ผู้เขียน หัวข้อ: อาหารที่ไม่ใช่ร้านมุสลิม ทานได้หรือไม่  (อ่าน 2500 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Chanomsod

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด


 :salam:

อาหารประเภท ของหวาน ไม่ว่าจะเป็น ขนมไทย กล้วยทอด เค้ก ที่ไม่ใช่ร้านมุสลิม สามารถรับประทานได้หรือไม่คะ

ออฟไลน์ Muftee

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 1899
  • เพศ: ชาย
  • ตั้งใจเข้าไว้นะ มุฟตีย์น้อย
  • Respect: +190
    • ดูรายละเอียด
Re: อาหารที่ไม่ใช่ร้านมุสลิม ทานได้หรือไม่
« ตอบกลับ #1 เมื่อ: พ.ย. 30, 2012, 09:47 PM »
0

 :salam:

อาหารประเภท ของหวาน ไม่ว่าจะเป็น ขนมไทย กล้วยทอด เค้ก ที่ไม่ใช่ร้านมุสลิม สามารถรับประทานได้หรือไม่คะ


อาหารที่ทำโดยคนที่ไม่ใช่มุสลิมนั้น สามารถรับประทานได้ หากว่าเรามั่นใจว่า มันไม่ได้ถูกเจือปนด้วยของต้องห้าม เช่น ส่วนผสมจากหมู ,ส่วนผสมจากเหล้า ,ส่วนผสมจากเบียร์ เป็นต้น เพราะอาหารในเมืองไทยหลายชนิดที่ถูกผลิดโดยต่างศาสนิก แต่ถูกรับรองโดยศูนย์ฮาลาล แห่งประเทศไทย ว่ากินได้ ปลอดภัย นั่นก็เพราะไม่มีส่วนผสมที่ต้องห้ามตามหลักการศาสนา

แต่เราจะมั่นใจได้หรือไม่ว่า ของที่ถูกทำขึ้นในร้านของต่างศาสนิกดังที่กล่าวมาข้างต้น จะไม่มีส่วนผสมของสิ่งต้องห้าม ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงสิ่งดังกล่าวเสียดีกว่าครับ และจะได้เป็นการรักษาตัวเองให้พ้นจากสิ่งที่คลุมเครืออีกด้วย


วัลลอฮุ ตะอาลา อะลา วะ อะลัม
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: พ.ย. 30, 2012, 09:50 PM โดย Muftee »
// อะฮฺลิสสุนนะฮฺ อัล-อะชาอิเราะฮฺ...สักวันนึง เราต้องเป็นอุละมาอฺที่ยิ่งใหญ่ อินชาอัลลอฮฺ //

ออฟไลน์ nada-yoru

  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4010
  • เพศ: หญิง
  • แสงและเงา
  • Respect: +134
    • ดูรายละเอียด
Re: อาหารที่ไม่ใช่ร้านมุสลิม ทานได้หรือไม่
« ตอบกลับ #2 เมื่อ: พ.ย. 30, 2012, 11:58 PM »
0
อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

ไม่ได้เข้ามาตอบนะคะ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ค่ะ

...ทุกวันนี้ มื้อเที่ยงช่วงวันทำงาน
ชีวิตจะผูกติดอยู่กับร้านอาหารแค่สองร้าน...
เพราะว่าที่ทำงานอยู่แถวๆย่านสุขุมวิท...
ทำให้ร้านอาหารมุสลิมเราแทบหาไม่ค่อยได้...

แต่ก็ยังโชคดีค่ะ อัลฮัมดุลิลลาฮ์
ใกล้ที่ทำงานมีร้านมุสลิมอยู่ร้านนึง...

ซึ่งร้านที่กินประจำคือร้านอาหารมุสลิมที่กินได้แค่สามเมนู
นั่นคือ ข้าวหมกกับซุปไก่และสลัดแขก เพราะซุปหางวัว
ดันกินไม่ได้ เลยกินได้แค่นั้น และแค่นั้นจริงๆค่ะ
จนพี่ๆน้องๆที่บริษัทบอกว่ากินแบบนั้นทุกวันได้ยังไง...
ข้าน้อยก็บอกว่า ก็อร่อยดี แม้จะมีเบื่อๆไปบ้าง
แต่ก็กินเพื่ออยู่ค่ะ...ที่สำคัญคือ เราสบายใจค่ะ
สบายใจว่าสิ่งที่เรากินไปมันฮาลาล...

แต่ร้านมุสลิมร้านนั้นซึ่งมีอยู่ร้านเดียวทั้งร้านในแถบนั้น
อาหารจะหมดเร็วมากค่ะ หมดก่อนเที่ยง
ถ้าไปหลังเที่ยง ก็อาจจะมีอดได้ค่ะ...บางวันงานติดพัน
จนไม่สามารถออกไปกินข้าวเที่ยงก่อนเที่ยงได้
ก็ต้องไปกินอีกร้านค่ะ ซึ่งไม่ใช่ร้านมุสลิมเรา
แต่เป็นร้าน "มังสวิรัต"

ซึ่งร้านนั้นจะมีแต่อาหารพวกมังสวิรัตเท่านั้นค่ะ
เพราะเจ้าของร้าน เขาไม่กินเนื้อ กินเจตลอดชีพ...
ไม่ใช่กินแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น...

ข้าน้อยสืบมาจนแน่แก่ใจแล้ว จึงไปกินร้านนั้น
หากไปกินที่ร้านมุสลิมไม่ทัน...

ซึ่งอาหารเจของเขาก็อร่อยดีค่ะ เป็ดไก่ที่ทำจากเต้าหู้
ก็ดูน่ากินดีค่ะ...ติดตรงที่ราคาจะค่อนข้างแพงมากเลยทีเดียว

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกให้กับพี่น้องมุสลิมเรารู้ก็คือ

หากเราคิดว่า...เราเข้าร้านอาหารต่างศาสนิก...
แล้วไม่ได้กินเมนูท่ีมีหมู ไม่มีของฮาราม..
แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าภาชนะของเขาจะไม่ปนเปื้อน
หรือกะทะที่เขาใช้ผัด หม้อที่เขาใช้ต้มน้ำมันจะไม่เคย
ผ่านการทอดหมู ตุ๋นเนื้อหมูด้วย...

แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่ามีด เขียง และตะแครง
จะไม่ผ่านการหั่นและรองรับเนื้อหมู...ในเมื่อเจ้าของร้าน
เขากินเนื้อหมู...

เพราะต่อให้เป็นร้านส้มตำก็ตามที...
มีดที่เขาใช้หั่นมะละกอหรือหั่นโน่นหั่นนี่
อาจจะหั่นหมูด้วยก็ได้ เพราะเขาก็ใช้มีดเล่มนั้นแหล่ะค่ะ
ในการทำกับข้าวกินเอง...คงไม่มีแม่ค้าต่างศาสนิกคนไหน
จะละเอียดถึงขั้นใช้มีดหั่นเนื้อกับหั่นผักคนละเล่มกัน...

เรื่องแบบนี้ ผู้หญิงที่เข้าครัวทำอาหารจะเข้าใจดี
เลยเกิดอาการระแวงได้เสมอน่ะค่ะ พอระแวง
เราก็จะไม่สบายใจเวลากิน...เลยทำให้เราไม่มีความสุข
กับการกิน...

อยู่ญี่ปุ่นมาถึงต้องเข้าครัวทำอาหาร...แม้เวลาจะไม่มี
แต่เพื่อปากท้องของเราเองเราก็ต้องทำมันให้ได้...

เพราะอาหารที่กินไปจะกลายเป็นเลือดเนื้อของเรา...
ถ้าอาหารนั้นสะอาด เลือดเนื้อของเราก็จะสะอาด...

จึงจำเป็นแก่เราที่จะต้องคัดสรรสิ่งดีๆเพื่อตัวเราเอง...

อัลลอฮฺใช้ให้เราทำเพื่อตัวเราเอง...
มันคือ สิ่งที่ดีกับตัวเราเอง...

หากเราละเอียดเรื่องปากท้อง เราก็จะละเอียดกับ
การใช้ชีวิต...จิตใจเราก็จะละเอียดอ่อนตาม...

คำว่าละเอียดอ่อนในที่นี้ ไม่ได้หมายรวมหรือแปลว่า
จุกจิกจู้จี้นะคะ แม้สองคำนี้เหมือนจะใกล้เคียงกัน
แต่ในทางความเป็นจริงแล้ว มันคนละอย่างกันค่ะ...

เพราะคนจู้จี้จุกจิก จะขี้บ่น
แต่คนที่ละเอียดอ่อนต่อรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆ
ไม่จำเป็นต้องเป็นคนขี้บ่นก็ได้ค่ะ
เพียงแต่จะไม่ใช่คนที่อะไรก็ได้เสมอไปน่ะค่ะ...

ผู้หญิงมักมีสิ่งเหล่านี้อยู่...เลยไม่แปลกที่บางเรื่องผู้ชาย
จะคิดไม่ถึง แต่ผู้หญิงคิดไปไกลแล้ว...อิอิอิ...

...ไม่มีอะไรจะชนะความอดทนได้ค่ะ...
...ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่บนความอดทน จะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้
ไม่เว้นแม้แต่ใจตนเอง...

และการรู้เท่าทันตนเอง ก็ย่อมดีกว่าการรู้เท่าทันคนอื่น
เป็นร้อยเท่าพันเท่า...

เพราะถ้าเรารู้เท่าทันตัวเอง เราจะเอาชนะใจเรา
และตัวของเราได้โดยไม่ยาก...

แต่สำคัญตรงที่ว่า หากขาดความอดทน
คนๆนั้นก็จะไม่อาจเอาชนะตัวเองได้น่ะค่ะ...
และก็ไม่อาจเอาชนะใครได้อย่างแท้จริง...

เราทำเท่าที่เราสามารถทำได้
อัลลอฮฺทรงรู้ดีว่าเราสามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน

วัสลามค่ะ






"และข้ามิได้สร้างญิน และมนุษย์เพื่ออื่นใด เว้นแต่เพื่อเคารพภักดีต่อข้า"

(ซูเราะฮฺ อัซซาริยาต อายะอฺที่ 56)

ออฟไลน์ BasemDeen

  • เพื่อนสนิท (._.")
  • ***
  • กระทู้: 260
  • Respect: +9
    • ดูรายละเอียด
Re: อาหารที่ไม่ใช่ร้านมุสลิม ทานได้หรือไม่
« ตอบกลับ #3 เมื่อ: ธ.ค. 01, 2012, 06:50 AM »
0
อัสลามุอะลัยกุม วะเราะมาตุลลอฮฺ วะบารอกาตุ

ไม่ได้เข้ามาตอบนะคะ แค่อยากแชร์ประสบการณ์ค่ะ

...ทุกวันนี้ มื้อเที่ยงช่วงวันทำงาน
ชีวิตจะผูกติดอยู่กับร้านอาหารแค่สองร้าน...
เพราะว่าที่ทำงานอยู่แถวๆย่านสุขุมวิท...
ทำให้ร้านอาหารมุสลิมเราแทบหาไม่ค่อยได้...

แต่ก็ยังโชคดีค่ะ อัลฮัมดุลิลลาฮ์
ใกล้ที่ทำงานมีร้านมุสลิมอยู่ร้านนึง...

ซึ่งร้านที่กินประจำคือร้านอาหารมุสลิมที่กินได้แค่สามเมนู
นั่นคือ ข้าวหมกกับซุปไก่และสลัดแขก เพราะซุปหางวัว
ดันกินไม่ได้ เลยกินได้แค่นั้น และแค่นั้นจริงๆค่ะ
จนพี่ๆน้องๆที่บริษัทบอกว่ากินแบบนั้นทุกวันได้ยังไง...
ข้าน้อยก็บอกว่า ก็อร่อยดี แม้จะมีเบื่อๆไปบ้าง
แต่ก็กินเพื่ออยู่ค่ะ...ที่สำคัญคือ เราสบายใจค่ะ
สบายใจว่าสิ่งที่เรากินไปมันฮาลาล...

แต่ร้านมุสลิมร้านนั้นซึ่งมีอยู่ร้านเดียวทั้งร้านในแถบนั้น
อาหารจะหมดเร็วมากค่ะ หมดก่อนเที่ยง
ถ้าไปหลังเที่ยง ก็อาจจะมีอดได้ค่ะ...บางวันงานติดพัน
จนไม่สามารถออกไปกินข้าวเที่ยงก่อนเที่ยงได้
ก็ต้องไปกินอีกร้านค่ะ ซึ่งไม่ใช่ร้านมุสลิมเรา
แต่เป็นร้าน "มังสวิรัต"

ซึ่งร้านนั้นจะมีแต่อาหารพวกมังสวิรัตเท่านั้นค่ะ
เพราะเจ้าของร้าน เขาไม่กินเนื้อ กินเจตลอดชีพ...
ไม่ใช่กินแค่ช่วงเทศกาลเท่านั้น...

ข้าน้อยสืบมาจนแน่แก่ใจแล้ว จึงไปกินร้านนั้น
หากไปกินที่ร้านมุสลิมไม่ทัน...

ซึ่งอาหารเจของเขาก็อร่อยดีค่ะ เป็ดไก่ที่ทำจากเต้าหู้
ก็ดูน่ากินดีค่ะ...ติดตรงที่ราคาจะค่อนข้างแพงมากเลยทีเดียว

ซึ่งสิ่งหนึ่งที่อยากจะบอกให้กับพี่น้องมุสลิมเรารู้ก็คือ

หากเราคิดว่า...เราเข้าร้านอาหารต่างศาสนิก...
แล้วไม่ได้กินเมนูท่ีมีหมู ไม่มีของฮาราม..
แต่เราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าภาชนะของเขาจะไม่ปนเปื้อน
หรือกะทะที่เขาใช้ผัด หม้อที่เขาใช้ต้มน้ำมันจะไม่เคย
ผ่านการทอดหมู ตุ๋นเนื้อหมูด้วย...

แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไร ว่ามีด เขียง และตะแครง
จะไม่ผ่านการหั่นและรองรับเนื้อหมู...ในเมื่อเจ้าของร้าน
เขากินเนื้อหมู...

เพราะต่อให้เป็นร้านส้มตำก็ตามที...
มีดที่เขาใช้หั่นมะละกอหรือหั่นโน่นหั่นนี่
อาจจะหั่นหมูด้วยก็ได้ เพราะเขาก็ใช้มีดเล่มนั้นแหล่ะค่ะ
ในการทำกับข้าวกินเอง...คงไม่มีแม่ค้าต่างศาสนิกคนไหน
จะละเอียดถึงขั้นใช้มีดหั่นเนื้อกับหั่นผักคนละเล่มกัน...

เรื่องแบบนี้ ผู้หญิงที่เข้าครัวทำอาหารจะเข้าใจดี
เลยเกิดอาการระแวงได้เสมอน่ะค่ะ พอระแวง
เราก็จะไม่สบายใจเวลากิน...เลยทำให้เราไม่มีความสุข
กับการกิน...

อยู่ญี่ปุ่นมาถึงต้องเข้าครัวทำอาหาร...แม้เวลาจะไม่มี
แต่เพื่อปากท้องของเราเองเราก็ต้องทำมันให้ได้...

เพราะอาหารที่กินไปจะกลายเป็นเลือดเนื้อของเรา...
ถ้าอาหารนั้นสะอาด เลือดเนื้อของเราก็จะสะอาด...

จึงจำเป็นแก่เราที่จะต้องคัดสรรสิ่งดีๆเพื่อตัวเราเอง...

อัลลอฮฺใช้ให้เราทำเพื่อตัวเราเอง...
มันคือ สิ่งที่ดีกับตัวเราเอง...

หากเราละเอียดเรื่องปากท้อง เราก็จะละเอียดกับ
การใช้ชีวิต...จิตใจเราก็จะละเอียดอ่อนตาม...

คำว่าละเอียดอ่อนในที่นี้ ไม่ได้หมายรวมหรือแปลว่า
จุกจิกจู้จี้นะคะ แม้สองคำนี้เหมือนจะใกล้เคียงกัน
แต่ในทางความเป็นจริงแล้ว มันคนละอย่างกันค่ะ...

เพราะคนจู้จี้จุกจิก จะขี้บ่น
แต่คนที่ละเอียดอ่อนต่อรายละเอียดปลีกย่อยเล็กๆน้อยๆ
ไม่จำเป็นต้องเป็นคนขี้บ่นก็ได้ค่ะ
เพียงแต่จะไม่ใช่คนที่อะไรก็ได้เสมอไปน่ะค่ะ...

ผู้หญิงมักมีสิ่งเหล่านี้อยู่...เลยไม่แปลกที่บางเรื่องผู้ชาย
จะคิดไม่ถึง แต่ผู้หญิงคิดไปไกลแล้ว...อิอิอิ...

...ไม่มีอะไรจะชนะความอดทนได้ค่ะ...
...ผู้ที่ตั้งมั่นอยู่บนความอดทน จะสามารถเอาชนะทุกสิ่งได้
ไม่เว้นแม้แต่ใจตนเอง...

และการรู้เท่าทันตนเอง ก็ย่อมดีกว่าการรู้เท่าทันคนอื่น
เป็นร้อยเท่าพันเท่า...

เพราะถ้าเรารู้เท่าทันตัวเอง เราจะเอาชนะใจเรา
และตัวของเราได้โดยไม่ยาก...

แต่สำคัญตรงที่ว่า หากขาดความอดทน
คนๆนั้นก็จะไม่อาจเอาชนะตัวเองได้น่ะค่ะ...
และก็ไม่อาจเอาชนะใครได้อย่างแท้จริง...

เราทำเท่าที่เราสามารถทำได้
อัลลอฮฺทรงรู้ดีว่าเราสามารถทำอะไรได้มากน้อยแค่ไหน

วัสลามค่ะ
เคยเหมือนกัน มีร้านแถวที่ทำงาน บางวันไปไม่ทัน หมดซะก่อน ไม่ได้กิน
ตอนแรก ยอมอด เพราะใจผมคิดว่า วันนั้นอัลเลาะห์ประสงค์ให้อด
ตอนหลัง พก ถัั่ว1ซอง นมหนึ่่งกล่อง เพราะใจคิดว่า วันนั้นอัลเลาะฮ์ประสงค์ให้ทานนม+ถั่ว
ตอนหลังๆ ห่อข้าวไปกินเอง เพราะใจคิดว่า อัลเลาะห์ทดสอบผมว่า ที่ว่าศรัทธานั่นนะ จะแค่ไหน
ตอนนี้ ออกจากงาน ย้ายกลับบ้าน แต่ไม่ใช่ด้วยเหตุข้างต้น
และซึ้งแล้วว่า แท้จริงอัลเลาะห์ทดสอบผม

ออฟไลน์ Chanomsod

  • เพื่อนใหม่ (O_0)
  • *
  • กระทู้: 27
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: อาหารที่ไม่ใช่ร้านมุสลิม ทานได้หรือไม่
« ตอบกลับ #4 เมื่อ: ธ.ค. 01, 2012, 10:00 AM »
0
 :salam:

ยะซากั้ลลอฮุค็อยร็อนค่ะ

ส่วนตัวเป็นคนชอบกินชาเย็น โกโก้เย็น มาก
มีอยู่วันนึงไปซื้อน้ำชาเย็น แถวที่ทำงาน

ร้านข้างๆ ซึ่งเป็นร้านขายขนมปังปิ้ง ไม่ว่าจะเป็น
หน้าเนย หน้าสตอเบอร์รี่ รวมถึงหน้าหมูหยอง
ขณะกำลังรอคนขายอยู่
ก็แอบไปเห็นคนขายร้านข้างๆ มาช่วยร้านน้ำตักน้ำแข็ง
แต่ตอนขายขนมปังปิ้งเค้าใส่ถุงพลาสติกตอนปิ้งขนมปัง
ตอนนั้นก็ลังเลใจเหมือนกันว่าจะกินดีมั้ย


ใจเราก็อยากกิน แต่ก็รู้สึกไม่แน่ใจ
สุดท้าย หลังจากกินไปได้หน่อยนึง
ก้อตัดสินใจทิ้งดีกว่า เพราะความไม่มั่นใจ

เจอเหตุการณ์คล้ายๆ แบบนี้ 2-3 ครั้ง
บ้างก้อเจอคนขายนั่งกินข้าวอยู่

แต่เจออยู่ครั้งนึง
ครังนี้หนักสุดๆ
เป็นร้านน้ำใต้หอพักของจุฬาฯ
ร้านนี้ปั่นอร่อยมาก

ขณะที่ยืนรอน้ำไมโลปั่นอยู่
ซึ่งเราเองก็ชอบมองเวลาคนขายกำลังทำ ใส่นู่นใส่นี่


ครั้งแรกเห็นคนขายใช้มือตัวเอง ตักน้ำแข็งออกจากเครื่องปั่น
ตอนนั้น เฮ้ย!!!!  แต่ก้อคิดว่าไม่เปนไร เด๋วอ่านดุอา เอา

ครั้งที่สองหลังจากจ่ายเงินเสร็จ ก็เดินออกมาทางหลังร้าน
ปรากฎว่า เจอคนขายคนเดิมที่ปั่นน้ำให้เรา
เดินถือถาด บนถาดมีหัวหมูสดๆ อยู่
แบบน่ากลัวมาก
เห็นแล้วตกใจเลย
แถมคนขายหันมายิ้มให้เราอีก

สุดท้ายเราเลยต้องยกน้ำแก้วนั้น ให้พี่ยามไป
พี่ยามเค้าก็คง งงๆ กับเราเหมือนกัน
แต่เค้าก็รับไปแต่โดยดี

 ;D


 

GoogleTagged