
ญุมฮูร ฟุกอฮาอุ ได้กล่าวเอาไว้โดยรวมเกี่ยวกับการสัมผัสสตรีเพศ ว่า ไม่อนุญาติให้สัมผัสสตรีไม่ว่าจะสาว หรือ ชรา ในขนะที่นางมีชีวิตอยู่ (ซาเราะห์ อ่ัสซอฆีร 1/290 บีดาเอี้ย 6/259 มุฆนีย์ 3/132 มัญมั้ว 1/34-41 )
หลักฐานของญุมฮูร (คือฮาดิษของพระนางอาอีซะห์ว่า ท่าน นบี นั้นจะไม่สัมผัสสตรีเพสเลย ด้วยกับมือของท่าน บันทึก โดย มุสลิม 3/1489) เพราะการสัมผัสนั้นทำให้เกิดความอร่อยและอารมณ์มากกว่าการมองเสียอีก
ส่วน ซาฟีอียะห์ ไม่อนุญาติให้สัมผัสหน้าสตรี ถึงแม้จะอนุญาติให้มองในการหมั้นได้ก็ตาม เช่นเดียวกัน คือ มือ
ส่วนฮานาฟียะห์ ถ้าชราอนุญาติให้สัมผัสได้เพราะไม่มีฟิตนะห์เกิดขึ้น (บีดาเอี้ย 6/259 ตับยีนุล อัลฮา่กออิก 6/18
...
( การสัมผัสมือระหว่างชายหญิงที่แต่งงานกันได้)อุลามาอุมีความเห็นต่างกัน และก็แยกระหว่างสตรีที่ชราด้วย
(1) การสัมผัสของชายหญิงที่ชรา โดยฝ่ายหญิงก็ไม่มีความรู้สึกทางเพศ และฝ่ายชายก็เช่นเดียวกัน แปลว่าไม่มีความรู้สึกทั้ง 2 ฝ่าย อย่างนี้ อนุญาติให้ ในทัศนะ ฮานาฟียะห์ และ ฮานาบีละห์ (บีดาเอี้ย อัซซอนาเอี้ย 5/123 )
้้
ส่วน มาลีกียะห์ ถือว่าฮารามโดยไม่แยกว่าชราหรือไม ( กีฟายะตุฏฏอเล็บ อัลร็อบบานีย์ 2/437 )
ส่วน ซาฟีอียะห์ กล่าวเช่นเดียวกับ มาลีกียะห์ ว่าฮาราม (มุฆนีย์ อัลมุหตาญุ 3/132-135)
(2) การสัมผัสชองชายหญิงที่ยังสาวๆหรืออยู่ในวัยที่มีความรู้สึกทางเพศ
ดังนั้นญุมฮูรทั้ง ฮานาฟียะห์ มาลีกียะห์ ซาฟีอียะห์ และฮัมบาลียะห์ในคำพูดที่ถูกเลือก และ อิบนุ ตัยมียะห์ ถือว่า ฮาราม
แต่ฝ่ายฮานาฟียะห์ มีเงื่อนไขว่า ฝ่ายหญิงนั้นต้องมีอารมณ์ หรือความรู้สึกด้วย
ส่วนฮัมบาลียะห์ ถือว่า ฮาราม ไม่ว่าจะมีสิ่งที่กลั่นหรือไม่ก็ตาม
( ตับยีนุล ฮากออิก 6/18) (ฟาตาวา ฮันดียะห์ 5/329) ( อารีเฎาะห์ อะห์วาซียุ 7/95-96) (มุนตะกอ 7/308) ( อัสการ 228) ( ซาเราะห์มุสลิม 13/10 ) ( ฟัตฮุลบาลีย์ 11/46) (อัลอดาบ อัซซัรอียะห์ 2/269)