สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 199 - 202คำอ่าน199. คุซิลอัฟวะ วะอ์มุรฺบิลอุรฺฟิ วะอะอฺริฎอะนิลญาฮิลีน
200. วะอิม..มายัน..ซะฆ็อน..นะกะ มินัชชัยฏอนิ นัซฆุน..ฟัสตะอิซบิลลาฮฺ อิน..นะฮุสะมีอุนอะลีม
201. อิน..นัลละซีนัตตะก็อว อิซามัสสะฮุม ฏอ...อิฟะตุม..มินัชชัยฏอนิ ตะซักกะรู ฟะอิซาฮุม..มุบศิรูน
202. วะอิควานุฮุม ยะมุดดูนะฮุม ฟิลฆ็อยยิ ษุม..มะลาตุกศิรูนคำแปล R1.199. Show forgiveness, enjoin what is good, and turn away from the foolish (i.e. don't punish them).
200. And if an evil whisper comes to you from Shaitan (Satan) then seek refuge with Allah. Verily, He is All-Hearer, All-Knower.
201. Verily, those who are Al-Muttaqun (the pious - see V.2:2), when an evil thought comes to them from Shaitan (Satan), they remember (Allah), and (indeed) they then see (aright).
202. But (as for) their brothers (the devils) they (i.e. the devils) plunge them deeper into error, and they never stop short.คำแปล R2.199. เจ้าจงยึดถือการอโหสิ และจงใช้ให้ทำแต่ความดีและจงหันออกจากพวกโง่เขลา
200. และหากมีการยุแหย่ใด ๆ จากมารร้าย ทำให้เจ้าไขว้เขว(ออกนอกแนวทาง)เจ้าก็จงขออารักขาต่ออัลเลาะฮฺเถิด เพราะพระองค์ทรงได้ยิน อีกทั้งทรงรอบรู้ยิ่ง
201. แท้จริงบรรดาผู้ยำเกรงนั้น เมื่อมีมายาการใด ๆ จากมารร้ายได้มาสัมผัสพวกเขา พวกเขาก็สำนึก (ในคำสอนของอัลเลาะฮฺ) แล้วพวกเขาก็จะเป็นผู้มองเห็น(แนวทางที่แท้จริง)โดยพลัน
202. และญาติพี่น้องของพวกมาร(ร้าย)นั้น ต่างก็ร่วมกันสนับสนุนพวกเขาในความหลงผิด แล้วพวกนั้นก็หาได้ลดรา(แต่ประการใด ๆ )ไม่คำแปล R3.199. (โอ้ นบี) จงใช้วิธีการผ่อนปรนและอดกลั้ จงกำชับในสิ่งที่ดี และหลีกเลี่ยงการถกเถียงที่ไร้ประโยชน์กับพวกคนโฉดเขลา
200. ถ้าหากมารยุแหย่เจ้าให้โกรธ จงขอความคุ้มครองจากอัลลอฮฺ แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงรอบรู้
201. แท้จริงแล้วบรรดาผู้สำรวมตนนั้น ถ้าหากการแนะนำที่ชั่วร้ายจากมารประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็จะคิดได้ทันที และพวกเขาจะมองเห็นหนทางที่ถูกต้องที่พวกเขาจะปฏิบัติตาม
202. ส่วนพี่นอ้งของพวกมันนั้น พวกมันดึงพวกเขาไปสู่การหลงผิดและไม่ปล่อยสิ่งใดไว้โดยที่ใม่ได้ล่อลวงพวกเขาคำแปล R4.199. เจ้า (มุฮัมมัด) จงยึดถือไว้ซึ่งการอภัย และจงใช้ให้กระทำสิ่งที่ชอบ และจงผินหลัง ให้แก่ผู้โฉดเขลาทั้งหลายเถิด
200. และหากมีการยั่วยุใด ๆ จากชัยฏอนกำลังยั่วยุเจ้าอยู่ ก็จงขอความคุ้มครองต่ออัลลอฮฺเถิด แท้จริงพระองค์เป็นผู้ทรงได้ยินผู้ทรงรอบรู้
201. แท้จริงบรรดาผู้ที่ยำเกรงนั้น เมื่อมีคำชี้นำใด ๆ จากชัยฏอนประสบแก่พวกเขา พวกเขาก็รำลึกได้แล้วทันใดพวกเขาก็มองเห็น
202. และพี่น้องของพวกมันนั้นจะช่วยเหลือพวกมันในการหลงผิดแล้วพวกเขาก็จะไม่ลดละคำแปล R5.๑๙๙. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงถือเอาแต่ที่ง่าย ๆ เกี่ยวกับเรื่องจรรยาของมนุษย์ อย่าได้เข้มงวดกวดขันเรื่องนี้จากพวกนั้นเลย ประเดี๋ยวพวกนั้นจะเป็นปรปักษ์ต่อเจ้าหนักข้อขึ้นและจะเกิดโทษมากขึ้น ทั้งเจ้าจงใช้ให้กระทำการดีด้านศาสนาและในการใช้สติปัญญา และเจ้าจงหลีกให้พ้นไปจากพวกโง่เขลา อย่าไปโต้หน้ากับพวกเหล่านั้นที่แสดงแต่ความโง่งมเลย
๒๐๐. และถ้ามีอาการอันใดจากไชตอนกระทำให้เจ้าหันเหออกจากศาสนาที่อัลเลาะห์ทรงใช้เจ้า เจ้าจงขอความคุ้มครองต่ออัลเลาะห์เถิด แล้วพระองค์ก็จะทรงปัดป้องสิ่งนั้นให้พ้นไปจากเจ้า เพราะแท้จริงพระองค์นั้นทรงได้ยินยิ่งซึ่งถ้อยคำและทรงรู้ยิ่งถึงกิจการทั้งปวง
๒๐๑. แท้จริงบรรดาชนผู้ศรัทธาที่เกิดกลัวขึ้นในยามที่มีอาการหนึ่งจากไชตอน เช่น การทำให้ไขว้เขวของมัน มาประสบกับพวกนั้น พวกนั้นก็นึกถึงการลงโทษของอัลเลาะห์ และจะนึกถึงบุญกุศลจากพระองค์ พวกนั้นก็เห็นประจักษ์ขึ้นซึ่งของจริงต่างออกไปจากของไม่จริง ในทันที แล้วจึงถอยคืนออกพ้นจากอาการที่มาประสบกับพวกเขานั้น
๒๐๒. ทั้งพวกกาฟิรปวงบริวารของพวกมัน(ไชตอน) จะช่วยส่งเสริมไชตอนในเรื่องความหลงหนทางให้เจริญขึ้น ครั้นแล้วพวกกาฟิรเหล่านั้นมิได้ยับยั้งตัวจากความหลงหนทางด้วยการพิจารณาอย่างซึ้งว่าการหลงหนทางนั้นเป็นผลเสียหายเหมือนผู้มีความยำเกรงพิจารณาเห็นความจริงแท้แล้วก็ยับยั้งการหลงหนทางเสียได้ สูเราะฮฺ อัลอะอฺรอฟ อายะฮฺที่ 203 -206คำอ่าน203. วะอิซาลัมตะอ์ติฮิม บิอายะติน..กอลูเลาลัจญตะบัยตะฮา กุลอิน..นะมา..อัตตะบิอุ มายูหา..อิลัยยะ มิรฺร็อบบี ฮาซาบะศอ...อิรุ มิรฺร็อบบิกุม วะฮุเดา..เราะหฺมะตุล ลิก็อวมี..ยุอ์มินูน
204. วะอิซากุริอัลกุรฺอานุ ฟัสตะมิอูละฮู วะอัน..ศิตู ละอัลละกุมตุรฺหะมูน
205. วัซกุรฺร็อบบะกะ ฟีนัฟสิกะ ตะฏ็อรฺเอา..วะคีฟะเตา..วะดูนัลญะฮฺริมินัลก็อวลิ บิลฆุดูวิ วัลอาศอลิ วะลาตะกุม..มินัลฆอฟิลีน
206. อิน..นัลละซีนะอิน..ดะร็อบบิกะ ลายัสตักบิรูนะ อันอิบาดะติฮี วะยุสับบิหูนะฮู วะละฮูยัสญุดูนคำแปล R1.203. And if you do not bring them a miracle [according to their (i.e. Quraish-pagans') proposal], they say: "Why have you not brought it?" say: "I but follow what is revealed to me from my Lord. This (the Qur'an) is nothing but evidences from your Lord, and a guidance and a mercy for a people who believe."
204. So, when the Qur'an is recited, listen to it, and be silent that you may receive mercy. [I.e. during the compulsory congregational prayers when the Imam (of a mosque) is leading the prayer (except Surat Al-Fatiha), and also when he is delivering the Friday-prayer Khutbah]. [Tafsir At-Tabari, Vol.9, Pages 162-4]
205. And remember your Lord by your tongue and within yourself, humbly and with fear without loudness in words in the mornings, and in the afternoons and be not of those who are neglectful.
206. Surely, those who are with your Lord (angels) are never too proud to perform acts of worship to Him, but they glorify his praise and prostrate before Him.คำแปล R2.203. และเมื่อเจ้ามิได้นำสัญลักษณ์หนึ่ง ๆ(อัลกุรอานหรือสิ่งมหัศจรรย์)มาสู่พวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า “ไฉนท่านจึงไม่คัดเลือก(ประพันธ์)โองการนั้น ๆ (ขึ้นมาเอง)เล่า?” จงประกาศเถิด “อันที่จริง ฉันไม่สามารถประพันธ์ได้เองหากแต่) ฉันจะตามสิ่งที่ฉันได้รับการดลมาจากองค์อภิบาลของฉันเท่านั้น นี้เป็นข้อสังเกตอันได้มาจากองค์อภิบาลของพวกเจ้า เป็นสิ่งชี้นำ และเป็นเมตตาธรรมสำหรับกลุ่มชนที่มีศรัทธา”
204. และเมื่ออัลกุรอานได้ถูกอัญเชิญ พวกเจ้าทั้งหลายจงฟังและจงสงบเถิด เพื่อพวกเจ้าจะได้รับความเมตตา
205. และเจ้าจงระลึกถึงองค์อภิบาลของเจ้ในจิตใจของเจ้าโดยความนอบน้อมและโดยความเกรงกลัว และโดยไม่ต้องส่งเสียงดังทั้งในยามเช้าและยามเย็นและเจ้าจงอย่าเป็นผู้หนึ่งในจำนวนผู้หลงลืมทั้งหลาย
206. แท้จริงบรรดา(มลาอิกะฮฺ)ที่อยู่กับองค์อภิบาลของเจ้านั้น พวกเขาไม่ทระนงตนต่อการนมัสการพระองค์และการถวายสดุดีพระบริสุทธิคุณแด่พระองค์ และพวกเขากราบกรานต่อพระองค์(เป็นนิจเนือง)คำแปล R3.203. (โอ้ นบี) เมื่อเจ้าไม่แสดงสัญญาณ (ปาฏิหาริย์) ให้พวกเขาได้เห็น พวกเขาก็กล่าวว่า “ทำไมท่านถึงไม่เลือกสัญญาณหนึ่งขึ้นมาเพื่อตัวท่านเองเล่า? จงบอกพวกเขาว่า “ฉันปฏิบัติตามวะฮีย์ที่พระผู้อภิบาลของฉันประทานให้แก่ฉัน นี่เป็นสิ่งประจักษ์แจ้งจากพระผู้อภิบาลของพวกท่านและเป็นทางนำและความเมตตาสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
204. และเมื่อกุรอานได้ถูกอ่าน ดังนั้นจงฟังกุรอานและจงเงียบ ทั้งนี้เพื่อที่พวกท่านจะได้รับความเมตตา”
205. (โอ้ นบี) จงรำลึกถึงพระผู้อภิบาลของเจ้าในหัวใจของเจ้าด้วยความนอบน้อมและยำเกรง และด้วยเสียงเบา ๆ ทั้งในยามเช้าและยามเย็น และจงอย่าเป็นผู้หนึ่งในบรรดาผู้เพิกเฉย
206. แท้จริงบรรดามลาอิกะฮฺ ผู้ใกล้ชิดกับพระผู้อภิบาลของเจ้านั้น พวกเขามิได้โอหังต่อการเคารพภักดีพระองค์ พวกเขาสดุดีความบริสุทธิ์ของพระองค์ และพวกเขาก้มกราบต่อพระองค์คำแปล R4.203. และเมื่อมิได้มีอายะฮฺได้มายังพวกเขา พวกเขาก็กล่าวว่า ไฉนเล่าท่านจึงไม่อุปโลกน์มันขึ้นเอง จงกล่าวเถิด (มุฮัมมัด) ว่า แท้จริงฉันจะปฏิบัติตามเฉพาะสิ่งที่ถูกให้เป็นโองการแก่ฉันจากพระเจ้าของฉันเท่านั้น นี่คือบรรดาหลักฐาน จากพระเจ้าของพวกเจ้า และ (นี้คือ) ข้อแนะนำและการเอ็นดูเมตตาแก่กลุ่มชนที่ศรัทธา
204. และเมื่ออัล-กุรอานถูกอ่านขึ้น ก็จงสดับฟังอัล-กุรอานนั้นเถิด และจงนิ่งเงียบ เพื่อว่าพวกเจ้าจะได้รับการเอ็นดูเมตตา
205. และเจ้า (มุฮัมมัด) จงรำลึกถึงพระเจ้าของเจ้าในใจของเจ้าด้วยความนอบน้อมและยำเกรงและโดยไม่ออกเสียงดัง ทั้งในเวลาเช้าและเย็นและจงอย่าอยู่ในหมู่ผู้ที่เผลเรอ
206. แท้จริงบรรดาผู้ที่อยู่ที่พระเจ้าของเจ้านั้น พวกเขาจะไม่หยิ่งต่อการเคารพสักการะพระองค์ และกล่าวให้ความบริสุทธิ์แก่พระองค์และแด่พระองค์เท่านั้น พวกเขากราบกรานกันคำแปล R5.๒๐๓. โอ้มุฮำมัด ในเมื่อเจ้ามิได้นำเอาสัญลักษณ์ใด ๆมายังพวกเหล่านั้น ซึ่งเจ้าถูกขอให้นำมาแสดง อาทิเช่น พวกเหล่านั้นขอเจ้าว่า “ให้ฟ้าเกิดระเบิดลงมาเป็นก้อน ๆ ก่อน แล้วพวกเราจึงศรัทธาต่อท่าน” พวกเหล่านั้นก็เอ่ยกล่าวแก่มุฮำมัดว่า มุฮำมัดเอ๋ย ท่านลองให้สัญลักษณ์นั้นมันเกิดขึ้นซิสักสัญลักษณ์หนึ่งด้วยฤทธิ์เดชของท่านเองโดยมิต้องพึ่งพาอาศัยฤทธิ์เดชของอัลเลาะห์ โอ้มุฮำมัด จงบอกพวกเหล่านั้นเถิด ฉันจะดำเนินตามได้เฉพาะสิ่งที่ฉันได้รับกระแสโองการมาแต่องค์พระอภิบาลของฉันเท่านั้น จึงไม่มีอันใดที่ฉันจะนำมาสนองตามพวกท่านได้เป็นส่วนตัวหรอก พระมหาคัมภีร์อัล-กุรอานฉบับบนี้คือบรรดาหลักฐานจากองค์อภิบาลของพวกท่าน คือหนทางนำและความโปรดปรานีสำหรับปวงชนผู้มีศรัทธา
มูลเหตุแห่งการลงโองการต่อไปนี้ คือมีวัตถุประสงค์จะห้ามพูดจากันในขณะมีการแสดงคุตบะห์แห่งวันศุกณืหรือในขณะอัญเชิญพรัคัมภีร์อัล-กุรอาน ดังประกาศโองการต่อไปนี้
๒๐๔. และในเมื่ออัล-กุรอานก็ดีหรือคุตบะห์แห่งวันศุกร์ก็ดีได้ถูกอ่านขึ้นแล้ว พวกเจ้าจงฟัง บทโอวาททั้งสองนั้นเถิด ทั้งพวกเจ้าจงสดับเงียบเสียด้วย อย่าได้พูดจากัน เพื่อที่พวกเจ้าจักได้รับความโปรดปรานี
๒๐๕. และโอ้มุฮำมัด เจ้าจงพร่ำกล่าวถึงองค์พระผู้อภิบาลของเจ้าด้วยการอ่านอัล-กุรอานบ้าง กล่าวคำวิงวอน(ดุอาอ์)บ้าง อ่านคำตัซบีห์และตะห์ลีลบ้าง ให้ได้ยินเป็นส่วนตัวหรือใช้เสียงระหว่างค่อยกับดัง คือระดับกลาง โดยนอบน้อมและกลัวเกรงในพระองค์แต่มิให้ขึ้นเสียงดังนัก ทั้งในยามเช้าและยามเย็นเพื่อให้การปฏิบัติศาสนกิจในส่วนเช้าและเย็นมีการประเดิมด้วยการรำลึกถึงอัลเลาะห์ และเจ้าอย่าพึงเป็นพวกหนึ่งจากพวกที่ลืมเลือนการพร่ำกล่าวถึงอัลเลาะห์เลย
๒๐๖. แท้จริงบรรดา มลาอิกะห์ ผู้ซึ่งอยู่ใกล้ อัลอัชร์แห่งอัลเลาะห์องค์อภิบาลของเจ้านั้นมิได้หยิ่งยโสเลย ในการแสดงความภักดีพระองค์ ทั้งพวกเขา(มลาอิกะห์) ยังน้อมจิตศรัทธาว่าพระองค์พิสุทธิ์สะอาด ปราศไร้จากการอันไม่สมควรต่อองค์ ต่อคุณลักษณะ ต่อพระนาม และต่อปวงกิจการตลอดทั้งการตัดสินของพระองค์และได้ปฏิบัติศาสนกิจน้อมถวายแต่พระองค์เท่านั้น ฉะนั้นพวกเจ้าจงเอาเยี่ยงอย่างพวกมลาอิกะห์เหล่านั้นกันเถิด -----------------------------------------------------------------------
ดำรัสของอัลลอฮฺผู้ยิ่งใหญ่เป็นจริงเสมอ (صدق الله العظيم)
จบสูเราะฮฺที่ 7 อัล-อะอฺรอฟ
والسلام عليكم ورحمة الله وبركاته