ผู้เขียน หัวข้อ: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน  (อ่าน 7643 ครั้ง)

0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้

ออฟไลน์ nuree

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 100
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #45 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 10:25 AM »
0
:salam:
ฮะดิษนี้เป็นที่อนุญาติของท่านรอซูลเอง แต่การกระทำอีบาดัตที่ form ที่อุตริจเกิดขึ้นมาใหม่หลังจากนี้ซึ่งมันส่วนมากจะคล้ายคลึงกับศาสนาอื่นที่มีอยู่ก่อนรอซูล(ซล)และส่วนมากก็จะมีผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การให้ในแบบของซอดาเกาะห์ซึ่งมันจะไม่มีคำว่าอิคลาสอยู่ในนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็อยากได้ผลที่ตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการซอดาเกาะห์ให้ผลบุญและอีกฝ่ายก็จะตอบแทนด้วยสิ่งของ จะกระทำมันเรึ่อยๆมันจะทำให้เพิ่มวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามและมันก็จะยาวไป ศาสนาก็จะครมเครือไปเรื่อๆจนในที่สุด สุนนะห์ที่แท้จริงก็จะหายไป
 :salam:

ทัศนะส่วนตัว ซะงั้น
ทัศนะของผมแบบนี้ คุณว่ามันไกลกับความเป็นจริงมากมัยครับ
 :salam:

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #46 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 11:19 AM »
0
 :salam:
ไม่ห่างไกลความจริงครับ  ถ้าคุณเป็นอุลามาอ์
และเชี่ยวชาญประวัติศาสตร์เป็นอย่างยิ่งไม่ได้ตักลีดตามใครเขามาอีกที

ออฟไลน์ al-azhary

  • ผู้มีอิทธิพล (~_-)
  • เพื่อนรัก (6_6)
  • *****
  • กระทู้: 6202
  • เพศ: ชาย
  • อัลเลาะฮ์เท่านั้นที่มีอยู่จริง
  • Respect: +272
    • ดูรายละเอียด
    • http://www.sunnahstudents.com
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #47 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 11:39 AM »
+1
:salam:
ฮะดิษนี้เป็นที่อนุญาติของท่านรอซูลเอง แต่การกระทำอีบาดัตที่ form ที่อุตริจเกิดขึ้นมาใหม่หลังจากนี้ซึ่งมันส่วนมากจะคล้ายคลึงกับศาสนาอื่นที่มีอยู่ก่อนรอซูล(ซล)และส่วนมากก็จะมีผลประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นการกิน การให้ในแบบของซอดาเกาะห์ซึ่งมันจะไม่มีคำว่าอิคลาสอยู่ในนั้นเพราะต่างฝ่ายต่างก็อยากได้ผลที่ตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการซอดาเกาะห์ให้ผลบุญและอีกฝ่ายก็จะตอบแทนด้วยสิ่งของ จะกระทำมันเรึ่อยๆมันจะทำให้เพิ่มวัฒนธรรมของศาสนาอิสลามและมันก็จะยาวไป ศาสนาก็จะครมเครือไปเรื่อๆจนในที่สุด สุนนะห์ที่แท้จริงก็จะหายไป
 :salam:

ยังมีฮะดีษอื่นๆ อีกที่ท่านร่อซูลุลลอฮ์อนุญาตให้แก่อุมมะฮ์ของท่านและยังมีศอฮาบะฮ์ที่ไม่ใช่ค่อลิฟะฮ์ทั้งสี่ที่กระทำในสิ่งที่ท่านนะบีย์ไม่ได้กระทำครับ  และสุนนะฮ์ที่แท้จริงหายไปเพราะมีอะกีดะฮ์บิดอะฮ์เข้ามา  ส่วนวิธีการศ่อดาเกาะฮ์  โดยหาผลประโยชน์นั้น  มันเป็นพฤติกรรมส่วนบุคคล  ไม่ใช่เป็นแนวทาง มันไม่ใช่เจตนาของทุกๆ คน

ดังนั้นหลักปฏิบัติภาควาญิบระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์นั้น  หากบวกลบคูณหารกันแล้ว  ก็แทบจะเหมือนกันทุกอย่าง 

แต่หากพิจารณาเกี่ยวกับอะมัลที่เป็นนะวาฟิล(อะมัลสุนัต) ทั้งสองฝ่ายก็จะต่างกันพอสมควร เนื่องจากมีหลัก(กออิดะฮ์)ต่างกัน  ฝ่ายวะฮาบีย์เจาะจงนะบีย์เท่านั้น  ส่วนฝ่านอัลอะชาอิเราะฮ์ก็ทำสิ่งที่ท่านนะบีย์เจาะจงกระทำเช่นกันแต่เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย(ไม่ว่าท่านนะบีย์จะสั่งแบบเจาะจงหรือแบบกว้างๆ ก็ตาม)  ดังนั้นการกระทำที่เสริมเข้ามาของฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์  จึงเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวหาว่าอุตริเพิ่มขึ้นมาในศาสนาด้วยหลัก(กออิดะฮ์)ที่ว่านะบีย์ไม่เคยทำ  ฉะนั้นฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ  แต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจและยึดหลัก(กออิดะฮ์)ตนเองเป็นหลัก  เมื่อไม่ยอมเข้าใจอีกฝ่าย  ก็จะกล่าวหาว่าคลุมเครือ  อันนี้จนปัญญาจะแก้ไขได้จริง

เรื่องหะดีษฎออีฟ  ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน)  แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์  การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป

ส่วนเรื่องอะกีดะฮ์ระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮาบีย์  เมื่อบวกลบคูณหารกันแล้ว  ส่วนมากเหมือนกันแทบทุกเรื่องอย่างไม่น่าเชื่อ  แต่ทั้งสองฝ่ายก็มีความแตกต่างกันในเรื่องของซีฟาตของอัลเลาะฮ์  ดังนั้นทางฝ่ายวะฮาบีย์จะถูกกล่าวหาว่ามีหลักอะกีดะฮ์บิดอะฮ์ และวะฮาบีย์ก็กล่าวหาอัลอะชาอิเราะฮ์กลับไปเช่นกัน แต่วะฮาบีจะอธิบายอย่างไร  ก็ยังคลุมเครือ  และยิ่งคลุมเครือ 

ดังกล่าวนี้  ผมได้นำหลักการของทั้งสองฝ่ายมานำเสนอแยกแยะเพื่อให้พี่น้องได้เห็นภาพว่า  สังคมมุสลิมต้องเผชิญหน้ากันเองต่อไป  และต่างฝ่ายก็ต้องดิ้นรนและต่อสู้ในการเผยแพร่และชี้แจงแนวทางของตนกันต่อไปอีก

แต่สำหรับผู้ที่หาโอกาสในการพยายามปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์ทั้งฟัรฎูและสุนัตและหัวใจเข้าหาอัลเลาะฮ์อย่างสม่ำเสมอและไม่ลืมพระองค์  จะเป็นกลุ่มที่ปลอดภัยที่สุด  ไม่ว่าผู้นั้นจะมาจากกลุ่มอัลอะชาอิเราะฮ์หรือวะฮาบีย์  แต่หัวใจที่คิดว่าตนเองเท่านั้นที่ถูกและกลุ่มอื่นๆผิด  ผลตามมาของจิตใจจะเป็นสิ่งที่มาปิดกั้นระหว่างเขาก็กับอัลเลาะฮ์ครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 11, 2012, 11:45 AM โดย al-azhary »
أُحِبُّ الصَّالِحِيْنَ وَلَسْتُ مِنْهُمْ     لَعَلَّ اللهَ يَرْزُقُنِيْ صَلاَحاً

ออฟไลน์ nuree

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 100
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #48 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 12:50 PM »
0
 :salam:
แต่หากพิจารณาเกี่ยวกับอะมัลที่เป็นนะวาฟิล(อะมัลสุนัต) ทั้งสองฝ่ายก็จะต่างกันพอสมควร เนื่องจากมีหลัก(กออิดะฮ์)ต่างกัน  ฝ่ายวะฮาบีย์เจาะจงนะบีย์เท่านั้น  ส่วนฝ่านอัลอะชาอิเราะฮ์ก็ทำสิ่งที่ท่านนะบีย์เจาะจงกระทำเช่นกันแต่เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย(ไม่ว่าท่านนะบีย์จะสั่งแบบเจาะจงหรือแบบกว้างๆ ก็ตาม)  ดังนั้นการกระทำที่เสริมเข้ามาของฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์  จึงเป็นสิ่งที่ถูกกล่าวหาว่าอุตริเพิ่มขึ้นมาในศาสนาด้วยหลัก(กออิดะฮ์)ที่ว่านะบีย์ไม่เคยทำ  ฉะนั้นฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์ก็พยายามอธิบายให้เข้าใจ  แต่อีกฝ่ายไม่เข้าใจและยึดหลัก(กออิดะฮ์)ตนเองเป็นหลัก  เมื่อไม่ยอมเข้าใจอีกฝ่าย  ก็จะกล่าวหาว่าคลุมเครือ  อันนี้จนปัญญาจะแก้ไขได้จริง...................
------------------------
ตรงนี้ผมคิดว่า ทางพวก(วาฮาบีที่คุณพยายามแบ่งแยกฝ่าย) ไม่มีปัญหา เพราะพวกเขาเจาะจงนะบีย์
ปัญหาอยู่ที่ว่าถ้าอาจารย์สามารถนำหลักฐานอธิบายในส่วนที่เพิ่มเติม.เสริมเข้ามาในเรื่องของอิบาดะฮ์สุนัตในเชิงคำสั่งของท่านนะบีย์ด้วย. นั้นโดยนำหลักฐานตัฟซีรจากอัลกุรอ่านโดยมีอูลามะห์ มุตาบัรให้การตัฟซีร และก็ไม่ขัดแย้งกับฮะดิษ ซอเฮียะ ผมว่าน่าจะทำให้กระจ่างขึ้นนะครับ
และคำว่า วาฮาบี ผมคิดว่ามุสลิมทุกคนเป็นวาฮาบีครับ เพราะเป็นหนึ่งในชื่อของ อัลเลาะห์ หรือว่าผมเข้าใจผิด
 :salam:

ออฟไลน์ nuree

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 100
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #49 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 12:53 PM »
0
เรื่องหะดีษฎออีฟ  ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน)  แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์  การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ
 :salam:

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #50 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 02:11 PM »
0
เรื่องหะดีษฎออีฟ  ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน)  แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์  การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ

 :salam:

ท่านระดับมุจตาฮิดแล้วนี่  ขอมาอัฟ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 11, 2012, 03:54 PM โดย sufriyan »
--//---

ออฟไลน์ nuree

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 100
  • Respect: +2
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #51 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 04:21 PM »
0
 :salam:
เรื่องหะดีษฎออีฟ  ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน)  แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์  การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ


 :salam:

ท่านระดับมุจตาฮิดแล้วนี่  ขอมาอัฟ

แสดงว่า ถ้าไม่ใช่ระดับมุจตาฮิด จะคุยกับคุณและจะเสนอความคิดเห็นอย่างสร้างสรรไม่ได้
 :salam:

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #52 เมื่อ: ม.ค. 11, 2012, 04:41 PM »
+1
:salam:
เรื่องหะดีษฎออีฟ  ก็คือประเด็นของความขัดแย้งเช่นกัน ส่วนฝ่ายอัลอะชาอิเราะฮ์เองยึดฮะดีษฎออีฟมาใช้ในเรื่องคุณค่าของอะมัล ซึ่งเป็นจุดยืนของปราชญ์ส่วนมาก(อิหม่ามอันนะวาวีย์บอกว่าเห็นพร้อมกัน)  แต่วะฮาบีย์ไม่นำฮะดีษฎออีฟมาใช้(แต่บางทีก็นำมาใช้กันแบบไม่รู้ตัว)และทำการฮุกุ่มผู้ที่นำมาฮะดีษฎออีฟมาใช้ว่า ไม่ใช่ซุนนะฮ์  การกล่าวหาอีกฝ่ายหนึ่งจึงเกิดขึ้นแบบหลีกเลี่ยงไม่พ้นกันต่อไป-----
----------------------
ฮะดิษฎออีฟที่ไม่ขัดแย้งกับ ฮาดิษซอเฮียะ ผมว่าน่าจะใช้ได้นะครับ


 :salam:

ท่านระดับมุจตาฮิดแล้วนี่  ขอมาอัฟ

แสดงว่า ถ้าไม่ใช่ระดับมุจตาฮิด จะคุยกับคุณและจะเสนอความคิดเห็นอย่างสร้างสรรไม่ได้
 :salam:

ท่านสามารถตัดสินใจในเรื่องศาสนาเองแล้ว แต่ผมตามอุลามาอ์ให้ความรู้และถ่ายทอดอีกทีหนึ่ง ผมขอมาอัฟที่ล่วงเกิน
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: ม.ค. 11, 2012, 04:44 PM โดย sufriyan »
--//---

ออฟไลน์ sufriyan

  • เพื่อนแท้ (-.^)
  • ****
  • กระทู้: 526
  • เพศ: ชาย
  • 0000
  • Respect: +16
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #53 เมื่อ: ม.ค. 12, 2012, 01:15 AM »
0
ขออนุญาติยกมาแปะนะครับ
salam

ปัจจุบันผู้ประกาศตนไม่สังกัดมัซฮับ  แรกตนเองว่า  มุฮัมมะดียีน , จนกระทั่งปัจจุบันพวกเขาภูมิใจที่จะแรกตนเองว่า สะละฟีย์ , อะษะรีย์ , และอ้างว่าตนเองอยู่มัซฮับ อะฮ์ลุลฮะดิษ  โดยปฏิเสธการตามมัซอับอิมามทั้งสี่  จนกระทั่งบางครั้งพวกเขากล่าวว่า การตามมัซฮับอิมามทั้งสี่นั้น เป็น กุฟุรและชิริก

พวกเขาแอบอ้างว่าอยู่มัซฮับอะฮ์ลุลฮะดิษ  แต่เหตุใดบรรดาอุลามาอ์ฮะดิษที่แท้จริง  พวกเขาก็มีมัซฮับ  เช่น  อิมามบุคอรีย์ อยู่กลุ่มของอุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์ ,  อิมามอันนะซาอีย์  ก็อยู่เป็นนักปราชญ์ฮะดิษระดับแนวหน้า แต่ท่านก็เป็นอุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์  , ท่านอบูดาวูด นักปราชญ์ผู้ที่ได้รับการยอมรับว่าจำเป็นฮะดิษ  มีความยำเกรง  มีความละเอียดอ่อน  แต่ท่านก็เป็นอุลามาอ์มัซฮับชาฟิอีย์  บางทัศนะบอกว่ามัซฮับฮัมบาลีย์ , ท่านอิมามมุสลิม ,  ท่านอิมามอัตติรมีซีย์ , ท่านอิมามอัดดารุกุฏนีย์ ,  ท่านอิมามอิบนุมาญะฮ์ , ร่อฮิมะฮุมุลลอฮ์ นั้น  พวกเขาทั้งหมดเป็นอุลามาอ์มัซฮับอิมามชาฟิอีย์

ท่านอิมามอัลบัยฮะกีย์ , ท่านอิมามอันนะวาวีย์ ,  ท่านอัซซะฮะบีย์ , ท่านอัลฮาฟิซฺ อิบนุหะญัร  , ท่านอัศศ่าคอวีย์ , ท่านอัศศะยูฏีย์ ซึ่งทั้งปราชญ์ฮะดิษทั้งหมดนี้  ก็อยู่ในมัซฮับอิมามอัชชาฟิอีย์

และยังมีนักปราชญ์ฮะดิษท่านอื่น ๆ อีกมากมาย  ที่ต่างคนก็มีมัซฮับของอิมามทั้งสี่  แต่เหตุใดปัจจุบันผู้อ้างว่าอยู่มัซฮับอะฮ์ลุลฮะดิษ  จึงประกาศตนว่าไม่สังกัดมัซฮับทั้งสี่  ยิ่งกว่านั้นยังกล่าวอีกว่ มันเป็นกุฟุรและชิริก  วัลอิยาซุบิลลาฮ์

สิ่งที่ผมได้นำเสนอข้างต้นนี้คือบทนำของหนังสือดังกล่าวครับผม   ;D

ออฟไลน์ pajupong

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 64
  • Respect: +1
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #54 เมื่อ: ม.ค. 14, 2012, 10:50 AM »
0
อ้างถึง
การพูดว่า การปฏิบัติอะมัลนั้นกระทำได้เพราะไม่มีคำสั่งห้าม" เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง  แต่ที่ถูกต้องและผมพยายามบอกพี่น้องอยู่เสมอก็คือ "การปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์นั้นกระทำได้หากมีรากฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์(เช่น อ่านอัลกุรอาน  ซุกรุลลอฮ์  ศ่อลาวาตนะบีย์ เป็นต้น) โดยมีรูปแบบที่ไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์"  เพราะทุกอิบาดะฮ์ต้องมีหลักฐานมาระบุรับรอง  ไม่ว่าหลักฐานนั้นจะมีข้อบ่งชี้ที่เฉพาะเจาะจงให้กระทำ  หรือมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ 

ย่อหน้านี้ เคลียร์ครับ

อ้างถึง
แต่กรณีที่ยังคงเป็นประเด็นกันอยู่ก็คือการปฏิบัติอิบาดะฮ์โดยมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ  ซึ่งอนุญาตให้กระทำได้ในรูปแบบที่ไม่ขัดกับหลักศาสนา  นี่คือหลักการหนึ่งที่ท่านนะบีย์ยอมรับ  เป็นหลักการของซอฮาบะฮ์และสะละฟุศศอลิห์ด้วยเช่นกัน  ดังคำถามนิยามของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ที่ว่า "สิ่งที่บังเกิดขึ้นไหม่ที่ดีงามคือสิ่งที่ไม่ขัดกับอัลกุรอาน  ซุนนะฮ์  อิจญฺมาอฺ  และคำกล่าวของซอฮาบะฮ์"

ย่อหน้านี้  อ่านทบทวนหลายๆรอบ แล้ว สรุปได้ว่า เป็นอามาลที่มีหลักฐานจากนบีแบบกว้างๆ และมีร่องรองจาก ซอฮาบะห์และสลัฟ  บังยกตัวอย่าง การอ่านกุนุตในละหมาดวิติรซึ่งนบีทำ แต่ต่างกันที่สำนวนดุอาอและความสั้นยาว   
ผมอ่านแล้ว ทั้งสองย่อหน้า ดูแล้วก็คล้ายกัน เพราะต่างก็มีที่มาจากหลักฐาน  แต่ต่างกันที่รูปแบบ 

คำถามผมคือว่า
1ถ้าเป้นอามาลที่ไม่มีหลักฐานแบบอย่างจากนบี ซอฮาบะห์ และ มัซฮับ  แต่มีร่องรอยจากอุลามาอยุคหลัง บังมีความคิดเห็นอย่างไร
2แล้วในประเด็นที่รูปแบบที่แตกต่างและมีหลักฐานกว้างๆนั้น คำว่ารูปแบบนี้ มันมีรายละเอียดหรือปล่าวหรือมีข้อจำกัดอย่างไร เพราะผมคิดว่า มันจะกลายเป็นว่า การทำอามาลแบบหลักฐานกว้างๆ และนำรูปแบบต่างๆที่ไม่มีที่มา มันจะเลยเถิดหรือไม่อย่างไร   

ออฟไลน์ muqorrabeen

  • เพื่อนซี้ (o_O')
  • **
  • กระทู้: 194
  • Respect: +25
    • ดูรายละเอียด
Re: การนั่งล้อมวงอ่านยาซีน
« ตอบกลับ #55 เมื่อ: ม.ค. 16, 2012, 01:53 PM »
0
อ้างถึง
การพูดว่า การปฏิบัติอะมัลนั้นกระทำได้เพราะไม่มีคำสั่งห้าม" เป็นคำพูดที่ไม่ค่อยจะถูกต้อง  แต่ที่ถูกต้องและผมพยายามบอกพี่น้องอยู่เสมอก็คือ "การปฏิบัติอะมัลอิบาดะฮ์นั้นกระทำได้หากมีรากฐานจากอัลกุรอานและซุนนะฮ์(เช่น อ่านอัลกุรอาน  ซุกรุลลอฮ์  ศ่อลาวาตนะบีย์ เป็นต้น) โดยมีรูปแบบที่ไม่ขัดกับอัลกุรอานและซุนนะฮ์"  เพราะทุกอิบาดะฮ์ต้องมีหลักฐานมาระบุรับรอง  ไม่ว่าหลักฐานนั้นจะมีข้อบ่งชี้ที่เฉพาะเจาะจงให้กระทำ  หรือมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ 

ย่อหน้านี้ เคลียร์ครับ

อ้างถึง
แต่กรณีที่ยังคงเป็นประเด็นกันอยู่ก็คือการปฏิบัติอิบาดะฮ์โดยมีหลักฐานแบบกว้างๆ ให้กระทำ  ซึ่งอนุญาตให้กระทำได้ในรูปแบบที่ไม่ขัดกับหลักศาสนา  นี่คือหลักการหนึ่งที่ท่านนะบีย์ยอมรับ  เป็นหลักการของซอฮาบะฮ์และสะละฟุศศอลิห์ด้วยเช่นกัน  ดังคำถามนิยามของอิหม่ามอัชชาฟิอีย์ที่ว่า "สิ่งที่บังเกิดขึ้นไหม่ที่ดีงามคือสิ่งที่ไม่ขัดกับอัลกุรอาน  ซุนนะฮ์  อิจญฺมาอฺ  และคำกล่าวของซอฮาบะฮ์"

ย่อหน้านี้  อ่านทบทวนหลายๆรอบ แล้ว สรุปได้ว่า เป็นอามาลที่มีหลักฐานจากนบีแบบกว้างๆ และมีร่องรองจาก ซอฮาบะห์และสลัฟ  บังยกตัวอย่าง การอ่านกุนุตในละหมาดวิติรซึ่งนบีทำ แต่ต่างกันที่สำนวนดุอาอและความสั้นยาว   
ผมอ่านแล้ว ทั้งสองย่อหน้า ดูแล้วก็คล้ายกัน เพราะต่างก็มีที่มาจากหลักฐาน  แต่ต่างกันที่รูปแบบ 

คำถามผมคือว่า
1ถ้าเป้นอามาลที่ไม่มีหลักฐานแบบอย่างจากนบี ซอฮาบะห์ และ มัซฮับ  แต่มีร่องรอยจากอุลามาอยุคหลัง บังมีความคิดเห็นอย่างไร
2แล้วในประเด็นที่รูปแบบที่แตกต่างและมีหลักฐานกว้างๆนั้น คำว่ารูปแบบนี้ มันมีรายละเอียดหรือปล่าวหรือมีข้อจำกัดอย่างไร เพราะผมคิดว่า มันจะกลายเป็นว่า การทำอามาลแบบหลักฐานกว้างๆ และนำรูปแบบต่างๆที่ไม่มีที่มา มันจะเลยเถิดหรือไม่อย่างไร

เมื่ออ่านได้แล้ว  คำอ้างอิงคำพูดของบังอัลอัซฮะรีย์  ก็คือคำอธิบายคำถามของคุณ pajupong ในตัวอยู่แล้ว

 

GoogleTagged