ผู้เขียน หัวข้อ: ไวยากรณ์ภาษามลายู - “คำชนิดต่างๆ ในภาษามลายู”  (อ่าน 8280 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด

Dengan Nama Allah, Yang Amat Pemurah, lagi Amat Pengasihani
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ พระผู้ทรงเมตตายิ่ง พระผู้ทรงกรุณายิ่ง



          คำในภาษามลายูก็เหมือนคำในภาษาอื่นๆ ของโลกที่ต่างมีคำหลากหลายชนิดในภาษาของตนเอง ซึ่งในการสร้างประโยคหนึ่งขึ้นมานั้น ก็จะต้องอาศัยคำเหล่านี้ในการประติประต่อเป็นประโยคหนึ่งเพื่อใช้ในการสื่อสารระหว่างกัน โดยแต่ละคำก็จะมีหน้าที่และวิธีการใช้ที่แตกต่างกันออกไป โดยขึ้นอยู่กับสภาพธรรมชาติแต่เดิมของคำชนิดนั้นๆ รวมถึงบริบทในการใช้อีกด้วย ซึ่งในส่วนของภาษามลายูนั้น ก็อาจจะจำแนกคำออกเป็นชนิดต่างๆ ได้ดังนี้

          1.) Kata Nama (คำนาม)
               1.1) Kata Nama Am (คำนามสามัญ)
               1.2) Kata Nama Khas (คำนามวิสามัญ)
               1.3) Kata Ganti Nama (คำสรรพนาม)
               1.4) Kata Bilangan (คำชี้จำนวน)
          2.) Kata Adjektif (คำคุณศัพท์)
          3.) Kata Kerja (คำกริยา)
          4.) Kata Sendi (คำบุพบท)
          5.) Kata Keterangan (คำวิเศษณ์)
          6.) Kata Hubung (คำเชื่อม)
          7.) Kata Seru (คำอุทาน)
          8.) Kata Sandang (คำนำหน้านาม)

          จากชนิดคำข้างต้นนี้ สามคำแรกอันได้แก่ Kata Nama, Kata Adjektif และ Kata Kerja นั้น เป็นคำที่เมื่ออยู่โดดๆ ก็มีความหมายสมบูรณ์ในตัวอยู่แล้ว

          ส่วนคำที่เหลือนั้นเป็นคำที่มิอาจอยู่โดดๆ โดยมีความหมายสมบูรณ์ในตัวได้ แต่จะมีหน้าที่ในการกำหนดทิศทางความหมายของประโยคหนึ่งๆ ได้ เพราะฉะนั้น Kata Sendi, Kata Keterangan, Kata Hubung, Kata Seru และ Kata Sandang จึงถูกอยู่อยู่ในชนิด Kata Tugas หรือ "คำหน้าที่" นั่นเอง


          ฉะนั้น ชนิดคำหลักๆ ก็จะประกอบไปด้วยดังนี้

          1.) Kata Nama (คำนาม)
          2.) Kata Adjektif (คำคุณศัพท์)
          3.) Kata Kerja (คำกริยา)
          4.) Kata Tugas (คำหน้าที่)

__________________________________________
เรียนรู้ไวยากรณ์ภาษามลายูเพิ่มเติมได้ที่ -=> Tatabahasa BM
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 23, 2011, 09:28 AM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
1.) Kata Nama

            หมายถึง คำที่ใช้เรียกสิ่งๆ หนึ่ง ทั้งที่อยู่สภาพที่เป็นรูปธรรม (Konkrit) และนามธรรม (Abstrak) หรือมีชีวิต (Hidup) และไม่มีชีวิต (Tak Hidup) ซึ่งโดยปกติแล้วจะใช้เรียกสิ่งที่เกี่ยวข้องกับสิ่งดังต่อไปนี้คือ

            - มนุษย์ (Manusia) เช่น ibu (แม่), ayah (พ่อ), raja (ราชา), guru (ครู), murid (ลูกศิษย์) ฯลฯ
            - สัตว์ (Binatang) เช่น burung (นก), kambing (แพะ), arnab (กระต่าย), ayam (ไก่), ikan (ปลา) ฯลฯ
            - สิ่งของ (Benda) เช่น buku (หนังสือ), almari (ตู้), kolam (อ่างเก็บน้ำ), basikal (จักรยาน), meja (โต๊ะ) ฯลฯ
            - พืชพันธุ์ (Tumbuhan) เช่น mawar (กุหลาบ), durian (ทุเรียน), kelapa (มะพร้าว), kubis (กะหล่ำปลี), cambu (ชมพู่) ฯลฯ
            - ความคิด (Pemikiran) เช่น kaji (ศึกษา/วิจัย), pikir (คิด), renung (ไตร่ตรอง), analisa (วิเคราะห์), bicara (พิจารณา) ฯลฯ
            - ความเชื่อ (Kepercayaan) เช่น Islam (อิสลาม), Buda (พุทธ), Kristian (คริสต์), Hindu (ฮินดู), Bahai (บาไฮ) ฯลฯ
            - ความรู้สึก (Perasaan) เช่น suka (ชอบ), benci (เกลียด), cinta (รัก), marah (โกรธ), bimbang (ห่วงใย) ฯลฯ
            - รสชาติ (Rasa) เช่น manis (หวาน), tawar (จืด), pedas (เผ็ด), pahit (ขม), masam (เปรี้ยว) ฯลฯ

            ในภาษาไทยจะเรียกคำชนิดนี้ว่า “คำนาม” นั่นเอง นอกจากนี้ Kata Nama ยังถือเป็นส่วนหลักของประโยคอีกด้วย


            อนึ่ง เมื่อคำใดมี Kata Bilang (คำชี้จำนวน) นำหน้าคำ หรือมี Kata Ganti Tunjuk (คำสรรพนามเจาะจง) คือคำ ini (นี้. นี่) หรือ itu (นั้น, นั่น) ต่อท้ายคำ คำนั้นถือเป็น Kata Nama


            นอกจากนี้ Kata Nama ยังจะถูกแยกย่อยออกมาเป็นอีกสามชนิดคำ ได้แก่
            1.) Kata Nama Am (คำนามสามัญ)
            2.) Kata Nama Khas (คำนามวิสามัญ)
            3.) Kata Ganti Nama (คำสรรพนาม)
            4.) Kata Bilangan (คำชี้จำนวน)

            ซึ่งความหมายและรายละเอียดของแต่ละชนิดคำนั้น จะได้อธิบายเป็นการเฉพาะในลำดับถัดไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 08, 2011, 10:54 AM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
1.1) Kata Nama Am

          หมายถึง Kata Nama หรือคำนามที่ใช้เรียกสิ่งๆ หนึ่งโดยไม่เจาะจงเป็นการเฉพาะ หรืออีกนัยหนึ่งคือ คำที่มีลักษณะตรงข้ามกับ Kata Nama Khas นั่นเอง

          นอกจากนี้ Kata Nama Am นั้น มีทั้งที่มาจาก Kata Asal (คำราก) หรือ Kata Terbitan (คำแตก) ซึ่งรายละเอียดของคำทั้งสองนี้ ก็จะได้กล่าวถึงในลำดับถัดไป และสำหรับตัวอย่างของ Kata Nama Am นั้น โปรดดูที่ตัวอย่างของ Kata Nama

          อนึ่ง ในภาษาไทยนั้น คำที่มีลักษณะเดียวกับ Kata Nama Am ก็จะมีหลายชื่อให้เรียก เช่น คำนามสามัญ, คำนามทั่วไป หรือคำสามานยนาม เป็นต้น

          Kata Nama Am ทุกคำ จะต้องขึ้นอักษรแรกของคำด้วยตัวพิมพ์เล็กเสมอ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 09, 2011, 03:57 PM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
1.2) Kata Nama Khas

          หมายถึง Kata Nama หรือคำนามที่ใช้เรียกสิ่งๆ หนึ่งโดยเจาะจงเป็นการเฉพาะ หรืออีกนัยหนึ่งคือ คำที่มีลักษณะตรงข้ามกับ Kata Nama Am นั่นเอง

          อนึ่ง ในภาษาไทยนั้น คำที่มีลักษณะเดียวกับ Kata Nama Khas ก็จะมีหลายชื่อให้เรียก เช่น คำนามวิสามัญ, คำนามชี้เฉพาะ หรือคำวิสามานยนาม เป็นต้น

          Kata Nama Khas ทุกคำที่เป็นชื่อ จะต้องขึ้นอักษรแรกของคำด้วยตัวพิมพ์ใหญ่เสมอ ยกเว้น Kata Nama Khas ที่ต่อท้ายด้วยคำว่า ini หรือ itu ที่ไม่ต้องขึ้นตัวพิมพ์ใหญ่สำหรับอักษรแรกของคำ (โปรดดูที่ "จุดสังเกตว่าคำใดที่เป็น Kata Nama Khas", ข้อ 2.)

          นอกจากนี้ Kata Nama Khas นั้น มีทั้งที่มาจาก Kata Asal (คำราก) หรือ Kata Terbitan (คำแตก) เช่นเดียวกับ Kata Nama Am ซึ่งรายละเอียดของคำทั้งสองนี้ ก็จะได้กล่าวถึงในลำดับถัดไป


จุดสังเกตว่าคำใดที่เป็น Kata Nama Khas

          1.) ทุกคำที่เป็นชื่อมนุษย์ (Manusia), สัตว์ (Binatang), สิ่งของ (Benda), สถานที่ (Tempat), พืชพันธุ์ (Tumbuhan) เป็นต้น
          2.) Kata Nama Am ทุกคำที่ต่อท้ายด้วยคำ "ini" (นี้, นี่) หรือ "itu"(นั้น, นั่น) ถือเป็น Kata Nama Khas ทั้งสิ้น ตัวอย่างเช่น

               - Rumah itu milik saya.             
                  (บ้านหลังนั้นเป็นกรรมสิทธิ์ของฉัน)

               - Saya sangat suka membaca buku ini.
                  (ฉันชอบอ่านหนังสือเล่มนี้มากๆ)
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 23, 2011, 09:17 AM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

ออฟไลน์ Al Fatoni

  • ซังกุงคนสนิท ( +_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 4905
  • เพศ: ชาย
  • จงอยู่กับความจริงแล้วจะไม่หลง
  • Respect: +76
    • ดูรายละเอียด
อ้างถึง
1.3) Kata Ganti Nama

          หมายถึง Kata Nama หรือคำนามที่ใช้เรียกแทนชื่อ หรือตัวตนของสิ่งๆ หนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นมนุษย์ สัตว์ หรือสิ่งของ เป็นต้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องกล่าวคำนามนั้นซ้ำๆ หลายครั้ง

          อนึ่ง ในภาษาไทยนั้นจะเรียก Kata Ganti Nama ว่า "คำสรรพนาม"

          นอกจากนี้ Kata Ganti Nama จะถูกแบ่งย่อยอีกเป็นดังนี้
          1.) Kata Ganti Diri (คำสรรพนามแทนตน)
          2.) Kata Ganti Tanya (คำสรรพนามเพื่อใช้ถาม)
          3.) Kata Ganti Tempat (คำสรรพนามแทนสถานที่)
          4.) Kata Ganti Tunjuk (คำสรรพนามชี้เฉพาะ)
          5.) Kata Ganti Tak Tentu (คำสรรพนามไม่ชี้เฉพาะ)

          ซึ่งรายละเอียดของแต่ละคำนั้น ก็จะได้กล่าวถึงในลำดับถัดไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ส.ค. 23, 2011, 09:23 AM โดย Al Fatoni »
ท่านขนขวายอะไร ท่านก็จะได้สิ่งนั้น - วัลลอฮุอะอฺลัม

 

GoogleTagged