ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 7 สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ  (อ่าน 9525 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่  191 - 193


คำอ่าน
191. อะยุชริกูนะมาลา ยัคลุกุชัยเอา..วะฮุมยุคละกูน
192. วะลายัสตะฏีอูนะละฮุม นัศร็อว..วะลา..อัน..ฟุสะฮุม ยัน..ศุรูน
193. วะอิน..ตัดอูฮุม อิลัลฮุดา ลายัตตะบิอูกุม สะวา...อุนอะลัยกุม อะดะเอาตุมูฮุม อัมอัน..ตุมศอมิตูน


คำแปล R1.
191. Do they attribute as partners to Allah those who created nothing but they themselves are created?
192. No help can they give them, nor can they help themselves.
193. And if you call them to guidance, they follow you not. It is the same for you whether you call them or you keep silent.


คำแปล R2.
191. พวกเขาจะตั้งภาคี(กับอัลเลาะฮฺ)ในสิ่งที่สามารถบันดาลสิ่งใดได้เลย ทั้ง ๆ ที่สิ่งเหล่านั้นถูกบันดาล(โดยพระองค์)กระนั้นหรือ?
192. และสิ่งเหล่านั้นไม่สามารถที่จะให้คุณแก่พวกเขา และไม่สามารถช่วยเหลือตัวของพวกมันเอง
193. และหากพวกเจ้าทั้งหลาย(ชาวมุชริก)จะเรียกร้องสิ่งเหล่านั้นไปสู่การชี้นำ แน่นอนพวกนั้นจะไม่ตามพวกเจ้า เท่าเทียมกันสำหรับพวกเจ้า ไม่ว่าพวกเจ้าจะเรียกร้องสิ่งเหล่านั้นหรือว่าพวกเจ้าจะวางเฉยก็ตาม


คำแปล R3.
191. ช่างโง่เสียนี่กระไร พวกเขาตั้งภาคีด้วยสิ่งที่ไม่ได้สร้างสิ่งใด ซ้ำภาคีนั้นยังถูกสร้างขึ้นมาอีก
192. ภาคีเหล่านี้ไม่สามารถที่จะช่วยอะไรพวกเขาได้ และแม้แต่ตัวของมันเอง มันก็ไม่สามารถที่จะช่วยได้
193. ถ่าสูเจ้าเชิญชวนพวกเขาให้ปฏิบัติตามแนวทางที่ถูกต้อง พวกเขาจะไม่ปฏิบัติตามสูเจ้า ไม่ว่าสูเจ้าจะเชิญชวนพวกเขาหรือสูเจ้านิ่งเฉย มันก็มีผลเท่ากันสำหรับสูเจ้า


คำแปล R4.
191. พวกเขาจะให้สิ่งที่บังเกิดอันใดมีหุ้นส่วน (กับพระองค์) ทั้ง ๆ ที่พวกมันถูกบังเกิดขึ้นกระนั้นหรือ ?
192. และพวกมันไม่สามารถให้ความช่วยเหลือใด ๆ แก่พวกเขาและทั้งไม่สามารถช่วยเหลือตัวของพวกมันเองด้วย
193. และหากพวกเจ้าเชิญชวนพวกเขาไปสู่คำแนะนำที่ถูกต้อง พวกเขาก็จะไม่ปฏิบัติตามพวกเจ้า ย่อมมีผลเท่ากันแก่พวกเจ้า พวกเจ้าจะเชิญชวนพวกเขา หรือพวกเจ้าจะนิ่งเฉยอยู่ก็ตาม


คำแปล R5.
๑๙๑. พวกกาฟิรชาวมักกะห์เหล่านั้นเอาสิ่งอันมีเทวรูปเป็นต้น ซึ่งสร้างอะไรไม่ได้มาเป็นภาคีเทียบเคียงอัลเลาะห์ในทางเคารพบูชา ทั้งที่พวกเทวรูปเหล่านั้นก็ถูกพระองค์สร้าง ย่อมไม่เป็นการอันสมควรแก่พวกนั้นเลยที่จะตั้งภาคีขึ้นเทียบเท่าอัลเลาะห์
๑๙๒. ทั้งพวกเทวรูปเหล่านั้นก้ไม่สามารถช่วยเหลือพวกเขาที่เคารพบูชาพวกมันได้ และยังช่วยเหลือตัวเองในการป้องกันผู้ที่จะมามุ่งร้ายมันด้วยการทุบหรือการทำลายทำนองอื่น ๆ มิได้อีกด้วย
๑๙๓. โอ้พวกมุชริก ถ้าพวกเจ้าขอร้องพวกเทวรูปเหล่านั้นให้ช่วยชี้แนวธรรมแก่พวกเจ้าเอง พวกเหล่านั้นก็จะไม่ตามความประสงค์ของพวกเจ้าได้ ทั้งจะตอบรับพวกเจ้าเหมือนอย่างที่อัลเลาะห์ทรงตอบรับพวกเจ้าก็มิได้ ย่อมเท่ากันไม่ว่าพวกท่านจะร้องขอหนทางนำที่กล่าวต่อเทวรูปเหล่านั้น หรือว่าพวกเจ้าจะเฉยเสีย มิได้ขอร้องหนทางนำที่กล่าวจากพวกนั้น พวกเหล่าก้จะไม่ตามความประสงค์ของพวกเจ้าได้ เนื่องจากพวกเหล่านั้นมิได้ยิน



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่  194 - 198


คำอ่าน
194. อิน..นัลละซีนะ ตัดอูนะมิน..ดูนิลลาฮิ อิบาดุน อัมษาลุกุม ฟัดอูฮุม ฟัลยัสตะญีบูละกุม อิน..กุน..ตุม ศอดิกีน
195. อะละฮุม อัรฺญุลุย..ยัมชูนะบิฮา อัมละฮุม อัยดี..ยับฏิชูนะบิฮา อัมละฮุม อะอฺยุนุย..ยุบศิรูนะบิฮา อัมละฮุมอาซานุย ยัสมะอูนะบิฮา กุลิดอูชุเราะกา...อะกุม ษุม..มะกีดูนิ ฟะลาตุน..ซิรูน
196. อิน..นะวะลิยิยัลลอฮุลละซี นัซซะลัลกิตาบะ วะฮุวะ ยะตะวัลลัศศอลิหีน
197. วัลละซีนะตัดอูนะมิน..ดูนิฮี ลายัสตะฏีอูนะ นัศเราะกุม วะลา..อัน..ฟุสะฮุม ยัน..ศุรูน
198. วะอิน..ตัดอูฮุม อิลัลฮุดา ลายัสมะอู วะตะรอฮุมยัน..ซุรูนะ อิลัยกะ วะฮุมลาบุบศิรูน


คำแปล R1.
194. Verily, those whom you call upon besides Allah are slaves like you. So call upon them and let them answer you if you are truthful.
195. Have they feet wherewith they walk? Or have they hands wherewith they hold? Or have they eyes wherewith they see? Or have they ears wherewith they hear? Say (O Muhammad): "Call your (so-called) partners (of Allah) and then plot against Me, and give Me no respite!
196. "Verily, my Wali(protector, supporter, and helper, etc.) is Allah who has revealed the Book (the Qur'an), and He protects (supports and helps) the righteous.
197. "And those whom you call upon besides Him (Allah) cannot help you nor can they help themselves."
198. And if you call them to guidance, they hear not and you will see them looking at you, yet they see not.


คำแปล R2.
194. แท้จริงบรรดาสิ่งที่เจ้าวอนขออันนอกเหนือไปจากอัลเลาะฮฺนั้น เป็นข้าทาสเช่นเดียวกับพวกเจ้านั้นเอง ดังนั้นพวกเจ้าจงวอนขอพวกนั้นแล้วให้พวกนั้นตอบสนองเจ้าซิ หากแม้นพวกเจ้าเป็นผู้สัตย์จริง
195. หรือว่าพวกนั้นจะมีเท้าที่ใช้เดิน หรือมีมือที่ใช้ลูบคลำ หรือมีตาที่ใช้ดู หรือมัหูที่ใช้ฟัง (ก็เปล่าทั้งสิ้น) จงประกาศเถิด ท่านทั้งหลายจงวอนขอบรรดาภาคีของพวกเจ้า(ที่ได้อุปโลกน์ขึ้น)ซิ แล้วพวกเจ้าก็จงวางแผน(ทำลาย)ฉันเถิด โดยพวกท่านอย่าได้ประวิงฉันไว้เลย
196. แท้จริงผู้คุ้มครองฉันคืออัลเลาะฮฺ ซึ่งทรงประทานคัมภีร์ให้ลงมา และพระองค์ทรงคุ้มครองแก่บรรดาผู้ประพฤติดีทั้งหลายเสมอ
197. และบรรดาสิ่งที่พวกเจ้าได้วอนขออันนอกเหนือไปจากอัลเลาะฮฺนั้น พวกนั้นไม่สามารถช่วยเหลือพวกเจ้าได้ และพวกนั้นไม่สามารถช่วยเหลือแก่ตัวของพวกนั้นเอง
198. และหากพวกเจ้าเรียกร้องสิ่งเหล่านั้นไปสู่สิ่งชี้นำ แน่นอนพวกนั้นไม่ได้ยินหรอก และเจ้าก็จะได้เห็นพวกนั้นมองดูเจ้า แต่พวกนั้นก็หาได้เห็นไม่


คำแปล R3.
194. แท้จริงบรรดาผู้ที่สูเจ้าวิงวอนนอกไปจากอัลลอฮฺนั้นก็เป็นเพียงบ่าวของอัลลอฮฺเยี่ยงสูเจ้า ดังนั้นจงวิงวอนต่อพวกมันถ้าสิ่งที่สูเจ้าพูดถึงพวกนั้นเป็นเรื่องจริง พวกมันก็จะตอบคำวิงวอนของสูเจ้า
195. พวกมันมีเท้าที่พวกมันจะใช้เดินไหม? หรือพวกมันมีมือที่จะใช้กำไว้กับมันไหม? หรือพวกมันมีตาที่จะใช้ดูไหม? หรือพวกมันมีหูที่จะใช้ฟังไหม? (โอ้มุฮัมมัด) จงบอกพวกเขาเถิดว่า “จงวิงวอนต่อภาคีที่สูเจ้าตั้งขึ้นมา แล้วจงวางแผนต่อฉัน และไม่ต้องมาผ่อนปรนให้แก่ฉัน”
196. แท้จริง ผู้คุ้มครองและผู้ช่วยเหลือของฉันคืออัลลอฮฺ ผู้ทรงประทานคัมภีร์นี้ลงมา และพระองค์ทรงคุ้มครองผู้ทรงคุณธรรมความดี
197. ส่วนบรรดาที่สูเจ้าวิงวอนนอกไปจากอัลลอฮฺนั้น พวกมันไม่สามารถที่จะช่วยเหลือสูเจ้าได้และพวกมันก็ไม่สามารถที่จะช่วยตัวมันเองได้
198. และถ้าสูเจ้าชักชวนพวกเขายังทางนำที่ถูกต้อง พวกเขาก็ไม่ได้ยิรสิ่งที่สูเจ้าพูด ถึงแม้มันจะดูเหมือนว่าพวกเขากำลังมองเจ้า แต่ความจริงแล้วพวกเขาไม่เห็นสิ่งใด


คำแปล R4.
194. แท้จริงบรรดาผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากอัลลอฮฺนั้นคือ ผู้ที่เป็นบ่าวเยี่ยงพวกเจ้านั้นเอง จงวิงวอนขอต่อพวกเขาเถิด แล้วจงให้พวกเขาตอบรับพวกเจ้าด้วย หากพวกเจ้าเป็นผู้พูดจริง
195. พวกมันมีเท้าที่ใช้มันเดินกระนั้นหรือ ? หรือว่าพวกมันมีมือที่ใช้มันจัดการอย่างรุนแรง หรือว่าพวกมันมีตาที่ใช้มอง หรือว่าพวกมันมีหูที่ใช้มันฟัง จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า พวกท่านจงวิงวอนขอต่อบรรดาภาคีของพวกเจ้าเถิดแล้วจงวางอุบายแก่ฉันด้วย จงอย่าได้ประวิงเวลาให้แก่ฉันเลย
196. แท้จริงผู้คุ้มครองฉันนั้นคือ อัลลอฮฺผู้ทรงประทานคัมภีร์ลงมา และในขณะเดียวกันพระองค์ก็ทรงคุ้มครองบรรดาผู้ประพฤติดีทั้งหลาย
197. และบรรดาผู้ที่พวกเจ้าวิงวอนขออื่นจากพระองค์นั้น พวกมันไม่สามารถจะช่วยเหลือพวกเจ้าได้ และไม่สามารถช่วยเหลือตัวของพวกมันเองด้วย
198. “และหากพวกเจ้าวิงวอนพวกมันให้ช่วยนำไปสู่คำแนะนำที่ถูกต้อง พวกมันก็ไม่ได้ยินและเจ้าจะเห็นพวกมันมองมายังเจ้า ทั้ง ๆ ที่พวกมันมองไม่เห็น”


คำแปล R5.
๑๙๔. แท้จริงบรรดาเทวรูปที่พวกเจ้าเคารพบูชาแทนที่จะเคารพบูชาอัลเลาะห์นั้นก็คือวัตถุในความปกครองของข้า เช่นเดียวกับตัวพวกเจ้านั่นแหละ พวกเจ้าจงเรียกหาพวกนั้นซิ และจงให้พวกนั้นสนองคำเรียกร้องของพวกเจ้าเถิด หากว่าพวกเจ้าเป็นพวกสัจจริงที่เชื่อว่าแท้จริงพวกเทวรูปเหล่านั้นเป็นพระเจ้าที่แท้จริง
๑๙๕. หรือว่าพวกเหล่านั้นมีเท้าเดินได้ก็เปล่า หรือว่าพวกเหล่านั้นมีมือทำร้ายได้ก็เปล่า หรือมีตาไว้มองหรือมีหูไว้ฟัง ได้ก็เปล่า หาได้มีเท้า มีมือ มีตา มีหู เหมือนดั่งพวกเจ้าไม่ แล้วพวกเจ้าเคารพบูชาพวกเทวรูปเหล่านั้นในฐานะใดเล่า ทั้งที่พวกเจ้านั้นก็มีอวัยวะครบถ้วนยิ่งกว่าพวกเหล่านั้น โอ้มุฮำมัด เจ้าจงกล่าวแก่ชนชาวมักกะห์เถิดว่า พวกเจ้าจงเรียกหาบรรดาเทวรูปของพวกเจ้ามาทำลายฉัน แล้วจงให้ออกอุบายทำร้ายฉัน(มุฮำมัด) เสียซิ อย่ามัวแต่รีรออยู่เลย เพราะฉันจะไม่สนใจพวกเจ้า
๑๙๖. แท้จริงองค์อารักษ์ซึ่งบรรดากิจทั้งปวงของฉันนั้นคืออัลเลาะห์ผู้ซึ่งประทานพระคัมภีร์อัล-กุรอานลงมา โดยที่พระองค์จะทรงคุ้มรักษาซึ่งบรรดาผู้ประพฤติชอบด้วยการดูแลของพระองค์
๑๙๗. และบรรดาที่นอกจากพระองค์ อัลเลาะห์อันได้แก่พวกเทวรูป ซึ่งพวกเจ้าเคารพบูชานั้น พวกมันมิสามารถให้ความช่วยเหลือพวกท่านและตัวของมันเองได้อีกด้วย แล้วฉันจะไปสนใจกับพวกเทวรูปเหล่านั้นทำไมเล่า
๑๙๘. และถึงแม้พวกเจ้าจะร้องขอเอาแนวธรรมจากพวกเทวรูปเหล่านั้น พวกเหล่านั้นก็มิได้ยินคำร้องขอของพวกเจ้า โอ้มุฮำมัด แล้วเจ้าจะแลเห็นพวกเทวรูปเหล่านั้นจ้องหน้ากับเจ้า เหมทอนคนที่กำลังมองหน้าเจ้าอยู่ แต่หาได้มองเห็นเจ้าอย่างใดไม่


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่  199 - 202


คำอ่าน
199. คุซิลอัฟวะ วะอ์มุรฺบิลอุรฺฟิ วะอะอฺริฎอะนิลญาฮิลีน
200. วะอิม..มายัน..ซะฆ็อน..นะกะ มินัชชัยฏอนิ นัซฆุน..ฟัสตะอิซบิลลาฮฺ อิน..นะฮุสะมีอุนอะลีม
201. อิน..นัลละซีนัตตะก็อว อิซามัสสะฮุม ฏอ...อิฟะตุม..มินัชชัยฏอนิ ตะซักกะรู ฟะอิซาฮุม..มุบศิรูน
202. วะอิควานุฮุม ยะมุดดูนะฮุม ฟิลฆ็อยยิ ษุม..มะลาตุกศิรูน


คำแปล R1.
199. Show forgiveness, enjoin what is good, and turn away from the foolish (i.e. don't punish them).
200. And if an evil whisper comes to you from Shaitan (Satan) then seek refuge with Allah. Verily, He is All-Hearer, All-Knower.
201. Verily, those who are Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2), when an evil thought comes to them from Shaitan (Satan), they remember (Allah), and (indeed) they then see (aright).
202. But (as for) their brothers (the devils) they (i.e. the devils) plunge them deeper into error, and they never stop short.


คำแปล R2.
199. เจ้าจงยึดถือการอโหสิ และจงใช้ให้ทำแต่ความดีและจงหันออกจากพวกโง่เขลา
200. และหากมีการยุแหย่ใด ๆ จากมารร้าย ทำให้เจ้าไขว้เขว(ออกนอกแนวทาง)เจ้าก็จงขออารักขาต่ออัลเลาะฮฺเถิด เพราะพระองค์ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
201. แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงนั้น เมื่อมีมายาการใด ๆ จากมารร้ายได้มาสัมผัสพวกเขา พวกเขาก็สำนึก (ในคำสอนของอัลเลาะฮฺ) แล้วพวกเขาก็จะเป็นผู้มองเห็น(แนวทางที่แท้จริง)โดยพลัน
202. และญาติพี่น้องของพวกมาร(ร้าย)นั้น ต่างก็ร่วมกันสนับสนุนพวกเขาในความหลงผิด แล้วพวกนั้นก็หาได้ลดรา(แต่ประการใด ๆ )ไม่


คำแปล R3.
199. (โอ้ นบี) จงใช้วิธีการผ่อนปรนและอดกลั้ จงกำชับในสิ่งที่ดี และหลีกเลี่ยงการถกเถียงที่ไร้ประโยชน์กับพวกคนโฉดเขลา
200. ถ้าหากมารยุแหย่เจ้าให้โกรธ จงขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
201. แท้จริงแล้วบรรดาผู้สำรวมตนนั้น ถ้าหากการแนะนำที่ชั่วร้ายจากมารประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็จะคิดได้ทันที และพวกเขาจะมองเห็นหนทางที่ถูกต้องที่พวกเขาจะปฏิบัติตาม
202. ส่วนพี่นอ้งของพวกมันนั้น พวกมันดึงพวกเขาไปสู่การหลงผิดและไม่ปล่อยสิ่งใดไว้โดยที่ใม่ได้ล่อลวงพวกเขา


คำแปล R4.
199. เจ้า (มุฮัมมัด) จงยึดถือไว้ซึ่งการอภัย และจงใช้ให้กระทำสิ่งที่ชอบ และจงผินหลัง ให้แก่ผู้โฉดเขลาทั้งหลายเถิด
200. และหากมีการยั่วยุใด ๆ จากชัยฏอนกำลังยั่วยุเจ้าอยู่ ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้
201. แท้จริงบรรดาผู้ที่ยำเกรงนั้น เมื่อมีคำชี้นำใด ๆ จากชัยฏอนประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็รำลึกได้แล้วทันใดพวกเขาก็มองเห็น
202. และพี่น้องของพวกมันนั้นจะช่วยเหลือพวกมันในการหลงผิดแล้วพวกเขาก็จะไม่ลดละ


คำแปล R5.
๑๙๙. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงถือเอาแต่ที่ง่าย ๆ เกี่ยวกับเรื่องจรรยาของมนุษย์ อย่าได้เข้มงวดกวดขันเรื่องนี้จากพวกนั้นเลย ประเดี๋ยวพวกนั้นจะเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าหนักข้อขึ้นและจะเกิดโทษมากขึ้น ทั้งเจ้าจงใช้ให้กระทำการดีด้านศาสนาและในการใช้สติปัญญา และเจ้าจงหลีกให้พ้นไปจากพวกโง่เขลา อย่าไปโต้หน้ากับพวกเหล่านั้นที่แสดงแต่ความโง่งมเลย
๒๐๐. และถ้ามีอาการอันใดจากไชตอนกระทำให้เจ้าหันเหออกจากศาสนาที่อัลเลาะห์ทรงใช้เจ้า เจ้าจงขอความคุ้มครองต่ออัลเลาะห์เถิด แล้วพระองค์ก็จะทรงปัดป้องสิ่งนั้นให้พ้นไปจากเจ้า เพราะแท้จริงพระองค์นั้นทรงได้ยินยิ่งซึ่งถ้อยคำและทรงรู้ยิ่งถึงกิจการทั้งปวง
๒๐๑. แท้จริงบรรดาชนผู้ศรัทธาที่เกิดกลัวขึ้นในยามที่มีอาการหนึ่งจากไชตอน เช่น การทำให้ไขว้เขวของมัน มาประสบกับพวกนั้น พวกนั้นก็นึกถึงการลงโทษของอัลเลาะห์ และจะนึกถึงบุญกุศลจากพระองค์ พวกนั้นก็เห็นประจักษ์ขึ้นซึ่งของจริงต่างออกไปจากของไม่จริง ในทันที แล้วจึงถอยคืนออกพ้นจากอาการที่มาประสบกับพวกเขานั้น
๒๐๒. ทั้งพวกกาฟิรปวงบริวารของพวกมัน(ไชตอน) จะช่วยส่งเสริมไชตอนในเรื่องความหลงหนทางให้เจริญขึ้น ครั้นแล้วพวกกาฟิรเหล่านั้นมิได้ยับยั้งตัวจากความหลงหนทางด้วยการพิจารณาอย่างซึ้งว่าการหลงหนทางนั้นเป็นผลเสียหายเหมือนผู้มีความยำเกรงพิจารณาเห็นความจริงแท้แล้วก็ยับยั้งการหลงหนทางเสียได้
   



สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่  203 -206


คำอ่าน
203. วะอิซาลัมตะอ์ติฮิม บิอายะติน..กอลูเลาลัจญตะบัยตะฮา กุลอิน..นะมา..อัตตะบิอุ มายูหา..อิลัยยะ มิรฺร็อบบี ฮาซาบะศอ...อิรุ มิรฺร็อบบิกุม วะฮุเดา..เราะหฺมะตุล ลิก็อวมี..ยุอ์มินูน
204. วะอิซากุริอัลกุรฺอานุ ฟัสตะมิอูละฮู วะอัน..ศิตู ละอัลละกุมตุรฺหะมูน
205. วัซกุรฺร็อบบะกะ ฟีนัฟสิกะ ตะฏ็อรฺเอา..วะคีฟะเตา..วะดูนัลญะฮฺริมินัลก็อวลิ บิลฆุดูวิ วัลอาศอลิ วะลาตะกุม..มินัลฆอฟิลีน
206. อิน..นัลละซีนะอิน..ดะร็อบบิกะ ลายัสตักบิรูนะ อันอิบาดะติฮี วะยุสับบิหูนะฮู วะละฮูยัสญุดูน


คำแปล R1.
203. And if you do not bring them a miracle [according to their (i.e. Quraish-pagans') proposal], they say: "Why have you not brought it?" say: "I but follow what is revealed to me from my Lord. This (the Qur'an) is nothing but evidences from your Lord, and a guidance and a mercy for a people who believe."
204. So, when the Qur'an is recited, listen to it, and be silent that you may receive mercy. [I.e. during the compulsory congregational prayers when the Imam (of a mosque) is leading the prayer (except Surat Al-Fatiha), and also when he is delivering the Friday-prayer Khutbah]. [Tafsir At-Tabari, Vol.9, Pages 162-4]
205. And remember your Lord by your tongue and within yourself, humbly and with fear without loudness in words in the mornings, and in the afternoons and be not of those who are neglectful.
206. Surely, those who are with your Lord (angels) are never too proud to perform acts of worship to Him, but they glorify his praise and prostrate before Him.


คำแปล R2.
203. และเมื่อเจ้ามิได้นำสัญลักษณ์หนึ่ง ๆ(อัลกุรอานหรือสิ่งมหัศจรรย์)มาสู่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า “ไฉนท่านจึงไม่คัดเลือก(ประพันธ์)โองการนั้น ๆ (ขึ้นมาเอง)เล่า?” จงประกาศเถิด “อันที่จริง ฉันไม่สามารถประพันธ์ได้เองหากแต่) ฉันจะตามสิ่งที่ฉันได้รับการดลมาจากองค์อภิบาลของฉันเท่านั้น นี้เป็นข้อสังเกตอันได้มาจากองค์อภิบาลของพวกเจ้า เป็นสิ่งชี้นำ และเป็นเมตตาธรรมสำหรับกลุ่มชนที่มีศรัทธา”
204. และเมื่ออัลกุรอานได้ถูกอัญเชิญ พวกเจ้าทั้งหลายจงฟังและจงสงบเถิด เพื่อพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
205. และเจ้าจงระลึกถึงองค์อภิบาลของเจ้ในจิตใจของเจ้าโดยความนอบน้อมและโดยความเกรงกลัว และโดยไม่ต้องส่งเสียงดังทั้งในยามเช้าและยามเย็นและเจ้าจงอย่าเป็นผู้หนึ่งในจำนวนผู้หลงลืมทั้งหลาย
206. แท้จริงบรรดา(มลาอิกะฮฺ)ที่อยู่กับองค์อภิบาลของเจ้านั้น พวกเขาไม่ทระนงตนต่อการนมัสการพระองค์และการถวายสดุดีพระบริสุทธิคุณแด่พระองค์ และพวกเขากราบกรานต่อพระองค์(เป็นนิจเนือง)


คำแปล R3.
203. (โอ้ นบี) เมื่อเจ้าไม่แสดงสัญญาณ (ปาฏิหาริย์) ให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาก็กล่าวว่า “ทำไมท่านถึงไม่เลือกสัญญาณหนึ่งขึ้นมาเพื่อตัวท่านเองเล่า? จงบอกพวกเขาว่า “ฉันปฏิบัติตามวะฮีย์ที่พระผู้อภิบาลของฉันประทานให้แก่ฉัน นี่เป็นสิ่งประจักษ์แจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านและเป็นทางนำและความเมตตาสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
204. และเมื่อกุรอานได้ถูกอ่าน ดังนั้นจงฟังกุรอานและจงเงียบ ทั้งนี้เพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตา”
205. (โอ้ นบี) จงรำลึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าในหัวใจของเจ้าด้วยความนอบน้อมและยำเกรง และด้วยเสียงเบา ๆ ทั้งในยามเช้าและยามเย็น และจงอย่าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้เพิกเฉย
206. แท้จริงบรรดามลาอิกะฮฺ ผู้ใกล้ชิดกับพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น พวกเขามิได้โอหังต่อการเคารพภักดีพระองค์ พวกเขาสดุดีความบริสุทธิ์ของพระองค์ และพวกเขาก้มกราบต่อพระองค์


คำแปล R4.
203. และเมื่อมิได้มีอายะฮฺได้มายังพวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า ไฉนเล่าท่านจึงไม่อุปโลกน์มันขึ้นเอง จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงฉันจะปฏิบัติตามเฉพาะสิ่งที่ถูกให้เป็นโองการแก่ฉันจากพระเจ้าของฉันเท่านั้น นี่คือบรรดาหลักฐาน จากพระเจ้าของพวกเจ้า และ (นี้คือ) ข้อแนะนำและการเอ็นดูเมตตาแก่กลุ่มชนที่ศรัทธา
204. และเมื่ออัล-กุรอานถูกอ่านขึ้น ก็จงสดับฟังอัล-กุรอานนั้นเถิด และจงนิ่งเงียบ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับการเอ็นดูเมตตา
205. และเจ้า (มุฮัมมัด) จงรำลึกถึงพระเจ้าของเจ้าในใจของเจ้าด้วยความนอบน้อมและยำเกรงและโดยไม่ออกเสียงดัง ทั้งในเวลาเช้าและเย็นและจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้ที่เผลเรอ
206. แท้จริงบรรดาผู้ที่อยู่ที่พระเจ้าของเจ้านั้น พวกเขาจะไม่หยิ่งต่อการเคารพสักการะพระองค์ และกล่าวให้ความบริสุทธิ์แก่พระองค์และแด่พระองค์เท่านั้น พวกเขากราบกรานกัน


คำแปล R5.
๒๐๓. โอ้มุฮำมัด ในเมื่อเจ้ามิได้นำเอาสัญลักษณ์ใด ๆมายังพวกเหล่านั้น ซึ่งเจ้าถูกขอให้นำมาแสดง อาทิเช่น พวกเหล่านั้นขอเจ้าว่า “ให้ฟ้าเกิดระเบิดลงมาเป็นก้อน ๆ ก่อน แล้วพวกเราจึงศรัทธาต่อท่าน” พวกเหล่านั้นก็เอ่ยกล่าวแก่มุฮำมัดว่า มุฮำมัดเอ๋ย ท่านลองให้สัญลักษณ์นั้นมันเกิดขึ้นซิสักสัญลักษณ์หนึ่งด้วยฤทธิ์เดชของท่านเองโดยมิต้องพึ่งพาอาศัยฤทธิ์เดชของอัลเลาะห์ โอ้มุฮำมัด จงบอกพวกเหล่านั้นเถิด ฉันจะดำเนินตามได้เฉพาะสิ่งที่ฉันได้รับกระแสโองการมาแต่องค์พระอภิบาลของฉันเท่านั้น จึงไม่มีอันใดที่ฉันจะนำมาสนองตามพวกท่านได้เป็นส่วนตัวหรอก พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอานฉบับบนี้คือบรรดาหลักฐานจากองค์อภิบาลของพวกท่าน คือหนทางนำและความโปรดปรานีสำหรับปวงชนผู้มีศรัทธา
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือมีวัตถุประสงค์จะห้ามพูดจากันในขณะมีการแสดงคุตบะห์แห่งวันศุกณืหรือในขณะอัญเชิญพรัคัมภีร์อัล-กุรอาน ดังประกาศโองการต่อไปนี้
๒๐๔. และในเมื่ออัล-กุรอานก็ดีหรือคุตบะห์แห่งวันศุกร์ก็ดีได้ถูกอ่านขึ้นแล้ว พวกเจ้าจงฟัง บทโอวาททั้งสองนั้นเถิด ทั้งพวกเจ้าจงสดับเงียบเสียด้วย อย่าได้พูดจากัน เพื่อที่พวกเจ้าจักได้รับความโปรดปรานี
๒๐๕. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงพร่ำกล่าวถึงองค์พระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยการอ่านอัล-กุรอานบ้าง กล่าวคำวิงวอน(ดุอาอ์)บ้าง อ่านคำตัซบีห์และตะห์ลีลบ้าง ให้ได้ยินเป็นส่วนตัวหรือใช้เสียงระหว่างค่อยกับดัง คือระดับกลาง โดยนอบน้อมและกลัวเกรงในพระองค์แต่มิให้ขึ้นเสียงดังนัก ทั้งในยามเช้าและยามเย็นเพื่อให้การปฏิบัติศาสนกิจในส่วนเช้าและเย็นมีการประเดิมด้วยการรำลึกถึงอัลเลาะห์ และเจ้าอย่าพึงเป็นพวกหนึ่งจากพวกที่ลืมเลือนการพร่ำกล่าวถึงอัลเลาะห์เลย
๒๐๖. แท้จริงบรรดา มลาอิกะห์ ผู้ซึ่งอยู่ใกล้ อัลอัชร์แห่งอัลเลาะห์องค์อภิบาลของเจ้านั้นมิได้หยิ่งยโสเลย ในการแสดงความภักดีพระองค์ ทั้งพวกเขา(มลาอิกะห์) ยังน้อมจิตศรัทธาว่าพระองค์พิสุทธิ์สะอาด ปราศไร้จากการอันไม่สมควรต่อองค์ ต่อคุณลักษณะ ต่อพระนาม และต่อปวงกิจการตลอดทั้งการตัดสินของพระองค์และได้ปฏิบัติศาสนกิจน้อมถวายแต่พระองค์เท่านั้น ฉะนั้นพวกเจ้าจงเอาเยี่ยงอย่างพวกมลาอิกะห์เหล่านั้นกันเถิด


-----------------------------------------------------------------------


ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 7 อัล-อะอฺรอฟ
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته

 

GoogleTagged