ข้อความโดย: Deeneeyah
ครูผมสอนว่าหลักของฟิกฮฺคือให้ถือเอาสิ่งที่เราแน่ใจ (เรียกว่า อะซ้อล เดิม) ส่วนสิ่งที่เราสงสัยนั้นให้ทิ้งไปเสีย
السلام عليكم ورحمة الله تعالى وبركاته
ใช่แล้วครับ อย่างที่ครูของคุณ Deeneeyah กล่าวไว้ละครับ
กฎนิติศาสตร์อิสลาม (ก่อวาเอ๊ดฟิก) ข้อที่ ๒ ได้บันทึกไว้ว่า اليقين لا يزول بالشك "ความแน่นอนจะไม่หายไปด้วยกับการสงสัย"
กฏข้อนี้หมายถึง สิ่ง (ข้อชี้ขาด) เดิมจะยังคงอยู่ต่อไป ตราบใดที่ไม่มีหลักฐานหรือสิ่งบ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงหรือมายกเลิก
ตัวอย่างดังเช่นสิ่งที่คุณ Deeneeyah ได้ยกมา คือ หากสงสัยว่าเสียน้ำละหมาดหรือยัง ก็ให้ยึดหลักเดิม คือยังไม่เสีย เพราะเดิมที
เขาอาบน้ำละหมาดและยังคงมีน้ำละหมาดอยู่
แต่ถ้าหากสงสัยว่าอาบน้ำละหมาดแล้วหรือยังนั้น ก็ให้ยึดหลักเดิมเช่นกันคือ ยังไม่ได้อาบน้ำละหมาด เพราะเดิมแล้วยังยังไม่ได้อาบ
...แต่เคยได้ฟังอาจารย์ท่านหนึ่งตอบเรื่องการอาบน้ำละหมาด
สงสัยใสว่าล้างหน้าไปแล้วสองหรือสามครั้งอย่างนี้ท่านตอนว่าให้ยึดเอามากไว้ก่อน คือสามครั้ง
ส่วนในประเด็นของการอาบน้ำละหมาดนี้ ได้มีหลักฐานจากวจนะของท่านร่อซู้ล (ศ็อลลั้ลลอฮู้อะลัยฮิว่าซัลลัม) ว่า
((إن للوضوء شيطانا يقال له الولهان فاتقوا وسواس الماء))
"แท้จริงสำหรับการอาบน้ำละหมาดนั้นมีชัยตอน ซึ่งวิลฮาน (ชัยตอนดังกล่าว) จะกล่าวกับเขา (ผู้อาบน้ำละหมาด) ว่า "พวกท่านจง
ยำเกรง (รักษา) ความสับสนในเรื่องน้ำเถิด"
ชัยตอนนามว่า "วิลฮาน" จะค่อยสร้างความสับสน สงสัยแก่ผู้อาบน้ำละหมาดว่า อาบครบแล้วหรือยัง
ซึ่งในการณ์นี้ จะสร้างความสุรุ่ยสุรายในการใช้น้ำเป็นจำนวนมากโดยไม่จำเป็น หรือบางครั้งการอาบน้ำละหมาดไปพร้อมกับความสงสัย
เช่นนี้จะทำให้ขาดละหมาดญามาอะห์หรือละหมาดในต้นเวลาได้
ท่านอบูฟัรจ์ อิบนุ อัลญัวซีย์ ได้เล่าว่า "มีมากมายหลายคนที่เราได้พบเห็นพวกเขาคงอยู่ในห้องน้ำเป็นครึ่งชั่วโมงหรือมากกว่านั้น
เพื่อทำการอาบน้ำยกฮาดัสหรืออื่นจากนี้ ซึ่งเขาจะอาบน้ำแล้วอาบน้ำอีกหลายๆครั้ง เพราะเนื่องจากสงสัยว่าน้ำนั้นเข้าไปถึงทุกส่วนของ
ร่างการหรือไม่ หรือเกิดความสงสัยในเรื่องของการอาบน้ำละหมาดว่า ใบหน้าล่างแล้วหรือยัง แขนล้างแล้วหรือยัง ส่วนโน้นส่วนนี้ล่างแล้วหรือยัง
สาเหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะชัยตอนมันได้สร้างความสงสัยแก่เขา จนทำให้เขาต้องสูญเสียน้ำเป็นจำนวนมาก และทำให้เขาต้องขาดการ
ละหมาดในช่วงต้นเวลาไป
ดังนั้นหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คือสงสัยว่าอาบไปแล้ว ๒ หรือ ๓ ก็ให้ถือว่าเพียงพอแล้วโดยไม่ต้องทำให้ครบถึง ๓ ครั้งโดยมั่นใจ เพราะได้มีฮาดิษรายงานว่า
"ท่านนะบี (ศ็อลลัลลอฮู่อะลัยฮิว่าซัลลัม) ได้ผ่านไปพบท่านซะด์กำลังอาบน้ำละหมาดอยู่ ท่านนะบีกล่าวแก่ซะด์ว่า "สุรุ่ยสุร่ายอะไรเช่นนี้ โอ้ซะด์เอ๋ย"ท่านซะด์กล่าวว่า "ในการอาบน้ำละหมาดมีการสุรุ่ยสุร่ายด้วยหรือ ท่านนะบกล่าวว่า "ใช่แล้ว ถึงแม้ว่าท่านจะอยู่ที่แม่น้ำที่ไหลก็ตาม"
والله تعالى أعلم