ผู้เขียน หัวข้อ: อัลกุรฺอาน คำแปลและคำอธิบาย ตอนที่ 30 อัรฺรูม  (อ่าน 4532 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 2 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

 :salam:

คำธิบายประกอบสูเราะฮฺ อัรฺรูม (الروم ชื่อเมือง)
http://www.alquran-thai.com/ShowSurah.asp

เป็นบัญญัติมักกียะฮฺ มี 60 อายะฮฺ
    ซูเราะฮฺอัรรูม เป็นซูเราะฮฺมักกียะฮฺ มีเป้าหมายเช่นเดียวกับซูเราะฮฺมักกียะฮฺอื่น ๆ ที่ให้ความสนใจต่อหลัการศรัทธาของอิสสลามในวงกรอบทั่ว ๆ ไป นั่นคือ การศรัทธาที่ให้ความเป็นเอกภาพต่ออัลลอฮฺ ต่อสาสน์ และต่อการฟื้นคืนชีพและการตอบแทน
    ซูเราะฮฺนี้ได้เริ่มด้วยการคาดหมายถึงเหตุการณ์เร้นลับครั้งสำคัญ ซึ่งอัลกุรอานุลกะรีม ได้บอกกล่าวถึงเหตุการณ์ก่อนที่จะเกิดขึ้น นั่นก็คือชัยชนะของประเทศโรมันที่มีต่อประเทศเปอร์เชีย ในการทำสงครามระหว่างประเทศทั้งสอง ซึ่งจะเกิดขึ้นในระยะอันใกล้ แล้วเหตุการณ์นั้นก็ได้เกิดขึ้นตามที่อัลกุรอานได้บอกไว้ ดังนั้นการคาดหมายได้ประจักษ์ขึ้นจริง อันนี้นับได้ว่าเป็นหลักฐานยืนยันอย่างชัดแจ้งถึงความสัจจริงของท่านนะบีมุฮัมมัด ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม ตามที่ปรากฏอยู่ในอัลวะฮียฺ และนับได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์อันยิ่งใหญ่ของอัลกุรอาน
    ซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงข้อเท็จจริงของการต่อสู้กันระหว่างพรรคอัรรอห์มานกับพรรคอัชชัยฏอน คือ ระหว่างบ่าวของอัลลอฮฺกับสมุนของชัยฏอน ซึ่งเป็นการต่อสู้ที่มีมาแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว และยังจะต้องมีต่อไปอีกอย่างไม่มีวันสิ้นสุด ตราบใดที่ยังมีสัจธรรมกับความเท็จ ความดี ความชั่ว และตราบใดที่ชัยฏอนยังคงรวบรวมพลพรรคของมันเพื่อดับรัศมีของอัลลอฮฺ และต่อต้านการเรียกร้องเชิญชวนของบรรดาร่อซูล อะลัยฮิมุสสลาม อายาตหลายอายาต ได้ยืนยันเป็นหลักฐานถึงชัยชนะของสัจธรรมที่มีเหนือความเท็จ ตลอดระยะเวลาในหลายยุคหลายสมัย นั่นคือแนวทางของอัลลอฮฺซึ่งจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงเป็นอันขาด
    ซูเราะฮฺนี้ได้กล่าวถึงวันอวสานและวันกิยามะฮฺ กล่าวถึงชะตากรรมอันเลวร้ายของพวกปฏิเสธศรัทธาและหลงทางในวันทุกข์ยากวันนั้น โดยที่บรรดาผู้ศรัทธาจะได้อยู่ในสวนสวรรค์ด้วยความปลื้มปิติ และบรรดาอาชญากรจะอยู่ในนรกด้วยความเศร้าโศกเสียใจ นั่นคือบั้นปลายที่แน่นอนของคนดีและคนชั่ว
    หลังจากนั้นซูเราะฮฺได้กล่าวถึงภาพลักษณ์ บางสภาพของจักรวาล ที่แสดงถึงอานุภาพของอัลลอฮฺและความเป็นเอกภาพของพระองค์ เพื่อเป็นหลักฐานยืนยันถึงความยิ่งใหญ่แห่งพระผู้ทรงเอกะ ซึ่งใบหน้าและศีรษะจะก้มลงกราบต่อพระองค์ และในขณะนั้นก็จะเป็นที่ประจักษ์และเป็นการแยกแยะให้รู้ว่า ผู้ใดที่เคารพอิบาดะฮฺพระผู้ทรงเมตตา และผู้ใดที่เคารพสักการะรูปปั้น
    ซูเราะฮฺนี้ได้จบลงด้วยการกล่าวถึงพวกกุฟฟารกุเรช โดยที่สัญญาณต่าง ๆ และการตักเตือนไม่เกิดประโยชน์อันใดแก่พวกเขาเลย แม้นว่าพวกเขาจะได้เห็นสัญญาณและหลักฐานอันชัดแจ้งแล้วก็ตาม พวกเขามิได้ใคร่ครวญและยึดถือเป็นบทเรียน เพราะพวกเขาเปรียบเสมือนคนตายซึ่งไม่ได้ยินและไม่เห็น ทั้งหมดนี้เป็นความมุ่งหมายที่จะปลอบใจท่านร่อซูล ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะซัลลัม เพราะท่านกำลังเผชิญกับการทำร้ายของพวกมุชริกีน และเพื่อให้ท่านอดทนจนกว่าชัยชนะจะมาถึง
ชื่อของซูเราะฮฺ
    ซูเราะฮฺอัรรูมถูกขนานชื่อเช่นนั้น ก็เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ปาฏิหาริย์ที่น่าทึ่ง ครั้งนั้น ซึ่งเป็นการการชี้แนะให้เห็นถึงข้อเท็จจริงที่มีอยู่ในอัลกุรอานุลกะรีม “อะลิฟ ลาม มีม พวกโรมันถูกพิชิตแล้ว ในดินแดนอันใกล้นี้ และหลังจากการปราชัยของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะได้รับชัยชนะ ในเวลาไม่กี่ปีต่อมา...”


----------------------------------------------------

เอกสารอ้างอิง
R1. The Noble Qur’an (Dr.Muhammad Taqi-ud-Din al-Hilali and Dr.Muhammad Muhsin Khan.)
R2. อัลกุรอานฉบับแปลภาษาไทย โดย มัรวาน สะมะอุน
R3. ตัฟฮีมุลกุรฺอาน(อรรถาธิบายโดย เมาลานา ซัยยิด อบุล อลา เมาดูดี แปลโดย บรรจง บินกาซัน)
R4. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน พร้อมคำแปลเป็นภาษาไทย ศูนย์กษัตริย์ฟาฮัด เพื่อการพิมพ์อัลกุรฺ อานแห่งนครมาดีนะฮ์
R5. พระมหาคัมภีร์อัลกุรอาน ฉบับภาษาไทย (โดย นายต่วน สุวรรณศาสน์-ฮัจยีอิสมาแอล บินฮัจยียะห์ยา)

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 1 - 6




คำอ่าน
1. อะลิฟ ลาม มีม
2. ฆุลิบะติรฺรูม
3. ฟี..อัฎนัลอัรฺฎิ วะฮุม..มิม..บะอฺฎิ เฆาะละบิฮิม สะยัฆลิบูน
4. ฟีบิฎอิสินีน ลิลลาฮิลอัมรุ มิน..ก็อบลุ วะมิม..บะอฺดุ วะเยามะอิซี..ยัฟเราะหุลมุอ์มินูน
5. บินัศริลลาฮฺ ยัน..ศุรุมัย..ยะชา..อ์ วะฮุวัลอะซีซุรฺเราะหีม
6. วะอฺดัลลอฮิ ลายุคลิฟุลลอฮุวะหฺดะฮู วะลากิน..นะอักษะร็อนนาสิ ลายะอฺละมูน


คำแปล R1.
1. Alif-Lam-Mim. [These letters are one of the miracles of the Qur'an, and none but Allah (alone) knows their meanings].
2. The Romans have been defeated.
3. In the nearer land (Syria, Iraq, Jordan, and Palestine), and they, after their defeat, will be victorious.
4. Within three to nine years. The decision of the matter, before and after (these events) is only with Allah, (before the defeat of Romans by the Persians, and after, i.e. the defeat of the Persians by the Romans). And on that day, the believers (i.e. Muslims) will rejoice (at the victory given by Allah to the Romans against the Persians),
5. With the help of Allah, He helps whom He wills, and He is the All-Mighty, the Most Merciful.
6. (It is) a Promise of Allah (i.e. Allah will give victory to the Romans against the Persians), and Allah fails not in His promise, but most of men know not.


คำแปล R2.
1. อลิฟ ลาม มีม
2. โรมได้ถูกพิชิตแล้ว
3. ในแผ่นดินที่ใกล้เคียงกัน (คือเมืองโรมและเมืองเปอร์เซีย) และพวกเขาภายหลังจากถูกพิชิตแล้ว พวกเขาจะเป็นฝ่ายพิชิตบ้าง
4. ในเวลาไม่กี่ปีข้างหน้า (ไม่ถึง 10  ปี)อันการงานนั้น ๆ ย่อมเป็นอำนาจแห่งอัลเลาะฮฺเท่านั้น ไม่ว่าจะก่อนหน้า(ที่เขาพ่ายแพ้) หรือภายหลัง (ที่เขาชนะ) และในวันนั้น (ที่ชาวโรมชนะ) บรรดาศรัทธาชนกำลังดีใจ(ในชนะของตนที่มีต่อพวกกาฟิร ในสงครามบะดัร)
5. เป็นไปโดยการสงเคราะห์ของอัลเลาะห์ซึ่งพระองค์ทรงสงเคราะห์เฉพาะแก่บุคคลที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
6. นั้นเป็นสัญญาของอัลเลาะฮฺ ซึ่งอัลเลาะฮฺไม่ทรงผิดสัญญาของพระองค์ แต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้

 
คำแปล R3.
1. อะลีฟ ลาม มีม
2. พวกโรมันได้ถูกพิชิตแล้ว
3. ในแผ่นดินใกล้ ๆ และหลังจากการปราชัยของพวกเขาแล้ว พวกเขาจะได้รับชัยชนะ
4. ภายในเวลาไม่กี่ปี ของอัลลอฮฺ คืออำนาจทั้งแต่ก่อนและภายหลัง และวันนั้นบรรดาผู้ศรัทธาจะได้รื่นเริงยินดี
5. ในการช่วยเหลือของอัลลอฮฺจนได้ชัยชนะ พระองค์ทรงช่วยเหลือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตร
6. นี่คือสัญญาของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺไม่เคยผิดสัญญาของพระองค์ แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้


คำแปล R4.
1. อะลิฟ ลาม มีม
2. พวกโรมันถูกพิชิตแล้ว
3. ในดินแดนอันใกล้นี้ แต่หลังจากการปราชัยของพวกเขาแล้วพวกเขาจะได้รับชัยชนะ
4. ในเวลาไม่กี่ปีต่อมา พระบัญชาเป็นสิทธิของอัลลอฮฺทั้งก่อนและหลัง (ชัยชนะ) และวันนั้นบรรดาผู้ศรัทธาจะดีใจ
5. ด้วยการช่วยเหลือของอัลลอฮฺ พระองค์ทรงช่วยเหลือผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงเมตตาเสมอ
6. (นั่นคือ) สัญญาของอัลลอฮฺ อัลลอฮฺจะไม่ทรงบิดพริ้วสัญญาของพระองค์แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้

 
คำแปล R5.
๑. อาลิฟ, ลาม, มีม อัลเลาะห์เท่านั้นที่ทรงรู้ความหมายของคำนี้
๒. กลุ่มชนโรมได้ถูกพิชิตแล้วโดยชาวฟาริส(เปอร์เซีย) พวกโรมนั้นเป็นชาวคัมภีร์อีนยีล คือ เป็นนัสรอนีย์หรือคริสต์นั่นเอง พวกเปอร์เซียที่เข้าพิชิตเป็นคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ไม่นับถือคัมภีร์ใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากการกราบไหว้บูชารูปเจว็ดแต่เพียงประการเดียว เมื่อกลุ่มชนนี้พ่ายแพ้ บรรดาชาวอาหรับมักกะห์ก็แสดงความดีอกดีใจเป็นการใหญ่ เพราะพวกเขาเปรียบเทียบพวกเขาเองกับกลุ่มมุสลิม ไม่ผิดอันใดระหว่างพวกโรมกับพวกเปอร์เซีย เพราะพวกโรมเป็นพวกถือคัมภีร์เหมือนกับพวกมุสลิม ส่วนพวกเปอร์เซียกราบไหว้เจว็ดเหมือนพวกเขา ดังนั้นเมื่อพวกโรมพ่ายแพ้ พวกมุสลิมก็คงจะพ่ายแพ้เหมือนกันในอนาคตไม่ไกลนัก พวกอาหรับจึงได้กล่าวกับพวกมุสลิมว่า.... “พวกเราจะพิชิตพวกท่านแน่ ๆ เฉกเช่นที่ชาวเปอร์เซียได้พิชิตชาวโรม”
๓. ในแผ่นดินที่ใกล้เคียงกันที่สุดระหว่างแผ่นดินโรมกับแผ่นดินฟาริส(เปอร์เซีย) และพวกโรมนั้น หลังจากความพ่ายแพ้แล้วพวกเขาจะกลับมาชนะพวกฟาริสอีก
๔. ในอนาคตอีกไม่กี่ปีข้างหน้า คือประมาฯ ๓ -๙ ปี ซึ่งการทำนายนี้ปรากฏเป็นจริงทุกประการ กล่าวคือ หลังจากการปราชัยครั้งแรกนั้นแล้วถึงเจ็ดปี กองทัพทั้งสองชนชาติก็ปะทะกันอีก และผลปรากฏว่าพวกฟาริส(เปอร์เซีย)พ่ายแพ้พวกโรม ย่อมเป็นเอกสิทธิ์แด่อัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียวเท่านั้น การงานต่าง ๆ ที่จะปรากฏขึ้น ทั้งเมื่อก่อนที่โรมจะพ่ายแพ้ และภายหลังที่พวกเขาได้ชัยชนะกลับคืนมา ทั้งหมดนั้นย่อมดำเนินไปตามลิขิตของอัลเลาะห์ และในวันนั้น(วันที่โรมได้รับชัยชนะ) บรรดาศรัทธาชนทั้งหลายต่างดีใจที่พวกเขาก็ได้รับชัยชนะพวกอาหรับมักกะห์ในสงคราม “บัดร์” ด้วย เช่นเดียวกับพวกโรมได้รับชัยชนะจากพวกฟาริส
๕. เหตุการณ์ที่ดำเนินไปเช่นนั้นสัมฤทธิ์ผลได้ด้วยการช่วยเหลือของอัลเลาะห์เพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงให้การช่วยเหลือแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงเมตตายิ่ง
๖. อันการช่วยเหลือนั้นเป็นสัญญาแห่งอัลเลาะห์ อัลเลาะห์จะไม่ผิดสัญญาของพระองค์อย่างแน่นอน และแต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้ความจริงข้อนี้


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 7 - 9





คำอ่าน
7. ยะอฺละมูนะซอฮิร็อม..มินัลหะยาติดดุนยา วะฮุม อะนิลอาคิเราะติ ฮุมฆอฟิลูน
8. อะวะลัม ยะตะฟักกะรู ฟี..อัน..ฟุสิฮิท มาเคาะละก็อลลอฮุสสะมาวาติวัลอัรเฎาะวะมาบัยนะฮุมา..อิลลาบิลหักกิ วะอะญะลิม..มุสัม..มา วะอิน..นะกะษีร็อม..มินัน..นาสิ บิลิกอ...อิร็อบบิฮิม ละกาฟิรูน
9. อะวะลัมยะสีรูฟิลอัรฺฎิ ฟะยัน..ซุรูกัยฟะ กานะอากิบะตุลละซีนะมิน..ก็อบลิฮิม กานูอะชัดดุมินฮุมกูวะเตา..วะอะษารุลอัรฺเฎาะ วะอะมะรูฮา..อักษะเราะมิมมาอะมะรูฮา จะญา..อะฮุม รุสุลุฮุม..บิลบัยยินาต ฟะมากานัลลอฮุ ลิยัซลิมะฮุม วะลากิน..กานูอัน..ฟุสะฮุมยัซลิมูน


คำแปล R1.
7. They know only the outside appearance of the life of the world (i.e. the matters of their livelihood, like irrigating or sowing or reaping, etc.), and they are heedless of the Hereafter.
8. Do they not think deeply (in their own selves) about themselves (how Allah created them from nothing, and similarly He will resurrect them)? Allah has created not the heavens and the earth, and all that is between them, except with truth and for an appointed term. And indeed many of mankind deny the meeting with their Lord. [See Tafsir At-Tabari, part 21, Page 24].
9. Do they not travel in the land, and see what the end of those before them was? They were superior to them in strength, and they tilled the earth and populated it in greater numbers than these (pagans) have done, and there came to them their Messengers with clear proofs. Surely, Allah wronged them not, but they used to wrong themselves.


คำแปล R2.
7. พวกเขารู้แต่เพียงส่วนภายนอกจากชีวิตทางโลกนี้เท่านั้น แต่พวกเขากลับหลงลืมต่อโลกหน้า
8. และพวกเขาไม่ตริตรองในตัวของพวกเขาเองดอกหรือ อัลเลาะฮฺหาได้บันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินตลอดจนสรรพสิ่งระหว่างมันทั้งสอง(โดยไร้สาระ)ไม่ หากทรงบันดาลขึ้นโดยสัจจะ (เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงถึงเดชานุภาพและเอกานุภาพของพระองค์) และมีกำหนดเวลาที่แน่ชัด และแท้จริงส่วนมากจากมวลมนุษย์นั้น เป็นผู้คัดค้านในเรื่องการได้พบกับองค์อภิบาลของพวกเขา(ภายหลังจากความตาย
9. และ(เหตุใด)พวกเขาไม่จาริกไปในแผ่นดินบ้างเล่า แล้วพวกเขาจะได้พิจารณา(ด้วยจนเอง)ว่า จุดจบของบรรดามวลชนในยุคก่อนพวกเขานั้นเป็นอย่างไร ทั้ง ๆ ที่พวกเหล่านั้นเป็นผู้มีพลังแข็งแรงยิงกว่าพวกเขาเสียอีก และพวกนั้นได้ทำการไถพลิกแผ่นดิน(เพื่อปลูกพืชผล) และได้พัฒนามัน(จนอุดมสมบูรณ์) มากมายยิ่งกว่าพวกเขาได้ทำการพัฒนา(ในยุคของพวกเขาเองเสียอีก) ยิ่งไปกว่านั้นได้มีศาสนทูต(มาประกาศศาสนธรรม)ยังพวกนั้น พร้อมหลักฐานอันแจ้งชัด อันที่จริงนั้น อัลเลาะฮฺไม่อธรรมพวกเขาเหล่านั้นเลย แต่พวกเขาต่างหากที่ทำการอธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง


คำแปล R3.
7. พวกเขารู้แต่เพียงภายนอกของชีวิตแห่งโลกนี้ แต่พวกเขาไม่คำนึงถึงโลกหน้า
8. พวกเขาไม่เคยพิจารณาภายในตัวของพวกเขาเองบ้างเลยหรือ? อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและทุกสิ่งที่อยู่ระหว่างมันด้วยสิ่งใดนอกไปจากความจริงและเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งซึ่งได้ถูกกำหนดไว้แล้ว แต่มนุษย์ส่วนใหญ่กลับปฏิเสธการพบกับพระผู้อภิบาลของพวกเขา
9. พวกเขาไม่เคยเดินทางไปตามแผ่นดินแล้วดูถึงผลสุดท้ายของบรรดาผู้คนก่อนหน้าพวกเขาว่าเป็นอย่างไรกระนั้นหรือ? พวกเขาเหล่านั้นมีพลังเข้มแข็งกว่าพวกเขามากมาย คนเหล่านั้นขุดแผ่นดินและสร้างอะไรไว้บนนั้นมากมายกว่าที่พวกเขาสร้าง และรอซูลของพวกเขาก็ได้มายังพวกเขาพร้อมกับสัญญาณอันชัดแจ้ง ดังนั้นมิใช่อัลลอฮฺที่ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่พวกเขาเองต่างหาก ที่อธรรมต่อตัวของพวกเขาเอง


คำแปล R4.
7. พวกเขารู้แต่เพียงผิวเผินในเรื่องการดำรงชีวิตในโลกนี้ และพวกเขาไม่คำนึงถึงการมีชีวิตในปรโลก
8. พวกเขามิได้ใคร่ครวญ ในตัวของพวกเขาดอกหรือว่า อัลลอฮฺมิได้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และสิ่งที่อยู่ระหว่างทั้งสอง เพื่อสิ่งอื่นใดเลย เว้นแต่เพื่อความจริงและเวลาที่ถูกกำหนดไว้ และแท้จริงส่วนมากของมนุษย์เป็นผู้ปฏิเสธศรัทธาต่อการพบพระผู้เป็นเจ้าของพวกเขา
9. พวกเขามิได้ท่องเที่ยวไปตามแผ่นดินดอกหรือ แล้วพิจารณาดูว่าบั้นปลายของประชาชาติในยุคก่อนหน้าพวกเขาเป็นเช่นใด เขาเหล่านั้นมีพลังที่เข้มแข็งกว่าพวกเขา เขาเหล่านั้นขุดพรวนดินและก่อสร้าง (เคหสถาน) มากกว่าพวกเขาก่อสร้างมัน และบรรดาร่อซูลของพวกเขาได้มาหาพวกเขาด้วยหลักฐานอันชัดแจ้ง ดังนั้น แน่นอนอัลลอฮฺมิได้ทรงอธรรมต่อพวกเขา แต่ว่าพวกเขาอธรรมต่อตัวของพวกเขาเองต่างหาก


คำแปล R5.
๗. พวกเขาจะรู้เพียงภายนอกอันผิวเผินจากชีวิตแห่งสกลภพนี้เท่านั้น แต่พวกเขาได้หลงลืมเสียแล้วจากวันปรภพหน้า
๘. และพวกเขาไม่ใคร่ครวญในตัวเองดอกหรือ เพื่อการกลับคืนจากความหลงลืมนั้น อัลเลาะห์มิได้บันดาลฟากฟ้าและแผ่นดินและสรรพสิ่งที่มีในระหว่างมันทั้งสองโดยไร้สาระเลยนอกจากโดยสัจจะที่จักน้อมนำไปสู่ความยอมรับในอำนาจ อานุภาพ และเอกภาพของพระองค์และโดยอายุไขที่ถูกกำหนดไว้อย่างแน่นอนว่า สิ่งเหล่านั้นจะถึงซึ่งความสูญสลายเมื่อใด และแท้จริงมนุษย์ส่วนมากเป็นผู้เนรคุณต่อพระองค์ โดยปฏิเสธการพบกับองค์อภิบาลของพวกเขาในปรภพหลังจากฟื้นขึ้นจากสุสาน
๙. และพวกเขามิได้จาริกไปในแผ่นดินหรือแล้วจะได้พินิจดูว่าจุดจบของบรรดาชนก่อนหน้าพวกเขาเป็นอย่างไรซึ่งบรรดาชนเหล่านั้นล้วนประสบความหายนะด้วยเหตุที่พวกเขากล่าวหาศาสนทูตว่ามุสา ทั้ง ๆ ที่พวกเหล่านั้นล้วนเป็นผู้ที่มีพลังแข็งแรงกว่าพวกเขาเสียอีก เช่น พวกอ๊าดและสะมู๊ด เป็นต้น และพวกเหล่านั้นได้ไถพลิกแผ่นดินและพัฒนามันมากว่าที่พวกเขาได้ทำการพัฒนาเสียอีก และบรรดาศาสนทูตแห่งพวกนั้นได้นำบรรดาหลักฐาน เหตุผลและปาฏิหาริย์ที่แจ้งชัดมาสู่เพื่อพวกเขาชี้นำไปสู่เอกภาพแห่งพระผู้เป็นเจ้าที่จริง อัลเลาะห์หาใช่จะอธรรมต่อพวกเขาไม่ โดยส่งทูตมาประกาศเท็จแก่พวกเขา และแต่ทว่าพวกเขาได้อธรรมแก่ตัวของพวกเขาเอง

 
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ธ.ค. 05, 2011, 08:58 AM โดย Bangmud »

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 10 - 15


คำอ่าน
10. ษุม..มะกานะอากิบะตัลละซีนะอะสา...อุสสู...อา..อัน..กัซซะบูบิอายาติลลาฮิ วะกานูบิฮายัสตะฮฺซิอูน
11. อัลลอฮุยับดะอุลค็อลเกาะ ษุม..มะยุอีดุฮู ษุม..มะอิลัยฮิตุรฺญะอูน
12. วะเยามะตะกูมุสสาอะตุ ยุบลิสุลมุจญริมูน
13. วะลัมยะกุลละฮุม..มิน..ชุเราะกา..อิฮิม ชุฟะอา..อุ วะกานูบิชุเราะกา...อิฮิมกาฟิรีน
14. วะเยามะตะกูมุสสาอะตุ เยามะอิซี..ยะตะฟัรฺเราะกูน
15. ฟะอัม..มัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ ฟะฮุมฟีร็อวเฎาะตี..ยุหฺบะรูน


คำแปล R1.
10. Then evil was the end of those who did evil, because they belied the Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, Messengers, etc.) of Allah and made mock of them.
11. Allah (alone) originates the creation, then He will repeat it, then to Him you will be returned.
12. And on the Day when the Hour will be established, the Mujrimun (disbelievers, sinners, criminals, polytheists, etc.) will be plunged into destruction with deep regrets, sorrows, and despair.
13. No intercessor will they have from those whom they made equal with Allah (partners i.e. their so-called associate gods), and they will (themselves) reject and deny their partners.
14. And on the Day when the Hour will be established, that Day shall (all men) be separated (i.e. the believers will be separated from the disbelievers).
15. Then as for those who believed (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism) and did righteous good deeds, such shall be honoured and made to enjoy luxurious life (forever) in a garden of delight (Paradise).


คำแปล R2.
10. หลังจากนั้นจุดจบของบรรดาผู้ประพฤติแต่การอันเลวร้ายก็คือมหันตโทษ(ซึ่งจะได้รับจากนรกในวันชาติหน้า) เพราะเหตุพวกเขาได้ว่าโองการต่าง ๆ ของอัลเลาะฮฺเป็นความเท็จ และพวกเขานำโองการเหล่านั้นมาเย้ยหยัน
11. อัลเลาะฮฺทรงบังเกิดสิ่งถูกสร้างทั้งมวลหลังจากนั้นพระองค์ทรงคืนกลับแก่เขา(ให้ฟื้นคืนชีพอีกครั้งหลังจากตายไปแล้ว) แล้วต่อมาพวกเขาทั้งหลายก็จะถูกนำตัวกลับมายังพระองค์
12. และในวันที่กาลปาวสานแห่งโลกนี้อุบัติขึ้นนั้น มวลชนผู้ทำบาปทั้งหลายจะสงบเงียบอย่างสิ้นหวัง
13. และบรรดาสิ่งภาคของพวกเขา (ที่อุปโลกน์ขึ้นเทียบเทียมอัลเลาะฮฺ)นั้น ไม่มีสิ่งใดเป็นผู้สงเคราะห์แก่พวกเขา(ให้พ้นจากโทษของนรก)ได้เลย และพวกเขาเป็นผู้ไร้ศรัทธา ก็เพราะบรรดาสิ่งภาคีของพวกเขา(ดังกล่าวนั่นเอง)
14. และในวันที่กาลปาวสานของโลกนี้อุบัติขึ้น ในวันนั้นบรรดาพวกเขาต่างแยกแบ่งกัน (เป็นสองกลุ่ม เพื่อรับผลตอบแทน)
15. กล่าวคือบรรดามวลชนผู้มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามนั้น แน่นอนพวกเขาจะได้อยู่ในอุทยานอย่างเริงรื่น(มีความสุขล้นเหลือ)


คำแปล R3.
10. ในที่สุดผลสุดท้ายของผู้ทำความชั่วก็คือความชั่ว เพราะพวกเขาปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของอัลลอฮฺและเยาะเย้ยมัน
11. อัลลอฮฺทรงเริ่มต้นการบังเกิดแล้วหลังจากนั้นพระองค์อีกเช่นกันที่ทรงทำให้มันเกิดขึ้นมาอีก ดังนั้น ยังพระองค์ที่สูเจ้าทั้งหลายจะถูกนำกลับไป
12. และวันที่ยามอวสานถูกกำหนดไว้ พวกที่ทำความผิดจะตลึงจนพูดอะไรไม่ออก
13. และจะไม่มีผู้ใดที่พวกเขาตั้งเป็นภาคี(กับอัลลอฮฺ)จะเป็นผู้ขอไถ่โทษแทนพวกเขา และพวกเขาจะปฏิเสธบรรดาสิ่งที่พวกเขาตั้งขึ้นมาเป็นภาคีด้วย
14. และวันที่ยามอวสานถูกกำหนดไว้นั้น พวกเขา(มนุษย์) จะถูกแยกออกเป็นกลุ่ม ๆ
15. บรรดาผู้ศรัทธาและประกอบการดีจะได้อยู่ในสวนสวรรค์ด้วยความสุขและเบิกบาน


คำแปล R4.
10. แล้วบั้นปลายของบรรดาผู้กระทำความชั่วก็คือความชั่ว โดยที่พวกเขาปฏิเสธต่อสัญญาณทั้งหลายของอัลลอฮฺและพวกเขาเย้ยหยันมัน
11. อัลลอฮฺทรงเริ่มการบังเกิด (มนุษย์) แล้วทรงให้มันกลับมาเกิดอีก แล้วพวกเจ้าจะถูกนำกลับไปยังพระองค์
12. และวันที่วาระสุดท้ายจะเกิดขึ้น พวกทำผิดก็จะหมดหวัง
13. และจะไม่มีผู้ใดจากบรรดาภาคีของพวกเขาเป็นผู้ช่วยเหลือพวกเขา และพวกเขาก็เป็นผู้ปฏิเสธบรรดาภาคีของพวกเขาด้วย
14. และวันที่วาระสุดท้ายจะเกิดขึ้น วันนั้นพวกเขาจะแยกออกจากกัน
15. ดังนั้น สำหรับบรรดาผู้ศรัทธาและประกอบความดี พวกเขาก็จะชื่นชมยินดีอยู่ในสวนสวรรค์


คำแปล R5.
๑๐. หลังจากนั้นจุดจบของบรรดาผู้ประพฤติแต่ความเลวทรามก็คือขุมนรกที่เลวยิ่งซึ่งพวกเขาจะต้องเข้าไปรับโทษภัยอยู่ในนั้น ทั้งนี้เป็นเพราะพวกเขาได้กล่าวหาโองการต่าง ๆ ของอัลเลาะห์ว่าเป็นเท็จและพวกเขาได้ล้อเลียนต่อโองการเหล่านั้น
๑๑. อัลเลาะห์ทรงให้บังเกิดแก่สิ่งถูกสร้างทั้งมวลหลังจากนั้นพระองค์ก็ทรงให้มันคืนกลับมาสู่สภาพเดิมด้วยการให้พวกเขาฟื้นคืนชีพขึ้นมาจากสุสาน หลังจากนั้นพวกเจ้าก็จะถูกส่งกลับไปสู่พระองค์เพื่อรับการตอบแทนผลกรรมที่ได้ประพฤติล่วงแล้วเมื่ออดีต
๑๒.และในวันที่ปรภพอุบัติขึ้นนั้น บรรดาทุรชนผู้ตั้งภาคีทั้งหลายจะสงบนิ่งโดยดุษณี พวกเขาไม่อาจหาเหตุผลและหลักฐานใด ๆ มายืนยันในความเชื่อดั้งเดิมของตนเองได้ นอกจากจะรอการพิพากษาของอัลเลาะห์
๑๓. และไม่มีปรากฏแก่พวกเขาจากบรรดาเจว็ดที่เป็นหุ้นส่วนของพวกเขาเป็นผู้ให้การสงเคราะห์แก่พวกเขาได้เลย และพวกเขาทั้งหลายต่างเนรคุณต่อบรรดาหุ้นส่วนสิ้นเชิง โดยปลีกตัวออกจากความเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้น
๑๔. และในวันวันที่ปรภพอุบัติขึ้น วันนั้นพวกเขา ทั้งกลุ่มศรัทธาและกลุ่มเนรคุณต่างก็แยกกันเป็นกลุ่ม ไม่ปะปนกัน
๑๕. โดยกลุ่มที่มีศรัทธาและประพฤติแต่ความดีงามนั้น พวกเขาได้อยู่ในอุทยานสวรรค์อย่างรื่นเริง และมีความสุขยิ่ง


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 16 – 19


คำอ่าน
16. วะอัม..มัลละซีนะกะฟะรู วะกัซซะบูบิอายาตินา วะลิกอ..อิลอาคิเราะติ ฟะอุลา..อิกะฟิลอะซาบิมุหิเฎาะรูน
17. ฟะสุบหานัลลอฮิ หีนะตุมสูนะ วะหีนะตุศบิหูน
18. วะละฮุลหัมดุ ฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วะอะชีเยา วะหีนะตุซฮิรูน
19. ยุคริญุลหัยยะมินัลมัยยิติ วะยุคริญุลมัยยิตะมินัลหัยยิ วะยุหฺยิลอัรฺเฎาะบะอฺดะเมาติฮา วะกะซาลิกะตุคเราะญูน


คำแปล R1.
16. And as for those who disbelieved and belied our Ayat (proofs, evidences, verses, lessons, signs, revelations, Allah's Messengers, Resurrection, etc.), and the Meeting of the Hereafter, such shall be brought forth to the torment (in the Hell-fire).
17. So glorify Allah [above all that (evil) they associate with Him (O believers)], when you come up to the evening [i.e. offer the (Maghrib) sunset and ('Isha') night prayers], and when you enter the morning [i.e. offer the (Fajr) morning prayer].
18. And his is all the praises and thanks In the heavens and the earth, and (glorify him) in the afternoon (i.e. offer 'Asr prayer) and when you come up to the time, when the day begins to decline (i.e. offer Zuhr prayer). (Ibn 'Abbas said: "These are the five compulsory congregational prayers mentioned in the Qur'an)."
19. He brings out the living from the dead, and brings out the dead from the living. And He revives the earth after its death. And thus shall you be brought out (resurrected).


คำแปล R2.
16. ส่วนบรรดาจำพวกที่ไร้ศรัทธาและว่าโองการต่าง ๆ ของเรา และการได้พบกับโลกหน้าเป็นเท็จ แน่นอนพวกเหล่านั้นจะถูกนำตัวลงไปอยู่ในการลงโทษ (สถานเดียว)
17. แท้ที่จริงอัลเลาะฮฺทรงมหาบริสุทธิ์ยิ่ง ทั้งในยามค่ำของพวกเจ้าและในยามเช้าของพวกเจ้า (ดังนั้นทรงนมัสการพระองค์ในเวลาทั้งสองนั้น)
18. และพระองค์ทรงสิทธิแห่งคำสรรเสริญทั้งในฟากฟ้าและแผ่นดิน และ(จงนมัสการพระองค์) ในยามเย็นและยามบ่ายของพวกเจ้า)
19. พระองค์ทรงบันดาลให้สิ่งมีชีวิต(สืบชาติพันธุ์มา)จากสิ่งไร้ชีวิต และทรงบันดาลให้สิ่งไร้ชีวิตมาจากสิ่งมีชีวิต และพระองค์ทรงชุบชีวิตแห่งแผ่นดิน (ให้มีความอุดมสมบูรณ์) ภายหลังจากความตายของมัน(ด้วยความแห้งแล้ง) และเช่นนั้นแหละที่พวกเจ้าจะถูกนำออก(มาจากสุสานให้มีชีวิตอีกครั้งหลังความตาย)


คำแปล R3.
16. ส่วนบรรดาผู้ไม่ศรัทธาและปฏิเสธอายะฮฺทั้งหลายของเราและการพบกันในโลกหน้า พวกเขาจะถูกนำมาสู่การลงโทษ
17. ดังนั้นจงสดุดีอัลลอฮฺในยามค่ำและในยามเช้า
18. การสรรเสริญทั้งหมดนั้นเป็นของพระองค์ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และ(จงสดุดีพระองค์) ในยามบ่ายคล้อยและในยามบ่ายต้น ๆ
19. พระองค์ทรงนำชีวิตออกมาจากความตาย และทรงนำความตายออกมาจากชีวิต และทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดิน หลังจากการตายของมัน และสูเจ้าก็จพถูกนำออกมา(จากสภาพของความตาย) เช่นเดียวกันนั้น

 
คำแปล R4.
16. และส่วนบรรดาผู้ปฏิเสธศรัทธาและไม่ยอมเชื่อต่อสัญญาณทั้งหลายของเรา และการพบ (เรา) ในวันปรโลก ชนเหล่านั้นแหละเป็นผู้อยู่ในการลงโทษอย่างถาวร
17. ดังนั้น มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่อัลลอฮฺ เมื่อพวกเจ้าย่างเข้าสู่ยามเย็น และพวกเจ้าย่างเข้าสู่ยามเช้า
18. มวลการสรรเสริญในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และในยามพลบค่ำ และเมื่อพวกเจ้าย่างเข้าสู่ยามบ่าย
19. พระองค์ทรงให้มีชีวิตหลังจากการตาย และทรงให้ตายหลังจากมีชีวิต และทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาขึ้น หลังจากการแห้งแล้งของมัน และเช่นนั้นแหละพวกเจ้าจะถูกนำออกมา


คำแปล R5.
๑๖. และบรรดาผู้เนรคุณและกล่าวหาโองการต่าง ๆ ของเราว่าเป็นเท็จ และกล่าวหาการประสบวันปรภพเป็นเท็จ แน่นอนพวกเหล่านั้นจะต้องถูกนำตัวไปสู่การลงโทษอันทรมานของขุมนรก
๑๗. ที่จริงอัลเลาะห์ทรงบพิธยิ่ง ขณะพวกเจ้าเข้าสู่ยามเย็นด้วยการปฏิบัตินมัสการต่อพระองค์สองเวลาคือละหมาดมัฆริบและอีซา และขณะที่พวกเจ้าเข้าสู่ยามเช้าด้วยการละหมาดซุบฮิ
๑๘. และมวลการสรรเสริญย่อมเป็นของพระองค์ทั้งในชั้นฟ้าและแผ่นดิน โดยชาวฟ้าและชาวดินต่างไม่มีผู้ใดละเลยต่อการกล่าวสรรเสริญพระองค์ และขณะที่พวกเจ้าเข้าสู่ยามเย็นด้วยการละหมาดซุฮฺริ
๑๙. พระองค์อัลเลาะห์ทรงให้สิ่งมีชีวิตออกจากสิ่งไร้ชีวิต เช่นมนุษย์ออกมาจากหยดอสุจิ และนกออกมาจากไข่ เป็นต้น และทรงให้สิ่งไร้ชีวิตออกมาจากสิ่งมีชีวิต เช่น อสุจิออกมาจากมนุษย์ และไข่ออกมาจากไก่ เป็นต้น และทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินด้วยการให้มีพืชพันธุ์ต่าง ๆ งอกเงยเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์ภายหลังจากมันตาย คือแห้งแล้งไม่มีพืชงอกอยู่เลย และเช่นนั้นแหละที่พวกเจ้าจะถูกให้ออกมาจากสุสานเพื่อรอรับการตัดสินของอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 20 - 21


คำอ่าน
20. วะมิน อายาติฮี..อันเคาะละเกาะกุม..มิน..ตุรอบิน..ษุม..มะอิซา..อันตุม..บะชะรุน..ตันตะชิรูน
21. วะมินอายาติฮี..อันเคาะละเกาะละกุม..มินอัน..ฟุสิกุม อัซวาญัลลิตัสกุนู..อิลัยฮา วะญะอะละบัยนะกุม..มะวัดดะเตา..วะเราะหฺมะฮฺ อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติลลิก็อวมียะตะฟักกะรูน


คำแปล R1.
20. And among his signs is this, that He created you (Adam) from dust, and then [Hawwa' (Eve) from Adam's rib, and then his offspring from the semen, and], - behold you are human beings scattered!
21. And among his signs is this, that He created for you wives from among yourselves, that you may find repose in them, and He has put between you affection and mercy. Verily, In that are indeed signs for a people who reflect.


คำแปล R2.
20. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือที่พระองค์ทรงบันดาลพวกเจ้ามาจากดิน หลังจากนั้นพวกเจ้าก็เป็นมนุษย์ที่กระจายกันอยู่บนหน้าแผ่นดิน
21. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือที่พระองค์ทรงบันดาลคู่ครองแก่พวกเจ้ามาจากตัวของพวกเจ้าเอง ทั้งนี้เพื่อพวกเจ้าจะได้สงบอยู่กับนาง(ไม่เที่ยวคึกคะนองอีกต่อไป) และพระองค์ทรงบันดาลความรักและเมตตาให้มีขึ้นระหว่างพวกเจ้า(ฉันท์สามีภริยา) แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานานาสัญลักษณ์ สำหรับกลุ่มชนที่ตริตรอง


คำแปล R3.
20. และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือ พระองค์ได้ทรงสร้างสูเจ้ามาจากธุลีดิน หลังจากนั้นจงดูเถิดว่า ศุเจ้าได้เป็นมนุษย์ที่ทวีจำนวนมากขึ้น (ในแผ่นดิน)
21. และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือ พระองค์ได้ทรงสร้างคู่ครองสำหรับสูเจ้าจากตัวของสูเจ้าเอง เพื่อสูเจ้าจะได้พบความสงบกับนางและได้ทรงทำให้มีความรักและความเอ็นดูขึ้นระหว่างสูเจ้า แน่นอนในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับหมู่ชนที่ใคร่ครวญ


คำแปล R4.
20. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างพวกเจ้าจากดิน แล้วพวกเจ้าเป็นมนุษย์แพร่กระจายออกไป
21. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงสร้างคู่ครองให้แก่พวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้า เพื่อพวกเจ้าจะได้มีความสุขอยู่กับนาง และ ทรงมีความรักใคร่และความเมตตาระหว่างพวกเจ้า แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใคร่ครวญ


คำแปล R5.
๒๐. และบางสัญลักษณ์ที่แสดงและยืนยันถึงเอกภาพและอานุภาพของพระองค์นั้นคือการที่พระองค์ได้บันดาลพวกเจ้ามาจากดิน นั่นคือนบีอาดัมผู้เป็นปฐมบิดาแห่งมนษญชาติทั้งมวล แล้วหลังจากนั้นพลันพวกเจ้าก็เป็นร่างมนุษย์อันประกอบด้วยเนื้อหนัง วิญญาณและอื่น ๆ โดยสืบชาติพันธุ์มาจากท่านนบีอาดัมซึ่งพวกเจ้าแพร่กระจายไปสู่พื้นพิภพอย่างกว้างขวางในทุกทวีป
๒๑. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์นั้น คือการที่พระองค์ได้ทรงบันดาลเพื่อพวกเจ้าทั้งหลายจากตัวของพวกเจ้าเองซึ่งคู่ครองที่พวกเจ้าจะอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวเดียวกัน เพื่อพวกเจ้าจะได้สงบอยู่กับนาง ไม่ต้องดิ้นรนไปตามวิถีทางอันฟอนเฟะ และพระองค์ได้สร้างไว้ระหว่างพวกเจ้า ซึ่งความรักและความเมตตาให้มีต่อกันและกันอย่างมั่นคง แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์ทางปัญญา สำหรับ กลุ่มชนที่ใช้วิจารณญาณได้สืบการพิจารณาของตนไปสู่ความยอมรับในอำนาจและเอกภาพของพระองค์


thaiwow99

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 22 - 23


คำอ่าน
22. วะมินอายาติฮีค็อลกุสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ วัคติลาฟุอัลสินะติกุม วะอัลวานิกุม อิน..นะฟีซาลิกะ ละอายาติลลิลอาลิมีน
23. วะมินอายาติฮี มะนามุกุม..บิลลัยลิ วัน..นะฮาริ วับติฆอ...อุกุม..มิน..ฟัฎลิฮฺ อิน..นะฟีซาลิกะละอายาติลลิก็อวมียัสมะอูน


คำแปล R1.
22. And among his signs are the creation of the heavens and the earth, and the difference of your languages and colours. Verily, in that are indeed signs for men of sound knowledge.
23. And among his signs is the sleep that you take by night and by day, and your seeking of his bounty. Verily, in that are indeed signs for a people who listen.


คำแปล R2.
22. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์ คือการสร้างฟากฟ้าและแผ่นดิน และการที่พวกเจ้ามีภาษาพูดและสีผิวแตกต่างกัน แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์สำหรับผู้รู้ทั้งมวล
23. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือการที่พวกเจ้าหลับในตอนกลางคืนและตอนกลางวัน และการที่พวกเจ้าแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์(ด้วยการประกอบอาชีพต่าง ๆ ) แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์ สำหรับกลุ่มชนที่รับฟัง


คำแปล R3.
22. และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือการสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินและความแตกต่างของภาษาและสีผิวของสูเจ้า แน่นอนในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับบรรดาผู้มีความรู้
23. และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือ การหลับนอนของสูเจ้าในตอนกลางคืนและกลางวัน ลารแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับหมู่ชนผู้ใส่ใจ


คำแปล R4.
22. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และการแตกต่างของภาษาของพวกเจ้าและผิวพรรณของพวกเจ้า แท้จริงในการนี้แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณสำหรับบรรดาผู้มีความรู้
23. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ การหลับนอนของพวกเจ้าในกลางคืนและกลางวัน และการแสวงหาของพวกเจ้าซึ่งความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ฟังเพื่อใคร่ครวญ


คำแปล R5.
๒๒. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือการบันดาลฟากฟ้าและแผ่นดิน และความแตกต่างแห่งภาษาและสีผิวของพวกเจ้าทั้งหลาย แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์สำหรับชาวโลกทั้งหลายที่มีวิจารณญาณ
๒๓. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือการที่พวกเจ้าหลับนอนพักผ่อนในยามกลางคืนและกลางวัน และพวกเจ้าแสวงหาความโปรดปรานของพระองค์ ด้วยการประกอบอาชีพในแขนงต่าง ๆ แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์แด่กลุ่มชนที่รับฟังและตริตรองในสิ่งที่ตนได้ฟังนั้นเป็นอย่างดี


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 24 - 25


คำอ่าน
24. วะมินอายาติฮี ยุรีกุมุลบัรฺเกาะ ค็อวเฟา..วะเฏาะมะเอา..วะมินัซซิลุมินัสสะมา...อิมา...อัน..ฟะยุหฺยีบิฮิลอัรฺเฎาะบะอฺดะเมาติฮา อิน..นะฟีซาลิกะละอายาติล ลิก็อวมี..ยะอฺกิลูน
25. วะมินอายาติฮี..อัน..ตะกูมัสสะมา...อุ วัลอัรฺฎุ บิอัมริฮฺ ษุม..มะอิซาดะอากุม ดะอฺวะตัม..มินัลอัรฺฎิ อิซา..อัน..ตุม..ตัครุญูน


คำแปล R1.
24. And among his signs is that He shows you the lightning, by way of fear and hope, and He sends down water (rain) from the sky, and therewith revives the earth after its death. Verily, in that are indeed signs for a people who understand.
25. And among his signs is that the heaven and the earth stand by his command, then afterwards when He will call you by single call, behold, you will come out from the earth (i.e. from your graves for reckoning and recompense).


คำแปล R2.
24. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือการที่พระองค์ทรงให้พวกเจ้ามองเห็นฟ้าแลบอย่างหวาดกลัว(ว่าฟ้าจะผ่า) และอย่างมุ่งหวัง(ว่าฝนจะตก และพระองค์ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาจากฟากฟ้า และพระองค์ทรงใช้มันชุบชีวิตแก่แผ่นดินภายหลังที่มันได้ตายไปแล้ว แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์สำหรับกลุ่มชนที่ใช้ปัญญาไตร่ตรอง
25. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือการที่ฟากฟ้าและแผ่นดินอุบัติขึ้นโดยพระบัญชาของพระองค์ หลังจากนั้นเมื่อพระองค์ได้เรียกพวกเจ้าหนึ่งครั้ง (ให้ออกมา)จากแผ่นดิน พวกเจ้าก็ออกมาโดยพลัน


คำแปล R3.
24. และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือพระองค์ได้ทรงให้สูเจ้าเห็นสายฟ้าแลบเป็นที่หวาดกลัวและเป็นความหวัง และพระองค์ได้ทรงหลั่งน้ำฝนลงมาจากฟากฟ้าและได้ทรงให้ชีวิตแก่แผ่นดินด้วยน้ำนั้นหลังจากที่มันได้ตายไป แน่นอนในนั้นมีสัญญาณมากมายสำหรับหมู่ชนผู้ใช้ปัญญา
25. และหนึ่งในสัญญาณทั้งหลายของพระองค์ก็คือชั้นฟ้าและแผ่นดินได้ดำรงอยู่อย่างมั่นคงด้วยพระบัญชาของพระองค์ หลังจากนั้นเมื่อพระองค์ทรงเรียกสูเจ้าออกมาจากแผ่นดิน สูเจ้าก็ออกมาทันที ด้วยการเรียกเพียงครั้งเดียว


คำแปล R4.
24. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ทรงให้พวกเจ้าเห็นสายฟ้าแลบเป็นที่หวาดกลัว และเป็นความหวัง และทรงหลั่งน้ำลงมาจากฟากฟ้า และทรงให้แผ่นดินมีชีวิตชีวาด้วยมัน (น้ำฝน) หลังจากการแห้งแล้งของมัน แท้จริงในการนั้น ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา
25. และหนึ่งจากสัญญาณทั้งหลายของพระองค์คือ ชั้นฟ้าและแผ่นดินมั่นคงอยู่ตามพระบัญชาของพระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ทรงร้องเรียกพวกเจ้าอีกครั้งหนึ่งให้ออกจากแผ่นดิน เมื่อนั้นพวกเจ้าก็จะออกมากัน


คำแปล R5.
๒๔. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือการที่พระองค์ทรงให้พวกเจ้าได้เห็นฟ้าแลบในยามหวาดกลัว เมื่อขณะพวกเจ้ากำลังท่องอยู่กลางท้องทะเลหรือป่าเขาลำเนาไพรซึ่งกลัวว่าฟ้าจะผ่า และในยามใฝ่ฝันอยากจะได้น้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์เมื่อขณะพวกเจ้ามิได้ออกเดินทางไปไหน และพระองค์ทรงหลั่งจากท้องฟ้าซึ่งน้ำฝน แล้วพระองค์ทรงยังชีวิตแก่แผ่นดินด้วยมัน ให้มันสร้างความชุ่มชื้นแก่แผ่นดิน ทำให้มีพืชพันธุ์ต่าง ๆ เจริญงอกงามขึ้นมองดูเขียวชอุ่มและอุดมสมบูรณ์ภายหลังจากความตายของมันเพราะความแห้งแล้งอันยาวนานจนพืชพันธุ์ต่าง ๆ ล้มตายไปจนหมดสิ้น แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์แด่กลุ่มชนที่ใช้ปัญญาใคร่ครวญถึงสภาวะทางธรรมชาติดังกล่าว แล้วยอมรับว่ามันเป็นไปโดยอานุภาพของพระองค์เท่านั้น
๒๕. และบางสัญลักษณ์ของพระองค์คือการที่ฟ้าและแผ่นดินได้ดำรงอยู่โดยความประสงค์ของพระองค์หลังจากนั้นเมื่อถึงการสลายของมันแล้ว ก็ประกาศเรียกร้องพวกเจ้าทั้งหลาย โดยอิสรอฟีลด้วยการเป่าสังข์ครั้งแรก เพื่อพวกเจ้าจะได้ฟื้นคืนชีพจากแผ่นดินที่พวกเจ้าถูกฝังไว้ พลันพวกเจ้าก็จะออกมาจากนั้น แล้วเดินทางต่อไปยังการพิจารณาพิพากษาและตอบแทนผลความประพฤติของแต่ละคน


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด
สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 26 – 29


คำอ่าน
26. วะละฮูมัน..ฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎิ กุลลุลละฮู กอนิตูน
27. วะฮุวัลละซียับดะอุลค็อลเกาะ ษุม..มะยุอีดุฮู วะฮุวะอะฮฺวะนุอะลัยฮฺ วะละฮุลมะษะลุลอะอฺลา ฟิสสะมาวาติวัลอัรฺฎฺ วะฮุวัลอะซีซุลหะกีม
28. เฎาะเราะบะละกุม..มะษะลัม..มินอัน..ฟุสิกุม ฮัลละกุม..มิม..มามะละกัต อัยมานุกุม..มิน,,ชุเราะกา...อิ ฟีมาเราะซักนากุม ฟะอัน..ตุมฟีฮิสะวา...อุน ตะคอฟูนะฮุม กะคีฟะติกุม อัน..ฟุสะกุม กะซาลิกะนุฟัศศิลุลอายาติ ลิก็อวมียะอฺกิลูน
29. บะลิตตะบะอัลละซีนะเซาะละมู..อะฮฺวา...อะฮุม..บิฆ็อยริอิลมฺ ฟะมัย..ยะฮฺดี มันอะฎ็อลลัลลอฮุ วะมาละฮุม..มิน..นาศิรีน


คำแปล R1.
26. To Him belongs whatever is in the heavens and the earth. all are obedient to Him.
27. And He it is who originates the creation, then will repeat it (after it has been perished), and this is easier for Him. His is the highest description (i.e. none has the right to be worshipped but he, and there is nothing comparable unto Him) in the heavens and in the earth. And He is the All-Mighty, the All-Wise.
28. He sets forth for you a parable from your own selves, - do you have partners among those whom your right hands possess (i.e. your slaves) to share as equals in the wealth we have bestowed on you? Whom you fear as you fear each other? Thus do we explain the signs in detail to a people who have sense?
29. Nay, but those who do wrong follow their own lusts without knowledge, and then who will guide him whom Allah has sent astray? And for such there will be no helpers.


คำแปล R2.
26. และสรรพสิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดินย่อมเป็นของพระองค์ทั้งสิ้น ทุกสิ่งต่างยอมสิโรราบต่อพระองค์สิ้นเชิง
27. และพระองค์ทรงบังเกิดสิ่งสรรพทั้งมวลหลังจากนั้นทรงให้เขาคืนกลับ(มามีชีวิตอีกครั้ง) และการนั้นเป็นเรื่องง่ายที่สุดสำหรับพระองค์ และพระองค์ทรงไว้ซึ่งคุณลักษณะอันสูงส่งยิ่งในฟากฟ้าและแผ่นดิน และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชาญาณยิ่ง
28. พระองค์ทรงยกอุทาหรณ์จากตัวของพวกเจ้าเอง (นั่นคือ) ทาสที่พวกเจ้าได้ครอบครองไว้นั้นมีผู้ถือสิทธิ์ร่วมกับพวกเจ้าในโชคผลที่เราได้มอบแก่พวกเจ้าบ้างไหม แน่นอนที่สุด พวกเจ้านั้นย่อมทัดเทียมกันในสิ่งนั้น (โดยถือเป็นสิทธิ์เฉพาะตัว ไม่เกี่ยวกับพวกเขา) พวกเจ้าหวั่นกลัวพวกเขาเหมือนเช่นพวกเจ้าหวั่นกลัวตัวของพวกเจ้าเอง เช่นนั้น เราทำการแจกแจงบรรดาสัญลักษณ์ต่าง ๆ แก่กลุ่มชนที่ใช้ปัญญา
29. หากทว่าบรรดาผู้อธรรม ได้กระทำตามอารมณ์ของพวกเขาเอง โดยไม่มีความรู้ใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วจะมีผู้ใดบ้างเล่าที่ชี้นำแก่บุคคลที่อัลเลาะฮฺทรงปล่อยให้หลงผิด และไม่มีผู้ใดให้ความช่วยเหลือพวกเขาได้เลย


คำแปล R3.
26. ใครก็ตามที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินล้วนเป็นบ่าวที่ภักดีต่อพระองค์
27. พระองค์คือผู้ทรงเริ่มแรกในการสร้าง หลังจากนั้นพระองค์ก็ได้ทรงทำให้มันเกิดขึ้นมาอีก และนั่นเป็นการง่ายสำหรัลพระองค์ และของพระองค์คือคุณลักษณะอันประเสริฐสุดในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดิน และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
28. พระองค์ได้ทรงเอาสูเจ้าเองมาเป็นข้อเปรียบเทียบสำหรับสูเจ้า มีใครบ้างไหมในหมู่บ่าวทาสของสูเจ้าที่มีส่วนกับสูเจ้าอย่างเท่าเทียมกันในความมั่งคั่งที่เราได้ประทานแก่สูเจ้าและสูเจ้าเกรงกลัวพวกเขาเหมือนกับที่สูเจ้าเกรงกลัวพวกสูเจ้ากันเอง? ในทำนองเดียวกันนั้นแหละที่เราทำให้อายะฮฺทั้งหลายของเราเป็นที่ชัดเจนสำหรับหมู่ชนผู้ใช้สติปัญญา
29. แต่บรรดาผู้ทำผิดได้ปฏิบัติตามอารมณ์ต่ำของพวกเขาโดยปราศจากความรู้ใด ๆ แล้วผู้ใดเล่าที่จะนำทางผู้ที่อัลลอฮฺได้ทรงปล่อยให้หลงทาง? และคนพวกนี้ไม่มีผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R4.
26. และผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ ทั้งมวลเป็นผู้จงรักภักดีต่อพระองค์
27. และพระองค์คือผู้ทรงเริ่มแรกในการสร้าง แล้วทรงให้มันกลับขึ้นมาอีก และมันเป็นการง่ายยิ่งแก่พระองค์ และคุณลักษณะอันสูงส่งในชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินเป็นกรรมสิทธิ์ของพระองค์ และพระองค์เป็นผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณ
28. พระองค์ทรงยกอุทาหรณ์แก่พวกเจ้าที่มาจากตัวของพวกเจ้าเอง จะมีบ้างไหมสำหรับพวกเจ้า (ที่จะยอมให้) ในหมู่ผู้ที่มือขวาของพวกเจ้าครอบครอง (บ่าวทาส) มีหุ้นส่วนในสิ่งที่เราได้ให้เครื่องยังชีพแก่พวกเจ้า แล้วพวกเจ้า (กับพวกเขา) มามีส่วนเท่ากัน โดยพวกเจ้ากลัวพวกเขาเหมือนกับการกลัวของพวกเจ้าด้วยกันเอง เช่นนั้นแหละ เราจำแนกสัญญาณทั้งหลายแก่หมู่ชนผู้ใช้ปัญญาเพื่อไตร่ตรอง
29. เปล่าเลย แต่ว่าบรรดาผู้อธรรมได้ปฏิบัติตามอารมณ์ใฝ่ต่ำของพวกเขาโดยปราศจากความรู้ แล้วผู้ใดเล่าจะแนะแนวทางแก่ผู้ที่อัลลอฮฺทรงปล่อยให้เขาหลงทางไปแล้ว และสำหรับพวกเขาจะไม่มีผู้ช่วยเหลือ


คำแปล R5.
๒๖. และเป็นเอกสิทธิ์ของพระองค์เพียงองค์เดียวผู้ที่อยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดิน ไม่ว่าจะเป็นมลาอิกะห์ มนุษย์ ยิน หรือส่ำสัตว์ใด ๆ ก็ตาม ทุก ๆ สิ่งนั้นย่อมภักดีต่อพระองค์โดยพร้อมที่จะรับบัญชาของพระองค์ทุกประการ
๒๗. และพระองค์ คือพระเจ้าผู้ทรงให้กำเนิดแก่สิ่งบันดาลทั้งมวล ให้แต่ละสิ่งได้เกิดขึ้นและมีวิวัฒนาการตามขั้นตอนธรรมชาติของตนเอง จนถึงวาระสุดท้ายแห่งชีวิต ซึ่งจะถูกฝังไว้ในสุสานหลังจากนั้นพระองค์ทรงคืนกลับแก่มันมาสู่สภาพเดิมอีกคำรบหนึ่งด้วยรูปและอาการต่าง ๆ และการบังเกิดแล้วให้คืนกลับสู่สภาพเดิมดังกล่าวนั้น มันเป็นความง่ายดายที่สุดสำหรับพระองค์ที่จะทรงบันดาลให้เป็นไป และย่อมเป็นของพระองค์ ลักษณะอันสูงส่งซึ่งไม่มีผู้ใดเสมอเหมือน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่มีอยู่ในชั้นฟ้าและแผ่นดินก็ตาม และพระองค์ทรงอำนาจยิ่ง ทรงปรีชายิ่ง
๒๘. โอ้ชนมุซริกผู้นับถือสิ่งต่าง ๆ เป็นพระเจ้าเทียมเทียมอัลเลาะห์พระองค์ได้ยกอุทาหรณ์สำหรับพวกเจ้าจากตัวของพวกเจ้าเอง นั่นคือ ที่พวกเจ้าครอบครองด้วยมือขวาของพวกเจ้านั้น มีผู้อื่นเป็นหุ้นส่วนของพวกเจ้าไหม ในสิ่งที่เราได้ประทานเป็นโชคผลแก่พวกเจ้าอันได้แก่ทรัพย์สมบัติต่าง ๆ ที่จริงแล้วพวกเจ้าและพวกเขาในมันนั้นย่อมทัดเทียมกัน โดยแต่ละคนต่างก็ใช้จ่ายทรัพย์สมบัติของตนโดยเอกเทศและอิสระ ไม่มีผู้อื่นเข้าร่วมสิทธิและร่วมการใช้จ่ายนั้น อุปมาดังกล่าวนั้นก็อุปไมยเดียวกันกับอำนาจและสิทธิแห่งอัลเลาะห์เจ้าที่มีต่อมวลสรรพสิ่งทั้งหลายย่อมไม่มีสิ่งใดร่วมเป็นภาคีในอำนาจและเอกสิทธิกับพระองค์ พวกเจ้ากลัวพวกเขาจะเข้ามาแทรกแซงสิทธิประดุจเดียวกับความกลัวของพวกเจ้าที่มีต่อตัวของพวกเจ้าเอง เช่นนั้นแหละที่เราแจกแจงบรรดาโองการของเราแด่กลุ่มชนที่ใช้ปัญญาพิจารณาไตรตรอง
๒๙. แต่ทว่าบรรดาผู้อธรรมทั้งหลายคิดและกระทำตามอารมณ์ของตนเองโดยปราศจากความรู้และมิได้ใช้ปัญญาไตร่ตรองใด ๆ ทั้งสิ้น แล้วจะมีผู้ใดเล่าที่จะชี้นำแก่ผู้ที่อัลเลาะห์ได้ให้ความหลงผิดแก่เขาแล้ว ย่อมไม่มีใครอย่างแน่นอน และพวกเขาจะไม่มีผู้ใดผู้หนึ่งจากบรรดาผู้ช่วยเหลือที่จะทำการช่วยเหลือพวกเขาได้



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 30 - 32


คำอ่าน
30. ฟะอะกิมวัจญฮะกะลิดดีนะหะนีฟา ฟิฏเราะตัลลอฮิลละตี ฟะเฎาะร็อน..นาสะอะลัยฮา ลาตับดีละลิค็อลกิลลาฮิ ซาลิกัดดีนุลก็อยยิม วะลากิน..นะอักษะร็อน..นาสิ ลายะอฺละมูน
31. มุนีบีนะอิลัยฮิ วัตตะกูฮุ วะอะกีมุศเศาะลาตะ วะลาตะกูนูมินัลมุชริกีน
32. มินัลละซีนะฟัรฺเราะกูดีนะฮุม วะกานูชิยะอา กุลลุหิซบิม..บิมาละดัยฮิม ฟะริหูน


คำแปล R1.
30. So set you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) your face towards the Religion of pure Islamic Monotheism Hanifa (worship none but Allah alone) Allah's Fitrah (i.e. Allah's Islamic Monotheism), with which He has created mankind. No change let there be in Khalqillah (i.e. the Religion of Allah Islamic Monotheism), that is the straight religion, but most of men know not. [Tafsir At-Tabari,Vol 21, Page 41]
31. (Always) turning in repentance to Him (only), and be afraid and dutiful to him; and perform As-Salat (Iqamat-as-Salat) and be not of Al-Mushrikun (the disbelievers in the Oneness of Allah, polytheists, idolaters, etc.).
32. Of those who split up their Religion (i.e. who left the true Islamic Monotheism), and became sects, [i.e. they invented new things in the Religion (bid'ah), and followed their vain desires], each sect rejoicing in that which is with it.


คำแปล R2.
30. ดังนั้น (โอ้มุฮำมัด) เจ้าจงหันหน้าของเจ้ามาสู่ศาสนาที่มีความเที่ยงตรงเถิด เป็นศาสนาของอัลเลาะฮฺซึ่งพระองค์ทรงบันดาลมนุษยชาติ(เพื่อให้ยึดมั่น)บนมัน ย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลงสำหรับการบันดาลของอัลเลาะฮฺ นั้นเป็นศาสนาอันมั่นคงแต่มนุษย์จำนวนมากหารู้ไม่
31. โดยพวกเจ้าต้องกลับคืนไปสู่พระองค์ และพวกเจ้าจงยำเกรงพระองค์เถิด และจงดำรงการละหมาด และพวกเจ้าจงอย่าเป็นผู้หนึ่งในพวกที่ตั้งภาคี
32. พวกนั้นเป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้แยกศาสนาของพวกเขาออก (เป็นหลายทัศนะ) และพวกเขาแตกเป็นพรรคอันมากมาย โดยทุก ๆ กลุ่มต่างก็พอใจในสิ่งที่มีอยู่ (ในความนึกคิด)ของพวกเขา(ไม่อาจจะรวมกันให้เป็นทัศนะและกลุ่มเดียวกันได้)


คำแปล R3.
30. ดังนั้น (โอ้นบีและผู้ปฏิบัติตามนบี)จงตั้งหน้าของสูเจ้าโดยสุจริตใจและแท้จริงต่อศาสนานี้ และแน่วแน่ต่อธรรมชาติที่อัลลอฮฺได้ทรงสร้างมนุษยชาติไว้ตามนั้น ไม่อาจมีการเปลี่ยนแปลงในธรรมชาติที่อัลลอฮฺทรงสร้างขึ้นมา นี่คือศาสนาที่ถูกต้องและแท้จริง แต่มนุษย์ส่วนใหญ่ไม่รู้
31. จงหันไปยังอัลลอฮฺ และเกรงกลัวพระองค์และจงดำรงนมาซ และจงอย่าเป็นพวกที่ตั้งภาคี
32. พวกที่ทำให้ศาสนาของพวกเขาแตกแยกและพวกเขาแตกออกเป็นนิกาย แต่ละวกก็รื่นเริงในสิ่งที่เขามีอยู่


คำแปล R4.
30. ดังนั้น เจ้าจงผินหน้าของเจ้าสู่ศาสนาที่เที่ยงแท้ (โดยเป็น) ธรรมชาติของอัลลอฮฺ ซึ่งพระองค์ทรงสร้างมนุษย์ขึ้นมา ไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการสร้างของอัลลอฮฺ นั่นคือศาสนาอันเที่ยงตรง แต่ส่วนมากของมนุษย์ไม่รู้
31. และจงยำเกรงพระองค์ และจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด โดยเป็นผู้ผินหน้ากลับไปสู่พระองค์ และอย่าอยู่ในหมู่ผู้ตั้งภาคี
32. (คือ) ในหมู่ผู้แบ่งแยกศาสนาของพวกเขาออกเป็นนิกายต่าง ๆ และแต่ละหมู่คณะก็พอใจต่อสิ่งที่พวกเขามีอยู่


คำแปล R5.
๓๐. ดังนั้น โอ้มุฮำมัด เจ้าจงดำรงมั่นซึ่งหน้าของเจ้าต่อศาสนาโดยความบริสุทธิ์ กล่าวคือ เจ้าจะต้องพิทักษ์ศาสนาให้สะอาดต่ออัลเลาะห์ ทั้งแก่ตัวของเจ้าและผู้ปฏิบัติตามเจ้า พวกเจ้าจงยึดมั่นศาสนาแท้ของอัลเลาะห์ซึ่งพระองค์ทรงบันดาลมนุษยชาติ ทั้งหลายเพื่อแก่การยึดมั่นอยู่บนมันอย่างแน่นแฟ้นและมั่นคง ย่อมไม่มีการเปลี่ยนแปลงในการบันดาลของอัลเลาะห์ให้หักเหไปเป็นอย่างอื่น ฉะนั้นพวกเจ้าจงอย่าตั้งสิ่งสมมติทั้งหลายขึ้นเป็นภาคีร่วมกับอัลเลาะห์เป็นอันขาด นอกจากต้องยึดมั่นในเอกภาพของพระองค์โดยตลอด นั่นคือศาสนาอันเที่ยงตรง และแต่ทว่ามนุษย์ส่วนมากไม่รู้ซึ้งถึงเอกภาพของพระองค์
๓๑. ศรัทธาชนทั้งหลายเป็นผู้น้อมกลับไปหาพระองค์และพวกเจ้าจงยำเกรงในพระองค์ และจงดำรงการละหมาดเถิดและพวกเจ้าอย่าได้เป็นส่วนหนึ่งจากบรรดาผู้ตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์
๓๒. ซึ่งพวกเขาเป็นกลุ่มชนหนึ่งจากบรรดาผู้ทำความแตกแยกแก่ศาสนาของพวกเขาเองด้วยการกราบไหว้บูชาในพระเจ้าสมมติอันแตกต่างกัน และพวกเขาแตกออกเป็นหลายกลุ่ม โดยแต่ละกลุ่มต่างพึงพอใจในสิ่งที่มีอยู่กับพวกเขา


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 33 - 36


คำอ่าน
33. วะอิซามัสสัน..นาสะ ฎุรฺรุน..ดะเอาร็อบบะฮุม..มุนีบีนะอิลัยฮิ ษุม..มะอิซา อะซาเกาะฮุม..มินฮุ เราะหฺมะตัน อิซาฟะรีกุม..มินฮุม..บิร็อบบิฮิมยุชริกูน
34. ลิยักฟุรูบิมาอาตัยนาฮุม ฟะตะมัตตะอู ฟะเสาฟะตะอฺละมูน
35. อัมอัน..ซัลนาอะลัยฮิม สุลฎอนัน..ฟะฮุวะยะตะกัลป์ละมุ บิมากานูบิฮี ยุชริกูน
36. วะอิซาอะซักนัน..นาสะเราะหฺมะตัน..ฟะริหูบิฮา วะอิน..ตุศิบฮุม สัยยิอะตุม..บิมาก็อดดะมัต อัยดีฮิม อิซาฮุมยักนะฏูน


คำแปล R1.
33. And when harm touches men, they cry sincerely only to their Lord (Allah), turning to Him in repentance, but when He gives them a taste of his Mercy, behold! A party of them associate partners in worship with their Lord.
34. So as to be ungrateful for the graces which we have bestowed on them. Then enjoy (your short life); but you will come to know.
35. Or have we revealed to them a Scripture, which speaks of that which they have been associating with him?
36. And when we cause mankind to taste of Mercy, they rejoice therein, but when some evil afflicts them because of (evil deeds and sins) that their (own) hands have sent forth, lo! They are in despair!


คำแปล R2.
33. และเมื่อเภทภัยหนึ่ง ๆ ได้สัมผัสพวกเขา พวกเขาก็วอนขอต่อองค์อภิบาลของพวกเขา โดยมีจิตนอบน้อมกลับสู่พระองค์ แต่หลังจากนั้น เมื่อพระองค์ให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเมตตา(ความสุข)จากพระองค์ พลันจะมีคนบางกลุ่มจากพวกเขาทำการตั้งภาคีต่อองค์อภิบาลของพวกเขาเอง
34. เพื่อพวกเขาจะได้อกตัญญูต่อสิ่งที่เราได้มอบแก่พวกเขาแล้ว(จะมีผู้พูดว่า) “พวกเจ้าจงเสพสุขไปเถิดแล้วพวกเจ้าจะรู้เอง(ว่าการตอบแทนนั้นสาหัสเพียงใด)”
35. หรือว่า เราได้ลงมายังพวกเขาซึ่งหลักฐานหนึ่ง แล้วพวกเขาก็พูดในสิ่งที่พวกเขาเคยนำมาตั้งภาคี
36. และเมื่อเราได้ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตา แน่นอนพวกเขาก็ย่อมรื่นรมย์ในสิ่งนั้น แต่เมื่อความชั่วร้ายมาประสบแก่พวกเขา เพราะสิ่งที่มือของพวกเขาได้ประกอบมันไว้เอง แน่นอนพวกเขาก็จะรันทดโดยพลัน


คำแปล R3.
33. เมื่อทุกขภัยอันใดเกิดขึ้นแก่มนุษย์ พวกเขาก็วิงวอนต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาโดยหันไปหาพระองค์อย่างนอบน้อม แต่เมื่อพระองค์ได้ทรงทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเมตตาจากพระองค์ พวกเขาก็เริ่มตั้งภาคีต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขา
34. เพื่อที่พวกเขาจะเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ประทานแก่พวกเขา ดังนั้นจงสนุกสานากันไปเถิด เพราะในไม่ช้าสูเจ้าจะได้รู้
35. เราได้ประทานหลักฐานมายังพวกเขาและมันได้ยืนยันเรื่องที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์แล้วใช่ไหม
36. และเมื่อเราได้ทำให้มนุษย์ได้ลิ้มรสความเมตตา พวกเขาก็รื่นเริงในสิ่งนั้น และเมื่อทุกขภัยอันใดเกิดขึ้นแก่พวกเขาอันเนื่องมาจากความผิดที่พวกเขาได้ทำไว้ พวกเขาก็สิ้นหวัง


คำแปล R4.
33. และเมื่อทุกขภัยอันใดประสบแก่มนุษย์ พวกเขาก็วิงวอนขอต่อพระเจ้าของพวกเขา โดยเป็นผู้ผินหน้ากลับไปสู่พระองค์ ครั้นเมื่อพระองค์ได้ทรงให้พวกเขาลิ้มรสความเมตตาจากพระองค์ ณ บัดนั้นหมู่หนึ่งจากพวกเขาก็ตั้งภาคีต่อพระเจ้าของพวกเขา
34. ก็จงเนรคุณต่อสิ่งที่เราได้ให้แก่พวกเขา แล้วก็จงร่าเริงกันต่อไปเถิด แล้วพวกเจ้าจะได้รู้
35. หรือว่าเราได้ให้หลักฐานอันใดแก่พวกเขา เพื่อมันจะได้พูดในสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีต่อพระองค์
36. และเมื่อเราได้ให้มนุษย์ลิ้มรสความเมตตา พวกเขาก็ดีใจต่อมัน และเมื่อทุกข์ร้ายอันใดประสบแก่พวกเขา เนื่องด้วยสิ่งที่มือของพวกเขาประกอบไว้ แล้วพวกเขาก็หมดอาลัย


คำแปล R5.
๓๓. และเมื่ออันตรายได้ประสบแก่มนุษย์โดยอัลเลาะห์ได้บันดาลให้แห้งแล้งและหิวโหย พวกเขาก็จะวอนขอต่อองค์อภิบาลโดยคืนกลับสู่พระองค์อย่างนอบน้อมและพรั่นพรึง แต่แล้วหลังจากนั้นเมื่ออันตรายได้คลี่คลายจากพวกเขาและเมื่อพระองค์ได้ทรงให้พวกเขาได้ลิ้มรสความเมตตาจากพระองค์ ด้วยการโปรยฝนอันชุ่มฉ่ำเพื่อขับไล่ความแห้งแล้งและความหิวโหยที่พวกเขาเคยประสบ พลันก็มีกลุ่มหนึ่งจากคนพวกนั้นกระทำการภาคีต่อองค์อภิบาลของพวกเขาเอง
๓๔. เพื่อพวกเขาเนรคุณต่อสิ่งที่พระองค์ได้ทรงประทานแก่พวกเขา ดังนั้นพวกเจ้าทั้งหลายจงเสพสุขเถิดจากสิ่งประทานดังกล่าวในช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ในโลกนี้เท่านั้น แล้วต่อไปพวกเจ้าก็ทราบเองว่าผลสุดท้ายแห่งการเสพสุขนั้นคือต้องเข้าไปรับกรรมในนรก
๓๕. หรือว่าเราได้หลั่งอำนาจแก่พวกเขาทั้งหลายโดยประทานเหตุผล หลักฐานและคัมภีร์ให้พวกเขานำมายืนยันในการตั้งภาคีแล้วมัน(หลักฐาน) ก็พูดใช้พวกเขาทั้งหลายให้กระทำในสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีขึ้นนั้น ที่จริงเราไม่ได้ให้อำนาจ คือคัมภีร์และหลักฐานดังกล่าวแก่พวกเขาเลย นอกจากพวกเขาจะพร่ำเพ้อไปตามอารมณ์เท่านั้นเอง
๓๖. และเมื่อเราให้มนุษย์ได้ลิ้มรสความเมตตาที่เราโปรดปรานให้ พวกเขาก็พอใจในมัน และหากความเลวร้ายคือความเดือดร้อนต่าง ๆ ประสบแก่พวกเขาอันสืบเนื่องเพราะสิ่งที่มือพวกเขาได้ประกอบไว้แต่กาลก่อน พลันพวกเขาก็จะรันทด รู้สึกท้อแท้ใจและสิ้นหวัง ซึ่งลักษณาการดังกล่าวหาใช่เป็นของศรัทธาชนไม่ ที่จริงศรัทธาชนต้องขอบคุณอัลเลาะห์ในยามสุข และหวังความเมตตาของพระองค์ในยามทุกข์



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 37 - 39


คำอ่าน
37. อะวะลัมยะร็อวอัน..นัลลอฮะ ยับสุฏุรฺริซเกาะ ลิมัย..ยะชา...อุ วะยักดิรฺ อิน..นะฟีซาลิกะละอายาติลลิก็อวมี..ยุอ์มินูน
38. ฟะอาติซัลกุรฺบาหักเกาะฮู วัลมิสกีนะวับนัสสะบีล ซาลิกะค็อยรุลลิลละซีนะ ยุรีดูนะวัจญฮัลลอฮิ วะอุลา..อิกะฮุมุลมุฟลิหูน
39. วะมา..อาตัยตุม..มิรฺริบัลลิยัรฺบุวะ ฟี..อัมวาลิน..นาสิ ฟะลายัรฺบูอิน..ดัลลอฮฺ วะมา..อาตัยตุม..มิน..ซะกาติน..ตุรีดูนะวัจญฮัลลอฮิ ฟะอุลา...อิกะฮุมุลมุฎอิฟูน


คำแปล R1.
37. Do they not see that Allah enlarges the provision for whom He wills and straitens (it for whom He wills). Verily, in that are indeed signs for a people who believe.
38. So give to the kindred his due, and to Al-Miskin (the poor) and to the wayfarer. That is best for those who seek Allah's Countenance, and it is they who will be successful.
39. And that which you give in gift (to others), in order that it may increase (your wealth by expecting to get a better one In return) from other people's property, has no increase with Allah, but that which you give in Zakat seeking Allah's Countenance then those, they shall have manifold increase.


คำแปล R2.
37. และเขาไม่รู้ดอกหรือว่า แท้จริงอัลเลาะฮฺทรงเผื่อแผ่โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงจำกัด(แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์) แท้จริงในนั้นย่อมเป็นนานาสัญลักษณ์ สำหรับกลุ่มชนที่มีศรัทธา
38. ดังนั้นเจ้าจงให้แก่ญาติใกล้ชิด, แก่คนอนาถาและแก่คนพลัดถิ่น ซึ่งสิทธิของเขา (ด้วยการเสียสละทรัพย์สินสงเคราะห์พวกเขา) นั้นเป็นความประเสริฐยิ่งสำหรับบรรดาผู้มุ่งหวังในอัลเลาะฮฺ(ด้วยความบริสุทธิ์ใจ) และพวกเหล่านั้นเป็นพวกได้รับชัยชนะโดยแท้จริง
39. และสิ่งที่พวกเจ้าได้ดำเนินการเกี่ยวกับดอกเบี้ย เพื่อความพอกพูนในทรัพย์สินของมวลมนุษย์นั้น ที่จริงแล้วมันหาได้พอกพูน ณ อัลเลาะฮฺไม่ และสิ่งใดที่พวกเจ้าได้ดำเนินการเกี่ยวกับการบริจาคทานโดยมุ่งหวังต่ออัลเลาะฮฺด้วยบริสุทธิ์ใจ แน่นอนพวกเหล่านั้นเป็นผู้ได้รับรางวัลทวีคูณขึ้น


คำแปล R3.
37. พวกเขาไม่เห็นหรือว่าอัลลอฮฺทรงประทานปัจจัยยังชีพอย่างเหลือหลายแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงจำกัด (แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์) ? แน่นอนในนั้นมีสัญญาณหลายอย่างสำหรับหมู่ชนผู้ศรัทธา
38. ดังนั้น (โอ้บรรดาผู้ศรัทธา) จงให้แก่ญาติสนิทในส่วนที่เขาจะต้องได้และแก่ผู้ขัดสนและผู้เดินทาง นี่คือหนทางที่ดีที่สุดสำหรับบรรดาผู้แสวงหาความโปรดปรานจากอัลลอฮฺ และคนเหล่านี้เท่านั้นที่จะได้รับความสำเร็จที่แท้จริง
39. และดอกเบี้ยที่สูเจ้าให้เพื่อที่จะเพิ่มความมั่งคั่งในทรัพย์สินของผู้คนนั้น ไม่ได้เพิ่มขึ้นในสายตาของอัลลอฮฺ แต่ซะกาตที่สูเจ้าจ่ายไปเพื่อหวังความโปรดปรานจากอัลลอฮฺนั้น ผู้จ่ายมันต่างหากได้เพิ่มพูนความมั่งคั่งของพวกเขาโดยแท้จริง


คำแปล R4.
37. พวกเขามิเห็นดอกหรือว่าแท้จริงนั้นอัลลอฮฺทรงให้กว้างขวางซึ่งเครื่องยังชีพแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ และทรงให้คับแคบ แท้จริงในการนี้ แน่นอน ย่อมเป็นสัญญาณแก่หมู่ชนผู้ศรัทธา
38. จงบริจาคแก่ญาติสนิทซึ่งสิทธิของเขา และแก่ผู้ขัดสนและผู้เดินทางนั่นแหละเป็นการดียิ่งสำหรับบรรดาผู้ปรารถนาพระพักตร์ของอัลลอฮฺ และชนเหล่านั้นแหละพวกเขาเป็นผู้ประสบชัยชนะ
39. และสิ่งที่พวกเจ้าจ่ายออกไปจากทรัพย์สิน (ดอกเบี้ย) เพื่อให้มันเพิ่มพูนในทรัพย์สินของมนุษย์ มันจะไม่เพิ่มพูน ณ ที่อัลลอฮฺและสิ่งที่พวกเจ้าจ่ายไปจากซะกาต โดยพวกเจ้าปรารถนาพระพักตร์ของอัลลอฮฺ ชนเหล่านั้นแหละพวกเขาคือผู้ได้รับการตอบแทนอย่างทวีคูณ


คำแปล R5.
๓๗. และพวกเขาไม่รู้หรือว่าอัลเลาะห์ทรงแผ่โชคผลแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์และทรงจำกัดมันแก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ เพื่อการทดสอบศรัทธาของเขา แท้จริงในนั้นย่อมเป็นสัญลักษณ์อันสำแดงถึงเอกภาพของอัลเลาะห์แด่กลุ่มชนที่มีศรัทธาในสัญลักษณ์เหล่านั้น
๓๘. ดังนั้น โอ้มุฮำมัด เจ้าจงให้แก่ผู้ใกล้ชิดซึ่งสิทธิของเขา และแก่ผู้ยากไร้และผู้เดินทาง นั่นเป็นความดีเลิศสำหรับบรรดาผู้มุ่งประสงค์ในพระพักตร์แห่งอัลเลาะห์และพวกเหล่านั้นย่อมเป็นผู้สมหวังโดยแท้จริง
๓๙. และดอกเบี้ยใด ๆ ที่พวกเจ้าได้ให้แก่กันและกันเพื่อความเพิ่มพูนในทรัพย์สินของมนุษย์นั้น ที่จริงแล้วมันไม่เพิ่มพูน ณ อัลเลาะห์ ผู้ให้สิ่งนั้นย่อมไม่ได้รับผลใด ๆ ทั้งสิ้น และทานใด ๆ ที่พวกเจ้าได้บริจาคให้กันและกัน โดยพวกเจ้ามีความมุ่งหวังโดยบริสุทธิ์ใจต่อพระพักตร์แห่งอัลเลาะห์ ที่จริงพวกเหล่านั้นเป็นผู้ได้ทวีคูณในผลกุศลจากการบริจาคนั้น



ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 40 - 41


คำอ่าน
40. อัลลอฮุลละซีเคาะละกกุม ษุม..มะ เราะซะกกุม ษุม..มะยุมีตุกุม ษุม..มะยุหฺยีกุม ฮัลมิน..ชุเราะกา...อิกุม..มัย..ยัฟอะลุมิน..ซาลิกุม..มิน..ชัยอ์ สุบหานะฮูวะตะอาลาอัม..มายุชริกูน
41. เซาะฮะร็อลฟสาดุฟิลบัรฺริ วัลบะหฺริ บิมากะสะบัตอัยดิน..นาส ลิยุซีเกาะฮุม..บะอฺฎ็อลละซี อะมิลู ละอัลละฮุมยัรฺญิอูน


คำแปล R1.
40. Allฟh is He who created you, hen provided food for you, hen will cause you to die, then (again) He will give you life (on the Day of Resurrection). Is there any of your (so-called) partners (of Allah) that do anything of that ? Glory be to him! And exalted be He above all that (evil) they associate (with Him).
41. Evil (sins and disobedience of Allah, etc.) has appeared on land and sea because of what the hands of men have earned (by oppression and evil deeds, etc.), that Allah may make them taste a part of that which they have done, in order that they may return (by repenting to Allah, and begging his pardon).


คำแปล R2.
40. อัลเลาะฮฺทรงเป็นผู้บันดาลพวกเจ้ามา หลังจากนั้นพระองค์ทรงประทานโชคผลแก่พวกเจ้า หลังจากนั้นพระองค์ให้พวกเจ้าตาย หลังจากนั้นพระองค์ให้พวกเจ้ามีชีวิต มีผู้ใดจากบรรดาภาคีของพวกเจ้าบ้างไหมที่สามารถกระทำการดังกล่าวนั้นได้ พระองค์ทรงบริสุทธิ์ยิ่งนัก และพระองค์ทรงสูงส่งเหนือกว่าสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคีไว้
41. ความเสื่อมโทรมได้ปรากฏขึ้นแล้วทั้งในภาคพื้นดินและภาคพื้นทะเล เพราะการพากเพียรไว้โดยฝีมือของมนุษย์เอง เพื่อพระองค์จะได้ให้พวกเขาลิ้มรส(ของการลงโทษจาก)สิ่งที่พวกเขาได้ปฏิบัติไว้ เพื่อพวกเขาจะได้กลับคืน(สู่พระองค์)


คำแปล R3.
40. อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างสูเจ้า แล้วทรงประทานปัจจัยยังชีพแก่สูเจ้า แล้วได้ทรงทำให้สูเจ้าตาย แล้วหลังจากนั้นก็ทำให้สูเจ้ามีชีวิตขึ้น มีผู้ใดในสิ่งที่สูเจ้าตั้งบึ้นมาเป็นพระเจ้า(ควบคู่กับอัลลอฮฺ)สามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้? มหาบริสุทธิ์ยิ่งแด่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งเหนือสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
41. ความเสื่อมเสียได้ปรากฏขึ้นในแผ่นดินและในน่านน้ำอันเนื่องมาจากการกระทำของมนุษย์เองซึ่งพระองค์จะทรงทำให้พวกเขาได้ลิ้มรสบางอย่างที่พวกเขาได้ทำไว้ เพื่อที่พวกเขาจะหันกลับมาปรับปรุงตนเอง


คำแปล R4.
40. อัลลอฮฺคือผู้ทรงสร้างพวกเจ้า แล้วทรงให้ปัจจัยยังชีพแก่พวกเจ้า แล้วทรงให้พวกเจ้าตาย แล้วทรงให้พวกเจ้าเป็น จะมีผู้ใดบ้างในหมู่ภาคีของพวกเจ้ากระทำสักอย่างหนึ่งจากสิ่งเหล่านั้น มหาบริสุทธิ์แด่พระองค์ และพระองค์ทรงสูงส่งจากสิ่งที่พวกเขาตั้งภาคี
41. การบ่อนทำลาย ได้เกิดขึ้นทั้งทางบกและทางน้ำ เนื่องจากสิ่งที่มือของมนุษย์ได้ขวนขวายไว้เพื่อที่พระองค์จะให้พวกเขาลิ้มรสบางส่วนที่พวกเขาประกอบไว้ โดยที่หวังจะให้พวกเขากลับเนื้อกลับตัว


คำแปล R5.
๔๐. อัลเลาะห์ผู้ทรงบันดาลพวกเจ้าให้เกิดมา หลังจากนั้นพระองค์ได้ประทานโชคผลแก่พวกเจ้า หลังจากนั้นทรงยังความตายแก่พวกเจ้ายังจะมีผู้หนึ่งผู้ใดจากบรรดาหุ้นส่วนของเจ้าอีกหรือที่กระทำสิ่งที่กล่าวมานั้นได้แม้สักเพียงสิ่งเดียว แน่นอนไม่มีผู้ใดนอกจากพระองค์ที่จะกระทำได้ พระองค์ทรงบพิธยิ่งและทรงสูงส่งเกินกว่าที่พวกเขาตั้งภาคีไว้
๔๑. ความเสื่อมได้ประจักษ์ชัดทั้งบนบกและในทะเลเพราะสิ่งที่มือของมนุษย์ได้พากเพียรไว้ ความเสื่อมเหล่านั้นได้แก่ ความแห้งแล้ง ความหิวโหย ความขาดแคลน ซึ่งจะประสบอย่างแพร่ขยายโดยทั่วไป ทั้งนี้เพื่อพระองค์จักทรงให้พวกเขาลิ้มรสกับผลตอบแทนของบางอย่างที่พวกเขาได้ประพฤติไว้ เพื่อพวกเขาจะได้กลับเนื้อกลับตัวเข้าหาอัลเลาะห์


ออฟไลน์ Bangmud

  • ทีมงานบอร์ด
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 2821
  • Respect: +127
    • ดูรายละเอียด

สูเราะฮฺอัรฺรูม อายะฮฺที่ 42 - 45


คำอ่าน
42. กุลสีรูฟิลอัรฺฎิ ฟัน..ซุรูกัยฟะกานะอากิบะตุลละซีนะมิน..ก็อบลฺ กานะอักษะรุฮุม..มุชริกีน
43. ฟะอะกิมวัจญฮะกะลิดดีนิลก็อยยิม..มิน..ก็อบลิ อัย..ยะอ์ติยะเยามุลลามะร็อดดะละฮูมินัลลอฮฺ เยามะอิซี..ยัศศ็อดดะอูน
44. มัน..กะฟะเราะ ฟะอะลัยฮิกุฟรุฮฺ วะมันอะมิละศอลิหัน..ฟะลิอัน..ฟุสิฮิม ยัมฮะดูน
45. ลิยัจญซิยัลละซีนะอามะนู วะอะมิลุศศอลิหาติ มินฟัฏลิฮฺ อิน..นะฮูลายุหิบบุลกาฟิรีน


คำแปล R1.
42. Say (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam): "Travel in the land and see what was the end of those before (you)! Most of them were Mushrikun (the disbelievers in the Oneness of Allah, polytheists, idolaters, etc.)."
43. So set you (O Muhammad Sal-Allaahu 'alayhe Wa Sallam) your face to (the obedience of Allah, your Lord) the straight and right Religion (Islamic Monotheism), before there comes from Allah a Day which none can avert it. On that Day men shall be divided [(in two groups), a group in Paradise and a group in Hell].
44. Whosoever disbelieves will suffer from his disbelief, and whosoever does righteous good deeds (by practising Islamic Monotheism), then such will prepare a good place (in Paradise) for themselves (and will be saved by Allah from his torment).
45. That He may reward those who believe (in the Oneness of Allah Islamic Monotheism), and do righteous good deeds, out of his bounty. Verily, He likes not the disbelievers.


คำแปล R2.
42. จงประกาศเถิด “ท่านทั้งหลายพึงจาริกไปในแผ่นดินเถิด แล้วจงพิจารณา(ศึกษา)ว่า จุดจบของบรรดามวลชนยุคก่อนนั้น เป็นอย่างไรบ้าง คนส่วนมากของพวกเขาล้วนเป็นผู้ตั้งภาคี
43. ดังนั้นเจ้าจงหันหน้าของเจ้าสู่ศาสนาอันมั่นคงเถิดก่อนหน้าที่วัน(ชาติหน้า)อันไม่มีผู้ใดผลักใสมัน(ให้พ้น)จากอัลเลาะฮฺจะพึงอุบัติขึ้น ซึ่งในวันนั้น พวกเขาต่างจะแยกย้ายกัน (ออกไปสู่ที่หมายอันแตกต่างกัน)
44. ผู้ใดอกตัญญู แน่นอนความอกตัญญูของเขาก็ย่อมส่งผลร้ายแก่ตัวเขาเอง และผู้ใดประพฤติความดีงาม แน่นอนพวกเขาเตรียมความสุขไว้ให้ตัวพวกเขาเอง
45. เมื่อพระองค์ทรงตอบสนองแก่มวลผู้ศรัทธาและปฏิบัติความดีทั้งหลาย จากความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงพระองค์ไม่ทรงโปรดบรรดาผู้อกตัญญูทั้งมวล


คำแปล R3.
42. (โอ้ นบี) จงบอกพวกเขาว่า “จงเดินทางไปในแผ่นดินและดูว่าผลสุดท้ายของบรรดาคนก่อนหน้านั้นเป็นอย่างไร พวกเขาส่วนใหญ่เป็นผู้บูชาเทวรูป”
43. ดังนั้น (โอ้ นบี) จงตั้งหน้าของเจ้าให้มั่นยังศาสนาที่แท้จริงก่อนที่วันนั้นจะมาถึง ซึ่งในวันนั้นจะไม่มีการบ่ายเบี่ยงจากอัลลอฮฺ ในวันนั้นพวกเขาจะแตกแยกออกจากกัน
44. ผู้ใดปฏิเสธเขาก็จะต้องแบกรับการปฏิเสธของเขาไว้ และถ้าผู้ใดกระทำความดี แท้จริงพวกเขาก็เตรียมหนทางเพื่อความสำเร็จของพวกเขาเอง
45. ทั้งนี้เพื่อที่อัลลอฮฺจะได้ทรงตอบแทนความโปรดปรานของพระองค์แก่บรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดี แท้จริงพระองค์ไม่ทรงโปรดบรรดาผู้ปฏิเสธ


คำแปล R4.
42. จงกล่าวเถิดมุฮัมมัด “พวกเจ้าจงท่องเที่ยวไปตามแผ่นดิน แล้วจงพิจารณาดูว่าบั้นปลายของกลุ่มชนในอดีตเป็นเช่นไร ส่วนมากของพวกเขาเป็นผู้ตั้งภาคี”
43. ดังนั้น จงมุ่งหน้าของเจ้าเพื่อศาสนาอันเที่ยงธรรม ก่อนที่วันหนึ่งของอัลลอฮฺจะมาถึง ซึ่งไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้ วันนั้นพวกเขาจะแตกแยกกัน (เป็นสองฝ่าย)
44. ผู้ใดปฏิเสธศรัทธา การปฏิเสธศรัทธาก็ตกอยู่กับเขา และผู้ใดกระทำความดี พวกเขาก็เตรียมที่พักไว้สำหรับตัวของพวกเขาเอง
45. เพื่อที่พระองค์จะทรงตอบแทนบรรดาผู้ศรัทธาและกระทำความดีทั้งหลาย ด้วยความดีของพระองค์ แท้จริงพระองค์ไม่ทรงชอบพวกปฏิเสธศรัทธา


คำแปล R5.
๔๒. โอ้มุฮำมัด เจ้าจงประกาศแก่พวกเขาเถิดว่า พวกเจ้าจงจาริกไปในแผ่นดินสิ แล้วจงพินิจพิเคราะห์ว่าจุดจบของบรรดาประชาชาติเมื่อก่อนนั้นเป็นอย่างไร พวกนั้นส่วนมากเป็นผู้ตั้งภาคีต่ออัลเลาะห์ ดังนั้นพวกนั้นจึงประสบกับภัยนานาชนิด
๔๓. ดังนั้นเจ้าจงดำรงมั่นซึ่งใบหน้าของเจ้ากับศาสนาอิสลามอันเที่ยงตรงเถิด ก่อนที่วันหนึ่งจะมาถึง ซึ่งวันนั้นไม่มีผู้ผลักไสมันจากอัลเลาะห์ได้ นอกจากทุก ๆ คนจะต้องยอมรับและต้องพบกับมันโดยพร้อมเพรียงกัน นั่นคือวันปรภพ วันนั้นพวกเขาต่างก็แยกย้ายกันไปภายหลังจากได้รับการสอบสวนแล้ว บ้างก็ไปสู่สวรรค์ บ้างก็ไปนรก
๔๔. ผู้ใดเนรคุณ ความเนรคุณของเขาก็ย่อมประสบผลเหนือเขา โดยต้องได้รับการตอบแทนด้วยการลงนรก และผู้ใดปฏิบัติความดี แน่นอนพวกเขาย่อมตระเตรียมสถานที่พำนักอันบรมสุขในสวรรค์สำหรับตัวของพวกเขาเอง
๔๕. เพื่อพระองค์จักทรงตอบแทนบรรดาผู้มีศรัทธาและปฏิบัติความดีต่าง ๆ ด้วยสวรรค์ โดยสิ่งนั้นพวกเขาได้รับจากความโปรดปรานของพระองค์ แท้จริงพระองค์ไม่รักบรรดาผู้เนรคุณทั้งหลาย



 

GoogleTagged