
แต่หากพิจารณาเกี่ยวกับอะมัลที่เป็นนะวาฟิล(อะมัลสุนัต) ทั้งสองฝ่ายก็จะต่างกันพอสมควร เนื่องจากมีหลัก(กออิดะฮ์)ต่างกัน ฝ่ายวะฮาบีย์เจาะจงนะบีย์เท่านั้น ส่วนฝ่านอัลอะชาอิเราะฮ์ก็ทำสิ่งที่ท่านนะบีย์เจาะจงกระทำเช่นกันแต่เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย(ไม่ว่าท่านนะบีย์จะสั่งแบบเจาะจงหรือแบบกว้างๆ ก็ตาม) ดังนั้นการกระทำที่เสริมเข้ามาของฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ จึงเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวหาว่าอุตริเพิ่มขึ้นมาในศาสนาด้วยหลัก(กออิดะฮ์)ที่ว่านะบีย์ไม่เคยทำ ฉะนั้นฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ แต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจและยึดหลัก(กออิดะฮ์)ตนเองเป็นหลัก เมื่อไม่ยอมเข้าใจอีกฝ่าย ก็จะกล่าวหาว่าคลุมเครือ อันนี้จนปัญญาจะแก้ไขได้จริง...................
------------------------
ตรงนี้ผมคิดว่า ทางพวก(วาฮาบีที่คุณพยายามแบ่งแยกฝ่าย) ไม่มีปัญหา เพราะพวกเขาเจาะจงนะบีย์
ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าอาจารย์สามารถนำหลักฐานอธิบายในส่วนที่เพิ่มเติม.เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย. นั้นโดยนำหลักฐานตัฟซีรจากอัลกุรอ่านโดยมี
อูลามะห์ มุตาบัรให้การตัฟซีร และก็ไม่ขัดแย้งกับฮะดิษ ซอเฮียะ ผมว่าน่าจะทำให้กระจ่างขึ้นนะครับ
และคำว่า วาฮาบี ผมคิดว่ามุสลิมทุกคนเป็นวาฮาบีครับ เพราะเป็นหนึ่งในชื่อของ อัลเลาะห์ หรือว่าผมเข้าใจผิด
