรยศต่าง ๆ แล้วไซร้ เรา(อัลเลาะห์) ก็จะได้อำนวยความสมบูรณ์พูนผลจากฟากฟ้า เช่น น้ำฝน และแผ่นดิน เช่นพืชพันธุ์ธัญญาหาร และความดีทั้งปวง ลาภผล ยังชีวิตทั้งปวงตลอดถึงความสุขสงบและความปลอดพ้นจากภัยทั้งปวงบรรดามีในพิภพนี้ให้แก่พวกเหล่านั้นเป็นแน่ แต่พวกนั้นกลับใส่ความเท็จแก่บรรดาพระศาสนทูต เราจึงลงโทษพวกนั้นเพราะเหตุแห่งความไม่ยอมศรัทธาและความชั่วช้าตลอดทั้งความทรยศที่พวกนั้นได้อุตส่าห์ใฝ่หาไว้
๙๗. ชาวชนแห่งแว่นแคว้นนั้นซึ่งหาว่าพระศาสนทูตเท็จได้วางใจในการลงโทษของเรา(อัลเลาะห์) ที่จะประสบกับพวกนั้นอย่างกะทันหันในยามค่ำคืนโดยที่กำลังเผลอกันอยู่ การวางใจดังที่กล่าวมานี้ ไม่เป็นการสมควรแก่พวกเหล่านั้นเลย
๙๘. ชาวชนแห่งแว่นแคว้นนั้นซึ่งกล่าวหาว่าพระศาสนทูตเท็จได้วางใจในการลงโทษของเรา(อัลเลาะห์) ที่จะประสบแก่พวกนั้นตอนกลางวัน โดยต่างก็กำลังหมกมุ่นกันอยู่ ฝักใฝ่แต่สิ่งที่ขาดสารประโยชน์แก่พวกตนเอง การวางใจดังที่กล่าวมานี้ไม่เป็นการสมควรแก่พวกนั้นเลย
๙๙. พวกเหล่านั้นที่เป็นชาวชนแห่งแว่นแคว้นที่หาว่าพระศาสนทูตเท็จได้วางใจในวิธีการของอัลเลาะห์ที่ได้ทรงอำนวยให้พวกนั้นได้ซึ่งความดี ซึ่งจะลงโทษต่อภายหลัง แล้วพระองค์ก็ได้ทรงลงโทษพวกนั้นในทันใด การวางใจเช่นที่ว่านี้ก็ไม่เป็นการสมควรแก่พวกนั้นอีก แต่ก็มิได้มีผู้ใดวางใจในวิธีการอำนวยความดีพร้อมกับการจะลงโทษจากอัลเลาะห์หรอก นอกจากปวงชนที่ขาดทุนในทางศาสนาและการดำเนินชีวิตเท่านั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 100 - 102


คำอ่าน
100. อะวะลัมยะฮฺดิลิลละซีนะยะริษูนัลอัรฺเฎาะ มิม..บะอฺดิอะฮฺลิฮา..อัลเลานะชา...อุ อัศบับนาฮุม..บิซุนูบิฮิม วะนัฏบะอุ อะลากุลูบิฮิม ฟะฮุมลายัสมะอูน
101. ติลกัลกุรอ นะกุศศุอะลัยกะ มินอัม..บา...อิฮา วะละก็อดญา...อัตฮุม รุสุลุฮุม..บิลบัยยินาติ ฟะมากานู ลิยุอ์มินูบิมา กัซซะบูมิน..ก็อบลฺ กะซาลิกะยัฏบะอุลลอฮุ อะลากุลูบิลกาฟิรีน
102. วะมาวะญัดนา ลิอักษะริฮิม..มินอะฮฺดิ วะอิว..วะญัดนา..อักษะรุฮุม ละฟาสิกีน


คำแปล R1.
100. Is it not clear to those who inherit the earth in succession from its (previous) possessors, that had we willed, we would have punished them for their sins? And We seal up their hearts so that they hear not?
101. Those were the towns whose story we relate unto you (O Muhammad). And there came indeed to them their Messengers with clear proofs, but they were not such as to believe in that which they had rejected before. Thus Allah does seal up the hearts of the disbelievers (from each and every kind of religious guidance).
102. And most of them we found not (true) to their covenant, but most of them we found indeed Fasiqun (rebellious, disobedient to Allah).


คำแปล R2.
100. ยังไม่ชี้นำแก่บรรดาผู้สืบทอดแผ่นดิน(ให้สำนึกในความถูกความผิด)ภายหลังจากชาวเมืองนั้น(ได้ถูกทำลาลล้างไปแล้ว)เพราะความเนรคุณอีกหรือ? การที่ว่า หากเราประสงค์เราก็จักลงเหตุร้ายแก่พวกเขาเพราะบาปต่าง ๆ ของพวกเขา และเราจักประทับ(ความมืดบอดลง)บนจิตใจของพวกเขา จนพวกเขาไท่ได้ยิน (คำสอนให้เข้าใจ)
101. อันเมืองนั้น เราได้แถลงเรื่องราวของมันแก่เจ้า และแท้จริงบรรดาศาสนทูตของพวกเขาได้มาหาพวกเขาโดยนำบรรดา(สัญลักษณ์)มา แต่พวกเขาไม่ศรัทธาในสิ่งที่พวกเขาเคยกล่าวเป็นท็จมาก่อน เช่น นั่น อัลเลาะฮฺทรงประทับ(ความมืดบอด)บนจิตใจของบรรดาผู้เนรคุณ
102. และเราไม่พบว่า สำหรับส่วนมากของพวกเขา(มีความมั่นคง)ในสัญญาใด ๆ เลย แต่ความจริงเราได้พบส่วนมากของพวกเขานั้นเป็นผู้ทำผิดทั้งสิ้น


คำแปล R3.
100. และบรรดาผู้ที่สืบทอดแผ่นดินหลังจากผู้ครอบครองคนก่อน ๆ ไม่ได้รับบทเรียนจากความจริงหรือว่าถ้าเราประสงค์ เราสามารถที่จะทำให้พวกเขาประสบความทุกข์ยากเพราะความบาปของพวกเขา? (แต่พวกเขาไม่ใส่ใจต่อความจริงที่ให้บทเรียน) และเราได้ปิดผนึกหัวใจของพวกเขา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้ยินสิ่งใด
101. หมู่ชนเหล่านี้แหละ ที่เรื่องราวของพวกเขา เราได้นำมาบอกเล่าแก่เจ้า(สามารถที่จะเป็นตัวอย่างแก่เจ้า) บรรดารอซูลของพวกเขาได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง แต่พวกเขาไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่พวกเขาปฏิเสธมาก่อน นี่คือวิธีการที่เราได้ปิดผนึกหัวใจของบรรดาผู้ปฏิเสธ
102. และในส่วนใหญ่ของพวกเขานั้น เราไม่พบผู้ที่เคารพสัญญา แต่เราพบว่าส่วนใหญ่ของพวกเขาเป็นผู้ฝ่าฝืน


คำแปล R4.
100. และก็ยังมิได้ประจักษ์แก่บรรดาผู้ที่ได้รับแผ่นดินสืบทอดหลังจากเจ้าของมันดอกหรือว่าหากเราประสงค์แล้วเราก็ให้ภัยพิบัติประสบแก่พวกเขาแล้ว เนื่องด้วยบรรดาบาปกรรมของพวกเขาและเราจะประทับตราบนหัวใจของพวกเขา แล้วพวกเขาก็จะไม่ได้ยิน
101. บรรดาเมืองเหล่านั้นหละ เรากำลังเล่าให้เจ้าทราบถึงข่าวคราวของมัน และแท้จริงนั้นบรรดารอซูลของพวกเขาได้นำบรรดาหลักฐานอันชัดแจ้งมายังพวกเขาแล้ว แต่แล้วใช่ว่าพวกเขาจะศรัทธาต่อสิ่งที่พวกเขาปฏิเสธมาก่อนก็หาไม่ ในทำนองนั้นแหละ อัลลอฮฺจะทรงประทับตราบนหัวใจของผู้ปฏิเสธศรัทธาทั้งหลาย
102. และเราไม่พบว่ามีสัญญาใดๆ สำหรับส่วนมากของพวกเขา และแน่นอนเราได้พบว่าส่วนมากของพวกเขานั้นเป็นผู้ละเมิด


คำแปล R5.
๑๐๐. และในข้อที่ว่าถ้าหากเรา(อัลเลาะห์) มุ่งประสงค์เราก็จะลงโทษพวกเหล่านั้น(ชาวนครมักกะห์) เพราะบาปแห่งพวกตนผู้ได้รับมรดกสืบทอดแผ่นดินไว้เป็นที่อยู่อาศัยจากชาวเมืองผู้เป็นบรรพบุรุษและถูกล้างชาติพันธุ์ดับสูญไปแล้วนี้ หาได้เป็นคติที่ชัดแจ้งแก่พวกเหล่านั้นไม่ ไม่น่าเลยที่พวกเหล่านั้นจะไม่ได้คติชัดแจ้งและเรา(อัลเลาะห์)มิให้ความจริงซาบซึ้งเข้าในดวงใจของชนชาวมักกะห์เหมือนกับเราได้ประทับตาดวงใจของพวกนั้นไว้แล้ว พวกนั้นจึงมิได้สดับฟังอย่างเอาใจใส่ในถ้อยคำตักเตือนขู่ในพระคัมภีร์อัล-กุรอานเลย
๑๐๑. แว่นแคว้นซึ่งถูกกล่าวมาแล้วเหล่านั้นได้แก่แว่นแคว้นของปวงชนนูห์ อ๊าด และซะมู๊ด กับปวงชนลู๊ตและปวงชนชุไอบ์ โอ้มุฮำมัด เรา(อัลเลาะห์) ได้เล่าเรื่องราวของชาวแว่นแคว้นนั้นให้เจ้าทราบไว้เพื่อให้เจ้ามีความมานะอดทนต่อปวงประชากรของเจ้าที่จะประสบกับเจ้าบ้าง และเพื่อให้พวกกาฟิรมักกะห์เผ่ากุรอยช์เกรงตนเองจะได้รับเคราะห์เหมือนกับชาวชนแห่งแว่นแคว้นต่าง ๆ เคยได้รับกันมาแล้ว และอัลเลาะห์ได้ตรัสเป็นสัจปฏิญาณว่าแท้จิงบรรดาพระศาสนทูตของพวกนั้นได้มายังพวกนั้นแล้ว พร้อมด้วยอภินิหารอันแจ้งชัดที่แสดงว่า พวกศาสนทูตเหล่านั้นเป็นพระศาสนทูตของอัลเลาะห์จริง แต่พวกนั้นไม่เชื่อถือเมื่อพระศาสนทูตมีมายังพวกเขาแล้ว ทั้งนี้เพราะเหตุว่าพวกเขาไม่เคยเชื่อกันมาก่อนทั้งยืนกรานไม่ยอมเชื่ออยู่เสมอไปอีกด้วย ทำนองเดียวกับที่อัลเลาะห์มิได้ทรงให้ความจริงซาบซึ้งเข้าในดวงใจของผู้ไร้ศรัทธาในแว่นแคว้นต่าง ๆ นี้เอง อัลเลาะห์จึงมิได้ทรงให้ความจริงเข้าสู่ดวงใจเหมือนกับพระองค์ได้ทรงประทับตราดวงใจของพวกกาฟิรฺรุ่นอนุชนต่อ ๆ มาอีก
๑๐๒. และเรา(อัลเลาะห์) ก็มิได้พบว่าพวกมนุษย์เหล่านั้นส่วนมากจะสุจริตตามข้อสัญญาที่พวกตนได้รับไว้คราวที่พระองค์เอาสัญญากับวิญญาณของพวกนั้นในวิญญาณโลก(คือโลกระหว่างพภนี้กับปรภพ) “ข้ามิได้เป็นพระผู้อภิบาลของเจ้าหรอกหรือ?” เหล่าวิญญาณก็ทูลตอบเป็นเอกฉันท์ว่า “ใช่ขอรับ พระองค์คือองค์พระผู้อภิบาลแห่งบรรดาข้าพระองค์” ครั้นเมื่อดวงวิญญาณต่างถูกประจุสู่ร่างของพวกเหล่านั้นแล้วก็กลับไม่ยอมเชื่อว่าพระองค์เป็นเจ้ากันเสียส่วนมาก แต่เรา(อัลเลาะห์) ได้พบว่าชนแห่งแว่นแคว้นเหล่านั้นส่วนมากเป็นพวกกาฟิรแน่ทีเดียว


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 103 - 108


คำอ่าน
103. ษุม..มะบะอัษนามิม..บะอฺดิฮิม..มูสา บิอายาตินา..อิลาฟิรฺเอานะ วะมะละอิฮี ฟะเซาะละมูบิฮา ฟัน..ซุรฺกัยฟะ กานะอากิบะตุลมุฟสิดีน
104. วะกอละ มูสา ยาฟิรฺเอานุ  อิน..นีเราะสูลุม..มิรฺน็อบบิลอาละมีน
105. หะกีกุนอะลา..อัลลาอะกูละ อะลัลลอฮิ อิลลัลหักกฺ ก็อดยิอ์ตุกุม..บิบัยยินาติม..มิรฺร็อบบิกุม ฟะอัรฺสิลมะอิยะ บะนี.งอิสรอ...อีล
106.กอละอิน..กุนตะ ยิอ์ตะ บิอายะติน..ฟะอ์ติบิฮา..อิน..กุนตะ มินัศศอดิดีน
107. ฟะอัลกออะศอฮุ ฟะอิซาฮิยะ อฺบานุม..มุบีน
108. วะนะซะอะ ยะดะฮู ฟะอิซาฮิยะ บัยฎอ..อุ ลิน..นาซิรีน


คำแปล R1.
103. Then after them We sent Musa (Moses) with our signs to Fir'aun (Pharaoh) and his chiefs, but they wrongfully rejected them. So see how was the end of the Mufsidun (mischief-makers, corrupts, etc.).
104. And Musa (Moses) said: "O Fir'aun (Pharaoh)! I am a Messenger from the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists).
105. "Proper it is for me that I say nothing concerning Allah but the truth. Indeed I have come unto you from your Lord with a clear proof. So let the Children of Israel depart along with me."
106. [Fir'aun (Pharaoh)] said: "If you have come with a sign, show it forth, - if you are one of those who tell the truth."
107. Then [Musa (Moses)] threw his stick and behold! It was a serpent, manifest!
108. And he drew out his hand, and behold! It was white (with radiance) for the beholders.


คำแปล R2.
103. หลังจากนั้น เราได้ส่งมูซามาภายหลังจากพวกเขา ให้นำบรรดาสัญลักษณ์(อันมหัศจรรย์)มาสู่ฟิรเอาน์ และชนชั้นผู้นำของพวกเขา แต่แล้วพวกเขาก็ฉ้อฉลต่อ(บรรดาสัญลักษณ์)เหล่านั้น ดังนั้นจงพิจารณาเถิดว่า จุดจบของบรรดาผู้บ่อนทำลายเป็นอย่างไรบ้าง
104. และมูซาได้ประกาศว่า “โอ้ ฟิรเอาน์ แท้จริงตัวฉันนี้เป็นทูตที่ถูกส่งตัวมาจากองค์อภิบาลแห่งโลกทั้งหลาย”
105. เป็นหน้าที่ของฉันที่จะไม่พูดใด ๆ ที่เกี่ยวกับอัลเลาะฮฺ ยกเว้นสัจธรรมเท่านั้น แท้จริงฉันได้นำสิ่งชัดแจ้ง(สิ่งมหัศจรรย์)จากองค์อภิบาลของพวกท่านมายังพวกท่าน ดังนั้น ท่านจงส่งตัวเผ่าพันธุ์ของอิสรออีลให้ร่วมกับฉัน(ไปยังเมืองปาเลสไตน์)เถิด(เพื่อจะได้พ้นสภาพทาสและการทำงานหนักที่พวกฟิรเอาน์ได้กระทำกับพวกเขา)
106. เขา(ฟิรเอาน์)กล่าวว่า “หากท่านนำสิ่งชัดแจ้งมาจริง ท่านก็จงนำมันมา(แสดง)ซิ หากท่านเป็นผู้หนึ่งจากบรรดาผู้สัตย์จริง
107. ดังนั้นเขา(มูซา)จึงขว้างไม้เท้าของเขา(ออกไป) พลันมันก็เปลี่ยนสภาพเป็นงูอย่างชัดเจน
108. และเขาได้ชักมือของเขา(ออกมาจากอกเสื้อ) พลันมันก็เปลี่ยนเป็นสีขาวในสายตาของบรรดาผู้มองเห็น


คำแปล R3.
103. แล้วหลังจากหมู่ชนทั้งหลาย(ดังที่กล่าวมา) เราได้ส่งมูซาพร้อมกับสัญญาณต่าง ๆ ของเขามยังฟิรเอาน์และบรรดาหัวหน้าของชาติของเขา แต่พวกเขาได้ปฏิบัติต่อสัญญาณทั้งหลายของเราอย่างไม่เป็นธรรม ดังนั้นจงดูผลสุดท้ายของผู้ก่อการเสียหายว่าเป็นเช่นใด
104. มูซาได้กล่าวว่า “ฟิรฺเอาน์เอ๋ย ฉันเป็นรอซูลจากพระผู้อภิบาลแห่งสากลจักรวาล
105. ฉันมีหน้าที่ที่จะต้องไม่พูดนอกจากความจริง ฉันมายังพวกท่านด้วยหลักฐานแห่งการแต่งตั้งฉันอย่างชัดแจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่าน ดังนั้นจงปล่อยวงศ์วานของอิสรออีลให้ไปกับฉันเถิด”
106.ฟิรฺเอาน์โต้ตอบว่า “ถ้าท่านนำสัญญาณมาด้วย ก็จงนำมันออกมา ถ้าหากว่าท่านเป็นผู้ที่พูดความจริง”
107. ดังนั้นมูซาจึงได้โยนไม้เท้าของเขาลงไป แล้วทันใดนั้นมันก็กลายเป็นงูจริง ๆ ขึ้นมา
108. หลังจากนั้นเขาก็ดึงมือของเขาออกมาจากกระเป๋าเสื้อของเขา ทันใดนั้น มันก็ขาวสว่างต่อหน้าผู้เฝ้าดู


คำแปล R4.
103. แล้วหลังจากพวกเขาเราได้ส่งมูซาพร้อมด้วยสัญญาณต่าง ๆ ของเราไปยังฟิรเอาน์และบรรดาบุคคลชั้นนำของเขาแต่พวกเขาได้ปฏิเสธศรัทธาต่อสัญญาณเหล่านั้น ดังนั้นเจ้าจงมองดูเถิดว่าบั้นปลายของบรรดาผู้ก่อความเสียหายนั้นเป็นอย่างไร?
104. และมูซาได้กล่าวว่า โอ้ฟิรเอาน์! แท้จริงฉันคือทูตที่มาจากพระเจ้าแห่งสากลโลก
105. เป็นสิ่งสมควรในการ ที่ฉันจะไม่กล่าวเกี่ยวกับอัลลอฮฺ นอกจากความจริงเท่านั้น แท้จริงฉันได้นำหลักฐานจากพระเจ้าของพวกเจ้ามายังพวกเจ้าแล้ว ดังนั้นจงส่งวงศ์วานอิสรออีลไปกับฉันเถิด
106. เขากล่าวว่า หากท่านได้นำหลักฐานใด ๆ มาก็จงนำมันมาเถิด หากท่านอยู่ในหมู่ผู้พูดจริง
107.  แล้วเขาได้โยนไม้เท้าของเขาไป แล้วทันใดมันก็คืองูชัด ๆ
108. และเขาได้ชักมือของเขาออก แล้วทันมันก็ขาว แก่บรรดาผู้ที่มองดูกัน


คำแปล R5.
๑๐๓. ลำดับถัดมาจากพวกพระศาสนทูตเหล่านั้นอันมี นูห์ ฮู๊ด ซอลิห์ ลู๊๖และชุไอบ์ เรา(อัลเลาะห์) ก็ได้แต่งตั้งมูซาขึ้นเป็นพระศาสนทูตอีก พร้อมบรรดาอภินิหารของเรา ๙ ประการไปยังฟิรเอาน์กับบริวารของเขา(ฟิรเอาน์)ทั้ง ๙ ประการที่เป็นศักดาอภินิหารนี้ได้แก่ ไม้เท้า การแสดงทำให้ผิวมือขาวไปจากสีเดิมเมื่อชักออกจากอกเสื้อ ปีแห่งทุนกันดาร น้ำกลายเป็นเลือด มหาอุทกภัย ตั๊กแตน เหา กบ และการสาบให้เป็นลิง พวกเหล่านั้นทั้งฟิรเอาน์และบริวารมิได้เชื่ออภินิหารทั้ง ๙ ประการดังกล่าวเลย โอ้มุฮำมัดเจ้าจงพิเคราะห์ดูถึงผลที่สุดแห่งความเสียหายของผู้ไม่เชื่อว่า มีสภาพที่น่าหวาดหวั่นเป็นอย่างไร
๑๐๔. แล้วมูซากล่าวแก่ฟิรเอาน์ว่า โอ้ฟิรเอาน์แท้จริงฉันคือศาสนทูตผู้ได้รับแต่งตั้งมาแต่องค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลกมายังท่าน ฟิรเอาน์ไม่เชื่อมูซาเลย
๑๐๕. มูซาจึงบอกว่า เป็นวิสัยจริงที่ฉันจะกล่าวถึงอัลเลาะห์เฉพาะแต่เรื่องที่เป็นจริงเท่านั้น อันที่จริงฉันได้มายังพวกท่านพร้อมด้วยอภินิหารที่แจ้งชัดจากองค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านด้วย ฉะนั้นขอท่าน(ฟิรเอาน์) จงส่งพวกบนีอิสรออีล(บุตรหลานของยะกู๊บ) ร่วมไปยังเมืองชาม(ซีเรีย) กับฉันเถิด โดยฟิรเอาน์ได้ใช้พวกเหล่านั้นให้ทำงานหนักอย่างทาส และส่วนที่ถูกฆ่าก็ต่างหากอีก วันละ ๒๕,๐๐ คน แล้วฟิรเอาน์ก็กลับเข้าห้องพัก
๑๐๖.เขา(ฟิรเอาน์) กล่าวแก่มูซา ถ้าท่านนำอภินิหารหนึ่งมาแสดงให้สมจริงตามข้ออ้างของท่านได้ก็จงนำมาซิ หากว่าท่านเป็นคนหนึ่งจากพวกที่สัจจริง เกี่ยวกับอภินิหารที่ว่านั้น ครั้นแล้วฟิรเอาน์จึงตะโกนก้องไปว่า โอ้มูซาขอความกรุณาจากท่านผู้ซึ่งอัลเลาะห์ทรงแต่งตั้งให้เป็นพระศาสนทูตด้วยเถอะขอให้ท่านจงสำแดงเนรมิตงูขึ้นสักตัวหนึ่งก่อนแล้วฉันถึงจะเชื่อท่านและจะส่งพวกบนีอิสรออีลไปยังประเทศซีเรีย(ชาม)ตามที่ท่านขอไว้
๑๐๗. ครั้นแล้วเขา(มูซา) จึงได้โยนไม้เท้าของเขาลงไปโดยมิทันช้า ฉับพลันมัน(ไม้เท้า) ก็กลายสภาพเป็นงูใหญ่กายสีเหลืองแซมขาว ระหว่างปากล่างและปากบนวัดได้ ๘๐ ศอก ส่วนลำตัวสูงจากพื้นดิน ๑ ไมล์ มันใช้หางของมันเหยียดยืนตรงได้ เมื่อมันเอาคางทสบลงบนพื้นดิน ปากส่วนบนจะสูงจรดกำแพงปราสาทชูขึ้นเหนือศีรษะผู้คน ทำให้คนเหล่านั้นหวีดร้องและหนีแตกตื่นกันไป งูนั้นเรื่อยตรงรี่เข้าไปจะงับฟิรเอาน์ ฟิรเอาน์กระโดดเผ่นหนีจนอุจจาระพุ่งออกนอกเครื่องภูษาทรงปรากฏต่อหน้าต่อตาเหล่าข้าทาสบริพาร เป็นอย่างนี้ถึงสี่ร้อยครั้งชั่ววันเดียว จึงเป็นเหตุให้ฟิรเอาน์กลายเป็นโรคท้องร่วงประจำเรื่อยไปจนถึงวาระจมน้ำตาย
๑๐๘. และเขา(มูซา) ได้ชักมือขวาของเขาออกจากคอเสื้อที่เขาสวมอยู่ ทันใดนั้นมันก็ขาวสดุดตาของผู้เห็นต่างจากสีเดิมซึ่งเป็นสีดำแดง ขาวจนเกิดเป็นแสงวาวกล้ากว่าดวงอาทิตย์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 109 - 114


คำอ่าน
109. กอลัลมะละอุ มิน..ก็อวมิฟิรฺเอานะ อิน..นะฮาซาละสาหิรุนอะลีม
110. ยุรีดุ อัย..ยุคริญะกุม..มินอัรฺฎิกุม ฟะมาซาตะอ์มุรูน
111.กอลู..อัรฺญิฮฺ วะอะคอฮุ วะอัรฺสิล ฟิลมะดา...อินิ หาชิรีน
112. ยะอ์ตูกะบิกุลลิ สาหิรินอะลีม
113. วะญา..อัสสะหะเราะตุ ฟิรฺเอานะ กอลู..อิน..นะอละนาละอัจญร็อน อิน..กุน..นา นะหฺนุลฆอลิบีน
114. กอละนะอัม วะอิน..นะกุม ละมินัลมุก็อรฺเราะบีน


คำแปล R1.
109. The chiefs of the people of Fir'aun (Pharaoh) said: "This is indeed a well-versed sorcerer;
110. "He wants to get you out of your land, so what do you advice?"
111. They said: "Put him and his brother off (for a time), and send callers (men) to the cities to collect (and) -
112. "That they bring up to you all well-versed sorcerers."
113. And so the sorcerers came to Fir'aun (Pharaoh). They said: "Indeed there will be a (good) reward for us if we are the victors."
114. He said: "Yes, and moreover you will (in that case) be of the nearest (to me)."


คำแปล R2.
109. ชนชั้นผู้นำจากกลุ่มชนของฟิรเอาน์จึงกล่าวว่า “แท้จริง(มูซา)ผู้นี้เป็นมายากรผู้รอบรู้อย่างแน่นอน
110. เขาปรารถนาจะขับไล่พวกท่าน(ฟิรเอาน์และพรรคพวก)ออกจากแผ่นดินของพวกท่าน” (ฟิรเอาน์กล่าวว่า) “แล้วอะไรบ้างที่พวกท่านจะแนะนำฉัน?”
111. พวกเหล่านั้นกล่าวว่า “ท่านจงหน่วงเหนี่ยวเขาและ(ฮารูน)พี่ชายของเขาไว้(อย่าให้ทั้งสองปฏิบัติการใด ๆ )และท่านจงส่งบรรดาผู้เกณฑ์ไปในเมืองต่าง ๆ
112. เพื่อพวกเขาจะได้นำนักมายากลผู้รอบรู้ทุกคนมาหาท่าน(จากเมืองเหล่านั้น)”
113. และบรรดานักมายากลก็ได้มาหาฟิรเอาน์ พร้อมกับกล่าวว่า “แท้จริงพวกเราจะมีรางวัลหรือไม่ หากเราเป็นฝ่ายชนะ”
114. เชากล่าวว่า “ใช่แล้ว (มีรางวัลแก่พวกเจ้า) และพวกเจ้านั้น(ข้าจะแต่งตั้งให้)เป็นส่วนหนึ่งของบรรดา(ข้าราชบริพาร)ที่ใกล้ชิด


คำแปล R3.
109. (เมื่อเห็นดังนั้น) บรรดาหัวหน้าผู้คนของฟิรฺเอาน์ก็ได้กล่าวซึ่งกันและกันว่า “คนผู้นี้คือนักมายากลผู้เชี่ยวชาญ
110. เขาต้องการที่จะให้พวกท่านออกไปจากแผ่นดินของพวกท่าน ทีนี้พวกท่านจะทำอย่างไร?”
111. แล้วพวกเขาก็แนะนำฟิรฺเอาน์ว่า “จงหน่วงเหนี่ยวเขาและพี่ของเขาไว้ก่อนและส่งคนไปป่าวประกาศตามหัวเมืองต่าง ๆ
112. เพื่อที่พวกเขาจะได้นำนักมายากลผู้เชี่ยวชาญทุกคนมายังท่าน”
113. ดังนั้นเมื่อพวกนักมายากลได้มายังฟิรฺเอาน์แอล้ว พวกเขาก็กล่าวว่า “เราจะได้รับรางวัลแน่นอนนะ ถ้าหากเราเป็นผู้ชนะ?”
114. ฟิรฺเอาน์ได้กล่าวตอบว่า “ใช่แล้ว ท่านจะได้รับตำแหน่งที่ใกล้ชิดกับเรา”


คำแปล R4.
109.  บรรดาบุคคลชั้นนำจากประชาชาติของฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า แท้จริงผู้นี้คือมายากลที่รอบรู้
110. เขาต้องการที่จะขับไล่พวกท่านออกจากแผ่นดินของพวกท่าน ดังนั้นพวกท่านจะใช้ให้ทำสิ่งใด
111. พวกเขากล่าวว่า จงประวิงเขาและพี่ชายของเขาไว้ก่อนและจงส่งคนไปรวบรวมในเมืองต่างๆ
112.  พวกเขาก็จะนำมายังท่าน ซึ่งนักมายากลทุกคนที่รอบรู้
113.  และบรรดานักมายากลก็ได้มายังฟิรเอาน์โดยกล่าวว่า แน่นอนพวกเราจะต้องได้รางวัลถ้าพวกเราเป็นผู้ชนะ
114.  เขากล่าวว่า ใช่แล้ว และแท้จริงพวกท่านนั้นจะได้อยู่ในหมู่ผู้ใกล้ชิด


คำแปล R5.
๑๐๙. บรรดาชนชั้นสูงส่วนหนึ่งจากบริวารของฟิรเอาน์กล่าวกันว่า ความจริง มูซาผู้นี้ก็คือนักวิทยากลผู้รอบรู้นั่นเอง
๑๑๐. พวกชนชั้นสูงยังกล่าวอีกว่า เขา(มูซา) ต้องการขับไล่พวกท่าน(ฟิรเอาน์กับพรรคพวก) ออกไปเสียจากประเทศ แล้วฟิรเอาน์ถามว่า พวกท่าน(ชนชั้นสูง) จะใช้ให้ฉันทำประการใดบ้าง? ที่จะทำให้พวกเราพ้นจากการถูกมูซาขับไล่ออกนอกประเทศ
๑๑๑. พวกบริวารของมูซาผู้เป็นชนชั้นสูงเหล่านั้นจึงว่า โอ้ฟิรเอาน์ ขอให้ท่านทุเลากิจการของเขา(มูซา) กับฮารูนพี่ชายของเขาไว้ก่อน และขอให้ท่าน(ฟิรเอาน์) ส่งคนไปเกณฑ์เอานักวิทยากลตามหัวเมืองต่าง ๆ ในประเทศอียิปต์มาด้วย
๑๑๒. ให้พวกถูกส่งไปเกณฑ์นำเอานักวิทยากลทั้งหลายที่รอบรู้เหนือกว่ามูซามาให้ท่าน(ฟิรเอาน์) ๗๒ คน
๑๑๓. ครั้นนักวิทยากลทั้งหลายได้มายังฟิรเอาน์ กล่าวแก่ฟิรเอาน์พวกเราจะได้รับรางวัลกันว่า จริงไหม? หากว่าพวกเราเป็นผู้เอาชนะมูซาได้แล้ว
๑๑๔. เขา(ฟิรเอาน์) ตอบว่า “ได้” ฉันไม่ได้กำหนดว่าจะมอบรางวัลอะไรให้เป็นค่าตอบแทนแก่พวกท่านหรอก หากแต่ฉันจะปูนบำเหน็จให้พวกท่านได้เป็นขุนนางผู้ใกล้ชิดกับฉันเท่านั้น เป็นที่ประจักษ์ในอายะฮฺ ๑๑๓ - ๑๑๔ นี้ว่า ผู้คนทั่วไปย่อมทราบกันดีว่าความจริงฟิรเอาน์เป็นบ่าวที่เลวและน่าเหยียดหยามทั้งยังเป็นผู้หย่อนสมรรถภาพ ถ้ามิฉะนั้นแล้วเขาคงไม่เรียกหาความช่วยเหลือจากพวกวิทยากล และนักวิทยากลเองก็เหมือนกัน ไม่มีพลังความสามารถแปรสภาพสรรพสิ่งได้หรอก ถ้าเป็นไปได้เช่นนั้นพวกเขาคงจะไม่พึ่งค่าจ้างและทรัพย์สินใด ๆ จากฟิรเอาน์เลย ต่างว่าพวกวิทยากลเหล่านี้กลับกลายสภาพสรรพสิ่งให้เป็นอื่นได้ พวกเขาก็ต้องแปรสภาพของดินให้เป็นทองคำแน่นนอน และพวกเขาจะต้องโค่นอำนาจแห่งการปกครองของฟิรเอาน์มาเป็นของพวกตน แล้วสถาปนาตนเองเป็นจอมจักรพรรดิเสียเลยก็ได้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 115 - 122


คำอ่าน
115. กอลูยามูสา..อิม..มาอัน..ตุลกิยะ วะอิม..มาอัน..ตะกูนะ นะหฺนุลมุลกีน
116. กอละอัลกู ฟะลัม..มา.งอัลก็อว สะหะรู..อะอฺยุนัน..นาสิ วัสตัรฺฮะบูฮุม วะญา..อู บิสิหฺรินอะซีม
117. วะเอาหัยนา..อิลามูสา..อันอัลกิอะศอกะ ฟะอิซาฮิยะตัลเกาะฟุมายะอ์ฟิกูน
118. เฟาเกาะ อัลหักกุ วะบะเฏาะละมากานูยะอฺมะลูน
119. ฟะฆุลิบูฮุนาลิกะ วัน..เกาะละบูศอฆิรีน
120. วะอุลกิยัสสะหะเราะตุ สาญิดีน
121. กอลู..อามัน..นาบิร็อบบิลอาละมีน
122. ร็อบบิมูสา วะฮารูน


คำแปล R1.
115. They said: "O Musa (Moses)! Either you throw (first), or shall we have the (first) throw?"
116. He [Musa (Moses)] said: "Throw you (first)." So when they threw, they bewitched the eyes of the people, and struck terror into them, and they displayed a great magic.
117. And we inspired Musa (Moses) (saying): "Throw your stick," and behold! It swallowed up straight away all the falsehoods which they showed.
118. Thus truth was confirmed, and all that they did was made of no effect.
119. So they were defeated there and then, and were returned disgraced.
120. And the sorcerer fell down prostrate.
121. They said: "We believe in the Lord of the 'Alamin (mankind, jinns and all that exists).
122. "The Lord of Musa (Moses) and Harun (Aaron)."


คำแปล R2.
115. พวกเขากล่าวว่า “โอ้มูซา ท่านจะขว้าง(ไม้เท้าก่อน) หรือจะให้เราเป็นฝ่ายขว้าง(ก่อน)
116. มูซากล่าวว่า “พวกท่านจงขว้าง(ก่อน)เถิด” ครั้นเมื่อพวกเขาได้ขว้าง(ด้วยอุปกรณ์มายากลของแต่ละคน)แล้ว พวกเขาก็ได้ลวงตาของผู้คน(ที่มองดู) และทำให้ผู้คนดังกล่าวหวาดกลัว และพวกเขาได้นำมาซึ่งมายากลอันยิ่งใหญ่ (ซึ่งไม่มีใครเคยพบเห็นมาก่อน ทุกคนแสดงอย่างเต็มที่)
117. และเราได้ดลจิตแก่มูซาว่า “เจ้าจงขว้างไม้เท้าของเจ้าลงไปซิ! (มูซาก็ขว้างไม้เท้านั้นลงไป) ทันใดนั้นเอง ไม้เท้านั้นก็ได้กลืนสิ่งที่พวกเขาได้ลวงตาไว้
118. ดังนั้น ความจริงได้ปรากฏขึ้นและสิ่ง(ความเท็จ)ที่พวกนั้นได้กระทำไว้ก็มลายสิ้น
119. แล้วพวกนั้น(นักมายากล)ก็ถูกพิชิต(จนพ่ายแพ้) ณ ที่นั้นเอง และพวกเขาก็กลับกลายเป็นผู้ต่ำต้อย(ไม่มีผู้ใดสนใจและยกย่อง)
120. และบรรดานักมายากลเหล่านั้น ถึงกับล้มตัวลงกราบ
121. พร้อมกับกล่าวว่า “พวกเราศรัทธาแล้วในองค์อภิบาลของโลกทั้งหลาย
122. ผู้เป็นองค์อภิบาลของมูซาและฮารูน


คำแปล R3.
115. แล้วพวกเขาก็กล่าวแก่มูสาว่า “ท่านจะเป็นผู้โยนก่อน หรือจะให้เราเป็นผู้โยนก่อน?”
116. มูซากล่าวตอบว่า “พวกท่านจงโยนก่อน” เมื่อเขาโยนของพวกเขาลงมา พวกเขาได้ลวงตาผู้คนและทำให้พวกผู้คนหวาดกลัวและพวกเขาได้สร้างมายากลอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา
117. และเราได้ดลใจมูสาว่า “จงโยนไม้เท้าของเจ้าลงไป” พลันที่เขาโยนมันลงไป มันก็เริ่มกลืนมายากลที่หลอกลวงของพวกเขาทันที
118. ดังนั้น สัจธรรมจึงได้ถูกสถาปนาขึ้น และความเท็จที่พวกเขาประกอบนั้นได้มลายสิ้น
119. ณ ที่นี้เองที่ฟิรฺเอาน์และคนของเขาต้องได้รับความพ่ายแพ้ในการต่อสู้และ (แทนที่จะเป็นผู้ชนะ) พวกเขา เขาต้องกลับกลายเป็นผู้อัปยศ
120. ส่วนพวกนักมายากลนั้น พวกเขาได้ถูกทำให้จำต้องก้มตัวลงกราบ
121. พวกเขากล่าวว่า “เราศรัทธาในพระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก
122. พระผู้อภิบาลที่มูซาและฮารูนศรัทธา


คำแปล R4.
115. พวกเขากล่าวว่า โอ้มูซา ท่านจะโยนก่อนหรือว่าพวกเราจะเป็นผู้โยนก่อน
116. เขากล่าวว่า พวกท่านจงโยนก่อนเถิดครั้นเมื่อพวกเขาได้โยนออกไป พวกเขาก็ลวงตาประชาชนและทำให้พวกเขากลัว และพวกเขานั้นได้นำมาซึ่งมายากลอันใหญ่หลวง
117. แลเราได้มีโองการแก่มูซาว่า จงโยนไม้เท้าของเจ้า แล้วทันใดมันก็กลืนสิ่งที่พวกเขาลวงตาไว้
118. และความจริงก็ได้เกิดขึ้น และสิ่งที่พวกเขากระทำกันขึ้นก็ตกไป
119. แล้วที่โน่นแหละพวกเขาก็ได้รับความพ่ายแพ้ และกลายเป็นผู้ต่ำต้อย
120. และบรรดานักมายากลก็ถูกทำให้ล้มตัวลงกราบ (โดยความจริง)
121. โดยกล่าวว่า พวกเราได้ศรัทธาแล้วต่อพระเจ้าแห่งสากลโลก
122. คือพระเจ้าของมูซา และฮารูน


คำแปล R5.
๑๑๕. พวกนักวิทยากลต่างหัวเมืองเหล่านั้นกล่าวแก่มูซาว่า โอ้มูซา เป็นโอกาสให้ท่านเลือกเอาว่าท่านจะโยนไม้เท้าของท่านลงไปก่อนหรือว่าพวกเราจะเป็นผู้โยนอุปกรณ์ปลุกเศกของพวกเราลงไปก่อน
๑๑๖. เขา(มูซา) ตอบว่า พวกท่านจงโยนอุปกรณ์ปลุกเศกของพวกท่านลงไปเสียซิเท่าที่มูซาได้ใช้ให้พวกนักวิทยากลโยนเครื่องอุปกรณ์วิทยากลลงไปก่อนนั้นเพื่อต้องการให้ความจริงแห่งอภินิหารของตัวเองปรากฏชัดแจ้งว่า ข่มความไม่จริงแท้แห่งวิทยากลนั้น พอพวกนั้นเอาเชือกที่ชุบปรอทอันมากจนขนาดต้องใช้อูฐบรรทุกถึง ๓๐๐ ตัว โยนลงไปในสนามใหญ่กว้าง ๑ ไมล์ แห่งเมืองอัสกันดรีย์ (อเล็กแซนเดรีย) เมื่อเชือกและไม้กระบอกถูกแดดเผาก็จะเคลื่อนที่และเข้ามารัดพันกัน มันพรางสายตาคนมิให้แลเห็นได้ว่าเป็นเชือกไม้กระบอง แต่มันเป็นงูตัวใหญ่หางจรดชายทะเลแห่งอัสกันดรีย์ อ้าปากกว้างถึง ๘๐ ศอก เลื้อยกันเป็นจำนวนมากจนเต็มสนามหมด ทั้งงูเหล่านั้นยังได้กระทำให้พวกผู้คนทั้งหลายหวาดหวั่นขวัญหาย แล้วพวกนักวิทยากลเหล่านั้นก็ยิ่งสำแดงกลหนักขึ้นอีก
๑๑๗. เรา(อัลเลาะห์) จึงได้ดลกระแสโองการลงมายังมูซาว่า “เจ้าจงทิ้งไม้เท้าของเจ้าลงไปซิ” มูซาโยนไม้เท้าของตนทิ้งลง ไปในทันทีมันก็กลายสภาพแปรเป็นงูขนาดใหญ่กลืนงูอันเกิดขึ้นจากสิ่งที่พวกนักวิทยากลนั้นได้ปลอมขึ้นทีละตัว ทีละตัว จนกระทั่งหมด เสร็จจากนั้นมันก็มุ่งหน้าไปหากลุ่มชนที่เข้ามาชมการประลองความศักดิ์สิทธิ์ทางวิทยากล ณ ท้องสนามอย่างคับคั่ง มันสามารถทำลายชีวิตผู้เข้าชมได้ถึง ๒๕,๐๐๐ คน ต่อแต่นั้นมามูซาก็ได้เอื้อมมือไปจับเอางูของเขากลับคืนมา งูนั้นจึงกลับกลายเป็นไม้เท้าดังเดิม
๑๑๘. จึงเป็นอันว่าความจริงแห่งอภินิหารของมูซาได้แจ้งประจักษ์ ส่วนการแสดงทางวิทยากลที่พวกเหล่านั้นก็กระทำกันก็ดับสิ้นไป
๑๑๙. ทั้งฟิรเอาน์และพวกเหล่านั้นที่เป็นบริวารจึงพ่ายแพ้ ณ ที่สนามประลองทางวิทยากลนั้นเอง และกลับกลายเป็นพวกที่ต่ำต้อยในเกียรติยศและชื่อเสียง
๑๒๐. พวกนั้นวิทยากลทั้งหลายเหล่านั้นถึงกับน้อมลงแสดงคารวะต่อมูซา
๑๒๑. พลางกล่าวว่า “พวกเราศรัทธาต่อองค์พระผู้อภิบาลแห่งสากลโลก”
๑๒๒. คือองค์พระผู้อภิบาลของมูซา และฮารูน ทั้งนี้เนื่องจากว่าพวกนั้นรู้แล้วว่าไม้เท้าของมูซาที่โยนลงไปให้ปรากฏเห็นนั้นมิได้สำเร็จประโยชน์และเกิดฤทธิ์ด้วยวิทยากลแต่ประการใด หากแต่ต้องเป็นไปได้ด้วยฤทธานุภาพของอัลเลาะห์ให้เกิดเป็นศักดาภินิหาร(มุยิซ๊าต)และเป็นประจักษ์พยานบอกความจริงแห่งความเป็นพระศาสนทูตของมูซาเท่านั้น


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 123 - 126


คำอ่าน
123. กอละฟิรฺเอานุ อามันตุม..บิฮีก็อบละ อันอาซะนะละกุม อิน..นะฮาซาละมักรุม..มะกัรฺตุมูฮุ ฟิลมะดีนะติ ลิตุคริญูมินฮา..อะฮฺละฮา ฟะเสาฟะตะอฺละมูน
124. ละอุก็อฏฏิอัน..นะ อัยดิยะกุม วะอัรฺญุละกุม..มินคิลาฟิน..ษุม..มะละอุศ็อลลิบัน..นะกุม อัจญมะอีน
125. กอลู..อิน..นา..อิลาร็อบบินา มุน..เกาะลิบูน
126. วะมาตัน..กิมุ มิน..นา..อิลลา..อัน อามัน..นา บิอายาติร็อบบินา ลัม..มาญา..อัตนา ร็อบบะนัฟริฆอะลัยนาศ็อบร็อว..วะตะวัฟฟะนา มุสลิมีน


คำแปล R1.
123. Fir'aun (Pharaoh) said: "You have believed in him [Musa (Moses)] before I give you permission. Surely, this is a plot which you have plotted in the city to drive out its people, but you shall come to know.
124. "Surely, I will cut off your hands and your feet on opposite sides, then I will crucify you all."
125. They said: "Verily, we are returning to our Lord.
126. "And you take vengeance on us only because we believed In the Ayat (proofs, evidences, lessons, signs, etc.) of our Lord when they reached us! Our Lord! Pour out on us patience, and cause us to die as Muslims."


คำแปล R2.
123. ฟิรเอาน์(มีความแค้น จึง)ประกาศว่า “เจ้าทั้งหลายจะศรัทธาในเขาก่อนที่ฉันอนุญาตให้พวกเจ้ากระนั้นหรือ แท้จริง(พฤติการ์ เช่น)นี้ เป็นเพียงแผนการที่พวกเจ้าวางไว้ในเมืองนี้ เพื่อพวกเจ้าจะได้ขับไล่ชาวเมืองให้ออกไปจากมัน แล้วพวกเจ้าก็จะได้รู้กัน
124. ขอสาบาน! ข้าจะตัดมือและเท้าของพวกเจ้าโดยสลับกัน หลังจากนั้นข้าจะจับพวกเจ้าตรึงไม้กางเขน(ให้ตาย)ทั้งหมด”
125. พวกเขากล่าวว่า “แท้จริงเรากลับคืนสู่องค์อภิบาลของพวกเราแล้ว(เราจึงไม่กลัวคำคาดโทษเช่นนั้น)
126. และท่านมิได้อาฆาตแค้นเรา(จนคิดลงโทษตามคำประกาศนั้น เพราะเหตุอื่นใดเลย)นอกจาก(เป็นเพราะ)เราได้ศรัทธาต่อบรรดาสัญลักษณ์ขององค์อภิบาลแห่งเรา เมื่อได้มาสู่เรา โอ้องค์อภิบาลของเรา! โปรดหลั่งความอดทนสู่หัวใจของเราเถิดและโปรดให้เราตายในฐานะผู้สวามิภักดิ์เถิด”


คำแปล R3.
123. ฟิรฺเอาน์ได้กล่าวว่า “พวกเจ้ากล้ายอมรับพระเจ้าก่อนที่ฉันจะอนุญาตพวกเจ้ากระนั้นหรือ? แท้จริง มันเป็นแผนการที่พวกเจ้าคิดขึ้นมาในเมืองนี้เพื่อที่จะขับไล่บรรดาเจ้าของที่ถูกต้องออกไปจากเมือง ดังนั้นในไม่ช้าพวกเจ้าจะได้รู้ถึงผลที่ติดตามมา
124. ฉันจะตัดมือพวกเจ้าและเท้าของพวกเจ้าสลับข้างกันและเอาพวกเจ้าทั้งหมดไปตรึงบนไม้กางเขน”
125. พวกเขาได้ตอบว่า “จะอย่างไรก็ตาม เราจะต้องกลับไปหาพระผู้อภิบาลของเรา
126. (สำหรับท่าน) ท่านต้องการที่แก้แค้นเราเพียงเพราะว่าเราศรัทธาในสัญญาณทั้งหลายของพระผู้อภิบาลของเรา เมื่อมันได้มาปรากฏต่อหน้าเราแล้ว ข้าแต่พระผู้อภิบาลของเรา ขอได้ประทานความอดทนแก่เรา และได้ทรงโปรดให้เราตายอย่างบรรดาผู้ที่ยอมจำนนต่อพระองค์”


คำแปล R4.
123. ฟิรเอาวน์กล่าวว่า พวกท่านศรัทธาต่อเขาก่อนที่ข้าจะอนุมัติแก่พวกท่านกระนั้นหรือ ? แท้จริงนี้คืออุบายหนึ่งที่พวกท่านได้วางแผนมันไว้ในเมือง เพื่อที่จะขับไล่ชาวเมืองให้ออกไปจากเมืองเสีย แล้วพวกท่านจะได้รู้
124. “ข้าสาบานว่าข้าจะตัดมือของท่านและเท้าของพวกท่านโดยสลับข้างกัน แล้วข้าจะตรึงพวกท่านทั้งหมดไว้ (ที่ลำต้นอินทผลัม)
125. พวกเขากล่าวว่า แท้จริงพวกเราจะเป็นผู้กลับไปยังพระเจ้าของเรา
126. และ131ท่านจะไม่แก้แค้นเรา นอกจากว่าเราศรัทธาต่อบรรดาสัญญาณแห่งพระเจ้าของเราเท่านั้น เมื่อมันได้มายังเรา โอ้พระเจ้าของเราโปรดเทความอดทนลงมาบนพวกเราด้วยเถิด และโปรดทรงให้พวกเราตายในฐานะผู้สวามิภักดิ์ด้วย


คำแปล R5.
๑๒๓. ฟิรเอาน์กล่าวว่า “พวกท่านศรัทธาต่อเขา(มูซา) เสียแล้ว ก่อนจากฉันจะอนุญาตแก่พวกท่าน” เป็นการไม่สมควรเลยที่พวกนั้นจะศรัทธา อันที่จริงเล่ห์กลอย่างนี้ก็คือเล่ห์กลอย่างหนึ่งที่พวกท่านเคยได้แสดงร่วมกับมูซามาแล้วในประเทศอียิปต์ ก่อนจากพวกท่านจะออกจากประเทศไปตามข้อสัญญา ที่แสดงกลอย่างนี้ก็เพื่อพวกท่านจะขับไล่พลเมืองเผ่ากิบตีย์ซึ่งเป็นชาวอียิปต์โบราณชาติพันธุ์เดียวกับฟิรเอาน์ให้ออกไปเสียจากประเทศอียิปต์ ไม่ช้าหรอกพวกท่านจะรู้ ว่าการลงโทษจะต้องประสบกับพวกท่าน
๑๒๔. ฟิรเอาน์ตั้งคำสัจปฏิญาณว่า “ฉันจะต้องตัดมือ ข้างขวาของพวกท่านและเท้าข้างซ้ายของพวกท่านสลับข้างกันให้จงได้” เป็นการประจาน หลังจากนั้นแล้วข้าจะต้องตรึงพวกเจ้าทั้งสิ้นให้จงได้
๑๒๕. พวกนักวิทยากลเหล่านั้นกล่าวว่า พวกเราเปลี่ยนกลับไปยังการสอบสวนแห่งองค์พระผู้อภิบาลของพวกเราโดยแน่นอนแล้วในภพหน้าโน้น
๑๒๖. แล้วท่าน(ฟิรเอาน์) จะมายับยั้งอะไรพวกเราไม่ได้ นอกจากพวกเราเชื่อมั่นเฉพาะแต่สัญลักษณ์จากองค์พระผู้อภิบาลของพวกเรา เมื่อได้มีมาถึงพวกเราแล้วเท่านั้น พวกนักวิทยากลทั้งหลายก็เอ่ยวิงวอนว่า โอ้พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ ก็ได้โปรดให้ข้าพระองค์ทั้งหลายเปี่ยมไปด้วยการอดกลั้น เมื่อถึงคราวทีค่ฟิรเอาน์จะต้องตัดมือตัดเท้าและตรึงเหล่าข้าพระองค์ตามที่มันได้เคยให้ถ้อยคำเป็นสัญญาไว้ด้วยเถิด เพื่อที่บรรดาข้าพระองค์จะได้ไม่ถดถอยกลายเป็นชนกาฟิรอีกคำรบหนึ่ง และขอพระองค์ได้โปรดให้บรรดาข้าพระองค์จบชีวิตลงโดยเป็นชนผู้ศรัทธา(มุอ์มิน)ในศาสนาอิสลามโดยมั่นคง และอย่างไม่ได้รับความกระทบกระเทือนเดือดร้อนกับข้อสัญญาลงโทษของฟิรเอาน์ที่กล่าวนั้นด้วยเถิด


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 127 - 131


คำอ่าน
127.วะกอลัลมะละอุ มิน..ก็อวมิ ฟิรฺเอานะ อะตะซะรุมูสา วะก็อวมะฮู ลิยุฟสิดูฟิลอัรฺฎิ วะยะซะเราะกะ วะอาลิฮะติกะ กอละสะนุก็อตติลุ อับนา...อะฮุม วะนัสตะหฺยีนิสา...อะฮุม วะอิน..นาเฟาเกาะฮุม กอฮิรูน
128. กอละมูสาลิก็อวมิฮิสตะอีนูบิลลาฮิ วัศบิรู อิน..นัลอัรฺเฎาะลิลลาฮิ ยูริษุฮามัย..ยะชา...อุ มินอิบาดิฮฺ วัลอากิบะตุลิลมุตตะกีน
129. กอลู..อูซีนามิน.งก็อบลิ อัน..ตะอ์ติยันา วะมิม..บะอฺดิมาญิอ์ตะนา กอละอะสาร็อบบุกุม อัย..ยุฮฺลิกะอะดูวะกุม วะยัสตัคลิฟะกุม ฟิลอัรฺฎิ ฟะยันซุเราะกัยฟะตะอฺมะลูน
130. วะละก็อดอะค็อซนา.งอาละฟิรฺเอานะ บิสสินีนะ วะนักศิม..มินัสสะมะรอติ ละอัลละฮุมยัซซักกะรูน
131. ฟะอิซาญา...อัตฮุมุลหะสะนะตุ กอลูละนาฮาซิฮี วะอินตุศิบฮุมสัยยิอะตุยยัฏฏ็อยยะรู บิมูสาวะมัมมะอะฮู อะลา..อิน..มาฏอ...อิรุฮุมอิน..ดัลลอฮิ วะลากิน..นะอักษะเราะฮุมลายะอฺละมูน


คำแปล R1.
127. The chiefs of Fir'aun's (Pharaoh) people said: "Will you leave Musa (Moses) and his people to spread mischief in the land, and to abandon you and your gods?" He said: "We will kill their sons, and let live their women, and we have indeed irresistible power over them."
128. Musa (Moses) said to his people: "Seek help in Allah and be patient. Verily, the earth is Allah's. He gives it as a heritage to whom he will of his slaves, and the (blessed) end is for the Muttaqun (pious - see V.2:2)."
129. They said: "We (children of Israel) had suffered troubles before you came to us, and since you have come to us." He said: "It may be that your Lord will destroy your enemy and make you successors on the earth, so that He may see how you act?"
130. And indeed we punished the people of Fir'aun (Pharaoh) with years of drought and shortness of fruits (crops, etc.), that they might remember (take heed).
131. But whenever good came to them, they said: "Ours is this." and if evil afflicted them, they ascribed it to evil omens connected with Musa (Moses) and those with him. Be informed! Verily, their evil omens are with Allah but most of them know not.


คำแปล R2.
127. และชนชั้นผู้นำจากพวกพ้องของฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า “ท่านจะปล่อยให้มูซาและพวกของเขาบ่อนทำลายในแผ่นดินและให้เขาทอกทิ้งให้อยู่กับพระเจ้าของท่าน(เพียงลำพัง)กระนั้นหรือ?” เขากล่าวว่า”(ถ้าอย่างนั้น)เราจะจัดการฆ่าลูก ๆ ผู้ชายของพวกนั้น(เผ่าพันธุ์อิสรออีล)และไว้ชีวิตลูกหญิงของพวกนั้น และเราก็ต้องกดขี่เหนือพวกเขา(ยิ่งขึ้นกว่าเดิม
128. มูซาได้กล่าวกับพวกพ้องของเขาว่า “ท่านทั้งหลายจงขอความช่วยเหลือต่ออัลเลาะฮฺ และจงอดทนเถิด เพราะแท้จริงแผ่นดินเป็นของอัลเลาะฮฺ พระองค์ย่อม(ทรงสิทธิ์จะ)สืบทอดมันแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์จากข้าทาสของพระองค์ และจุดจบ(ที่ดีงาม)นั้นย่อมเป็นของบรรดาผู้ยำเกรงทั้งมวล
129. พวกเขากล่าว(ตอบ)ว่า “พวกเราถูกกดขี่มาก่อนที่ท่านจะมาหาเรา และหลังจากท่านได้มาหาเราแล้ว(พวกเขาก็ยังกดขี่พวกเราอยู่นั่นเอง)” มูซาตอบว่า “หวังว่า องค์อภิบาลของพวกท่านจะทำลายล้างศัตรูของพวกท่าน และทรงสืบทอดการปกครองแก่พวกท่านในแผ่นดิน เพื่อพระองค์ได้ทรงพิจารณาว่า พวกท่านกระทำการอย่างใดบ้าง”
130. ขอยืนยัน! ที่แท้นั้นเราได้จัดการลงโทษวงศ์วานของฟิรเอาน์(ให้ประสบความยากแค้น)เป็นจำนวนหลายปี และให้ขาดแคลนผลไม้ต่าง ๆ เพื่อพวกเขาจะได้สำนึก
131. ครั้นเมื่อความดีงาม(ความอุดมสมบูรณ์)ได้มาสู่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า “สิ่งนี้เป็นของพวกเรา(จากการพากเพียรของเราเอง)” และหากความเลวร้าย(ยากแค้น)ได้ประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็ถือเป็นความเคราะห์ร้ายเพราะมูซาและผู้ร่วมกับเขา (เป็นเหตุ) พึงสังวร! อันที่จริงความเคราะห์ร้ายนั้นอยู่ที่อัลเลาะฮฺ (สุดแต่พระองค์จะทรงกำหนด และส่วนมากของพวกเขาหาได้รู้ไม่


คำแปล R3.
127. แล้วพวกหัวหน้าของหมู่ชนของฟิรฺเอาน์ได้กล่าวแก่เขาว่า “ท่านจะปล่อยให้มูซาและคนของเขาก่อการเสียหายในแผ่นดินและปล่อยพวกเขาให้ละเลยท่านและพระเจ้าต่าง ๆ ของท่านกระนั้นหรือ?” ฟิรฺเอาน์ได้ตอบว่า “เราจะฆ่าลูกชายของพวกมันและไว้ชีวิตผู้หญิงของพวกมัน เรามีอำนาจเหนือพวกมัน”
128.  มูซาได้กล่าวแก่ผู่คนของเขาว่า “จงขอความช่วยเหลือต่ออัลลอฮฺและจงอดทน แท้จริงแผ่นดินนี้เป็นของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงให้มันเป็นมรดกแก่บ่าวของพระองค์ที่พระองค์ทรงประสงค์ และความสำเร็จขั้นสุดท้ายนั้นเป็นของบรรดาผู้เกรงกลัวพระองค์ในทุกการกระทำ”
129. พวกเขาได้ตอบว่า “พวดเราได้ถูกกดขี่ข่มเหงก่อนที่ท่านจะมายังพวกเราและตอนนี้พวกเราก็กำลังถูกกดขี่อีกเช่นกัน หลังจากที่ท่านได้มายังพวกเรา” มูซากล่าวว่า “ในไม่ช้านี้พระผู้อภิบาลของพวกท่านจะทำลายบรรดาศัตรูของพวกท่านและทำให้พวกท่านเป็นผู้ปกครองในแผ่นดินนี้ แล้วพระองค์จะทรงดูว่าพวกท่านประพฤติเช่นใด”
130. แท้จริงเราได้ลงโทษผู้คนของฟิรฺเอาน์ด้วยความอดอยากและขาดแคลนอาหารเป็นเวลาหลายปีเพื่อที่พวกเขาจะได้สำนึก
131. แต่เมื่อสิ่งที่ดีมายังพวกเขา พวกเขาจะกล่าวว่า “นี่เป็นคราวของเรา” และเมื่อความทุกข์มาประสบแก่พวกเขา พวกเขาจะอ้างว่าภัยพิบัติเหล่านี้มาจากมูซาและบรรดาผู้ที่อยู่กับเขา ในขณะที่ความจริงแล้วเคราะห์ร้ายของพวกเขานั้นอยู่ในพระหัตถ์ของอัลลอฮฺ แต่พวกเขาส่วนใหญ่ไม่รู้

 
คำแปล R4.
127. และบรรดาบุคคลชั้นนำจากประชาชาติของฟิรเอาน์ได้กล่าวว่า ท่านจะปล่อยมูซาและพวกพ้องของเขาไว้เพื่อก่อความเสียหายในแผ่นดิน และละเลยท่านและบรรดาที่เคารพสักการะของท่านกระนั้นหรือ ? เขากล่าวว่า เราจะฆ่าบรรดาลูกชายของพวกเขาและไว้ชีวิตบรรดาหญิงของพวกเขาและแท้จริงเราเป็นผู้มีกำลังอำนาจเหนือพวกเขา
128. มูซาได้กล่าวแก่พวกพ้องของเขาว่า จงขอความช่วยเหลือต่ออัลลอฮฺเถิด และจงอดทนด้วย แท้จริงแผ่นดินนั้นเป็นสิทธิของอัลลอฮ์B ซึ่งพระองค์จะทรงให้มันสืบทอดแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากปวงบ่าวของพระองค์ และบั้นปลายนั้นย่อมเป็นของผู้ยำเกรงทั้งหลาย
129. พวกเขากล่าวว่า พวกเราได้รับการทารุณทั้งก่อนจากที่ท่าจะมายังพวกเราและหลังจากที่ท่าได้มายังเราเขากล่าวว่าหวังว่าพระเจ้าของพวกท่านจะทรงทำลายศัตรูของพวกท่าและจะทรงให้พวกท่าสืบช่วงแทนในแผ่นดินแล้วพระองค์จะทรงดูว่าพวกท่านจะทำอย่างไร?
130. และแน่นอนเราได้ลงโทษวงศ์วานของฟิรเอาน์ด้วยความแห้งแล้ง และขาดแคลนผลไม้ต่างๆ เพื่อว่าพวกเขาจะได้รำลึก
131. ครั้นเมื่อความดีได้มายังพวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า นี้คือสิทธิ์ของเรา และหากความชั่วใด ๆ ประสบแก่พวกเขาพวกเขาก็ถือเอานบีมูซาเป็นลางร้าย และผู้ที่ร่วมอยู่กับเขาด้วย พึงรู้เถิดว่าที่จริงลางร้ายของพวกเขานั้นอยู่ที่อัลลอฮฺต่างหากแต่ทว่าส่วนมากของพวกเขาไม่รู้


คำแปล R5.
๑๒๗. ได้มีชนชั้นสูงส่วนหนึ่งจากบริวารของฟิรเอาน์กล่าวแก่ฟิรเอาน์ว่าไม่เป็นการสมควรเลยที่ท่านจะปล่อยให้มูซากับปวงชนของเขา(มูซา)อยู่ในประเทศอียิปต์ เพื่อให้มูซากับพวกเหล่านั้นได้ก่อวินาศกรรมขึ้นภายในประเทศด้วยถ้อยคำชักชวนของมูซาและปวงชนของเขา ให้บริวารของท่านคัดแย้งแข็งข้อกับท่านเอง แล้วไม่เป็นการสมควรปล่อยเขา(มูซา)ชักชวนบริวารของท่านให้พยศไม่ยอมเคารพบูชาท่านและเลิกบูชาเทวรูปเล็ก ๆ ของท่าน ๑๒ รูป คือมีรูปเหมือนดาว ๑๒ ดวงที่ท่านได้กำหนดให้บริวารของท่านเคารพบูชา และที่ท่านอ้างว่าท่านเองเป็นพระเจ้าของพวกบริวารของท่านซึ่งสูงยิ่งกว่าเทวรูปทั้ง ๑๒ รูปนั้นเขา(ฟิรเอาน์) กล่าวว่า เราจะสังหารเด็ก ๆ ทารกผู้ชายของพวกนั้น แต่จะไว้ชีวิตเด็กทารกผู้หญิงของพวกนั้นเหมือนกับที่เรา(ฟิรเอาน์)ได้เคยสังหารทารกชายและไว้ชีวิตทารกหญิงมาแล้วเมื่อครั้งโหราจารย์ของเราได้ทำนายชะตาของเราตอนกำเนิดมูซา แท้จริงเรา(ฟิรเอาน์) เป็นผู้มีอำนาจเหนือมูซาและพวกนั้นที่เป็นประชากรมูซา กล่าวคือ พวกฟิรเอาน์ฆ่าทารกที่เป็นชายเสียแต่ไว้ชีวิตทารกหญิงพวกในตระกูลบนีอิสรออีล แล้วพวกในในตระกูลอิสรออีลปรับทุกข์เท้าความแต่หนหลังแก่มูซาว่า สมัยท่านยังเป็นทารกอยู่นั้น ผู้ชายในวงศ์บนีอิสรออีลถูกใช้ให้ทำงานครึ่งวัน พอมาถึงสมัยนี้กลับถูกมันใช้ให้ทำงานเต็มวัน
๑๒๘. มูซากล่าวแก่ปวงชนของเขาว่า พวกท่านจงวอนขอความอนุเคราะห์ต่ออัลเลาะห์และจงอดกลั้น ต่อความเดือดร้อนลำเค็ญจากการข่มเหงรังแกของพวกนั้นไว้เถิด แท้จริงผืนแผ่นดินอียิปต์นั้นเป็นของอัลเลาะห์ ซึ่งพระองค์จะทรงมอบมันให้แก่ผู้เป็นบ่าวของพระองค์คนใดตามที่พระองค์ทรงมุ่งประสงค์ก็ได้ อีกทั้งสรวงสวรรค์ซึ่งเป็นสถานที่สุดก็ย่อมเป็นของบรรดาผู้ยำเกรงพระองค์ โดยประพฤติปฏิบัติตามข้อใช้และข้อห้ามของพระองค์
๑๒๙. พวกเหล่านั้นที่เป็นวงศ์วานของบนีอิสรออีลกล่าวแก่มูซาว่า พวกเราเคยได้รับความเดือดร้อนกันมาแล้วโดยการถูกสังหารก่อนจากท่านได้นำศาสนามายังพวกเรา และหลังจากท่านได้นำศาสนามายังพวกเรา กล่าวคือพวกบนีอิสรออีลเป็นพวกที่อ่อนแออยู่ภายใต้การปกครองของฟิรเอาน์ถูกใช้ให้ทำงานหนักครึ่งวัน ครั้นเมื่อมูซาได้นำศาสนามายังพวกบนีอิสรออีลก็ได้เกิดการขัดแย้งกันขึ้นระหว่างฟิรเอาน์กับมูซาในด้านศาสนา เมื่อเป็นเช่นนี้ฟิรเอาน์จึงได้วางอำนาจให้หนักข้อขึ้นด้วยการใช้งานหนักเต็มวันแล้วยังได้หวนกลับมาทำการฆ่าทารกในหมู่ของพวกบนีอิสรออีลอีก เขา(มูซา) กล่าว หวังใจว่า องค์พระผู้อภิบาลของพวกท่านอาจจะทรงทำลายล้างฟิรเอาน์ศัตรูของพวกท่านก็ได้ จะทรงให้พวกท่านครองผืนแผ่นดินอียิปต์แทนพวกศัตรูเหล่านั้นก็ได้และพระองค์จะทรงดูแลว่าพวกเหล่านั้นที่เป็นพวกบนีอิสรออีลจะกระทำการให้ดีหรือให้เสียกันอย่างไร
๑๓๐. และเรา(อัลเลาะห์)ได้ให้สัจปฏิญาณว่า แน่แท้เราได้ลงโทษพรรคพวกของฟิรเอาน์แล้วโดยให้ฝนแล้งอยู่นานปีและให้พืชผลลดน้อยลง เพื่อที่พวกเหล่านั้นจะได้สำนึกไว้ และยอมเคารพขำขู่ตักเตือนจากพระคัมภีร์เตารอต แล้วในที่สุดพวกนั้นจะได้เป็นผู้ศรัทธา(มุอ์มิน)
๑๓๑. ครั้นเมื่อส่วนดี ไม่ว่าจะโดยผืนแผ่นดินเกิดอุดมสมบูรณ์หรือร่ำรวยได้เกิดมีขึ้นแก่พวกเหล่านั้นก็กล่าวว่า “นี้คือของพวกเรา พวกเรามีสิทธ์เต็มในสิ่งเหล่านั้น ถ้าแม้ว่าโชคร้ายไม่ว่าจะโดยทุรกัรดารฝนแล้งหรือภัยพิบัติประสบกับพวกเหล่านั้น พวกเหล่านั้นก็หาว่าเกิดเคราะห์เพราะมูซากับพรรคพวกผู้อยู่ในคณะของเขา(มูซา) ข้า(อัลเลาะห์)ตักเตือนไว้ว่า “ระวัง” ความวิบัติของพวกเหล่านั้นมาจากการตัดสินของอัลเลาะห์ต่างหาก” ซึ่งพระองค์ทรงเป็นผู้นำเคราะห์ร้ายนั้นมา แต่ทว่าพวกเหล่านั้นส่วนมากหาได้รู้ไม่ว่า ความวิบัติดังกล่าวมาจากคำตัดสินของพระองค์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 132 - 136


คำอ่าน
132. วะกอลู มะฮฺมาตะอ์ตินาบิฮี มินอายะติล ลิตัสหะเราะนา บิฮา ฟะมานะหฺนุละกะบิมุอ์มินีน
133. ฟะอัรฺสัลนาอะลัยฮิมุฏฏูฟานะ วัลญะรอดะ วัลกุม..มะละ วัฎเฎาะฟาดิอะ วัดดะมะ อายาติม..มุฟัศเศาะลาติ ฟัสตักบะรู วะกานูก็อวมัม..มุจญริมีน
134. วะลัม..มาวะเกาะอะ อะลัยฮิมุรฺริจญซุ กอลูยามูสา อุดอุละนาร็อบบะกะบิมาอะฮิดะ อิน..ดะกะ ละอิน..กะชัฟตะ อัน..นัรฺริจญซะ ละนุอ์มินัน..นะละกะ วะละนุรฺสิลัน..นะ มะอะกะ บะนี..อารอ...อีล
135. ฟะลัม..มากะชัฟนา อันฮุมุรฺริจญซะ อิลา..อะญะลิน ฮุม..บาลิฆูฮุ อิซาฮุม ยัน..กุษูน
136. ฟะนะตะก็อมนามินฮุม ฟะอัฆร็อกนาฮุม ฟิลยัม..มิ บิอัน..นะฮุม กัซซะบูบิอายาตินา วะกานูฮันฮาฆอฟิลีน


คำแปล R1.
132. They said [to Musa (Moses)]: "Whatever Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) you may bring to us, to work there with your sorcery on us, we shall never believe in you."
133. So We sent on them: the flood, the locusts, the lice, the frogs, and the blood: (as a succession of) manifest signs, yet they remained arrogant, and they were of those people who were Mujrimun (criminals, polytheists, sinners, etc.).
134. And when the punishment fell on them they said: "O Musa (Moses)! Invoke your Lord for us because of His promise to you. If you will remove the punishment from us, we indeed shall believe in you, and we shall let the Children of Israel go with you."
135. But when We removed the punishment from them to a fixed term, which they had to reach, behold! They broke their word!
136. So we took retribution from them. We drowned them in the sea, because they belied our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, etc.) and were heedless about them.


คำแปล R2.
132. และพวกเขากล่าวว่า “มาดแม้นว่าจะมีสัญลักษณ์ใด ๆ ที่ท่านนำมันมาสู่พวกเรา เพื่อท่านจะทำการลวงหลอกพวกเรากับสิ่งนั้นก็ตาม แต่พวกเราก็จะไม่ศรัทธากับท่าน(อย่างเด็ดขาด)”
133. อังนั้น เราจึงส่งอุทกภัย, ฝูงตั๊กแตน, ฝูงเหา, ฝูงกบและเลือด ให้ประสบแก่พวกเขา ให้เป็นสัญลักษฯอันถูกแจกแจงอย่างแจ้งชัด แต่แล้วพวกเขาก็ยังทระนงตนและพวกเขาเป็นกลุ่มชนผู้กระทำบาป
134. และมื่อการลงโทษ(ดังกล่าว)ได้อุบัติแก่พวกเขา(พวกฟิรเอาน์) พวกเขาก็กล่าวว่า “โอ้มูซา! ท่านจงวอนขอจากองค์อภิบาลของท่านแก่พวกเราเถิด ตามาที่พระองค์ได้ทรงสัญญาไว้กับท่าน ขอสาบาน! หากท่านปลดเปลื้องโทษทัณฑ์(ทั้งห้าอย่างนั้น)ให้พ้นไปจากเรา เราก็จะศรัทธาในตัวท่านอย่างแน่นอน และเราจะยอมส่งตัวพวกเผ่าพันธุ์ของอิสรออีล(ให้ไป)พร้อมกับท่าน (ตามความประสงค์ของท่าน”
135. ต่อมาเมื่อเราได้เปลื้องโทษออกไปจากพวกเขา จนถึงระยะเวลาหนึ่งที่พวกเขาต้องไปถึงมัน(คือเวลาที่ฟิรเอาน์กับพวกจมน้ำตายในทะเล) พลันพวกเขาก็บิดพลิ้วสัญญานั้น
136. ดังนั้น เราจึงตอบแทน(การกระทำของ)พวกเขา โดยบันดาลให้พวกเขาจมน้ำตายในทะเล เพราะพวกเขาได้ว่าสัญลักษณ์ต่าง ๆ ของเราเป็นความเท็จ และพวกเขาละเลย (ไม่สนใจ)ต่อสิ่ง(สัญลักษณ์)นั้น


คำแปล R3.
132. พวกเขากล่าวแก่มูซาว่า “เราจะไม่ศรัทธาในท่านไม่ว่าสัญญาณอะไรก็ตามที่ท่านนำมาเป็นกลลวงพวกเรา”
133. ในที่สุด เราก็ได้ส่งพายุ ตั๊กแตน เห็บ เหา กบ และเรือดมายังพวกเขา แต่ถึงแม้ว่าเราจะได้แสดงสัญญาณเหล่านี้ทีละอย่างแล้วก็ตาม พวกเขาก็ยังคงโอหังดื้อดึงทำผิดอยู่อีก
134. เมื่อใดก็ตามที่โรคระบาดเกิดแก่พวกเขา พวกเขากล่าวว่า “มูซาเอ๋ย จงวิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของท่านเพื่อเรา ตามอำนาจที่ท่านได้รับจากพระองค์ ถ้าหากท่านช่วยขจัดโรคระบาดให้พ้นไปจากเราในครั้งนี้ เราจะศรัทธาในท่านและปล่อยให้วงศ์วานของอิสรออีลไปกับท่าน
135. แต่ทันที่ที่เราขจัดโรคระบาดออกไปจากพวกเขา หลังจากครบวาระที่ได้ถูกกำหนดไว้ให้แก่พวกเขาแล้ว พวกเขาก็ทำลายสัญญา
136. ดังนั้นเราจึงได้ลงโมทษเป็นการตอบแทนพวกเขาและได้ทำให้พวกเขาจมในทะเลเพราะพวกเขาถือว่าสัญญาณทั้งหลายของเราเป็นเท็จและไม่ใส่ใจต่อสัญญาณเหล่านั้น


คำแปล R4.
132. และพวกเขากล่าวว่า ท่านจะนำสัญญาณหนึ่งสัญญาณใดมายังพวกเราอย่างไร ก็ตามเพื่อที่จะลวงเราให้หลงเชื่อต่อสัญญาณนั้น เราก็จะไม่เป็นผู้ศรัทธาต่อท่าน
133. แล้วเราได้ส่งน้ำท่วม และตั๊กแตนและเหา และกบ และเลือดมาเป็นสัญญาณ อันชัดเจนแก่พวกเขา แต่แล้วพวกเขาก็แสดงโอหังและได้กลายเป็นกลุ่มชนที่กระทำความผิด
134. และเมื่อมีการลงโทษเกิดขึ้นแก่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า โอ้มูซา จงขอต่อพระเจ้าของท่านให้แก่เราตามที่พระองค์ได้สัญญาไว้ที่ท่านเถิด ถ้าหากท่านได้ปลดเปลื้องการลงโทษนั้นให้พ้นจากเราแล้ว แน่นอนเราจะศรัทธาต่อท่านและแน่นอนเราจะส่งวงศ์วานอิศสรออีลไปกับท่าน
135. ครั้นเมื่อเราได้ปลดเปลื้องการลงโทษนั้นให้พ้นจากพวกเขาไปยังกำหนดหนึ่งซึ่งพวกเขาถึงกำหนดไปแล้ว ทันใดพวกเขาก็ผิดสัญญา
136. แล้วเราก็ได้ลงโทษพวกเขา โดยให้พวกเขาจมในทะเล เนื่องด้วยพวกเขาได้ปฏิเสธสัญญาณต่างๆ ของเรา และพวกเขาจึงได้กลายเป็นที่ไม่ใส่ใจต่อสัญญาณต่างๆ เหล่านั้น


คำแปล R5.
๑๓๒. แล้วพวกเหล่านั้นที่เป็นพรรคพวกของฟิรเอาน์กล่าวแก่พระศาสดามูซาว่า ไม่ว่าท่าน(มูซา) จะนำเอาสัญลักษณ์ใด ๆ มาเพื่อแสดงกลแก่พวกเราเพื่อจะพรางตาพวกเรา พวกเราก็ไม่เชื่อท่าน มูซาจึงได้ขอให้เกิดความวิบัติแก่พวกนั้นต่ออัลเลาะห์ว่า โอ้พระผู้อภิบาลแห่งข้าพระองค์ อันที่จริงฟิรเอาน์ผู้บ่าวของพระองค์นั้นหยิ่งยโสนักในประเทศอียิปต์ ทั้งยังกดขี่ฉ้อโกงและหัวสูงเสียอีก พรรคพวกของมันก็เหมือนกัน ไม่ถือปฏิบัติตามข้อสัญญาเลย ข้าแต่พระผู้อภิบาลของข้าพระองค์ ขอพระองค์ได้โปรดลงโทษพวกของฟิรเอาน์เพื่อเป็นการทดแทนกรรม เพื่อเป็นการให้สังวรแก่พวกในวงศ์บนีอิสรออีลและเพื่อให้เป็นสัญลักษณ์แห่งเดชานุภาพของพระองค์แก่พวกอื่น ๆ
๑๓๓. ดังนั้นเรา(อัลเลาะห์) จึงได้ลงโทษโดยส่งกระแสอุทกภัยให้ไหลหลากเข้าทำลายบ้านช่องของพวกเหล่านั้นจนระดับน้ำขึ้นสูงถึงคอหอยผู้ที่นั่งอยู่เป็นเวลาเจ็ดวัน กล่าวคือพระองค์ได้ทรงบันดาลให้เกิดฝนตกท่วมบ้านช่องของพวกกิปตีย์ทั้ง ๆ ที่บ้านช่องของพวกนี้ก็อยู่สลับปะปนกันแต่กระแสน้ำไม่ไหลบ่าเข้าบ้านเรือนของพวกในวงศ์อิสรออีลเลย พวกเหล่านั้นเดินท่องน้ำกัน กระแสน้ำไหลบ่าเข้าสู่เรือกสวนไร่นาของพวกนั้นจนไม่สามารถออกไปท้องทุ่งเพื่อทำไร่ทำนาได้ อุทกภัยเป็นอยู่อย่างนี้นัปได้หนึ่งสัปดาห์เริ่มแต่วันเสาร์ อีกทั้งตั๊กแตน พระองค์ให้มันกัดกินพืชพันธุ์และผลไม้ของพวกนั้นเจ็ดวัน มอดก็กินพืชพันธุ์ผลไม้ที่ตั๊กแตนกัดทิ้งไว้อีกเจ็ดวัน กบพระองค์ก็ทรงปล่อยมาเต็มบ้านช่องแม้กระทั่งในอาหารเจ็ดวัน รวมทั้งเลือด มีปนอยู่ในน้ำสำหรับพวกนั้นใช้ดื่มและชำระทำความสะอาดต่างน้ำอีกเจ็ดวันด้วย รวมเวลาที่ได้รับภัยทั้งห้าอย่างนี้หนึ่งเดือน มาเป็นสัญลักษณ์อันแจ่มแจ้งชี้ถึงความเป็นจริงแห่งการได้รับตำแหน่งเป็นศาสนทูตของมูซา แต่ทว่าพวกเหล่านั้นกลับยโสมิได้ศรัทธาเชื่อถือซึ่งสัญลักษณ์ทั้งห้านั้น ทั้งยังเป็นจำพวกผู้กระทำบาปใหญ่เสียอีก
๑๓๔. และคราวใดที่โทษทัณฑ์ทั้งห้าอย่างที่กล่าวนั้นมาประสบกับพวกเหล่านั้นของฟิรเอาน์เข้า พวกเหล่านั้นก็กล่าวแก่มูซาแต่ละครั้งที่โทษทัณฑ์ประสบว่า โอ้มูซาจงขอต่อองค์พระผู้อภิบาลของท่านให้แก่พวกเราด้วย ให้สิ้นซากซึ่งการลงโทษพวกเราทุกอย่างตามที่อัลเลาะห์ได้ทรงมีไว้แก่ท่าน ถ้าหากท่านขจัดโทษทัณฑืให้พ้นไปจากพวกเราได้แล้วไซร้ พวกเราจะต้องเชื่อท่านว่าเป็นพระศาสนทูตของอัลเลาะห์แน่นอนทีเดียว และพวกเราจะส่งพวกในวงศ์อิสรออีลร่วมไปกับท่านยังประเทศซีเรียอย่างเด็ดขาดตามที่ท่านได้ขอเราไว้ครั้งหนึ่งนั้น
๑๓๕. ครั้นเมื่อเรา(อัลเลาะห์) ได้ผลักโทษทัณฑ์พ้นไปจากพวกเหล่านั้นของฟิรเอาน์ ตามคำวอนของมูซาแล้วชั่ววาระหนึ่งที่พวกนั้นจะถึงวาระนั้น(คือจะถูกโทษให้จมน้ำทะเลตายหมด)พวกเหล่านั้นก็กลับสัจสัญญาทันทีที่ว่าจะเชื่อมูซาและที่ว่าจะส่งพวกในวงศ์อิสรออีลไป มิหนำซ้ำยังยืนกรานไม่ยอมศรัทธาอยู่ตลอดไป
๑๓๖. ดังนั้นเรา(อัลเลาะห์) จึงมุ่งที่จะลงโทษพวกเหล่านั้นเสียเลยแล้วก็ให้พวกเหล่านั้นจมลงทะเลตายไปในขณะที่ติดตามมูซา ส่วนพวกบนีอิสรออีลที่กำลังหนีพวกเหล่านั้นก็ผ่านน้ำทะเลดังกล่าวไปได้ ทั้งนี้เพราะพวกเรานั้นได้หาว่าสัญลักษณ์ของเราเท็จ จะไตร่ตรองในบรรดาสัญลักษณ์ที่กล่าวก็หามิได้ว่าผลที่สุดพวกเขาเองจะได้รับความหายนะอย่างไร


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 137 - 140


คำอ่าน
137. วะเอาร็อษนัลก็อวมัลละซีนะ กานูยุสตัฎอะฟูนะ มะชาริก็อลอัรฺฎิ วะมะฆอริบะฮา อัลละตีบาร็อกนาฟีฮา วะตัม..มัตกะลิมะตุร็อบบิกัลหุสนา อะลาบะนี..อิสรอ...ละบิมาเศาะบะรู วะดัม..มัรฺนามากานะยัศนะอุ ฟิรเอานุ วะก็อวมุฮู วะมากานูยะอฺริชูน
138. วะญาวัซนา บิบะนี..อิสรอ..อีลัลบะหฺเราะ ฟะอะเตาอะลาก็อวมี..ยะอฺกุฟูนะ อะลาอัศนามิลละฮุม กอลู ยามูสัจญอัลละนา..อิลาฮัน..กะมาละฮุม อาลิฮะฮฺ กอละอิน..นะกุม ก็อวมุน..ตัจญฮะลูน
139. อิน..นะ ฮา...อุลา...อิ มุตับบะรุม..มาฮุมฟีฮิ วะบาฏิลุม..มากานูยะอฺมะลูน
140. กอละ อะฆ็อยร็อลลอฮิ อับฆีกุม อิลาเฮา..วะฮุวะฟัฎเฎาะละกุม อะลัลอาละมีน


คำแปล R1.
137. And we made the people who were considered weak to inherit the eastern parts of the land and the western parts thereof which we have blessed. And the fair word of your Lord was fulfilled for the Children of Israel, because of their endurance. And we destroyed completely all the great works and buildings which Fir'aun (Pharaoh) and his people erected.
138. And we brought the Children of Israel (with safety) across the sea, and they came upon a people devoted to some of their idols (in worship). They said: "O Musa (Moses)! Make for us an ilahan (a god) as they have Aliha (gods)." He said: "Verily, you are a people who know not (the Majesty and Greatness of Allah and what is obligatory upon you, i.e. to worship none but Allah alone, the one and the only God of all that exists)."
139. [Musa (Moses) added:] "Verily, these people will be destroyed for that which they are engaged in (idols-worship). And all that they are doing is in vain."
140. He said: "Shall I seek for you an ilahan (a god) other than Allah, while He has given you superiority over the 'Alamin (mankind and jinns of your time)."


คำแปล R2.
137. และเราได้สืบทอดแก่กลุ่มชน(บะนีอิสรออีล)ที่อ่อนแอ(ให้ปกครอง)ทิศตะวันออกของแผ่นดิน(คือปาเลสไตน์)และทิศตะวันตกของมัน ซึ่งเราบันดาลความรุ่งเรืองในนั้น และประกาศิตอันไพจิตแห่งองค์อภิบาลของเจ้านั้นสมบูรณ์พร้อมแล้วแก่พวกเผ่าพันธุ์ของอิสรออีล เพราะความอดทนของพวกเขาและเราได้ทำลาย(ผลงาน)ที่ฟิรเอาน์และพวกได้ทำไว้และสิ่งที่พวกเขาได้ก่อสร้างอย่างตระหง่านไว้
138. และเราได้ให้พวกเผ่าพันธุ์อิสรออีลผ่านพ้นทะเลไปได้ แล้วพวกเขาก็มายังคนกลุ่มหนึ่งซึ่งกำลังบูชาเทวรูปของพวกนั้นอยู่ พวกเขาจึงกล่าวว่า “โอ้มูซา! ขอท่านได้ทำพระเจ้าสักองค์หนึ่งสำหรับพวกเราเช่นเดียวกับที่พวกเขาก็มีพระเจ้าตั้งหลายองค์” เขาจึงกล่าวว่า “พวกท่านเป็นกลุ่มชนที่โง่เขลา!”
139. แท้จริงพวกเหล่านี้(ที่กำลังบูชาเทวรูป)จะต้องถูกดับสูญ สิ่งที่พวกเขางมงายอยู่และสูญเปล่า(ทั้งสิ้น) สิ่งที่พวกเขาได้ประพฤติไว้
140. เขากล่าว(ต่อไป)ว่า “จะให้ฉันแสวงหาพระเจ้าอื่นจากอัลเลาะฮฺมาเป็นพระเจ้าของพวกท่าน ทั้ง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงประทานความเลิศเลอแก่พวกท่านให้เหนือกว่าชาวโลกทั้งมวล(ในสมัยนั้น)กระนั้นหรือ”?


คำแปล R3.
137. และหลังจากพวกเขาแล้ว เราได้ให้ส่วนตะวันออกและตะวันตกของแผ่นดินนั้นซึ่งเราประทานความจำเริญให้แก่มัน เป็นมรดกแก่หมู่ชนที่ถูกถือว่าต่ำต้อยและอ่อนแอ ดังนั้น สัญญาแห่งความเจริญมั่งคั่งที่พระผู้อภิบาลของเจ้าที่ทำไว้กับพวกอิสรออีลจึงเป็นที่ครบถ้วนสมบูรณ์ ทั้งนี้เพราะพวกเขาอดทน และเราได้ทำลายทุกสิ่งที่ฟิรเอาน์และคนของเขาได้ก่อสร้างขึ้น
138. และเราได้พาวงศ์วานของอิสรออีลข้ามทะเลไป หลังจากนั้นพวกเขาก็เริ่มออกเดินทางไปจนกระทั่งมาถึงคนพวกหนึ่งซึ่งใจจดจ่อต่อการเคารพบูชารูปปั้นเทวรูปของพวกเขา พวกเขากล่าวว่า “มูซาเอ๋ย จงสร้างพระเจ้าองค์หนึ่งให้ก่เราเหมือนกับพระเจ้าทั้งหลายที่คนกลุ่มนี้มีอยู่” มูซาได้ตอบว่า “แท้จริงพวกท่านเป็นหมู่ชนที่โง่เขลา งมงาย
139. สิ่งที่คนเหล่านี้กำลังดำเนินอยู่นั้นมีแต่จะต้องถูกทำลาย และการงานทั้งหลายที่พวกเขากระทำนั้นก็ไร้ผลโดยสิ้นเชิง”
140. แล้วเขาก็กล่าวต่อไปว่า “จะให้ฉันแสวงหาพระเจ้าอื่นใดให้แก่พวกท่านนอกจากอัลลอฮิกระนั้นหรือ ทั้ง ๆ ที่พระองค์ได้ทรงยกย่องพวกท่านเหนือประชาชาติทั้งหลาย?”


คำแปล R4.
137. และเราได้ให้เป็นมรดกแก่กลุ่มชนที่ถูกนับว่าอ่อนแอซึ่งบรรดาทิศตะวันออกของแผ่นดินและบรรดาทิศตะวันตกของมัน อันเป็นแผ่นดินที่เราได้ให้มีความจำเริญในนั้น และถ้อยคำแห่งพระเจ้าของเจ้าอันสวยงามยิ่งนั้นครบถ้วนแล้ว แก่วงศ์วานอิสรออีล เนื่องจากการที่พวกเขามีความอดทน และเราได้ทำลายสิ่งที่ฟิรเอาน์ และพวกพ้องของเขาได้ทำไว้ และสิ่งที่พวกเขาได้ก่อสร้างไว้
138. และเราได้ให้วงศ์วานอิสรออีลข้ามทะเลไปได้แล้วพวกเขาก็มายังกลุ่มชนหนึ่ง ซึ่งกำลังประจำอยู่ที่บรรดาเจว็ดของพวกเขา พวกเขาได้กล่าวขึ้นว่า โอ้มูซา จงให้มีขึ้นแก่พวกเราด้วยเถิดสิ่งซึ่งเป็นที่เคารพสักการะสักองค์หนึ่ง เช่นเดียวกับที่พวกเขามีสิ่งที่เป็นที่เคารพสักการะหลายองค์เขากล่าวว่า แท้จริงพวกท่านเป็นพวกที่โฉดเขลา
139. แท้จริงชนเหล่านี้แหละ สิ่งที่พวกเขาเคารพสักการะกันอยู่นั้นจะถูกทำลายและสิ่งที่พวกเขาเคยกระทำกันมาก็ไร้ผล
140.  เขากล่าวว่า อื่นจากอัลลอฮฺกระนั้นหรือที่ฉันจะแสวงหาสิ่งที่เคารพสักการะให้แก่พวกท่านทั้งๆ ที่พระองค์ได้ทรงเทิดพวกท่านเหนือประชาชาติทั้งหลาย


คำแปล R5.
๑๓๗. ทั้งเรา(อัลเลาะห์) ยังได้ให้ปวงชนบนีอิสรออีลผู้ซึ่งเคยถูกกดขี่บังคับให้เป็นทาสได้ครองแผ่นดินซีเรีย(หรืออียิปต์) ทั้งด้านตะวันออกและตะวันตกซึ่งเราได้ให้แผ่นดินนั้นมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำและพืชพันธุ์ แล้วพวกบนีอิสรออีลก็ได้เข้าปกครองแผ่นดินซีเรียหรืออียิปต์ถัดต่อจากรัชสมัยของฟิรเอาน์ และพวกอมาลิก(ชนเผ่าหนึ่งอาศัยอยู่ทางใต้ของปาเลสไตน์) ในการได้เข้าปกครองแผ่นดินนี้ พวกบนีอิสรออีลจึงได้บริหารและทำการพัฒนาแผ่นดินดังกล่าวทั้งด้านตะวันออกและตะวันตกตามความมุ่งหวังที่ตั้งไว้ โอ้มุฮำมัด บัดนี้พระคำดำรัสอันงามวิจิตร์แห่งคำสัญญาขององค์พระผู้อภิบาลของเจ้า(มุฮำมัด)ที่ได้ตรัสไว้ในโองการที่ ๕ แห่งซูเราะห์อัล-ก็ซ๊อซ ส่วนที่ ๒๐ นั้น บริบูรณ์แล้วแก่พวกบนีอิสรออีล ที่ว่าเราจะกรุณาพวกบนีอิสรออีลที่ถูกกดขี่ ณ หน้าแผ่นดิน และจะให้พวกเหล่านั้นเป็นผู้นำและจะให้พวกนั้นเป็นผู้รับมรดกครอบครองแผ่นดินซีเรียหรืออียิปต์ ด้วยเหตุที่พวกนั้น(บนีอิสรออีล) ได้อดทนต่อความเดือดร้อนลำเค็ญจากฟิรเอาน์ และเรา(อัลเลาะห์) ได้ทำลายล้างงานที่เจริญรุ่งเรืองซึ่งฟิรเอาน์และพรรคพวกของมันได้กระทำไว้และทำลายสิ่งปลูกสร้างที่พวกฟิรเอาน์นั้นได้ก่อไว้สูงอีกด้วย
๑๓๘. และเรา(อัลเลาะห์) ให้พวกบนีอิสรออีลผ่านทะเลไปได้โดยที่เราบันดาลน้ำทะเลให้แหวกเป็นหนทางไปจนถึงฝั่งข้างโน้น แล้วพวก(บนีอิสรออีล) เหล่านั้นก็มาถึงปวงชนกลุ่มหนึ่งกำลังบูชาเทวรูปของพวกเขาอยู่ พวกเหล่านั้นที่เป็นพวกบนีอิสรออีลกล่าวแก่มูซาว่า โอ้มูซา จงให้พวกเรา มีเทวรูปไว้เคารพบูชาต่างพระเจ้าเหมือนอย่างปวงชนพวกเหล่านั้นมีเทวรูปไว้กราบเคารพบูชาเป็นพระเจ้าด้วยเถิด เขา(มูซา) บอกบนีอิสรออีลเหล่านั้นว่า พวกท่านนี้ช่างโง่งมแท้ ๆ ที่พวกท่านจะเอาพระมหากรุณาธิคุณจากอัลเลาะห์ที่มีต่อพวกเจ้าไปแลกกับเทวรูปที่พวกท่านพูดถึงนั้น
๑๓๙. แท้จริงพวกที่เคารพบูชาเทวรูปทั้งหลาย ศาสนาที่พวกเขามีอยู่นั้นย่อมสูญสลาย และการอันที่พวกเขากระทำอยู่อันได้แก่การกราบสักการะเทวรูป ก็หาสาระมิได้อีกด้วยเช่นกัน
๑๔๐. เขา(มูซา) เอ่ยอย่างประหลาดเป็นเชิงตำหนิว่า ไม่เป็นการสมควรหรอกที่ฉันจะเรียกหาผู้อื่นจากอัลเลาะห์มาเป็นพระเจ้าให้พวกท่านไว้กราบเคารพทั้งที่พระองค์ทรงเทิดพวกท่านให้ดีเหนือปวงประชาชาติในสมัยของท่านอยู่แล้ว หาใช่สมัยของมุฮำมัดไม่ ดังเนื้อความแห่งโองการต่อไปนี้


 

GoogleTagged